จามเทวีวงษ์ ปริเฉท ๑๓

ตทา เอโก อาทิต์ตราชา นาม อุป์ปัช์ชิต๎วา หริปุญ์เชย์ยรัช์ชํ กาเรสิ.

ลำดับนั้น มีพระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามพระเจ้าอาทิตยราช บังเกิดขึ้นครองราชสมบัติอยู่ในหริปุญชัยนคร

โส หยํ อัม๎หากํ ภควโต อิธ รัช์ชํ กาเรส์สตีติ พ๎ยากโต.

แท้จริงพระเจ้าอาทิตยราชพระองค์นี้นั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคย์เจ้าของเราทั้งหลายได้พยากรณ์ไว้ว่า จักได้เปนบรมกระษัตริย์ครองราชสมบัติอยู่ในหริปุญชัยนครนี้

โส จ อาทิต์ตราชา นาม อติสุโร จ อติมหัพ์พโล ปัจ์จัต์ถากานํ ยุท์ธกาโม อโหสิ เอกัส๎มึ จ กาเล ราชา พลกาเย สุรโยเธ สัช์ชิต๎วา ลโวนครํ คหณัต์ถาย คัน์ต๎วา.

พระเจ้าอาทิตยราชนั้นกล้าหาญ มีพระกำลังยิ่งใหญ่พอพระไทยแต่ในการรบพุ่งแก่ข้าศึก ในกาลครั้งหนึ่ง พระองค์ตระเตรียมสุรโยธาพลนิกายแล้ว เสด็จไปเพื่อพระประสงค์จะยึดถือเอาพระนครละโว้

ลัพ์โภราชา ปนัส์ส มหัพ์พลนิกายํ ทิส๎วา ท๎วารํ ปิทหาเปต๎วา วสิ.

ส่วนพระเจ้าละโว้ได้ทอดพระเนตรเห็นพลนิกายหมู่ใหญ่ของพระเจ้าอาทิตยราชแล้ว ก็ให้ปิดทวารพระนครเสีย

อาทิต์ตราชาปิ นครสมีเป ขัน์ธาวารํ นิวาสาเปต๎วา เอกามัจ์จํ ทูตํ กัต๎วา ลัพ์ภปุรัส์ส รัญ์โญ สัน์ติกํ ปาเหสิ สเจ ลัพ์ภราชา มํ ยุช์ฌิตุกาโม ขิป์ปํ นิก์ขมตุ โน เจ ยุช์ฌิตํุ สัก์โกติ เสตฉัต์ตํ เม เทตุ มา จีรํ ทุก์ขมิจ์ฉตูติ.

ฝ่ายพระเจ้าอาทิตยราช ก็ให้ตั้งค่ายอยู่ใกล้พระนคร จึงแต่งอำมาตย์ผู้หนึ่งให้เปนราชทูตส่งไปยังสำนักพระเจ้านครละโว้ว่า ถ้าพระเจ้านครละโว้มีพระประสงค์จะกระทำยุทธนาการกับเราก็จงออกมาโดยเร็ว ถ้าไม่สามารถจะกระทำยุทธนาการกับเรา ก็จงให้เสวตรฉัตรแก่เราอย่าทำผัดเพี้ยนเนิ่นช้าให้ได้ความลำบากเลย

ทูตัส์ส วจนํ สุต๎วา ลัพ์โภราชา อาห เตน สัท์ธึ น ภายามิ อปิจ ถามพลปรัก์กมยุท์ธํ นาม นิรัต์ถกํ ตํ วิญ์ญูหิ ครหิตัพ์พํ ภเวย์ย ตัส๎มา เตน สัท์ธึ ธัม์มยุท์ธํ กริส์สามิ ตุเม๎ห มหัพ์พเลหิ พหินครเ เอกํ เจติยํ กโรถ มยํ อัน์โตนคเร เอกํ เจติยํ กริส์สาม อุโภปิ วิต์ถารโต จ อุพ์เพธโต จ ปัณ์ณรสพ๎ยามํ เอกัป์ปามณํ รัต์ตสัก์ขรปัต์เตน เอกรัต์ติน์ทิวํ เอกเวลํ กริส์สาม โย ปฐมตรํ นิฏ์ฐาเปต๎วา โส ชโย โหติ โย จ ปัจ์ฉา นิฏ์ฐาเปต๎วา โส ปรายโช โหติ สเจ ตุเม๎ห ชโย ภวถ มยํ ตุม๎หากํ ตติยสํวัจ์ฉรํ ทาสกัม์มกรา ภวิส์สาม สเจ มยํ ชโย หุต๎วา คเหต๎วา อัม๎หากํ ทาสกัม์มํ กาเรต๎วา ตติยสํวัจ์ฉเร เขเปต๎วา มุญ์จิส์สามาติ เอวํ วัต๎วา สกามัจ์จํ ทูตํ กัต๎วา ตัส์ส ทูเตน สัท์ธึ เปเสสิ.

พระเจ้านครละโว้ครั้นได้สดับถ้อยคำของราชทูตแล้วจึงดำรัสว่า การที่จะกระทำยุทธนาการกับด้วยพระเจ้าอาทิตยราชนั้น เราหาได้ขยาดขลาดกลัวฝีมือไม่เลย ก็แต่ว่าการรบพุ่งกันด้วยเรี่ยวแรงแลกำลังนั้นจะเปนการมีประโยชน์ก็หามิได้ การรบพุ่งกันที่ไม่มีประโยชน์นั้น เปนกรรมที่วิญญูชนทั้งหลายพึงติเตียน เพราะเหตุนั้นเราจักกระทำยุทธนาการกับด้วยพระเจ้าอาทิตยราชนั้นแต่โดยธรรม ท่านทั้งหลายจงกระทำพระเจดีย์องค์หนึ่งด้วยกำลังพลหมู่ใหญ่ภายนอกพระนคร เราจักกระทำพระเจดีย์องค์หนึ่งภายในพระนคร เราทั้งสองจักก่อพระเจดีย์ ให้มีประมาณขนาดทั้งใหญ่ทั้งสูงสิบห้าวาเท่าองค์เดียวกัน ด้วยก้อนกรวดสีแดงในคืนเดียววันเดียวเวลาเดียว ผู้ใดแล้วก่อนผู้นั้นเปนผู้ชนะ ผู้ใดแล้วทีหลังผู้นั้นเปนผู้แพ้ ถ้าท่านเปนผู้ชนะเราจะเปนทาษกรรมกรของท่านสามปี ถ้าเราเปนผู้ชนะเราจะจับท่านกระทำให้เปนทาษกรรมกรของเราสิ้นสามปีแล้วจึงจะปล่อยไป ครั้นดำรัสอย่างนี้แล้ว ก็แต่งอำมาตย์ของพระองค์ให้เปนราชทูต ส่งไปกับราชทูตของพระเจ้าอาทิตยราชนั้น

