กัณฑ์ฉกษัตริย์

ชาลีกุมาโรปิ มุจฺจลินฺทสรติเร ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา จุทฺทสรถสหสฺสานิ อาคตมคฺคาภิมุขาเนว ฐปาเปตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส สีหพฺยคฺฆทีปิขคฺคาทีสุ อารกฺขํ สุสํวิทหิ หตฺถิอาทีนํ สทฺโท มหา อโหสิ

ขึ้น (๑) ชาลีกุมาโรปิ แม้อันว่าพระชาลีศรีสุริยราชวงศ์ เมื่อดำเนิรพหลจตุรงค์เปนกระบวนหน้า นำเสด็จสมเด็จพระไอยกามกุฎิกรุงกระษัตริย์ อันเสวยสรรยาธิปัติปิ่นประชาชาวพิไชยเชต เมื่อถึงมุจลินทประเทศโบกขรณี จึงให้ยับยั้งพยุหโยธิตั้งตำหนักทัพ รับเสด็จสมเด็จพระไอยกา แล้วให้ตรวจตรากันตั้งค่าย ช้างม้ารายเปนกันกง พลทหารล้อมวงเปนหลั่น ๆ เพื่อจะป้องกันสรรพภัยพาฬมฤคจตุบท แล้วให้พลราชรถเรียบเรียงเบี่ยงบ่ายหน้าต่อพระพิไชยเชตอุดร เสียงหัยรถคชแสนยากรนี่สนั่น สเทือนสท้านถึงเขตรขัณฑ์คิรียวงกฏ

มหาสตฺโต ส่วนสมเด็จพระยอดประยุรยศขัตติยวงศ์ พระโสตทรงสดับศัพทสำเนียงเสียงพิลึกล้ำกัมปนาท สดุ้งพระไทยไหวหวาดว่าราชปรปักษ์ ชรอยจะยกมาหาญหักชิงพิภพรบพระนครสีพี แล้วพิฆาฎฆ่าสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีให้ดับชีพ จึงยกพหลเร็วรีบมาตามติด หวังจะประหารพระชนมชีวิตอาตมเสียกระมังในครั้งนี้ จึงพาพระเอกอรรคมหิษีสุนทรเทพกระษัตริย์ขัตติยนาเรศ ขึ้นสู่ศิงขรประเทศส้อนพระองค์ แล้วก็ทอดพระเนตรดูนิกรจัตุรงคราชเสนา ในสถานที่นั้นแล

ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
เตสํ สุตฺวาน นิคฺโฆสํ ภีโต เวสฺสนฺตโร อหุ
ปพฺพตํ อภิรุยฺหิตฺวา ภีโต เสนํ อุทิกฺขติ
อิงฺฆ มทฺทิ นิสาเมหิ นิคฺโฆโส ยาทิโส วเน
อาชานียา หสิยนฺติ ธชคฺคาเนว ทิสฺสเร
อิเม นูน อรญฺญมฺหิ มิคสํฆานิ ลุทฺธกา
วาคุราหิ ปริกฺขิตฺวา โสพฺเภ ปาเตตฺถ ตาวเท
วิกฺโกสมานา ติปฺปาหิ หนฺติ เนสํ วรํ วรํ
ตถา มยํ อทูสกา อรญฺเญ อวรุทฺธกา
อมิตฺตหตฺถฏฺฐคตา ปสฺส ทุพฺพลฆาฏกํ
อมิตฺตา นปฺปสเหยฺยุํ อคฺคีว อุทกณฺณเว
ตเทว ตฺวํ วิจินฺเตสิ อปิ โสตฺถิ อิโต สิยาติ
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
ตโต เวสฺสนฺตโร ราชา โอโรหิตฺวาน ปพฺพตา
นิสีที ปณฺณสาลายํ ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ
[ตโต มทฺที ราชปุตฺตี โอโรหิตฺวาน ปพฺพตา
นิสีทิ ปณฺณสาลายํ ทฬฺหํ กตฺวาน มานสนฺติ]

