ธนาคารชาติ

(คัดจาก หนังสือพิมพ์ ‘ศรีกรุง’ ประจำวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๙)

ได้เห็นประวัติของมิสเตอร์ดอล (Doll) ที่ปรึกษากระทรวงการคลัง ซึ่งหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ประจำวันจันทร์ที่ ๑๓ เดือนนี้ได้กล่าวประวัติแห่งคุณวุฒิและความชำนาญของท่านในวิชาการเงินแผ่นดิน ซึ่งได้เคยรับหน้าที่ต่างๆ นาๆ มามากมาย ท่านผู้นี้หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้ชักชวนเข้ามาจากประเทศอังกฤษ ด้วยความมุ่งหมายที่จะขอให้เป็นผู้ได้เริ่มตั้งธนาคารชาติหรือธนาคารกลางของสยาม เชื่อว่าท่านที่เป็นผู้สนใจในเรื่องการเงินเผ่นดินอยู่บ้างแล้ว คงจะมีความปิติยินดีเช่นเดียวกับข้าพเจ้าคนหนึ่ง ที่อยากจะให้รัฐบาลรีบตั้งธนาคารแผ่นดินนี้ขึ้นให้สำเร็จอย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้ และเชื่อด้วยว่า ข้างฝ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็คงจะช่วยส่งเสริมให้การณ์สำเร็จได้ในสมัยประชุมคราวหน้า

เวลานี้ในประเทศอังกฤษกำลังจะตั้งต้นแก้โภคภัยที่ตกต่ำให้กลับเฟื่องฟูขึ้นได้บ้างแล้ว ถ้าจะเปรียบกับความเจริญของประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปในสมัยเดียวกัน ก็จัดได้ว่าเขยิบดีขึ้นกว่าเพื่อน แน่นอน, ทั้งข้างฝ่ายการเมืองก็มั่นคงกว่ากัน ประเทศอังกฤษเข็ดขยาดต่อมหาสงครามที่ได้รับผลร้ายมาแล้วมากมายเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายที่จะเตรียมตัวไว้ให้พร้อมที่จะต่อสู้การสงครามอันจะเกิดขึ้นในภายหน้าให้พรักพร้อมอยู่เสมอ การเตรียมตัวนี้แหละอาจเป็นการรักษาความสงบศึกในภายหน้าได้ ความคิดของรัฐบาลอังกฤษมีจุดประสงค์ที่จะบำรุงความเจริญของกสิกร ซึ่งเป็นความปรารถนาเช่นเดียวกันกับประเทศสยามในเวลานี้ โดยที่ถือว่าการเพาะปลูกเป็นกะดูกสันหลังของชาติทั่วไป แล้วยังจะมีวิธีจัดการส่งเสริมการอุตสาหะกรรมให้กลับเฟื่องฟูขึ้นถึงคั่นสูงสุด ปี ค.ศ. ๑๙๒๙ ได้ระดับเดียวกันกับ พ.ศ. ๒๔๗๓ ที่เห็นปรากฎว่าจำนวนกรรมกรน้อยลงเหลือสองล้านคน และงบประมาณรายได้ของแผ่นดินก็เพิ่มขึ้นมากกว่ารายจ่ายจนมีเงินเหลือใช้มาได้สองปีแล้ว เวลานี้กำลังส่งเสริมการอุตสาหะกรรม สำหรับที่จะทำของขึ้นบริโภคใช้สรอยแต่ฉะเพาะภายในประเทศและจัดการค้าทางขายย่อยต่อไปอีก เมื่อได้ตั้งภาษีป้องกันการแข่งขันนอกประเทศแล้ว ยังมีการส่งเสริมให้ตั้งโรงงานใหม่ขึ้น เพื่อจะกำหนดราคาสินค้าและราคาค่าแรงให้ยั่งยืนอยู่ได้ ยกอุทาหรณ์ว่า ในการทอผ้าของมณฑลเลงแคสเตอร์นั้นได้เลิกล้างหูกทอผ้าทั้งหลายที่ทำการไม่ได้ดีเต็มที่ถึงสิบล้านหูก จำกัดจำนวนบรรดาหูกที่ได้ผลดีเท่ากับปิดประตูค้าให้พวกนี้ แล้วเฉลี่ยเอาเงินรายได้ออกใช้แทนค่าเสียหายแก่พวกที่ต้องเลิกล้มไป สรุปความได้ว่า รัฐบาลเข้าจัดการเสียเองทั่วไปโดยความชักชวนให้มีความปรองดองกันแล้วยังออกเงินส่งเสริมบำรุงเป็นรางวัลให้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่ามิสเตอร์ดอลได้เห็นความเจริญเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษมาแล้ว จึงเชื่อว่ามิสเตอร์ดอลจะสามารถแนะนำกระทรวงการคลังให้ดิขึ้นกว่าเก่าได้บ้าง

