เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๐

วันที่รัชกาล ๗๑๕๑ วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๙ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลาบ่าย ๕ โมง พระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชดำเนินโดยเรือกระเชียง เรือกลไฟจูง เสดจล่องไปประภาศสระบัวท้ายเกาะบางปอินพร้อมด้วยข้างใน

วันที่รัชกาล ๗๑๕๒ วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๐ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลาบ่ายโมง ๑๕ มินิต พระเจ้าอยู่หัวเสดจออกทางท้องพระโรง เสดจทรงเรือโบตเก๋งสีเหลืองพร้อมด้วยสมเดจพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี พระนางเจ้าพระราชเทวี แลสมเดจพระเจ้าลูกเธอ เรือกลไฟจักรนารายน์จูงล่องลงมา แต่ท่าราชวังบางปอินทรถึงบางไทร เสดจขึ้นเรือพระที่นั่งเวสาตรีออกเรือพระที่นั่งล่องลงมา เวลา ๒ ทุ่ม ถึงท่าราชวรดิฐ เสดจพระราชดำเนินขึ้นประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ดำรัสด้วยพระบรมวงศานุวงษครู่หนึ่งเข้าพระบรมมหาราชวัง

วันที่รัชกาล ๗๑๕๓ วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๑ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจออกขุนนางในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท

กรมมหาดไทยนำบอกพระประเทศอุไทยทิศว่าที่ปลัดเมืองเสียมราฐ ลงวัน ๗ ๑๑ ๕ ค่ำ ปีชวดยังเปนนพศก ว่า พระยานุภาพไตรภพเจ้าเมืองป่วยเปนฝีที่ไหล่ทั้ง ๒ ข้าง มีพิศแตกแล้วให้จุกเสียด วัน ๕ ๑๔ ๔ ค่ำ พระยานุภาพไตรภพ (แย้ม) ถึงแก่กำม์ บัดนี้ให้พระภักดีภูวนารถบุตรพระยานุภาพ เข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

กับใบบอกพระกำพุชภักดีผู้ว่าที่พระพิทักษบุรทิศ เจ้าเมืองศรีโสภณ ขอพระราชทานหลวงอนุรักษผู้ช่วยเปนหลวงพิพิธอำพลปลัดรับราชการต่อไป

กรมมหาดไทยนำพระภักดีภูวนารถเฝ้าถวายผ้าม่วงต่างศรี ๒๐ ผืน

หลวงอนุรักษผู้ช่วยถวายขี้ผึ้งหาบ ๑

เสดจขึ้นประทับออฟฟิซครู่หนึ่งเสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๑๕๔ วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๒ มิถุนายน ๒๔๓๑)

ไม่ได้เสดจออก

วันที่รัชกาล ๗๑๕๕ วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๓ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยาพิไชยรณณรงค์เมืองสระบุรี ส่งเงินแทนเร่วส่วยลาวพุงขาวพุงดำ ๖ กองเงิน ๓๕ ชั่ง ๑ บาท คิดแทนเร่วหนัก ๑๔๐ บาท ๕ สลึง

กับใบบอกพระยาพิศณุโลกาธิบดี เมืองพิศณุโลก ขอพระราชทานศิลาน่าเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพพระประสิทธิสงครามเมืองพรหมพิราม

กรมพระกระลาโหมนำใบบอกกราบบังคมทูล บอกพระสุรินทรามาตยข้าหลวงเมืองตวันออกว่า จีนเอยนภาปัสตันปืน ๑๕๐ เข้าไปเมืองตรัง จับได้ให้ริบเปนของหลวงแลปรับอีก ๒๔ เหรียญ รางวันผู้จับได้ อีกฉบับ ๑ ว่าได้รับท้องตราให้ประหารชีวิตอ้ายกัน ผู้มีความผิดนั้น ได้ทำตามท้องตราแล้ว

กับใบบอกพระยากาญจนบุรี ว่า จะเผาศพพระพลสงคราม ขอพระราชทานสิลาน่าเพลิง กับใบบอกพระจรูญราชโภคากรณ เมืองหลังสวน ขอพระราชทานสิลาน่าเพลิงเผาศพหลวงสโมสรราชกิจ ปลัด

