๑๓ เรื่องพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้ากลิ่น

ปีขาล จ.ศ. ๑๑๘๐ (พ.ศ. ๒๓๖๑)

ด้วยพระยาธรมาฯรับพระราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้ากลิ่นในกรมพระราชวังบวร ฯ ซึ่งล่วงไปก่อนนั้น บัดนี้สิ้นพระชนม์แล้ว กำหนดจะได้เชิญพระศพใส่วอหามแต่พระที่นั่งทรงธรรมไปลงเรือศรีเขียนลายณท่าช้าง ชักไปณเมรุปรำวัดสมอแครง ณวันแรม ๑๒ ค่ำเดือน ๔ ปีขาลสัมฤทธิศกเพลาเช้า ครั้นพระศพถึงเมรุแล้วพระสงฆ์จะได้สวดสองสร้าง ๒๔ รูปรับพระราชทานฉันเช้า เพล ทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ ครั้นเพลาบ่ายจะได้พระราชทานเพลิง เพลาค่ำสุมธาตุไว้ พระสงฆ์สวดอยู่คืนหนึ่ง มีหนังดอกไม้รุ่ง พุ่มเพลิงรธา ครั้นรุ่งขึ้นณวันแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๔ เพลาเช้า พระสงฆ์คู่สวดรับพระราชทานฉันปกรูปแล้ว จะได้เชิญอังคารลงเรือศรีเขียนลายไปลอยหน้าวัดประทุมคงคานั้น

ให้นายนิตย์ นายชิตรับเลขต่อพันพุฒ พันเทพราช มาบรรจุฝีพายให้ครบกระทง แล้วให้ดาดหลังคาผูกม่านทองให้มีพนักข้างหลังให้พร้อม ถอยไปประทับรับพระศพณท่าช้าง ณวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ เพลาย่ำฆ้องรุ่ง ครั้นรุ่งขึ้นณวัน แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๔ เพลาเช้า ให้เอาเรือศรีเขียนลายไปรับอังคารณเมรุ ไปลอยหน้าวัดประทุมคงคาด้วย

อนึ่งให้สนมตำรวจนอกทำเมรุปรำรับพระศพ ให้มีเพดานผ้าขาวสูงต่ำกว้างแคบพอสมควร ถ้าไม่แจ้งให้ถามหมื่นวาด นายเนียม นายมัจฉา แล้วให้เบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเสทไปทำเพดานให้พอ ครั้นแล้วให้เอาผ้าเพดานส่งคืนชาวคลังวิเศษ แต่ในปรำนั้นให้ยกพื้นเปนฐานปูนสูงศอกคืบสำหรับรองแท่นรับวอพระศพ แล้วจะได้เปนเชิงตะกอนพระราชทานเพลิง แลให้รับแท่นต่อหมื่นวาด นายเนียม นายมัจฉา ไปตั้งบนฐานปูนรับพระศพในเมรุปรำด้วย แล้วให้เอาวอที่รถประเทียบแล มารับเอาผ้าม่านผ้าหลังคาต่อชาวพระราชยานไปผูกไปดาดวอ แล้วให้เอาวอไปรับพระศพหามลงเรือศรีหามขึ้นที่เมรุด้วย แล้วให้ ๔ ตำรวจสนมตำรวจนอกยืมเสลี่ยงงาต่อชาวพระราชยานไปหามพระสงฆ์ คนโยงศพ คนปรายเข้าตอก ๓ เสลี่ยง แล้วให้ทำฉนวนน้ำประจำท่าข้างหน้าข้างในทศรีสำราญด้วย แลให้ยืมสัปทนต่อชาวพระอภิรมย์ไปกั้นให้พระสงฆ์คันหนึ่ง แล้วให้เอาฐานเครื่องสูงไปตั้งประดับพระศพในเมรุปรำ ๑๒ ฐาน แลให้เอาเชือกไปผูกขึงให้รอบเมรุข้างในจะได้แขวนโคม

อนึ่งให้ชาวพระคลังศุภรัตเอาอาสนะไปตั้งที่พระสงฆ์ให้พอสวดฉัน แล้วให้เอาร่มดอกไม้รุ่งไปปัก ๒ ร่ม