จุดประสงค์ที่จะพูดในที่นี้ก็คือ การตั้งธนาคารชาติอย่างเดียว โดยเหตุที่พลเมืองของเรายากจนขัดสนด้วยเงินทุน จึงเป็นข้อปัญหาว่าจะทำประการใดจึงจะได้ทุนต่างประเทศเข้ามาเข้าหุ้นส่วนด้วยธนาคารนี้ สมมติว่ารัฐบาลจะเข้าหุ้นเป็นทางรับประกันความมั่นคงของธนาคารมากกว่าครึ่งจำนวนทุน คือ ๒๐ ล้านบาทเศษ ยังเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งนั้น (๑๐ ล้านบาท) สุดแล้วแต่ว่าต่างประเทศชาติใดจะสมัครมาซื้อหุ้นด้วย แต่ธนาคารควรจะได้สัมปทานให้มีอำนาจออกทุนเชื่อหนี้ได้สัก ๕๐ ล้านบาท เงินนี้จะให้รัฐบาลสยามกู้โดยมีดอกเบี้ยอย่างต่ำเพียงปีหนึ่งร้อยละ ๔ หรือ ๕ ก็ได้ พันธบัตรของรัฐบาลนั้นจะเป็นกำไรของธนาคารได้อีก แต่ความละเอียดที่จะจัดการกันอย่างใดต่อไปนั้น มิตเตอร์ดอลคงมีความสามารถพอจะแนะนำให้ทำได้ดี

ธนาคารชาตินั้น ข้อใหญ่ใจความมีอยู่ว่า จะต้องจำหน่ายทุนที่มีอยู่ และเงินทุนทั้งหลายที่เอกชนนำมาฝากเพื่อจะต้องการดอกเบี้ย หน้าที่ของธนาคารจึงควรจะจำหน่ายเงินทุนและเงินฝากที่กล่าวนี้ ออกทำดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้ เป็นต้นว่าถ้าจะมีผู้มากู้ไปทำทุนแล้ว ธนาคารจะต้องมีผู้รับประกันอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสองชื่อ ถ้าเป็นเงินจำนวนน้อยเพียงที่จะตั้งใจสงเคราะห์คนอนาถาแล้ว จะให้กู้รายหนึ่งตั้งแต่ ๕๐ บาทขึ้นไปก็ได้ ผู้ที่กู้ไปนั้นจะต้องเสียดอกเบี้ยก็ในชั่วเวลาที่เอาทุนไปใช้ เมื่อค้าขายได้กำไรแล้วเอาทุนมาส่งคืนก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอะไรอีก

พระราชกฤษฎีกาที่จะได้ออกใหม่ครั้งนี้ เมื่อได้พิจารณาดูก็เห็นว่า รัฐบาลกับกระทรวงกลาโหมร่วมมือกันจัดระเบียบการทหารด้วยความพินิจพิเคราะห์น่าเป็นที่สรรเสริญมาก ทางยุทธศาสตร์อย่างเดียวที่จะรักษาความอิสสรภาพของชาติไว้ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อกระทรวงกลาโหมจะต้องการเงินสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์หรือเลี้ยงทหารบกทหารเรือสักเท่าใด ผู้ที่รักชาติทั้งหลายจะต้องพลีให้ด้วยความสาธุการ แต่เงินที่จะเอาไปใช้ในการสงครามนั้น ที่แท้จริงเป็นการเปลืองไปโดยมิได้มีเยื่อใยเหลือเลย ประดุจดังดินปืนที่จุดวูบเดียวก็สิ้นทรากไป โดยเหตุที่กล่าวนี้ เราจึงเห็นว่ารัฐบาลควรจะบำรุงการเศรษฐกิจให้เจริญขึ้นเป็นคู่เคียงกันไป เพราะความเจริญเศรษฐกิจของบ้านเมืองนั้นจะไม่มีที่สิ้นสุดได้ เศรษฐกิจอย่างเดียวนี้เหละจะเลี้ยงทหารและซื้อสรรพาวุธส่งได้ ยิ่งไม่มีการสงครามเลยก็จะยิ่งดีขึ้นเสมอไป

ความจำเป็นมีดังที่กล่าวมานี้ จึงเห็นสมควรที่จะเร่งเร้า เขย่ารัฐบาลให้ได้ตั้งต้นตั้งธนาคารชาติหรือธนาคารกลางเสียให้ทันในสมัยประชุมสภา ฯ คราวหน้า.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