พระราชทานเอกษกวาเตอ มองซิเออ ยี ซี เอบเรฟ์ส์ เปนกงซุลนิเทอแลนด์

วันที่รัชกาล ๗๑๕๖ วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๔ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระภิรมย์ราชา ว่ามีตราโปรดให้ขึ้นไปสืบชำระกรมการที่เข้าอั้งยี่นั้น ชำระได้ตัว เมืองพิศณุโลก พระไชยบูรณปลัด หลวงบุรีรองเมือง หลวงภักดีจางวาง ๓ คน เมืองพิจิตร หลวงเมือง กรมการมีชื่อ ๗ คน เมืองนครสวรรค หลวงมหาดไทย กรมการมีชื่อ ๕ คน เมืองอุไทยธานี หลวงศรีทิพธิราชนี้ กรมการ รวม ๔ คน เมืองไชยนาท หลวงศรีมงคล ๑ เมืองอินทบุรียกระบัตร ๑ รวม ๒๐ คน ให้เจ้าเมืองกรมการส่งมากรุงเทพ ฯ โปรดให้ปฤกษาโทษ

กรมพระกระลาโหมอ่านบอกพระยาศรีสรราชภักดี ซึ่งโปรดให้ออกไปตรวจด่านทางที่ต่อแดนเมืองทวายตามที่คอเวอนเมนตอังกฤษที่เมืองทวายว่ามีผู้ร้ายเปนเงี้ยวพม่าทำอันตรายคนในเมืองทวายแล้วหลบเข้ามาในพระราชอาณาเขตรบ้างนั้น พระยาศรีสรราชได้แต่งให้หลวงอาวุธอัคนี ทหารไพร่ ๕๑ คน ไปทางบ้องตี้ ๑ หลวงจำนงทวยหาร ทหารไพร่ ๕๑ คน ไปทางเจดียสามองค์ ๑ หลวงรักษาชุมพล ไพร่ ๕๐ ไปทางไทรโยค ๑ พระพิไชยชนสงคราม พระเสลภูมาธิการ ไพร่ ๘๐ คนไปทางบ้านลังกา ๑ ได้ยกไปแต่วัน ๒ ๑๐ ๗ ค่ำแล้ว

โปรดพระราชทานสัญญาบัตร ขุนศิริสมบัติ เปนหลวงศิริสมบัติ คลังมหาสมบัติ ๑ ขุนวิจารณสมบัติ เปนหลวงหิรัญไพรัช คลัง ๑ ขุนสนิทรัตนสมบัติ เปนหลวงอุปการโกษากร ๑ นายฉาย เปนขุนประมวญมาศก ๑ คลังมหาสมบัติทั้ง ๔ นาย

กรมมหาดไทย นำขุนสิงหสาคร กราบถวายบังคมลาไปเผาศพพระอุตรพิศดาร พระอินทรประสิทธิสร กราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการบ้านเมือง ๑

เสดจขึ้นเวลายามเสศ

วันที่รัชกาล ๗๑๕๗ วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๕ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลาเกือบยามเสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยาสมุทบุรานุรักษข้าหลวง พระเกรียงไกรปลัดเมืองฉเชิงเทรา ขอพระราชทานที่วัดบ้านนาคูผูกพัทธสีมาฉบับ ๑ บอกพระพยุหาธิบาล เมืองพยุหคิรี ขอพระราชทานหลวงอภัยภักดีเปนหลวงสกลรักษายกระบัตร ขุนรองปุดาษเปนหลวงอภัยภักดีผู้ช่วย รับราชการต่อไปฉบับ ๑

แล้วเสด็จขึ้นเวลายามเสศ

วันที่รัชกาล ๗๑๕๘ วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๖ มิถุนายน ๒๔๓๑)

วันนี้ได้รับโทรเลขแต่พระยาดำรงราชพลขันธ ราชทูตสยามเมืองเยอรมนีว่า สมเดจพระเจ้าเอมเปอเรอ เฟรดริกที่ ๓ บรมราชาธิราชแห่งเยอรมนี ทรงพระประชวนพระโรคในพระสอมาช้านานแล้ว พระอาการซุดลง สิ้นพระชนมในวันที่ ๑๕ เดือนยูนคือวานนี้ ราชสมบัติตกลงสมเดจพระเจ้าลูกเธอ เฟรดริก วิลเลียม วิกตออาลเบิต สมเดจเอมเปอเรอ วิลเลียมที่ ๒ พระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชหัถโดยโทรเลขสแดงความโศกเศร้าถึงสมเดจพระเจ้าเอมเปอเรอใหม่

