ตอนที่ ๑๔ ลักษณวงศ์พานางทิพเกสรกลับเมือง ขณะบรรทม วิชาธรลักนางไปทำให้พลัดกัน

๏ ปางพระหน่อบดินทร์ปิ่นกระหม่อม ท้าวถนอมสายสมรเกสรสวรรค์
เสด็จอยู่คูหาสิบห้าวัน พระทรงธรรม์จินดาถึงธานี
จึ่งตรัสชวนมิ่งมิตรขนิษฐ์น้อย แม่ยอดสร้อยอยู่ไยในไพรศรี
เชิญไปสู่ปรางค์สุวรรณอันรูจี ไปเป็นศรีจอมสาวสนมนาง
พระนุชฟังบังคมบรมนาถ ตัวข้าบาททุกข์ทนกมลหมาง
ดังหนามแยงยอกกายไม่วายวาง เชิญเสด็จคืนปรางค์ปราสาททอง
พระทรงยศพจมานกับกินเรศ แม่ดวงเนตรนงเยาว์อย่าเศร้าหมอง
เราก็ได้เชยชิดสนิทครอง ขอเชิญน้องไปด้วยกันเถิดขวัญตา ฯ
๏ กินรีตีทรวงใจจะขาด แสนสวาทอาลัยพระเชษฐา
ร้องไห้พลางทางทูลทั้งนํ้าตา อนิจจาร้างรักจะหักไป
อันข้าน้อยสุดรักพระทรงฤทธิ์ เป็นสุดคิดที่จะตามเสด็จได้
ด้วยเป็นสัตว์เชื้อวงศ์อยู่พงไพร ผิดวิสัยที่จะอยู่กับผู้คน
โอ้เจ้ามิ่งดวงสมรกินรแก้ว พี่รู้แล้วว่าเคยอยู่แต่ไพรสณฑ์
เป็นสุดรักที่จะร้างให้ทุกข์ทน นฤมลแม่จงอยู่ในอุทยาน
พี่จะให้ทำห้องด้วยทองทึบ สะพรั่งพรึบพร้อมหน้าสนมขนาน
จักบำเรองามขำให้สำราญ เยาวมาลย์มิให้หมองละอองนวล
พระยอดมิตรพิสวาสของน้องแก้ว แจ้งอยู่แล้วว่าพระรักบำรุงสงวน
แต่หากเห็นว่าไปอยู่ไม่คู่ควร ซึ่งตรัสชวนมิได้ตามพระบัญชา
พระจะเคืองด้วยว่าขัดจงตัดเศียร ให้ตายกลาดดาษเดียรอยู่กลางป่า
รักสนิทมิได้คิดแก่ชีวา วาสนามิได้พึ่งบทมาลย์
สุดอาลัยจนใจแล้วทูนเกล้า ด้วยเกรงเขาติฉินทุกถิ่นสถาน
จะมีแต่ทุกข์ทับอัประมาณ ในอุระจะรานระบมใจ
โอ้แต่นี้ภูวไนยจะไกลเนตร จะทนเทวษก้มหน้านํ้าตาไหล
ยามกินก็จะกินแต่ชลนัยน์ ยามนอนก็จะไห้ไม่วายครวญ
สู้เสียตัวมิได้กลัวจะเสียศักดิ์ ไม่เห็นรักที่จะร้างให้ห่างหวน
โอ้อกเอ๋ยไม่เคยจะครํ่าครวญ ทั้งเสียนวลแล้วมิหนำจะซํ้าตรอม
พระอย่าด่วนเสด็จไปให้ไกลพักตร์ กำลังรักยังไม่วายคลายถนอม
พระไม่โปรดปรานีประนอมยอม เชิญพระจอมจักรพงศ์มาทรงฟัน
จะสู้สิ้นชีวิตทั้งพี่น้อง พระจงลองฤทธิแรงพระแสงขรรค์
ให้ลือว่ากินรานี้อาธรรม์ สิ้นชีวันเพราะหลงทะนงรัก ฯ
๏ พระทรงฟังสาวสวรรค์รำพันว่า ดั่งอุรานั้นจะรานสะท้านหัก
ชลเนตรโซมซาบลงอาบพักตร์ ให้หน่วงหนักอยู่มิใคร่จะไคลคลา
พระน้องเอ๋ยใช่พี่ไม่มีสวาท ใจจะขาดเสียด้วยความเสน่หา
สุดอาลัยพี่แล้วนะแก้วตา ด้วยเกรงองค์อิศราบิดาเรา
พี่ทูลลาว่าจะมาสิบห้าเวร[๑] ก็เกินเกณฑ์โองการพระผ่านเกล้า
จะจำลาโฉมยงแม่นงเยาว์ อย่าโศกเศร้าเลยนะน้องจงครองตัว ฯ
๏ ห้ายุพินกินเรศเกศสมร ให้อาวรณ์ทูลกระหม่อมพระจอมผัว
ปลอบเกสรนิ่มน้องอย่าหมองมัว เราร่วมผัวเรียงพักตร์เพราะรักชม
พยาบาทคาดโทษเจ้าโกรธพี่ จงหยิกตีตบด่าให้สาสม
พี่รู้ตัวชั่วแล้วนะทรามชม แม่อย่ากรมกรอมใจไปนักเลย
เจ้าได้เคืองพี่ก็ขอษมาแม่ แต่นี้แลลับแล้วนะน้องเอ๋ย
เวลานอนเคยกล่อมถนอมเชย แม่คู่เคยร่วมยากจะจากไป
นางเกสรโฉมยงให้สงสาร ดั่งเพลิงผลาญทรวงรุ่มกันแสงไห้
