กัณฑ์มหาราช
ฉบับของ พระยาธรรมปรีชา (บุญ)
----------------------------
๏ เอวํ โพธิสตฺโต จ มทฺที จ สมฺโมทมานา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม วสึสุ ชูชโกปิ กุมาเร คเหตฺวา สฎฺฐีโยชนมคฺคํ ปติปชฺชิ เทวตา กุมารานํ อารกฺขมกํสุ ชูชโกปิ สุริเย อตฺถงคมิเต กุมาร คจฺเฉ พนฺธิตวา ภูมิยํ นิปชฺชาเปตฺวา สยํ จณฺฑพาฬมิคภเยน รุกฺขํ อารุยฺห สาขวิตปพฺภนฺตเร สยตีติ
เดินกราย (๑) อุโภ ขตฺติยตาปสา อันว่าบรมขัตติยดาบสเจ้าทั้งสองพระองค์ โพธิสตฺโต จ คือสมเด็จมกุฏิพงศ์พุทธังกุรอดุลยดวงกระษัตริย์ขัตติยนราธิบดินทร์ ปิ่นสกลอาณาจักรจอมพิภพสีพี มทฺที จ คือสมเด็จพระมิ่งวิมลมเหษีสุนทรลักษณอนงค์ องค์อรรคเรศเกษกระษัตริย์มัททราชธิดา สมฺโมทมานา ต่างพระองค์ธก็ทรงเกษมสารภิรมย์ด้วยอุดมอัษฎาพร วสึสุ เสด็จเสวยสวัสดิศุขสโมสรสำนัก อสฺสเม ในพระตำหนักทิพยสุทธาวนาศรม อันบรมเทวราชสุราฤทธิ์ มารังสรรค์นฤมิตรประสิทธี สร้างถวายแก่พระราชฤๅษีนั้นแล
เดิน (๒) ส่วนชูชกพฤฒาจารย์ เมื่อได้รับพระราชทานสองดรุณราชกุมารา เถ้าก็มนิมมนาพาดำเนิน ตามแถวเถินทางเถื่อนสถลวิถีหกสิบโยชน์ระยะดง เทพยเจ้าบำรุงรักษาสองศรีสุริยวงศ์วรกระษัตริย์ บำราศสรรพภัยพิบัติบีฑา ขึ้น สุริเย ในเมื่อพระทิพากรจวนจะเลี้ยวลด อัสดงคตเข้ายามค่ำสนทโยภาศ เปนเพลาพาฬมฤคราชร้องก้องคนองไพร แซ่เสียงสุนัขในนี่มาเห่าหอนอยู่มะมี่ เสียงชนีเหนี่ยวไม้ไห้อยู่โหยโหยละห้อยวิเวกวังเวง เสียงผีผิวปากร้องก้องกู่กันเองฟังกระหึม คระครึมครวญครางอย่างประหนึ่งว่าจะเยือกเย็น ได้ฟังก็ส้านเสียวเส้นโลมชาติสยดสยอง ทั่วสกลขนพองประหวั่นอยู่หวั่นหวาด ประหลาดล้ำพิลึกสพึงกลัว เถ้าตะแกก็ร้อนตัวกลัวภัย พยัคฆพระยาไกรสรสรรพพาฬมฤคราชร้ายจะราวี จึงจูงสองกุมารกุมารเข้าสู่พุ่มพฤกษา คจฺเฉ พนฺธิตฺวา ผูกพระหัตถพาหาพระพี่น้องทั้งสองเข้าให้มันกับกอไม้ ยังสองสุริยราชดไนหน่อนเรศ ให้เอนองค์ลงไสเยศแทบพื้นพระธรณี ส่วนเถ้ากระลีก็ปีนป่ายขึ้นไปยับยั้งหยุดไสยา เหนือสาขาค่าคบไม่นั้นแล
ขึ้น (๓) ตสฺมึ ขเณ กษณะนั้น ควรจะสงสารด้วยสองทรามวัยวโรรสราชกุมาร ผทมแทบพื้นพสุธาธารดูประดาษ แต่ใบไม้จะปูลาดไม่มีรอง พระสรีรกายนี่ก็มัวหมองไปด้วยธุลีแลอนาถเนตร เอโก เทวปุตฺโต ยังมีเอกองค์อมเรศสุราฤทธิ์ อันสิงสถิตย์พนมไพรพฤกษ์พิมาน เธอมีกมลมาสงสารสองสุริยราชโปดก จึงนฤมิตรพระกายลม้ายเหมือนสมเด็จพระเพสสันดรชนกนราธิบดี ทรงสะพักพยัคฆจัมมาภรณมุ่นพระโมลีแลวิลาศเล่ห์จะบาดตา เอกา เทวธีตา ยังมีเอกอับศรเทพยกัญญาเยาว์ยอดกระษัตรีย์ ก็นฤมิตรเหมือนสมเด็จพระชนนีนางกระษัตริย์มัททราชวงศ์ เทพยเจ้าทั้งสองพระองค์พากันยุรยาตร ประหนึ่งว่าสมเด็จพระชนกนารถราชมารดา เที่ยวสืบเสาะแสวงทุกแห่งหามาประสบพบพระเจ้าลูกเมื่อยามนั้น โมเจตฺวา จึงปลดเปลื้องวลีวัลอันพันผูกพระกรสองบังอรออกแล้ว พระกรตระกองกอดแก้วกัณหาพระชาลี สองพระหัตถ์ธกระทุ่มตีอุรพลางทางทรงพระกรรแสงพิไรร่ำ ว่าเจ้าแม่เอ๋ย แต่ปางก่อนชรอยกรรมเจ้าทำไว้ จึงมาตกเข็ญใจแต่น้อย ๆ วิ่งตะต้อย ๆ ตามพราหมณ์มันโบยตี ดูฤๅพระสรีรอินทรีย์นี่มาเปนริ้วด้วยรอยไม้ โอ้โอ๋อกพระชนกชนนีนี้ร้อนรุมดังสุมไฟไว้กลางทรวง เล่ห์ประหนึ่งว่ากมลดวงหทัยจะแตกพังภินทนาการเปนเจ็ดภาคในครั้งนี้ สมฺพาหิตฺวา พลางนวดฟั้นคั้นพระสกลอินทรีย์สองกุมาร นฺหาเปตฺวา แล้วให้สรงสนานทิพยสุคนธรศธารา สำอางองค์บรรจงเกล้าพระเกษาจุฬาเลิศ ให้สวมทรงสรรพาภรณประเสริฐแลภูษิต สำหรับเพศบรรพชิตผนวชไพร โภชาเปตฺวา แล้วให้สองทรามวัยเสวยสุธาโภชน์ ล้วนอมฤตยเอมโอชควรจะเบิกบาน ปลอบให้ประทมเหนือแท่นทิพยสำราญรัตนสัยนาอาศน์ อันปรากฏด้วยเทวอำนาจนฤมิตร พลางประโลมลูบจูบจุมพิตพระภักตรา แล้วขับกล่อมถนอมแนบแอบพระอุราภิรมย์ชม กุมารทั้งสองต้องทิพยสัมผัสก็ผทมหลับสนิท ตราบเท่าพระสุริยาวราฤทธิ์อรุณราง เทพยเจ้าก็อุ้มพระองค์ลงวางไว้ดังเก่า บันดาลให้พระกรข้องอยู่ด้วยเครือเขาเถาลดาวัล ที่พราหมณผูกพันธนาการ อนฺตรธายิตฺวา ต่างพระองค์ก็อันตรธานมิได้ช้า แต่เทพยเจ้าช่วยอภิบาลมาโดยนิยมดังนี้ เปนนิจนิรันดร์ทุกราตรีไม่เว้นวาย หาอุปัทวโรคันตรายบ่มิได้ เดิน ชูชโก ส่วนว่าเถ้าจรรไรพิรุธร่าง ครั้นรุ่งเช้าก็พาสองเจ้ามาตามทางเถื่อนทุเรศ ตราบเท่าถึงสถลประเทศทวิสาขมัคคันดร เทพยเจ้าดลใจให้ทิชากรหลงมรรคาวิถีที่สังเกตกำหนด ซึ่งจะบ่ายบทจรไปยังกรุงไกรกลิงคราช พเอินให้พาพระพี่น้องทั้งสองเจ้ายุรยาตรไปตามทางข้างพระนครสีพี พอครบสิบห้าราตรีไม่มีเศษ ก็ลุถึงกรุงไกรพิไชยเชตอุดร มหานครนั้นแล
