ตอนที่ ๑๓ ลักษณวงศ์เดินทางไปรับนางทิพเกสร

๏ จักเริ่มเรื่องเบื้องบทยศราช พระหน่อนาถพรหมทัตนรังสรรค์
โฉมพระลักษณวงศ์ผู้ทรงธรรม์ เธอกระสันถึงองค์พระนงนุช
สาวสนมนับหมื่นไม่ชื่นเนตร แสนเทวษทวีเป็นที่สุด
พระอาทิตย์เธอประเทืองขึ้นเรืองรุด พระทรงภุชเธอเสด็จคลาไคล
เข้าเฝ้าสองทูลกระหม่อมพระจอมภพ ประนมนบทูลแจ้งแถลงไข
ลูกขอลาบาทบงสุ์พระทรงชัย จะออกไปรับนางกลางอรัญ
จำสนองคุณน้องให้จงมาก เมื่อยามยากนางถนอมกระหม่อมฉัน
ขอทูลลาบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ สิบห้าวันก็จะคืนมาบังคม ฯ
๏ พรหมทัตตรัสสนองหน่อนเรศ พ่อดวงเนตรตรัสจริงทุกสิ่งสม
พระบิดาจะเสด็จด้วยทรามชม ไปบังคมบาทบงสุ์พระทรงพรต
พระชนนีตรัสเล่าว่าเจ้าแม่ จะยกแห่เป็นกระบวนให้ถ้วนหมด
แม่จะไปเพื่อนองค์พระทรงยศ ราชรถเชิญไปรับเอานางมา
พระโอรสทูลสนองสองกระษัตริย์ ซึ่งทรงตรัสรับใส่ในเกศา
ควรมิควรสุดแต่จะกรุณา พระอิศราทั้งสองจงครองวัง
ศัตรูหมู่ไพรีมันมีมาก พระจรจากจะวุ่นวายขึ้นภายหลัง
เชิญพระองค์ดำรงราชวัง ลูกจะบังคมลากับพาชี
เจ้าพ่อผู้ดวงจิตของบิดา ซึ่งว่ามาก็ต้องทำนองที่
ตามแต่ใจจงไปกับเสนี เป็นท่วงทีสงครามให้งามครัน
ข้าแต่องค์ทรงฤทธิ์บิตุเรศ ซึ่งโปรดเกศตรัสถนอมกระหม่อมฉัน
จักเดินทางกลางป่าเห็นช้าครัน เสนานั้นลำบากยากสกนธ์
ไม่ต้องการให้ประชานินทาฉาว ลูกจะรีบเหาะหาวในเวหน
กับสินธพรีบรัดไปบัดดล พอได้นางนฤมลจะรีบมา ฯ
๏ โอ้เจ้าพ่อปิยบุตรสุดสวาท จะนิราศแรมวังอนาถา
บิดานี้โรคจำเริญเกินชรา ไม่รู้วันมรณาเมื่อไรเลย
จงอยู่เพื่อนพ่อก่อนเถิดลูกแก้ว พ่อตายแล้วเจ้าจงไปเถิดลูกเอ๋ย
อย่าเพ่อตัดห่วงใยอาลัยเลย ทุกวันนี้พ่อเสบยด้วยดวงใจ
ทูลกระหม่อมจอมเกล้าพระเจ้าพ่อ จักรั้งรอทานทัดให้ตัดษัย
แม้นอยู่เมืองก็จะเคืองด้วยตรอมใจ จักบรรลัยลงสักวันเป็นมั่นคง ฯ
๏ สองกระษัตริย์ฟังอรรถพระโอรส แสนกำสรดอั้นอึ้งตะลึงหลง
ต่างเคียงเข้าประคองทั้งสององค์ สุดจะทรงตรัสห้ามต้องตามใจ
พระบิดาว่าโอ้พระยอดรัก ดังใครควักนัยนาก็ว่าได้
พระชนนีว่าทีนี้จะเห็นใคร ดังดวงใจแม่พรากออกจากกาย
นางโกสุมว่าพระพุ่มมหาโพธิ์ จะสันโดษเสด็จไปน่าใจหาย
พระวงศาว่าทีนี้จะเปล่าดาย แสนสบายเจ้าพระคุณเคยอุ่นวัง
พระบิดาว่าพ่อไปจงไชเยศ อย่าเทวษทุกข์ทนเหมือนหนหลัง
พระมารดาว่าพ่อจรไปจากวัง ให้สมหวังได้องค์อนงค์นาง ฯ
๏ ปางพระปิ่นปิโยวโรรส น้อมประณตรับพรทั้งสองข้าง
พระเยื้องบาทยุรยาตรออกจากปรางค์ ทรงสำอางเครื่องทรงอลงกรณ์
พระหัตถ์จับศรสุวรรณพระขรรค์เพชร บรมวงศ์ส่งเสด็จอยู่สลอน
ขึ้นทรงม้าพระที่นั่งอลังกรณ์ อัสดรเผ่นผยองลำพองทะยาน
ลอยละลิ่วปลิวลิบเข้ากลีบเมฆ แสนวิเวกเอองค์น่าสงสาร
เคยทรงรถบดบังพระสุริย์กานต์ มาทรมานแดดลมระบมองค์
พระสุริยงทรงกลดกำดัดกล้า ชักอาชาลงไปในไพรระหง
สุธารื่นพื้นราบดั่งปราบปลง รุกขชาติดาษดงเป็นดอกดวง
ที่มีผลคลี่ผลเป็นพวงเผ่น วิหคเห็นหรรษาเข้าแหนหวง
บินแล่นลัดลิงโลดโดดทะลวง กระโจมจ้วงจับจิกกันจอแจ
จัตุบาทเบิ่งบึ้งสะบัดบาท มฤคราชวิ่งวนเวียนแสว
