เหตุ ๑ ที่เศรษฐกิจตกต่ำ
(คัดจาก หนังสือพิมพ์ ‘ศรีกรุง’ ประจำวันที่ ๑๔ สิหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘)
นโยบายของการเงินแผ่นดินนั้น หนังสือพิมพ์ศรีกรุงได้บรรยายไว้ครั้งหนึ่งแล้วว่า ต่างประเทศก็เลือกหาลัทธิที่เหมาะกับฐานะของประเทศของเขาสุดแล้วแต่การค้าขาย, การเงินที่เป็นข้างฝ่ายเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ว่าลัทธิใดจะนำประโยชน์มาให้แก่บ้านเมืองได้มากกว่ากัน บางประเทศส่งเสริมทางการบำรุงหัตถกรรมและอุตสาหกรรม บางประเทศบำรุงการกสิกรรมที่จะเรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของเขา เช่นเดียวกันกับเราได้อาศัยแรงงานของกสิกรชาวนาเป็นต้น ถ้าจะเก็บเอาแต่ฉะเพาะที่เป็นหลักการสำคัญใหญ่มาบรรยายเป็นลำดับไป ก็จะมีลัทธิที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Inflation อย่างหนึ่ง ชะนิดที่ธนาคารกลางหรือรัฐบาลพิมพ์ธนบัตร หรือเอกสารเชื่อหนี้ทั้งหลายที่มีหลักทรัพย์ออกใช้ต่างเงินหมุนเวียนในแผ่นดิน
อีกชะนิดหนึ่งเรียกว่า Deflation ซึ่งเป็นการตรงกันข้ามกับ Inflation ที่ตรงว่ารัฐบาลหรือธนาคารใหญ่จำกัดเงินเชื่อหนี้ให้น้อยลง เพื่อจะไม่ให้สินค้าในเมืองแพงไปกว่าราคาที่ควร เป็นวิธีส่งเสริมแรงงานในบ้านเมืองที่ได้รับค่าจ้างค่าแรงเป็นตัวเงินมาแล้ว เหตุที่จำนวนเงินหมุนเวียนในบ้านเมืองน้อยลง อำนาจของค่าจ่างค่าแรงนั้นจะซื้อสินค้าในบ้านเมืองได้มากขึ้นกว่าเก่า เพราะราคาสินค้าจะถูกลง ไหนยังจะเป็นการส่งเสริมให้ส่งสินค้าออกไปขายนอกประเทศได้มากกว่าสินค้าที่จะเข้ามาในประเทศ เป็นพิธีที่จะเอาเปรียบในทางดุลยภาพแห่งการค้าขายในระวางประเทศ เมื่อเงินใช้หมุนเวียนในบ้านเมืองมีน้อยลงแล้ว ดอกเบี้ย คือค่าเช่าของเงินทุนจำเป็นจะแพงขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวต่างประเทศส่งทุนของเขาเข้ามาในบ้านเมือง โดยความมุ่งหมายจะได้ดอกเบี้ยที่สูง
ข้างฝ่ายลัทธิ Inflation ที่ทำให้ราคาสินค้าในแผ่นดินแพงขึ้นกว่าที่ควรนั้น ถ้าคิดไปถึงว่าถ้าชาวกรุงสยามยึดเอาการค้าเข้าไว้ในมือคนไทยได้ และมีความสามารถที่จะก่อสร้างสินค้าโดยทางหัตถกรรม, อุตสาหกรรม และกสิกรรมได้เอง ไม่ต้องพึ่งชนต่างด้าวเป็นส่วนใหญ่แล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความเจริญในบ้านเมืองจะเพิ่มพูลขึ้นได้รวดเร็ว ผิดตรงกันข้ามกับสมัยปัจจุบันนี้ตรงที่ว่า การพาณิชยกรรมและการอุตสาหกรรมแทบทุกอย่างตกอยู่ในกำมือของชาวต่างประเทศ เพราะเหตุฉะนั้น ปวงชนชาวสยามจึงมีแต่จะยากจนลงเสมอไป จนแทบจะใช้หนี้ไม่ไหว จริงอยู่ ตรงที่ว่าเมื่อราคาเงินบาทตกต่ำลงนั้น พวกกสิกรจะพลอยมีฐานะดีกว่าเก่ามาก เพราะว่าเมื่อขายข้าวได้เงินมากกว่าธรรมดาแล้ว เงินนี้อาจจะไปส่งเสริมให้ลูกหนี้ผ่อนใช้เจ้าหนี้ได้บ้าง แปลว่าเมื่อกู้เงินเขาไป ได้รับเงินเมื่อยังมีราคาสูง ครั้นราคาเงินบาทตกต่ำลงแล้ว ก็จะมีเงินเหลือใช้ไปใช้หนี้เจ้าหนี้ได้บ้าง เจ้าหนี้ต้องขาดทุนไปกว่าเก่าเพราะราคาเงินตกต่ำนั่นเอง