ขึ้น (๔) ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล ในกาลเมื่อราตรีภาคปัจจุสสมัยคืนวันนั้น ราชา สญฺชโย สมเด็จพระผู้ผ่านพิภพมไหสวรรยาธิเบศ จอมกระษัตริย์ฉัตรไชยเชตเฉลิมวงศ์องค์อิศราธิบดีศรีสญชัยราช พระบาทเสด็จประทมเหนือบรมรัตนอลงกตกาญจนมณีศรีสัยนาอาศน์ ท้าวธมาเสวยพระสุบินนิมิตรผิดประหลาดบ่เคยมี ว่าพระองค์ทรงสถิตย์เหนือพระที่นั่งกนกมณีนพรัตนอร่ามเรือง แสนเสวกามาตย์บาทมูลิกากรของเนืองน้อมนอบหมอบอยู่คับคั่ง คอยรับสั่งสนองอนุสนธิ์สาราราช เอโก ปุริโส ขณะนั้น ยังมีบุรุษผู้หนึ่งสามารถน่าพึงกลัว ดูนี่เติบโตทั้งตัวดำพิฦกมหิมา อาหริตฺวา มีมือถือผกากาญจนโมกลทั้งคู่ดูนี่ยรรยง ดอกหนึ่งตูมหุ้มบุษบงยังไม่แบ่งบาน ดอกหนึ่งพึ่งขยายแย้มเกสรสุมามาลย์กุมุทมาศ จรุงรศสร้อยเสาวคนธชาติขจรขจาย บุรุษนั้นก็นำมานอบนบเคารพถวายวางลงแทบพระหัตถ์ สมเด็จบรมกระษัตริย์ก็รับมาเชยชม ซึ่งอุดมดวงดอกประทุมทอง แซมใส่ไว้เหนือพระกรรณทั้งสองแสนโสมนัศ เรณู อันว่าลของเกสรสร้อยสาโรชรัตก็โรยร่วง ลงซึมทราบอาบพระทรวงสำราญรมย์ ท้าวธก็ตื่นขึ้นจากพระประทมมิทันนาน จึงให้หาพราหมณ์พฤฒาจารย์มาทำนาย โหราราชปุโรหิตทั้งหลายถวายพยากรณกราบทูล โดยมูลพระสุบินนิมิตร ว่าจะมีพระบวรพันธุพงศ์องค์ประยูรญาติอันสนิทเสนหา มาสู่พระบรมโพธิสมภารไม่นานช้าแน่ตระหนักดังนี้ ท้าวธได้ทรงฟังก็ยินดีเบิกบานพระกมลปรีดา ปาโตว ครั้นส่างแสงพระสุริยาเวลารุ่งจำรัส สมเด็จบรมกระษัตริย์ก็โสรจสรง สำอางพระองค์ทรงสุคนธรศธารา แล้วเสวยพระกระยาสุธาโภชน์ สิ่งสรรพรศเอมโอชอันตระการ แล้วทรงพระภูษาสรรพาภรณสังวาลย์กาญจนกุณฑล พาหุรัดรัตนวิมลมณีมาศกุดั่นดวง ตามประดับทับทรวงสอิ้งแก้ว ทรงมงกุฎเพ็ชรเพริศแพรวพิพิธพรรณราย พระกรกุมพระแสงรายกระหยับเยื้องยุรยาตร ออกสู่พระที่นั่งบัลลังก์รัตนสิงหาศน์มุขพิมาน น่าพระลานแลสอาดตา แสนสุรเสนาประนตนอบหมอบเฝ้าอยู่เนืองนอง
เดิน ขณะนั้นเทพยเจ้าดลใจให้พราหมณ์พาเจ้าพระพี่น้องทั้งสอง เดินหลีกลัดตัดน่าฉาน ผ่านมาตรงน่าพระที่นั่งกำบังคนทั้งปวงมิได้ทักท้วงห้ามปรามเมื่อยามนั้น ครั้นท้าวธได้ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าหลานขวัญมิทันแจ้งประจักษ์ จึงเปล่งสุรสีหนาทประภาษทักโดยสารพระคาถา
กสฺเสตํ มุขมาภาติ | เหมํ วุตฺตตฺตมคฺคินา |
นิกขํว ชาตรูปสฺส | อุกฺกามุขํ ปหํสิตํ |
อุโภ สทิสปจฺจงคา | อุโภ สทิสลกฺขณา |
ชาลิสฺส สทิโส เอโก | เอกา กณฺหาชินา ยถา |
สิหา วิลาว นิกฺขนฺตา | อุโภ สมฺปติรูปกา |
ชาตรูปมยา เยว | อิเม ทิสฺสนฺติ ทารกาติ |
ขึ้น (๕) โภ อมจฺจา ดูราหมู่มุขอมาตย์ เอตํ มุขํ อันว่าดวงกมลภักตร์ผ่องผิวพรรณพิลาศเลิศแลลออตา แห่งสองดรุณกุมาราอันเดินตามพราหมณ์ผู้นั้นไป จะเปนบุตรธิดาของผู้ใดดังนี้ อาภาติ ดูนี่ก็ผ่องใสศรีบริสุทธิ์แสนสอาด เหมํว เสมอเหมือนกาญจนามาศอันต้องเพลิงเรืองเริงอยู่รุ่งโรจน์ อร่ามแสงสุวรรณช่วงโชติชัชวาล ถ้ามิฉนั้นดวงภักตร์สองกุมารปานประหนึ่ง ว่ากนกนิกขน้ำทอง อันผุดผ่องสุพรรณรังษีมิรู้เศร้า อุกฺกามุขํ กระเพื่อมพ้นปากเข้าบ่ราคี อุโภ สทิสปจฺจงคา สกลกายพี่น้องทั้งสองศรีบริสุทธิ์เสมอกัน กุมารข้างโน้นนั้นดูแม้นลม้ายคล้ายพระชาลี กุมารข้างนี้ดูประดุจแก้วกัณหาเห็นบ่เพี้ยนผิด น่าจะแน่เหมือนกระแสสุบินนิมิตรเมื่อราตรี ดูกิริยาท่วงทีนี้ก็อาจอง สมเปนศักดิ์สุริยวงศ์กระษัตรา สีหา วิลาว นิกฺขนฺตา สองกุมารนี้มีสง่างามตามกันบทจร ดูดุจดังว่าไกรสรอันลีลาศ ออกจากรัตนคูหาศน์ห้องแก้วกาญจนอำไพ ทั้งสององค์ทรงลักษณวิไลยลำเภาภาคพ้นที่จะพรรณา ชาตรูปมยา เยว เมาะสุวณฺณปติรูปกา เสมอเหมือนสุวรรณปติมาอันหล่อเลิศ ทิสฺสนฺติ อันปรากฏประเสริฐสวัสดี ทั่วทั้งสรีรอินทรีย์นั้นแล
เดิน (๖) เมื่อสมเด็จบรมกระษัตริย์ตรัสชมโฉมพระเจ้าหลานแล้วไซ้ จึงดำรัสใช้ให้อำมาตย์ผู้หนึ่งออกไปเอาตัวพฤฒาจารย์ กับสองกุมารเข้ามาอย่าได้ช้า อำมาตย์รับสั่งบังคมลาลุกแล่นออกไปจับพราหมณ์เถ้า กับสองพระหลานเจ้าเข้ามาทูลถวาย ท้าวเธอก็ผายพจนาทประภาษถาม ตามสารพระคาถา
กุโต น ตฺวํ ภารทฺวาช | อิเม อาเนส การเก |
๑[อชฺช รฎฺฐมนุปฺปตฺโต | กุโต อาคจฺฉสิ พฺราหฺมณาติ] |
มยฺหนฺเต ทารกา เทว | ทินฺนา จิตฺเตน สญฺชย |
อชฺช ปณฺณรสา รตฺติ | ยโต ลทฺธา เม ทารกาติ |
เกน วาจาย เปยฺเยน๒ | สมฺมา ญาเญน สทฺทเห |
โก เต ตํ ทานมททา | ปุตฺตเก ทานมุตฺตมํ |
โย ยาจตํ ปติฏฺฐาสิ | ภูตานํ ธรณีริว |
โส เม เวสฺสนฺตโร ราชา | ปุตฺเต ทาสิ วเน วสํ |
โย ยาจตํ คตี อาสิ | สวนฺตีนํว สาคโร |
โส เม เวสฺสนฺตโร ราชา | ปุตฺเต ทาสิ วเน วสํ |
ทุกฺกฏํ วต โภ รญฺญา | สทฺเธน ฆรเมสินา |
กถนฺนุ ปุตฺตเก ทชฺชา | อรญฺเญ อวรุทฺธโก |
อิมํ โภนฺโต นิสาเมถ | ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา |
กถํ เวสฺสนฺตโร ราชา | ปุตฺเต ทาสิ วเน วสํ |
ทาสํ ทาสิญฺจ โส ทชฺชา | อสฺสํ วาสฺสตรึ รถํ |
หตฺถิญฺจ กุญฺชรํ ทชฺชา | กถํ โส ทชฺช ทารเก |
ยสฺส นาสฺส ฆเร ทาโส | อสฺโส วาสฺสตรี รโถ |
หตฺถี จ กุญฺชโร นาโค | กึ โส ทชฺชา ปิตามหา |
ทานมสฺส ปสํสาม | นาวนินฺทาม โปตก |
กถนฺนุ หทยํ อาสิ | ตุเมฺห ทตฺวา วณิพฺพเก |
ทุกฺขสฺส หทยํ อาสิ | อโถ อุณฺหํปิ อสฺสสิ |
โรหินีเหว ตามฺพกฺขี | ปิตา อสฺสูนิ วตฺตปิ |
