๑๑ กำหนดงารเมรุศพเจ้าศรีฟ้า ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์

ปีกุญ จ.ศ. ๑๑๗๗ (พ.ศ. ๒๓๕๘)

ด้วยพระยารักษมนเทียร รับพระราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า เจ้าศรีฟ้าในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ สิ้นชนมชีพ จะเชิญศพเข้าสู่วอหามแต่ตำหนักออกประตูช่องกุฎิ กระบวรแห่แต่ถนนท้ายสนมเลี้ยวขึ้นไปหน้าจักรวรรดิ ออกถนนเสาชิงช้าเข้าเมรุที่ประทานเพลิงศพพระองค์เจ้ากล้ายณวัดสระเกศ เวลาพลบค่ำณวันพฤหัสบดี เดือน ๓ แรม ๙ ค่ำ ปีกุญสัปตศก จะเชิญศพเข้าในหว่างเมรุ ๓ สร้าง เวียนขวาไปหาซ้าย ๓ รอบ แล้วเชิญวอศพเข้าเมรุด้านตวันตก ยกขึ้นตั้งบนแท่นแว่นฟ้าจะไว้ศพ พระสงฆ์สวดเวลากลางวันกลางคืนทิศละ ๑๖ รูป ๔ ทิศ ๖๔ รูป ฉันเช้า ฉันเพล มีหนัง ดอกไม้รุ่ง พุ่ม เพลิงรธา ทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ ครั้นรุ่งขึ้นณวันศุกร์เดือน ๓ แรม ๑๐ ค่ำเวลาบ่ายพระราชทานเพลิงนั้น

ให้สี่ตำรวจ สนมตำรวจเอาห่วงเหล็กสำหรับตามตะเกียงแก้วไปติดเสาเมรุในประธานด้านละ ๓ ห่วง ๔ ต้น ติดเสาพลับพลาที่ข้างหน้าข้างในให้ครบทุกเสา แล้วให้ไปรับเอาแท่นแว่นฟ้าต่อหลวงราชโยธาเทพ ช่างทหารใน ไปตั้งรับวอศพ แล้วให้ทำราวร่มโคมระย้าไปแขวนตรงมุมเมรุ เบิกน้ำมันต่อคลังราชการตามดอกไม้รุ่ง ตรงประตูเมรุวางโคมระย้า ๔ ทิศ แล้วให้รับเลขต่อพันพุฒ พันเทพราช หามเสลี่ยงพระสงฆ์โยงศพ ๘ คน หามวอศพแต่ตำหนัก ๒๐ คน หามเสลี่ยงคนโยง ๑ เสลี่ยงคนโปรย ๑ สองเสลี่ยง ๑๖ คน รวม ๔๔ คน นุ่งกางเกงริ้วคาดผ้าลายจงทุกคน แต่เสลี่ยงหามพระสงฆ์ ๑ เสลี่ยงหามคนโยง ๑ เสลี่ยงหามคนโปรย ๑ รวม ๓ เสลี่ยงให้ยืมต่อพันเงินชาวพระราชยาน ชาวพระอภิรมย์ แล้วให้เอาเชือกไปผูกให้ร้อยเมรุ คลังในจะได้แขวนโคม แล้วให้เอาฐานเครื่องไปตั้งรองเครื่องเบญจาในเมรุ ๑๒ อัน แล้วให้สนมตำรวจเอาฐานปูนไปตั้งรองชั้นแว่นฟ้า สำหรับช่างเขียนเคลือบลายศิลาอ่อนศิลาแก่ แล้วให้ทำแท่นเชิงตะกอนสำหรับพระราชทานเพลิงศพ แล้วให้จัดตำรวจเวรไปรักษาการเมรุ คอยห้ามปรามผู้คนมาดูเล่นอย่าให้เกิดวิวาทแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดได้

อนึ่งให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมทิศละ ๑๖ รูป ๔ ทิศ ๖๔ รูป ฉันเช้า ฉันเพล แล้วให้รับเภสัชอังคาสยาเสียงค่อวิเสทหมากพลูถวายพระสงฆ์คู่สวดทั้งกลางวันกลางคืน ฉันเช้า ฉันเพล แล้วให้นิมนต์พระสงฆ์อ่านหนังสือโยงศพองค์ ๑ แล้วให้สังฆการี ธรรมการคอยห้ามปรามพระสงฆ์เถรเณรมาดูเล่น อย่าให้เกิดวิวาทแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดได้