ละเลิงไล่โลดเล่นละลานแล เย้าตอแยหยอกเล่นทะยานชม
เขาเขินคันโขดขดเป็นขอบขาด นํ้าฟองฟาดฟูมฟุ้งเป็นฝอยฝน
ศิลาโปปุ่มเปาะเป็นปมปน ดูแวววนวู่วามวะวาบแวว
หน่อกระษัตริย์ทัศนาพนาเวศ ภูวเรศลินลากับม้าแก้ว
ข้ามคิรีสีขเรศพนมแนว ภาณุมาศคลาดแคล้วพระเมรุธร
พอสิ้นแสงสุริยันพระจันทร์แจ่ม พระเข้าแรมยั้งหยุดในสิงขร
สงัดเสียงปักษาทิชากร ชะนีวอนเหวยเหวยวิเวกดง
เรไรแจ้วจักจั่นสนั่นจ้า เย็นยะเยือกทุกหย่อมหญ้าป่าระหง
พระทรงยศไสยากับม้าทรง รำลึกถึงบิตุรงค์กับมารดา
ป่านฉะนี้เจ้าประคุณพระทูนเกศ จะทุกข์เทวษถึงลูกเสน่หา
ไหนจะเว้นวายเสวยชลนา อนิจจาเป็นกรรมมาจำไกล
อกเอ๋ยเคยอยู่บูรีเรือง มาขุ่นเคืองนอนสะเทินเนินไศล
เคยบรรทมบรมอาสน์อันอำไพ อนงค์ในขับเสนอบำเรอเรียง
เพราะรักน้องต้องจรมานอนอนาถ วิเวกหวาดสัตว์ร้องคะนองเสียง
เห็นแต่มิ่งอัสดรมานอนเคียง ไม่พอเพียงที่จะพากันมาทุกข์
พระคิดถึงบิตุราชมาตุรงค์ กันแสงทรงโศกีไม่มีสุข
คิดจะคืนนคราผวาลุก แล้วขุกคิดถึงสมรให้อ่อนใจ
แม่ดวงเนตรของพี่ไม่มีสอง ละอออองงามขำพี่จำได้
พี่มาแล้วยอดสร้อยอย่าน้อยใจ จะเชิญให้นิ่มน้องไปครองวัง
พระคำนึงถึงนวลรัญจวนจิต ก็ลืมคิดทุกข์ทนในหนหลัง
ลืมกระษัตริย์สองพระองค์ดำรงวัง พระลืมทั้งความยากลำบากองค์
บรรทมผ็อยม่อยลงหลับสนิท ทรงนิมิตว่าลูบโลมโฉมระหง
ละเมอสอดกอดพญาอาชาทรง รู้สึกองค์ท้าวก็ปลุกมโนมัย
ลุกขึ้นเถิดพี่พญาม้าสินธพ พระสุริย์ศรีส่องภพสบสมัย
พระตรัสแล้วขึ้นพญาอาชาไนย มโนมัยเหาะทะยานขึ้นเมฆา
ข้ามคีรีสิขราพนาสัณฑ์ ถ้วนเจ็ดวันแต่เหาะในเวหา
เวลาบ่ายชายแสงพระสุริยา ถึงแว่นแคว้นศาลาสิทธาจารย์
ยื่นพระหัตถ์ตรัสชี้ว่าพี่ม้า ดูตรงหน้าคีรีอันพิศาล
โน่นแน่ที่ศาลาพระอาจารย์ พฤกษาสารขึ้นกลาดประหลาดใจ
อัสดรร่อนลงตรงที่ชี้ เห็นกุฎีเพลิงผลาญสังหารไหม้
หน่อกระษัตริย์หวั่นหวาดประหลาดใจ พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย
โอ้พี่อัศวราชประหลาดแล้ว ทั้งน้องแก้วอัยกามาสูญหาย
ชะรอยเพลิงไหม้กุฏิ์ทรุดทลาย พากันตายวายชีพในอัคคี
หรือกระษัตริย์ยักษาพาราไหน ประพาสไพรลักนางไปปรางค์ศรี
พระอัยกาอาดูรพูนทวี แล้วโศกีโศกศัลย์จนบรรลัย
เมื่อสิ้นบุญเจ้าประคุณพระนักสิทธ์ จึ่งเพลิงติดลามมาศาลาไหม้
จริงกระนี้หรือพี่อาชาไนย ประหลาดใจหนักหนาพี่พาชี
พระตรัสพลางทางเล็งเพ่งพระเนตร ดูสังเกตอุปจาร[๑]สถานที่
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดตรงกุฎี พระจักรีอัดอั้นตันพระทัย
พระกรกอดกัณฐัศว์แล้วตรัสรํ่า แสนระกำกันแสงสะอื้นไห้
อัสดรกำสรดสลดใจ นํ้าตาไหลพรากพรากรำพันครัน
หน่อกระษัตริย์ตรัสว่าพี่ม้าแก้ว เห็นแน่แล้วอัยกาเราอาสัญ
พระน้องน้อยพลอยม้วยไปด้วยกัน กระดูกนั้นดูกลาดอยู่กลางดิน ฯ
๏ สินธพว่าอนิจจาทั้งตาหลาน เพลิงสังหารม้วยมุดลงสุดสิ้น
โอ้แต่นี้มิได้เห็นพระมุนิน จะกลืนกินแต่ทุกข์ระทมทน
หน่อกระษัตริยตรัสว่าจอมกระหม่อมหลาน น่าสงสารบรรลัยในไพรสณฑ์
พระรักหลานเปรียบปานกับหลานตน ทั้งเวทมนตร์บ่นบอกแล้วหยอกเชย
