กัณฑ์ทศพร
ผุสฺสติ วรวณฺณาเภติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถุํ อุปนิสฺสาย นิโคฺรธาราเม วิหรนฺโต โปกฺขวสฺสํ อารพฺภ กเถสิ
ทำนองธรรมวัต (๑) สตฺถา สมเด็จพระสรรเพชญ์ ปางเมื่อพระองค์เสด็จอาศรัยซึ่งกรุงกบิลพัศดุ์บุรีเปนที่ภิกษาจาร ทรงสำราญพระพุทธหฤทัยในนิโครธารามบรมพุทธาธิวาส แห่งศากยราชร่วมพระประยูรวงศ์บริวัตร อารพฺภ ทรงปรารภซึ่งฝนโบกขรพรรษให้เปนอุบัติเหตุ กเถสิ จึงตรัสเทศนาพระมหาเวสสันดรชาดก ให้เปนผลาดิลกยอดยิ่งพระญาณ พระอรหันต์นับประมาณห้าร้อยพระองค์ แต่ล้วนทรงพระปฏิสัมภิทา มีพระมหากัสสปเถระเปนต้น มีพระอานนท์เปนปริโยสาน อุปลิกขิตนาการกำหนดด้วยบทต้นพระคาถาว่า ผุสฺสติ วรวณฺณาเภ เปนปฐมบาทดังนี้ก่อน
(๒) ยทา กาลใดพระศาสดาจารย์ ได้ตรัสแด่พระปรมาภิเศกสัมโพธิญาณยอดธรรมวิเศษ พระองค์จึงตรัสเทศนาพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรโปรดปัญจวัคคีย์ภิกษุทั้งห้า แล้วพระองค์ก็เสด็จไปยังราชคฤหบุรีโดยลำดับ เสด็จยับยั้งอยู่สิ้นเหมันตฤดูในพระเวฬุวนารามมหาวิหาร พระกาฬุทายีเถรเจ้าเปนมัคคุทเทศผู้แสดงทางพระพุทธดำเนิน พระองค์จึงเสด็จพระพุทธลีลาโดยมรรคาครั้งนั้น ล้วนพระขีณาสพอรหันต์เจ้าสองหมื่นชื่นชมตามเสด็จมิทันช้า พระศาสดาก็เสด็จไปยังกบิลพัศดุ์บุรี เปนปฐมทีแรก เสด็จประทับอยู่ที่ฝั่งชลธี แลมรรคาแต่ราชคฤหมาถึงกบิลพัศดุ์ไกลถึง ๖๐ โยชน์เปนกำหนด เมื่อสมเด็จพระบรมศรีสุคตเสด็จพระพุทธดำเนินโดยอตุริตจาริกมิได้เร่งรีบล่วงมรรคาวันละโยชน์ ๆ ถึง ๖๐ ราตรี ก็บรรลุกบิลพัศดุ์มหานคร เมื่อวันวิสาขบุรณมีเพ็ญเดือนหก เปนมหามงคลสมัย
ปางนั้นพระบรมวงศ์ศากยราช ทราบว่าพระบรมโลกนารถศาสดาเสด็จมาถึง จึงพร้อมกันทุกพระองค์ทรงพระปราโมทย์ ตรัสสั่งให้แต่งนิโครธมหาวิหารแล้ว จึ่งประดับเครื่องอลังการทุกพระองค์ ทรงพระภูษาทุกูลพัตรพระหัตถ์ทรงเครื่องสักการบูชา แล้วก็ปัจจุคคมนาการเชิญเสด็จพระศรีสรรเพชญ์ให้ทรงพระที่นั่งเรือขนาน จากชลธารถึงนิโครธารามบรมนิเวศน์ สมเด็จพระโลกเชษฐ์เสด็จประทับเหนือบวรพุทธอาศน์ ส่วนพระบรมญาติทุกพระองค์ทรงมานะทิฐิ ต่างพระองค์ทรงพระดำริห์ตริตรึกนึกในพระไทย ว่าสมเด็จพระสิทธัตถะมีพระบวรวิลาศสดใส พึงจะทรงพระเจริญวัยหนุ่มนัก ทั้งพระบวรลักษณ์ก็งามบริสุทธิ์ มีพระชนมายุคราวบุตรแลนัดดา เราจะอภิวันทนาดูก็ไม่สมควร ก็ชวนกันนั่งอยู่ในเบื้องหลัง ยังพระราชกุมารหนุ่ม ๆ ทั้งนั้นให้ถวายวันทนา
สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบพระอัชฌาสัยกมลหฤทัยพระบรมญาติทุกพระองค์ อันทรงซึ่งมานะไปหมด ควรตถาคตจะทรมานพระประยูรญาติให้ปราศจากมานะทิฐิ สมเด็จพระผู้ทรงบุญสิริก็เข้าสู่พระจตุตถฌาน มีอภิญญาณเปนที่ตั้งดำรงพระองค์ เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีลอองพระบาทให้เรี่ยรายลงถูกต้องเศียรเกล้าพระวงศ์ศากยราช เปล่งพระฉัพพรรณรังษิโยภาษรุ่งเรืองสว่าง อย่างพระยมกปาฏิหาร ในมณฑลสถานไม้คันธามพพฤกษ์ ดูพิฦกเลิศมหัศจรรย์
ลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนพระพุทธบิดา ทอดพระเนตรเห็นมหัศจรรย์ ยกพระกรอภิวันท์สรรเสริญพุทธเดชานุภาพ ว่า ภนฺเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาวอุดม พระพี่เลี้ยงพระนมข้างฝ่ายใน เชิญเสด็จพระองค์เข้าไปจะให้วันทนานมัสการชฎิลดาบศ ปาเท ปริวตฺติตฺวา พระบาทบงกชทั้งคู่ดูดุจจะขึ้นประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งชฎิลดาบศ ข้าพระพุทธเจ้าก็ประณตน้อมนมัสการโดยคำนับ วปฺปมงฺคลทิวเส วันเมื่อข้าพระพุทธเจ้าทำวัปปมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญในท้องสนามหลวง พระพี่เลี้ยงทั้งปวงเชิญเสด็จพระองค์ไปบรรธมอยู่เหนือพระยี่ภู่ ปูด้วยผ้าทุกุลพัตร ในบริเวณจังหวัดร่มไม้หว้า ชมฺพุฉายา เมื่อตวันชายเงาไม้มิได้บ่ายไปตามตวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด ครั้งนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ประนตนอบนบเปนคำรบสอง สามทั้งครั้งนี้ เมื่อสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีศิริสุทโธทน์ ทรงพระปราโมทย์ถวายอภิวาท เหล่าศากยราชสิ้นทุกพระองค์ มิอาจจะทรงมานะอยู่ได้ ก็พร้อมกันถวายวันทนา
นาโถ สมเด็จพระบรมโลกนารถศาสดาจารย์ เมื่อพระองค์ยังพระบรมญาติทั้งหลายให้ถวายนมัสการทุก ๆ พระองค์แล้ว จึ่งเสด็จคลาแคล้วลีลาลงจากนภดลอากาศ เสด็จนั่งเหนือพระบวรพุทธอาศน์อย่างเอก ขณะนั้นมหาเมฆอันใหญ่ตั้งขึ้นมา ยังท่อธาราห่าฝนโบกขรพรรษให้ปวัตตนาการเปนท่อธารไหลไป สีน้ำนั้นแดงใสบริสุทธิ์ แม้ว่ามนุษย์หญิงชายผู้ใด ปราถนาจะมิให้ถูกต้องกายแห่งตน แม้มาตรว่าแต่ขุมขนก็มิได้ชุ่มไปด้วยน้ำน่ามหัศจรรย์ ตกลงแล้วก็ไหลลั่นสนั่นไปใต้พื้นพสุธา ส่วนพระบรมวงศาศากยราช ทอดพระเนตรเห็นพุทธอำนาจมหัศจรรย์ ก็พากันทรงพระปราโมทย์ ออกพระโอษฐตรัสว่ามหัศจรรย์ในครั้งนี้ แต่ก่อนไม่เคยมีเราไม่เคยเห็น หากบันดาลเปนด้วยอำนาจพุทธานุภาพระบรมศาสดา ตรัสแล้วก็น้อมพระเศียรเกล้าบังคมลาสมเด็จพระมหากรุณาธิคุณเจ้า ต่างเสด็จกลับเข้ายังพระราชวัง
