๙ เรื่องพระราชทานเพลิงศพ พระบวรญาณมุนี วัดราชบุรณ

ปีกุญ จ.ศ. ๑๑๗๗ (พ.ศ. ๒๓๕๘)

ด้วยพระยารักษมนเทียร รับพระราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า จะชักศพพระบวรญาณุนี วัดราชบุรณ แต่กุฎีมาลงเรือขนานณสพานวัดราชบุรณ ไปณเมรุวัดสุวรรณารามณวันพฤหัสบดีเดือนยี่ขึ้น ๕ ค่ำ ปีกุญ สัปตศกเวลาย่ำรุ่ง พระสงฆ์สวด ๔ สร้าง ๓๒ รูป พระราชทานฉันเพลเวลาหนึ่ง จะได้มีโขน หุ่น ทิ้งทาน ต้นกัลปพฤกษ์ ครั้นเวลาบ่ายจะได้พระราชทานเพลิง เวลาค่ำจะได้มีหนัง ๒ โรง ดอกไม้พุ่ม ดอกไม้เพลิงตามธรรมเนียม และเครื่องศพนั้น ให้เอาเครื่องศพพระปัญญาวิสารเถร วัดราชสิทธิ์ ไปตั้งรับศพที่เรือขนานและที่เมรุด้วยนั้น

ให้ชาวพระคลังวิเศษรับเลขต่อพระสัสดี พันพุฒ พันเทพราช ๕๐ คนมาผูกเรือขนาน ๔ ลำ และให้รับเครื่องศพต่อนายมัจฉา หมื่นอาจ ๕ ตำรวจ ช่างเขียน ช่างปั้น ไปตั้งรับศพ สิ่งใดไม่แจ้งให้ถามหมื่นอาจ ๔ ตำรวจ นายมัจฉา ให้เร่งไปรับเลขมาผูกเรือขนานแต่ณวันอังคารเดือนยี่ขึ้น ๓ ค่ำ แลไปรับศพแต่ณวันพุธเดือนยี่ขึ้น ๕ ค่ำ แล้วให้จ่ายผ้าขาวส่งให้สนมพลเรือนให้พอโยงศพ แล้วให้เอาม่านไปกั้นเมรุข้างในษมาศพด้วย

อนึ่งให้พระสัสดีซ้าย พระสัสดีขวา เกณฑ์ราชวัตร ฉัตรเบญจรงค์ปักรายให้รอบเมรุ แล้วให้กั้นฝาโรงวิเสทของคาว ของหวาน หมากพลู ให้มั่นคงจงดีทั้ง ๓ โรง แล้วให้พระสัสดี พันพุฒ พันเทพราช จ่ายเลขให้พระคลังวิเศษสำหรับผูกเรือขนาน ขนเครื่องศพ หามศพ ๕๐ คน ให้เร่งจ่ายให้แต่ณวันอังคารเดือนยี่ขึ้น ๓ ค่ำ

อนึ่งให้ชาวพระคลังในซ้ายเอาฟืนแสมไปเผาศพ ๑๐๐ ดุ้น เอาแม่ขันไปตั้งน้ำเลี้ยงเพลิงใบหนึ่ง แล้วให้เอาม่านไปกั้นเมรุและเอามู่ลี่ไปกั้นพลับพลาด้วย

อนึ่งให้ทหารในซ้าย ทหารในขวา จัตปี่กลองมลายูไปประโคมศพที่วัดแต่ณวันพุธเดือนยี่ขึ้น ๕ ค่ำ เวลาบ่าย ครั้นรุ่งขึ้นณวันพฤหัสบดีเดือนยี่ขึ้น ๕ ค่ำ ให้ลงเรือขนานประโคมไปถึงเมรุ ให้อยู่กว่าจะพระราชทานเพลิง

อนึ่งให้ชาวพระคลังมหาสมบัติเอากระโถนขันน้ำ ให้ชาวพระคลังศุภรัตเอาอาสนะไปแต่งที่ถวายพระสงฆ์ให้พอสวดพอฉัน แล้วให้ชาวพระคลังมหาสมบัติเกณฑ์ผลมะกรูด ผลมะนาว ขุนหมื่นเข้าส้มทิ้งทาน ตำรวจรักษาต้นกัลปพฤกษ์ให้พร้อม

