ตอนที่ ๑๖ ท้าวกรดสุริกาลอภิเษกลักษณวงศ์กับนางยี่สุ่น ครองเมืองยุบล

๏ ปางมณีอัมพรบวรนาฏ ซึ่งเป็นราชชนนีศรีสมร
ได้แจ้งข่าวท้าวคลั่งด้วยบังอร ก็รีบจรขึ้นเฝ้าพระจักรี
ข้อนพระทรวงกันแสงแสนเทวษ พระปิ่นเกศโปรดข้ามเหสี
ที่โทษแม่ยี่สุ่นสุมาลี ถึงชั่วดีก็ไม่ตรัสปรึกษาเลย
ขอชีวิตลูกรักไว้สักครั้ง เจ้าแม่ยังอ่อนความพระคุณเอ๋ย
ถึงจะดีก็เหมือนชั่วไม่กลัวเลย ผู้ชายเชยชมชิดเจ้าผิดจริง
อันเป็นชายย่อมชาญชำนาญเวท ละเลิงเลศทำเล่ห์เสน่ห์หญิง
ถึงแม้นแม่จะมิรักสมัครจริง ต้องประวิงเมามัวด้วยมนต์มัน
พระองค์จงคิดตามเนื้อความขำ อย่าควรทำแก้วตาให้อาสัญ
จับแต่ชายชั่วช้ามาฆ่าฟัน ถึงชายนั้นพระนรินทร์อย่าหมิ่นความ ฯ
๏ อุเหม่แม่อย่ามาแก้กันเลยเจ้า ข้ารู้เท่าเทียมคำอย่าทำห้าม
อันเลี้ยงลูกหมายใจจะให้งาม มันไม่ตามเชื้อชาติก็ฟาดฟัน
พระตรัสแค้นเคืองค้อนสมรมิ่ง นางก็ยิ่งโศกแสนกันแสงศัลย์
ส่วนพระองค์ทรงช้างฉัททันต์พลัน เสียงโห่ลั่นพลทหารสะท้านว้ง
เข้าล้อมปรางค์กัลยาออกดาดาษ กุญชรชาติฆ้องกลองประทับหลัง
โกลาหลโห่ลั่นสนั่นดัง ปราสาทเอียงเพียงจะพังสะเทื้อนดิน ฯ
๏ โฉมยี่สุ่นงามสุดนุชนาฏ ก็หวีดหวาดกอดองค์พระทรงศิลป์
พระองค์สั่นดังลูกสกุณิน พระนรินทร์รับขวัญนางกัลยา
อย่าตกใจเลยแม่นัยนเนตรพี่ อันโยธีหรือจะทัดพระหัตถา
พี่จะฟันมิให้ทันกะพริบตา เว้นแต่องค์อิศราบิดานุช
โอ้พระจอมภูวนาถสวาทน้อง จงตรึกตรองครั้งนี้เป็นที่สุด
แต่ช้างสารมีงาเป็นอาวุธ ยังม้วยมุดลงด้วยฝูงแมงหวี่[๑]ตอม
พระจะมาพลอยม้วยลงด้วยรัก เสียดายนักคู่เชยเคยถนอม
จงเร่งหนีพระนเรนทร์ผู้เป็นจอม น้องขอยอมตัวตายถวายรัก
ภูวดลเช็ดชลเนตรนุช แม่งามสุดนางในทั้งไตรจักร
ถ้าแม่ม้วยพี่จะม้วยลงด้วยรัก เยาวลักษณ์อย่าพิลาปให้เสียนวล
พระตรัสพลางทางเผยบัญชรรัตน์ ออกยืนหยัดยิ้มแย้มสำรวลสรวล
แล้วตรัสกับบิตุรงค์อนงค์นวล ไยมาชวนเชิญฉันกับธิดา
กระหม่อมหมายว่าจะพาสุดานาฏ บังคมบาททางนึกจะปรึกษา
ด้วยนางทำสยุมพร[๒]แต่ก่อนมา พระบิดาด่วนเสด็จลำบากองค์ ฯ
๏ ท้าวกรดสุริกาลให้ดาลโกรธ ทุ้ดโอ้โฉดชาติกามาผ่าหงส์
ยังเยี่ยมหน้าท้าทายหมายทะนง มึงไม่คงชีวิตอย่าคิดการ
เหวยทหารโยธาทั้งหน้าหลัง เข้าประดังล้อมจับไอ้ใจหาญ
