หมวด ๕ ว่าด้วยการเชื่อหนี้ (Credit)

การซื้อเชื่อขายเชื่อแลการกู้หนี้ยืมสินซึ่งกันแลกันนั้น ย่อมจะอาศรัยใช้เปนประโยชน์ด้วยกันทั่วไปในหมู่ประชุมชน ไม่เลือกว่าคนป่าชาวบ้านนอกหรือชาวเมือง, ตั้งแต่คนชั้นต่ำตลอดขึ้นไปจนคนชั้นสูง ในประเทศใดที่พลเมืองล้าหลังอยู่ในความจำเริญ การเชื่อหนี้พึงจะมีน้อย ยิ่งเปนประเทศใหญ่ยิ่งมีวิธีปกครองพลเมืองด้วยความเอื้อเฟื้อไปในการทำมาหากินมาก การค้าขายแลกเปลี่ยนทรัพย์ซึ่งกันแลกันยิ่งสดวกแลแน่นอนมั่นคงพ้นความอันตรายมากขึ้น การกู้หนี้ยืมสินซื้อเชื่อขายเชื่อกันมีแพร่หลายกว้างขวางออกได้โดยดีแลโดยสดวกเพียงใด ประเทศนั้นก็มีความเจริญแลความไพบูลย์ในทรัพย์สมบัติรวดเร็วขึ้น ในทรัพยสาตร์การเชื่อหนี้จึงเปนสิ่งสำคัญข้อหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้วินิจฉัยดูถึงการที่เปนอยู่ในโลกปัจจุบันนี้แล้ว ก็จะเห็นประจักษ์ได้ว่า การเชื่อหนี้ซึ่งตามธรรมดาไม่ใช่เปนความปราถนาของคนโดยมากที่ไม่ได้ทำการค้าขาย เพราะเห็นว่าเปนความอัประยศอยู่บ้างนั้น แท้ที่จริงเมื่อเรามองไปดูถึงการใหญ่ในการลงทุนรอนโดยมากที่เปนอยู่ในโลกนั้น เปนไปแลทำไปได้โดยอำนาจของการเชื่อหนี้เปนพื้น การตั้งคลังเงินที่เปนที่รวบรวมทรัพย์อย่างมั่งคั่งบริบูรณ์เกินส่วนที่เศรษฐีแม้แต่มั่งมีที่สุดในโลกที่จะทำไปได้แต่ลำพัง ถ้าไม่ได้อาศรัยการเชื่อหนี้แล้ว คลังเงินทั้งหลายในโลกนี้คงตั้งอยู่ไม่ได้ การสร้างรถไฟทั่วไปในโลก การสร้างเรือรับคนโดยสานแลสินค้าซึ่งเปนสมบัติบริษัทใหญ่ซึ่งนับทุนล้วนแต่เปนล้าน ๆ ขึ้นไปนั้น ถ้าไม่ได้อาศรัยการเชื่อหนี้ ก็เปนอันพ้นอำนาจที่ผู้ใดจะทำได้แต่ลำพังทุนของตัว แม้แต่รัฐบาลไม่เลือกว่าประเทศไหนแลไม่เลือกว่ามีอำนาจแลเดชานุภาพใหญ่โตเพียงใด ก็ยังต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาใช้เปนกำลัง เมื่อผลของการเชื่อหนี้มีอยู่ฉนี้ ก็พึงเปนที่น่าพิศวงได้ว่า ในเชิงการทำผลประโยชน์เช่นนี้คงจะเปนปฤษณาซึ่งจะแก้เงื่อนได้โดยยาก

อันที่จริงเรื่องการเชื่อหนี้นั้นก็มีอยู่ตรง ๆ ว่าความเชื่ออย่างเดียวที่เปนหลักเปนประธาน แลเปนต้นเงื่อนของความเจริญทั้งหลายที่ได้ยกมากล่าวนี้ทั้งสิ้น เพื่อจะอธิบายความให้เข้าใจได้โดยง่าย จะขอแปลคำเชื่อแลหนี้ในเรื่องนี้ให้ชัดเสียก่อน การเชื่อแลการหนี้เปนความที่ต่อเนื่องอยู่ในข้อเดียวกัน ถ้ามีเจ้าหนี้ก็ต้องมีลูกหนี้ขึ้นพร้อมกัน ความที่ว่านาย ก. ไปซื้อของเชื่อเขามาได้นั้น ต้องแปลว่าผู้ขายของมีความเชื่อนาย ก. ไม่ใช่นาย ก. มีความเชื่อเจ้าของ เหตุที่เจ้าของจะเชื่อนาย ก. นั้นก็โดยที่เขาจะเห็นว่านาย ก. สามารถจะใช้หนี้เขาได้ตามสัญญา ความสามารถของนาย ก. ที่กระทำให้เขาเชื่อนาย ก. นั้นและเปนอำนาจซึ่งนาย ก. จะเอามาใช้เปนทรัพย์ของนาย ก. ได้ ถ้านาย ก. ไปกู้เงินผู้ใดมา เงินนั้นก็เปนกรรมสิทธิ์ของนาย ก. โดยเต็มบริบูรณ์ตามกฎหมาย นาย ก. จะเอาไปกำนันใครเสียหรือจะเอาไปซื้อขายทำประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปก็ไม่มีขัดข้อง ของที่ซื้อเชื่อมาแลทรัพย์ที่กู้นั้นจะเปนกรรมสิทธิ์ของนาย ก. แลนาย ก. จะใช้เปนประโยชน์ได้จนกว่าจะถึงกำหนดสัญญาที่จะใช้หนี้เขากลับคืน อำนาจที่นาย ก. จะยืมเงินแลซื้อของเชื่อเขาได้นี้และเปนความเชื่อซึ่งผู้อื่นมีอยู่ต่อนาย ก. ข้างฝ่ายนาย ก. จะต้องถือความสัตย์ต่อสัญญาที่ได้ทำไว้ให้แก่เจ้าหนี้อย่างมั่นคง มิฉนั้นนาย ก. ก็จะต้องรับโทษตามกฎหมายซึ่งจะบังคับให้นาย ก. ทำตามสัญญาโดยสุดกำลังที่นาย ก. จะทำได้ ถ้าทำไม่ได้จะต้องตกอยู่ในถานที่ต้องล้มละลายตามกฎหมาย เมื่อใดคนทั้งหลายหมดความเชื่อถือนาย ก. ลง เพราะนาย ก. ไม่สามารถจะใช้หนี้เขาได้ อำนาจที่จะเอาความเชื่อมาใช้เปนทรัพย์ได้เหมือนแต่ก่อนนั้นก็เปนอันสูญสิ้นลงแต่เพียงนี้ ถ้านาย ก. สามารถที่จะใช้หนี้เขาได้อยู่ตราบใด ความสามารถอันนี้ก็เปรียบประดุจดังว่า เปนอำนาจที่นาย ก. จะบันดาลให้เกิดทรัพย์ขึ้นได้จากสิ่งที่ไม่มีเนื้อตัวอะไร เพราะความเชื่อแลความสัญญานั้นอาศรัยต่อความสามารถที่นาย ก. จะหาทรัพย์ซึ่งนาย ก. คาดคะเนว่าจะหามาใช้หนี้เขาได้ในภายหน้านั้น อาจพลาดพลั้งไม่สมความหวังใจไปได้ด้วยทรัพย์ที่คาดคะเนว่าจะได้มานั้นยังไม่ถึงมือ