ที่ข้อแค้นเคืองระคายก็หายไป รับอภัยกินราทั้งห้านาง
น้องไม่ถือโทษภัยอะไรพี่ อย่าราคีเคืองข้องทั้งสองข้าง
ทั้งพี่ศรีสวัสดิ์รัตนานาง จะจำร้างจากรักแล้วขอลา
ช่วยชีวิตแล้วก็เลี้ยงถึงเพียงนี้ พระคุณพี่ใส่ไว้เหนือเกศา
เคยสำราญร่วมสุขทุกเวลา อนิจจาวิบากมาจากกัน
เสียดายแท่นปัจถรณ์ที่นอนน้อย เสียดายสร้อยมาลัยในไพรสัณฑ์
เสียดายเสียงขับขานประสานกัน เสียดายวันที่เรารำระบำเวียน
เสียดายเอ๋ยเคยฟังสำเนียงหงส์ เสียดายดงรุกขชาติสะอาดเลี่ยน
เสียดายสระปทุมมาศดาษเดียร เสียดายเขาตะละเขียนวิเชียรพราย
เสียดายพี่เคยพาให้ข้าเที่ยว จะแลเหลียวเปลี่ยวไปหัวใจหาย
พี่จงอยู่เป็นสุขสนุกสบาย แม้นมิตายคงเตือนพระพี่มา
สงสารเจ้าเยาวลักษณ์อัคเรศ แสนเทวษรํ่ารักนางปักษา
ฝ่ายพระยอดยิ่งกระษัตริย์ภัสดา พระบัญชาปลอบนุชนารี
แม่กินเรศนงเยาว์อย่าเศร้านัก พระเยาวลักษณ์นิ่มน้องอย่าหมองศรี
แล้วอุ้มองค์ขนิษฐาขึ้นพาชี พระจักรีนั่งหน้าสุดาจันทร์
กัณฐัศว์โถมขึ้นโพยมทะยานเหยาะ ละลิ่วเหาะเผ่นผยองลำพองผัน
ทั้งห้านางกินรินบินตามพลัน จรจัลไปส่งพระทรงยศ
ทั้งสององค์เหลียวหลังมาสั่งสาร เยาวมาลย์แม่อย่ารำไห้กำสรด
จงพากันผายผันไปบรรพต อย่ารันทดเลยน้องจะหมองนวล
พระตรัสแล้วลงเท้ากระทืบโกลน สินธพโจนเร่งรีบระเห็จหวน
กินรีร้องไห้พิไรครวญ แล้วบินหวนหันกลับมาคิรี ฯ
๏ ปางพระหน่อนฤเบศเกศกระษัตริย์ โสมนัสด้วยองค์มเหสี
ดวงสมรกรกอดพระจักรี กระซิกซี้ยิ้มยวนสำรวลกัน
พระเอี้ยวเอนอินทรีย์ทำทีจะพลัด ศรีสวัสดิ์ร้องหวีดไม่มีขวัญ
กรกระหวัดรัดองค์พระทรงธรรม์ พระผินผันจูบปรางแล้วยิ้มเยาะ
อุตส่าห์ปิดผ้าห่มนมจะตก เมื่อหันหกทรามเชยไม่เคยเหาะ
ไฮ้อะไรหลอกล้อหัวร่อเยาะ ทำปากเปราะช่างไม่อายแก่ปากเลย
นางหยิกข่วนตีผลักเอาหนักหนา พระเชษฐาว่าเท่านั้นเถิดน้องเอ๋ย
แล้วยิ้มหยอกบอกไม้ให้นางเชย กระไรเลยพฤกษาเป็นท่าทาง
ดูท่วงทีพุ่มสลับลำดับชั้น เหมือนอัฒจันทร์ที่ในวังตั้งกระถาง
ทั้งลูกดอกดั่งเด็ดประดับวาง เหมือนหนึ่งช่างแซมใส่ดอกไม้จีน
ดูใบก้านงามคล้ายกับไม้ดัด กิ่งสลัดหักแล่งดั่งแกล้งสีน[๒]
ดูนกจับตัวเต้นไม่เห็นตีน เหมือนนกจีนที่เขาทำดูขำครัน
ไม้ในวังตั้งวางกระถางเทศ แม่ดวงเนตรจะได้ชมเกษมสันต์
ดีกว่าไม้ในป่าพนาวัน สารพันที่จะเพลินจำเริญตา
แล้วชวนนางชมช้างที่กลางดอน เท่าสุกรเดินเต็มเที่ยวเล็มหญ้า
ทั้งเตี้ยค่อมเผือกเนียมอเนกา ที่ตัวบ้าบ่มมันกระบึงแทง
สองภิรมย์ชมดงสโมสร[๓] กำดัดร้อนสุริยานั้นกล้าแข็ง
พระชักอาชาชาญทะยานแรง ลงตำแหน่งเนินโขดคิรินทร
ไศลเลื่อมแลล้วนศิลาลาย ดูพรอยพรายแพรวพรรณประภัสสร
เป็นแง่งอกออกเงื้อมชะโงกงอน ชโลทรไหลปรุเป็นพุพราย
พระทรงโฉมโลมชวนนวลหง ลงสระสรงวารินกระสินธุ์สาย
ชลาไหลไกรกรอกกระจายพราย สองสบายชวนกันลงสรงชล
พระทรงศักดิ์วิดวักวารินสาด นุชนาฏสาดรับอยู่สับสน