เดิน (๒) ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรอินทรีย์ สมเด็จพระมิ่งโมลีโลกุตมาภิเศก เอกอรรคมกุฎิวิสุทธสรรเพชญพงศ์ จึงตรัสแก่พระยอดเยาวอนงค์องค์อรรคเรศราชนารี ขึ้น ว่าดูกรเจ้าผู้ทรงศรีสุนทรลักษณวิลาศเลิศ โน่นแน่ทิวแถวทวนธงเทิดทิฆัมพร เสียงหัยรถคชแสนยากรนี้ก็ก้องกึกพิลึกลั่น สเทือนท้องพระหิมวันต์เพียงจะพังพินาศ หมู่พหลพยุหยาตรกระบวนพล ดูนี้ก็เกลื่อนกล่นกลาดพนาเวศ ดุจหนึ่งคลื่นในสมุทสาคเรศบ่รู้กี่โกฏิ มิคสํฆานิ ลุทฺธกา มัทรีเอ่ย เราทั้งสองนี้โสดเสมอเหมือนมฤคมาศในหมู่พเนจรใจฉกรรจ์กาจชวนกันกั้นกาง วางข่ายรายยกไว้ทุกช่อง มีมือถือตระบองแบกหอกแลแหลนหลาวร้องป่าวกัน ให้เร่งเลือกสรรเอาแต่ตัวพี แล้วก็ไล่ต้อนตีให้ลงหลุมรุมกันแทงให้ถึงชีวิตันตราย อกเราทั้งสองครั้งนี้นี่ก็หมายเหมือนฉนั้น นี่เนื้อว่ากรรมมาตามทันจึงต้องเนรเทศ ให้นิราศนคเรศมาอยู่ไพร แล้วยังมิพ้นภัยอรินราช เราทั้งสองนี้ก็จะพินาศเสียเปนมั่นคง ในพนัศแดนดงนี้แล้วแล

เดิน (๓) สมเด็จพระมัทรีศรีวิสุทธิกระษัตริย์รัตนราชกัญญา เมื่อสดับสารพระภัศดา อดุลยเดช นางท้าวเธอก็ทอดพระเนตรนิกรแสนเสนี ก็ทราบว่าพลชาวพระนครสีพีแน่ตระหนัก จึงทูลพระจอมปิ่นปักอรรคนเรศ หวังจะบันเทาอุทัจเหตุในพระราชหฤทัย ขึ้น ว่าพระพุทธิเจ้าข้า พระองค์อย่าได้สงสัยในพระบารมี พระร่มเกล้าจะได้ตรัสแก่พระสร้อยศรีสรรเพชญ์ โพธิญาณ จะข้ามขนสัตว์ให้พันโอฆกันดารจัตุรปาเยศ ลุสิวาลัยนคเรศระงับภัย ถึงแม้นมาตรปัจจามิตรหมู่ใดจะประทุษฐร้าย ก็จะพินาศฉิบหายพ่ายแพ้พระบารมี อคฺคีว อุทกณฺณเว ดุจดังอัคคีอันน้อยนิดหนึ่งนั้นหรือจะเผาผลาญ ซึ่งมหรรณพนทีธารให้เหือดแห้ง กระแสสินธุก็จะดับแสงให้เสื่อมสูญ สิ้นฤทธิเรืองจำรูญระเริงร้อน พระองค์สิทรงพระคุณดังขุนศิขรเขาสิเนรุราช ผู้ใดใครหรือจะอาจให้เอียงเอนอันตรายได้ จงดำรงพระหฤทัยดำริห์ก่อน เหนจะสมอุดมอัษฎาพรบ่เพี้ยนผิด อันสมเด็จบรมสุราฤทธิ์ประสิทธิประสาท ชรอยจะเปนทัพพระปิตุราชออกมารับเสด็จ พระบรมหน่อสรรเพชญ์คืนพระนคร

เดิน ครั้นท้าวเธอทรงสดับก็หายอาวรณ์วางเทวศ จึงพาพระเอกอรรคเรศราชกัญญา เสด็จในพระบรรณศาลาทรงสถิตย์ ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ มีพระกระมลสมาธิจิตรมิได้กัมปนาท ดุจหนึ่งสุวรรณปฏิมามาศอันบุคคลหล่อแล้วมาตั้งไว้ ในน่าพระอาศรมนั้นแล

ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
นิวตฺตยิตฺวาน รถํ วุฎฺฐเปตฺวาน เสนิโย
เอกํ อรญฺเญ วิหรนฺตํ ปิตา ปุตฺตํ อุปาคมิ
หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห เอกํโส ปญฺชลีกโต
ปริกิณฺโณ อมจฺเจหิ ปุตฺตํ สิญฺจิตุมาคมิ
ตตฺถทฺทส กุมารํ โส รมฺมรูปํ สมาหิตํ
นิสินฺนํ ปณฺณสาลายํ ฌายนฺตํ อกุโต ภยํ
ตญฺจ ทิสฺวาน อายนฺตํ ปิตรํ ปุตฺตคิทฺธินํ
เวสฺสนฺตโร จ มทฺที จ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อวนฺทิสุํ
มทฺที จ สิรสา ปาเท สสฺสุรสฺสาภิวาทยิ
มทฺที อหญฺจ เต เทว ปาเท วนฺทามิ เต หุสา
เตสุ ตตฺถ ปลิสชฺช ปาณินา ปริมชฺชถ
กจฺจิ โว กุสลํ ปุตฺต กจฺจิ ปุตฺต อนามยํ
กจฺจิ อุญฺเฉน ยาเปถ กจฺจิ มูลผลา พหู
กจฺจิ ฑํสา จ มกสา อปฺปเมว สิรึสปา
วเน พาฬมิคากิณฺเณ กจฺจิ หึสา น วิชฺชติ
[กุสลญฺเจว โน ตาต อโถ ตาต อนามยํ
อโถ อุญฺเฉน ยาเปม อโถ มูลผลา พหู
อโถ ฑํสา จ มกสา อปฺปเมว สิรึสปา
วเน พาฬมิคากิณฺเณ หึสา พยฺหํ น วิชฺชติ]
อตฺถิ โน ชีวิกา เทว สา จ ยาทิสี กีทิสา
กสิรา ชีวิกา โหม อุญฺฉาจริยาย ชีวิตํ
อนิทฺธินํ มหาราช ทเมตฺยสฺสํว สารถิ
ตฺยมฺหา อนิทฺธิกา ทนฺตา อสฺสมิทฺธิ ทเมติ โน
อปิ โน กีสานิ มํสานิ ปิตุ มาตุ อทสฺสนา
อวรุทฺธานํ มหาราช อรญฺเญ ชีวิโสกินํ
เยปิ เต สิวิเสฏฺฐสฺส ทายาทปฺปตฺตมานสา
ชาลี กณฺหาชินา จุโภ พฺราหฺมณสฺส วสานุคา
อจฺจายิกสฺส ลุทฺธสฺส โย เน คาโวว สุมฺภติ
เต ราชปุตฺติยา ปุตฺเต ยทิ ชานาถ สํสถ
ปริยาปุณาถ โน ขิปฺปํ สปฺปทฎฺฐํว มาณวํ
เอเต กุมารา นิกฺกิตา ชาลี กณฺหาชินา จุโภ
พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา ปุตฺตมาภายิ อสฺสสิ
กจฺจิ นุ ตาต กุสลํ กจฺจิ ตาต อนามยํ
กจฺจิ นุ ตาต เม มาตุ จกฺขุ น ปฺริหายติ
กุสลญฺเจว เม ปุตฺต อโถ ปุตฺต อนามยํ
อโถ จ ปุตฺต เต มาตุ กจฺจิ วุฏฺฐิ น ฉิชฺชติ
กจฺจิ อโรคํ โยคนฺเต อโถ วหติ วาหนํ
กจฺจิ ผีโต ชนปโท อโถ วุฏฺฐิ น ฉิชฺชาตีติ
อโถ อโรคํ โยคมฺเม ทุกจ น ปริหายต
อโถ ผีโต ชนปโท ก วาติ วาหน

