การสังเวยเทวดา สมโภชเครื่อง เลี้ยงโต๊ะปีใหม่

๏ การสมโภชเครื่องในท้ายพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ เป็นธรรมเนียมมีมาแต่เดิม แต่ครั้นเมื่อถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดําริเสาะหาแบบอย่างการพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งมีในกฎมนเทียรบาล มาประกอบกับธรรมเนียมใหม่ๆ แล้วตั้งขึ้นเป็นแบบอย่างย่อๆ ต่อมามีหลายอย่าง แต่ในการเรื่องเลี้ยงโต๊ะนี้ เกิดขึ้นด้วยการสมโภชเลี้ยงลูกขุน มีในพระราชพิธีเก่าๆ หลายแห่ง มีการบรมราชาภิเษกเป็นต้น ทรงเห็นว่าตรงกันกับเรื่องเลี้ยงโต๊ะอย่างฝรั่ง ก็ดูเป็นการน่าเล่นอยู่ เพราะได้ทั้งการเก่าการใหม่ เป็นเหตุให้เกิดความสมัคสโมสรพร้อมมูลกัน จึงได้ทรงตั้งแบบขึ้นในวันขึ้นค่ำหนึ่งเดือน ๕ นี้ เวลาเช้ามีการพระราชกุศลสดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ยกไปทําที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลาค่ำว่างอยู่ จึงให้เชิญพระสยามเทวาธิราชซึ่งตั้งอยู่ในพระราชพิธีแล้วนั้น ออกมาตั้งที่บุษบกมุขเด็จพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และให้เชิญเจว็ดมุกกับทั้งเทวรูปที่หอแก้วมาตั้งด้วย ตั้งเครื่องสังเวยโต๊ะจีนเรียงติดๆ กันสามโต๊ะ ที่พื้นชาลาหน้ามุขเด็จตั้งพระแท่นเป็นราชอาสน์ตรงอัฒจันทร์ข้างตะวันออกมุขเหนือ แล้วกั้นฝาเฟี้ยมเสมอหน้าทิมคดเป็นฉากโรงละคร กั้นรอบทิมคดเป็นในโรง มีละครหลวงเล่นเรื่องต่างๆ คือจับต้นมีพระและนางออกจุดเทียนแล้วรําดอกไม้เงินทอง พระสองคราวหนึ่ง นางสองคราวหนึ่ง ต่อไปเป็นจับลิงหัวค่ำเป็นอย่างที่เล่นยืนเสมอทุกปี ต่อนั้นไปบางทีเป็นพระรามเข้าสวนพิราพบ้าง เป็นนนทุกบ้าง เรื่องสั้นๆ คล้ายๆ เรื่องเบิกโรง เปลี่ยนกันไปเป็นปีๆ เล่นกลางแจ้ง แล้วให้ตั้งโต๊ะเลี้ยงเครื่องต้นกับพระเจ้าลูกเธอ ตั้งบนพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เจ้านายโต๊ะหนึ่ง ข้าราชการผู้ใหญ่ชั้นเสนาบดีโต๊ะหนึ่ง ชั้นพระยาและพระที่สำคัญโต๊ะหนึ่ง หลวงโต๊ะหนึ่ง ขุนโต๊ะหนึ่ง แต่โต๊ะฝรั่งนั่นไม่แน่ เดิมก็มีโต๊ะเดียว เป็นโต๊ะยาวกว่าทั้งปวง ตั้งริมโรงละคร ดูก็เรียบร้อยกันมาได้หลายปี ภายหลังเกิดเหตุขึ้นที่มีกงสุลถือตัว ว่าต้องนั่งโต๊ะเจือปนกับคนเลวๆ พากันกลับไปเสียไม่ยอมนั่ง จึงได้แยกใหม่เป็นสองโต๊ะ โต๊ะหนึ่งเป็นสำหรับกงสุล โต๊ะหนึ่งสำหรับพ่อค้ามิชชันนารีบาดหลวง พวกพ่อค้าก็เกิดอาละวาดกันขึ้นอีก ว่าตัวเคยนั่งได้กับกงสุล ทําไมจึงต้องแยกย้ายกัน กลับไปเสียบ้าง คงอยู่บ้าง ข้างฝ่ายกงสุลกับกงสุลเองก็เกิดรังเกียจว่าเป็นกงสุลดิปโลมาติก กงสุลพ่อค้า บางคนก็ยอมนั่ง บางคนก็ไม่ยอมนั่ง ภายหลังแยกออกไปอีกเป็นสี่โต๊ะห้าโต๊ะ ก็วุ่นวายกันอยู่เสมอไม่มีที่สุดลงได้ ด้วยการที่เชิญนั้นไม่ได้เชิญเฉพาะว่าตัวผู้หนึ่งผู้ใด บอกไปตามกงสุลทุกๆ กงสุลตามแต่จะพาใครมาก็มากันหมดๆ เมืองทุกคราว แต่คําที่ว่าหมดเมืองนี้หน่อยจะเข้าใจกันว่ามากไป หมดที่มีในเมืองไทยประมาณสักหกสิบคนเท่านั้น แต่วิวาทกันเหลือเกินไม่ได้หยุดหย่อนเลย คงเรียบร้อยดีอยู่แต่พวกมิชชันนารีกับพวกบาดหลวง จึงต้องตกลงเป็นอันเลิกเสียด้วยความรำคาญก่อนสิ้นรัชกาลหลายปี คงเลี้ยงแต่เจ้านายขุนนางข้าราชการ เครื่องโต๊ะที่เลี้ยงนั้นก็เป็นอย่างเก่าๆ กับข้าวไทยบ้าง จีนบ้าง ฝรั่งบ้าง ทั้งหวานทั้งคาวตั้งพร้อมกันเต็มบนโต๊ะ มีมีดซ่อมช้อนตะเกียบสำรับเดียว ดูก็เป็นการอย่างเบื่อๆ กันอยู่ไม่สู้สนุกสนานอันใด เวลาเมื่อทรงจุดเทียนสังเวยแล้วทรงเจิมเครื่องที่พระแท่นและเจิมเทวรูปด้วย เสด็จขึ้นอยู่ใน ๕ ทุ่ม หรือ ๒ ยาม ครั้นเมื่อแผ่นดินปัจจุบันนี้ในปีแรกพระบรมศพอยู่บนพระมหาปราสาท การพระราชพิธีย้ายไปทำที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ท่านผู้เป็นประธานในราชการเวลานั้น ต่างคนต่างเบื่อเลี้ยงโต๊ะ ต้องอดตาหลับขับตานอน ก็ตกลงพร้อมใจกันขอให้เลิกเสีย การเลี้ยงโต๊ะใหญ่ตามซึ่งเกิดขึ้นในรัชกาล ๔ จึงได้เป็นอันเลิกสูญไปแต่นั้นมา