นางเบือนพักตร์หลับเนตรไม่ทานทน ภูวดลได้ทีก็จูบพลัน[๔]
พระทรงสีปฤษฎางค์ให้นางน้อง พระหัตถ์ลอดสอดต้องปทุมถัน[๕]
นางเบือนพักตร์ปิดป้องของสำคัญ ช่างน่าขันทำง่ายง่ายไม่อายเลย
ให้สีหลังสีไหล่ไปสีอก ไม่อายนกกลางป่าเจ้าข้าเอ๋ย
อนิจจาเชษฐาไม่แกล้งเลย มือนี้เคยน่าตัดให้ขาดไป
พระทรงผินปฤษฎางค์ให้นางสี พระเทวีแย้มสรวลแล้วข่วนให้
อุยหน่านางช่างสีดีสุดใจ นางทรามวัยก็ว่ามือของฉันเคย
สองพระองค์สรงสาคเรศเสร็จ แล้วเสด็จสอยผลพฤกษาเสวย
สองสนิทชิดชมภิรมย์เชย แสนเสบยหอมรสสุมาลี
พระชวนน้องนั่งหน้าศิลาลาด พลางประพาสชมสัตว์ในไพรศรี
กระจงโจนวิ่งตามจามรี คชสีห์โตสิงห์กระทิงโทน
เม่นมองย่องออกจะหยอกเม่น กระต่ายเต้นตามนางกระต่ายโผน
จิ้งจอกจรไล่หยอกจิ้งจอกโจน กิเลนโลนไล่นางกิเลนพลัน
นางโฉมงามถามองค์พระทรงเดช กระต่ายเพศพงศ์ชาติประหลาดขัน
ไม่รู้กินวารีเป็นนีรันดร์[๖] อัศจรรย์เหตุผลนั้นกลใด ฯ
๏ พระสดับวาทินยุพินถาม จึ่งแจ้งความตามสารบุราณไข
นี่แน่น้องพี่จะเล่าให้เข้าใจ กระต่ายไพรเดิมลงกินคงคา
ตะเข้[๗]มันแลเห็นเขม้นหมาย พอกระต่ายลงกินที่ตีนท่า
ก็โผล่โพล่งพังพาบแล้วคาบพา คำรามร่าฮือฮือกระหึ่มครวญ
กระต่ายน้อยนึกฉลาดตวาดว่า เหวยกุมภาอย่าคิดให้ผิดผวน
ร้องฮื่อฮื่อกูไม่คร้ามคำรามครวญ ไม่เห็นควรกลัวเกรงเท่าขี้ตา
ถ้าเอ็งร้องฮ่าฮ่าแล้วข้ากลัว พ่อทูนหัวลูกขอวานอย่าว่า
ตะเข้โตโง่เง่าเขลาปัญญา ก็ร้องอ่าขึ้นเห็นว่าเป็นดี
ครั้นร้องฮ่าอ้าปากไม่ทันหับ กระต่ายผลับโดดโพล่งโขย่งหนี
อ้ายกุมภิลลิ้นขาดออกทันที ด้วยต้องฝีเท้าถีบกระต่ายไพร
ตั้งแต่นั้นกุมภีไม่มีลิ้น กระต่ายกลัวกุมภิลไม่ลงได้
จึ่งสู้กินนํ้าค้างอยู่กลางไพร จะเท็จจริงอย่างไรไม่รู้เลย ฯ
๏ นางสนองว่าเสนาะเพราะนะพี่ กระต่ายนี้ปรีชาเจ้าข้าเอย
ทรงพระสรวลสำรวลรื่นชื่นเสบย นางทรามเชยถามถึงพยัคฆา
เหตุไฉนเสือร้ายจึ่งลายพร้อย ก็ชะรอยจะมีเหตุนะเชษฐา
มีสิน้องเรื่องเริ่มแต่เดิมมา เป็นตำราเล่าความตามนิยาย
ยังมีชายหนึ่งชราอนาโถ ชื่อตาโคเข็ญขัดเที่ยวตัดหวาย
พยัคฆ์ย่องมองหมอบค่อยยอบกาย เขม้นหมายที่จะขบตาโคกิน
ตาเฒ่าเหลียวหลังพบประสบเสือ แกกลัวเหลือลานจิตคิดถวิล
ทำอุบายหมายลวงพยัคฆิน อุเหม่มึงไอ้ทมิฬจะทำไม
ไม่รู้หรือว่าจะเกิดกุลาหล[๘] ทั้งฝูงคนสิงสัตว์จะตัดษัย
นํ้าจะท่วมถึงฟ้าสุราลัย ฝูงมัจฉาปลาใหญ่จะกินเดือน
กูรีบรัดตัดหวายอุบายฉลาด จะแขวนญาติวงศาบรรดาเพื่อน
คงจะรอดชีวินสิ้นทั้งเรือน ไอ้ขี้เรื้อนมึงไม่รอดจะวอดวาย
ไอ้เสือกลัวตัวสั่นพรั่นชีวิต คลานเข้าชิดวอนไหว้เหมือนใจหมาย
เจ้าจอมตาช่วยข้าอย่าให้ตาย พ่อเอาหวายผูกคอลูกแขวนที
ตาโคเฒ่าผูกคอไอ้เสือโคร่ง ขึ้นแขวนโยงเขย่งไว้มิให้หนี
แล้วเฆี่ยนหลังเสือร้ายเป็นลายรี พยัคฆีดิ้นขาดกระโดดไป
ไอ้เสือร้ายลายพร้อยเป็นรอยหวาย ก็สืบสายเป็นตระกูลไม่สูญได้