อนึ่งให้ชาวพระคลังวิเศษจ่ายผ้าขาวให้สนมพลเรือนทำผ้าโยงศพพับ ๑ ทำถุงอังคารท่อน ๑ ทำถุงเล็กใส่ก้อนศิลาขาว ๓ ท่อน แดง ๓ ท่อน แลให้ชาวพระมาลาภูษาทำผ้าปกรูปยาว ๓ แขนท่อน ๑ ทำผ้าชุบน้ำดับเพลิง ๘ ท่อน ทำผ้าห่ออัฐิถ่านเพลิง ๓ แขนท่อน ๑ แลจ่ายให้ชาววังทำม่านเมรุปรำ ๔ ทิศ ให้สนมตำรวจนอกทำเพดานเมรุแล้วเรียกเอาคืน

อนึ่งให้ชาวพระคลังในซ้ายเอา สน จันทน์ กรักชี ฟืนแสมรอน ๑๐๐ ดุ้น ไปพระราชทานเพลิง แล้วให้เอาแม่ขันไปตั้งเลี้ยงเพลิง ให้เอามู่ลี่ไปกั้นเปนที่ข้างใน ให้เอาโคมเขาแพะแขวน ๘ ใบ แล้วให้เอาแม่ขันมีหู ๒ ข้างแลได้เข็ดหนึ่งสำหรับผูกหูขันลอยอังคารด้วย แล้วให้ชาวพระคลังใน ซ้าย ขวา ชาวพระคลังวิเศษ เอาม่านไปกั้นเมรุข้างในษมาพระศพ แล้วให้จ่ายกระดาษสีให้ช่างเขียนให้พอปิดแท่นลายกระดาษรองวอพระศพ

อนึ่งให้ชาวพระคลังมหาสมบัติเอากระโถนขันน้ำไปตั้งถวายพระสงฆ์ให้พอสวดฉัน แล้วให้เกณฑ์ผลมะกรูดมะนาวขุนหมื่นเข้าส้มทิ้งทาน ตำรวจรักษาต้นกัลปพฤกษ์ให้พร้อม จะเปนกี่ต้น ๆ ละเท่าใดให้กราบทูลพระกรุณาเสียก่อน แล้วให้จ่ายคำเปลวทอง นาค เงิน ให้ชาวพระคลังวิเศษปิดก้อนศิลา ๓ ก้อนให้พอ

อนึ่งให้พระราชมานูจัดปี่ ๑ กลองชนะ ๕ คู่ รวม ๑๑ คน ไปประโคมพระศพที่พระที่นั่งทรงธรรม แล้วให้ลงเรือศรีประโคมไป ถึงเมรุให้ประจำอยู่จนกว่าจะพระราชทานเพลิงแลลอยพระอังคาร แล้วให้จัดก้อนศิลาส่งให้สนมพลเรือนอย่างละ ๓ ก้อน

อนึ่งให้พันพุฒ พันเทพราช เกณฑ์เลขให้นายนิตย์ นายชิตบรรจุเรือศรีให้ครบกระทงไปรับพระศพพระอังคาร ๒ เพลา ให้เร่งจ่ายเลขแต่ณวัน แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ เพลาเช้า

อนึ่งให้หมื่นวาด นายเนียม นายมัจฉา ช่างเขียน ช่างปั้น ช่างสลัก เบิกกระดาษสีต่อชาวพระคลังในซ้าย ไปจัดแจงปิดแท่นลายกระดาษที่จะรองวอพระศพให้งามดี ส่งให้สนมตำรวจนอกไปรองวอพระศพที่เมรุ แล้วให้บอกอย่างเมรุปรำ ฐานปูนรองวอพระศพ เปนแท่นเชิงตะกอนสูงต่ำกว้างยาวเท่าใดให้บอกแก่สนมตำรวจนอกทำให้งามดี แลให้ทำบัวรับผ้าโยงสดับปกรณ์คันหนึ่ง แล้วให้รับผ้าโยงต่อสนมพลเรือนมาปรุกระดาษปิดเปนปล้องอ้อยให้งามดี แล้วส่งคืนให้สนมพลเรือนไปโยงพระศพ แลให้เคลือบแผงฐานปูนให้งามดี เร่งทำให้แล้วทันกำหนด

