ครั้นถึงวันนัด พระยาสุรแสนและครอบครัวไปถึงบ้านพระยาพิชัยเวลา ๑๙ นาฬิกา หลวงธนสารสมบัติมารับที่รถแล้วนำเข้าไปยังห้องรับแขก ที่นั่นพระยาวิชัยชาญยุทธกับคุณหญิงนั่งรออยู่แล้ว เจ้าคุณวิชัยนุ่งผ้าม่วงสีน้ำตาลเข้ม สวมเสื้อชั้นนอกแต่ไม่ได้สวมถุงเท้าและรองเท้า คุณหญิงนุ่งผ้าลายสีม่วงดำและสวมเสื้อผ้ามัสลินขาว ทั้งสองลุกขึ้นยืน และกล่าวคำต้อนรับแขกด้วยกิริยาอันดี ครั้นนั่งลงเรียบร้อยแล้ว มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องนั้น

หล่อนเป็นคนสูง รูปร่างได้ลักษณะ แต่คอออกจะยาวไปสักหน่อย รู้สึกเหมือนจะบอบบาง และไหวไปมาราวกับไม่มีกำลังพอที่จะรับน้ำหนักแห่งศีรษะอันมีมวยโตเกล้าอยู่ข้างหลังไว้ได้ ใบหน้ายาว และคิ้วดกดำ ทำให้หล่อนน่าดูมีสง่า แต่ดวงตาอันมีแววคมแต่กระด้างนั้นทำให้หล่อนน่ารักน้อยลง ด้วยท่วงทีที่แสดงความเชื่อมั่นตนเอง หล่อนเดินตรงมายังห้องกลางห้องแล้วนั่งลงบนเก้าอี้นวมยาว ซึ่งบุตรชายของเจ้าของบ้านนั่งอยู่แล้ว

คุณหญิงวิชัยกล่าวคำแนะนำว่า

“เจ้าคุณคะ นี่แม่รัศมี แสงจันทร์ ลูกของน้องสาวดิฉัน”

“แสงจันทร์! ลูกสาวขุนปราบ น้องหรือพี่ของนายร้อยตำรวจตรีน้อย แสงจันทร์ ที่ถูกผู้ร้ายยิงตายที่เมืองชล เมื่อปีกลายนี้นะหรือ?”

คุณหญิงวิชัยรับคำ และขณะเมื่อผู้ที่นั่งอยู่ ณ ที่นั้น หวนคิดถึงวีรบุรุษที่ตายไปเพราะหน้าที่ราชการ นิจกำลังคิดอยู่ในใจว่า

“อ้อ! นามสกุลแสงจันทร์นี้มีพงศาวดารที่หรูหราอยู่ด้วย คุณหญิงป้าถึงต้องออกชื่อนามสกุลของหลานเวลาแนะนำ ซึ่งออกจะผิดธรรมดาอยู่สักหน่อย ตามปกติคนรุ่นคุณหญิงนี้ เช่นคุณแม่เป็นต้นจะแนะนำให้ใครรู้จักกับใคร ไม่เคยเห็นบอกนามสกุลสักที”

ความรักทำให้บุรุษและสตรีมีตาคมกว่าธรรมดา และทำให้ช่างคิดเกินสมควร ทั้งคิดไปข้างพาลและไม่ถูกเรื่องเสียด้วย

ขณะนั้นพอดีคุณหญิงวิชัยหันหน้ามาทางนิจ กล่าวเป็นเชิงแนะนำให้รู้จักกับหลานของท่าน ครั้นเห็นนิจอมยิ้มมองดูโดยไม่แสดงกิริยาอย่างอื่นอีก ท่านจึงพูดขึ้นว่า

“รัศมีอายุ ๒๕ ปีเต็ม แก่กว่าแม่นิจถึง ๗ ปี”

แกล้งทำไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของคุณหญิง นิจใช้สายตาอันเต็มไปด้วยความฉลาดจับตาหญิงสาว แล้วพูดเรียบๆ ว่า

“เธอเป็นน้องของคุณหลวงธนสารไม่ใช่หรือ ดีอีกแล้วไม่ช้าฉันจะเป็นพี่สะใภ้เธอ”