เขาเล่าความตามกันออกลั่นไป พี่จำได้ก็เล่าให้เจ้าฟัง ฯ
๏ นางเกสรตอบสารพระผ่านเศียร ชะช่างเจียนจัดความเอาตามหวัง
โอ้แม่ยอดยาจิตอนิจจัง เล่าให้ฟังแล้วยังล้อให้ลานใจ
พระตรัสพลางกางกรเข้ากอดโฉม สองประโลมเชยชิดพิสมัย
ระรวยรื่นบุปผาสุมาลัย นางทรามวัยทรงธรรม์ก็บรรทม
สินธพเที่ยวเลี้ยวลดไปเล็มหญ้า ในเงื้อมผาท่าธารเกษมสม
พระพายพัดเฉื่อยชื่นรื่นอารมณ์ แล้วไล่ชมนางม้าอาชาไนย ฯ
๏ จะกล่าวถึงมหิงสาวิชาธร ระเห็จร่อนเหาะมาหน้าไศล
แลเห็นสองไสยาสน์ประหลาดใจ แลวิไลนวลละอองทั้งสององค์
วิชาธรร่อนลงจากเวหา เข้าแอบผามองชิดพิศวง
แสนสวาทกัลยาสง่าทรง นึกจำนงจะใคร่ชมภิรมย์รัก
แม่งามสุดผุดผ่องละอองเอี่ยม ไม่มีเทียมอรไททั้งไตรจักร
หลับก็ยิ้มงามเหมือนจะเยื้อนทัก วรพักตร์ผ่องเพียงพระจันทร
มหิงสาคลุ้มคลั่งกำลังรัก หมายจะลักเทวีศรีสมร
เอาโอสถเสกปรายขจายจร ละอองอ่อนตกต้องทั้งสององค์
วิชาธรโสมนัสไม่ขัดข้อง ขยับย่องเข้าอุ้มนางนวลหง
ขึ้นใส่เอวเร็วรีบฤทธิรงค์ ก็เหาะตรงลอยลมละลิ่วไป
ครั้นแลลับกลับแก้มนต์สะกด ยังระทดระทวยหลับหาตื่นไม่
ประจงจูบลูบชมพอชื่นใจ แล้วปลุกให้งามชื่นเจ้าตื่นพลัน ฯ
๏ สงสารเจ้าเยาวมาลย์มิ่งสมร สนิทนอนนิทราเกษมสันต์
วิชาธรชมชิดคิดสำคัญ ว่านางนั้นบรรทมกับภูมี
ต้องสะกดระทดให้ฟั่นเฟือน[๙] นางหลงเบือนกอดคว้าคิดว่าพี่
วิชาธรมิได้วางนางเทวี แต่พอได้สมประดีไม่มีใจ
นางข่วนหยิกพลิกผลักเอาหนักมือ ส่งเสียงรื้อร้องรํ่านํ้าเนตรไหล
ไม่เห็นองค์ภูวนาถเพียงขาดใจ นางทรามวัยอ่อนจิตด้วยคิดกลัว
เจ้าหลับเนตรกรีดกรีดวะหวีดร้อง มาช่วยน้องด้วยเถิดพระทูนหัว
พระบรรทมเป็นไฉนไม่รู้ตัว ไอ้คนชั่วพาพรากมาจากองค์
วิชาธรวอนปลอบว่ายอดรัก อย่าโศกหนักเลยแม่นิ่มนวลหง
อันผัวนางงามตื่นไม่คืนคง เห็นจะปลงชีวิตด้วยพิษยา
นางได้ฟังดั่งพระขรรค์มาบั่นเกล้า ยิ่งโศกเศร้าร้อนแรงกันแสงหา
ดิ้นสะบัดจะให้พลัดลงมรคา สิ้นปัญญาอ่อนพับลงกับกร
มหิงสาตัวสั่นมิ่งขวัญหาย แสนเสียดายเยาวเรศวิเศษสมร
เห็นแน่นิ่งกลัวมิ่งจะม้วยมรณ์ ก็รีบร่อนลงยังเขาศิลาลาย
ให้ทรามวัยไสยาสน์บนอาสน์ผา เอาชลามาชโลมให้โฉมฉาย
เอาดอกไม้รอรื่นให้ตื่นกาย กลิ่นกระจายหอมฟุ้งจรุงใจ
แสนสงสารสาวน้อยเจ้าค่อยฟื้น ยิ่งสะอื้นโศกศัลย์รำพันไห้
โอ้พี่ร่วมพิศวาสประหลาดใจ เป็นไรไม่เร่งรีบมาตามเมีย
พระทรงฤทธิ์ลือภพเคยรบรับ ไม่มาจับไอ้อาธรรม์นี้ฟันเสีย
ให้สมนํ้าหน้าไอ้โขมดขโมยเมีย ชอบแต่ตัดเศียรเสียจึ่งสมกัน
วิชาธรฟังสารสำราญชื่น ดั่งรสรื่นอำมฤคในเมืองสวรรค์
แม่งามพริ้งพูดเพราะเสนาะครัน ถึงชีวันพี่จะวายไม่หายรัก
มนุษย์นี้มีกลิ่นไม่สิ้นสร่าง ขอเชิญนางไปภิรมย์ให้สมศักดิ์
อยู่พิมานไกรลาสสะอาดนัก พี่ก็ศักดิ์สุริวงศ์เป็นเทวัญ
นางสดับดั่งพระแสงมาแทงโสต ยิ่งพิโรธเคืองแค้นแสนกระสัน
ช่างมีหน้าอวดว่าเป็นเทวัญ ชาวสวรรค์เป็นขโมยไม่เคยมี