ยนฺตํ กณฺหาชินาโวจ | อยํ มํ ตาต พฺราหฺมโณ |
ลฏฺฐิยา ปติโกเฏติ | ฆเร ชาตํว ทาสิยํ |
น จาย พฺราหฺมโณ ตาต | ธมฺมิกา โหนฺติ พฺราหฺมณา |
ยกฺโข พฺราหฺมณวณฺเณน | ขาทิตุํ ตาต เนติ โน |
นิยฺยมานา ปิสาเจน | กินฺนุ ตาต อุทิกฺขสีติ |
ราชปุตฺตี จ โว มาตา | ราชปุตฺโต จ โว ปิตา |
ปุพฺเพ เม องกมารุยฺห | กินฺนุ ติฏฺฐถ อารกาติ |
ราชปุตฺตี จ โน มาตา | ราชปุตฺโต จ โน ปิตา |
ทาสา มยํ พฺราหฺมณสฺส | ตสฺมา ติฏฺฐาม อารกาติ |
มา สมฺเมวํ อวจุตฺถ | ทยฺหเต หทยํ มม |
จิตฺตกายํว เม กาโย | อาสเน น สุขํ ลเภ |
มา สมฺเมวํ อวจุตฺถ | ภิยฺโย โสกํ ชเนถ มํ |
นิกฺกินิสฺสามิ ทพฺเพน | น โว ทาสา ภวิสฺสถ |
กิมคฺฆิยํ หิ โว ตาต | พฺราหฺมณสฺส ปิตา อทา |
ยถาภูตํ เม อกฺขาถ | ปติปาเทนฺตุ พฺราหฺมณนฺติ |
สหสฺสคฺฆํ หิ มํ ตาต | พฺราหฺมณสฺส ปิตา อทา |
อถ กณฺหาชินํ กญฺญํ | หตฺถินาทิสเตน จาติ |
อุฏฺเฐหิ กตฺเต ตรมาโน | พฺราหฺมณสฺส อวากริ |
ทาสีสตํ ทาสาสตํ | ควํ หตฺถุสภํ สตํ |
ชาตรูปสหสฺสญฺจ | โปตานํ เทหิ นิกฺกยํ |
ตโต กตฺตา ตรมาโน | พฺราหฺมณสฺส อวากริ |
ทาสีสตํ ทาสาสตํ | ควํ หตฺถุสภํ สตํ |
ชาตรูปสหสฺสญฺจ | โปตานํ ทาสิ นิกฺกยนฺติ |
ขึ้น (๗) นุ ดังกูจะขอถามออพราหมณ์เถ้า อันเปนพงศ์เผ่าภารทวาชเพศ อิเม อาเนสิ ทารเก สองดรุณเรศนี้เองได้มาแต่สถานที่ใด จึงบรรลุถึงกรุงไกรกูวันนี้
ตาชีก็นบนิ้วประนมบังคมทูล ว่าข้าแต่นเรนทร์สูรสญชัยราช เต ทารกา อันว่าดรุณน้อยนารถทั้งสององค์ เปนโอรสสมเด็จพระเพสสันดรพงศ์พุทธางกูร อันเสวยสวัสดิ์ไพบูลย์บรรพชิตเพศ ณวงกฏศีขเรศคิรีรมย์ พระไทยท้าวธมุ่งหมายพระปรมาภิเศก เอกอรรคอุดมอดุลดิลก เธอจึงทรงยกยกยอดปิยบุตรทาน ให้แก่ข้าพฤฒาจารย์ผู้คนจน ด้วยพระราชศรัทธาแท้ทางกุศลแสวงวิสุทธิสมบัติ เปนมหามกุฏปรมัตถ์มิ่งโมลีโลกุตร แต่ข้าพาสองกุมารมาจนลุถึงซึ่งพระนครเข้าวันนี้ ก็พอครบสิบห้าราตรีพระพุทธเจ้าข้า
จึงตรัสว่าฮ้าตาชี มึงนี่มาพาทีมุสาเสแสร้งแกล้งหลอกลวง ควรแลฤๅชื่อว่าลูกรักดังดวงกมลหฤทัย คือบุทคลผู้ใดใครดังนี้ จะมายอยกให้เปนทานทาสขาดแก่ตาชีนี่ก็ผิดทาง เองจะอาจอ้างเอาอันใดเปนที่อิง ให้คนทั้งหลายเขาเห็นจริงประจักษ์ใจ เกน วาจาย เปยฺเยน ฤๅว่าเองไปประโลมล่อพระลูกกูไฉนฉนี้ ให้บริจาคสองกุมารกุมารีราชนัดดา กูดูนี่เกินศรัทธาที่จะทำทาน
พระพุทธเจ้าข้า ทั้งนี้ก็สุดแท้แต่พระปัญญาญาณจะหยั่งลง ข้าพระองค์ก็มิได้มีที่จะอ้างอิง ยากที่จะให้ท้าวธเห็นจริงประจักษ์ใจ โย เวสฺสนฺตโร อันว่าพระเพสสันดรองค์ใดเปนปิ่นปก แก่ฝูงยากอันจำจน ธรณีริว เสมอเหมือนพสุธาดลอันหนาแน่น เปนที่พำนักแก่แสนสรรพสัตว์ทั้งปวง ถ้ามิฉนั้นก็เปรียบดังห้วงมหรรณพนที อันเปนที่เปรมปรีดิ์แก่ฝูงสัตว์ ดุจน้ำพระไทยบรมกระษัตริย์ทรงพระราชศรัทธาแท้ในทางทาน อันนี้แลอาจจะอ้างเอาเปนพยานของข้าตาชี
เดิน วันนั้นหมู่มุขมนตรีอำมาตย์ราชเสวก เมื่อได้ฟังชูชกชักทำเนียบมาเปรียบปราย ชวนกันมามั่นหมายเห็นประจักษ์จริงด้วยพราหมณ์ ต่างคนต่างก็กล่าวความวิปวาทว่า ขึ้น โภนฺโต นครวาสิโน ดูกรชาวเราเหล่าประชาราษฎร์สิ้นทั้งปวง อันมาสโมสรประชุมยังน่าพระลานหลวงในวันนี้ นิสาเมถ จงพิจารณาดูคดีของพระเวสสันดร ปางเมื่อท้าวเธอยังเสวยสวัสดิ์ในพระนครอันไพบูลย์ ก็ทรงประสาทเสวตคเชนทรชาติตระกูลเกิดเปนศรีเมือง จนไพร่ฟ้าประชาชนเขาชวนกันแค้นเคืองให้เนรเทศ ออกไปอยู่พรหาหิมเวศกุฎีดง แล้วยังมาบริจาคพระลูกรักทั้งสององค์ให้แก่ตาชี ดูช่างผิดขัตติยประเพณีแต่โบราณ ถ้าแลว่าท้าวเธอจะทำทานด้วยพระราชศรัทธา ชอบแต่จะบริจาคเพียงมิ่งม้ามงคลรถคชาชาติราชทรัพย์ทั้งปวง กถํ โส ทชฺช ทารเก เออไฉนจึงมาสละพระปิโยรสดังดวงพระไนยเนตร ดูนี่ช่างผิดเพศพิสัยทาน
เดิน วันนั้นพระชาลีศรีสุริยราชกุมารได้ทรงฟัง พระกมลมาตั้งในกตัญญูรู้คุณสมเด็จพระบิดา บ่มิอาจอดกลั้นซึ่งความครหาวิปวาท หมายจะช่วยป้องกันคำอำมาตย์สิ้นทั้งปวง เปรียบดังขุนเขาหลวงพระสิเนรุ์ อันลมประไลยโลกพัดให้อ่อนเอนเอียงลง มีมหิทธิเทพยเจ้าเอาพระกรประคองให้คืนคงตรงดังเก่า จึงกราบทูลแก่พระเจ้าจอมพิภพสีพี ว่า ขึ้น ปิตามหา ข้าแต่สมเด็จพระไอยกาธิบดี บรมนารถ ควรแลฤๅหมู่มุขมาตยากร มาประมาทหมิ่นบดินทรบิดรได้ดังนี้ เพราะพระองค์เสด็จนิราศรัตนบุรีไปอยู่ป่า จึงชวนกันมาแคะค่อนนินทาไม่มีเกรง พระไอยกาเจ้าเอ่ย แต่ต่อน่าพระที่นั่งเขายังไม่ยำเยงมาหยาบคายหมายว่าตกยาก ยสฺส นาสฺส ฆเร ทาโส เออเมื่อพระบิตุรงค์ทรงเสวยทุกข์ลำบากบวชเปนชีไพร จะเอาพระราชทรัพย์สิ่งอันใดมาทำทาน เห็นแต่เยาวยอดปิยบุตรสุดสงสารทั้งสองค์ จึงเสียสละด้วยพระราชประสงค์แสวงปรมัตถบารมี หวังจะแลกเอาพระปรมาภิเศกศรีวิสุทธิสมบัติ เปนเยี่ยงอย่างบรมพงศ์โพธิสัตว์สืบ ๆ กันมา เออก็การอะไรของอ้ายพวกพาลมฤจฉาหินชาติ ชวนกันมาแกล้งกล่าวสบประมาทได้ดังนี้ พระองค์ยังจะทรงวินิจฉัยชอบด้วยมนตรีแลฤๅพระพุทธเจ้าข้า
