พระบรมราชาธิบายที่ ๕
ว่าพระภิกษุบางรูป เที่ยวฝากตัวให้กว้างขวาง ในกรมมหาดไทย กระลาโหม กรมท่า โดยหวังยศเมื่อสึกแล้ว
๏ ณวันพุฒเดือนหกขึ้นเจ็ดค่ำปีขานฉศก เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระปรเมนมหามงกุฎ สุทธสมมติเทพยพงศ์ วงศาดิศวรกระษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศบรมราชาธิราชบรมนารถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณพระที่นั่งราชฤดี มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมว่า พระบาทสมเด็จพระมหากระษัตริยาธิราชพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยาบรมราชธานีนี้สามพระองค์ คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สี่พระองค์ทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนทรงพระราชศรัทธาเลื่อมใสหวังพระราชหฤทัยจะทรงทำนุบำรุงพระพุทธสาสนาให้รุ่งเรือง บำเพ็ญพระราชกุศลให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ได้ทรงพระราชอุสาหะบริจาคพระราชทรัพย์ ทรงประดิษฐานปฏิสังขรณ์พระอารามเปนอันมาก ประดับด้วยอุโบสถาคารวิหารเสนาศนะน้อยใหญ่ ให้ประณีตงามดีสมควรเปนที่อยู่แห่งพระภิกษุสงฆ์สมณบรรพชิต ปฏิบัติสมณกิจตามพระธรรมวินัย เมื่อทรงเห็นภิกษุรูปใดมีสติปัญญาวิทยาคุณควรจะเปนพระราชาคณะพระครูถานานุกรมผู้ใหญ่รักษาหมู่คณะได้ ก็ทรงพระราชทานถานันดรศักดิ์ ทรงฐาปนาให้เปนพระราชาคณะพระครูถานานุกรมผู้ใหญ่ปกครองหมู่คณะสั่งสอนภิกษุสงฆ์สามเณรให้ศึกษาเล่าเรียนพระคัมภีร์แลปฏิบัติในสิกขาบทน้อยใหญ่ ได้ทรงพระราชทานถวายนิตยภัตรทุกๆ เดือน แด่พระราชาคณะพระครูถานานุกรมตามควรแก่คุณสมบัติแห่งท่านนั้นๆ เมื่อภิกษุสงฆ์สามเณรรูปใด มีสติปัญญาฉลาดเล่าเรียน แปลพระคัมภีร์ได้เปนที่เปรียญเอกเปรียญโทเปรียญตรี ก็ทรงพระราชทานถวายนิตยภัตรตามควรทุกเดือน ให้เปนกำลังแก่การเล่าเรียนสืบไป แลทรงพระราชทานนิตยภัตรราคาสองสลึง แก่พระภิกษุสงฆ์ซึ่งอยู่ในอารามนั้นๆ ทั้งสิ้นทุกๆ เดือน ก็แลพระราชทรัพย์ที่ทรงพระราชอุทิศ ถวายแด่พระราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญพระสงฆ์อันดับ เดือนหนึ่งเปนเงินตราหกสิบเจ็ดสิบชั่งเศษ ปีหนึ่งเปนเงินตราแปดร้อยสี่ชั่งเศษ แต่ทรงพระราชศรัทธาบริจาคพระราชทรัพย์ ทรงทำนุบำรุงให้เปนกำลังในพระสาสนามากถึงเพียงนี้ ฝ่ายพระราชาคณะ พระครูถานานุกรมเปรียญพระสงฆ์อันดับ เพราะอาไศรยได้รับพระราชทานนิตยภัตรซึ่งทรงพระราชอุทิศถวายนั้น เปนกำลังได้สั่งสอนกันให้ศึกษาเล่าเรียนพระคัมภีร์เจริญมานาน ครั้นบัดเดี๋ยวนี้พระราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญ บางองค์ที่เปนโลลัชฌาไศรยใจมักบาปแสวงหาแต่ลาภสักการแลยศถ่ายเดียว เที่ยวประจบฝากตัวในเจ้าในขุนนาง ไว้ตัวเปนคนกว้างขวางในกรมมหาดไทย กรมกะลาโหม กรมท่า ด้วยคิดเห็นว่าท่านเหล่านั้นมีบุญวาศนา จะช่วยกราบทูลพระกรุณาให้สึกออกมาเปนขุนนางในตำแหน่งกรมมหาดไทยกรมกะลาโหมกรมท่าแห่งใดแห่งหนึ่งได้ ก็ซึ่งพระราชาคณะถานานุกรมเปรียญรูปใดคิดดังนี้นั้น คงไม่สมประสงค์แล้ว อย่าคิดเลยเหนื่อยเปล่า เพราะว่าจะต้องพระราชประสงค์แต่คนที่มีชาติตระกูลเปนบุตรขุนนาง จึงจะตั้งให้เปนขุนนางในตำแหน่งกรมมหาดไทยกรมกะลาโหมกรมท่า ไม่ต้องพระราชประสงค์คนชาววัดเปนพระยาพระหลวงขุนหมื่นในกรมมหาดไทยกรมกะลาโหมกรมท่า พวกชาววัดนั้นควรจะเปนขุนนางได้ แต่ในกรมลูกขุน กรมอาลักษณ กรมธรรมการ ราชบัณฑิตย์ สังฆการี เท่านั้น ซึ่งชาววัดมิใช่บุตรมีชาติตระกูลจะคิดเสือกซนไปในกรมอื่น นอกจากห้ากรมนี้แล้ว ไม่ได้เลยเปนอันขาด ขอพระราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญทั้งปวงจงทราบความตามพระกระแสพระราชบัญญัติ เทอญ