ทูโต อาคัน์ต๎วา ตัส์ส วุต์ตนยํ อัต์ตโน สามิกัส์ส รัญ์โญ กเถสิ.

ราชทูตมาถึงแล้วก็กราบทูลพระเจ้าอาทิตยราชผู้เปนเจ้าของตน

ตํ สุต๎วา อาทิต์ตราชา อัต์ตโน ชนตา พหุตรา ลัพ์ภานํ อติเรกตรา อัต์ตโน ชยํ ภวิส์สตีติ มัญ์ญมาโน ตํ สาธูติ สัม์ปฏิจ์ฉิต๎วา ทูตํ ปติเปเสสิ.

พระเจ้าอาทิตยราชครั้นได้ทรงสดับคำนั้นแล้ว ก็สำคัญว่าประชุมชนของพระองค์มากกว่าประชุมชนของพระเจ้าละโว้ พระเจ้าละโว้จักแพ้แก่พระองค์ จึงรับคำราชทูตว่าดีแล้ว ก็ส่งราชทูตให้กลับไป

เต อุโภ อัญ์ญมัญ์ญํ สัญ์ญาเปต๎วา สํขเภริสัท์เทน เอกกาลสมํ การาเปน์ติ.

พลนิกายทั้งสองฝ่ายนั้น ให้ความมั่นสัญญาแก่กันแล้ว ก็ลงมือก่อสร้างพระเจดีย์ พร้อมเวลาเดียวกันด้วยเสียงสังข์ แลเสียงกลอง

เตสุ กยิรมาเนสุ อาทิต์ตราชา มหาพลวตรา เจติยสัก์ขรราชาสิ อุจ์จตรา โห์นติ.

เมื่อพลนิกายทั้งสองฝ่ายกระทำอยู่ พระเจ้าอาทิตยราช มีกำลังใหญ่กว่า เจดีย์กองกรวดก็สูงกว่า

ลัพ์โภราชา ปน อัต์ตโน เจติยํ นีจํ ทิส๎วา ปราชยภเยน กัฏ์ฐเวทปาสาทวฒกิโย ปัก์โกสาเปต๎วา ตุริเตน กัฏ์ฐเวทปาสาทํ การาเปต๎วา เสตวัต์เถหิ เวธาเปต๎วา เจติยกูฏํวิย กาเรต๎วา อฒรัต์ติกสมเยเยว อุค์คหาเปต๎วา อนิฏ์ฐิตสัก์ขรเจติยัส์ส อุปริ ปติฏ์ฐเปต๎วา ตัส์ส อโธ รัต์ตสัก์ขรเจติยัส์ส สกลํ สุท์ธามัต์ติกเลปเนน ลิม์ปาเปสิ อรุณุค์คมนกาเล ปน มหาชยสัท์เทน อุโฆสาเปต๎วา อัม๎หากํ รัญ์โญ เจติยํ ปุเรตรํ นิฏ์ฐิตัน์ติ มหาอุก์กัฏ์ฐิสัท์เทน ติก์ขัต์ตํุ อุก์กัฏ์ฐาเปต๎วา สัพ์พกิฬัญ์ชาทีนํ ปฏิจ์ฉาทนปริก์ขารานํ อัป์ปเนต๎วา เตสํ ปากฏํ ทัส์เสต๎วา มหาชยเภริมุทิงคปัณ์ฑวสังขมุขรสรสัท์ทวัน์ติ ตุริยนิโฆเสหิ อุล์โลลสัท์ทํ ชนยัน์โต มหาปถวึ ภิน์ทัน์โต วิย อโหสิ.

ส่วนพระเจ้าละโว้ ทอดพระเนตรเห็นพระเจดีย์ของพระองค์ต่ำกลัวจะแพ้ จึงดำรัสเรียกให้ช่างผู้สร้างปราสาททำเทียมด้วยไม้ให้กระทำปราสาททำเทียมด้วยไม้ แล้วให้หุ้มด้วยผ้าขาวทำให้เหมือนดังยอดพระเจดีย์ยกขึ้นตั้งไว้บนเจดีย์กรวดที่ยังไม่แล้วนั้นแต่ในเวลากลางคืน ให้ทาด้วยเครื่องทาผสมด้วยปูนกับดินเหนียวให้ทั่วเจดีย์กรวดสีแดงณภายใต้ปราสาทที่ทำเทียมด้วยไม้นั้น พอเวลาอรุณขึ้นมาก็ให้อุโฆศกึกก้องด้วยเสียงมหาชัยว่า พระเจดีย์ของพระราชาของเราทั้งหลายสำเร็จก่อนแล้ว ให้โห่ร้องขึ้นสามลาด้วยเสียงโห่อย่างใหญ่ ให้เลิกเปิดเครื่องปิดบังมีลำแพนเปนต้น ออกหมดสิ้นแล้ว สำแดงให้ปรากฏแก่พลนิกายของพระเจ้าอาทิตยราชเหล่านั้น ให้บังเกิดสำเนียงประดุจเสียงละลอกใหญ่เอิกเกริกกีกก้องไปด้วยมหาพิชัยเภรี แลตะโพนบัณเฑาะว์สังข์ แลกลองยาวดังสนั่นลั่น เปนประหนึ่งว่าแผ่นปัถพีอันใหญ่จะแตกทำลายไปฉนั้น

ตทา รามัญ์ญชนตา จ หริปุญ์เชย์ชนตา จ ตํ ตุมุโลกเภรวํ สุต๎วา อัน์โตนครํ โอโลเกน์ตา กูฏปาสาทํ เสตมัต์ติกเลปนํ วิย ทิส๎วา อัน์โตนคเร เจติยํ นิฏ์ฐิตัน์ติ สัญ์ญาย กัม์ปมามหทยา ภีตา หุต๎วา ปลายึสุ.