เมื่อหลานลาเฝ้ารํ่าแต่กำชับ เมื่อหลานกลับมิได้เห็นพระคุณเอ๋ย
ยังมิได้ทันแทนพระคุณเลย โอ้อกเอ๋ยกรรมกรรมให้จำไกล
โอ้แม่ทิพเกสรสมรมิ่ง เจ้าม้วยจริงหรือว่าน้องไปอยู่ไหน
หรือว่าแค้นด้วยว่าคอยจึ่งน้อยใจ เจ้าแกล้งไปหลบพี่หรือน้องอา
แม่มาเถิดพี่จะพาขึ้นม้าแก้ว บรรลัยแล้วหรือพี่เรียกไม่มาหา
สะอื้นพลางทางทอดนัยนา ดูสุดาโดยแดนศาลาลัย
เห็นสัตว์สิงวิ่งลับแล้วกลับหาย เขม้นหมายว่ามิ่งมิตรพิสมัย
ผวาวิ่งเรียกน้องอยู่ก้องไพร สายสุดใจมาเถิดนะแม่มา
พระสอดส่องมองเขม้นไปเห็นสัตว์ สะอื้นอัดอั้นทรวงยิ่งโหยหา
เจ้าพี่เอ๋ยแม้นม้วยมรณา เจ้ากลับมารับด้วยจะม้วยตาม
จะหาไหนได้สองเหมือนน้องรัก แม่สมศักดิ์อัคเรศเกศสนาม
ทั้งตรีโลกจะมาเรียงไม่เคียงงาม ทรามสวาทควรถนอมเป็นจอมมิตร
หรือเทวัญองค์ใดพอใจโฉม ลักไปโลมในวิมานสำราญจิต
แม้นรู้จักเทวาสุราฤทธิ์ จะต่อติดสงครามไม่ขามเลย
พี่ทิ้งชนกชนนีบุรีราช เพราะความสวาทน้องนี้เจ้าพี่เอ๋ย
มิพบพักตร์โฉมตรูไม่อยู่เลย จะตายตามทรามเชยในดงดอน
สงสารหน่อกระษัตราจุฬาโลก กันแสงโศกดิ้นโดยถึงดวงสมร
ตะโกนก้องร้องหาด้วยอาวรณ์ อัสดรร้องไห้อาลัยลาน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนกแก้วทั้งคู่น้อย ตะวันคล้อยกลับมาพฤกษาสาร
เห็นหน่อกระษัตริย์กับอัศวาชาญ เที่ยวทะยานเพิ่มพูนอาดูรโดย
เจ้าปักษาทั้งสองจึ่งร้องถาม พระโฉมงามเป็นไฉนจึ่งไห้โหย
น่าสงสารพักตร์แจ่มมาแรมโรย อาดูรโดยด้วยอันใดที่ในดง
พระฟังความปักษาจึ่งปราศรัย ข้าขอบใจวงศาพญาหงส์
เรานี้หรือชื่อลักษณวงศ์ มาตามองค์มิ่งสมรเกสรน้อย
เจ้านกเอ๋ยรู้เห็นเป็นไฉน ศาลาลัยไหม้พับลงยับย่อย
ทั้งองค์พระอัยกานัดดาน้อย ประหลาดพลอยสูญหายไปแห่งใด
นกแก้วพลอดว่าพระยอดขัตติเยศ พระทรงเดชหรือเป็นศิษย์พิสมัย
อันพระองค์ทรงธรรม์นั้นบรรลัย นางทรามวัยกันแสงแสนทวี
ได้ยินร้องไห้หาเชษฐานัก แล้วรํ่ารักโศกศัลย์ถึงฤๅษี
ให้กลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งไม่สมประดี ทั้งสองกรข้อนตีอุระครวญ
นางจะผูกคอตายวายชีวิต ฉันนี้คิดสงสารทรามสงวน
ฉันร้องห้ามปรามนางแล้วทางชวน พอห้านวลกินรีนั้นบินมา
ลงประคองร้องห้ามแล้วถามเรื่อง เข้าปลดเปลื้องผ้าพันจากกัณฐา
นางชวนกันปลงศพพระอัยกา เผาศาลาม้วยไหม้บรรลัยลง
แม่เกสรสั่งเหตุถึงเชษฐา กินรพาไปในไพรระหง
คุณพ่อหรือชื่อลักษณวงศ์ จงรีบตรงตามนางทางอุดร ฯ
๏ จักรพงศ์ทรงฟังหลั่งนํ้าเนตร แสนสังเวชพุ่มพวงดวงสมร
เจ้าแก้วเอ๋ยจงนำทางนางกินร ให้บิดรได้พบพระมารดา
นิ่งเถิดทูนเกล้าอย่าเศร้าสร้อย ช้าลักหน่อยกินรีจะมาหา
เขาเคยปันเวนเปลี่ยนเวียนกันมา มาคอยท่าหาท้าวอยู่ทุกวัน
พระกุมารฟังสารวิหคห้าม เห็นงามความปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
เก็บมาลาบูชาอัฐิพลัน พระทรงธรรม์ประทับนั่งอยู่หน้าเนิน ฯ
๏ ปางนั้นสายสมรกินรน้อย ก็บินลอยเลื่อนฟ้าเวหาเห็น
โผทะยานผ่านผาถึงหน้าเนิน เห็นภูธรก็สะเทิ้นทำร่อนรา
ชำเลืองตาดูโฉมประโลมเนตร กินเรศนึกรักเป็นหนักหนา
ฉะช่างงามอร่ามครันเป็นขวัญตา ถ้าได้เป็นภัสดาจะดีจริง