ไม่มีสัตย์สารพัดจะพูดหยาบ ไม่กลัวบาปเลยอะไรที่ไหนนี่
เมื่อเมียเขาหรือมาคิดให้ผิดที อเวจีจะเป็นเรือนสำหรับตน
ยมพระบาล[๑๐]จะประหารด้วยหอกดาบ อย่าทำหยาบเลยเห็นไม่เป็นผล
โอ้สุดาดวงสมรเสมอชนม์ ปัญญายลรู้ยิ่งทุกสิ่งการ
แม้นเมียเขาใครคบมาแนบอก ลงนรกเหมือนอย่างน้องสนองสาร
เว้นแต่พี่ถึงจะทำก็สำราญ ด้วยยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน
แม้นรู้ว่าพี่ร่วมรักสมัครสมร จะอวยพรให้พี่ชมภิรมย์ขวัญ
ว่าพลางกางกรจะกอดพลัน สาวสวรรค์เงื้อง่าศิลาแลง
วิชาธรถอยหลังยั้งขยาด อนงค์นาฏหวาดหวั่นยิ่งกันแสง
สะอื้นไห้หวนโหยจนโรยแรง ไม่เหือดแห้งนัยน์เนตรนั้นนองชล ฯ
๏ จะกล่าวถึงจันทาวิชาธร เที่ยวสัญจรร่อนเหาะในเวหน
ได้ยินเสียงร้องไห้พิไรรน หยุดฉงนยั้งชะงักชะแง้มอง
จึ่งแลเห็นโฉมทิพเกสร วิชาธรจะเข้าประสมสอง
นางไม่ยอมโศกานํ้าตานอง นวลละอองขึ้งเคียดให้เกลียดชัง
จันทาแสนพิสวาสด้วยทรงโฉม จะจู่โจมชิงชมให้สมหวัง
จึ่งร้องเหวยไอ้ลิงผู้หญิงชัง หน้าทุรังไม่ควรกับนางงาม
ถ้ากูกับเนื้อเย็นจะเห็นสม ถึงจะชมก็สุภาพไม่หยาบหยาม
ไม่เหมือนมึงหน้าบ้าทำตะกราม[๑๑] แต่คนงามก็ไม่รู้สงวนครอง
มหิงสาฟังสารดั่งขวานขว้าง เห็นไอ้ค่างหน้าขนทำจองหอง
ดูกระโดดโลดไล่ดั่งใจปอง ตวาดร้องรุกรบประจบรับ
ทั้งสองฤทธิ์สู้รบกันฉับฉาด เข้าแย้งฟาดเยื้องฟันประจัญจับ
พระขรรค์กระทั่งดังกระจายประกายวับ ขยิกขยับแทงพรวดเข้าพร้อมกัน
ทั้งสองตนตกตึงลงผึงแผ่ ก็นอนแน่มรณาชีวาสัญ
โลหิตนองสองศพประกบกัน เพราะโมหันธ์หวงสวาทจนวอดวาย
ทั้งสองฮึกโอหังจนสังขาร์ เพราะตัณหาพาชีพให้ฉิบหาย
กเฬวรากซากศพประกบตาย ริมเชิงชายสิขเรศคิรีวัน ฯ
๏ สงสารมิ่งเยาวมิตรขนิษฐา เห็นวิทยาวางวายชีวาสัญ
สยดสยองหย่องเกล้าโลมาชัน[๑๒] ให้หวาดหวั่นวิญญาณ์ยุพาพาล
เห็นโลหิตไหลนองลงกองกลาด นุชนาฏเบือนหน้าน่าสงสาร
ให้นึกกลัวอสุรกายที่วายปราณ เยาวมาลย์ลงจากสิขรินทร์
ค่อยลินลาศเลียบตามเนินไศล สันโดษเดียวเปลี่ยวใจในไพรสิณฑ์
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงรินริน คิดถึงปิ่นปกเกล้ายิ่งเศร้าใจ
โอ้พระมิ่งทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย ไม่แจ้งเลยว่าอยู่หนตำบลไหน
เมื่อนิทราหลับอยู่กับภูวไนย จะใกล้ไกลไม่แจ้งแห่งหนทาง
หยุดสะอื้นยืนทอดฤทัยถอน สองพระกรข้อนทรวงเข้าผางผาง
โอ้เอ้กรรมเมียได้ทำแต่ก่อนปาง จึ่งจำร้างมาเร่อยู่เอองค์
นางกู่ก้องร้องเรียกอยู่แจ้วแจ้ว เสียงแว่วแว่วเร่งคิดพิศวง
ฟังสำเนียงมิใช่เสียงจักรพงศ์ นางทอดองค์ลงสะอื้นพิไรครวญ
นิจจาเอ๋ยป่านฉะนี้พระทรงภพ จะปรารภรํ่าไห้ไม่วายหวน
จะท่องเที่ยวตามองค์อนงค์นวล จะครํ่าครวญอยู่กับม้าอาชาชาญ
โอ้ชีพเมียเห็นไม่เหลือเป็นเหยื่อสัตว์ กรรมวิบัติแจ้งจำนงมาจงผลาญ[๑๓]
ยิงสะอึกสะอื้นไห้อาลัยลาน ยุพาพาลสุดสิ้นกำลังลง
ชลเนตรฟูมฟองลงนองพักตร์ แทบเจียนจักมอดม้วยเป็นผุยผง