วีสติสหสฺสานิ ฝ่ายพระอรหันต์สองหมื่นก็ชื่นชมปรีดา สั่งสนทนากันว่า แต่กาลก่อนมิได้เคยทัศนาเหมือนครั้งนี้ สตฺถา สมเด็จพระชินสีห์สัพพัญญู เสด็จมาสู่ที่ประชุมจึงตรัสถาม ทรงทราบความตามเรื่องที่ภิกษุสั่งสนทนา จึ่งมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหัศจรรย์ห่าฝนสวรรค์โบกขรพรรษปวัตตนาการตกลงมาในที่ประชุมพระบรมญาติทั้งนี้ ย่อมมีมาแล้วแต่กาลก่อน พระองค์ตรัสฉนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพ พระภิกษุทั้งหลายปราถนาจะใคร่ทราบจึ่งทูลอาราธนา สมเด็จพระศาสดาก็นำมาซึ่งอดีตนิทาน ตรัสเทศนาว่า
(๓) อตีเต ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงแล้วแต่ปางหลัง ยังมีบรมกระษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามพระเจ้าสีวิราชบรมกระษัตริย์ เถลิงถวัลยราชสมบัติในกรุงสีวิราฐบุรี พระองค์มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่งชื่อว่าสญชัยราชกุมาร ครั้นทรงวัฑฒนาการเจริญวัย สมเด็จพระราชบิดามอบศิริราชสมบัติให้ครอบครองพระภาราสีวิราฐบุรี อภิเศกกับพระผุสดีราชธิดาแห่งสมเด็จบรมกษัตราจอมจุฑามัททราช พระเยาวมาลย์มาศมิ่งมกุฏิผุสดี แต่ปางก่อนพระนางมีมูลปณิธีได้ตั้งไว้ ตั้งแต่ภัททกัปนับถอยหลังลงไปได้เก้าสิบเอ็ดกัป พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มาอุบัติในโลก พระองค์เสด็จอยู่ในพระวิหารมฤคทายวัน ใกล้พันธุมดีมหานคร
กาลครั้งนั้น กระษัตริย์พระองค์หนึ่งเสวยราชสมบัติในนครอันเปนเขตรขึ้นนครพันธุมดี ส่งมาซึ่งสุวรรณมาลีวิมลมาศราชบรรณาการ กับทั้งรัตตจันทนสารแก่นจันทน์แดง มาถวายแด่พระเจ้าพันธุมราช พระองค์ก็ประสาทจันทนสารให้แก่พระผุสดี สุวรรณมาลีดอกไม้ทอง พระองค์ประทานให้แก่พระธิดาผู้น้องด้วยความเสน่หา ส่วนพระราชธิดาทั้งสองก็มาตริตรองการ เห็นแท้ว่ามิได้เปนแก่นสารที่จะประดับในกาย ควรจะนำไปถวายเปนพุทธบูชา สองพระราชธิดาจึงกราบทูลแด่สมเด็จพระบิตุราช พระองค์ก็ทรงพระอนุญาตยอมอนุโมทนาด้วยพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ฝ่ายพระราชบุตรีผู้พี่นั้น