เดิน สมเด็จพระไอยกาสดับสาร จึงมีพระโองการปลอบประโลมพระชาลีศรีสุริยวเรศ ว่า ขึ้น โปตก ดูกรพ่อผู้เปนเผ่าพงศ์องค์อิศราธิเบศเกษกระษัตริย์ ดังฤๅพ่อจะมาถือพระไทยโทมนัศบ่บังควร ปสํสาม เราทั้งหลายก็ชวนกันเชยชมพระบรมปรมัตถ์มิ่งมหาทาน ของพระพ่อเจ้าดอกนะพระหลานอย่าพิโรธเลย นาวนินฺทาม เราทั้งปวงมิเคยจะติเตียน ดังฤๅตัวผู้ใดใครจะอาจดำเนียนนินทาเล่า ตุเมฺห ทตฺวา วณิพฺพเก เออขณะเมื่อพระลูกสละพระหลานเราให้เปนทาน แก่พฤฒาจารย์ผู้นี้ ดวงพระภักตร์พระพ่อเจ้านั้นผ่องผิวพรรณเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ หรือว่ามีพระกมลมาโนตม์โทมนัศแหนงพระไทย เจ้าจงเล่าแก่พระไอยกาไปแต่เดิมมา
เดิน วันนั้นพระชาลีก็นำเอาคำนางแก้วกัณหา อันทรงพระโสภาพิลาปกลับมากราบทูล ตามมูลคดีอันมีในกัณฑ์กุมารบรรพ ให้พระไอยกาเจ้าทรงสดับโดยพิสดาร
ราชา สมเด็จพระจอมมกุฎผู้ผ่านพิภพสีพี เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระชาลีบรมนัดดานารถ ยังนั่งอยู่ในสำนักพราหมณทิชาชาติไม่ห่างไกล ท้าวเธอก็ตรัสปราไสด้วยสุนทรบัณฑูร ว่า ขึ้น โปตก ดูกรพระหลานแก้วเกษตระกูลมกุฎวงศ์ อันสมเด็จพระบรมบิตุรงค์ราชมารดาของเจ้า ก็เปนพงศ์เผ่าเหล่ากระษัตริย์ศรีสมมติเทเวศ ปุพฺเพ แต่ก่อนพ่อผู้หน่อนเรศราชนัดดา เจ้าเคยเฝ้าพระไอยกาสนิทแนบนั่งเหนือพระเพลา บัดนี้ไฉนกิริยาของเจ้านี่มาเปลี่ยนแปลก เล่ห์ประหนึ่งว่ามาแขกไม่คุ้นเคย กินฺนุ ติฏฺฐถ ไยเจ้าจึงมานั่งนิ่งเฉยให้เหินห่างอย่างประหนึ่งว่าผู้อื่นฉนี้
เดิน พระชาลีก็ทูลสนองพระบัญชา ซึ่งทรงพระกรุณานับเนื่องในพระประยูรวงศ์ พระคุณของพระองค์ก็เปนล้นเกล้า ทาสา มยํ แต่ตัวข้าพระพุทธเจ้าสิเปนทาส ดังฤๅจะเอื้อมอาจขึ้นไปนั่งร่วมบัลลังก์รัตนราชาภิรมย์ อันประเสริฐสูงไม่สมพิสัยศักดิ์ ตสฺมา ติฏฺฐาม อารกา เหตุฉนั้นพระหลานรักจึงเจียมตัวด้วยกลัวอายขายฝ่าพระบาท จึงเฝ้าอยู่ห่าง ๆ อย่างทำนองทาสแต่เพียงนี้
ขึ้น สมฺม เหม่ ดูรุเจ้าชาลีนี่ลิ้นลมคารมเรียบ มาแกล้งกล่าวกระทบเทียบเสียบแทงเอาไอยกา มา อวจุตฺถ พ่ออย่าเจรจาแต่นี้ไป ปู่นี่ดังบุทคลเอาคบไฟมาลามลนทั่วสกลอินทรีย์ ถ้ามิฉนั้น ดุจหนึ่งนั่งเหนือกองกูณฑ์อัคคีที่เชิงตะกอน ให้กลัดกลุ้มรุ่มร้อนอยู่ไม่รู้วาย ดังดวงหทัยจะพังทำลายออกเปนเจ็ดภาคในครั้งนี้ จะยับยั้งอิริยาบถทั้งสี่ไม่มีศุข ภิยฺโย โสกํ ชเนถ มํ พ่ออย่ามาเพิ่มเติมทเวศทวีทุกข์ให้ไอยกาอิกเลย พระหลานเอ๋ย ปู่จะไถ่เจ้าด้วยพระราชทรัพย์นับแสนสิ่งศิริสมบัติ พิพัฒโภไคมไหสูริยสิ้นทั้งปวง มิให้พระหลานหลวงตกเปนทาสขาดอยู่แก่ตาชี กิมคฺฆิยํ หิ โว ตาต เออ เมื่อพระพ่อบริจาคเจ้าทั้งสองศรีแก่เถ้าชรา ได้พิกัดคาดค่าสักเท่าใด
เดิน พระชาลีก็เฉลยไขฉลองพระโองการในขณะนั้น ว่าพระบิตุรงค์ทรงบัญญัติคาดค่ากระม่อมฉันพันตำลึงทอง กณฺหาชินํ แต่พระน้องแก้วกัณหาชินานาฎ ทรงพิกัดราคาขาดด้วยพระราชทรัพย์สิ่งละร้อย กับสุวรรณโดยน้อยร้อยตำลึงด้วยกัน
จึงตรัสว่า อ่อเท่านั้นดอกฤๅพระนัดดา กตฺเต เหวยนายนักการอย่าช้าเร่งเร็วไป เบิกเอาสิ่งของมาให้ทั้งเจ็ดสิ่ง
นายนักการรับสั่งแล้ววางวิ่งไปเบิกมา ซึ่งสัตตพิพิธโภคาทั้งเจ็ดอย่าง แถมทั้งปรางค์ปราสาทเจ็ดชั้น พระราชทานให้เปนรางวัลแก่พฤฒาจารย์ ในกาลบัดนั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห | |
นิกฺกินิตฺวาน นฺหาเปตฺวา | โภชยิตฺวาน ทารเก |
สมลงกริตฺวา ภณฺเฑน | อุจฺจงเก อุปเวสยุํ |
สีสนฺหาเต สุจิวตฺเถ | สพฺพาลงการภูสิเต |
ราชา องเก กริตฺวาน | อยฺยโก ปริปุจฺฉถ |
กุณฺฑเล ฆุสิเต มาเล | สพฺพาลงการภูสิเต |
ราชา องเก กริตฺวาน | อิทํ วจนมพฺรวิ |
กจฺจิ อุโภ อโรคา เต | ชาลิ มาตาปิตา ตว |
กจฺจิ อุญฺเฉน ยาเปนฺติ | กจฺจิ มูลผลา พหู |
กจฺจิ ฑํสา จ มกสา | อปฺปเมว สิรึสปา |
วเน พาฬมิคากิณฺเณ | กจฺจิ หึสา น วิชฺชติ |
อโถ อุโภ อโรคา เต | เทว มาตาปิตา มม |
อโถ อุญฺเฉน ยาเปนฺติ | อโถ มูลผลา พหู |
อโถ ฑํสา จ มกสา | อปฺปเมว สิรึสปา |
วเน พาฬมิคากิณฺเณ | หึสา เนสํ น วิชฺชติ |
ขณนฺตา ลูกลมฺพานิ | วิลาลิตกฺกลานิ จ |
โกลมฺพลาตกํ เวฬุํ | สา โน อาหจฺจ โปสติ |
ยญฺเจว สา อาหรติ | วนมูลผลาหาริยา |
ตนฺโน สพฺเพ สมาคนฺตฺวา | รตฺตึ ภุญฺชาม โน ทิวา |
อมฺมา จ โน กิสา ปณฺฑุ | อาหรนฺตี ทุมปฺผลํ |
วาตาตเปน สุขุมาลี | ปทุมํ หตฺถคตมฺมิว |
อมฺมาย ปตนูเกสา | วิจรนฺตฺยา พฺรหาวเน |
วเน พาฬมิคากิณฺเณ | ขคฺ ทีปินิเสวิเต |
เกเสสุ ชฏํ พนฺธิตฺวา | กจฺเฉ ชลมธารยิ |
จมฺมวาสี ฉมา เสติ | ชาตเวทํ นมสฺสติ |
ปุตฺตา ปิยา มนุสฺสานํ | โลกสฺมึ อุปปชฺชิสุํ |
น หิ นูนมฺหากํ อยฺยกสฺส | ปุตฺเต เสฺนโห อชายถ |
ทุกฺกฏญฺจ หิ โน โปต | ภูนหจฺจํ กตํ มยา |
โยหํ สิวีนํ วจนา | ปพฺพาเชสึ อทูสกํ |
ยํ เม กิญฺจิ อิธ อตฺถิ | ธนธญฺญญฺจ วิชฺชติ |
เอตุ เวสฺสนฺตโร ราชา | สิวิรฏฺเฐ ปสาสตุ |
น เทว มยฺหํ วจนา | เอหิติ สิวิสุตฺตโม |
สยเมว เทโว คนฺตฺวาน | สิญฺจ โภเคหิ อตฺรชนฺติ |