ในกาลนั้นประชุมชนชาวรามัญแลประชุมชนชาวหริปุญชัยนคร ครั้นได้ยินเสียงเอิกเกริกเปนที่น่ากลัวดังนั้นแล้ว แลไปในภายในพระนครได้เห็นปราสาทมียอดเปนประหนึ่งว่าทาด้วยดินสีพอง ก็มีใจหวาดหวั่นกลัวด้วยสำคัญว่าพระเจดีย์ในภายในพระนครสำเร็จแล้วก็พากันหนีไป

เตสุ ปลายัน์เตสุ อาทิต์ตราชา กิญ์จิ อุปายํ อทิส๎วา เตหิ สัท์ธึ ปลายิ.

ครั้นเมื่อพลนิกายทั้งหลายเหล่านั้นกำลังหนีกันอยู่ พระเจ้าอาทิตยราชไม่ทรงเห็นอุบายอันใดแต่สักอย่างหนึ่งเลย ก็พลอยหนีไปกับด้วยพลนิกายทั้งหลายเหล่านั้น

อถ จ ลัพ์โภ มหาชยเภรึ จาราเปต๎วา ท๎วารํ วิวราเปต๎วา มหัน์ตสุรโยเธหิ จ พลนิกาเยหิ จ คัณ๎หคัณ๎หาติ ตัช์เชน์ตาเปต๎วา เตสํ ปัจ์ฉโต อนุธาวาเปสิ.

ก็ในทันใดนั้น พระเจ้าละโว้จึงให้พิฆาฏมหาพิชัยเภรีป่าวร้องให้เปิดพระทวารออกไป ด้วยสุรโยธาหมู่ใหญ่แลพลนิกายทั้งหลาย แล้วก็ตรัสตวาดสำทับไปด้วยพระสุรเสียงว่า ท่านจงจับเอา จงจับเอาดังนี้แล้ว ก็เสด็จแล่นติดตามไปในเบื้องหลังพลนิกายทั้งหลายเหล่านั้น

รามัญ์ญชนตาปิ เต ปัจ์ฉโต อนุธาวัน์เต ทิส๎วา อติวิยภีตา หุต๎วา หัต์ถีอัส์สานีนํ กวจจัม์มอสิสัต์ติโตมรภัณ์ฑวัต์ถาลังการานิ ฉัท์เทต๎วา ตุจ์เฉน ตุริเตน ปลายึสุ.

ประชุมชนชาวรามัญทั้งหลายได้เห็นพลนิกายเหล่านั้นแล่นติดตามมาในเบื้องหลัง ก็เกิดความกลัวอย่างยิ่ง จึงทิ้งช้างทิ้งม้า แลเกราะโล่ดาบหอกโตมร แลห่อสิ่งของที่ต้องปราถนา แลผ้านุ่งห่มแลเครื่องประดับเสีย รีบหนีไปแต่มือเปล่า

สัพ์ภรัญ์โญ ปุริสาปิ สัพ์พัน์ตํ หัต์ถิอัส์สาทีนํ รามัญ์ญชนานํ กิลัน์ตรูปานํ คเหต๎วา อัต์ตโน สามิกํ อุปนาเมสํุ

ฝ่ายราชบุรุษของพระเจ้าละโว้ ก็จับเอาช้างม้าแลคนรามัญที่กำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่ได้ทั้งสิ้น แล้วก็นำเข้าไปถวายเจ้านายของตน

ลัพ์โภราชา รามัญ์ญชนานํ คเหต๎วา ทาสกัม์มกรานํ กัต๎วา ยถา เตน ตีหิ วินัส์สัน์ติ ลัช์ชิตัพ์พัน์ติ ตถา การาเปน์ติ.

พระเจ้าละโว้ ให้จับเอาคนรามัญมากระทำเปนทาษกรรมกรแล้ว คนรามัญทั้งหลายเหล่านั้นจะไม่พินาศฉิบหาย แลจะพึงละอายด้วยเหตุอย่างไร พระองค์ก็ให้กระทำอย่างนั้น

อถ จ ราชา อัน์โตนคเร อัต์ตโน เจติยํ อภูตเจติยํ วิชยัต์ถาย การาปิตัต์ตา วิชยํ ลภิต๎วาว ตํ รัต์ติภาเค วิกาเรต๎วา ภิน์ทาเปต๎วา อนวเสสํ การาเปสิ.

ครั้งนั้นพระเจ้าละโว้ ได้ไชยชนะเพราะความที่พระองค์ให้กระทำพระเจดีย์ไม่ใช่เจดีย์แท้ในภายในพระนคร เพื่อประสงค์แต่ความชนะของพระองค์แล้ว ก็ให้รื้อทำลายเจดีย์ที่ไม่แท้นั้นเสียในเวลากลางคืนไม่ให้เหลือเลย

พหินครเจติยัญ์จ รามัญ์ญชนเตหิ กตํ อนิฏ์ฐเต รามัญ์ญชนเต กาเรต๎วา นิฏ์ฐาเปต๎วา ตํ รามัญ์ญเจติยํ นาม อกาสิ.