นี่แล้วหรือชื่อพระลักษณวงศ์ สมกับองค์เกสรสมรมิ่ง
ให้นึกรักทรงฤทธิ์คิดประวิง ตัวเป็นหญิงมารยาทำน่าอาย
ภูวนาถดูนางไม่วางเนตร ที่เทวษอาดูรก็สูญหาย
พระชายเนตรแย้มเยื้องชำเลืองชาย แล้วเปรียบปรายเป็นสำนวนจะชวนนาง
เจ้าแก้วเอ๋ยพี่มาคอยเจ้าน้อยหรือ มาจับมือพี่เถิดน้องอย่าหมองหมาง
กินรีฟังฉะอ้อนสุนทรทาง ในทรวงนางซาบเสียวกระสันใจ
สนองเทียบเปรียบทักเจ้าปักษา เจ้าแก้วขาหากินข้างถิ่นไหน
มาก่อนหน้าช้านานอยู่หรือไร ผลไม้ได้มานั้นน่ารัก
สกุณแก้วฟังสนองทั้งสองข้าง รู้ว่านางรักองค์พระทรงศักดิ์
ทั้งพระลักษณวงศ์ก็คงรัก จึงพลอดชักชี้ชวนนํ้านวลดี
เจ้าแก้วเอ๋ยสาวรักแล้วสาวกอด เชิญแม่ยอดกินราลงมานี่
จะให้ลูกไม้ทองเป็นของดี แม่ไม่มีเอาไปนอนถนอมชม
ฉะเจ้านกน่าแค้นช่างแสนงอน นี่ใครสอนพูดเล่นไม่เห็นสม
เขาพูดด้วยแล้วก็ลามเป็นความคม เกลียดคารมข้าไม่อยากจะฟังความ
แม่งามพริ้งนิ่มเนื้อไม่เชื่อฉัน อะไรนั่นแลเหลืองเรืองอร่าม
ขอเชิญแม่มานี่จะบอกความ ท่านมาตามหม่อมแม่เกสรเรา
แม่สาวน้อยคอยท่าจะพาท้าว ไม่ชวนกล่าวปราศรัยอย่างไรเล่า
เจ้าพ่อจ๋าเรียกองค์นางนงเยาว์ นี่พงศ์เผ่ากินราที่พานาง ฯ
๏ หน่อกระษัตริย์ทัศนาสนองถ้อย แม่นิ่มน้อยกินราลงมาล่าง
พี่ขอถามความหน่อยเถิดน้องนาง อย่าถือทางเดียดฉันเลยขวัญตา
นางกินรค้อนให้มิใคร่สนอง กระบวนลองลวงเล่ห์เสน่หา
ฉันไม่ไปว่าอะไรก็ว่ามา พระสุริยาจวนคํ่าจะลาไป
อนิจจานงลักษณ์พักตร์บุหลัน พระสุริยันยังสูงเป็นไหนไหน
มานี่หน่อยเถิดจะถามถึงทรามวัย เจ้าหรือไรพวกเกสรนางฉายา
เกสรไหนใครข้าไม่รู้จัก กลัวจะลักชื่อเขามาเสกว่า
ว่ารู้จักแล้วจงเล่าแต่เดิมมา ถ้าเป็นน้องของเชษฐาจะเห็นจริง
ฉะน้อยหรือแม่ปิ่นกินเรศ เจ้าดวงเนตรลิ้นลมคารมหญิง
จะเล่าให้เนื้อเย็นเจ้าเห็นจริง ขอเชิญมิ่งแม่มานั่งแล้วฟังความ
ฉันนั่งนี่ได้ดอกกระหม่อมพี่ เล่าคดีเถิดใครเขาไม่ห้าม
เจ้าลูกอินกินรรัตน์กำดัดงาม จะเล่าความตามจริงให้น้องฟัง
กินรีฟังท้าวเธอกล่าวอ้อน กำเริบร้อนมุ่งมาดสวาทหวัง
ก็บินลงแอบผาศิลาบ้าง ทำแฝงฟังเหลือบชายชม้ายมอง
พระกุมารเสด็จเรียงเข้าเคียงนั่ง กินรน้อยถอยหลังขยับย่อง
พระตรัสว่าแนบอกแม่นกทอง วันนี้น้องมาพบกับพี่ชาย
พี่จะเล่าเริ่มเรื่องแต่เดิมที ข้าเป็นพี่เกสรเจ้าโฉมฉาย
แสนสนิทพิศวาสมิคลาดคลาย ตัวพี่ชายชื่อพระลักษณวงศ์
พี่ไปเฝ้าพระมารดรแล้วจรกลับ จะมารับทรามสงวนนวลหง
ร้องไห้หาปักษาก็บอกตรง ว่าโฉมยงกินรานั้นพาไป
เจ้าโฉมงามทรามปลอดแม่ยอดสร้อย เกสรน้อยสุขทุกข์เป็นไฉน
เอ็นดูพี่แก้วตาจงพาไป ให้พี่ได้พานพบประสบกัน ฯ
๏ กินรฟังเหตุผลแต่หนหลัง เห็นสัจจังแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึ่งทูลความตามตรงแก่ทรงธรรม์ นี่หากว่าได้ฉันจึ่งรอดตาย
โอ้เจ้ายอดมาลัยแม่ใจบุญ มิลืมคุณมิ่งมิตรอย่าคิดหมาย
ไม่มีทองแหวนแก้วอันแพรวพราย มีแต่กายพี่จะกอดเจ้าแทนคุณ
ไฮ้อะไรเชษฐามาว่าฉัน ไม่เห็นขันแต่สักนิดมาคิดวุ่น
ไม่อยากได้ของตอบที่ขอบคุณ ฉันเอาบุญดอกอย่ายอไม่ขอฟัง ฯ