ขึ้น (๘) ภิกฺขเว ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวร ปางเมื่อองค์เอกอดิศรสญชัยราช ท้าวธไถ่พระนัดดานารถแล้วมิช้า พระกรตระกองแก้วกัณหาพระชาลี ประโลมลูบจูบเกษีสองสุริยวงศ์ ส่วนสมเด็จพระจอมมกุฎิอนงค์องค์พระไอยกี กับแสนสาวสุรางคนารีราชกัญญา ทั้งพระประยูรญาติวงศาสะพรั่งพร้อม ชวนกันมาแวดล้อมอยู่แออัด ต่างคนก็ชวนกันโสมนัศปรีดา นฺหาเปตฺวา แล้วเชิญพระชาลีแก้วกัณหายุพาพาล ให้สระสรงสนานทิพย์รศวารี ชำระพระสรีรอินทรีย์วิไลยเลิศ ถวายเครื่องเสาวคนธประเสริฐสำอางองค์ แล้วให้สองศรีสุริยวงศ์เสวยสุธาโภชน์ สิ่งสรรพรศเอมโอชอันโอชา อลงกริตฺวา แล้วประดับประดาพระองค์ทรงพิพัฒภูษิต สรรพาภรณพิจิตรอลงการ จึงให้แต่งเครื่องสมโภชพระเจ้าหลานโดยขนาด บายศรีสุวรรณหิรัญรัตนวิลาศทั้งสามสำรับ แว่นเวียนเทียนประดับดูพรรณราย พระประยูรญาติทั้งหลายพร้อมสะพรั่ง เสนางคนิกรนั่งเปนกันกง ห้อมล้อมพระองค์ทั้งสามชั้น ปุโรหิตจุดแว่นสุวรรณวิเชียรรัตน์ เวียนไปโดยทักขิณาวัฏได้เจ็ดรอบ โบกธุมาการประกอบสวัสดิมงคล ต่าง ๆ ก็อวยพระพรสถาผลพิพิธร่ำรำพรรณ มอบมิ่งเชิญพระขวัญถวายไชย แก่สองสุริยราชดะไนหน่อนเรศร์ ประโคมเบญจางคดุริเยศจำเรียงรมย์ เสียงแตรสังข์ดังระงมนี่สนั่น ทั้งฆ้องกลองอันลือลั่นสะเทือนสะท้าน สมโภชพระเจ้าหลานอันจากไกล กลับมาสู่พระเวียงไชยนี้แล้วแล
เดิน (๙) ราชา สญฺชโย สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยไอยกาธิราช ทั้งเอกองค์อนงค์นาฏพระไอยกี ครั้นเสร็จสมโภชพระหลานทั้งสองศรีแล้วมิช้า จึงตรัสถามพระนัดดาดรุณหน่อกระษัตริย์ ว่า ขึ้น โปตก ดูกรพ่อผู้ทรงสวัสดิ์วิลาศเลิศลักษณลำเภา กจฺจิ นุ โภ อโรคา เต พระชนกชนนีของเจ้าอันเนาไพร ยังค่อยเสวยศุขบำเทิงพระไทยนิราศโรค สิ่งสรรพทุกข์โศกไม่ยายี เลี้ยงพระชนมชีพสดวกดีไม่เดือดร้อน ทั้งเหลือบยุงริ้นร่านไม่รานรอนมาขบกัด ทุกสิ่งสรรพสบสัตว์บ่บีฑา บำเพ็ญพรตพรหมจรรยาพิธีฌาน เปนนิรันตรสำราญอยู่ฤๅประการใด
พระชาลีก็ขานไขคดีทูล ว่าข้อซึ่งตรัสถามนั้นก็บริบูรณ์ดีอยู่ดอกพระร่มเกล้า แต่สมเด็จพระแม่เจ้านี้แสนลำบาก ด้วยแสวงหาผลาผลสู้ทนยากอยู่กลางไพร แต่พอส่างแสงพระสุริโยทัยทิวาการ ก็พากระเช้าเสียมสาแหรกคานเข้าสู่ป่า ต่อสายัณห์จึงกลับมาพระอาศรม ทั้งสี่ได้สโมสรชื่นชมชวนกันฉันผลไม้ รตฺตึ ภุญฺชาม กว่าจะได้บริโภคต่อราตรี แต่กลางวันนั้นไม่มีสักมื้อเลย พระไอยกาเจ้าเอ่ย อันองค์พระชนนีก็เปนนางกระษัตริย์ ขัตติยสุขุมาลีลออรูป บัดนี้ดูนี่ช่างเศร้าซูบเสียศิริวิลาศ ผู้ใดพิศก็ผิดพิกลประหลาดกว่าแต่ก่อน ด้วยต้องเที่ยวบุกป่าฝ่าดงดอนกระกรกกระกรำ มิควรทำก็ต้องทำเมื่อยามจน ถูกทั้งแดดแลลมระทมฝนทนทุกข์ลำบาก จะทูลบรรยายถวายซึ่งความยากที่สุดซึ่งจะพรรณา ปทุมํ อิว เปรียบดังดวงดอกบุษบาบริสุทธิ์สดสอาด มีบุทคลเอามือเด็ดให้ขาดออกจากขั้ว แล้วคั้นขย้ำซ้ำไปทั่วไม่มีดี อมฺมาย ปตนูเกสา อนึ่งพระเกษเมาลีพระแม่เจ้า แต่ก่อนนี้ดำดูเปนแสงมิรู้เศร้าสักเพลา เปรียบด้วยปีกสุวรรณภมราแลละกลกัน ตั้งแต่เสด็จประเวศน์หิมวันต์วนาลัย อันอาเกียรณ์ไปด้วยกิ่งไม้อันเกี่ยวข้อง ดูนี้ก็ยุ่งหยองวิกลยล ทั้งผงภัศมระคนแลระคายเนตร วเน พาฬมิคากิณฺเณ อนึ่งในพนาเวศก็เปนรังเรือน ล้วนแต่สรรพสัตว์เถื่อนอันท่องเที่ยว พระชนนีดำเนินแต่องค์เดียวไม่เกรงกลัว อุส่าห์แสวงมาเลี้ยงลูกแลผัวทั้งสามองค์ ปิ้มประหนึ่งว่าชีวิตจะปลิดปลงอยู่กลางป่า กระหม่อมฉันดูนี้ลำบากตาระอาใจ พระพุทธเจ้าข้า ประการหนึ่งคำบุราณท่านกล่าวไว้แต่ก่อนมา จะทูลถามพระไอยกามิ่งมกุฎเกษกระษัตริย์ ก็เกรงเกลือกจะเคืองขัดพระราชกมล ใช่หลานนี้จะมาแกล้งแต่งกลกระทบเทียบ ชักทำเนียบเหน็บแนมนั้นหามิได้ ข้าชาลีนี้จะใครทราบน้ำพระไทยของพระไอยกา ด้วยประเวณีสัตว์อันเกิดมาในสังสารจักร นามชื่อว่าลูกแล้วก็ย่อมรักไม่เว้นคน ไฉนพระเจ้าปู่นี้มิได้มีพระกมลเอื้อเฟื้อ ในพระพ่อผู้เปนหน่อเนื้อเกิดกับอุทร จึงเนรเทศพระบิดรไปสู่ป่า แต่พระลูกยังไม่ทรงพระกรุณาฉนี้แล้ว จะมาโปรดปรานพระหลานแก้วดูนี่ก็ผิดที อันห่างเนื้อนี้ฤๅจะดีกว่าสนิทเล่า จะหมายพึ่งพระไอยกาเจ้าจึงไม่วางใจ ด้วยไม่หยั่งเห็นน้ำพระไทยก็ให้เกรงกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกถึงตัวไม่รู้วาย เกรงเกลือกจะกลับอายไปกว่าเก่าพระพุทธเจ้าข้า
ท้าวเธอได้ทรงฟังพระราชนัดดาพิไรทูล จึงตอบว่าดูกรพ่อผู้เปนเผ่าพงศ์วงศ์ตระกูลมกุฎเกษกระษัตริย์ อันความหลังซึ่งเจ้าแค้นขัดก็ควรเคือง ด้วยปู่นี้หลงเชื่อพวกชาวเมืองจึงพลอยโกรธ ให้บัพพาชนิยกรรมกระทำโทษพระบิดาเจ้า ทั้งนี้ก็เพราะปู่โฉดเขลาไม่ตริตรอง ใช่ว่าจะไม่รักพระพ่อเจ้าทั้งสองนั้นก็หามิได้ อันลูกแล้วก็เปรียบดังดวงใจแลไนยเนตร ทั้งนี้ก็เพราะอกุศลเหตุแต่ก่อนกรรม พเอินมาชักนำให้แรมนิราศ ขออภัยอย่าได้อาฆาฎเคืองไอยกาเลย พระหลานเอ๋ย อันสิ่งแสนศิริสมบัติพิพัฒโภไคมไหสูริยสิ้นทั้งปวง บรรดามีในเมืองหลวงสีวิราฐ ปู่นี้จะมอบเวรให้ชนินทรชนกนารถของพระนัดดา สิวิรฏฺเฐ ปสาสตุ เจ้าจงไปเชิญให้คืนมาสู่บุรีรัตน์ จะได้สืบเสวยสวัสดิ์สวรรยา บำรุงราษฎรประชาให้ชื่นบาน