วันนี้ทรงหล่อเทียนพรรษาในพระที่นั่งชั้นต่ำ

แลการประชุมที่จะจัดการบ้านเมืองซึ่งมีมาแต่เดือน ๖ นั้น โปรดให้ยกเข้าไปประชุมที่พระวิมานรัถษา ที่ผู้เข้าประชุมคือ สมเดจกรมพระจักรพรรดิ เสนาบดีว่าการคลัง ๑ สมเดจกรมพระภาณุพันธุ เสนาบดีว่าการทหาร ๒ กรมหลวงเทวะวงษ กรมท่า ๓ กรมหมื่นนเรศ กรมเมือง ๔ กรมหมื่นประจักษ กรมวัง ๕ พระองค์สวัสดิโสภณ กรมยุติธรรม ๖ กรมหมื่นดำรง กรมศึกษาธิการ ๗ กรมหมื่นสมมต กรมมุรธาธิการ ๘ กรมขุนนริศ กรมโยธาธิการ ๙ เจ้าพระยารัตนบดินทร กรมมหาดไทย ๑๐ เจ้าพระยาพลเทพ กรมพระกระลาโหม ๑๑ พระยาภาสกรวงษ๑๐ กรมนาแลเรือกสวน ๑๒

วันที่รัชกาล ๗๑๙๕ วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๗ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสดจลงที่พระวิมานรักษาเหมือนทุกวัน เวลาเกือบยามเสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระพิเรนทรเทพ๑๑ข้าหลวงเมืองนครราชสิมาว่าพระนครจันทึกเมืองขึ้นแก่ชราอายุ ๗๐ ปีเสศ ไม่ได้ราชการจะทำโทษก็แก่ชรา ขอพระราชทานให้หลวงศรีสารวัดเปนพระนครภักดีว่าราชการเมืองนครจันทึกต่อไปฉบับ ๑ กับใบบอกพระพรหมบริรักษข้าหลวงว่าด้วยไปถึงเมืองอุไทยธานี ได้ให้พระยาอุไทยจัดกรมการเพิ่มเติมออกไปรักษาด่านโมโกร ด่านหนองหลวง ด่านแม่กลองเดิมมีตำบลละ ๒๐ เติมอีกตำบลละ ๒๐ เปนตำบลละ ๔๐ คน

พระราชทานสัญญาบัตรพระนนทเสน เปนพระยาบำรุงราชฐาน จางวางกรมวังนอก ๑ หลสวงราชฤทธานนท เปนพระภูบาลบันเทิง จางวางกรมวังนอก ๑ หลวงวิจารณสาลี เปนหลวงอนุชิตพิทักษ กรมมหาดไทย ๑ หลวงอนุรักษอักษร เปนหลวงพิพิธอำพน ปลัดเมืองศรีโสภณ ๑ เสดจขึ้นประทับออฟฟิซครู่หนึ่ง เสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๑๖๐ วัน ๒ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๘ มิถุนายน ๒๔๓๑)

ไม่ได้เสดจออกขุนนาง ลงชั้นต่ำแลลงที่ประชุมเสนาบดีตามเคย

วันที่รัชกาล ๗๑๖๑ วัน ๓ ๑๑ฯ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑๙ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลายาม เสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยามหาอมาตยถวายพระราชกุศลซึ่งพระราชทานศิลาน่าเพลิงแลเครื่องไทยทานไปพระราชทานเพลิงศพพระเสนาพิพิธ ได้ทำการเสรจแล้ว กับใบบอกพระพรหมประสาทสิลป เมืองพรหมบุรีว่า เลขคงเมืองมีตัวน้อย ขอพระราชทานลูกความมีคดีที่ข้อมือขวาสักเปนเลข รักษาเสาโทรเลขรับราชการต่อไป กับใบบอกพระยาพิไชยรณรงค์สงครามเมืองสระบุรี ขอพระราชทานที่เขตรพระอุโบสถวัดจำปาศักดิ กว้าง ๕ วา ๒ ศอกคืบ ยาว ๗ วา ๒ ศอกคืบ

พระวิจารณอาวุธอ่านบอกพระศิริธรรมบริรักษปลัดเมืองนครศรีธรรมราชกับหนังสือพระยาพิพิธภักดีเมืองกลันตัน ความต้องกันว่ารายามุดาเมืองกลันตันป่วยเปนไข้จับถึงแก่กรรม พระยากลันตันได้จัดการฝังศพตามธรรมเนียมมลายูแล้ว

