การพระราชกุศลกาลานุกาล

๏ ในกำหนดพระราชพิธีสารท ได้กล่าวถึงข้าวกระทงและของสดับปกรณ์มาเสร็จแล้ว ในที่นี้จึงไม่ต้องกล่าวพิสดาร ขอบอกแต่ว่าในเดือน ๑๑ ขึ้นค่ำ ๑ เจ้าพนักงานได้เชิญพระบรมอัฐิ และพระอัฐิเท่าจำนวนที่เคยสดับปกรณ์มาแต่ก่อน ออกไปประดิษฐานบนพระที่นั่งเศวตฉัตรและโต๊ะจีน ทั้งในพระราชวังบวรฯ และหอพระนาค ก็มีการพระราชกุศลตามเคยเหมือนกาลานุกาลอื่นๆ พระสงฆ์ที่สดับปกรณ์ก็เกือบจะเป็นสำรับเดียวกันนั้นเอง

คำตักเตือนในพระราชพิธีสารท

การสวดมนต์ในเวลาค่ำ ก็เป็นตามธรรมเนียมเรียบร้อยดีอยู่ มีแต่ในวันกวนข้าวทิพย์ ภูษามาลาต้องเก็บใบมะตูม ให้พอแก่ที่จะพระราชทานเจ้ากวนข้าวทิพย์ คืออย่าให้ต่ำกว่าสิบหกใบลงไป ถ้าต่ำลงไปแล้วเคยเคอะมาหลายครั้ง ถ้ามากจนถึงสามสิบสองใบยิ่งดี อนึ่งใบมะตูมที่เก็บมานั้นเป็นอย่างใช้ไม่ได้แท้ๆ มักจะต้องห้อยหูมากกว่าทัด คือเหี่ยวอ่อนเหลือเกิน ด้วยเก็บมาไว้ช้า หรือไปรวบกระชากมาแต่ที่ใบอ่อนๆ จนสีแดง การที่ได้เตือนในหนังสือวชิรญาณแต่ก่อนก็มี แต่ภูษามาลาไม่มีผู้ใดได้รับหนังสือวชิรญาณ ท่านอธิบดีผู้ซึ่งบังคับภูษามาลาทุกวันนี้ก็ทรงหนังสือไม่ออก ฉัตรมงคลครอบพระกริ่งยังขาดได้ ถึงนินทาไว้ดังนี้คงไม่รู้ ช่างเป็นไร ยังมีเรื่องที่เคยกาหลในพิธีสารทอีกอย่างหนึ่ง คือข้าวกระทงที่สำหรับสดับปกรณ์พระบรมอัฐินั้น เคยมาตั้งอยู่ที่หลังฉากมุขใต้ แต่ก่อนมาถ้าเวลาจวนเพลแล้วเถ้าแก่เคยขนส่งมหาดเล็ก ทางพระทวารฉากข้างตะวันตก มหาดเล็กส่งกรมวังและทนายเลือกนำลงไปถวายพระสงฆ์ที่มาคอยสดับปกรณ์ แต่บางปีมหาดเล็กเฉยๆ อยู่ กรมวังก็เคยไปเรียกเอาเองก็มี ถ้าถูกเฉยเข้าด้วยกันหมดแล้วเป็นเกิดความทุกคราว การอื่นๆ ก็ดูไม่ใคร่มีขัดข้องขาดเหลืออันใดนัก ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