อนึ่งให้ปลัดกรมในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ จัดพานเข้าตอก ซองแว่น ขมิ้นตำ มะพร้าวแก้ว ส่งให้สนมพลเรือนๆ จะได้ส่งให้ชาวพระมาลาภูษาไปโยงศพและชำระศพด้วย

อนึ่งให้พระราชมานู คนไม่พอให้ไปรับเอาเลขต่อพันพุฒพันเทพราชมาจัด กลองชนะ ปี่ ๑ กลอง ๕ คู่ ๑๐ คน รวม ๑๑ คน แตรงอน ๓ คู่ แตรฝรั่ง ๒ คู่ ๑๐ คน สังข์ ๑ รวม ๑๑ คน ใส่หมวกแดงเสื้อแดง ๒๒ คนไปแห่ศพแต่ตำหนักถึงเมรุ แล้วให้อยู่ประโคมศพกว่าจะพระราชทานเพลิงแล้ว

อนึ่งให้ชาวพระมาลาภูษา จัดคนโยง คนโปรยเข้าตอก แล้วให้รับพานเข้าตอก ซองแว่น ขมิ้นมะกรูดตำ มะพร้าวแก้ว ต่อสนมพลเรือนไปโยงศพและชำระศพ แล้วให้ผูกผ้าสดัปกรณ์ติดกับศพ แลให้เชิญกลดไปกั้นคันหนึ่ง กับให้รับผ้าชุบน้ำดับเพลิง ๘ ท่อนต่อชาวพระคลังวิเศษ แล้วให้จัดแจงเผาศพตามธรรมเนียม

อนึ่งให้สนมพลเรือนเอาพานเแว่นฟ้าไปตั้งบนเตียงที่สนมตำรวจตั้งรับผ้าสดัปกรณ์ใบหนึ่ง แล้วให้รับกระบะมุกเชิง และเชิงเทียนเชิงธูปต่อท่านข้างใน แล้วรับเทียนรับธูปต่อปลัดกรมได้ตั้งบูชาพระธรรมสวด ๔ ทิศ ๆ ละสำรับ เปนเครื่องวันละ ๔ สำรับ กับเทียนดูหนังสือหนักเล่มละ ๔ บาทตามวันเดือน ๓ แรม ๙ ค่ำ ๑๖ เล่ม ตามวันเดือน ๓ แรม ๑๐ ค่ำ ๘ เล่ม รวม ๒๔ เล่ม และเทียนประจำเครื่องเล่มละบาทตามวันเดือน ๓ แรม ๙ ค่ำ ๔ สำรับ ๘๐ เล่ม ตามวันเดือน ๓ แรม ๑๐ ค่ำ ๒ สำรับ ๔๐ เล่ม รวม ๑๒๐ เล่ม เทียนไชยหนักเล่มละบาท ตาม ๒ คืน ๒๐ เล่ม เทียนโคมหนักเล่มละ ๖ สลึงรอบเมรุ ๑๒ ใบ ตาม ๒ คืน ๖๔ เล่ม แล้วให้เอาเสื่อ พรม ม่าน ไปแต่งที่ข้างใน ให้เบิกน้ำมันต่อชาวพระคลังราชการตามตะเกียงแก้วที่ชาวคลังพิมานอากาศ เอาไปใส่ที่เสาเมรุในประธาน ๔ ทิศ ๑๒ ใบ ใส่พลับพลาที่ข้างหน้าข้างในทุกเสาให้พอทั้ง ๒ คืน แล้วให้ยกน้ำชาต่อวิเสทหมากพลูถวายพระสงฆ์กลางวันกลางคืน แล้วให้รับพานเข้าตอก ซองแว่น ขมิ้นตำ มะกรูดตำ มะพร้าวแก้ว ต่อปลัดกรมในเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ เบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเศษไปส่งช่างเขียนปรุกระดาษปล้องอ้อย ปิดส่งให้ชาวพระมาลาภูษาไปโยงศพ แล้วให้เบิกทองน้ำตกต่อชาวพระคลังในซ้ายปิดเสาเหล็กตรางเหล็ก พล้อ ขอ คีม เอาเสาเอาตรางตั้งบนเชิงตะกอนรองรับหีบศพ แล้วเอาหยวกกล้วยวางบนตรางเหล็ก เพดานที่ติดกับปลายเสาเหล็กนั้นสำหรับประทานเพลิงศพ

อนึ่งให้ตำรวจหลัง ตำรวจวังยกสำรับคาวหวานถวายพระสงฆ์เวลาเช้า เวลาเพล

อนึ่งให้ชาวพระคลังศุภรัตเอาม่าน เอาอาสนะไปแต่งที่ถวายพระสงฆ์ ให้ชาวพระคลังมหาสมบัติเอากระโถนขันน้ำไปตั้งถวายพระสงฆ์ สวดฉันเช้า ฉันเพลให้พอ