สุดจะฝืนขืนจิตดำรงองค์ สลบลงกับพื้นพระธรณี
รุกขมูลพิมานบันดาลเงียบ เย็นระเยียบเยือกระย่อทั้งไพรศรี
สงสารนุชสุดสิ้นวิสัญญี ทั้งโกกีลากาก็ซบเซา
ทุกอกสัตว์ในพนัสไพรระหง ก็งวยงงเงียบง่วงสงัดเหงา
พลอยสงสารโศกทรงด้วยนงเยาว์ ทุกลำเนาแนวเนินพนมวัน
พระพายพัดเกสรมารื่นรื่น ค่อยชุ่มชื้นฟื้นกายสาวสวรรค์
ค่อยดำรงกายาสุดาจันทร์ ให้หวาดหวั่นวิเวกวังเวงใจ
อนิจจาโอ้ว่าเกสรเอ๋ย อย่าบ่นเลยเห็นชีพจะตักษัย
ไหนจะพบจักรพงศ์ผู้ทรงชัย จะด้นดั้นครรไลไปตามกรรม
แม้นกุศลผลสร้างแต่ปางก่อน ไม่ม้วยมรณ์ก็จะมาอุปถัมภ์
คงประสบพบองค์พระทรงธรรม ขอเทพช่วยแนะนำวิถีทาง
พระสุริย์ฉายบ่ายคล้อยค่อยลีลาศ นุชนาฏเปลี่ยวใจในไพรกว้าง
พฤกษไพรครวญครึ้มกระหึ่มคราง อนงค์นางขวัญหายไม่วายกลัว
ครั้นยอแสงสุริย์ศรีชะนีน้อย เที่ยวโหนห้อยโหยไห้เรียกหาผัว
เลียงโหวยโหวยวิเวกจิตยังคิดกลัว โอ้เหมือนตัวน้องเรียกพระทรงธรรม์
แสนสงสารเกสรสมรแม่ เจ้าเฝ้าแต่กำสรดกันแสงศัลย์
ครรไลพลางทางชมพนมวัน โอ้ผลจันทน์เหมือนเมียจากกำจัดจร
สาวหยุดเหมือนเมียหยุดวิโยค ต้นโศกเหมือนเมียโศกถึงทรงศร
นิลพัทเหมือนหนึ่งพักตร์วิชาธร ต้นรักซ้อนเหมือนมันร่อนให้แรมรา
โอ้เปล้าเหมือนหนึ่งปลิดให้เปลี่ยวข้าง ผลมะทรางเหมือนเมียเที่ยวแทรกหา
นํ้านองเหมือนเมียนองชลนา โอ้พะวาเหมือนเมียวอนทุกเทวัญ
ยังนึกหวนครวญไห้ไม่วายโหย สันโดษโดยเที่ยวเดินในไพรสัณฑ์
บรรลุถึงรังรุกขเทวัญ เป็นช่อชั้นชิดชื้อชะอื้อลม
สงสารนุชทรุดนั่งกำลังเหนื่อย ลมพัดเฉื่อยเรื่อยรื่นอารมณ์สม
ฝูงสกุณกู่ก้องร้องระงม นางทรามชมเอนองค์ลงไสยา
เสนาะเสียงเรไรระหริ่งรี่ ดังซอสีกล่อมจิตขนิษฐา
หอมระรื่นชื่นรสสุมาลา ก็นิทราหลับลืมอาลัยลง ฯ
๏ จะกล่าวถึงเทวัญอันเรืองฤทธิ์ ที่สถิตรังใหญ่ไพรระหง
แลเห็นยอดอนงค์นางสำอางองค์ ไยมาหลงท่องเที่ยวผู้เดียวเดิน
ชะรอยนางพลัดผัวจึ่งมัวหมอง มาตรอมตรองกลุ้มอกระหกระเหิน
วิโยคยากย่อยยับระยำเยิน ช่างกล้าเดินมาได้ในดงดาน
แม้นไม่ช่วยจักม้วยชีวาสัญ ท้าวเทวัญให้มีจิตคิดสงสาร
แล้วออกจากวิมานรัตน์ชัชวาล บันดาลเพศเป็นพราหมณ์ชรากาย
ถือไม้เท้าก้าวย่างมาข้างนุช แล้วยืนหยุดปลอบปลุกนางโฉมฉาย
เจ้างามชื่นฟื้นสมประดีกาย ชำเลืองชายนัยนาเห็นตาพราหมณ์
ถือไม้เท้ายืนนิ่งอยู่ตรงหน้า กัลยานึกพรั่นประหวั่นหวาม
จะดีร้ายไม่แจ้งประจักษ์ความ พะงางามยกหัตถ์ขึ้นมัสการ
เทพพราหมณ์ถามยอดกัลยาหญิง สมรมิ่งมาไยในไพรสาณฑ์
เอกากายเดินดั้นในดงดาน ไม่กลัวพวกภัยพาลจะราวี
น่าเอ็นดูเยาวลักษณ์อัคเรศ มาทนเทวษเดินดั้นกันแสงศรี
หรือหนึ่งเสียเภตราหรือธานี หรือสามีพลัดพรากจึ่งจากจร
อย่ากลัวเลยเรามิใช่ไอ้รากโษส ตาเป็นโคตรพรหมพงศ์สโมสร
จะขอถามกัลยาพะงางอน อยู่นครธานีบุรีใด ฯ
๏ ปางอนงค์ฟังองค์เทวฤทธิ์ สำคัญคิดว่าเป็นพราหมณ์ไม่สงสัย
