ตอนที่ ๑ ท้าวพรหมทัตประพาสไพร ได้นางยักษ์แปลงเป็นพระชายา

๏ จะริเริ่มเรื่องร้างปางประถม
สุดเสียดายด้วยนิยายจะจ่อมจม จึ่งนิยมแต่งบทพจนา
ยังมีราชนรินทร์ปิ่นกระษัตริย์ พรหมทัตจอมทศทิศา
ดำรงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา เป็นมหาจักรพาลสำราญรมย์
มีเอกองค์วิไลละไมโฉม งามประโลมท้าวถนอมเป็นจอมสนม
ชื่อสุวรรณอำภาดูน่าชม เสวยสมบัติสบายมาหลายปี
เกิดราชบุตรชายสายกระษัตริย์ จำเริญรูปเทียมทัดท้าวโกสีย์
ครั้นบุตราชันษาได้แปดปี พระภูมีเฉลิมนามพระลูกยา
ชื่อเจ้าลักษณวงศ์ทรงสวัสดิ์ สองกระษัตริย์แสนสุดเสน่หา
วันหนึ่งท้าวพรหมทัตกระษัตรา พระไสยาบนปัจถรณ์ให้ร้อนทรวง
นึกจะพาลูกรักอัคเรศ ไปเที่ยวชมหิมเวศภูเขาหลวง
พอภาณุมาศผาดเผ่นขึ้นเด่นดวง สั่งกระทรวงเสนามิช้านาน
ให้ผูกช้างพระที่นั่งบัลลังก์รถ กับทั้งทศโยธาอันกล้าหาญ
ทั้งอาชาม้าทรงยงทะยาน ทั้งขนานนางขนัด[๑]ให้จัดจร
มนตรีกราบกรุงกระษัตริย์มาจัดทัพ เลือกสลับเกณฑ์แห่แลสลอน
ธนูง้าวหลาวโล่แลโตมร ผูกกุญชรพระที่นั่งบัลลังก์รถ
มาประเทียบเรียบคอยอยู่เกยแก้ว ก็พร้อมแล้วสรรพเสร็จสำเร็จหมด
พรหมทัตขัตติยวงศ์พระทรงยศ กับโอรสอัคเรศเข้าสรงชล
ฝักบัวแก้วปรูปรายดั่งทรายสาด กระจายฟาดฟูมฟองละอองฝน
นํ้ากุหลาบอาบองค์ทรงสุคนธ์ ทรงเครื่องต้นตามศักดิ์จักรพรรดิ
นางเถ้าแก่แห่ห้อมล้อมไสว เครื่องสำอางนางในเป็นขนัด
นางโฉมยงทรงรถบัลลังก์รัตน์ พรหมทัตทรงพญาคเชนทร
ที่นั่งพัง[๒]หลังสัปคับคร่อม แต่ล้วนหม่อมชาววังนั่งสลอน
ให้เลิกพลโยธาพลากร จากนครเข้าป่าพนาวัน
พอเบี่ยงบ่ายชายแสงสุริยใส ถึงราวไพรพฤกษาวนาสัณฑ์
สามกระษัตริย์ชมเพลินเจริญครัน พลขันธ์รื่นเริงบันเทิงนัก
นางชาววังแหวกม่านประสานเสียง เห็นข้างเคียงฉวยคว้าพฤกษาหัก
เห็นอะไรก็ให้กำเริบรัก ไม่รู้จักหมามุ้ยเอามือทึ้ง
ละอองลูกถูกเนื้อมันเหลือเล่ห์ สมคะเนเกาสนุกลุกทะลึ่ง
พวกขอเฝ้า[๓]เหล่าโขลน[๔]ตะโกนอึง ใบตำลึงหม่อมจ๋าแก้หมามุ้ย
ระยะหลังยังพวกนางทาสา เดนขี้ข้าชาววังรังกะตุ๋ย
ถูกสำรับ[๕]กับพวกเจ้ารุกรุย ทำใบ้บุ้ยขอหมากฝากอาลัย
ทั้งกองทัพเพลิดเพลินเจริญจิต ชวนกันพิศเนื้อนกวิหคไสว