ครั้นต่อมาภายหลัง เมื่อใช้ธรรมเนียมฝรั่งชุกชุมนั้น มีการเลี้ยงโต๊ะในวังเนืองๆ จนถึงปีจอฉศก ๑๒๓๖ เมื่อย้ายมาอยู่พระที่นั่งนี้[๑] จึงได้เกิดการเลี้ยงปีใหม่ขึ้นเป็นคราวแรก แต่เลี้ยงเฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์ประมาณหกสิบพระองค์ตลอดมา เว้นไว้แต่ปีใดซึ่งมีเหตุการณ์ขัดข้องก็เลื่อนไปเป็นสงกรานต์บ้าง ยกเสียทีเดียวบ้าง บางปีก็มีแต่งพระองค์ต่างๆ ตามซึ่งเรียกอย่างฝรั่งว่าแฟนซีเดรสส์ บางปีก็แต่งพระองค์ตามธรรมเนียม และมีการเล่นต่างๆ ต่อเวลาเลี้ยงโต๊ะแล้วเป็นอย่างเล่นโยนน้ำบ้าง เล่นกลบ้าง เล่นเทียเต้อร์บ้าง มีแฟร์ขายของครั้งหนึ่งเมื่อปีกุนนพศก ๑๒๔๙ มีละครที่หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในเวลาค่ำด้วยทุกคราว และในเวลาที่เลี้ยงปีใหม่นี้ มีฉลากของพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ที่มานั่งโต๊ะด้วยทุกๆ พระองค์ และมีขนมพระราชทานเจ้านายข้าราชการในหมู่กรมต่างๆ หลายแห่ง การบางปีก็สนุกครึกครื้นมาก บางปีก็ไม่สู้สนุกครึกครื้น บางปีก็ประชุมกันอยู่จนเวลารุ่งเช้า บางปีก็เลิกไปในเวลาดึก

อนึ่ง การสังเวยเทวดา ซึ่งเคยมีที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแต่ก่อนนั้น ก็โปรดให้มีตามเคย แต่ย้ายไปทําเวลาเช้า ที่พระที่นั่งทรงธรรมในพระบรมมหาราชวัง มีเครื่องสังเวยและละครหลวงซึ่งยังเหลืออยู่ ออกมาจุดเทียนคู่หนึ่ง แล้วต่อไปก็หาละครผู้มีบรรดาศักดิ์มาเล่น จนตลอดเวลากลางวัน พอต่อกันกับการเลี้ยงเวลากลางคืน การปีใหม่เป็นเสร็จกันในวันเดียวนั้น

[๑] คือย้ายมาประทับหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เวลานั้นเรียกว่าพระที่นั่งใหม่

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