จะบอกพราหมณ์ความแค้นแน่นพระทัย ชลนัยน์คลอเนตรลงรินริน
เมื่อเดิมหลานเอากำเนิดในโกเมศ พระทรงเวทเลี้ยงไว้ในไพรสิณฑ์
มาภายหลังมีหน่อธิบดินทร์ พลัดพรากนครินทร์สัญจรมา
ชื่อพระลักษณวงศ์อันทรงฤทธิ์ กับหลานน้อยแสนสนิทเสน่หา
ครั้นเติบใหญ่ไปหาพระมารดา ครั้นอยู่มามุนินทร์ก็สิ้นชนม์
หลานนี้ตั้งแต่จะตวงนํ้าตารํ่า เที่ยวครวญครํ่าร่อนเร่ระเหระหน
พอกินรามาช่วยไม่วายชนม์[๑๔] ห้านางนฤมลพามาคิรี
ค่อยเสื่อมสร่างบางเบาบรรเทาโศก พอพระจอมดิลกโลกเฉลิมศรี
ไปรับข้าพามายังธานี ลงหยุดยอดคิรีในราวไพร
บรรทมหลับอยู่กับองค์พระทรงศร วิชาธรมันสะกดให้หลับใหล
แล้วอุ้มหลานมากลางนภาลัย ลงหยุดยอดเขาใหญ่พิไรวอน
หลานนี้มิได้ปลงจำนงจิต รำลึกคิดถึงองค์พระทรงศร
พอวิทยาหนึ่งพบเข้ารบรอน ก็ม้วยมรณ์มรณังทั้งสองนาย
แล้วหลานเที่ยวซัง[๑๕]ไปในไพรสิณฑ์ ก่นแต่กินนํ้าเนตรไม่ขาดสาย
นางเล่าพลางกำสรดระทดกาย ยิ่งฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ เทวฤทธิ์คิดแสนสงสารนัก ด้วยเยาวลักษณ์โศกศัลย์รำพันไห้
จึ่งปลอบมิ่งมณฑาสุมาลัย จงหักใจลงเสียบ้างให้บางเบา
จะช่วยแปลงโฉมงามเป็นพราหมณ์น้อย อย่าเศร้าสร้อยโศกศัลย์เลยโฉมเฉลา
เป็นหญิงเที่ยวเดี่ยวโดดทุกลำเนา โอ้ผู้ใดใครเขาจะกลัวเกรง
เหมือนมาลีคลี่กลิ่นตระหลบหอม จะตามตอมเฝ้ารุมกันคุมเหง
เอกากายชายหรือจะมาเกรง โอ้ตัวเองก็จะอายไม่วายวัน
แล้วถอดเทพธำมรงค์ออกส่งให้ เอาสอดใส่นิ้วก้อยเถิดสาวสวรรค์
จะกลับกลายเป็นพราหมณ์พรหมจรรย์ ถ้าแม้นขวัญนัยนาพบสามี
จงถอดใส่นิ้วนางเถิดนงนุช เพศบุรุษก็จะสูญดอกโฉมศรี
เจ้างามสรรพรับแหวนด้วยยินดี อภิวันท์อัญชลีเทพไท
เอาธำมรงค์ทรงภพขึ้นจบเกศ พระคุณดั่งบิตุเรศจะหาไหน
มาโปรดเกล้าคราวจบให้พ้นภัย พระคุณใครจะเสมอไม่มีปาน
แล้วสอดใส่นิ้วก้อยขนิษฐา กลับกายาเป็นพราหมณ์มหาศาล
วิไลลํ้าเครื่องทรงอลงการ สร้อยสังวาลพร้อมสรรพประดับกาย
อันเพศพระยุพินก็สิ้นสูญ โฉมอดูลดวงพักตร์ดั่งเพ็งฉาย
ประไพพริ้มเพราเพริศประเสริฐชาย เทพไทจึ่งภิปรายแก่งามงอน
ถึงใครทักว่าเป็นหญิงอย่าเกรงขาม จะแปลงนามยอดเสน่ห์พราหมณ์เกสร
แม้นจะตามภัสดาพะงางอน เฉียงอุดรบูรพาจะพบพาน
ลุงจะลาจรจัลแล้วขวัญเนตร อย่าพูนเทวษนักเลยยอดสงสาร
แล้วบังกายบ่ายหน้าเหาะทะยาน ไปวิมานรุกขมูลสำราญองค์ ฯ
๏ สาวสวรรค์ครั้นเห็นตาพราหมณ์หาย ก็มั่นหมายว่าเทพไทไพรระหง
น้อมศิโรตม์บังคมบรมพงศ์ พระคุณจงเป็นสุขสถาพร
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงลามเนตร น่าสังเวชนงรามพราหมณ์เกสร
แล้ววันทาพฤกษไพรครรไลจร เข้าดงดอนเดินดั้นสันโดษเดียว
แลสล้างนางไม้ในไพรสิณฑ์ สกุณินเพรียกพร้องในไพรเขียว
ผลมะปรางค่างกระรอกทักออกเกรียว เห็นนกเปล้าจับเปลี่ยวอยู่ปลายยาง
โอ้ตัวน้องเหมือนนกวิหคเปล้า มาเปลี่ยนเปล่าทุกข์ทนกมลหมาง
ดำเนินพลางฟายชลนาพลาง มาตามทางหว่างรุกขฉายา ฯ