อนึ่งให้ชาวพระคลังวิเสทจ่ายผ้าขาวให้แก่ชาวพระมาลาภูษา สำหรับชุบน้ำดับเพลิง ๘ ท่อน สำหรับปิดรูปยาว ๓ แขนท่อน ๑ สำหรับห่ออิฐท่อน ๑ สำหรับห่อถ่านเพลิงท่อน ๑ สนมพลเรือนจะได้ส่งให้ชาวพระมาลาภูษาไปโยงศพ แล้วให้ชาวพระคลังวิเศษในซ้าย ในขวาเอามูลี่ไปกั้นพลับพลาที่ข้างใน และเอาโคมเขาแพะไปแขวนรอบเมรุ ๘ ใบ แล้วให้เอาท่อนสน ท่อนสัก ท่อนกรักขี ฟืนแสมรอน ๑๐๐ ดุ้นปิดทองน้ำตกูสำหรับเปนฟืนพระราชทานเพลิง แล้วให้เอาแม่ขันสาครไปตั้งน้ำเลี้ยงเมื่อประทานเพลิงศพคู่ ๑

อนึ่งให้ช่างเขียน ข่างปั้น ช่างสลัก เอาเครื่องศพที่ทำอยู่ที่วังไปตั้งประดับศพที่เมรุ แล้วให้เอารูปเทวดาถือดอกบัวกระดาษไปตั้งรับผ้าสดับปกรณ์ แล้วให้ไปเขียนฐานปูนสำหรับตั้งแท่นแว่นฟ้าเคลือบเปนศิลาอ่อน ศิลาแก่ และให้รับเอาผ้าขาวต่อสนมปรุกระดาษปิดปล้องอ้อย แลส่งสนมโยงศพด้วย

อนึ่งให้กรมนาจ่ายเข้าสารให้วิเสทกลางหุงถวายพระสงฆ์ ๓ เวลา ๗ ถัง เลี้ยงขุนหมื่นคนงาร ๔ ถัง เลี้ยงคนประจำการ ๑๐ ถัง เร่งจ่ายแต่ณวันเดือน ๓ แรม ๘ ค่ำ

อนึ่งให้พระสัสดีซ้ายขวา เกณฑ์ราชวัตรฉัตรเบญจรงค์ไปปักรายล้อมรอบ ๓ สร้าง แล้วให้ก่อเตาหุงเข้าให้วิเสทของคาวของหวานด้วย

อนึ่งให้สมุห์บาญชีจัตุสดมภ์ทั้ง ๔ กรมไปปลูกต้นกัลปพฤกษ์สำหรับทิ้งทาน และให้มีบันไดขึ้นตันกัลปพฤกษ์ กับไม้เสียบลูกให้พร้อมทั้ง ๔ ต้น

อนึ่งให้พันจันท์หัวพันมหาดไทยจัดหนังเล่นคืนละ ๒ โรง แล้วจัดดอกไม้รุ่ง พุ่มเพลิงรธาตามสมควร แล้วให้ทำชนวนสายฝักแคสำหรับล่ามประทานเพลิง ๒ สาย

อนึ่งให้ชาวพระคลังราชการเอาเสื่อไปปูบนฐานก่อรองแท่นแว่นฟ้าเสื่ออ่อน ๔ ผืน ปูในเมรุและเฉลียงเมรุกับพลับพลาที่ข้างหน้า ที่ขุนนางเฝ้าใช้เสื่อลวดเต็ม ให้จ่ายน้ำมันให้ ๔ ตำรวจตามโคมระย้า ๔ ทิศเมรุ กับจ่ายน้ำมันให้สนมพลเรือนตามตะเกียงแก้วในเมรุ ๑๒ ใบ พลับพลาข้างหน้าข้างในให้พอ ๒ คืน