อนึ่งให้ชาววังเบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเศษไปทำม่านไขในเมรุปรำให้รอบ ๔ ด้าน แล้วให้เอาที่ไปเตรียมแต่งรูปเสด็จข้างหน้าด้วย

อนึ่งให้พันจันทร์เกณฑ์เรือกัญญาคู่ชักยาว ๕ วา ๖ วาขึ้นไป ๕ คู่ ให้มีเชือกชักจงทุกลำ แล้วให้จัดหนังไปเล่นคืนหนึ่ง ๒ โรง ให้จัดระทา ๘ ระทา พุ่ม ๑๐ พุ่ม รุ่ง ๒ ขด ดอกไม้เพลิงพลุ ๒๕ บอกพเนียง ๑๐ บอก ม้า ๕ ม้า กถาง ๔ กถาง คืนหนึ่ง แล้วให้ทำสายฝักแคล่ามทรงจุดเพลิง ๒ สาย

อนึ่งให้สมุห์บาญชีจัตุสดมภ์ทั้ง ๔ กรมไปปลูกต้นกัลปพฤกษ์ ๒ กรมต่อต้น ให้มีบันไดไม้เสียบให้พร้อม ให้เร่งไปปลูกแต่ณวันแรม ๙ ค่ำเดือน ๔ เพลาเช้า

อนึ่งให้ชาวพระอภิรมย์ยืมสัปทนให้ ๔ ตำรวจไปกั้นให้พระสงฆ์คันหนึ่ง ให้ชาวพระราชยานยืมเสลี่ยงงาให้ ๔ ตำรวจ สนมตำรวจนอก หามพระสงฆ์ ๑ คนโยง ๑ คนปราย ๑ เปน ๓ เสลี่ยง แล้วให้เอาเครื่องเบญจาไปตั้งที่เมรุ ๑๒ องค์ ให้ส่งผ้าม่านผ้าดาดหลังคาให้สนมตำรวจนอกไปผูกไปดาดหลังคาวอพระศพด้วย

อนึ่งให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์สวด ๒ สร้าง ๒๔ รูป ฉันเช้าเพล นิมนต์อ่านหนังสือหน้าพระศพรูป ๑ แล้วให้รับเภสัชอังคาสน์น้ำชายาเสียงต่อหัวป่าพ่อครัวแลวิเสทถวายพระสงฆ์ตามธรรมเนียม

อนึ่งให้ชาวพระมาลาภูษาจัดคนโยง ๑ คนปราย ๑ แล้วให้รับต่อสนมพลเรือน ผ้าขาวโยงพระศพ พานทองขันทองรองเข้าตอก แว่นทองมะพร้าวแก้ว ซองทอง ขมิ้นมะกรูด พานแว่นฟ้า ก้อนศิลานาก ๑ ทอง ๑ เงิน ๑ เปน ๓ ก้อน ให้เบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเศษไปทำผ้าปกรูปยาว ๓ แขน ท่อน ๑ ผ้าชุบน้ำดับเพลิง ๘ ท่อน ผ้าห่ออัฐท่อน ๑ ห่อถ่านเพลิงท่อน ๑ ทำถุงใส่ก้อนศิลาขาว ๓ ท่อน แดง ๓ ท่อน แล้วให้จัดแจงเผาพระศพตามธรรมเนียม ครั้นพระราชทานเพลิงแล้วสุมธาตุไว้คืน ๑

รุ่งขึ้นณวันแรม ๑๓ ค่ำ เดิอน ๔ เพลาเช้าฉันปกรูปแล้ว ให้เอาอังคารใส่ถุงผ้าขาวพานแว่นฟ้ารองถุงอังคาร ยกขึ้นตั้งยนเสลี่ยงงา เชิญลงเรือม่านทองไปลอยณวัดประทุมคงคา แล้วให้เชิญกลดไปกั้นอังคารเมื่อลงเรือม่านทองด้วย