จะกล่าวถึงอสุรีขินีไพร เป็นเมียไอ้เงาะป่าพนาลี
วันนั้นออกจากศาลาเที่ยวหาปู พอปะงูขบเงาะนั้นเป็นผี
ครั้นสิ้นบุญผัวรักยักขินี ก็โศกีมาในอรัญวา
พอประสบพบพวกโยธาทัพ ยืนขยับเยี่ยมมองตามช่องผา
จึงเห็นท้าวพรหมทัตกระษัตรา พาคณาสาวสนมออกชมดง
กับลูกรักอัคเรศบนรถแก้ว ให้ผ่องแผ้วชื่นชมสมประสงค์
จะแปลงเป็นนางกระษัตริย์ให้หยัดยง ไปด้วยองค์กระษัตราในธานี
ยุให้ฆ่าลูกรักกับอัคเรศ ไปนิเวศน์จะได้เป็นมเหสี
ให้ลืมไอ้เงาะป่าผู้สามี ยักขินีเนรมิตด้วยฤทธา
เป็นกวางทองย่องหยัดสะบัดย่าง เอี่ยมสำอางออกจากชะวากผา
โผนทะยานผ่านช้างกระษัตรา กิริยาผันผกเหมือนตกใจ
จักรพงศ์ทรงคชสารกล้า เห็นพญากวางทองอันผ่องใส
ให้มีจิตพิศวาสเพียงขาดใจ จะสั่งใช้โยธาจะช้าการ
พระโจนจากไอยราผวาวิ่ง มาขึ้นมิ่งมโนมัยด้วยใจหาญ
ขยับองค์ลงแส้อาชาชาญ ม้าทะยานตามกวางมากลางไพร
พวกพหลพลขันธ์พากันวิ่ง มาตามมิ่งม้าที่นั่งสนั่นไหว
บ้างบุกแฝกแหวกคาถลาไป พลาดไถลล้มเกลือกลงเสือกคราง
บ้างตกนํ้าข้ามละหานทะยานโผน ลงเหยียบโคลนล้มควํ่าลงตํ้าผาง
ที่หนามตำคลำหนามมาตามทาง ทั้งม้าช้างรีบกันกระชั้นมา
กวางจำแลงแกล้งล่อให้ท้าวไล่ ครั้นเข้าใกล้กลับกระโดดโลดถลา
แต่หวิดหวิดติดพันกระชั้นมา จนลับตาพวกพหลพลไกร
ถึงเขาขวางหว่างโขดสันโดษเปลี่ยว กวางก็เลี้ยวเข้าริมเทินเนินไศล
กลับเป็นยักษ์ยืนขวางอยู่กลางไพร ทั้งสูงใหญ่แยกเขี้ยวคำรามรณ
กระเดาะปากถากถางท้าวพรหมทัต เป็นกระษัตริย์โง่เง่าเฉาฉงน
ไม่รู้เท่าลูกเมียจะเสียตน เขาแต่งกล[๖]ให้เราพาเอามากิน
ดูน่าอายตายเปล่าไม่เข้าเรื่อง มาปลดเปลื้องบรรลัยอยู่ไพรสัณฑ์
สงสารกรุงกระษัตราเจ้าธานิน ท้าวเธอสิ้นสมประดีไม่มีใจ
ให้คิดแค้นลูกรักกับอัคเรศ ชลเนตรซึมโซมชโลมไหล
สิ้นกำลังลงกับหลังอาชาไนย มโนมัยก็ถลาสลบลง
กรุงกระษัตริย์อัสดรอนาถนิ่ง อียักษ์ยิ่งชื่นชมสมประสงค์
ฉีกอาชากินพลางที่กลางดง ไม่หลอหลงจนชั้นเลือดก็เลียกิน
แล้วลูบจอมจักรพงศ์ด้วยสงสัย รู้ว่าไม่ม้วยมุดสุดถวิล
จึงลงล้างกายาในวาริน ให้หมดสิ้นโลหิตที่ติดกาย
แล้วภาวนาอาคมพรหมประสิทธิ์ เนรมิตรูปมารบันดาลหาย