เดิน (๔) ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิญาณ ส่วนสมเด็จพระจอมภพผู้ผ่านพระนครสีพีศรีสญชัยนราธิเบศ จึงตรัสแก่พระเอกอรรคเรศราชเทพี ผุสดีอดุลยลักษณวิลาศ ว่าเราจะเข้าไปสู่สำนักพระโอรสาธิราชพร้อมกัน ก็จะบังเกิดเศร้าแสนศัลย์กำสรดโศก ด้วยอัญญมัญญวิโยคยายี ตัวของพี่นี้จะเข้าไปก่อน เจ้าจึงบทจรเข้าไปตามต่อภายหลัง แล้วให้สองกุมารรถรั้งอยู่สุดท้าย จึงค่อยผันผายผ่อนกันเข้าไปเปนลำดับ แล้วท้าวเธอก็ให้กลับทัพประเทียบพล บ่ายหน้าคืนพระนครมณฑลสกลยาณาเขตร จึงเสด็จลงจากพระคชาธเรศราชกุญชร ขึ้น ทรงสพักภูษิตาภรณ์เฉวียงพระอังษา ประนมพระกรลีลาแลวิลาศ แวดล้อมด้วยหมู่ภิมุขมาตโยดม ยุรยาตรยังพระอาศรมสักกทัตติเยศ เพื่อจะอภิเศกสองขัตติยาธิเบศร์บรมวงศ์ ให้สืบเสวยมไหสูริยดำรงราชอาณาจักร เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระลูกรักร่วมพระไทย อันทรงประพฤติพรหมพิสัยอิสิเวศ ดุจองค์สมเด็จกมเลศอันลีลาศ ลงจากพิภพสุทธาวาศบวรพิมาน มีพระอาการกายจิตรวิเวก ทรงสังวรสัลเลขสละกาม กอปรด้วยมารยาตรเสงี่ยมงามเงื่อนอริยพงศ์ เมื่อสองกระษัตริย์ศรีสุริยวงศ์ทอดพระเนตร เห็นสมเด็จบรมนเรศราชบิดร ก็กระทำปัจจุคมนาการชลีกรกราบลงกับฝ่าพระบาท ท้าวเธอก็ยกพระหัตถ์ปรามาสเหนือพื้นพระขนองสองกระษัตรา แล้วสร้วมกอดพระสร้อยสุณิสาศรีสุริโยรส ประทับแทบพระอุระระทดทอดถอนพระหฤทัย พลางจุมพิตพระเกษจุไรรำพันพิลาป พระอัสสุชลนัยนี้ก็มาไหลอาบพระภักตรา จึงตรัสว่าโอ้อนิจจาเจ้าพ่อเอ่ย กะไรเลยช่างมาตกยาก มิควรเลยจะเสวยทุกข์ลำบากถึงเพียงนี้ เดิน แล้วต่างพระองค์ก็ทรงพระโศกีกำสรดโศก ด้วยอัญญมัญญวิโยคเมื่อยามนั้น ครั้นระงับดับโศกศัลย์แล้วก็ตรัสปฏิสันถารถามถึงทุกข์ภัยพยาธิว่า ขึ้น กจฺจิ โว กุสลํ ปุตฺต พระลูกเอ่ย ยังค่อยเสวยศุขนิราศโรคันตราย ทั้งเหลือบยุงริ้นร่านร้ายไม่ราวี เลี้ยงพระชนมชีพสดวกดีอยู่ดอกหรือพระลูกแก้ว ทั้งเหล่าทีฆชาติมิได้มีมาวี่แววเบียดเบียน วเน พาฬมิคากิณฺเณ ในพระหิมเวศนี้ก็ย่อมอาเกียรณ์ไปด้วยพาฬจัตุบาท ยังมาย่ำยีถึงบริเวณพระอาวาศบ้างหรือว่าหามิได้

พระลูกท้าวเธอก็ตรัสขานไขคดีทูล ว่าข้าแต่นเรนทรสูรสมมุติเทเวศ ผู้เปนปิ่นปกเกษพิภพสีพี ชีวิตข้าพระบาททั้งสองนี้พระพุทธเจ้าข้า กสิรา ได้ความลำบากยากแค้นแสนกันดาร ด้วยแสวงหามูลผลาหารมาเลี้ยงกัน เปนนิจนิรันดร์ไม่เว้นวาย พระคุณของลูกเอ่ยจักเสวยสุขสบายมาแต่ไหน มีแต่ความลำเค็ญเข็ญใจนี้มาเพิ่มภูล ดูนี่ก็เสื่อมสูญเสียขัตติยเพศ ทั้งพระเกียรติศักดาเดชนี้ก็เหือดหาย ทเมตฺยสฺสํว สารถิ ดุจหนึ่งดุรงคราชร้ายแรงพยศ อันนายสารถีกระทำให้ระทดถอยกำลัง ก็เหมือนพระลูกจากนิเวศน์เวียงวังมาอยู่ไพรไกลฝ่าพระบาท สมเด็จบรมชนกนารถราชมารดา ได้แต่ทุกขเวทนากระตรากกระตรำ พระสรีรรูปนี้ก็มาซูบคล้ำหม่นหมอง ทั้งฉวีวรรณที่ผุดผ่องนี้ก็เผือดผิด ทุกสิ่งสารพันพิปริตกว่าแต่ก่อนกาล