ส่วนพระเจดีย์ภายนอกพระนครที่พวกคนรามัญกระทำไว้ พระองค์ก็ให้พวกรามัญกระทำส่วนที่ยังไม่แล้วให้เปนอันแล้วเสร็จสำเร็จไปได้ กระทำพระเจดีย์นั้นให้ชื่อว่ารามัญเจดีย์

ตํ สัน์ธาย สังคาหิโก ปัญ์ญาพลํ วัณ์เณน์โต อาห.

พระสังคาหิกาจารย์หมายเอาเหตุนั้น เมื่อจะสรรเสริญกำลังปัญญาจึ่งได้กล่าวเปนพระคาถาไว้ดังนี้มีความว่า

พลา ปัญ์จวิธา โหน์ติ ขัต์ติยานํ ยสัส์สินํ พาหุพลํ โภคพลํ อมัจ์จํ อธิปัจ์จํ พลํ ปัญ์ญาพลัญ์จ ปัญ์เจเต พุท์ธา วุจ์จัน์ติ อุต์ตมา ยัส์ส เอเต พลา สัน์ติ ขัต์ติโย โส วรุต์ตโม ยํยํ อิจ์ฉติ โส ราชา ตํตํ ลัพ์ภติ กามกา สัพ์เพ เตสํ พลานัญ์จ ปัญ์ญาพลมนุต์ตรํ ยถา หิ โส ลัพ์โภราชา จตุธา พลหีนโก ปัญ์ญาพลพลํ กัต๎วา ชยํ ลัพ์ภติ สัต์ตุโน ทิต์ตราชาปิ สัม์ปัน์โน จตูหิ ปรโม ลัพ์โภ ปัญ์ญาพลํ วิหินัต์ตา ลัพ์ภติ โส ปราชิโต ตัส๎มา วทามิ พลานํ ปัญ์ญาพลมนุต์ตรัน์ติ.

กำลังของบรมกระษัตริย์ผู้มีอิศริยยศทั้งหลายมีอยู่ห้าประการ กำลังห้าประการเหล่านี้ คือกำลังแขนแลกำลังโภคทรัพย์ กำลังอำมาตย์กำลังอธิบดีกำลังปัญญา พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้อุดมสูงสุดกว่าหมู่สัตวได้ทรงตรัสไว้ว่า กำลังห้าประการเหล่านี้ ของบรมกระษัตริย์พระองค์ใดมีอยู่ บรมกระษัตริย์พระองค์นั้นเปนผู้อุดมสูงสุดอย่างประเสริฐ บรมกระษัตริย์พระองค์นั้นจะมีพระราชประสงค์สิ่งใดๆ ก็ย่อมได้สิ่งนั้นนั้นตามพระราชประสงค์ ก็บันดากำลังทั้งห้าประการนั้น กำลังปัญญาไม่มีกำลังอื่นจะยิ่งกว่า เหมือนดังพระเจ้าละโว้มีพระกำลังหย่อนกว่าถึงสี่ส่วน แต่ทรงกระทำพระกำลังด้วยกำลังปัญญาก็ได้ไชยชนะแก่ศัตรู ส่วนพระเจ้าอาทิตยราชมีกำลังสมบูรณ์ยิ่งกว่าพระเจ้าละโว้ถึงสี่ประการ แต่ปราศจากกำลังปัญญาจึงได้ปราไชยพ่ายแพ้พระเจ้าละโว้ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าพระสังคาหิกาจารย์ จึงได้กล่าวกำลังปัญญาว่ายิ่งกว่ากำลังเหล่านั้น

ตโต จ โส ลัพ์โภ ราชา อธิมานา วิชัย์ยตา สกรัฏ์เฐ อสัน์ตุฏ์ฐา สังคณิต๎วา สกํ พลํ สุรโยเธสุ มัจ์เจสุ เสเนมัน์ติสุอาคเม ราชา อโวจ สัพ์เพสํ ราชปุต์ตาทีนํ อิติ อัม์โภ ตุเม๎ห สุสัก์กัจ์จํ สุณาถ มม ภาสิตํ ปุพ์เพ โส รามัญ์โญราชา พลวัน์โต ยสัส์สิมา อาคัน์ต๎วา นิค์คหํ อัเมห โส ฐานัม๎หา ปราชิโต หัต์ถีอัส์สพลา นัฏ์ฐา ตุเม๎ห โก ตํ ปติส์สตีติ.

ลำดับนั้นพระเจ้าละโว้ ได้รวบรวมพลนิกายของพระองค์ไว้ เพราะความที่พระองค์มีมานะอย่างยิ่ง แลเพราะความที่พระองค์ได้ไชยชนะ แลเพราะความที่พระองค์ไม่มักน้อยอยู่แต่ในพระราชอาณาเขตรของพระองค์ จึ่งดำรัสแก่ชนทั้งปวง มีพระราชบุตรเปนต้น ในที่ประชุมสุรโยธาอำมาตย์เสนามนตรีว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงตั้งสติให้ดีฟังภาสิตของเรา พระเจ้ารามัญมีพระกำลังแลมียศมาข่มเหงเราก่อน ก็ปราไชยพ่ายแพ้ไปจากที่ ช้างม้าพลนิกายก็พินาศฉิบหาย ท่านทั้งหลายใครจะคิดตอบแทนพระเจ้ารามัญได้

ตัส์ส ตํ วจนํ สุต๎วา ราชปุต์โต อิติ พ๎รวํ เทว ตุเม๎หสุ มํ ปุต์ตํ ภรัน์เตสุ จิรํ วุฒึ ปติสัต์ตุวิธํสัต์ถ คมิส์สาม คเหตุ ตํ วัต๎วาน ราชปุต์โต โส จรเณ ปิตุโน นมิ สัพ์พเสนางคมาทาย อาคโต หริปุญ์ชยํ ปัต๎วา ปุพ์พทิสาภาเค ขัน์ธาวารํ นิเวสยิ (ขาดไปวรรคหนึ่ง) ทูตํ เปเสสิ ราชิโน สเจ ยุช์ฌิตุกาโมสิ นิก์ขมัน์ตุ ขิป์ปํ มมาติ.