คำพูดง่าย ๆ และตรงกับความจริงที่สุด แต่ทว่าสามารถทำให้ผู้ฟังมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างประหลาด คุณหญิงสุรแสนหน้าบึ้ง มองดูลูกสาวเขม็ง คุณหญิงวิชัยแสดงความหมั่นไส้และสยะแสยง ในการที่ผู้ที่จะเป็นบุตรสะใภ้ในภายหน้ามากล่าวคำเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัล รัศมีผู้คุ้นเคยกับขนมธรรมเนียมโบราณของคุณป้าดี ก็ยิ้มอย่างเวทนา ราวกับว่านิจได้ทำอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการบัดซบเหลือหลาย หลวงธนสารกัดริมฝีปาก แต่เจ้าคุณสุรแสนกลับยิ้ม และพูดด้วยเสียงแกมหัวเราะว่า

“ถูกแล้ว อีกไม่ช้านิจจะเป็นพี่สะใภ้แม่รัศมี ‘ถึงอ่อนแก่ก็เป็นพี่ศรีสะใภ้’ ไม่ใช่หรือ?”

ไม่มีใครตอบว่ากระไร เจ้าคุณวิชัยพยักหน้าหงึกๆ และยิ้มแห้งๆ พอดีคนใช้เข้ามาบอกว่าอาหารเสร็จแล้ว ท่านจึงลุกขึ้นเดินนำหน้าพาแขกไปยังห้องรับประทาน

โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะกลม ปูด้วยผ้าขาวไม่มีอะไรประดับนอกจากสำหรับของใช้ในการรับประทาน เมื่อได้นั่งลงเสร็จแล้ว นิจจึงเห็นว่าหล่อนนั่งอยู่ข้างซ้ายของหลวงธนสาร และรัศมีนั่งอยู่ข้างขวาตลอด เวลารับประทาน หนุ่ม ๆ สาวๆ ไม่ได้เอ่ยปากพูดคำ นั่งฟังท่านผู้ใหญ่สนทนากันอยู่เงียบๆ เจ้าคุณสุรแสนสงคราม แม้จะได้ลาออกจากหน้าที่ราชการแล้ว ก็ยังรักและสนใจในกิจการของกระทรวงกลาโหมอยู่มาก ท่านซักถามเจ้าคุณวิชัยผู้ยังคงอยู่ในตำแหน่งนายพล ถึงความเปลี่ยนแปลงของการทหารพลางออกความเห็นทั้งติทั้งชม จนการรับประทานเสร็จลง จึงพากันออกไปนั่งเล่นที่เฉลียงข้างห้องรับประทาน สนทนากันด้วยเรื่องอื่น ต่อไป

นิสัยช่างสังเกตของนิจทำให้หล่อนเห็นว่า เจ้าคุณวิชัย ผู้มีรูปร่างเล็กและสายตาอันล่อกแล่ก แสดงความไม่มั่นคงแห่งนิสัยนั้น มีความเกรงกลัวภรรยาเป็นอันมาก ในระหว่างที่พูดถึงเรื่องอะไรก็ดี ท่านมักชำเลืองดูหน้าคุณหญิงเสมอ คล้ายเด็กที่อยู่ในบังคับผู้ใหญ่จนลาน ไม่สามารถทำอะไรได้โดยไม่กลัวถูกดุมากกว่าสองครั้ง เจ้าคุณวิชัยแสดงความเห็นชนิดที่เป็นธรรมดาที่สุด ที่มนุษย์ทั่วโลกน่าจะมีความเห็นเช่นนั้น ครั้นเสียงอันมีกังวานกร้าวอย่างไว้อำนาจของคุณหญิงดังขึ้น พร้อมกับตาอันอุ่นเขียวชำเลืองค้อนเจ้าคุณก็รีบแก้ความเห็นนั้น และแก้ตัววนไปเวียนมาจนเป็นที่น่าสงสาร ส่วนคำพูดของคุณหญิงซึ่งส่อความคิดผิดจากปุถุชน ล้วนแล้วแต่แสดงความโง่แกมหยิ่งและความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง เจ้าคุณทนฟังได้สบาย นิจนึกสงสัยว่าคู่หมั้นของหล่อนจะมีนิสัยเหมือนบิดามารดาหรือ ไม่ มองดูเขา เห็นกำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตาดูรั้วบ้าน สีหน้าของเขาดูหม่นหมองและเหี่ยวแห้งจนดูแก่เกินอายุเป็นอันมาก ผมหยักโศกของเขานั้นแสกกลางและปรกอยู่ตามหน้าผาก ดูแห้งแล้งเหมือนหาน้ำมันเลี้ยงผมไม่ได้เลย ในเวลาอีกไม่ช้าหล่อนจะต้องสมรสกับเขา และเป็นครอบครัวเดียวกับคนเหล่านี้ เมื่อนึกถึงตอนนี้ทำให้ใจรู้สึกหนาวใจ หล่อนจะต้องเป็นบุตรสะใภ้ของเจ้าคุณวิชัย ผู้มีดวงหน้าอันซีดเซียว และกระสับกระส่ายด้วยความกลัวภรรยาอยู่เสมอ ทั้งจะต้องนับถือคุณหญิงสงวนผู้มีแววตาอันไม่น่าไว้ใจ เพราะเขาเป็นมารดาของสามี ส่วนตัวหลวงธนสารเองเขาเป็นอย่างไร? หล่อนรู้จักหรือ?...เปล่าเลย หล่อนรู้จักแต่เพียงว่าเขาเป็นคู่หมั้นของหล่อน และเข้าใจว่าคงต้องการหล่อนมาเป็นภรรยาเขาจึงได้สู่ขอ ส่วนการที่มีอะไรทำให้เขาต้องการหล่อนนั้นนิจไม่ปรารถนานึกถึง ความมีวัยเป็นหนุ่มและเป็นสาวและมีความสมบูรณ์ด้วยกำลังกายกำลังใจ ทำให้มนุษย์ฝันถึงแต่สิ่งที่รุ่งเรืองเสมอ แม้อะไรๆ ก็ล้อมรอบตนอยู่จะน่าพรั่นพรึงสักเท่าใด ก็คงหวังที่จะหลีกเลี่ยงให้พ้นไปจนได้ อนึ่งเจ้าคุณ สุรแสนผู้เป็นทหาร ได้อบรมใจของบุตรให้กล้าแข็งเสมอมา ท่านให้ภาษิตกับนจบทหนึ่งซึ่งหล่อนจำได้ ขึ้นใจ และเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ ภาษิตนั้นคือ ‘คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