เดิน เมื่อท้าวเธอจะถามข่าวสองกุมารดรุณหน่อนเรศ ก็ทูลเสนอประพฤติเหตุขึ้นดังนี้ว่า ขึ้น พระพุทธเจ้าข้า ได้ทรงโปรดเกล้าเกษีข้าพระบาท ยังได้ทราบสารพระบรมนัดดานารถทั้งสององค์ พระลูกรักนี้มาปลดปลงปลิดออกจากอกยกให้เปนทาน แก่พราหมณพฤฒาจารย์ผู้หนึ่ง มันหรือช่างเคียดขึ้งมาโบยตี ดุจหนึ่งว่าทาสกรรมกรทาสีอันช่วยใช้ เจ้าจะตกไปแห่งหนตำบลใดก็ไม่ทราบเลย พระคุณของลูกเอ่ย สงสารด้วยดรุณหน่อกระษัตริย์ พราหมณ์มันทำโพยเปนสาหัสไม่ปรานี คาโวว สุมฺภติ ดุจนายโคบาลอันตอนตีซึ่งโคฝูง มันผูกข้อพระหัตถ์มัดจูงไปต่อหน้า ลูกนี้ก็ได้แต่อาดูรด้วยพระนัดดาบ่เว้นวาย พระร่มเกล้าจงตรัสบอกบรรยายยุบลเหตุ ให้บันเทาที่ทุกข์ทเวศในกระมลจิตร สปฺปทฏฺฐํว มาณวํ ดุจมานพอันอสรพิษพิฆาฏขบ ให้ล้มสลบสิ้นสมประฤดั มีบุคคลปรานีนำเอาทิพโอสถ มาลูบไล้ให้หายหมดไม่ม้วยมอด รอดชีวิตคืนฟื้นได้อัสสาสปัสสาส ก็เหมือนหนึ่งทรงพระกรุณาข้าพระบาทในครั้งนี้

เดิน จึงตรัสว่าอ่อสองกุมารกุมารีหลานรักราช ซึ่งเจ้าทรงประสาทให้เปนทาน พระบิดานี้ก็ไถ่ธอาจารย์ด้วยพระราชทรัพย์สำเร็จแล้ว เจ้าจงผ่องแผ้วภูลภิรมย์ อย่าเดือดร้อนเกรียมตรมกระมลโศก

ท้าวเธอทรงสดับก็ระงับที่ทุกขวิโยคค่อยเบิกบาน จึงกราบทูลปฏิสันถารถามพระบิตุเรศว่า ขึ้น กจฺจิ นุ ตาต กุสลํ ทุกวันนี้พระปิ่นปกเกษมกุฏิประชา ยังค่อยเสวยศุขหรรษานิราศโรค สิ่งสรรพทุกข์โศกไม่ยายี ทั้งองค์สมเด็จพระชนนียังมีพระกระมลศุข บำราศสิ่งสรรพทุกข์บ่บีฑา ยังค่อยบันเทาที่ทรงพระโศกาถึงข้าพระบาท ทั้งพระจักษุโรคาพาธนี้ก็ไม่แผ้วพาน กจฺจิ อโรคํ โยคนฺเต อนึ่งทั้งเหล่าจตุรงคโยธาหาญทุกหมู่หมด ม้ามิ่งมงคลคชคเชนทร ทั้งเสนาประชากรนี้ก็ยังค่อยเกษมศุข ปราศจากสรรพพยาธิทุกข์ถ้วนทุกคน อนึ่งทั้งฟ้าฝนนี้ก็ตกตามฤดูกาล สรรพสิ่งธัญญาหารในอาณาเขตร ยังค่อยบริบูรณ์อยู่ทั่วทุกประเทศหรือพระพุทธิเจ้าข้า

เดิน ท้าวเธอก็มีพระบัญชาตอบปิโยรส ว่าสิ่งซึ่งเจ้าถามนั้นก็บริบูรณ์ดีอยู่หมดไม่อันตราย ทั้งไพร่ฟ้าประชาชนทั้งหลายไม่เดือดร้อน พ่อผู้โอรสร่วมอุทรจงทราบสาร ในกาลบัดนี้เถิด

ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
อิจฺเจวํ มนฺตยนฺตานํ มาตา เนสํ อทิสฺสถ
ราชปุตฺตี คิริทฺวาเร ปตฺติกา อนุปาหนา
ตญฺจ ทิสฺวาน อายนฺตํ มาตรํ ปุตฺตคิทฺธินํ
เวสฺสนฺตโร จ มทฺที จ ปจฺจุคฺคนฺตวา อวนฺทิสุํ
มทฺที จ สิรสา ปาเท สสสยา อภิวาทย์
มทฺที อหญฺหิ เต อยฺเย ปาเท วนฺทามิ เต หุสา
[เตส7 ตตฺถ ปลิสชฺช ปาณินา ปริมชฺชถ
มทฺที จ ปุตฺตกา ทิสฺวา ทูรโต โสตฺถิมาคตา
กนฺทนฺตา อภิธาวึสุ วจฺฉา พาลาว มาตรํ
มทฺที จ ปุตฺตกา ทิสฺวา ทูรโต โสตฺถิมาคเต
วาริณีว ปเวเธนฺติ ถนธาราภิสิญฺจถาติ

เดิน (๕) ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา เมื่อสองกระษัตริย์ตรัสสนทนาในราชปฏิสันถาร ขณะนั้นสมเด็จพระผุสดีศรีวิมลมาลย์มกุฏิอนงค์ จึงทรงพระดำริห์ว่าปานฉนี้ สองกระษัตริย์จักเสื่อมโศกีกำสรดโศก ซึ่งทุกข์วิโยคอันรุ่มร้อน ควรอาตมจะบทจรสู่พระอาศรมบท นางท้าวเธอก็เสด็จด้วยดิเรกยศอย่างขัตติเยศ แวดล้อมด้วยแสนสาวศุภลักษณนาเรศราชกำนัล เสด็จถึงขอบคันขัตติยาวาศ ถอดฉลองพระบาทบทจรลี

ขึ้น ส่วนสองกระษัตริย์ทอดพระเนตรเหนพระผุสดีราชมารดา ก็เสด็จออกกระทำปัจจุคมนาน้อมพระเกษ ถวายทศนัขประนตบทวเรศราชชนนี

ขณะนั้นพระกัณหาชาลีบรมนัดดานารถ ก็แวดล้อมด้วยอเนกกุมารราชบริพาร เสด็จถึงพระอาศรมสถานทิพยนิเวศ

ส่วนพระมัทรีได้ทอดพระเนตรเหนพระเจ้าลูกทั้งสององค์ มิอาจที่จะดำรงพระสรีรกาย ให้ระส่ำระสายเสียวสั่นหวั่น ๆ พระทรวงทรงพระกรรแสง เสด็จแล่นจนสุดพระแรงไม่รอรั้ง วจฺฉา พาลาว มาตรํ เสมือนหนึ่งแม่โคนมอันนิราศบุตร ครั้นเหนลูกแล้วก็แสนสุดกำสรดทเวศ สมเด็จพระอรรคเรศราชกานดา มีพระสกลกายานี้ก็กัมปนาท ดุจจะแม่มดอันปิศาจเข้าสู่สิง ส่วนสองกุมารก็วางวิ่งเข้ากอดพระชนนี สามกระษัตริย์ก็ทรงพระโศกีรำพันพิลาป จนถึงซึ่งวิสัญญีภาพสลบลง ดูนี้ก็น่าพิศวงสังเวช ขีรธารา อันว่ากระแสรสวาเรศขีโรทก ก็ไหลตกออกจากพระเต้าเข้าในคลองพระโอษฐสองกุมารา ผิว่าพระชาลีกัณหามิได้เสวยขีรวารีรส พระหฤทัยก็จะระทวยระทดเหือดแห้งหาย นสฺสึสุ ก็จะวอดวายวางพระชนมชีวิต ส่วนสมเด็จบรมบพิตรเพสยันดร เมะทอดพระเนตรเหนสองบังอรอรรคปิโยรส ก็ทรงพระกำสรดสิ้นสมประฤๅดี ทั้งสมเด็จพระไอยกาไอยกีก็กรรแสงสุดแสนพิลาป จนถึงวิสัญญีภาพทั้งหกพระองค์ เดิน บรรดาพวกพหลจตุรงคราชมนตรี ทั้งแสนสาวพระสนมนารีนิกรกำนัล ก็ชวนกันโศกศัลย์ล้มสลบซบเศียรสังเวช สิ้นทั้งบริเวณจังหวัดสักกทัตติเยศขัตติยาศรม เปรียบปานประหนึ่งว่ากำลังลมยุคันทวาต อันพัดสาลวันให้ล้มเนรนาทเปนมหัศจรรย์