ธรรมดาการกู้หนี้ก็ดีการซื้อของเชื่อก็ดี บางคนเสียดอกเบี้ยน้อย บางคนเสียดอกเบี้ยมาก บางคนซื้อของเชื่อได้ราคาถูกกว่าบางคน เหตุที่ต่างกันนี้ก็เปนเพราะเจ้าของทรัพย์ ผู้เปนเจ้าหนี้แลเจ้าของสินค้าผู้ขายของเชื่อ มีความเชื่อถือไว้วางใจในถ้อยคำสัญญาของผู้กู้แลผู้ซื้อเชื่อว่าจะมีความสามารถใช้หนี้ได้โดยความแน่นอนมั่นคงมากน้อยกว่ากัน ตามฐานะแลชื่อเสียงของบุคคลซึ่งพึงจะมีต่างกันอยู่เสมอ ความสามารถที่จะใช้หนี้ได้แต่ลำพังยังสู้ความสามารถประกอบเข้ากับความซื่อสัตย์ด้วยไม่ได้ ลูกหนี้จะเปนคนมั่งมีบริบูรณ์โดยมีผลประโยชน์ที่ได้มากมายอยู่แล้วเท่าใดก็ดี ถ้ายังไม่ปรากฎแก่คนทั้งหลายว่าคนผู้นี้มีความซื่อตรงต่อถ้อยคำสัญญาดีอยู่เสมอแล้ว ผู้ใดจะให้กู้หนี้ยืมสินไปก็ยังจะต้องตรึกตรองเปนความพะยั้งพะเยิดถึงการเสียหายอยู่บ้าง โดยที่สุดถ้าเชื่อว่าผู้นั้นมีความสามารถจะใช้หนี้ได้จริง แต่ยังสงสัยอยู่ในความซื่อตรงของเขาบ้าง ถ้าจะให้กู้เงินไปก็จำต้องคิดดอกเบี้ยให้แรง หรือตีราคาของขายเชื่อให้แพงขึ้นไว้เผื่อความเสียหายซึ่งอาจเปนได้ในภายหน้าด้วย เพราะเหตุนี้ความเชื่อจึงมีราคาต่างกันตามตัวบุคคล คำแปลของความเชื่อกินไปถึงความสัตย์อยู่ในตัวแล้ว เพราะเหตุฉนั้นการเชื่อหนี้ทั้งหลายที่ใช้กันอยู่ในการค้าขายทั่วไป จึงต้องอาศรัยความสัตย์เปนหลักเปนประธานอยู่เสมอ ผู้ทำของขายพ่อค้าลูกค้าทั้งปวงที่ทำการไปได้ จนมีความเจริญรุ่งเรืองถาวรนั้น ต้องถือความซื่อสัตย์สุจริตต่อพวกเจ้าจำนำเปนคติอันสำคัญใหญ่อยู่เสมอ. ถ้าจะมีคนทุจริตปลอมเข้าไปปะปนอยู่บ้างแลคนชนิดบางคนจะเจริญขึ้นได้โดยรวดเร็ว เพราะใช้อุบายประกอบการล่อลวงฉัอบังในชั้นเชิงหากินก็จริง แต่ผลของความทุจริตนั้นถ้าไม่ให้โทษทันทีก็คงจะเปนเครื่องกระทบกระเทือนใจของตัวแลผู้อื่น ซึ่งเปนเหตุที่จะกระทำให้ความศุขสำราญใจที่เกิดจากทรัพย์สมบัติของตัวนั้น น้อยไปกว่าที่ควรจะได้รับเท่าเทียมกันกับผู้ที่ทำการเลี้ยงชีพมาโดยชอบธรรมแท้ ความสัตย์จะรักษาได้โดยง่ายก็จริง แต่ที่จะรักษาไปจนกว่าจะมีชื่อเสียงปรากฎแผ่ไพศาลกว้างขวางออกไปได้นั้น จำเปนจะต้องมีเวลาช้านาน แต่จำเปนจะต้องใช้ความอุส่าห์อดทนทรมานกายแลใจแลสู้ยอมเสียสละประโยชน์ต่าง ๆ นา ๆ เพื่อความเจตนาที่จะรักษาความสัตย์นั้นให้ตลอดไปได้ ความเจริญของพวกพ่อค้าแลพวกแต่งสรรพ์ทำสิ่งของขายสารพัดอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าจะมีขึ้นได้แต่ลำพังความกล้าหาญ ความฉลาดไหวพริบ แลความขยันขันแขงเท่านั้น ความเจริญต้องอาศรัยปัญญารู้ผิดแลชอบ ต้องอาศรัยความมัธยัต แลต้องอาศรัยความซื่อสัตย์สุจริตข้อเดียวนี้เปนใหญ่ยิ่งกว่าอื่นทั้งสิ้น พลเมืองประเทศใดมีคุณวุฒิเปนความดีปรากฎขึ้นได้ดังที่กล่าวแล้ว ชาติของชาวประเทศนั้นก็จะรุ่งเรืองยิ่งขึ้นได้เสมอไป ถ้าละทิ้งความดีเหล่านั้นเสียเมื่อใด ความเชื่อของคนทั้งหลายหมดสิ้นไป การค้าขายของประเทศนั้นก็นับวันแต่จะร่อยหรอเสื่อมทรามต่ำช้าลงจนไม่เท่าเทียมกับเพื่อนได้ การค้าขายเปนการที่ต้องทดลองนิสัยดีแลชั่วของคนอย่างเข้มงวดกวดขันยวดยิ่งกว่าการเลี้ยงชีพอย่างอื่นโดยมาก ถ้าผู้ใดรักษาความสัตย์ความยุติธรรมแลความซื่อตรงไปได้ตลอดโดยปราศจากมลทินแล้ว ผู้นั้นก็ควรได้รับความสรรเสริญแทบจะเท่าเทียมกันกับทหารได้แสดงความกล้าหาญเมื่อเวลาเข้าสู้รบตลุมบอนอยู่กับข้าศึกในท่ามกลางอันตรายชีวิตรอย่างใกล้ที่สุดนั้นได้