อนึ่งให้สมุห์บาญชีจัตุสตมภ์ทั้ง ๔ กรม เบิกไม้ไผ่ หวาย ต่อชาวพระคลังราชการไปกั้นฝาค้ำใบโรงโขนโรงหุ่น และให้ทำไม้เสียบลูกบันไดขึ้นลงต้นกัลปพฤกษ์ให้พร้อม

อนึ่งให้ ๔ ตำรวจและสนมตำรวจนอก ยืมเสลี่ยงงาต่อชาวพระราชยานไปหามพระสงฆ์ ๑ คนโยง ๑ คนโปรย ๑ รวม ๓ เสลี่ยง แล้วให้ยืมสัปทนต่อชาวพระอภิรมย์ไปกั้นพระสงฆ์คัน ๑ แล้วให้จัดตำรวจเวรไปรักษาด้านเมรุคอยห้ามปรามผู้คนอย่าให้เกิดวิวาทชกตีกันได้

อนึ่งให้ หมื่นอาจ นายมัจฉา ช่างเขียน ช่างปั้น ช่างสลัก จัดแจงเครื่องศพส่งให้ชาวพระคลังวิเศษไปตั้งรับศพที่เรือและที่เมรุ สิ่งใดขาดให้บอกแก่เจ้าพนักงารให้จัดแจงการให้พร้อม

อนึ่งให้สังฆการี ธรรมการ นิมนต์พระสงฆ์สวดสี่สร้าง ๓๒ รูป รับพระราชทานฉันเพลเวลาหนึ่ง แล้วให้รับเภสัชสวด เภสัชฉัน น้ำชายาเสียง ต่อวิเสทหมากพลูถวายพระสงฆ์ตามธรรมเนียม แล้วให้นิมนต์พระสงฆ์อ่านหนังสือองค์ ๑ ด้วย

อนึ่งให้ชาวพระคลังราชการ จ่ายไม้ไผ่ จ่ายหวาย ให้สมุห์บาญชีจัตุสดมภ์ทั้ง ๔ ไปกั้นฝา ค้ำใบโรงโขน โรงหุ่นให้พอ

อนึ่งให้กรมพระนครบาลจัดนายอำเภอไปลาดตระเวนเอาฆ้องไปตีเปนสำคัญอย่าให้เกิดเหตุการณ์ได้ ให้เร่งไปตระเวนแต่ณวันพุธเดือนยี่ ขึ้น ๔ ค่ำ แล้วให้ตัดต้นกล้วย ขุดดินใส่เชิงตะกอนให้พอเผาศพ แล้วให้ตักน้ำใส่แม่ขันเลี้ยงเพลิงด้วย

อนึ่งให้พันจันท์หัวพันมหาดไทยเกณฑ์เรือกัญญา คู่ชัก ๑ คู่ ให้มีเชือกชักจงทุกลำ ให้ไขชักศพให้พร้อมกันแต่ณวันพฤหัสบดีเดือนยี่ ขึ้น ๕ ค่ำเวลาเช้า และให้จัดเครื่องเล่นโขนวัน ๑ หุ่นวัน ๑ หนังคืน ๑ สองโรง ดอกไม้พุ่ม เพลิงรธาตามธรรมเนียม แล้วให้ทำสายประทัดฝักแคไปเตรียมคอยเผาศพ ๒ สาย

อนึ่งให้ตำรวจวัง ตำรวจหลัง ไปยกสำรับคาวหวาน ถวายพระสงฆ์เพลเวลาหนึ่ง

อนึ่งให้จ่าศาลาเขาเสื่อลวดไปปูศาลาลูกขุนให้พอเลี้ยงขุนนางทั้ง ๒ ศาลา

อนึ่งให้กรมนาจ่ายเข้าสารให้แก่วิเสทกลาง วิเสทฉ้อทาน หุงเลี้ยงพระสงฆ์เวลาเพลถัง ๒ ทนาน ขุนนางเข้าขาว ๒ ถัง ขุนหมื่นคนงาร ๕ ถัง ไพร่ชักศพเข้าห่อ ๒๕๐ ห่อ เข้า ๑๕ ถัง ให้เร่งจ่ายให้แต่ณวันอังคารเดือนยี่ขึ้น ๓ ค่ำ