อนึ่งให้ตำรวจหลังตำรวจวังไปยกสำรับของคาวของหวานถวายพระสงฆ์ ๒ เพลา

อนึ่งให้กรมนาจ่ายเข้าสารซ้อมให้แก่วิเสทหุงถวายพระสงฆ์ ๒ เพลา ๒ ถัง ๘ ทนาน เลี้ยงขุนนาง ๓ เพลา เข้าขาว ๒ ถัง เลี้ยงคนงาน ๓ เพลา เข้ากลาง ๘ ถัง เข้าห่อเลี้ยงไพร่ชักศพ ๑๐๐ ห่อ ๒ ถัง ๑๐ ทนาน ให้เร่งจ่ายให้แต่ณวันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ เพลาเช้า

อนึ่งให้กรมพระนครบาลจัดนายอำเภอเอาฆ้องไปตีลาดตระเวนเพลากลางวันกลางคืน อย่าให้เกิดเหตุการณ์ได้ ให้เร่งไปตระเวนแต่ณวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ แล้วให้ตัดต้นกล่วยให้ขุดดินใส่เชิงตะกอนให้พอเผาพระศพ แล้วให้ตักน้ำใส่แม่ขันสำหรับเลี้ยงเพลิง แลให้ถางหญ้ารอบเมรุปรำอย่าให้รกอยู่ได้

อนึ่งให้พระสัสดีซ้ายขวาเอาราชวัตรฉัตรธงกระดาษไปปักรายให้รอบเมรุปรำ แล้วให้กั้นฝาศาลาเปนโรงวิเสทของคาวของหวานหมากพลูให้มั่นคงจงดีทั้ง ๓ โรง แล้วให้กวาดปัดแผ้วอย่าให้รกอยู่ได้ ให้เร่งไปกันแต่ณวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ เพลาเช้า

อนึ่งให้สนมพลเรือนรับเครื่องนมัสการเครื่องกระบะมุกเชิงต่อท่านข้างใน เชิญไปตั้งบูชาพระอภิธรรม พระสงฆ์สวดวันละ ๒ สำรับ กับเทียนดูหนังสือหนักเล่มละ ๔ บาท วันละ ๘ เล่ม เทียนเครื่องหนักเล่มละบาทวันละ ๔๐ เล่ม เทียนโคมหนักเล่มละ ๖ สลึง คืนหนึ่ง ๓๒ เล่ม แล้วให้เอาตรางเหล็ก พล้อ ขอ คีม ปิดทองน้ำตะกูให้งามดีไปเผาพระศพ แลให้เอาเสื่อ พรม ม่านไปแต่งที่ข้างใน แล้วให้เบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเศษไปส่งให้ช่างเขียนปรุกระดาษปิดเปนปล้องอ้อยให้งามดี รับไปส่งให้ชาวพระมาลาภูษาโยงพระศพพับหนึ่ง แล้วให้รับก้อนศิลาต่อพระราชมานู ๓ ก้อนไปส่งให้ช่างรักชาวพระคลังวิเศษลงรักปิดเปนก้อนทอง ก้อนนาก ก้อนเงิน ๓ ก้อน แล้วรับคืนมาส่งให้ชาวพระมาลาภูษาใส่ถุงลอยอังคาร แลให้ส่งพานแว่นฟ้าให้ชาวพระมาลาภูษาสำหรับรองอังคารเชิญลงเรือม่านทอง แล้วให้รับขันทองเข้าตอก พานทองเข้าตอก ซองแว่นทอง มีดด้ามทอง มะพร้าวแก้ว ขมิ้นมะกรูดตำ ต่อวิเสทนอก ส่งให้ชาวพระมาลาภูษาไปโยงพระศพ แล้วให้รับน้ำชาต่อหัวป่าพ่อครัวถวายพระสงฆ์ตามธรรมเนียม

อนึ่งให้ช่างรักชาวพระคลังวิเศษรับก้อนศิลาต่อสนมพลเรือนมาลงรักปิดเปนก้อนทอง ก้อนนาก ก้อนเงินอย่างละก้อน แล้วส่งคืนให้สนมพลเรือน ๓ ก้อน