พลช้างขับช้างวางทะยาน โห่สะท้านเสียงสนั่นทั้งวังเวียง
นุชนาฏปิดเนตรกันแสงร้อง เสียงกรีดกรีดหวีดก้องพระสุรเสียง
พระทรงโฉมโลมน้องประคองเคียง พิโรธเพียงจะพิฆาตองค์นรินทร์
รำถึกถึงอาชาชาญสมร อัสดรเหาะมาโดยถวิล
จักรพงศ์ทรงพญาพาชิน ก็แผลงศิลป์เป็นพญาวาสุกรี
เข้าไล่ลัดมัดพวกทหารล้ม ออกกลิ้งกลมเกลื่อนกลาดลงดาษที่
แล้วแผลงซํ้าเป็นพญาวาสุกรี ทำเป็นทีจะเข้ามัดกระษัตรา
เผ่นผงกยกเศียรเวียนกระหวัด เข้าเลี้ยวลัดรอบกายทั้งซ้ายขวา
ส่วนพระจอมนครินทร์ปิ่นประชา ตกประหม่าองค์สั่นไม่สมประดี
ที่นั่งพลายกายสั่นขยั้นขยาด โกญจนาทแปร๋แปร้นจะแล่นหนี
นาคกระหวัดรัดมั่นไว้ทันที พระจักรีทรวงเพียงจะเอียงลง
พระพักตร์เผือดกลัวภัยพระทัยผูก ร้องเรียกลูกทรามสงวนนวลหง
แม่ยี่สุ่นดวงจิตของบิตุรงค์ แม่โฉมยงบิดาจะลาตาย
แม่อยู่หลังฝากองค์พระทรงฤทธิ์ อย่าควรคิดองอาจประมาทหมาย
เพราะความรักบิดาจึ่งมาตาย โอ้แม่สายสุดที่รักของบิดา ฯ
๏ ปางพระยอดยุพยงทรงสดับ พระทัยวับหวาดจิตหวีดผวา
เยี่ยมพระแกลแลดูพระบิดา เห็นนาคาเลื้อยล้อมพระจอมไตร
เจ้ากลัวนาคหลับพระเนตรทุรนร้อง เอ็นดูน้องอย่าสลัดให้ตัดษัย
พระบิตุรงค์ทรงธรรม์จะบรรลัย ช่วยขับไล่นาคีให้หนีจร
พระกุมารชักม้าเข้าหาน้อง ลงประคองกอดกายสายสมร
นิ่งเถิดดวงนัยนาอย่าอาวรณ์ อันบิดรพี่ไม่ล้างให้วางวาย
เมื่อทรงฤทธิ์เธอไม่คิดถึงลูกรัก ทำหาญหักเอาแต่ในพระทัยหมาย
มิทำมั่งก็เหมือนดั่งมิใช่ชาย พอใจอายก็ให้อึงทั้งพารา
ท้าวกรดสุริกาลสะท้านฤทธิ์ รักชีวิตร้องขอซึ่งโทษา
ขอพระองค์ทรงฤทธิ์อิศรา ได้เมตตาขอชีพชีวัน
จงเอ็นดูลูกน้อยแม่โฉมฉาย ขอถวายเวียงไชยมไหศวรรย์
ทั้งองค์อัครธิดาวิลาวัณย์ จงครองกันปกเกล้าประชากร ฯ
๏ ปางพระหน่อขัตติเยศเกศมงกุฎ สงสารนุชจักรพงศ์ก็ทรงศร
เสียงสนั่นลั่นเปรื่องกระเดื่องดอน ฝูงนาคีหนีว่อนไม่เห็นกาย
พวกเสนาลุกเตลิดระเสิดระสัง ขึ้นนั่งตั้งเทพประนมบังคมถวาย
ที่ผ้าลุ่ยได้สำนึกรู้สึกอาย ตะกุยตะกายฉวยผ้าของเพื่อนกัน ฯ
๏ ปางอนงค์นุชนาฏประหลาดโฉม ทูลประโลมภัสดานรังสรรค์
เชิญเสด็จยุรยาตรลินลาศพลัน บังคมคัลทรงฤทธิ์พระบิดา
พระยิ้มหยอกยอดสร้อยชม้อยค้อน พระกุมกรมิ่งมิตรขนิษฐา
พร้อมด้วยฝูงสาวสรรค์กัลยา ดูลีลาสององค์ดั่งหงส์ทอง