อนึ่งให้กรมพระนครบาลจัดนายอำเภอเอาฆ้องไปตีลาดตระเวนทั้งเวลากลางวันกลางคืน อย่าให้เกิดเหตุการณ์ได้ ให้ตระเวนไปกว่าจะแล้วการศพ แล้วให้ตัดต้นกล้วยขุดดินใส่แท่นเชิงตะกอนให้พอ แลให้เอาหม้อทนนใหญ่ใหม่ดีใส่น้ำไปตั้ง ๔ มุมเมรุสำหรับชุบผ้าด้วยเพลิง แล้วให้ทำสพานข้างโรงแห่ง ๑ สพานข้ามไปเมรุแห่ง ๑ รวม ๒ สพานๆ นั้นให้เอากระดานเรียบกว้างได้ ๖ ศอก ให้ผูกกระหนาบกระดานให้แน่นมั่นคงดี สำหรับคนจะแห่ศพไปอย่าให้เปนอันตรายแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ให้เร่งไปทำให้แล้วทั้ง ๒ สพานแต่ณวันเดือน ๓ แรม ๗ ค่ำ แล้วให้ไปขุดดินถมในเมรุก่อเปนฐาน ถ้าไม่แห้งให้ถามสนมตำรวจ ให้เร่งไปขุดให้แล้วทันกำหนดณวันเดือน ๓ แรม ๕ ค่ำ

อนึ่งให้หลวงราชโยธาเทพช่างทหารใน ส่งแท่นแว่นฟ้าให้สนมตำรวจไปตั้งรับวอศพในเมรุ แล้วให้ไปจัดแจงดูแลในการทำเมรุทำสร้างทำพลับพลาด้วย

อนึ่งให้ชาวพระอภิรมย์เชิญเครื่องตีพิมพ์หน้าหลังสำรับ ๑ คนไม่พอให้ไปรับเอาเลขล้อมวังต่อพันพุฒ พันเทพราช มาเชิญเครื่องตีพิมพ์ นุ่งกางเกงริ้ว ใส่เสื้อมัสหรู่ คาดผ้าเจ็ดสี ๑๗ คน ให้ไปเตรียมแห่แต่ตำหนักออกไปเมรุ แล้วให้เอาเครื่องตีพิมพ์เข้าตั้งประดับศพในเมรุ ๑๒ คัน

อนึ่งให้พันพุฒ พันเทพราช จ่ายเลขให้ ๔ ตำรวจหามเสลี่ยงพระสงฆ์ ๘ คน จ่ายเลขให้สนมตำรวจหามวอศพ ๒๐ คน หามเสลี่ยงโยง ๘ คน หามเสลี่ยงโปรย ๘ คนรวม ๑๖ รวมทั้งสิ้น ๔๔ คน จ่ายเลขให้ล้อมวังและชาวอภิรมย์ถือเครื่องตีพิมพ์ ๑๗ คน จ่ายเลขให้พระราชมานู ปี่ กลองชนะ ๒๑ แตรสังข์ ๑ รวม ๗๕ คน ให้เร่งจ่ายให้แต่ณวันเดือน ๓ แรม ๘ ค่ำเวลาบ่าย

อนึ่งถ้าไม่เสด็จ ให้กรมแสงเอาหน้าเพลิงไปส่งให้มหาดเล็ก ๆ รับหน้าเพลิงต่อกรมแสงทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงเพลิงติดแล้วใส่ในโคมแก้วส่งให้หมื่นเทวาทิตย์ไปประทานเพลิง แล้วให้รับเครื่องประทานศพต่อท่านข้างในไปกับเพลิงสำรับ ๑

อนึ่งให้หมื่นเทวาทิตย์รับโคมเพลิงต่อมหาดเล็กไปพระราชทานศพเหมือนอย่างทุกครั้ง

อนึ่งให้หัวป่าพ่อครัวรับเครื่องน้ำชาต่อวิเสทหมากพลูต้มถวายพระสงฆ์คู่สวดทั้งเวลากลางวันกลางคืน

อนึ่งให้พระแก้วพระคลังสวนนายระวาง เก็บผลมะกรูด ผลมะนาว สำหรับเข้าส้มทิ้งทาน ๑๕๐๐ ใบ เอาไปส่งให้ปลัดกรมในสมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนอิศรานุรักษ์แต่ณวันเดือน ๓ แรม ๘ ค่ำให้ทันกำหนด

อนึ่งให้ท่านพนักงารข้างในแต่งเครื่องประทานเพลิง ส่งให้มหาดเล็กไปพระราชทานศพเมื่อวันพระราชทานเพลิงสำรับ ๑

อนึ่งให้ชาวพระคลังพิมานอากาศเอาถ้วยแก้วไปใส่ห่วงที่ ๔ ตำรวจและสนมตำรวจติดเสาเมรุในประธานด้านละ ๓ ใบ ๔ ด้าน ๑๒ ใบ ติดเสาพลับพลาที่ข้างหน้าข้างในให้พอทุกเสาสำหรับตามน้ำมัน ให้เร่งเอาถ้วยแก้วไปใส่แต่ณวันเดือน ๓ แรม ๙ ค่ำเวลาเช้าตามรับสั่ง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