อนึ่งให้หัวป่าพ่อครัวรับเครื่องชาต่อวิเสทหมากพลูไปต้มน้ำชาถวายพระสงฆ์ตามอย่างทุกครั้ง

อนึ่งให้ชาวพระคลังราชการเอาเสื่อลวดไปปูในศาลาที่ข้างในสามสร้าง ในเมรุปรำให้พอ

อนึ่งให้กรมแสงจัดหน้าเพลิงส่งให้มหาดเล็ก ๆ รับหน้าเพลิงต่อกรมแสงทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงเพลิงติดแล้วรับใส่โคมแก้วส่งให้หมื่นเทวาทิตย์ แล้วให้รับเครื่องประทานเพลิงต่อท่านข้างในไปพระราชทานเพลิงสำรับหนึ่ง

อนึ่งให้หมื่นเทวาทิตรับโคมเพลิงต่อมหาดเล็กไปพระราชทานพระศพตามธรรมเนียม

อนึ่งให้ท่านพนักงารข้างในแต่งเครื่องบูชากระบะมุกเชิงส่งให้สนมพลเรือนเชิญไปตั้งบูชาพระอภิธรรม พระสงฆ์สวด คืนหนึ่ง ๒ สำรับ กับเทียนดูหนังสือหนักเล่มละ ๔ บาท คืนหนึ่ง ๘ เล่ม เทียนสำหรับเครื่องหนักเล่มละบาท กลางวันกลางคืน ๔๐ เล่ม เทียนโคมหนักเล่มละ ๖ สลึง ตามรอบเมรุ ๓๒ เล่ม แล้วให้แต่งแครื่องประทานเพลิงพระศพส่งให้มหาดเล็กไปพระราชทานเพลิงสำรับหนึ่ง

อนึ่งให้วิเสทฉ้อทานคาวหวานแต่งสำรับถวายพระสงฆ์คาวสำรับละสลึง หวานสำรับละเฟื้อง ณวันเดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ เพลาเพล คาว ๒๔ สำรับ หวาน ๒๔ สำรับ แรม ๑๓ ค่ำ เพลาเช้า คาว ๒๔ สำรับ หวาน ๒๔ สำรับ แล้วให้แต่งสำรับเลี้ยงขุนหมื่นคนงาร ณวันเดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ เช้า คาวเอก ๒ สำรับ คาวโท ๒ สำรับ คาวตรี ๓๐ สำรับ หวานเอก ๒ สำรับ หวานโท ๕๐ สำรับ เย็น คาวโท ๑๕ สำรับ คาวตรี ๒๐ สำรับ หวานโท ๓๐ สำรับ แรม ๑๓ ค่ำ เช้า คาวโท ๑๕ สำรับ คาวตริ ๒๐ สำรับ หวานโท ๓๕ สำรับ แล้วให้เบิกเข้าสารต่อกรมนามาหุงถวายพระสงฆ์ ๒ เพลา เข้า ๒ ถัง ๓ ทนาน เลี้ยงขุนหมื่นคนงาร ๓ เพลา เข้าขาว ๒ ถัง เข้ากลาง ๘ ถัง เข้าห่อเลี้ยงไพร่ ๑๐๐ ห่อ เข้า ๒ ถัง ๑๐ ทนาน ให้เร่งไปเข้าโรงแต่ณวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๔

อนึ่งให้วิเสทหมากพลูไปแต่งเภสัชอังคาสน์ตั้งหัวตั้งท้ายหนังสือฉันเช้าเพล ๒ เวลา แลยาเสียง ส่งให้สังฆการีไปถวายพระสงฆ์ แล้วให้ส่งเครื่องชาให้หัวป่าพ่อครัวไปต้มน้ำชาถวายพระสงฆ์ ให้เร่งไปเข้าโรงแต่ณวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๔

อนึ่งให้วิเสทนอกรับขันทองพานทองใส่เข้าตอก แว่นทอง ซองทอง มีดหมาก มะพร้าวแก้ว ขมิ้นมะกรูดตำ ส่งให้สนมพลเรือน ๆ จะได้ส่งให้ชาวพระมาลาภูษารับสรงพระศพ ให้เร่งส่งให้แต่ณวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ เพลาเช้าตามรับสั่ง

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