ตามวิธีที่ชาวต่างประเทศเขาทำกันอยู่ทุกวันนี้ ในชั้นต้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับระดับราคาสินค้าในบ้านเมืองเสียก่อน เลือกเอาราคาสินค้าซึ่งชาวเมืองต้องการบริโภคเลี้ยงชีพบางอย่างมาตั้งเป็นระดับกลาง เช่น ราคาเกลือ, ราคาข้าวเปลือก, ข้าวสาร, ปลาสด, ปลาเค็ม, ตลอดจนกะปิ, น้ำปลา, เนื้อสุกร, โค, กระบือ, และอปรัณณชาติผักหญ้าเปนต้น ที่เป็นอาหารสำคัญของชาวเมือง
ในสถิติที่รัฐบาลทำขึ้นเป็นรายปีนั้น หามีตัวเลขที่จะจับเอาเป็นระดับสำเร็จได้ไม่ แต่เพื่อจะคิดคำนวณเอาเองก็ต้องคำนวณราคาตามมาตรา ชั่ง, ตวง, วัด มาเฉลี่ยเป็นกลาง ยกอุทาหรณ์ว่าข้าวเปลือกหนักหาบหนึ่งจะแลกได้เผือกมันกี่หาบ? ข้าวสารหนึ่งเกวียนจะแลกเกลือได้กี่เกวียน? เมื่อ ๕ หรือ ๒๐ ปีที่แล้วมานี้ มีส่วนแลกเปลี่ยนกันได้ในระหว่างสินค้าที่กล่าวมานี้เป็นส่วนมากและน้อยเพียงใด คิดคำนวณได้ใกล้กับความจริงอยู่แล้ว จึงจะตั้งระดับของราคาทั้งหลายขึ้นเป็นเกณฑ์ประกอบความคิดได้ ถ้าไม่จับระดับราคาปานกลางได้แล้ว ก็เป็นการพ้นวิสัยที่จะตรึกตรองได้ตามหลักวิทยาของการเงิน.
ได้ตัวเลขระดับราคามาตั้งเป็นเกณฑ์ได้แล้ว ต่อนั้นไปจึงจะรู้ได้ใกล้ความจริงที่สุดว่า ในเวลานี้รัฐบาลของเราดำเนินนโยบายไปตามลัทธิใด และลัทธินั้นจะมีผิดเป็นทางได้ทางเสียอย่างใด ตามที่ได้อธิบายมาแล้วว่า นโยบายของรัฐบาลนั้นจะเป็นลัทธิ Inflation หรือ Deflation แค่ไหนอย่างไรบ้าง ยังมีคำในภาษาอังกฤษที่เรียกถ่า Devaluation หรือ Devalorisation ลดราคาหน่วยบาทให้ต่ำลง มีตัวอย่างที่รัฐบาลเบลเยี่ยมได้ลดราคาเงินของเขาลงร้อยละ ๔๐ เปอร์เซนต์
ฝ่ายกรุงสยามเมื่อได้เข้าผูกมัดกับปอนด์สเตอร์ลิงค์อังกฤษ กำหนดค่าแลกเงินบาทเป็น ๑๓ บาท เท่า ๑ ปอนด์สเตอร์ลิง ข้างฝ่ายประเทศอังกฤษเมื่อตกจากมาตราทองใน ค.ศ. ๑๘๓๕ นั้นแล้ว ก็ตั้งกองลดราคาทองปอนด์ของเขาลงถึงที่สุดในระวาง ๔๐ถึง ๔๕ เปอร์เซนต์ เพราะเหตุฉะนี้ ราคาเงินบาทของเราจึงลดน้อยลงตามส่วนนั้น เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนฐานมาตราทองมาเป็นฐานมาตราเงินนั้น ได้กำหนดค่าปริวรรตเป็นอัตรา ๑๓ บาท ต่อ ๑ ปอนด์สเตอร์ลิง มาเดี๋ยวนี้รัฐบาลสยามต้องขาดทุนไปนับร้อยล้านบาท ถ้าจะให้หน่วยบาทของเราเหมาะกับราคาเดี๋ยวนี้ ก็จำเป็นต้องลดราคาหน่วยเดิมที่ได้กำหนดไว้ว่า ทองทสเหรียญหนึ่งจะต้องมีเนื้อทองบริสุทธิ์อยู่ ๐.๖๖๖ แกรม ทีนี้จะลดราคาลงครึ่งหนึ่งจะต้องลดหน่วยทองทสให้น้อยลงครึ่งหนึ่ง ประมาณ ๐.๓๓๓ แกรมเปนต้น เราต้องกลับย้อนหลังมาเข้าอยู่ในฐานมาตราทองอย่างเดิมเสียก่อนแล้วจึงจะถอยตัวออกจากความผูกมัดเข้าเป็นลูกโซ่สายเดียวกันกับปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษได้ เราต้องนิยมธาตุทองคำเป็นใหญ่กว่าโลหะทั้งหลาย โดยที่โลกพึงนิยมธาตุทองเป็นใหญ่กว่าธาตุอื่นเสมอ.