รัฐบาลที่คอยช่วยป้องกันความฉ้อโกงในระหว่างราษฎร คอยป้องกันการทำของปลอมการปนของเลวปลอมของดี โดยที่ล่อลวงให้คนเชื่อว่าเปนของแท้ของบริสุทธิ์ ทั้งคอยป้องกันการฉ้อน้ำหนักตวงแลวัดขนาดให้สูงต่ำไปกว่ามาตราโดยเจตนาที่จะฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบกันในการซื้อขายเปนต้นนั้น ถ้าใช้ความระวังตรวจตราด้วยความเข้มงวดกวดขันโดยวิธีต่าง ๆ ที่จะมิให้ผู้ทำผิดพ้นโทษไปได้โดยสดวกแล้ว ก็เปนการช่วยป้องกันคนซื่อให้พ้นจากความเบียดเบียนของคนโกง แล้วยังจะมีคุณที่จะดัดสันดานของมนุษย์ เปนการฝึกสอนให้รู้จักคุณประโยชน์ของความซื่อสัตย์สุจริตจนเปนนิสัยดีสำหรับชาติได้แล้ว คุณอันนี้นอกจากจะทำผลประโยชน์ในบ้านเมืองให้ดำเนินไปได้โดยสดวกแล้ว ยังจะช่วยค้ำชูเกียรติยศของชาติ กระทำให้นา ๆ ประเทศมีความเชื่อถือในความปึกแผ่นแน่นหนาของบ้านเมือง เปนการช่วยส่งเสริมความเจริญของการค้าขายกับนา ๆ ประเทศให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย กรุงสยามซึ่งเปนแผ่นดินที่บริบูรณ์ไปด้วยอาหารการเลี้ยงชีพ เพราะฉนั้นชาติไทยจึงยังไม่ถึงแก่ความจำเปนที่จะต้องใช้อุบายฉ้อโกงในความที่จะต้องตะเกียกตะกายในการเลี้ยงชีพโดยเข้มงวดสักเท่าใดนัก พลเมืองพึงจะต้องเสียเปรียบแก่ชาวต่างประเทศชนิดที่เข้ามาอาศรัยหากินในบ้านเมืองด้วยความกระวนกระวายรีบร้อนชวนขวายหาทรัพย์เปนใหญ่ ยิ่งกว่าที่จะรักษาชื่อเสียงแลความสัตย์ของเรา โดยที่ความละอายมน้อยกว่ากันนั้นเปนต้น ความเจตนาของคนพวกที่มิได้คิดจะฝังรกรากอยู่ในบ้านเมืองช้านานนั้น ก็มีการรีบแสวงหาทรัพย์เปนใหญ่อยู่อย่างเดียว จะหาได้โดยทางชอบธรรมหรือมิชอบที่สุดแล้วแต่ความสดวกเปนใหญ่ คนพวกนี้ถ้าละเลยให้ประพฤติความฉ้อโกงต่าง ๆ ได้โดยไม่มีที่กีดขวางที่เปนการซึ่งจะต้องรับโทษของกฎหมายโดยเข้มงวดอยู่แล้ว นอกจากที่จะเห็นคนไทยเปนเหยื่อแล้ว ยังมิหนำซ้ำจะทำเยี่ยงอย่างที่ชั่วร้ายไว้ให้คนไทยประพฤติตามด้วย ลงปลายจะกลับถือเอาความไหวพริบ ในชั้นเชิงหากินโดยความทุจริตนั้นเปนความฉลาดแลเปนคติอันดีไปเสีย

คนต่างประเทศอิกจำพวกหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ว่าเมื่อเข้ามาอาศรัยทำผลประโยชน์ในบ้านเมือง มีความเจตนาที่จะรีบขวนขวายให้มั่งมีบริบูรณ์ขึ้นโดยรวดเร็วก็จริง แต่หากว่าคนจำพวกนี้ได้ลงทุนตั้งห้างร้านก่อการหากินอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีลักษณะจะให้การอย่างนั้นดำรงอยู่ได้ โดยหมายหากำไรและผลประโยชน์ยืดยืนต่อไปในวันหน้าโดยช้านาน เช่นการตั้งแบงก์คลังเงิน การเดินเรือกำปั่น หรือการตั้งห้างร้านใหญ่ต่าง ๆ ที่จะต้องฝังรกรากอยู่ไปยืดยืนนั้น ความเจริญของคนจำพวกนี้ จะอยู่ได้ก็โดยที่จะรักษาความสัตย์เพื่อจะกระทำให้ราษฎรในพื้นเมืองมีความเชื่อมั่นคงอยู่เสมอ ลงปลายคนพวกนี้คงจะมีไชยชนะต่อพวกทุจริตที่กล่าวมาก่อนเปนมั่นคง ทั้งจะวางแบบแผนที่ควรจะถือเอาเปนเยี่ยงอย่างได้นั้นไว้ให้พลเมืองประพฤติตามด้วย

ตามธรรมดาราคาเงินกู้หนี้ในบ้านเมืองย่อมจะมีดอกเบี้ยสูงต่ำต่างกันไปหลายชั้น ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำที่สุด คงเปนเพราะความเชื่อหนี้ในชั้นนี้มีอย่างสูงดีที่สุดโดยที่มีประกันมั่นคงแน่แท้ เช่นกับพูดกันในกรุงลอนดอนว่า ดอกเบี้ยในเงินกู้ที่มีประกันมั่นคงอย่างที่เปน ๑๐๐ ละ ๒ ครึ่งต่อปีในขณะหนึ่งขณะใดเปนต้นแต่ในขณะเดียวนั้นยังมีดอกเบี้ย ๑๐๐ ละ ๔-๕-๖-๗ แลสูงขึ้นไปอีกเปนต้นว่า เงินหนี้ที่คลังเงินคิดเอาดอกเบี้ยแก่เจ้าจำนำที่ดีของเขาเพียง ๑๐๐ ละ ๓ รัฐบาลอังกฤษกู้เพียง ๑๐๐ ละ ๒ ครึ่ง พวกพ่อค้าต่าง ๆ ซื้อเชื่อขายเชื่อกันเพียงคิดดอกเบี้ย ๑๐๐ ละ ๔, ๕, ๖, ต่อปี หรือเงินกู้ของรัฐบาลต่าง ๆ ในขณะนั้นมีดอกเบี้ย ๑๐๐ ละ ๓, ๔, ๕, ๖, ขึ้นไปเปนต้น ดอกเบี้ยที่สูงต่ำกว่ากันในระหว่างบุคคลต่อบุคคลกู้ยืมกัน หรือในระหว่างรัฐบาลกับประชาชนกู้ยืมกันนั้น สุดแล้วแต่ความเชื่อในความสามารถที่จะใช้หนี้ได้ต่างกันนั้นเปนข้อใหญ่ใจความ ถ้าเปนที่รัฐบาลนา ๆ ประเทศก็สุดแล้วแต่ความปึกแผ่นของประเทศต่าง ๆ นั้นประกอบกันด้วย เปนต้นว่า เตอรกีในสมัยหนึ่งมีหนี้เหลือล้นพ้นกำลังที่จะใช้ดอกเบี้ยได้ ต้องหยุดการใช้ดอกเบี้ยเสียคราวหนึ่ง ราคาเงินกู้ของเตอรกีตกต่ำลงกว่าครึ่งตัว เมื่อเปนเช่นนี้ดอกเบี้ยของผู้ที่กล้าซื้อตั๋วเงินกู้ของเตอร์กีไว้ได้นั้น ถ้าเตอรกีกลับใช้ดอกเบี้ยได้เมื่อใด ก็อาจได้ดอกเบี้ยสูงกว่าเก่าเกิน ๒ เท่า แต่ถ้าใช้ดอกเบี้ยไม่ได้เลย ราคาตั๋วเงินกู้จะตกต่ำลงตั้งแต่ ๑๐๐ ไปถึง ๒๕ ก็แทบจะไม่มีผู้ต้องการ ผิดกันกับประเทศที่มีความปึกแผ่นแน่นหนามาก เช่นกรุงอังกฤษหรือฝรั่งเศสเปนต้น แม้แต่รัฐบาลได้ประกาศออกมาแล้วว่าเงินกู้บางคราวที่รัฐบาลได้กู้ไปนั้นจะใช้แต่ดอกเบี้ยเสมอไป แต่จะไม่ใช้ต้นเงินเสียเลย เหตุที่ผู้ถือตั๋วเงินกู้เช่นนี้ได้รับดอกเบี้ยเปนอันแน่นอนไว้วางใจได้เสมอ แม้แต่ดอกเบี้ยนั้นจะมีพิกัดเพียงปีหนึ่ง ๑๐๐ ละ ๓ ราคาตั๋วเงินกู้ที่ซื้อขายกันในตลาดก็ยังสามารถคงเต็มจำนวน ๑๐๐ อยู่ได้ เว้นเสียแต่เปนคราวเมื่อเงินใช้ในบ้านเมืองขัดสนไม่พอกับความต้องการ ราคาเงินแลดอกเบี้ยต้องแพงขึ้นทั่วไป เมื่อเปนคราวฉนี้ราคาตั๋วเงินกู้ของรัฐบาลที่กล่าวนั้นจึงจะพลอยตกต่ำลงตามส่วนราคาเงินในบ้านเมืองที่แพงขึ้นนั้นด้วย