ก็ให้บดแก่นจันทน์เปนวิเลปนะเครื่องลูบไล้ ใส่ลงในผะอบทองอันบรรจงวิจิตร ฝ่ายพระกนิษฐนารีผู้น้องน้อยก็พลอยมีศรัทธา จึงเอาสุวรรณมาลาดอกไม้ทอง ให้นายช่างประดิษฐกรองกระทำเปนสุวรรณมาลาเครื่องประดับอุรพางค์ แล้วพระนางโปรดให้สาวใช้หยิบยกไปสู่พระวิหาร สรีรํ ปูเชตฺวา ฝ่ายพระเยาวมาลย์ราชธิดาองค์ใหญ่นั้น ก็บูชาพระทศพลด้วยจุณจันทน์ ที่เหลือนั้นก็เรี่ยรายปรายโปรยในสถานที่พระคันธกุฎี พระนางก็ตั้งพระปณิธานวาทีด้วยบาทพระคาถาว่า
เอสา จนฺทนจุณฺเณน | ปูชา ตุเมฺหสุ เม กตา |
ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส | มาตา เหสฺสํ อนาคเตติ |
ภนฺเต ข้าแต่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาค เอสา ปูชา อันว่าการสักการบูชาอันข้าพระพุทธเจ้ากระทำในพระองค์ ด้วยผงจุณแก่นจันทน์นี้ ขอให้ข้าได้สมความยินดีเปนพุทธมารดาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล อันทรงพระคุณวิเศษญาณปรากฎเหมือนดังพระองค์ฉนี้
ส่วนพระกนิษฐนารีผู้น้อง ก็นำเอาดอกไม้ทองเครื่องประดับอุรา บูชาสมเด็จพระศาสดา แล้วก็ตั้งปณิธานความปราถนาในที่เฉภาะพระภักตร์พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนางกล่าวเปนบาทพระคาถาว่า
ภนฺเต สุวณฺณมาลาย | มยา ตฺวํ ปูชิโต อาสิ |
เตน มยฺหํ อุเร โหตุ | มาลาปุญฺเญน นิมฺมิตาติ |
ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงทศพลญาณ เดชะเกล้ากระหม่อมฉันกระทำสักการบูชาแก่พระองค์ ด้วยสุวรรณมาลีเครื่องประดับสำหรับอุระนี้ ขอให้บุญราษีตกแต่งสำเร็จความปราถนา ให้ลายลักษณวราบุบผาชาติพิเศษ เกิดปรากฎในอุรประเทศแห่งข้าพระบาท สมเด็จพระโลกนารถ ก็ตรัสอนุโมทนา โดยบาทพระคาถา ดังนี้
ยา เจตฺถ ทฺวีหิ ตุเมฺหหิ | ปูชา มยฺหํ ปติฏฺฐิตา |
ตาย อิชฺฌนฺตุ ตุมฺหากํ | ยถา โว ปตฺถนา ตถาติ |
โดยบรมพุทธภาษิตว่า มโนปณิธานความปราถนาดังนี้ ที่ท่านทั้งสองตั้งไว้เปนอันดีในสำนักตถาคต ขอจงให้สำเร็จมโนรถแก่ท่านทั้งสอง ด้วยผลอานิสงษ์ซึ่งได้กระทำพุทธบูชา พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ก็ทรงภิรมย์เปรมปรีดิ์ ถวายนมัสการลาสมเด็จพระชินสีห์แล้วก็เสด็จกลับยังปราสาท พระพี่น้องสองราชนารีก็เกษมศรีเสวยสมบัติสิ้นกาลช้านาน เมื่อสิ้นพระชนมานก็บังเกิดในสวรรค์ ครั้นอวสานที่สุดชาติพระราชธิดาผู้พี่ ก็ได้เปนพระบรมพุทธชนนีสมพระปราถนา ทรงพระนามพระนางศิริมหามายาราชเทวี ส่วนพระกนิษฐากุมารีผู้น้องนั้นครั้นจุติจากสวรรค์ ก็ได้มาบังเกิดในขัตติยพันธุ์เปนพระราชธิดาพระเจ้ากิกิราช ในศาสนาพระพุทธกัสสปชินสีห์ พระราชบุตรีกอปรไปด้วยฉัพพรรณรังษีสุวรรณมาลามาศ ประดุจนายช่างผู้ฉลาดวาดเขียนเปนเครื่องประดับพระอุระองค์อันรจนา จึงทรงพระนามอุรัจฉทาราชกุมารี เมื่อพระชนมายุได้สิบหกปี ได้ฟังภัตตานุโมทนาสมเด็จพระสัพพัญญู พระนางก็ตรัสรู้พระอรหัตตัดกิเลศเปนสมุจเฉทประหาน เข้าสู่พระนิพพานในศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ราชา สมเด็จพระเจ้ากิกิราช พระองค์มีพระราชธิดาอื่นอิก ๗ พระองค์ ทรงพระนามต่างกัน คือนางสมณี นางสมณโคตตา นางภิกขุนี นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา นางสุธัมมา นางสังฆทาสี
(๔) ส่วนนางสุธัมมานั้นครั้นสิ้นชีพแล้ว ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ทรงพระนามพระผุสดี เปนพระอรรคมเหษีสมเด็จอมรินทรา เมื่อบุพนิมิตรปรากฎแก่พระผุสดีเทพกัญญา เปนเหตุจะจุติสิ้นพระชนมพรรษานิราศร้างจากทิพยสถาน สกฺโก เทวราชา สมเด็จท้าวมฆวานตรีเนตร ทราบเหตุปัญจบุพนิมิตรห้าประการ อันบังเกิดแก่พระเยาวมาลย์มิ่งมเหษี จึงพาเทพยผุสดีไปยังแท่นที่นันทวโนทยาน ยังพระเยาวมาลย์ให้บรรธมในแท่นทิพยไสยาศน์อันยิ่งยง ท้าวเธอก็เสด็จทรงพระไสยาศน์ ร่วมทิพยอาศน์ด้วยพระผุสดีเทพอับศร เมื่อท้าวเธอจะประสาทพร ก็กล่าวเปนบาทพระคาถาฉนี้
ทำนองมหาชาติ ผุสฺสติ๑ วรรณฺณาเภ | วรสฺสุ ทสธา วเร |
ปถพฺยา จารุปุพฺพงฺคี | ยํ ตุยฺหํ มสโส ปิยํนฺติ |
เทวราช นโม ตฺยตฺถุ | กึ ปาปํ ปกตํ มยา |
รมฺมา จาเวสิ มํ ฐานา | วาโตว ธรณีรุหนฺติ |
น เจว เต กตํ ปาปํ | น เม ตฺวมสิ อปฺปิยา |
ปุญฺญญฺจ เต ปริกขีณํ | เยน เตวํ วทามิหํ |
สนฺติเก มรณํ ตุยฺหํ | วินาภาโว ภวิสฺสติ |
ปฏิคฺคณฺหาหิ เม เอเต | วเร ทส ปเวจฺฉโตติ |
เดิน (๕) สกฺโก สมเด็จพระอมรินทราธิราช จึงมีเทวราชบัญชาตรัสประภาษว่า ขึ้น ภทฺเท ดูกรเจ้าผู้มีสุนทรภักตร์ กอปรด้วยศุภลักษณ์อันวิเศษหาผู้จะติเตียนมิได้ ยํ วรํ พระพรสิ่งใดเปนที่เจริญใจแห่งเจ้า อันจะลงไปบังเกิดในมนุษยโลก จะต้องวิโยคจากทิพยวิมาน วรสฺสุ เจ้าจงเลือกเอาพระพรสิบประการตามความปราถนา เดิน พระผุสดีเทพกัญญาก็อัญชลีกรประนม บังคมทูลถามท้าวสหัสนัยเทวราช ขึ้น