พระราชบุตรของพระเจ้าละโว้ ครั้นได้สดับพระราชโองการนั้นแล้วจึงกราบทูลว่า ข้าแต่สมมุติเทวราชเจ้า พระราชบิดาทรงชุบเลี้ยง ข้าพระบาทผู้เปนพระราชบุตรให้เจริญมานานแล้ว ก็เพื่อพระประสงค์จะให้ช่วยกำจัดปฏิปักษ์ราชศัตรู ข้าพระบาทจะไปจับพระเจ้ารามัญมาทูลเกล้าถวาย ครั้นกราบทูลแล้วก็ถวายบังคมพระบาทพระราชบิดา พาเสนางคนิกรทั้งปวงมายังหริปุญชัยนคร ครั้นถึงแล้วก็ให้ตั้งค่ายอยู่ในข้างบุรพาทิศาภาค ส่งราชทูตไปถึงพระเจ้ารามัญว่า ถ้าพระเจ้ารามัญปราถนาจะกระทำยุทธนาการแก่เราก็จงออกมาโดยเร็ว

ตัส์ส ตํ วจนํ สุต๎วา ทิต์ตราชา วิยัต์ติโก คเชน์โต ปติสัต์ตูนํ สกเสนํ อิทํ พ๎รวิ โภน์โต ตุเม๎หสุ โย โกจิ ปัส์สิโต วิปริตกํ กุรุงค์ มิคมายานํ พยัคฆา ธาวัน์ติ ขาทิตํุ เอวํ หิ ราชปุต์โต โส อนุธาวัน์ติ โน อิธ อิมํ โส โน สัม์มา เทติ ยุท์ธัต์ถึ กิวมัญ์ญถาติ.

พระเจ้าอาทิตยราชผู้ฉลาดคุกคามปฏิปักษ์ราชศัตรู ครั้นได้สดับพระวาจาของราชบุตรพระเจ้าละโว้แล้ว จึ่งดำรัสกับเสนาของพระองค์ว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย แต่บันดาท่านทั้งหลายคนใดคนหนึ่ง ได้เห็นเนื้อผู้มีความผิดแล้วฤๅ พระยาพยัคฆราชทั้งหลายจะแล่นไปเคี้ยวกินเนื้อที่มีมารยา เหมือนอย่างพระราชบุตรของพระเจ้าละโว้ แล่นติดตามเรามาจนถึงที่นี้ พระราชบุตรพระเจ้าละโว้ให้ความชนะแก่เราโดยดี ท่านทั้งหลายสำคัญว่าจะกระทำยุทธนาการกันอย่างไร

ตัส์ส ตํ วจนํ สุต๎วา สุรโยธา มหัพ์พลา อุฏ์ฐํ ขาทัน์ติ มุฏ์ฐินิ ภูมี โปถัน์ติ ปพ๎รวิ ยุช์ฌิส์สาม มยํ สัพ์เพ มา ต๎วํ ยุช์ฌิ รัฏ์เฐสภ ราชปุต์โต อัป์ปตโร ขีรํ มุก์ขา ปวายติ กึ โส ชานิส์สติ ยุท์ธํ กิน์เต นาคริกา ลวา ปุพ์เพ มยํ ธัม์มยุท์ธํ กัต๎วา ธัม์มัส์ส คารวํ อิทานิ พลยุท์เธน ชิต๎วา ฆาเฏม สัพ์พถาติ.

สุรโยธาพลนิกายที่มีกำลังใหญ่ทั้งหลาย ครั้นได้ฟังพระราชดำรัสของพระเจ้าอาทิตยราชนั้นแล้ว เปนประดุจดังว่าพระยาพยัคฆราชได้เคี้ยวกินอูฐในกำมือ จึ่งตบลงที่พื้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐในพระราชอาณาเขตร ขอพระองค์อย่ารบเลย ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจะรบถวาย พระราชบุตรของพระเจ้าละโว้ยังเด็กเล็กนัก น้ำนมยังฟุ้งอยู่ที่ปากจะรู้จักการรบพุ่งกันอย่างไร ถึงพวกลว้าชาวพระนครเหล่านั้นเล่า ก็จะรู้จักการรบพุ่งกันอย่างไร ครั้งก่อนเราทั้งหลายได้กระทำธรรมยุทธ์การรบพุ่งกันโดยธรรมเคารพต่อธรรม เดี๋ยวนี้เราทั้งหลายจะชนะด้วยพลยุทธ์การรบพุ่งกันด้วยกำลัง จะฆ่าเสียให้หมดทั้งสิ้น

เตสัน์ตํ วจนํ สุต๎วา ราชา ทูตํ อิทํ พ๎รวิ สุณสิ ทูต เอเตสํ วจนํ สุรกัก์ขลํ อิเม ตุเม๎ห ยุช์ฌิส์สัน์ติ ตุเม๎ห อัเม๎ห นสิส์สัน์ติ พลยุท์ธํ น กาเรส์สํ ธัม์มยุท์ธํ กโรม๎หเส เอกํ ตุเม๎หว ตฬากํ เอกํ อัเม๎ห ขณาม๎หเส วิต์ถารํ คัมภิรํ ทีฆํ จตุรัส์สํ สมสมํ รัต์ติน์ทิวํ ขณิส์สาม มูลสัต์ตีหิ นาป์ปรา อรุณุค์คมเนเยว โก คัม์ภีโร ชโยติ โส อิติ วัต๎วาน โส ราชา ทูตํ เตน อเปสยิ.