เมื่อพูดถึงราคาเงินแลดอกเบี้ยของนา ๆ ประเทศแล้ว ราคาเงินแลดอกเบี้ยในประเทศหนึ่ง ๆ ยังจะผิดเพี้ยนกันไปได้อีก ไม่ได้ผิดกันเพราะความสามารถที่จะใช้หนี้หรือเพราะความเชื่อถือที่มากน้อยกว่ากันเปนเหตุใหญ่ ดอกเบี้ยที่ผิดกันนั้นเปนเพราะเงินในประเทศนั้นหายากหรือมีจำนวนน้อยไปกว่าความต้องการ เมื่อเปนฉนี้ราคาเงินในบ้านเมืองจึงแพง ดอกเบี้ยก็ต้องแพงขึ้นตามกัน จะแพงไปจนกว่าประเทศอื่นที่มีเงินใช้มาก แลดอกเบี้ยต่ำนั้นจะขนเงินไปให้ประเทศที่ขัดเงินเพื่อประสงค์จะได้ดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเก่าเปนต้น

การเชื่อหนี้ซึ่งต้องอาศรัยความสัตย์แลความสามารถที่จะใช้หนี้ได้เปนที่ตั้งดังที่ได้ชี้แจงมาแล้วนั้น จะย่อใจความลงต่อไปได้โดยตรงว่า การเชื่อเปนอำนาจที่จะกู้ยืมทรัพย์กันได้ แลเมื่อความเชื่อซึ่งผู้อื่นมีอยู่ในตัวเรานั้นจะเอาไปแลกทรัพย์ที่มีราคามาได้แล้ว ความเชื่อของผู้อื่นที่มีอยู่ในตัวเรานั้น ก็อาจเปนทรัพย์ของเราได้จริงตามที่ได้กล่าวไว้ในลักษณะทรัพย์ว่า ความเชื่อก็นับว่าเปนทรัพย์ได้อย่างหนึ่ง

การเชื่อหนี้หรืออำนาจกู้ยืมเงินนี้ พึงจะกระทำคุณประโยชน์ที่สำคัญให้แก่บุคคลแลชาติของบ้านเมืองโดยประการต่าง ๆ ดังที่จะได้กล่าวต่อไป

๑. การเชื่อช่วยส่งเสริมในการสร้างทรัพย์ให้เกิดมีมากขึ้นได้โดยที่ช่วยกระทำให้มีการสระสมประหยัดทรัพย์เปนทุนมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีทางใช้ทุนทำกำไรได้มากอย่างขึ้นด้วย

ในประเทศใดที่มีการเชื่อหนี้กันน้อยหรือแทบจะเชื่อกันไม่ได้ เพราะไม่ไว้วางใจกันในความสัญญาเปนต้นนั้น แน่แล้วเงินทุนที่มีอยู่ในบ้านเมืองเท่าใดเปนของผู้ใดผู้นั้นจะต้องใช้เงินทุนทำการหาผลประโยชน์แต่ภาพังตัวเอง โดยที่ไว้ใจผู้อื่นไม่ได้หรือไม่เชื่อผู้ใด ผู้ที่มีทรัพย์เก็บสระสมขึ้นไว้ได้แต่ไม่ปราถนาจะเอาทรัพย์นั้นไปใช้เปนทุนทำการหาผลประโยชน์ให้งอกงามขึ้นต่อไป โดยเหตุที่ไม่อยากจะมีความกังวลขวนขวายให้มากขึ้น โดยเหตุที่เชื่อว่าตัวไม่มีความสามารถพอที่จะทำ แลระวังรักษาการงานนั้นไปได้แต่ลำพังตัวหรือโดยเหตุอื่น ๆ เปนต้นนั้น ถ้าไม่มีการเชื่อหนี้กันได้แล้ว คนผู้นี้ก็ไม่กล้าจะทดรองเงินให้ผู้อื่น ซึ่งมีความสามารถพอที่จะกู้ยืมทรัพย์นั้นไปใช้ทำทุนให้งอกประโยชน์ต่อไปได้ ทรัพย์ที่เก็บสระสมไว้ได้เพียงใดใช้ทำทุนไม่ได้ก็ต้องกลายเปนเงินตายเสียทั้งสิ้น ที่แท้จริงไม่เลือกว่าแห่งไหนตำบลใดการเชื่อหนี้คงต้องมีอยู่เสมอ แม้แต่ในระหว่างคนชาวป่าหรือชาวนาที่ยากจนขัดสนด้วยกัน ก็ยังจะมีความเชื่อถือหรือความกรุณาเอื้อเฟื้อให้เพื่อนที่ขัดสนมากกว่าได้ยืมเงินหรือยืมเข้าไปทำการเลี้ยงชีพได้ชั่วครั้งชั่วคราวบ้าง