ว่ากรรมอันใดจะให้เคลื่อนคลาศจากทิพยพิมาน เหมือนลมพายุมาพัดพานเพิกถอนหมู่ไม้ ให้กำจัดไปจากพื้นพสุธา จงทรงพระกรุณาตรัสให้ทราบแก่ข้าผุสดี เดิน สมเด็จท้าวโกสีย์อมรินทราธิราช เมื่อพระเยาวมาลย์มาศผุสดีสิ้นสมปฤดีประมาท จึงตรัสประภาษตอบสุนทรวาทีว่า ขึ้น ภทฺเท ดูกรเจ้าผุสดี อย่าหมองศิริโทรมนัศ เราทั้งสองจะต้องกำจัดจากกันในครั้งนี้ เจ้าจงภิรมย์ยินดีรับเอาซึ่งทศวรพรสิบประการ เดิน พระผุสดีสดับเทวโองการ พลางพระเยาวมาลย์ก็กล่าวเปนพระคาถาว่า
วรญฺเจ เม อโท สกฺก | สพฺพภูตานมิสฺสร |
สิวิราชสฺส ภทฺทนฺเต | ตตฺถ อสฺสํ นิเวสเน |
นีลเนตฺตา นีลภมู | นีลกฺขีว ยถา มิคี |
ผุสฺสตี นาม นาเมน | ตตฺถ อสฺสํ ปุรินฺทท |
ปุตฺตํ ลเภถ วรทํ | ยาจโยคํ อมจฺฉรึ |
ปูชิตํ ปฏิราชูหิ | กิตฺติมนฺตํ ยสสฺสินํ |
คพฺภํ เม ธารยนฺติยา | มชฺฌิมงฺคํ อนุณฺณตํ |
กุจฺฉิ อนุณฺณตา๒ อสฺส | จาปํว ลิกฺขิตํ สมํ |
ถนา เม นปฺปปตฺเตยฺยุํ | ปลิตา นสฺสนฺตุ วาสว |
กาเย รโช๓ น ลิมฺเปถ | วชฺฌญฺจาปิ ปโมจเย |
มยูรโกญฺจาภิรุเท | นารีวรคณายุเต |
ขุชฺชเปลาวกากิณฺเณ๔ | สูทมาคธวณฺณิเต๕ |
จิตฺรคฺคเลหุฆูสิเต๖ | สุรามํสปฺปโพธเน |
สิวิราชสฺส ภทฺทนฺเต | ตตฺถ อสฺสํ มเหสิยาติ |
ขึ้น (๖) สกฺก ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช ข้าพระบาทจะจากไปสู่มนุษย์เมืองไกล จะขอรับเอาพระพรไชยทูลสนองเหนือเกษา ข้าพระบาทจะถวายบังคมลาลงไปเกิดเอาชาติกำเนิด ขอให้ข้าไปบังเกิดในปราสาท แห่งพระเจ้าสีวิราชอันทรงศักดิ์ มีพระราชอาณาจักรปกแผ่ไปในสกลชมพูทวีป ให้หมู่ประชาชนอยู่เปนศุขสำราญเกษมสานต์ชื่นชม พระพรนี้เปนประถมขอให้สมดังปราถนา นีลเนตฺตา ขอให้ข้ามีดวงเนตรทั้งสองดำเปนสี เหมือนหนึ่งตามฤคีลูกเนื้อทราย อันเกิดได้ขวบปีปลายเปนกำหนด พระพรนี้เปนคำรบสองจงปรากฎแก่ข้าพเจ้า นีลภมู อนึ่งเล่าขอให้ขนคิ้วข้าเขียวดูงามขำบริสุทธิ์ เปนสีระยับดุจสร้อยคอมยุรยูงงาม พระพรนี้เปนคำรบสามจงสมด้วยความปราถนา ผุสฺสตี นาม นาเมน ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช นามกรข้าพระบาทจงชื่อว่าผุสดี พระพรนี้เปนคำรบสี่จงประสิทธิ์ดังประสงค์ ปุตฺตํ ลเภถ ขอให้ข้าพระองค์มีโอรส ทรงพระเกียรติยศยิ่งกว่ากระษัตริย์ในสากล ทรงพระราชศรัทธาเพิ่มกุศล แก่หมู่ประชาชนทุกขอบเขตรขัณฑสีมาอาณาจักร พระพรนี้เปนคำรบห้าข้าผู้บริรักษ์ต้องปราสงค์ เมื่อข้าพระองค์ทรงพระครรภ์พระโอรส