พระเจ้าอาทิตยราช ได้สดับถ้อยคำของสุรโยธาพลนิกายเหล่านั้นแล้ว จึงดำรัสคำนี้กับราชทูตว่า ดูกรทูตท่านจงฟังถ้อยคำเหี้ยมหาญของสุรโยธาพลนิกายเหล่านั้นสิ สุรโยธาพลนิกายเหล่านี้จะรบกับท่าน ทั้งพวกท่านพวกเราก็จะพากันพินาศ เราจักไม่กระทำพลยุทธ์การรบพุ่งกันด้วยพลนิกาย เราทั้งหลายจงกระทำธรรมยุทธ์การรบพุ่งกันโดยธรรม ท่านทั้งหลายจงขุดสระสระหนึ่ง เราทั้งหลายก็จะขุดสระสระหนึ่งทั้งส่วนกว้างส่วนลึกส่วนยาวเปนสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่าเท่ากัน เราทั้งหลายจักขุดตลอดทั้งกลางคืนกลางวัน จักขุดด้วยด้ามหอกไม่ขุดด้วยสิ่งอื่น พออรุณขึ้นมาใครขุดลึกผู้นั้นได้ชื่อว่าชนะ พระเจ้าอาทิตยราชตรัสดังนี้แล้ว ก็แต่งราชทูตส่งไปด้วยทูตนั้น

คัน์ต๎วา เต ลัพ์ภราชานํ วทึสุ สัพ์พสาสนํ

ราชทูตทั้งสองนั้นมาถึงแล้ว ก็กราบทูลมูลคดีแก่พระราชบุตรพระเจ้าละโว้ทุกประการ

ลัพ์ปุต์โตปิ สุต๎วา ตํ เอวํ สมวิจิน์ตยิ อหัม์ปิ ทูรโต อาคโต กิลมัน์โต ปิ โยธิโน เอเต หิ วาสรัก์ขัน์ตา ยุช์ฌัน์ตาปิ กปิล์ลกา ยุท์ธํ นาม ชโย โหติ อัต์ตโน วา ปรัส์ส วา ธัม์มยุทธํ ยุช์ฌิส์สัน์โต สัต์ติ จ เม พหุต์ตรา อิเม สสัต์ตึ นยัน์ติ ตุจ์ฉหัต์เถหิ อาคตา ขณัน์ตา มูลสัต์ตีหิ ลภิส์สัน์ติ กตาสัต์ตึ อิทํ พาลา น ชานัน์ติ มัย๎หิ ชโย นิสังสโย จิน์เตต๎วา ราชปุต์โต โส สาธูติ ปติสุณิ ตํ.

ส่วนพระราชบุตรพระเจ้าละโว้ ได้สดับคำราชทูตแล้วจึงทรงพระดำริห์อย่างนี้ว่า เรามาแต่ไกลกำลังเหน็ดเหนือยอยู่ ถึงโยธาทั้งหลายก็ยังเหน็ดเหนือยอยู่ แท้จริงชาวพระนครหริปุญชัยเหล่านี้ เปนผู้รักษาบ้านเมืองที่อยู่ของตน ถึงจะรบก็คงจะเปนเหมือนมดแดงรักษารัง ชื่อว่าการรบพุ่งกันเข้าแล้ว ความชนะก็จะมีแก่ตนบ้างแก่ผู้อื่นบ้าง เมื่อรบซึ่งธรรมยุทธ์กันอยู่ หอกของเรามีมากกว่า ชาวพระนครเหล่านี้จะนำหอกของตนมาด้วยมือเปล่า เมื่อขุดด้วยด้ามหอกจะได้แต่หอกที่ทำไว้แล้ว คนพาลผู้มีปัญญาอ่อนก็จะไม่รู้ซึ่งเหตุนี้ ความชนะคงมีแก่เราแน่ไม่ต้องสงไสย พระราชบุตรพระเจ้าละโว้ ทรงพระราชดำริห์ดังนี้แล้ว ก็รับคำราชทูตว่าดีแล้วดังนี้

เต อุโภ กัต์ติกํ กัต๎วา มิเนต๎วา สมัฏ์ฐานกํ ลัพ์โภราชาปิ ปาจินํ หริปุญ์เชย์ยปัจ์ฉิมํ เอกํ ยามเภริสัท์ทํ สัญ์ญาเปน์ติ ขณัน์ติ เต ลัพ์ภาติ ชนตา สัต์ติ มูเลหิ ขณตา ธุวํ หริปุญ์เชย์ยชนตา ทิวา ขณัน์ติ สัต์ตีหิ รัต๎ยํ กุท์ธาลํ ขณิติ ขณัน์ติ สัพ์พรัต์ติยํ อัญ์ญมัญ์ญํ อัป์ปัส์สัน์ตา มัช์เฌ จาติตัต์ตา สิมํ อรุณุค์คมเน กาเล มัช์เฌ เภรึ นทาปยิ เภริสัท์เทน ชนตา ธาวัน์ตา ปัส์สิตุภิน์นํ ตทา ลัพ์ภวตา วาโท อุต์ตาโน สัพ์พขณิกํ หริปุญ์เชย์ยตา วาโท คัม์ภิโร อสีติคุโณ ตทา อาทิต์ตราชา นํ หริปุญ์เชย์นาครํ อุก์กุฏ์ฐาเปสิ สัท์เทหิ มหัน์เตหิ จ เภริโย ชโยชโย มยัน์ติ ลัพ์โภราชา ปราชิโต หรถ สัต์ตุโน สัพ์เพ ทาสกัม์เม กโรถ โนติ.