อนึ่งให้กรมแสงเอาหน้าเพลิงส่งให้มหาดเล็ก ๆ รับหน้าเพลิงต่อกรมแสงทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงเพลิงติดแล้วใส่ในโคมแก้วส่งให้หมื่นเทวาทิตย์ไปพระราชทานเพลิง แล้วให้รับเครื่องประทานศพต่อท่านข้างในไปกับเพลิงด้วยสำรับ ๑

อนึ่งให้หมื่นเทวาทิตย์รับโคมเพลิงต่อมหาดเล็กไป พระราชทานศพตามธรรมเนียม

อนึ่งให้สนมพลเรือนเอาตรางเหล็ก พล้อ ขอ คีม ไปเผาศพ แล้วให้เบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเศษไปทำผ้าโยงศพ แล้วให้จัดคนโยง ๑ คนโปรยเข้าตอก ๑ รวม ๒ คน แล้วให้รับพานเข้าตอก ซองแว่น ขมิ้น มะกรูด มะพร้าว ต่อวิเสทนอกส่งให้คนโยงศพตามธรรมเนียม แล้วให้รับเครื่องบูชากระบะมุกเชิงต่อท่านเจ้าพนักงารข้างใน ไปตั้งบูชาพระอภิธรรม พระสงฆ์สวด ๔ สำรับ กับเทียนสำหรับเครื่อง ๔๐ เล่ม

อนึ่งให้ขุนหมื่นกลาโหมเอาเชือกเอารอกไปติดเพดานเมรุสำหรับชักศพ เครื่องสดด้วย

อนึ่งให้ท่านพนักงารข้างในแต่งเครื่องบูชากระบะมุกเชิงส่งให้สนมพลเรือน เชิญไปตั้งบูชาพระอภิธรรม พระสงฆ์สวด ๔ สร้าง ๔ สำรับ กับเทียนเครื่องหนักเล่มละ ๑ บาท ๔๐ เล่ม แล้วให้แต่งเครื่องประทานศพส่งให้มหาดเล็กไปกับเพลิงสำรับหนึ่ง

อนึ่งให้วิเสทกลางของคาว ของหวาน แต่งสำรับถวายพระสงฆ์เวลาเพลเวลาหนึ่ง คาวสำรับละสลึง ๓๒ สำรับ หวานสำรับละเฟื้อง ๓๒ สำรับ แล้วให้แต่งสำรับเลี้ยงขุนนาง ขุนหมื่น คนงาร ณวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ขึ้น ๕ ค่ำ เวลาเช้า คาวเอก ๒ สำรับ โท ๒๐ สำรับ ตรี ๓๐ สำรับหวานเอก ๒ สำรับ โท ๕๐ สำรับ แล้วให้เบิกเข้าสารต่อกรมนามาหุงเลี้ยงพระสงฆ์เพลถัง ๑๒ ทนาน ขุนนางเข้าขาว ๒ ถัง ขุนหมื่นคนงาร ๕ ถัง ให้เร่งเอาไปเข้าโรง (ครัว) แต่ณวันเดือนอ้าย แรม ๑๔ ค่ำ อย่าให้ขาดได้

อนึ่งให้วิเสทนอกแต่งพานเข้าตอก ซองแว่น ขมิ้น มะกรูด มะพร้าว ส่งให้สนมพลเรือนไปโยงศพแต่ณวันพฤหัสบดี เดือนญี่ ขึ้น ๕ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งอย่าให้ขาดได้ แล้วให้วิเสทฉ้อทานเบิกเข้าสารต่อกรมนา ๑๕ ถัง มาหุงเข้าห่อเลี้ยงไพร่ชักศพ ๒๕๐ ห่อ ให้เร่งไปเลี้ยงแต่ณวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ขึ้น ๕ ค่ำ เวลาเช้า

อนึ่งให้วิเสทหมากพลูแต่งเภสัชอังคาสน์ สวดฉัน น้ำชายาเสียงส่งให้สังฆการี สนมพลเรือนถวายพระสงฆ์ตามรับสั่ง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