๏ อนิจจาโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ จะห้ามรักนี้มันได้ที่ไหนมั่ง
ไม่ชอบกอดหรือแม่ยอดยุพยัง ขอจูบมั่งแทนคุณพออุ่นกาย
ให้ตายเถิดเกิดมาก็พึ่งเห็น เมื่อตัวเป็นทุกข์หมองถึงน้องหาย
ร้องไห้หาชลนามิทันวาย ชอบแต่หมายวอนว่าให้พาไป
กลับมาชวนเสน่หาว่าสนุก เจ้าเคยสุขลงคอที่ข้อไหน
แม่นิ่มเนื้อนวลละอองทองอุไร งามวิไลแต่พี่เห็นก็ลืมตรอม
เขาว่างามเหมือนกินรช่างอ่อนพริ้ง งามจริงจริงดูแฉล้มทั้งแก้มหอม
ฉันไม่งามอย่ามาลามนะคุณจอม ไม่งามพร้อมเหมือนเกสรเธองอนงาม
เจ้าเนื้อเกลี้ยงจะมาเถียงนัยน์ตาพี่ เกสรศรีเป็นรองสักสองสาม
หม่อมอย่ายอฉันก็พอจะรู้ความ เชิญมาตามเถิดจะพาไปหาเมีย
อนิจจาเนื้อเย็นเขาเป็นน้อง อย่าชี้ช่องชวนเลิกให้ฤกษ์เสีย
ถ้าได้แม่ยอดหญิงเป็นมิ่งเมีย เห็นไม่เสียพอสมเสมอกัน
ฉะหม่อมว่าสารพันช่างสรรตรัส ฉันเป็นสัตว์สกุณาพนาสัณฑ์
กับมนุษย์หรือจะเปรียบไม่เทียบทัน อย่ารำพันไปให้ยากไม่อยากรัก
อนิจจาโฉมยงแม่นงนุช พระอุณรุทภุชพงศ์ผู้ทรงศักดิ์
กับกินรก็ได้สมภิรมย์รัก เยาวลักษณ์แม่ก็รู้อยู่เต็มใจ
กระนั้นสิหม่อมรักจึ่งชักเรื่อง ผูกให้เนื่องนึกว่าแต่ท่าได้
เรื่องไม่มีแกล้งประดิษฐ์ให้ติดใจ ที่ไหนใครเขาจะไม่รู้เท่าทัน
โอ้แม่ปิ่นกินรีมณีเนตร ไม่สมเพชพี่เลยเจ้าสาวสวรรค์
พระตรัสพลางกุมกรกินรพลัน แล้วรำพันนิ้วกลมช่างสมเล็บ
แม่เล็บแดงแสงชาดประหลาดสี เล็บเช่นนี้ถึงจะหยิกไม่อยากเจ็บ
ไฮ้อะไรยึดมือแล้วยื้อเล็บ จะไม่เจ็บแล้วหรือมาดื้อทน
วางฉันนะหม่อมพี่เดี๋ยวนี้ร้อง ตามเถิดน้องกลัวใครในไพรสณฑ์
เป็นน่าแค้นข่มเหงไม่เกรงคน เห็นว่าจนแล้วก็ทำเอาตามใจ
ไม่วางหรือยังจะดื้อเฝ้ายื้อยุด เป็นมนุษย์ใครจะทำอะไรได้
ช่างไม่อายผีสางที่กลางไพร เมื่อกลับไปเถิดจะบอกพี่กินรี
โอ้เจ้าดวงมณฑาผกาแก้ว ได้ผิดแล้วอย่าโกรธพิโรธพี่
จะวางแล้วขอต้องที่ของดี จูบสักทีเถิดจะฟ้องก็ตามใจ
ฉะคารมแก้วแก่นช่างแค่นแคะ เดี๋ยวนี้แหละเล็บจะลงอย่าสงสัย
ไม่รักเล็บดอกจะหักก็หักไป น่าน้อยใจด้วยไม่จับแต่มือเลย
นิจจานุชสุดแสนสวาทพี่ ได้เพียงนี้แล้วอย่าร้องเลยน้องเอ๋ย
ถึงจะฆ่าเสียก็ตามเถิดทรามเชย ไม่วางเลยสู้ม้วยลงด้วยงาม
ไม่น่าขันเข้าที่ไหนจะไปละ วางเถิดคะข่มเหงไม่เกรงขาม
ทำสะบัดหยิกข่วนกระบวนงาม พระยิ่งลามโลมชิดเข้าติดพัน
อุ้มอนงค์ตรงเข้าคูหาห้อง พระหัตถ์ต้องพวงพุ่มปทุมถัน
นางผลักหัตถ์ปัดป้องประคองกัน พระทรงธรรม์สวมสอดกอดประคอง
ดั่งเทวาจับระบำรำฟ้อน สโมสรชื่นชมประสมสอง
เกิดวิบัติสัตว์สิงวิ่งคะนอง ก็กึกก้องอัศจรรย์ทั้งโลกา
สองภิรมย์สมพาสสวาทเพิ่ม เชยเฉลิมชมชื่นเสน่หา
กินรีศรีสวัสดิ์รัตนา บังคมแทบบาทาพระภูธร
เชิญเสด็จไปคิรีมณีรัตน์ พระทรงสวัสดิ์จะได้พบพี่เกสร
ป่านฉะนี้คอยหาจะอาวรณ์ ทินกรจวนเย็นเร่งยาตรา ฯ
๏ พระฟังโฉมโลมน้องประคองกอด แม่ยิ่งยอดยาจิตขนิษฐา
พลางสำรวลยวนหยอกแล้วออกมา เรียกอาชาพาชีขึ้นขี่ทรง
กินรินบินโถมโพยมมาศ นฤนาถรีบตามนางงามระหง
ถึงประตูคูหาก็ถาลง สี่อนงค์กินราออกมาพลัน
เห็นพระหน่อสุริวงศ์เธอทรงเครื่อง เหลือบชำเลืองเพ่งพิศจิตกระสัน