เป็นสาวน้อยทรงสร้อยสังวาลพราย ดูเฉิดฉายตะละหล่อลออองค์
เข้านั่งชิดพิศชมสมถวิล เอาวารินทิพรสมาโสรจสรง
กรุงกระษัตริย์ชุ่มชื่นฟื้นพระองค์ เห็นอนงค์นวลละอองดั่งทองทา
ให้ตันอกตกตะลึงอยู่เป็นครู่ แล้วแลดูมิได้เห็นนางยักษา
ไม่เห็นทั้งพาชีที่ขี่มา นึกจะถามกัลยาก็พรั่นใจ
แต่เยื้อนเยื้อนเอื้อนขยับแล้วกลับยั้ง พระขืนตั้งวิญญาณ์แล้วปราศรัย
เจ้างามเลิศเฉิดโฉมประโลมใจ ยักษ์มันไปแล้วหรือนางอย่าพรางกัน
เจ้าโฉมยงทรงเครื่องเรืองจำรัส เชื้อกระษัตริย์หรือว่าเจ้าเป็นชาวสวรรค์
ไฉนนางมาอยู่กลางพนาวัน นางกุมภัณฑ์ไปหนตำบลใด ฯ
๏ อียักษ์ยิ้มพริ้มพรายสบายจิต เห็นสมคิดปรารถนาจึงปราศรัย
น้องเกิดในบุปผาสุมาลัย เทพไทโปรดปรานประทานพร
ยักขินีผีป่าบรรดาร้าย ไม่กลํ้ากรายหลีกตัวกลัวสลอน
อสุรินกินกัดอัสดร เห็นน้องจรเมื่อตะกี้มันหนีไป
จะดีร้ายฝ่ายน้องไม่แจ้งจิต เห็นทรงฤทธิ์นิ่งแน่ช่วยแก้ไข
เชิญพระองค์ทรงกลับเข้ากรุงไกร จะช่วยไปส่งเพียงพระพารา ฯ
๏ พรหมทัตธิบดินทร์ไม่กินแหนง ประจักษ์แจ้งว่านางเกิดในบุปผา
จึงเอื้อนอรรถตรัสตอบนางกัลยา แม่เมตตาการุญพระคุณครัน
ขอเชิญเจ้าเสาวภาคพงศ์อัปสร[๗] ไปครองนครกรุงไกรมไหศวรรย์
ทั้งแปดหมื่นพื้นสนมนางกำนัล จะมอบขวัญนัยนาทั้งธานี
อีสุวรรณอำภามันสามานย์ จะประหารเสียให้ม้วยลงเป็นผี
พระตรัสพลางทางชวนนางเทวี จรลีนำนางมากลางเนิน
สำราญรื่นชื่นชวนให้ชมนก ฝูงวิหคหงส์ห่านทะยานเห็น
พระชี้พลางหยอกพลางให้นางเพลิน แล้วรีบเดินมาในป่าพอสายัณห์
มาพบพวกเสนาโยธาทัพ ต่างเข้ารับกรุงกระษัตริย์เกษมสันต์
เห็นนางงามตามองค์พระทรงธรรม์ แต่แก้วกัณฐัศว์ทรงนั้นหายไป
ทั้งนงลักษณ์อัคเรศแลโอรส เห็นทรงยศยินดีจะมีไหน
นางทูลถามว่าพระตามมฤคไป เป็นไฉนได้กัลยามา ฯ


[๑] ขนานนางขนัด แปลว่า นางชาววังจำนวนมาก

[๒] พัง แปลว่า ช้างตัวเมีย

[๓] ขอเฝ้า แปลว่า ผู้ชายซึ่งทำหน้าที่คอยรับใช้เจ้านายฝ่ายใน

[๔] โขลน แปลว่า ทหารพวกหนึ่ง

[๕] ถูกสำรับ หมายถึง เข้ารวมหมู่รวมพวกกันได้

[๖] แต่งกล หมายถึง ทำอุบายหลอกลวง

[๗] สมุดไทยเขียน “อักษร”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