แต่ในประเทศที่ใช้การเชื่อหนี้กันแพร่หลายอยู่ได้โดยสดวก เพราะมีความไว้วางใจในความสัตย์แลความสามารถซึ่งกันแลกันได้เปนส่วนมากนั้น ทรัพย์สมบัติของบุคคลมีสระสมอยู่เท่าใด คงได้เอาออกใช้เปนทุนทำผลประโยชน์ให้เกิดกำไรต่อไม่ได้อีกเสมอ

ตามเมืองหลวงแลเมืองใหญ่น้อยของนา ๆ ประเทศในยุโรป เกือบจะว่าได้ว่า ผู้ที่มีเงินเหลือใช้สรอยสำหรับธุระส่วนตัวชั่ววันหนึ่งเดือนหนึ่งนั้น ย่อมจะเอาเงินที่เหลือใช้ไปฝากคลังเงินต่าง ๆ ให้ช่วยเก็บไว้ให้แทบทุกตัวคน ถ้าเงินฝากนั้นสัญญาฝากกันมีกำหนดช้าตั้งแต่ปีหนึ่งขึ้นไป พวกคลังเงินก็คิดดอกเบี้ยให้ตามสมควรกับเวลา ถ้าฝากเปนรายวัน คือผู้ฝากจะถอนเงินไปเสียเมื่อไรก็จะถอนได้แล้ว โดยมากคลังเงินทั้งหลายไม่ค่อยจะให้ดอกเบี้ยในต้นเงินชนิดนี้ เพราะถือว่าการที่เขาช่วยเก็บไว้ให้เขาต้องเปลืองแรงจดบาญชีเงินนั้นอยู่แล้ว ตามธรรมดาแลตามความคุ้นเคยของแบงก์ต่าง ๆ ที่ได้สังเกตมานั้น เมื่อคิดเอาส่วนมากเข้าว่ากัน ผู้ที่ฝากเงินแก่แบงก์ไม่ได้ถอนเงินไปจนสิ้นเชิงพร้อมกันในครั้งเดียวคราวเดียว แม้แต่เปนเงินฝากรายวันวันหนึ่ง ๆ ผู้ฝากทั้งสิ้นคงจะไม่ถอนเงินคืนไปเกินจำนวนหนึ่งส่วนในสามส่วน เงินที่มีประจำอยู่ในคลังเงินถึง ๒ ส่วนนั้น พวกคลังเงินเอาออกจำหน่ายใช้เปนทุนหมุนเวียนทำผลประโยชน์ต่อไปได้อีกเปนอันมาก ที่แท้จริงวิธีหาผลประโยชน์ของคลังเงินทั้งหลายนั้น ก็ได้อาศรัยเงินฝากที่กล่าวนี้เปนกำลังใช้ค้ากำไรในการซื้อเงินขายเงินหรือซื้อหนี้ขายหนี้เปนใหญ่ยิ่งกว่าอย่างอื่น เงินส่วนนี้ถ้าไม่มีกลังเงินตั้งคอยรวบรวมอยู่ คนทั้งหลายไม่มีที่ฝากเงินจะต้องเก็บเงินของตัวเองไว้แล้วก็เปนอันเห็นได้ว่า เงินที่เหลือจ่ายรายวันทั้งสิ้นนี้จะต้องไปนอนป่วยการอยู่ในถุงหรือหีบเปล่า ๆ ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรต่อไปได้

พวกพ่อค้านายห้างตั้งแต่ชั้นสูงตลอดลงมาถึงชั้นต่ำเมื่อขายของได้เงินแล้วแต่ยังไม่ต้องการใช้ให้สิ้นเงินนั้นในทันที คงจะเอาไปฝากให้แบงก์ช่วยเก็บไว้ให้เสมอ ผู้ที่ได้รับเงินเดือนเงินปีตั้งแต่ชั้นคนราชการตลอดลงไปถึงลูกจ้างคนสามัญ แม้แต่เงินเดือนนั้นจะพอใช้ในการเลี้ยงชีพไปได้ชั่วเดือนหนึ่ง ๆ เท่านั้นก็ดี คนพวกนี้คงจะต้องผ่อนใช้ตามความต้องการเปนรายวันไปตั้งแต่วันที่ ๑ จนถึงสิ้นเดือนพอหมดจำนวนเงินที่ได้มา แต่เมื่อกำลังผ่อนใช้รายวันเปนลำดับไปนั้น ถ้าได้ฝากเงินไว้ในแบงก์ เงินที่เหลือจ่ายรายวันมีเท่าไรแบงก์คงจะเอาไปใช้ทำประโยชน์ได้ ๒ ส่วนใน ๓ เสมอ ถ้าจะวินิจฉัยให้เห็นคุณของความเชื่อที่พลเมืองมีอยู่ต่อคลังเงินนั้น ว่าสามารถจะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้เพียงไรแล้ว เมื่อถึงคราวแบงก์หนึ่งแบงก์ใดทำรายการบาญชีเงินเข้าออกของเขาลงประกาศแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าจำนวนเงินฝากในแบงก์หนึ่ง ๆ มีมากน้อยเท่าไร เมื่อรวมเงินฝากทั้งสิ้นเข้าแล้ว เอา ๓ หารแลเอา ๒ คูณ ก็คงจะได้จำนวนที่ใกล้เคียงว่า จำนวนนั้นและแบงก์ได้เอาออกใช้เปนทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมเงินทุนของบุคคลที่ใช้ค้าขายอยู่ในบ้านเมืองมากขึ้นได้อิก เปนต้นว่าแบงก์ในกรุงลอนดอนแบงก์หนึ่งมีจำนวนเงินฝาก ๒๔ ล้านปอนด์ใน ๒๔ ล้านนี้แบงก์เก็บสำรองติดคลังไว้สำหรับคืนให้แก่เจ้าของเงินที่จะมาเรียกเอาไปอย่างมากที่สุดเพียงสัก ๘ ล้านปอนด์เท่านั้นยังเหลืออีก ๑๖ ล้านปอนด์แบงก์จะเอาไปทำทุนค้าขายหรือให้เขากู้ยืมใช้ทำทุนในการหาผลประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปอีกก็ได้ สุดแล้วแต่ว่าแบงก์นั้นจะสนัดทำผลประโยชน์ได้อย่างไร โดยที่จะรักษาความเชื่อที่คนทั้งหลายมีอยู่ต่อแบงก์นั้นให้แน่นหนามั่นคงอยู่ได้เสมอ เช่นกับว่าผู้ฝจกจะเรียกเงินกลับคืนไปเมื่อใด แบงก์จำจะต้องใช้เงินให้สมความปราถนาของเจ้าของเงินในทันใด เมื่อคิดเตรียมเงินส่วนนี้ไว้พอแล้ว ยังเหลือเงินฝากอีกเท่าไร เงินฝากนี้ก็เท่ากับว่าเปนกรรมสิทธิ์ของแบงก์ชั่วครั้งหนึ่งคราวเหนึ่งเสมอไป แต่วิธีทำผลประโยชน์ของแบงก์นั้นมีเรื่องราวต่าง ๆ นา ๆ อีกเปนหลายข้อ จำจะต้องงดการชี้แจงความเลอียดไว้ในที่นี้ก่อน เมื่อถึงหมวดที่จะกล่าวเรื่องแบงก์โดยเฉภาะแล้ว จึงจะยกสรรพธุระของเขามาชี้แจงได้โดยสดวก