ชนทั้งสองฝ่ายกระทำกัตติกานัดหมายกันแล้ว ก็เลือกหาที่ที่พื้นเรียบราบเสมอ พระเจ้าละโว้ได้ข้างปาจิณทิศ พระยาหริปุญชัยได้ข้างปัจฉิมทิศ ชนทั้งสองฝ่ายพอได้สัญญา เสียงกลองสำหรับย่ำยามหนึ่งแล้วก็ลงมือขุดกันไป พวกชาวละโว้ขุดด้วยด้ามหอกยั่งยืนอยู่ แต่พวกหริปุญชัยขุดด้วยหอกในเวลากลางวัน ขุดด้วยจอบในเวลากลางคืนจนตลอดรุ่ง ชนทั้งสองฝ่ายไม่แลเห็นกันแลกัน เพราะจะล่วงเกินเขตรแดนในท่ามกลางไป พอเวลาอรุณขึ้นมา เสียงกลองในกลางเมืองก็บันฦๅลั่น พวกชนทั้งหลายก็แล่นไปดูด้วยเสียงกลองทั้งสองฝ่าย ในเวลานั้นเสียงคนกล่าวกันว่า พวกชาวละโว้ขุดตื้น พวกหริปุญชัยขุดลึกคูณลงไปถึงแปดสิบศอก ครั้งนั้นพระเจ้าอาทิตยราช จึงให้ชาวนครหริปุญชัยพิฆาฏพิชัยเภรีโห่ร้องก้อง ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า เราทั้งหลายได้ไชยชนะ พระเจ้าละโว้ปราไชยพ่ายแพ้แล้ว ท่านทั้งหลายจงจับพวกราชศัตรูมากระทำเปนทาษกรรมกรของเราให้หมดทั้งสิ้น

ตทาปิ ราชปุต์โต โส กัม์โพชาชนตาปิ จ อัญ์ญมัญ์ญํ ปโลเกน์ติ นัต์ถุปายํ ชยํ กรํ ปลายิต๎วา ตุริเตน สกรัฏ์ฐํ นครํ คมํุ หัต์ถี อัส์เส ชเน ทัน์เธ ฉัท์เทน์ติ อนเปก์ขิเต.

เวลานั้นพระราชบุตรพระเจ้าละโว้กับคนชาวกัมโพชแลดูกันอยู่ไม่มีอุบายที่จะกระทำให้ชนะได้ ก็พากันรีบหนีไปยังนครเขตรแดนของตน ทิ้งช้างทิ้งม้าแลคนที่เลื่อยล้าเสียไม่เหลียวแลเลย

อถ ราชวโร ทิต์ตราชนามโก วิชยปัต์โต ปมุทิตมานโส สังคามวิชิตสิก์ขิตโยธิโน เสเน สมัจ์โจ ปัจ์ฉโตนุธาวิ.

ครั้งนั้นพระราชาผู้ประเสริฐทรงพระนามพระเจ้าอาทิตยราชได้ไชยชนะแล้ว ก็รื่นเริงบันเทิงพระราชหฤไทย จึงพร้อมกับด้วยอำมาตย์เสด็จแล่นติดตามโยธาเสนาที่ได้ฝึกหัดเคยชนะข้าศึกสงครามแล้วไปข้างหลัง

อถ จ สุรโยธา ตุริตตุริตา ขัค์คภัณ์ฑาทิหัต์ถา ลัพ์โภราชานํ พัน์ธึสุ ฉัฑ์ฑิตอัส์สหัต์ถิสชนเน คหึสุ ลภิต๎วา เตสุ ภัณ์เฑ ปตินิวัตตาทิต์ตรัญ์โญ ทัส์เสสํุ.

สุรโยธาทั้งหลายนั้น มีมือถือสิ่งของมีพระขรรค์แลภัณฑะเปนต้น เร่งรีบติดตามพระเจ้าละโว้ไป จับเอาม้าแลช้างกับทั้งคนที่พระเจ้าละโว้ทิ้งเสียได้แล้วก็กลับมาถวายภัณฑะที่ดีแก่พระเจ้าอาทิตยราช

ราชาปิ กัม์พุเช เต ทาสกัม์มกาเร สัพ์พกัม์เม ปยุญ์

พระเจ้าอาทิตยราชก็ให้ชาวกัมโพชทั้งหลายนั้น เปนทาษกรรมกรไว้สำหรับประกอบการงานทั้งปวง

อิทํ สัน์ธาย โปราณาจริยา วทัน์ติ ยุท์ธํ นาม ชยปราชยํ น เอกัส์ส นิจ์จกาลํ โหติ กทาจิ อัต์ตโน ชยํ กทาจิ ปราชยัน์ติ เตน ตํ ทัส์เสน์โต อาห.

พระโบราณาจารย์เจ้า หมายเอาเหตุนี้มากล่าวไว้ว่า ขึ้นชื่อว่าเกิดสงครามรบพุ่งกันแล้ว การชนะแลแพ้ย่อมไม่มีแต่ฝ่ายเดียวเปนนิจกาล บางคราวก็ชนะบางคราวก็แพ้ดังนี้ เพราะเหตุนั้นเมื่อท่านจะสำแดงการชนะแลแพ้ จึงกล่าวเปนพระคาถาไว้มีความว่า

ยุท์ธํ นาม อิทํ โลเก ชนาชยํ น สัท์ทเห กทาจิ โส ชโย โหติ กทาจิ โส ปราชิโต ยุท์ธกาเลปิ โยโกจิ ปัญ์ญาพลุปถัม์ภิตํ ยุท์ธุปายํ ปยุญ์เชติ สเว ชัย์โย ปัจ์จัต์ถิเก โย จ เม พลพาหเนกา น จ เม โก สมกโร อุเปก์ขมานํ ยุญ์เชติ ลัพ์ภติ โส ปราชโย ลัพ์โภ หิ อาทิต์โต ราชา อัญ์ญมัญ์ญมุปายโส ทาสกัม์มกราเปน์ติ อัญ์ญมัญ์ญํ ปติกรํุ ติ.