พระชาลีฉลองพระโองการไปทันใด ซึ่งโปรดจะให้หลานออกไปทูลเชิญเสด็จ เกลือกพระบิดาจะระแวงว่าเปนเท็จไม่เชื่อฟัง อันคำเด็กนี้หรือใครจะหวังเอาเปนจริง เห็นพระไทยท้าวธจะเกรงกริ่งไม่คืนเมือง ขอเชิญเสด็จพระองค์ออกไปปลอบเปลื้องดวงกมลทเวศ แห่งพระเจ้าพ่อผู้เปนหน่อนเรศราชอุทร ด้วยพจนานุสรสุนทรวาที ให้พระลูกท้าวเธอยินดีในศิริสมบัติ แล้วจะได้อภิเศกเปนบรมกระษัตริย์เสวยวัง อันมั่งคั่งไปด้วยแสนสัตตภิรัตนโภคา ดังกระแสสายพิรุณธาราอันหลั่งลง เห็นท้าวเธอจะคืนมาดำรงพิภพสีพี ดังคำของข้าชาลีนี้แล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห | |
ตโต เสนาปตึ ราชา | สญฺชโย ชฺฌภาสถ |
หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺติ | เสนา สนฺนาหยนฺตุ มํ |
เนคมา จ มํ อเนฺวนฺตุ | พฺราหฺมณา จ ปุโรหิตา |
ตโต สฎฺฐีสหสฺสานิ | โยธิโน จารุทสฺสนา |
ขิปฺปมายนฺตุ สนฺนทฺธา | นานาวณฺเณหิ อลงกตา |
นีลวตฺถาธราเนเก | ปีตาเนเก นิวาสิตา |
อญฺเญ โลหิตอุณฺหีสา | สุทฺธาเนเก นิวาสิตา |
ขิปฺปมายนฺตุ สนฺนทฺธา | นานาวตฺเถหิ อลงกตา |
หิมวา ยถา คนฺธธโร | ปพฺพโต คนฺธมาทโน |
นานารุกฺเขหิ สญฺฉนฺโน | มหาภูตคณาลโย |
โอสเถหิ จ ทิพฺเพหิ | ทิสา ภาติ ปวาติ จ |
ขิปฺปมายนฺตุ สนฺนทฺธา | ทิสา ภนฺตุ ปวนฺตุ จ |
ตโต นาคสหสฺสานิ | โยชยนฺตุ จตุทฺทส |
สุวณฺณกจฺเฉ มาตงเค | เหมกปฺปนิวาสเส |
อารุเฬฺห คามณิเยภิ | โตมรงกุาปาณิภิ |
ขิปฺปมายนฺตุ สนฺนทฺธา | หตฺถิขนฺเธหิ ทสฺสิตา |
ตโต อสฺสสหสฺสานิ | โยชยนฺตุ จตุทฺทส |
อาชานิเย จ ชาติเย | สินฺธเว สีฆพาหเน |
อารุเฬฺห คามณิเยภิ | อินฺทิยาจาปธาริภิ |
ขิปฺปมายนฺตุ สนฺนทฺธา | อสฺสปิฏเฐ อลงตา |
ตโต รถสหสฺสานิ | โยชยนฺตุ จตุทฺทส |
อโยสุกตเนมิโย | สุวณฺณจิตฺตโปกฺขเร |
อาโรเปนฺตุ ธเช ตตฺถ | จมฺมานิ กวจานิ จ |
วิปฺผาเลนฺตุ จ จาปานิ | ทฬฺหธมฺมา ปหาริโน |
ขิปฺปมายนฺตุ สนฺนทฺธา | รเถสุ รถชีวิโนติ |
ลาชา โอโลกิยา๓ ปุปฺผา | มาลาคนฺธวิเลปนา |
อคฺฆิยานิ ปติฏฺฐนฺตุ | เยน มคฺเคน เอหิติ |
คาเม คาเม สตํ กุมภา | เมรยสฺส สุราย จ |
มคฺคมหิ ปติตา ฐนฺตุ๔ | เยน มคฺเคน เอหิติ |
มํสา ปุวา จ สงกุลฺยา | กุมฺมาสา มจฺฉสํยุตา |
มคฺคมฺหิ ปติตา ฐนฺตุ | เยน มคฺเคน เอหิติ |
สปฺปิ เตลํ ทธิ ขีรํ | กงกุปิฎฐา๕ พหูสุรา |
มคฺคมฺหิ ปติตา ฐนฺตุ | เยน มคฺเคน เอหิติ |
อาลาริกา จ สูทา จ | นฏนาฏกคายิกา |
ปาณิสฺสรา กุมฺภถูนิโย | มนฺทิกา โสกฌายิกา |
อาหญฺญนฺตุ สพฺพวิณาโย | เภริโย เทนฺทิมานิ จ |
ขรมุขา มิธมนฺตุ | นทนฺตุ เอกโปกขรา |
มุทิงคา ปณฺฑวา สํขา | โคธา ปริวเทนฺติกา |
ทินฺทิมานิ จ หญฺญนตุ | กุตุมฺภา ทินทิมานิ จาติ |
เดิน (๑๐) ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิญาณ ปางเมื่อสมเด็จพระมิ่งมกุฎผู้ผ่านพิภพสีพี ทรงสดับสารพระชาลีราชดไน ก็บานเบิกพระกมลหฤทัยจึงตรัสตอบ เออพระหลานกล่าวก็ต้องตามระบอบบุรพประเพณี พระไอยกาจำจะจรลีออกไปรับเอง พระพ่อเจ้าจึงจะไม่กริ่งเกรงรังเกียจกล เจ้าจงเปนมัคคุทเทศนำพลไปวงกฏ ซึ่งเปนตำแหน่งอาศรมบทของพระบิดา อชฺฌภาสถ แล้วท้าวธมีพระบัญชาตรัสว่าเหวยหมู่อำมาตย์ราชมนตรี จงเร่งตรวจเตรียมจตุรงคโยธีทั้งสี่หมู่ จะออกไปรับพระลูกกูแก่นกระษัตริย์ คืนเข้าสู่บุรีรัตนราชสีมา บรรดาพวกพราหมณ์ปุโรหิตโหราพฤฒามาตย์ ฝูงอาณาประชาราษฎรทั้งปวง จงโดยเสด็จในขบวนทัพหลวงสิ้นด้วยกัน อีกทั้งพวกพลขันธ์ทั้งหกหมื่น อันร่วมวันทันคืนบังเกิดมา กับองค์พระโอรสาศรีสุริยวงศ์ ให้ตกแต่งบรรจงบรรเจิดกาย เปนเหล่า ๆ แลหลากหลายละกลกัน บางพวกให้นุ่งห่มนีลวัตถาพรรณพิจิตร บางพวกให้ดูแดงดังแสงสีเสมอชาด บางเหล่าให้เหลืองแลประหลาดเล่ห์สีทอง บางพวกให้ขาวผ่องพิสุทธิ์ทั่วสรรพางค์ สบแสนสหชาตเสนางคนิกรโยธา ให้ถือสรรพสาตราประจำตัว ใครเห็นให้พิลึกสพึงกลัวไม่ใกล้กราย หิมวา ยถา คนฺธธโร พวกพหลเห็นประหลาดหลายทั้งสี่เหล่า แลเล่ห์ศิงขรเขาคันธมาทน์ อันอาเกียรณ์ไปด้วยรุกขชาติหลายพรรณ มหาภูตคณาลโย เปนที่อาศรัยสบอสุรเทพคนธรรพ์ทานพนิกร แล้วประกอบไปด้วยโอสถบวรวิเศษทุกสิ่ง แสนรังษีแสงสว่างยิ่งพระสุริยน จำรัสรุ่งทั่วทิศาลดลดูพรรณราย ก็เปรียบเหมือนสหชาตโยธาทั้งหลายอันแต่งตน อนึ่งให้ตรวจเตรียมพวกพาลหัศดินทร์ เลือกแต่ล้วนเหล่าคชินทรชาติชำนะงา อันอาจมล้างอรินทร์ให้อัปราระอาเดช ครบหมื่นสี่พันสรรพพิเศษสิ้นทุกตัว ข้าศึกเกรงกลัวไม่ต่อสู้ ทั้งคชพังคชผู้แลหมอควาญ เครื่องประดับสำหรับสารให้พร้อมสรรพ ขุนนาเคนทรขึ้นขี่ขับประจำคอ ให้มีมือถือโตมรแลขอประกับกัน ดูจึงจะขึงขันเปนสง่างาม ตโต อสฺสสหสฺสานิ พลอัศวให้แต่งตามขบวนม้า หมื่นสี่พันสรรแต่อาชาเหล่าสินธพชาติ ชำนาญศึกสามารถไม่ย่อท้อ ทั้งจะเลี้ยวจะล่อนี้ก็ว่องไว