อย่าให้ครรภ์ข้าพระบาทปรากฎนูนเหมือนสัตรีทั้งมูลดูเวทนา จาปํว ลิกขิตํ สมํ ให้มีครรภ์โอรสาดูงามพร้อม เหมือนคันธนูดูลม่อมอันนายช่างฉลาดเหลาเกลี้ยงเกลาพร้อมเสมอสมาน พระพรเปนคำรบหกประการจงสำเร็จแก่ข้าพระเจ้า ถนา เม นปฺปปวตฺเตยฺยุํ อนึ่งเล่ายุคลถันทั้งสองของข้าพระบาท เมื่อทรงครรภ์อย่าวิปลาศแปรผันดำปรากฎ แม้พระบวรปิโยรสจะเสวยทุกวันทุกเวลา ก็อย่าคล้อยเคลื่อนเลื่อนลดลงมาจากพระทรวง ให้เต่งตั้งดังประทุมบัวหลวงงามบริสุทธิ์วิเศษเสร็จ พระพรนี้เปนคำรบเจ็ดขอให้ลุดังปราถนา ปลิตา นสฺสนฺตุ อนึ่งขอให้เส้นเกษาสีดำขลับสลับสลวยบริสุทธิ์ ประดุจสีปีกแมลงค่อมทอง เปนมันระยับย่องควรจะทัศนา พระพรเปนคำรบแปดนี้ขอให้สมเจตนาฉนี้ สุขุมจฺฉวี ขอให้ผิวเนื้อเลอียดเปนนวลลอองดังทองคำธรรมชาติ สกลกายใสสะอาดดูผ่องแผ้วหมดราคี พระพรเปนคำรบเก้านี้จงประสิทธ์ วชฺฌญฺจาปิ ปโมจเย อนึ่ง คนโทษทุจริตอันเข้มข้น จะพินาศด้วยพระราชทัณฑ์ทำลายล้างชีวิต ขอให้ข้าได้เปลื้องปล่อยปลิดให้พ้นตาย ด้วยกำลังยศปริยายปัญญาญาณ พระพรเปนคำรบสิบประการ เรียกพระพรไชยสิทธิ์อันวิเศษ ข้าแต่ท้าวสหัสเนตรเทวราช ขอพระองค์จงโปรดประสาทให้แก่ข้าพเจ้าผู้เปนบริจาริกา
เดิน สกฺโก สมเด็จอมรินทราธิราช ได้ทรงฟังพจนาตถ์สุนทรวาจา อันนางผุสดีเทพกัญญาทูลขอทศวรพรสิบประการ ก็ตรัสพระราชทานด้วยพระคาถาดังนี้
เย เต ทส วรา ทินฺนา | มยา สพฺพงฺคโสภเณ |
สิวิราชสฺส วิชิเต | สพฺเพ เต ลจฺฉสิ วเรติ |
ขึ้น (๗) ภทฺเท ดูกรเจ้าผุสดีผู้มีสุนทรภักตร์ พร้อมด้วยสรรพลักษณะวิไลยเลิศ เย เต ทส วรา ทินฺนา วรพรพิเศษประเสริฐสิ่งใดทั้งสิบประการ ที่เราประทานประสิทธ์ให้ พระพรนั้นไซ้เจ้าจักได้สำเร็จเสร็จสิ้นทุกประการ ในพระราชฐานแว่นแคว้นแดนอาณาจักรจอมนารถ แห่งสมเด็จพระเจ้าสีวิราชนั้นเทอญ
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห | |
อิทํ วตฺวาน มฆวา | เทวราชา สุชมฺปติ |
ผุสฺสติยา วรํ ทตฺวา | อนุโมทิตฺถ วาสโวติ |
ขึ้น (๘) ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสิกขา มฆวา อันว่าท้าวมัฆวานเทวราชผู้เปนพระราชสามีนางอับศรราชสุชาดา ทรงพระราชทานซึ่งทศวรพิธพรสิบประการแก่พระผุสดีเทพนารีแล้ว ก็ทรงเกษมสานต์โสมนัศปรีดาผ่องแผ้วด้วยพระไทยอนุโมทนา ในกาลบัดนั้นแล
ทสวรวณฺณนา นิฏฺฐิตา
ประดับด้วยพระคาถา ๑๙ พระคาถา
----------------------------