ในประเทศสยามตกเข้าอยู่ในที่อับจนเพราะเศรษฐกิจตกต่ำ ราษฎรมีทองรูปพรรณของรักประดับตัวอยู่กี่ชิ้นก็ต้องขายไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว พวกจีนมีไหวพริบดิในทางเศรษฐกิจ ก็มากวาดเอาทองเหล่านี้ไปขายเอากำไรได้เป็นอันมาก ซื้อขายกันตั้งแต่ราคา ๒๐ หนักถึง ๔๐ หนัก จึงน่าเป็นที่สมเพชเวทนาคนอนาถาของเราเป็นอันมาก
ระดับของฐานราคาสินค้าในบ้านเมืองทั่วไป ถ้าเรารู้ระดับซึ่งเป็นฐานของที่ตั้ง เราจึงจะคิดคำนวณหาหนทางแก้ไขเศรษฐกิจที่ตกต่ำได้สะดวกขึ้น ในชั้นต้นสมมติว่าจะตั้งเลข ๑๐๐ เป็นฐานระดับของราคา เมื่อเปรียบราคาสินค้าในตลาดใน ๑๐ ปีก่อนกับเดี๋ยวนี้ ก็จะเห็นได้ว่าระดับราคาสินค้าสำคัญแทบทุกอย่างสูงกว่าระดับ ๑๐๐ เป็นส่วนมาก ยกตัวอย่างราคาข้าวทุกชะนิดมาเทียบให้เห็นดังต่อไปนี้.
พ.ศ. | หาบ | บาท |
---|---|---|
๒๔๖๘ | ๒๒,๙๒๙,๑๑๔ | ๑๖๗,๔๐๙,๓๕๙ |
๒๔๖๙ | ๒๑,๗๙๙๕๔๑ | ๑๖๕,๒๒๖,๒๓๔ |
๒๔๗๐ | ๒๘,๖๗๐,๖๕๔ | ๒๐๑,๑๕๖,๓๔๙ |
๒๔๗๑ | ๒๔,๖๖๗,๓๐๙ | ๑๗๕,๑๒๓,๗๘๑ |
๒๔๗๒ | ๑๘,๘๖๐,๐๘๗ | ๑๓๙,๐๘๗,๓๙๐ |
๒๔๗๓ | ๑๗,๑๑๒,๓๓๐ | ๑๐๓,๐๖๗,๗๐๘ |
๒๔๗๔ | ๒๒,๒๐๐,๔๕๓ | ๗๗,๕๐๐,๓๕๔ |
๒๔๗๕ | ๒๗,๘๖๗,๒๑๐ | ๙๔,๒๐๐,๖๖๐ |
ตามรายสถิติที่คัดมาลงนี้ จะเห็นได้ชัดว่า ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ เราส่งข้าวสารออกนอกประเทศ เป็นจำนวนถึง ๒๒ ล้านหาบ เป็นราคาเงิน ๑๖๗ ล้านบาท แต่ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เราส่งข้าวสารออกนอกประเทศเป็นจำนวนถึง ๒๗ ล้านหาบ ซึ่งมากกว่าปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ถึง ๕ ล้านหาบ แต่ได้ราคาเงินเพียง ๙๔ ล้านบาทเท่านั้น ชี้ให้เห็นว่าราคาข้าวตกต่ำลง เพราะจำนวนข้าวในโลกเกิดมีมากเกินความต้องการเพียงใด ราคาจึงตกต่ำผิดกันกับราคาใน พ.ศ. ๒๔๖๘ เป็นอันมาก
ขอยุติแต่เพียงนี้ก่อน วันหน้าต่อไปจึงจะอธิบายทางเศรษฐกิจและการเมืองเป็นลำดับไป วิชาเศรษฐกิจ ถ้าประกอบกับการเมืองเข้าด้วยแล้วจะเป็นข้อยุ่งยากสับสนเหลือที่คนสามัญจะเข้าใจได้ แต่ถ้าจะไม่พูดบ้าง ก็จะไม่มีทางช่วยปวงชนราษฎรของเราให้พ้นโภคภัยเสียเลย
----------------------------