เจ้าคุณสุรแสน ทำลายความฝันของนิจโดยเอ่ย ขึ้นว่า

“เมื่อลูกของเราแต่งงานแล้ว จะให้อยู่ที่บ้านผมหรือให้อยู่ที่นี่?”

“ก็เจ้าคุณจะโปรดให้อยู่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ?”

“ผมน่ะตามใจ ที่ถูกน่ะภรรยาต้องไปอยู่กับสามี แต่ผมมีลูกคนเดียว ถ้าหลวงธนสารจะมาอยู่กับผมได้ ผมก็ยินดี”

“ดิฉันก็เหมือนกัน มีแต่ลูกผู้ชายอยู่คนเดียวเท่านี้ ถ้าได้ลูกผู้หญิงมาอยู่ด้วยดิฉันจะรักให้หนักหนา” คุณหญิงสงวนพูดอย่างผู้ใหญ่ใจดี

โดยไม่มีผล นิจคิดเอาเองว่าคำพูดนั้นถูกตบแต่งให้ไพเราะมากกว่าออกมาด้วยน้ำใจจริง

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้นิจมาอยู่ที่นี่ แต่ผมต้องเรียนเสียก่อนว่า ลูกสาวของผมยังเด็กอยู่มาก ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ผมยังไม่เคยนึกจะให้มันมีเหย้ามีเรือนเลย แต่เจ้าคุณกับคุณหญิงออกปากแล้วก็ไม่อยากขัด ผมเต็มใจยกให้เป็นลูก”

“เจ้าค้า! เป็นพระเดชพระคุณ! อย่างแม่นิจยังงี้มาอยู่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น เจ้าคุณของฉันก็หลงงอมเสียอีก ยิ่งเป่าปี่สีซอเก่งด้วยไม่ใช่หรือเจ้าคะ?

“เล่นได้บ้าง แต่ที่คุณหญิงออกชื่อมานั้นนิจเล่นไม่เป็นสักอย่างเดียว” เจ้าคุณสุรแสนตอบพลางหัวเราะ

“เขาลือกันว่า” แม่รัศมีเอ่ยขึ้นช้าๆ ดัดเสียงให้อ่อนหวานและยิ้มกับนิจ ราวกับยิ้มกับเพื่อนที่สนิทที่สุดในโลก “เธอเล่นปีอาโนเก่งนักหรือ?