งามพระหน่องามนางร่างระหง ดูงามทรงงามศรีไม่มีสอง
งามครบเครื่องทรงอันเรืองรอง งามทำนองพระดำเนินจำเริญรัก
พระบิตุรงค์เห็นองค์สองกระษัตริย์ กวักพระหัตถ์เชิญองค์พระทรงศักดิ์
แล้วเลื่อนองค์ลงจากคชลักษณ์ พระจอมจักรจูงกรกุมารา
เสด็จทรงพระที่นั่งบัลลังก์แก้ว ให้ผ่องแผ้วโสมนัสสหัสสา
จึ่งตรัสว่าดวงใจนัยนา มีเดชาเลิศชายในธรณี
ทั้งสองโฉมทรามชมก็ก้มเกศ บังคมองค์บิตุเรศอันเรืองศรี
ส่วนพระจอมจักราเจ้าธานี พระเชิญชวนสองศรีเสด็จพลัน
ไปสู่พระมนเทียรวิเชียรโชติ ก็ปราโมทย์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
โฉมมณีอัมพรก็จรจรัล ทั้งนางท้าวสาวสรรค์กำนัลใน
มานอบน้อมพร้อมแน่นเสนอหน้า เฝ้าตั้งตาเพ่งพินิจพิสมัย
ดูพระหน่อสุริยวงศ์ผู้ทรงชัย ปลื้มอาลัยลิงโลดตะลึงแล
งามประหลาดเลิศโฉมประโลมใจ พระพักตร์ใสผ่องช่วงดั่งดวงแข
หมอบชม้ายชายเนตรชำเลืองแล อาดูรแดจะใคร่ได้มาไว้เชย
ถ้าแม้นได้แนบกายไม่วายกอด คิดแล้วทอดใจใหญ่ไฉนเฉย
ช่างไม่ชายนัยนามามั่งเลย จะลองเปรยประตาประสาจน
พอท้าวเหลือบลางนางยิ้มพยัก แล้วก้มพักตร์ดูทรวงแสยงขน
บ้างทำผ้าห่มเลื่อนแล้วเบือนตน ที่ลางคนจับแก้มแย้มให้ยวน
บ้างกระแอมแถมไอด้วยใจสวาท พอท้าวผาดตาพานประสานสรวล
ลางนางยิ้มพริ้มพรายอยู่ในนวล เป็นเชิงชวนจะให้ชื่นระรื่นใจ
พอองค์พระธิดาเหลียวมาพบ พากันหลบหมอบเมียงเรียงไสว
ปางองค์พระกุมารอันชาญชัย บังคมไหว้นฤมลพระชนนี
พระบิตุรงค์ทรงแย้มแจ่มพระพักตร์ สุดที่รักรูปทองทั้งสองศรี
ตรัสประภาษแก่ราชเทพี แม่มณีบุญของพระลูกเรา
เจ้าได้องค์ภัสดาวราราช ร่วมสวาทสองสมโฉมเฉลา
เราจะมอบธานีบุรีเรา พี่กับเจ้าจะได้ฝากชีวาลัย
จึ่งตรัสถามอิศรากุมาเรศ พ่อดวงเนตรหน่อสุริย์วงศ์พระองค์ไหน
ได้ครอบครองธานีบุรีใด พ่อชื่อไรเหตุไฉนจึ่งจากเมือง ฯ
๏ หน่อนเรศฟังอรรถที่ตรัสถาม ถวายนามบรรยายขยายเรื่อง
ตั้งแต่ต้นตกยากมาจากเมือง ต้องแค้นเคืองพลัดคู่อยู่เอกา
หม่อมฉันตามเกสรสมรมิตร ก็สุดฤทธิ์สุดแรงแสวงหา
เผอิญพรากจากรักประจักษ์ตา ด้วยสุดานั้นมิใช่เป็นคู่ควร
โฉมยี่สุ่นขุ่นแค้นชำเลืองค้อน พระภูธรบิตุรงค์ทรงพระสรวล
แม่พุ่มพวงดวงจันทร์อย่ารัญจวน แม่นี้ควรเป็นจอมกระหม่อมนาง
จอมกระษัตริย์ตรัสเสร็จสำเร็จแล้ว ให้กองแก้วกองทองทั้งสองข้าง