บ้างทำอายแอบหลังเข้าบังกัน บ้างจรจัล[๒]เข้าไปแจ้งแก่เทวี
แม่เกสรเชษฐาเจ้ามาแล้ว จงผ่องแผ้วนิ่มน้องอย่าหมองศรี
สมรมิ่งแจ้งความก็จรลี เห็นพระพักตร์เจ้าพี่ก็ดีใจ
ผวากอดบาทบงสุ์พระทรงศักดิ์ แล้วซบพักตร์โศกานํ้าตาไหล
พระทรงสวัสดิ์อัดอั้นตันพระทัย ให้สงสัยพิศวงนางนงนุช
เมื่อน้อยน้อยนวลลํ้าเจ้าขำขาว ครั้นรุ่นสาวเรืองสีงามที่สุด
ดั่งนางแก้วรุ่งเรืองเมืองมนุษย์ สมเป็นมิ่งมงกุฎสนมนาง
พระทัยเปลี่ยนเวียนแปลกเมื่อแรกพบ นางน้อมนบรู้ว่าน้องให้หมองหมาง
พระลดองค์ลงประคองพระน้องนาง กันแสงพลางรับขวัญไปทันที
กินราห้านางก็เศร้าใจ พลอยร้องไห้สงสารทั้งสองศรี
แล้วชวนเชิญโฉมตรูกับภูมี เข้าสู่ที่ถํ้าแก้วอันแพรวพราย ฯ
๏ ปางอัครวิไลประไพพักตร์ ทั้งความรักความแค้นไม่เหือดหาย
นางแค้นค้อนทูลคดีพระพี่ชาย ไปสบายน้อยหรือด่วนเสด็จมา
เจ้ามิ่งแม่ขวัญเมืองอย่าเคืองพี่ แสนทวีความเทวษของเชษฐา
เจียนจะไม่ได้คืนชีวีมา ด้วยทำศึกยักษาสงครามกัน
พอเสร็จศึกว่าจะกลับมารับน้อง ก็ขัดข้องติดต่อเป็นข้อขัน
ต้องยกทัพกลับคืนนครพลัน ฆ่าอีมารอาธรรม์มันวายชนม์
พี่นึกถึงโฉมฉายไม่วายนึก ด้วยติดศึกขัดข้องเป็นสองหน
พอเสร็จศึกรีบรัดมาบัดดล แม่ยอดมิ่งนฤมลอย่าหมองนวล ฯ
๏ จริงแล้วคะผ่านเกล้าเฝ้าแต่ขัด ชะช่างตรัสคิดขึ้นมาก็น่าสรวล
สักสิบศึกแสนเข็ญไม่เห็นควร รบกับนวลนางกระษัตริย์เห็นขัดจริง
ทั้งศิลป์ศรอาชาวราฤทธิ์ ตาประสิทธิ์ให้พระองค์ล้วนยงยิ่ง
แม้นจะรบศึกสู้ศัตรูจริง จะสมสิ่งปรารถนาไม่ช้าเลย
ชะรอยช้าด้วยบรรทมสมสนุก ทุกสิ่งสุขยิ่งยงสรงเสวย
นี่ลาแล้วหรือจึ่งได้มาไกลเชย อย่าช้าเลยอยู่หลังจะคลั่งใจ ฯ
๏ โอ้เจ้าพักตร์จันทร์เพ็งเปล่งจำรัส เป็นความสัตย์พี่ไม่แกล้งแถลงไข
อนงค์อื่นหมื่นนางอยู่ปรางค์ใน ไม่ชอบใจแล้วก็เฉยให้เลยชัง
แม่อย่าว่าเช่นนั้นเลยขวัญเนตร พี่แสนเทวษมิได้ขาดสวาทหวัง
สู้สละนคเรศนิเวศน์วัง เพราะความรักร้อยชั่งจึ่งหักมา
แม้นมิเชื่อแล้วก็เนื้อว่ากรรมพี่ ไม่ปรานีเนื้อเย็นจงเข่นฆ่า
ไม่มีหอกดาบแล้วหรือแก้วตา ยื่นมือมาพี่จะให้พระขรรค์คม ฯ
๏ นางโฉมยงยิ้มเยื้องชำเลืองค้อน เห็นชาวดอนแกล้งว่าให้สาสม
ไม่คิดหลังแล้วจะทำเหมือนคำคม ให้ทรามชมที่ในวังนั้นนั่งตรอม
คิดคิดก็ให้แค้นเลือดตาไหล เพราะเจ็บใจโศกเศร้าจนซูบผอม
น้อยหรือคอยเช้าคํ่าระกำตรอม จนพระจอมอัยกามาบรรลัย
นางทูลพลางทางเช็ดชลเนตร แล้วก้มเกศกันแสงสะอื้นไห้
หน่อกระษัตริย์รับขวัญไปทันใด สายสุดใจมิ่งแม่อย่าโศกเลย
เจ้างามสุดกระษัตรีในสี่ทวีป จนสิ้นชีพมิให้หมองเลยน้องเอ๋ย
เป็นกรรมแล้วแก้วตาอย่าว่าเลย เชิญไปเชยไอศวรรย์ในเวียงวัง ฯ
๏ นางรัตนาฟังสนองสองสนิท ให้แค้นจิตคิดถึงเนื้อความหลัง
เมื่อแรกนั่งฟังความยังอำปลัง ครั้นฟังฟังรู้ว่าเมียก็เสียใจ
ลุกทะลึ่งผึงผางสะบัดขน ทำบิดก้นยักคอแล้วพ้อให้
พี่ทั้งสี่กินราช้าอยู่ไย เรามาไปนิทราประสานก
ทั้งสี่นางฟังน้องเจ้าร้องว่า เห็นกิริยานั้นประหลาดก็ลูบอก
ชะรอยน้องรัตนาเจ้าลามก จำจะปกปิดความจึ่งงามใจ
คิดแล้วอ้อนวอนเกสรสวรรค์ นิ่งเท่านั้นเถิดน้องอย่าร้องไห้