โปรดพระราชทานสัญญาบัตร ชาลส์ แฮริส แรมเซ เปนหลวงจำนงนิเวศกิจในกรมวัง คน ๑ เสดจขึ้นออฟฟิซครู่หนึ่งเสดจขึ้นข้างใน

วันที่รัชกาล ๗๑๖๒ วัน ๔ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๐ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลาบ่าย ๕ โมง กรมหลวงเทววงษนำมิสเตอ ยี ซี เอบเรฟส์ กงซุลนิเทอแลนด์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งจักรกรีองค์ตวันออก พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องครึ่งยศ ทรงเครื่องราชอิศริยยศนิเทอแลนด์ไลออน

วันนี้เลิกเสดจออกขุนนาง

วันที่รัชกาล ๗๑๖๓ วัน ๕ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๑ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลายาม เสดจออกขุนนาง กรมพระกระลาโหมอ่านบอกพระยาเพชรกำแหงสงครามเมืองชุมพร ว่าราษฎรในเมืองชุมพรเมืองขึ้น ซึ่งยกครัวไปหาอาหารรับประทานที่เมืองกระบุรี แลไปอยู่เมืองมลิวันฝ่ายอังกฤษนั้น ภากันกลับมาอยู่ตามภูมิลำเนาเดิมรวม ๗๔ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๒๖๒ คน แลแจ้งความว่า จะมาภายหลังอีก ถ้ามาเมื่อใดจะบอกเข้ามาภายหลัง

เวลาเกือบ ๔ ทุ่ม เสดจขึ้น

วันนี้พระราชทานสัญญาบัตร พระยาพิพัฒโกษา เปนพระยาไชยวิชิตสิทธิสาตรามหาปเทศาธิบดี ผู้ว่าราชการกรุงเก่า ๑

พระยาบำเรอภักดี เปนพระยาพิพัฒโกษา ปลัดทูลฉลองกรมท่ากลาง ๑

วันที่รัชกาล ๗๑๖๔ วัน ๖ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๒ มิถุนายน ๒๔๓๑)

วันนี้เวลาเกือบ ๔ ทุ่ม เสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระโบราณ พระพิทักษปลัดกรุงเก่า ขอพระราชทานที่เขตรพระอุโบสถวัดกลางทุ่งตำบลหนึ่ง กว้าง ๖ วา ยาว ๘ วา ๒ ศอกคืบ ตำบลหนึ่ง วัดนาอุ่น กว้าง ๖ วาศอกคืบ ยาว ๘ วา ตำบลหนึ่งเปนที่วิสุงคามสีมา กับใบบอกพระยาพิไชยรณรงค์สงครามเมืองสระบุรี ขอพระราชทานที่เขตรพระอุโบสถวัดบ้านเขาฉโงก กว้าง ๓ วาศอกคืบ ยาว ๖ วา ๒ ศอก เปนที่วิสุงคามสิมาตำบลหนึ่ง กับใบบอกพระยาศุโขไทย ข้าหลวงเมืองพิไชย ขอพระราชทานให้เจ้าอธิการจันเปนพระครูสวางคบุรีมุนีนาถ เจ้าคุณวัดสวางคบุรีเมืองฝางต่อไป กับใบบอกพระยาสุริยวงษาเมืองหล่มศัก ว่าโปรดให้ดูแลการเมืองเลยเมืองแก่นท้าวในระหว่างที่เมืองเลยเมืองแก่นท้าวร้องกล่าวโทษเมืองเพชรบูรณ กว่าจะได้ตัดสินตกลงนั้น พระยาสุริยวงษาเหนว่าพระศรีสงครามเจ้าเมืองเลยชราอายุ ๘๐ ปี หลงลืมฟั่นเฟือนแล้ว ขอพระราชทานให้เลื่อนเปนจางวาง ให้ท้าววรบุตรผู้ว่าที่อุปฮาดเปนพระศรีสงครามเจ้าเมืองรับราชการต่อไป

กรมมหาดไทยนำท้าววรบุตรว่าที่อุปฮาดซึ่งจะเปนพระศรีสงครามเฝ้าถวายขี้ผึ้งหาบ ๑

เสดจขึ้นประทับออฟฟิซครู่หนึ่ง เสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๑๖๕ วัน ๗ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิศก ๑๒๕๐

(๒๓ มิถุนายน ๒๔๓๑)