จะขับขี่หนีไล่ก็เร็วรวด ให้ตกแต่งตามหมู่หมวดประกวดกัน ขุนอัสดรที่เข้มขันขึ้นขับขี่ มือถือธนูศรศรีสะพายแล่ง ทั้งหอกซัดหอกแซงแลทวนทอง จึงจะเปนสง่างามตามทำนองพลอาชา ตโต รถสหสฺสานิ ลำดับนั้นพลรถาให้ตรวจจัด เปนถ่องแถวแนวขนัดอยู่เนืองนันต์ ให้ครบหมื่นสี่พันล้วนรถทรง อันแล้วไปด้วยเหล็กหุ้มดุมกงทุกเล่มเลิศ มีเรือนทองเพราเพริดจำหลักลาย ปักธงไชยสามชายที่ปลายงอน เทียมด้วยสินธพชาติอัสดรทั้งคู่เคียง เปนระเบียบเรียบเรียงระยะวาง ขุนรถนั่งกลางใส่เกราะแก้ว เรืองอร่ามงามแพรวพิจิตร ทั้งโล่ห์เขนให้มีสำหรับมือ อิกเกาทัณฑ์ธนูถือประจำตน ให้เร่งตรวจเตรียมพยุหพลให้พร้อมเสร็จ กำหนดถึงวันเปนคำรบเจ็ดจักยาตรา ออกจากพระภารานี้แล้วแล
เดิน (๑๑) ราชา สญฺชโย สมเด็จบรมนราธิบดีศรีสญชัยราช เมื่อตรัสให้เตรียมจตุรงค์พยุหยาตรแล้วมิช้า จึงสั่งให้เกณฑ์กันทำมรรคาตั้งแต่พระนคร ให้กระทั่งถึงศิงขรคิรียวงกฏ ที่พระอาศรมบรมราชโอรสผู้ทรงผนวชไพร หนทางนั้นให้กว้างใหญ่ได้แปดอุศุภทุบปราบจงราบรื่น เอาทรายรายเรี่ยพื้นตลอดไป แล้วเร่งปลูกพลับพลาน้อยใหญ่ที่ประทับทาง มีระยะจังหวะห่างกันสามโยชน์ อนึ่งในมรรคาวิถีนั้นโสดให้ประดับประดา ดาษเพดานห้อย พวงบุบผาสมาไลย โปรยปรายเข้าตอกดอกไม้เครื่องเสาวคนธ์ ที่สองข้างแถวสถลทุกระยะมรรคา ให้ตั้งพนมมาลาวิไลยเลิศ ทั้งราชวัตรฉัตรธงเทิดทิฆัมพร อนึ่งตามประตูบ้านรายทางที่จะบทจรไปสู่ไพร ให้ตั้งตุ่มอุทกสุราเมรัยไว้แห่งละร้อย ทั้งน้ำผึ้งน้ำอ้อยแลเนยนม มีทั้งน้ำมันพรรณขนมอันเอมโอช แล้วให้ตั้งโรงสุธาโภชน์คอยตกแต่ง ทุกสิ่งสูปพยัญชนะเข้าแกงสารพรรณมี สำหรับจะได้เลี้ยงโยธีอันเดินทาง นฏนาฏคายิกา หนึ่งในสถลวิถีระหว่างแห่งโรงทาน ให้ปลูกโรงสำหรับมีงานมโหรศพ ทั้งเครื่องเล่นก็ให้ครันครบทุกตำบล มีทั้งโขนลครหุ่นยนต์แลเพลงขับ มโหรีปี่พาทย์รับให้ฟ้อนรำ ทั้งเทพทองขนองคำปะระร้อง มงครุ่มรุมกันตีกลองแลเพลงเกริ่น มีทั้งกลิ้งครกแลหกเหิรขึ้นเดินลวด ระเบงระบำจำอวดทุกประการ จะได้เปนที่เกษมศุขสำราญแก่โยธา ให้มีไว้แทบมรรคาทุกระยะวิถีที่พระโอรสจะบทจร มาแต่วงกฏศิงขรนั้นแล
เดิน (๑๒) ขณะเมื่อบรมกระษัตริย์ตรัสให้เตรียมจัตุรงค์โยธา จะออกไปรับพระลูกยาอดุลดวงดิลก ส่วนว่าเถ้าชูชกพุฒาจารย์บริโภคอาหารเหลือขนาด ชิรนัคคีบ่มิอาจเพื่อจะเผาผลาญ ก็กระทำกาลกิริยา สมเด็จกรุงกระษัตราก็ให้กระทำสรีรกิจ แล้วบรมบพิตรให้เที่ยวป่าวร้อง หาพวกเผ่าเหล่าพี่น้องของตาชี ทั่วทั้งจังหวัดพระนครสีพีก็มิได้พบปะแต่สักคน ท้าวเธอจึงให้ขนทรัพย์สมบัติของเถ้าทั้งปวง คืนเข้าท้องพระคลังหลวง นั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห | |
สา เสนา มหตี อาสิ | อุยฺยุตตา สิวิพาหินี |
ชาลินา มคฺคนาเยน | วงกํ ปายาสิ ปพฺพตํ |
โกญฺจํ นกติ มาตงโค | กุญฺชโร สฏฐิหายโน |
กจฺฉาย พชฺฌมานาย | โกญฺจํ นทติ วารโณ |
อาชานิยา หสิสฺสนติ | เนมิโฆโส อชายถ |
นภํ รโช อจฺฉาเทติ | อุยฺยุตฺตา สิวิพาหินี |
สา เสนา มหตี อาสิ | อุยฺยุตฺตา หารหารินี |
ชาลินา มคฺคนาเยน | วงกํ ปายาสิ ปพฺพตํ |
เต ปาวึสุ พฺรหารญฺญํ | พหุสาขํ มโหทกํ๖ |
ปุปฺผรุกฺเขหิ สญฺฉนฺนํ | ผลรุกฺเขหิ จูภยํ |
ตตฺถ พินฺทุสฺสรา วคฺคู | นานาวณฺณา พหู ทิชา |
กุชฺชนฺตมุปกุชฺชนฺติ | อุตุสมฺปุปฺผิเต ทุเมง |
เต คนฺตฺวา ทีฆมทฺธานํ | อโหรตฺตานมจฺจเย |
ปเทสรฺตํ อุปาคญฺฉุํ | ยตฺถ เวสฺสนฺตโร อหูติ |
เดิน (๑๓) สตฺตเม ทิวเส ในเมื่อวันเปนคำรบเจ็ด จักเสด็จยกพยุหยาตรา แสนสุรเสนาสิ้นทั้งปวง ก็จัดแจงแต่งตามกระทรวงพนักงาน โดยพระราชโองการดำรัสสั่ง เร่งรัดเตรียมตั้งแต่ราตรี พลช้างเอาช้างออกยืนที่ตามตำแหน่ง พลม้ายืนม้าแซงประจำซอง พลรถเรียบรถทองอยู่รายเรียง พลเดินเท้าเข้าประจำเคียงเปนขนัด ขุนสารวัดวิ่งไตร่ตรา ตามขบวนพยุหยาตรซ้ายขวาหน้าหลัง เปนหมวดหมู่ดูสพรั่งสพรึบพร้อม คอยเสด็จพระจอมมกุฏสีพี ส่วนพระสนมนารีราชกำนัล ก็ตกแต่งประกวดกันทุกอนงค์นาง ล้วนแต่สาว ๆ สวัสดิสำอางลออตา ผู้ใดเห็นก็ปรีดาดวงกระมลชื่น แต่ละองค์ทรงสุคนธรศรื่นระรวยรมย์ ทั้งวัตถาภรณ์นุ่งห่มนี้ก็แปลกกัน ล้วนแต่ลายสุวรรณวิลาศเลิศ สบสรรพางค์ประเสริฐศุภาภรณ์ ดูดังองค์เอกอับศรแสนสุรคณา อันสถิตย์ทิพยไพชยนตมหาพิมานมาศ แวดล้อมสมเด็จพระพัชรินทรเทวราชอยู่เรียงราย พระสนมทั้งหลายชวนกันชื่นบาน ด้วยจะได้เชยชมพนมพนัศสถานเถื่อนทุเรศ ในห้องพรหาหิมเวศแดนดง มานั่งคอยเสด็จพระผู้ทรงพิภพพสุธา อรุณุคฺคมเน ในเมื่อส่างแสงพระสุริยารุณวโรภาศ ทั้งสี่กระษัตริย์ขัตติยราชบรมวงศ์ ก็เข้าที่ชำระสระสรงสินธุรศธารา แล้วทรงเครื่องวิเลปนสุคนธาทิพยสำอาง ประดับวิภูสนสรรพางค์พิไลยเลิศ พระภูษาประเสริฐศุภาภรณ์ พาหุรัดรูปมังกรประกิตแก้ว รัตตพัตรเพริดแพร้วพิจิตรจำรูญ ตาบเพชรไพบูลย์บวรวิลาศ สังวาลย์เวฑุริยชาติชัชวาล สอิ้งรัดประพาฬประไพพุ่ง ทับทรวงแสงวิโรจน์รุ่งวิเชียรพราย กุณฑลปทัมราชรายอร่ามเนตร