“เขาไหน? เขาหลวงละกระมัง?” นิจถาม แกมหัวเราะ

“พูดจริง ๆ นะ ฉันได้ยินว่าเธอเล่นปีอาโนเพราะนัก”

นิจไม่ตอบว่ากระไร เบือนหน้าไปเสียทางอื่น

“แม่นิจ ร้องเพลงอะไรเป็นบ้างไหม?” เจ้าคุณวิชัยถาม ท่านมีนิสัยเป็นนักดนตรี และชอบสีซออู้เท่ากับชอบอ่านหนังสือ เพราะมันเป็นเวลาเดียวที่ท่านมีโอกาสอยู่ห่างจากคุณหญิง

“ร้องได้ค่ะ” คุณหญิงสุรแสนตอบ สายตาแสดงความภูมิใจเล็กน้อย “เคยร้องให้คุณพ่อฟังบางครั้งบางคราว เสียงดีพอใช้”

“อ้อ!” น้ำเสียงของคุณหญิงสงวนแสดงความเลื่อมใสน้อยที่สุด และยังเสริมว่า “รัศมีก็เสียงดีทั้งดัง ทั้งแหลม ร้องส่งเป็นที่หนึ่ง”

เจ้าคุณวิชัยกล้าพอที่จะสอดขึ้นว่า

“เออ! ต่างคนต่างดี! เอ้าร้องฟังกันคนละเพลง แล้วมาตัดสินใครจะดีกว่ากัน”

“ขอเสียทีเถอะค่ะ” นิจร้องขึ้นด้วยความถือตัว “นิจไม่กล้าแข่งกับใครทั้งนั้นแหละ ใครจะร้องก็ร้องเถอะ”

รัศมียิ้มอย่างเชื่อตัวเอง ชำเลืองดูหลวงธนสาร ผู้นั่งนิ่งเงียบเหมือนคนไม่มีปาก แล้วตอบว่า

“ฉันก็เหมือนกัน ไม่ชอบแข่งกับใคร เชิญเธอร้องไปเถอะ

ริมฝีปากอันจิ้มลิ้มของนิจ เม้มเข้าหากัน วิธีพูด วิธียิ้ม ของรัศมีขัดกับสายตาของนิจอย่างบอกไม่ถูก ดูช่างคมกริบและอ่อนหวานเสียจนเหลือเชื่อ

“รัศมีก้อ! ให้แม่นิจร้องซี” คุณหญิงสงวนพูดอย่างเบื่อหน่าย

ฟังดูทีหรือทำเสียงเช่นนั้น ราวกับว่านิจอยากจะออกเสียงเต็มที หญิงสาวรู้สึกเลือดขึ้นหน้าจนร้อนผ่าว กำลังคิดหาคำตอบให้เหมาะใจ พอดีเจ้าคุณสุรแสนเอ่ยขึ้น

“นิจ, เจ้าคุณท่านขอให้ร้องก็ร้องไปเพลงหนึ่งก็แล้วกัน ไม่ต้องทำกระบวน การเล่นตัวทำให้ผู้หญิงเป็นสิ่งพึงประสงค์มากขึ้นกว่าปกติ แต่บางทีเล่นตัวนักมักน่าหมั่นไส้” น้ำเสียงของเจ้าคุณแม้จะแกมหัวเราะเชิงทีเล่นทีจริง แต่กังวานแสดงความฉุนเฉียว นิจนิ่งสงบอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง จึงร้องเพลงนางนาคสามชั้นขึ้น

โปเอ๋ยโปดก

ทั้งสองนกแขกเต้าเจ้ายังอ่อน

เมื่อลมใหญ่กระพือพัดตัดรังรอน

ขาดเป็นท่อนพาวิหคตกไปไกล

ส่วนตัวหนึ่งพึ่งพักกับนักสิทธิ์

ตัวหนึ่งติดตกกับพาลวิสัย

ที่อยู่กับวิชาติเป็นปราชญ่ไป

สำนักในโจรสถานเป็นพาลเอย ฯ

นิจร้องคำเหล่านี้ ด้วยเสียงกังวานใสเย็นแกมโศก คล้ายกับว่าเกิดสงสารในนกแขกเต้าทั้งสองนั้น จริงทีเดียวเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความรู้สึก นิจนึกถึงตัวเองว่าเมื่อแต่งงานแล้ว จะต้องเข้ามาอยู่ในความปกครองของสามี อยู่ในบ้านนี้ กับคนเหล่านี้ ซึ่งตามความสังเกตของหล่อนเห็นว่ามีกิริยา มารยาท ตลอดจนนิสัยใจคอผิดกับผู้ได้ปกครองเดิมอันเป็นที่นับถือห่างไกล จนเกือบจะเรียกได้ว่าตรงกันข้าม หล่อนจะกลับกลายมีนิสัยเหมือนเขาเหล่านี้ เหมือนกับนกแขกเต้าที่ตกไปอยู่กับโจรหรือไม่หนอ?

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