แม่อยู่กับเชษฐาจะลาไป พี่จะนอนห้องในแล้วน้องอา
ว่าแล้วเข้าถํ้าอันอำพน ทั้งห้าคนนอนนึกเสน่หา
จะใครได้หน่อกระษัตริย์เป็นภัสดา จนเวลาเกือบรุ่งพระสุริยง ฯ
๏ ปางพระหน่อบดินทร์นรินทร์ราช ประโลมนาฏนุชน้องนวลหง
พระจุมพิตชิดน้องประคององค์ นางโฉมยงเสน่หาพระสามี
ไม่เคยชายกายสั่นประหวั่นหวาด ภูวนาถเล้าโลมนางโฉมศรี
เกิดวิกลโลกาทั้งราตรี เทวดาในราศีเสียดายนาง
กระฉ่อนฉาวข่าวลือระบือเลื่อง ที่รู้เรื่องข้อนทรวงเข้าผางผาง
ทั้งดินฟ้าครื้นเครงทำเพลงพลาง ดั่งเขาตีดุริยางค์อยู่คนเดียว
พยุกล้าฟ้าร้องคะนองเปรี้ยง สนั่นเสียงปู่เจ้าภูเขาเชียว
บ้างก็ร้องเฮโลแล้วโห่เกรียว บ้างไล่เลี้ยวจับนางอยู่กลางแปลง
ฝนสวรรค์ลั่นฟูอยู่ฟุ้งฟ้า เมขลาล่อแลบออกแปลบแสง
รามสูรเดือดดาลทะยานแรง ก็กวัดแกว่งขว้างขวานเป็นควันดัง
แสงแก้วแวบแปลบพักตร์ยักษ์ขยิก นางแบพลิกปาปับขยับปั๋ง
แวบเปรี้ยงเสียงเปรื่องกระเดื่องดัง นางล่อพลั้งล้มแผละจนแก้วพลัด
อสุราแกว่งขวานประหารเฉาะ ถูกจำเพาะกลางแปลงตะแคงขัด
อสุราแรงโรมกระโจมรัด นางพลิกพลัดฉวยแก้วแล้วกำกาง
หน่อนรินทร์ร่วมรักสมัครสมร ทิพากรเรืองแสงขึ้นสางสาง
ตื่นบรรทมปลุกน้องประคองพลาง รุ่งสว่างงามชื่นจงตื่นพลัน ฯ
๏ ห้ายุพินกินเรศวิเศษสัตว์ นึกกำดัดปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
เลือกเอาผลพฤกษาออกมาพลัน ก็ชิงกันเข้าถวายพระภูบาล
บ้างก็ว่าของฉันนี้หวานชิด สุกสนิทรสชาติประหลาดหวาน
บ้างก็ว่าของฉันดีไม่มีปาน ทั้งหิมพานต์หาเปรียบไม่เทียบเลย
บ้างก็ว่าของฉันนี้ยอดอย่าง ของสองนางนั้นพระองค์อย่าหลงเสวย
บ้างก็ว่าของฉันนั้นน่าเชย ถึงเสวยแล้วก็หวานไม่ปานปูน
รัตนาทูลพลันของฉันขม ดีแต่ดมแล้วก็ทิ้งให้กลิ้งสูญ
พระทรงฟังกินราทั้งห้าทูล ให้เพิ่มพูนประดิพัทธ์ในหทัย
จึ่งตรัสปลอบตอบสนองของทั้งหมด อร่อยรสยอดดีจะมีไหน
ไม่ทันกินแต่พอดูก็ชูใจ ลูกไม้ในหิมวานี้น่ารัก
ทำเนตรน้อยชม้อยเยื้องชำเลืองหยอก เป็นใบ้บอกอาลัยให้ประจักษ์
โฉมทิพเกสรก็ค้อนควัก เอาดอกรักมาขยำแล้วกำปราย
พระภูบาลแย้มสรวลชวนเสวย เวลาเลยแจ่มแจ้งจนแสงสาย
กินราห้าคนกระวนกระวาย เขม้นหมายที่จะร่วมภิรมย์เชย
นางสร้อยสุวรรณาจึ่งพาที วันนี้พี่เวียนเกล้านะเจ้าเอ๋ย
พากันไปสี่คนเถิดทรามเชย กระไรเลยพระเคราะห์จำเพาะเป็น
ทั้งสี่นางต่างว่าข้าก็เจ็บ กายเป็นเหน็บปวดเศียรนี้แสนเข็ญ
ฉันก็เคืองนัยนานํ้าตากระเด็น พื้นแต่เป็นพิการด้วยมารยา
นางพี่ว่าข้านี้จะอยู่ก่อน เจ้าจงจรยาจิตอย่าอิจฉา
ทั้งสี่นางยิ้มเยาะนางกัลยา ไม่ลินลาคงไข้จะหายพลัน
แล้วสี่นางกินรีก็ลีลาศ เที่ยวประพาสในป่าพนาสัณฑ์
ปางอนงค์องค์นางสร้อยสุวรรณ แก้ประกันน้องสาวได้สมคิด
ทำมารยาราคีเป็นทีไข้ หนาวสุดใจปวดเศียรให้เวียนจิต
แล้วเล่นตาเตือนองค์พระทรงฤทธิ์ รำจวนจิตเข้าห้องแล้วร้องคราง
พระกุมารรู้แยบคายสายสวาท ยุรยาตรเข้าห้องประคองข้าง
เกสรน้อยพลอยเชือนไปเยือนนาง เข้านวดพลางคมค้อนพระสามี
หน่อกระษัตริย์ขัดเคืองชำเลืองค้อน ดังแสงศรแย้งยิงกันเสียดสี