ขึ้นชื่อว่าการกระทำสงครามรบพุ่งกันในโลกนี้ อย่าเชื่อถือเอาความชนะแลแพ้เปนประมาณ บางคราวผู้แพ้นั้นเปนผู้ชนะ บางคราวผู้ชนะนั้นเปนผู้แพ้ ในเวลากระทำสงครามกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประกอบอุบายรบมีปัญญาเปนกำลังช่วยอุดหนุนแล้ว ฝ่ายนั้นก็ได้ไชยชนะข้าศึก อนึ่งฝ่ายใดมาประมาทเสียว่าพลพาหนะของเรามาก ใครไม่ทำเสมอเราได้แล้วประกอบแต่การเพิกเฉยเสีย ฝ่ายนั้นย่อมได้แต่ปราไชยพ่ายแพ้เหมือนอย่างพระเจ้าละโว้กับพระเจ้าอาทิตยราช กระทำกันแลกันให้เปนทาษกรรมกรด้วยอุบายทั้งสองฝ่ายกระทำโต้ตอบกันดังนี้

เอวํ อาทิต์ตราชา ชยํ ปติลภิต๎วา หัฏ์ฐตุฏ์โฐ หุต๎วา นครารัก์ขิตานํ นานาเทวตานํ พลิกัม์มํ กัต๎วา ชยเภรึ นทาเปต๎วา สัพ์พตุริเยหิ จ ปัค์คัณ๎หาเปสิ.

พระเจ้าอาทิตยราช กลับได้ไชยชนะอย่างนี้แล้ว ก็ยินดีรื่นเริงบันเทิงพระราชหฤไทย แล้วก็กระทำพลีกรรมแก่เทพยดาทั้งหลาย ซึ่งรักษาพระนครด้วยประการต่างๆ จึงให้พิฆาฏพิไชยเภรีประโคมสรรพดุริยางคดนตรีบันลือลั่น

ตโต ปภูติ ยัญ์จ กัม์พุชพเลหิ ขณิตํ อุก์ขลิกรณัต์ถํ มัต์ติกปิณ์ฑํ คเหต๎วา มหาสราชํ หุต๎วา ตํ อุก์ขลิรหทํ นาม วุจ์จัน์ติ.

จำเดิมแต่นั้นมาที่ใดที่พลนิกายชาวกัมโพชทั้งหลาย ได้ขุดถือเอาก้อนดินมากระทำเปนหม้อแล้วเกิดเปนสระใหญ่ขึ้น คนทั้งหลายร้องเรียกที่นั้นให้ชื่อว่า อุกขลิรหทะ ห้วงน้ำเปนที่กระทำหม้อ

ยัญ์จ เตหิ ขณิตํ หริปุญ์เชย์ยชนเตหิ ปติตํุ พาเลหิ ขณิตัตต ต พาลรหทํ นาม วุจ์จัน์ติ.

ก็ที่ใดที่คนชาวหริปุญชัยนครทั้งหลายนั้นขุดแล้ว มีความเปนที่อันคนพาลขุดเพื่อจะโต้ตอบต่อสู้กัน คนทั้งหลายร้องเรียกที่นั้นให้ชื่อว่า พาลรหทะ ห้วงน้ำของคนพาล

ยัญ์จ ทหํ อาทิต์ตรัญ์ญา ขณาปิตํ ตาว ทิวา สัต์ติมูเลหิ ขณาปิตัต์ตํ ตํ ทิวทหํ นาม วุจ์จัน์ติ.

อนึ่งสระใดที่พระเจ้าอาทิตยราชให้ขุดแล้ว มีความเปนสระที่พระเจ้าอาทิตยราชให้ขุดด้วยด้ามหอกในเวลากลางวัน สระนั้นคนทั้งหลายร้องเรียกให้ชื่อว่า ทิวทหะ สระขุดกลางวัน

เตปิ ยาวัช์ชัต์ตนา ปากฏา โหน์ติ.

สระทั้งสองนั้นยังปรากฏอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้

เอวํ หิ โส ราชวโร สุชิโต เมงคานํ พัน์โธ อุป์ปัช์ชิส์สตีติ สัม์พุท์ธเสฏ์เฐน สุพ๎ยากโรน์โต อุป์ปัต์ติโสโธธ ติปุริลัก์ขํ สัก์ขรปัต์ตํ รัต์ตเจติยัญ์จ สัพ์เพสุ ลัก์ขํ ทิต์ตราชกตํ ทุเวรหทํ หริปุญ์ชลักชํ โสภิตกตํ สกจาริกัต์ถํ ยาวัช์ชัต์ตนา อปากฏา เต อาทิต์ตภูเป อภิวัต์ตมานา ตโต อัป์ปรา วัต์ถุ ปาทิเต เย มยัม์ปิ ญาเต ปฏิปาฏิยา เตติ.

แท้จริงพระเจ้าอาทิตยราชนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐได้พยากรณ์ไว้ว่า จักบังเกิดขึ้นเปนพระราชาผู้ประเสริฐ เปนผู้ชนะด้วยดี เปนเผ่าพันธุ์ของพวกเมงค์ด้วยประการดังนี้ อาจารย์ผู้ชำระอุบัติความเกิดขึ้นในเรื่องนี้ได้กล่าวไว้ว่าหลักถานที่กำหนดของบุรีมีสาม คือ พระเจดีย์ก้อนกรวดสีแดง แลหลักถานที่กำหนดในที่ทั้งปวง ที่พระเจ้าอาทิตยราชกระทำแล้ว แลห้วงน้ำสองแห่งเปนหลักถานที่กำหนดในหริปุญชัยนคร เปนที่ที่พระเจ้าอาทิตยราชกระทำไว้งดงาม เพื่อเปนที่เสด็จประพาศเล่นของพระองค์ สถานที่เหล่านั้นหาได้ปรากฏมาจนทุกวันนี้ไม่ งดงามอยู่แต่ในแผ่นดินพระเจ้าอาทิตยราชเท่านั้น วัตถุสถานที่แห่งอื่นอิกที่นอกไปจากนี้ ยังจะมีปรากฏด้วยประการใด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะให้รู้ไปโดยลำดับด้วยประการนั้น

อิติ หริปุญ์เชย์ยนิท์เทโส โปราณจาริกานุสาเรน โพธิรํสินา นาม มหาเถเรน ลังกโต เตรสโม ปริจ์เฉโท นิฏ์ฐิโต.

หริปุญชัยนิทเทศดังนี้ พระมหาเถรผู้มีนามว่า โพธิรังษีแต่งไว้แล้วตามโบราณจารึก

ปริเฉทที่ ๑๓ จบแล้ว

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