๒. ความเชื่ออาจกระทำให้ทรัพย์ในแผ่นดิน ที่เก็บสั่งสมอยู่นั้นเปนผลประโยชน์ขึ้นได้

เปนต้นว่าผู้มีบรรดาศักดิ์ผู้หนึ่งได้รับพระราชทานเงินเดือนรวมทั้งค่าเช่าที่ดินเรือกสวนไร่นาที่เก็บได้เปนจำนวนปีละ ๔๐,๐๐๐ บาทแต่ท่านผู้นี้ใช้จ่ายเพียงปีละ ๒๐,๐๐๐ บาทก็พอเพียงกันกับความศุขสำหรับตัวของท่านยังเหลือเงินอยู่อีก ๒๐,๐๐๐ บาทถ้าท่านจะเอาเงินนี้ไปลงทุนทำการอย่างอื่นแต่ลำพังตัวเองไม่ได้โดยความขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใด ถ้าท่านไม่มีความเชื่อผู้อื่นในการที่จะให้กู้ยืมเงินที่เหลือจ่ายนั้นไปทำทุน แลถ้าท่านไม่มีความเสน่หารักใคร่ผู้ใดที่พอควรกับจะต้องอุส่าห์ถนอมเงินที่เหลือนี้ไว้ให้เปนมรฎกตกต่อไปแล้ว ก็ยังเหลือทางที่จะจำหน่ายเงินนี้ให้หมดสิ้นไปได้อย่างเดียวก็แต่ที่จะใช้บำรุงบำเรอความศุขส่วนตัวจนเปนการเผลอเรอสาดเสียเทเสียไปเปล่า ๆ หรือมิฉนั้น ถ้าเปนผู้อยู่ในพระพุทธศาสนาก็จะเอาเงินที่เหลือนี้ออกใช้เปนการสร้างกุศลให้มีอุปนิสัยอันดีต่อไปในปรโลกได้เปนต้น ถ้าเปนเช่นนี้จะนับเงินจำนวนนี้เปนทุนไม่ได้อยู่เอง เพราะคำที่ใช้ว่าทุนนั้นต้องเปนจำนวนเงินที่จะได้จำหน่ายออกไปทำผลประโยชน์ให้งอกกำไรขึ้นอิก

แต่ถ้าท่านผู้ที่มีความเชื่อถือในความซื่อตรงแลความปึกแผ่นของผู้หนึ่งผู้ใดที่สามารถจะยืมทุนของท่านไปทำผลประโยชน์พอที่จะใช้ดอกเบี้ยให้ท่านได้ตามสมควร แล้วยังมีกำไรคุ้มค่าเหน็จเหนื่อยของผู้กู้ยืมนั้นอิก ถ้าท่านเชื่อเขาแลให้เขากู้เงินนี้ไป ก็เปนอันว่าเงินนั้นจะเปนทุนที่จะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้อีก ยิ่งมีทุนอยู่เช่นนี้มากก็ยิ่งจะเลี้ยงคนทำงานในบ้านเมืองได้มากเปนต้น