นางกินรค้อนแค้นแสนทวี เห็นได้ทีแล้วก็ทูลพระภูธร
ถึงเจ็บไข้ไม่เสบยก็เคยหาย ด้วยอาบสายสินธุบนสิงขร
จะทนบินไปเล่นชโลทร ก็สุดจรครั้งนี้ด้วยเจ็บครัน
โฉมพระลักษณวงศ์ผู้ทรงยศ จึ่งตอบรสพจนารถสาวสวรรค์
เป็นไรมีพี่จะพาสุดาจันทร์ พระกรกันอุ้มเผยอพยุงนาง
นางเกสรสุดแค้นให้แน่นอก นํ้าตาตกทรวงตรมอารมณ์หมาง
จะหวงหึงคิดถึงพระคุณนาง เป็นสุดอย่างที่จะคิดให้ผิดใจ
แต่พอพี่กินรีนั้นผินพักตร์ เข้าหยิกผลักเชษฐาไม่ปราศรัย
พระทรงศักดิ์สู้ทนด้วยจนใจ ภูวไนยพากินรีเดิน
พระยกดวงสุดาขึ้นม้าแก้ว ขึ้นทรงแล้วลินลาเวหาเหิน
ครั้นถึงยอดบรรพตาศิลาเนิน พระชวนเชิญโฉมงามเข้าเงื้อมเงา
ประคองพลางทางสนองพระน้องรัก แม่เจ็บหนักจริงเจียวหรือโฉมเฉลา
ประสานสอดกอดกันก็บรรเทา ยุพเยาว์ยอดรักอย่าหนักใจ ฯ
๏ สร้อยสุวรรณมารยาว่าน่าแค้น ช่างไม่แสนเวทนาช่างว่าได้
อย่าทำฉันขืนทำให้ชํ้าใจ อย่าหมายได้เลยไม่คิดชีวิตตาย ฯ
๏ โอ้เจ้าดอกการะเกดวิเศษสี ไม่รักพี่แล้วโรคไม่ยักหาย
เมื่อโกรธหมอแล้วที่ไหนจะไม่ตาย เห็นไม่คลายโรคาที่อาดูร
อันพี่ชายตั้งใจจะรักษา เอาชีวาน้องไว้มิให้สูญ
จะช่วยชูชีพไว้ให้ไพบูลย์ อนุกูลดอกจะแก้ให้เต็มมือ
แล้วจุมพิตปรางปรุงจรุงรื่น เข้าเชยชื่นถันน้องประคองถือ
เกิดพยับเป็นพยุกระพือฮือ นกก็ปรื๋อบินปร๋อถลาลอย
สองภิรมย์ชมเชยเสวยสวาท กินรนาฏหายโรคที่โศกสร้อย
พอเพลาสายัณห์ตะวันคล้อย ก็เหาะลอยลงจากคิรีวัน ฯ
๏ สมรมิ่งเกสรก็ค้อนควัก ด้วยนางรักทูลกระหม่อมพระจอมขวัญ
ซักไซ้ถามความกรมด้วยเกรงกัน พี่สร้อยสุวรรณเจ็บหายค่อยคลายใจ
เมื่อสักครู่อัศจรรย์ออกลั่นโลก ภูเขาโยกโคลงคลอนขย้อนไหว
น่ากลัวถํ้าจะทำลายกระจายไป ประหลาดใจนักพี่สุวรรณา ฯ
๏ สร้อยสุวรรณคั่งแค้นแสนถวิล ไม่ได้ยินอัศจรรย์เหมือนเจ้าว่า
เมื่อราตรีกึกก้องเป็นโกลา ที่จะว่าสิมิว่าแม่หน้านวล
ทั้งสองข้างต่างคนต่างขยับ จักรพงศ์ทรงสดับแล้วแย้มสรวล
อัศจรรย์ครั้งไรที่ไหนนวล เออก็ควรหรือไม่รู้ถึงหูเลย
พระตรัสพลางปลอบน้องทั้งสองโฉม ทรามประโลมแม่อย่าหมองเลยน้องเอ๋ย
ทั้งนี้เป็นกุศลหนหลังเคย เจ้าร่วมเสบยเคยสบายอย่าหน่ายกัน
ทั้งสองนางทูลพลางฉันไม่เคือง ตาชำเลืองค้อนข่มกันคมสัน
พระยิ้มพลางทางเย้าให้แย้มกัน จนสุริยันเยื้องรถลงไรไร ฯ
๏ ส่วนสี่นางกินรินก็บินร่อน มาสิงขรคูหาที่อาศัย
สุดสวาทในองค์พระทรงชัย เอามาลัยจับจูบถวายพลัน
พระโฉมเฉิดเลิศเล่ห์เสน่ห์หญิง รับเอามิ่งมาลาแล้วรับขวัญ
พี่ขอบใจน้องเหลือแม่เนื้อจันทน์ เรารักกันแก้วตาอย่าราคี
กินรีสี่สาวก็กล่าวพ้อ แล้วหยอกล้อเนื้อเย็นผู้เป็นพี่
พี่เวียนเกล้าหนาวกายค่อยหายดี โรคอย่างนี้มักเป็นไม่เว้นคืน
ทั้งห้านางต่างพ้อแล้วล้อหลอน นางเกสรก้มหน้าไม่ฝ่าฝืน
ให้อัดอั้นกลั้นกลํ้านํ้าตากลืน ไม่มีชื่นอกช้ำระกำใจ
ทั้งห้านางกินราสามิภักดิ์ ได้ร่วมรักทรงฤทธิ์พิสมัย
ต่างนางต่างก็แจ้งประจักษ์ใจ ดีกันไปมิได้เดียดรังเกียจกัน ฯ


[๑] อุปจาร แปลว่า ที่ใกล้ ๆ หรือบริเวณโดยรอบ

[๒] จรจัล = จรจรัล

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