แล้วเชิญหน่อจักรพงศ์กับองค์นาง ขึ้นนั่งกลางกองแก้วแลกองทอง
ประดาดังกังสดาลประสานสังข์ แตรประดังดนตรีตีสนอง
จะแจ้วเจื่อยเรื่อยรับกันขับร้อง เสนาะก้องวังเวงวิเวกวัง
แว่นวิเชียรเวียนเรืองประเทืองแก้ว วะวาวแววเรียงรับกันคับคั่ง
ต่างถวายพระพิพัฒน์วัจนัง ให้สุขังภิญโญวโรยศ
มีเดชาโชติช่วงดังดวงประทีป ทั้งสี่ทวีปให้สว่างกระจ่างหมด
บิตุเรศว่าพระยอดปิโยรส ให้เรืองยศยาวยืนพระชนมาน
พระมารดาว่าสองจำเริญศรี อย่ารู้มีที่ประชวรมากวนผลาญ
บิดาว่าขอฝากองค์นางนงคราญ พระมารดาว่าเอ็นดูกับดวงใจ
พระชนกว่าพ่อขอฝากผี พระชนนีว่าแม่ขอฝากไข้
พ่อจงอยู่บำรุงซึ่งกรุงไกร เป็นฉัตรชัยกั้นเกศประชากร
สำเร็จการอุภิเษก[๓]เอกราช หมู่อำมาตย์หมอบก้มบังคมสลอน
สี่กษัตริย์ปรีดาสถาพร สโมสรชื่นชมภิรมยา-
โฉมพระลักษณวงศ์กับนงนุช ก็แสนสุดโสมนัสเสน่หา
พระชวนเชิญทรามชมบังคมลา เสด็จมาปรางค์มาศปราสาททอง
แล้วคิดถึงยายมาลารักษาสวน เห็นคงควรที่จะแทนพระคุณสนอง
จึ่งดำรัสให้จัดพระวอทอง ทั้งเฒ่าแก่เนืองนองนางกำนัล
แล้วตรัสสั่งมนตรีอันมีศักดิ์ จงพานักสนมไปสวนขวัญ
ไปรับยายมาลาเข้ามาพลัน จะรางวัลแต่งตั้งให้เต็มที่
อำมาตย์รับพจนารถแล้วผาดผัน ก็พาพวกสาวสรรค์ไปสวนศรี
เข้าไปแจ้งกิจจายายมาลี ว่าบัดนี้มีโองการให้หายาย ฯ
๏ ยายมาลีตกใจอะไรแม่ ไม่รู้แน่ตัวสั่นให้ขวัญหาย
เขาวอนปลอบว่าแม่คุณอย่าวุ่นวาย ขึ้นขี่วอเฉิดฉายจะเชิญไป
ยายมาลีร้องว่าเจ้าข้าเอ๋ย ลูกไม่เคยจะขึ้นขี่อย่างไรได้
แต่ริกรัวตัวสั่นให้พรั่นใจ กำนัลในเขาก็อุ้มขึ้นวอทอง
ยายแกร้องเว้ยว้ายข้าตายแล้ว ดิ้นกระแต่วจะกระโดดไปตามช่อง
ราชยานแห่หามตามทำนอง คนประคองสองข้างสล้างมา
ครั้นถึงวังตั้งวออันเฉิดฉาย ก็พายายขึ้นปรางค์อันเลขา
เข้าเฝ้าองค์ทรงฤทธิ์อิศรา ยายประหม่าหมอบนิ่งไม่ติงกาย
พระทรงยศพจนารถประภาษทัก ประทานศักดิ์ให้สมอารมณ์หมาย
ให้เพชรช่วงดวงวาวดาวกระจาย ตั้งให้ยายเป็นที่ศรีสัจจา
พระนรินทร์ปิ่นนราหริรักษ์ อาณาจักรจอมเจิมเฉลิมหล้า
แสนสวาทกับราชธิดา เสน่หาชมชื่นทุกคืนวัน ฯ


[๑] แมงหวี่ = แมลงหวี่

[๒] สยุมพร แปลว่า เลือกคู่เอง

[๓] อุภิเษก = อภิเษก

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