ทรงมหามงกุฏวชิเรศดำรัสเรือง สี่กระษัตริย์เสด็จทรงเครื่องอลงกร งามดังองค์เอกอมรอมรีราช อันทรงศรีสุพรรณโอภาศพ้นที่จะพรรณา แล้วเสด็จยุรยาตรายังเกยไชย แสนสุรเสนาในอภิวาท ขณะนั้นพอพราหมณ์ชาวเมืองกลิงคราฐทั้งแปดนาย นำเอาเสวตคเชนทรมาคืนถวายไว้ดังก่อนเก่า ก็พอถึงอุดมฤกษ์เข้าในขณะนั้น พระโหราก็ลั่นฆ้องไชย ดุริยางค์แข่งขานไขประโคมกลอง เสียงสะท้านสะเทือนก้องพระธรณี ท้าวเธอก็ให้พระชาลีราชดไน ขึ้นทรงเสวตกุญชรไชยปัจจัยนาเคนทร์ นำจตุรงค์พยุหยาตรเปนขบวนหน้า ส่วนองค์พระไอยกามกุฎเกษกระษัตริย์ ก็ทรงคเชนทรที่นั่งบัลลังก์รัตนราชพิมาน อันอลังการด้วยกนกรัตนามาศ เปนทัพหลวงในพยุหยาตรขบวนพล ส่วนสมเด็จพระผุสดีศรีสุนทรวิมลมกุฏกัญญา กับเอกองค์อนงคนัดดากนิษฐนาฏ ก็ทรงสุวรรณรัตนพิมานมาศราชรถทอง ผูกผ่านมิดปิดป้องกำบังองค์ แลรถพระประเทียบแสนสุรางคอนงค์นิกรกำนัล เปนคู่ ๆ ดูเปนชั้น ๆ กันเรียงราย อยู่ขบวนหลังตั้งต่อท้ายพยุหยาตรา เมื่อพิศดูพลโยธาอันแห่แหน ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังแน่นเปนขนัด ประดับด้วยเครื่องพระอภิรุมรัตนอันเรืองรอง กลดกลิ้งกันฉิ่งทองประเทืองเนตร บังแทรกบังพระสุริเยศแลจามร ชุมสายรายเรียงซ้อนสลับฉัตร วาลวิชนีวีพัดรำเพยพาน เปนทิวแถวเถือกสถลสถานถกลตา พวกสหชาตโยธาทั้งสี่หมู่ ก็เดินแห่เปนคู่ ๆ อยู่เรียงราย อุยฺยุตตา เมาะ ปยาตา พวกพลหัวหน้าก็คลี่คลายขยายเขยื้อน ยกพยุหคลาเคลื่อนออกจากเมือง เดินแน่นเนื่องอยู่แออัด ออกเยียดยัดกันสับสน ดูเกลื่อนกล่นกลางปถพี จัดได้สิบสองอโขเภนี๗ โดยพยุหยาตรา โกญฺจํ นทติ วารโณ ฝ่ายพระยาเสวยไอยราคชาชาติ ก็เปล่งสำเนียงโกญจนาทอยู่อึงอน ด้วยได้กลับมาเห็นหน้าเจ้านายตนก็ชื่นบาน แวดล้อมไปด้วยพลแสนสารอเนกแน่น ทั้งพลคชโลดแล่นแลโจมทัพ ดั้งกันขับขึ้นเคียงแข่ง ช้างแทรกแซงแลค้ำค่าย ช้างพังรายเดินสลับ หมอควาญขับขี่ตามกัน เดินเรียงรันเปนคู่ ๆ บ่รู้สักกี่มู่กี่หมื่นแสน หลังปักแพนผูกจำลอง เครื่องเขนทองจำหลักลาย มีทนายถือทวนมาศ ประจำหลังคชาชาติทุกตัวสาร พลอาชาชาญเปนขนัด ควบเร็วรัดรีบแทรกแซง สองข้างแข่งพลช้าง ปักแพนหางแห่งยูงทอง เผ่นผยดผยองย่างเยื้อง เครื่องสุพรรณภู่พรายรายดาวประดับ ทุกสิ่งสรรพอัสสาภรณพิจิตรรุจี ทนายม้าใส่เสื้อสีสักหลาด สวมหมวกมาศฉลุลาย ถือทวนทายธนูคำ รำร่อนฉวัดเฉวียน ชักบั้งเหียนเตือนโกลน ผกผงาดผาดเผ่นโผนพุ่งโตมร พลรถเรียบรเบียบงอนอยู่เรียงราย ธงไชยปลายปลิวลมแลสลอนสล้าง ตามหว่างวิถีแถวเปนแนวเนื่องขนัด เทียมด้วยอัศวอาชาชาญชำนิศึก ดูพิลึกห้าวหาญรานแรงเริงร่า ควบแข่งกันขึ้นหน้านำรถจร เสนานั่งถือศรบนหลังรถ สารถีถือแซ่ตะพดขับต้อนตี ประดับด้วยแพนหางมยุรีกันฉิ่งทอง ท้ายเหน็บซองหอกซัดทั้งสองข้าง เห็นสล้างแลตระการตา นายรถแต่งกายาประกวดกัน ใส่หมวกสุวรรณเสื้ออย่างเทศ ดูวิเศษสรรพสรรพางค์ ขับรถไปตามระหว่างขนัดพล ฝ่ายพวกพหลบทจรเดินเท้าเปนทิวแถว ใส่หมวกสุวรรณแพร้วพรรณราย สวมเกราะกรายหลายขบวน ถือธงชายปลายทวนปลิวยะยาบ พลดั้งดาบโล่ห์เขนเปนขนัดแน่น แสนเสโลห์แลโตมร พลเกาทัณฑ์กำซาบศรแลปืนไฟ พลธนูหางไก่แลปืนยา พลทหารอาสาดาบสองมือ ถือกวัดแกว่งอยู่คะคว้าง พลหอกสล้างแลสลอน พลง้าวงามงอนง่ารำ พลกฤชด้ามสลักลายกรายขบวน พลทายทวนถือเปนคู่เคียง พลกระบี่กั้นหยั่นเรียงเปนสง่างามตามพิไชยศาสตร์ คอยพิฆาฎฆ่าปัจจามิตร ล้วนละเลิงฤทธิเรี่ยวแรง แสดงเดชดูพิลึกมหิมา ร้องเฮฮาโห่ด้วยห้าวหาญ เห็นสยดสยองลำพองพล เพียงพื้นพสุธาดลจะไหวหวาด ทั้งฆ้องกลองพิณพาทย์ประโคมขาน แตรสังข์กังสดาลดุริยดนตรี กลองชนะตีก้องกึกพิลึกลั่น เสียงคชสารซั้นคำรนร้อง เสียงสินธพก้องกระเกริกดง เสียงรถก้องกงสะเทือนธาร เสียงพลทหารโห่ฮึกหึ่ง ศัพท์สำเนียงอึงกัมปนาท ผงคลีกลบอากาศพโยมบน รีบเร่งดำเนินพลขบวนทัพ ไปโดยลำดับสถลวิถีแถวเถื่อนทุเรศ
ขึ้น เต จตฺตาโร ขตฺติยา อันว่าบรมขัตติเยศทั้งสี่องค์ เสด็จเข้าวนัศวนาระหงห้องหิมวันต์ ก็ชวนพระสนมกำนัลนิกรคณา ชมอรัญรุกขาผลาผล บ้างเผล็ดผกาแกมกลทุกกิ่งก้าน พรรณพิหคจับแข่งขานประสานเสียง เย็นเสนาะเพราะสำเนียงวังเวงไพร เสียงจักกระจั่นพรรณเรไรร้องระรี่เรื่อย ฟังนี้ก็ฉ่ำเฉื่อยชื่นอุรารมณ์ แล้วทอดพระเนตรแนวศีขรพนมลำเนาเนิน ชะง่อนชะโงกโกรกเกริ่นแลท่าถ้ำ ทุกหนแห่งตำแหน่งน้ำลหารธาร เสด็จประทับร้อนแรมสำราญในราวเถื่อน แล้วคลี่คลายขยายพยุหเคลื่อนไปตามมรรคา กำหนดนับได้หลายทิวาแลราตรี เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าสมเด็จพระจอมมิ่งโมลีโลกุตตรวงศ์ องค์อิศราธิเบศรเวสสันดร ทรงพระสโมสรสารภิรมย์ ด้วยองค์เอกอรรคอุดมอดุลดวงกระษัตริย์มัททราชบุตรี บำเพ็ญพระเนกขัมบารมีมหาภริยบุตรทาน สถิตย์ยังศิวาศรมสถานประเทศที่ใด สี่กระษัตริย์ก็ยกพยุหแสนยาพลานิกรไปถึงกระทั่ง ตํ ปเทสํ ยังประเทศที่นั้นแล
มหาราชปพฺพํ นิฏฺฐิตํ
ประดับด้วยพระคาถา ๖๙ พระคาถา
----------------------------