อิกประการหนึ่ง ผู้ที่มีเงินเหลือใช้สรอยอยากจะเอาเงินนั้นไปทำทุนหากำไรต่อทุนขึ้นอีกแต่ลำพังน้ำแรงของตนเองก็ทำไม่ได้โดยเหตุหนึ่งเหตุใดแล้ว ถ้ามีบริษัทใหญ่น้อยที่ไหนซึ่งควรเปนที่เชื่อถือได้ ก็น่าจะเอาเงินที่เหลือใช้นั้นไปเข้าหุ้นส่วนกับเขาได้ ความจริงที่เห็นปรากฎอยู่ทุกวันนี้มีเปนพยานอยู่เปนอันมากว่าบริษัททำการใหญ่ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ทุนมากมายเกินกำลังเศรษฐีใดจะทำได้โดยลำพัง เช่นการสร้างรถไฟเปนต้น ซึ่งบางบริษัทที่มีทุนเปนก่ายเปนกองขึ้นได้ ก็โดยอาศรัยเรี่ยรายทุนจากผู้เข้าหุ้นส่วนแห่งละเล็กละน้อยมารวบรวมเข้าเปนกองเดียวกันได้ แม้ทุนของบริษัทนั้นจะนับกันตั้งหลายสิบล้านขึ้นไปก็ดี แต่โดยเหตุที่แบ่งทุนย่อยออกตั้งหมื่นตั้งแสนหุ้น จนเปนหุ้นละ ๕๐ บาทเปนต้น คนชั้นลูกจ้างหาบของก็สามารถที่จะมีหุ้น แลมีชื่อว่าเปนเจ้าของบริษัทใหญ่นั้นอยู่กับเขาด้วยผู้หนึ่งได้ บริษัทใหญ่ทั้งหลายโดยมากได้อาศรัยเงินย่อยต่าง ๆ เช่นที่กล่าวมานี้เปนทุน

รัฐบาลบางประเทศที่ต้องการใช้เงินมาก ต้องกู้เงินเขามานับครั้งหนึ่งตั้ง ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไปนั้น เปนอันพ้นวิสัยที่เศรษฐีผู้ใดจะมีเงินให้รัฐบาลกู้ได้ครั้งเดียวถึงเท่านี้ แลเมื่อจะดูตามสารบาญชีของนา ๆ ประเทศในยุโรปว่าประเทศหนึ่งรัฐบาลมีหนี้เท่าใดแล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่ารายหนี้ต่าง ๆ ที่ราษฎรเรี่ยรายกันออกเงินให้รัฐบาลกู้คนละเล็กละน้อย ตั้งแต่ ๕๐ บาทขึ้นไปเปนต้นนั้นเปนเงินส่วนเหลือใช้สรอยของราษฎรพวกนั้นทั้งสิ้น รัฐบาลกู้เงินราษฎรได้มากแลได้ราคาอย่างถูกแลกู้ได้โดยสดวกด้วยนั้น ก็เปนเพราะว่าราษฎรมีความเชื่ออยู่ในความสัตย์สัญญาของรัฐบาลเปนข้อใหญ่ใจความอยู่ข้อเดียวเท่านั้น รัฐบาลสยาม รัฐบาลจีน แลยี่ปุ่นซึ่งอยู่ห่างไกลประเทศยุโรปมาราวซีกโลกหนึ่งนั้น ชาวยุโรปยังมีความเชื่อถืออุส่าห์ออกเงินให้รัฐบาลเหล่านี้กู้ได้เปนดอกเบี้ยปานกลางเพียงปีหนึ่ง ๑๐๐ ละ ๕ แม้แต่เปนคนต่างชาติศาสนากันด้วยก็ยังเชื่อถือความสัตย์สัญญากัน

เงินที่รัฐบาลกู้ไปนั้น ถ้าไม่เอาไปใช้สาดเสียเทเสียไปในการทำศึกสงครามเปนต้น ก็คงจะได้ใช้ในการโยธาก่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ แลทำทางรถไฟถนน หรือขุดคลอง ให้พลเมืองไปมาค้าขายกันได้โดยเร็วโดยสดวก หรือทำทำนบทดน้ำขึ้นแลไขออก บำรุงการเพาะปลูกให้ที่ดินเรือกสวนไร่นาของพลเมืองเกิดผลประโยชน์งอกงามยิ่งขึ้นเปนต้น ในที่สุดถ้าความเชื่อซึ่งกันแลกันไม่มีดังที่กล่าวมานี้แล้ว การค้าขายแลกทรัพย์ซึ่งเปนผลของแรงทำการที่ต่างคนต่างชาติและต่างประเทศ ต่างก็ทำขึ้นมาแลกกันตามความถนัดนั้น คงไม่เปนสาธารณะประโยชน์ได้ใหญ่โตถึงการที่เปนจริงอยู่ในโลกทุกวันนี้

ได้ชี้แจงสรรพคุณของการเชื่อหนี้มาในหมวดหนี้พอกับที่จะเห็นได้ว่า การเชื่อหนี้มีอำนาจที่จะช่วยทำธุระส่งเสริมการทำมาค้าขายต่อทุนรอนของบุคคลแลบ้านเมืองให้ทำการกว้างขวางออกไปได้อย่างใดบ้างแล้ว ในหมวดหน้ายังจะชี้แจงต่อไปว่า ในการค้าขายแลการทำมาหากินในปัจจุบันนี้ คนทั้งหลายเอาความเชื่อหนี้มาใช้ต่างเงินทองเปนรูป หรือโดยวิธีอย่างใดบ้าง คือจะได้กล่าวถึงลักษณะใบสำคัญสัญญาของการเชื่อหนี้ต่าง ๆ เช่นธนบัตร์ หนังสือสัญญาใช้เงิน ใบสำคัญสั่งจ่ายเงินที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าบิลออฟเอกสเชญ (Bill of Exchange) แลเชก (Cheque) กับบาญชีการเชื่อหนี้เปนเครื่องหมายใช้กันได้แทนเงินตรา

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