ขึ้น ขณะนั้นก็บังเกิดโกลาหล ทั่วสกุลกำเริบรอบ สะท้านสะเทือนเขตรขอบจักรวาฬ พื้นพสุธาธารนี้ก็มากัมปนาท ตลอดถึงพิภพสุทธาวาศอันสูงสุด สาคโร ทั้งพระมหาสาครสมุทก็ตีฟองนองระลอก กระทบกระทั่งฝั่งกระฉอกฉะฉาดฉาน สิเนรุปพฺพตราชา ทั้งขุนเขาพระหิมพานต์สัตตภัณฑ์สิเนรุราช ก็น้อมยอดอย่างจะอภิวาทพระบารมี เดิน สกฺโก เทวราชา ส่วนสมเด็จวชิรปาณีมกุฏิเทเวศ ทรงพระอาวัชนาการก็ทราบเหตุแห่งมหัศจรรย์ จึงบันดาลห่าฝนโบกขรวัสสันตวัสสิกธารา ให้ตกลงในที่ชุมนุมขัตติยวงศาทั้งหกกระษัตริย์ ก็ค่อยบันเทาที่ทุกข์โทมนัศชุ่มชื่น ต่าง ๆ ก็ได้สติฟื้นคืนสมประฤๅดี พ้นจากวิสัญญีนั้นแล

ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
สมาคตานํ ญาตีนํ มหาโฆโส อชายถ
ปพฺพตา สมนฺนาทึสุ มหี อากมฺปิตา อหุ
วุฏฐิ ธารํ ปเวจฺฉนฺโต เทโว ปาวสฺสิ ตาวเท
อถ เวสฺสนฺตโร ราชา ญาตีหิ สมคจฺฉถ
นตฺตาโร สุณิสา ปุตฺโต ราชา เทวี จ เอกโต
ยทา สมาคตา อาสุํ ตทาสิ โลมหํสนํ
ปญฺชลิกา ตสฺส ยาจนฺติ โรทนฺตา เภรเว วเน
เวสฺสนฺตรญฺจ มทฺทิญฺจ สพฺเพ รฏฺฐา สมาคตา
ตฺวํ โนสิ อิสฺสโร ราชา รชฺชํ กาเรถ โน อุโภติ

เดิน (๖) ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เมื่อมหัศจรรย์บันดาลเกิดจลาจลทั่วสกลโลกธาตุ ทั้งห่าฝนโบกขรพิรุณสารทตกลงประพรม ในตำแหน่งขัตติยสมาคมควรจะปรีดา ทุกหมู่หมวดมุขมาตยาทิชาชาติ เสนาพฤฒามาตย์ราชกระวี อิกทั้งพระสนมนารีนิกรอนงค์ ทั้งพวกพหลจตุรงค์ราษฎร์ประชากร ก็เกิดโลมชาติสยดสยอนแสงพระเดช ต่าง ๆ ก็ชวนกันน้อมเกษกราบบังคมทูล ขึ้น ว่าข้าแต่นเรนทรสูรสมมุติเทวราช จงทรงพระกรุณาโปรดอดโทษที่ประมาทแต่หลังมา ขอเชิญเสด็จลอองธุลีลาผนวชไพร ทรงซึ่งขัตติวิสัยสวรรเยศ คืนพระนครอันพิเศษด้วยศิริสมบัติ สืบเสวยสวรรยาธิปัตถวัลยวงศ์ เปนมิ่งมกุฎดำรงสกุลอาณาจักร จะได้เปนที่พึ่งที่พำนักสัตวนิกร ให้บันเทาที่ทุกข์เดือดร้อนระงับภัย ดุจมหาเศวตฉัตรไชยอันกางกั้น ได้ร่มเย็นไปทั่วทุกอเนกอนันต์นิกรประชาชน จงทรงพระกรุณาโปรดรับนิมนต์ข้าพระบาท ฝูงเสนาพฤฒามาตย์ราษฎรประชา อันทูลอาราธนาอยู่นี้เถิด

ฉขตฺติยปพฺพํ นิฏฺฐิตํ

ประดับด้วยพระคาถา ๓๖ พระคาถา

----------------------------

  1. ๑. ในวง ยุ. ไม่มี

  2. ๒. ในวงยุ. ไม่มี

  3. ๓. ในวงยุ. ไม่มี

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