[๑] สิบห้าเวร = สิบห้าวัน

[๒] สีน = สิน แปลว่า ตัดหรือฟันให้ขาด

[๓] สมุดไทยเลขที่ ๓ และเลขที่ ๑๖ ว่า “สองภิรมย์ชมสัตว์สโมสร”

[๔] สมุดไทยเลขที่ ๑๖ ว่า “ภูวดลจุมพิตยุพินพลัน”

[๕] สมุดไทยเลขที่ ๑๖ ว่า “พระหัตถ์ลอดสอดต้องทั้งสองถัน”

[๖] นีรันดร์ = นิรันดร์

[๗] ตะเข้ = จระเข้

[๘] กุลาหล = โกลาหล

[๙] สมุดไทยเลขที่ ๓ ว่า “ต้องสะกดระทดใจให้ฟั่นเฟือน”

[๑๐] ยมพระบาล = ยมบาล แปลว่า ผู้เฝ้าขุมนรก

[๑๑] สมุดไทยเลขที่ ๑๖ ว่า “ไม่เหมือนมึงหน้ากากทำตะกราม”

[๑๒] สมุดไทยเลขที่ ๓ ว่า “สยดสยองเศียรเกล้าโลมาชัน”

[๑๓] สมุดไทยเลขที่ ๓ และเลขที่ ๑๖ ว่า “กรรมวิบัติแกล้งจำนงมาจงผลาญ”

[๑๔] สมุดไทยเลขที่ ๑๖ ว่า “พอกินรามาช่วยไม่ม้วยชนม์”

[๑๕] ซัง = เซซัง

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