ไม่ได้เสดจออกขุนนาง เสดจลงชั้นต่ำตามเคย

วันที่รัชกาล ๗๑๖๖ วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๔ มิถุนายน ๒๔๓๑)

ไม่ได้เสดจออกขุนนาง เสดจลงชั้นต่ำตามเคย

วันที่รัชกาล ๗๑๖๗ วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๕ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลา ๔ ทุ่ม เสด็จออกขุนนาง มหาดไทยนำใบบอกกราบบังคมทูลพระกรุณา ใบบอกจมื่นราชามาตยข้าหลวง พระยาวิเสศไชยชาญ เมืองอ่างทอง ว่าด้วยโปรดจมื่นให้ราชามาตยนำตัวแขกมหมัดอาลีขึ้นชี้ตัวผู้ร้ายที่ขายโคของนายโพ ให้มหมัดอาลี ๆ ชี้นายภูๆ ไม่รับ อ้างพยาน สืบพยานรางวัดไม่สม พยานของแขกก็เปนลูกจ้างแขก จึงส่งนายภูลงมา ฯ โปรดให้หาฤๅกับกรมท่า

กรมมหาดไทยนำพระยาไชยวิชิตผู้ว่าราชการกรุงเก่า๑๒ กราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการ โปรดพระราชทานพานทองคำ กระโถนทองคำ คนโททองคำ แล้วมหาดไทยนำหลวงอนุรักษภูเบศร กราบถวายบังคมลาไปผูกปี้เมืองฝ่ายเหนือ

กรมพระกระลาโหมนำพระสรินทรามาตยข้าหลวง หลวงอำนาจสุรเสนีซึ่งไปรักษาราชการเมืองตวันตกกลับเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กับนำพระยาวิชิตณรงค กราบถวายบังคมลาไปผูกปี้เมืองเพชรบุรี

พระราชทานสัญญาบัตรอย่างทหารให้กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค เปนนายพันโท คือลิวเตอแนนเคอแนนต ทหารบก ๑

แลสัญญาบัตรอย่างเก่า พระสิงหนาท เปนพระชนะภุกาม กรมกองมอญกระลาโหม ฝ่ายพระราชวังบวร ๑ พระกาจกำแหงเปนพระปราบอังวะ กรมกองมอญกระลาโหม ฝ่ายพระราชวังบวร ๑ หลวงจงใจภพ เปนพระฤทธิสงคราม กรมเขนทองขวา ฝ่ายพระราชวังบวร ๑ ขุนสรสงคราม เปนหลวงประชาฤทธิฦๅไชย กรมสนมกลางขวา ฝ่ายพระราชวังบวร ๑ หลวงอภัยภักดี เปนหลวงสกลรักษา ยกระบัตรเมืองพยุหคิรี ๑ ขุนปุคาดกรมการ เปนหลวงอภัยภักดีผู้ช่วยเมืองะยุหคิรี ๑

เสดจขึ้นข้างใน

วันที่รัชกาล ๗๑๖๘ วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๖ มิถุนายน ๒๔๓๑)

วันนี้ไม่ได้เสดจออกขุนนาง

วันที่รัชกาล ๗๑๖๙ วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๗ มิถุนายน ๒๔๓๑)

วันนี้ไม่ได้เสดจออกขุนนางเหมือนกัน วันนี้เปนวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเดจพระบรมโอรสาธิราชตามสุริยคติ มีดินเนอสมเดจพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอเปนการของสมเดจพระบรมโอรสาธิราช เลี้ยงบนพระที่นั่ง สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ ถวายของสมเดจพระบรมโอรสาธิราชในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

วันที่รัชกาล ๗๑๗๐ วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๘ มิถุนายน ๒๔๓๑)

วันนี้เวลาเช้า ๓ โมง พระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชดำเนินประภาศสวนเงาะของพระยาอาวุธภัณฑเผดจที่บางพลัด พร้อมด้วยกระบวนข้างใน เสดจเรืออิโนของกรมหมื่นประจักษ

วันที่รัชกาล ๗๑๗๑ วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒๙ มิถุนายน ๒๔๓๑)

เวลา ๔ ทุ่ม เสดจออกขุนนาง พระวิจารณอาวุธ อ่านบอกหลวงจัตุรงควิไชยอาสาใหญ่ กรมพระกระลาโหมข้าหลวง พระยาศิริไอสวริย กรมพระคลังมหาสมบัติข้าหลวง พระยาอมรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี ส่งความจีนอั้งยี่ กับอากรเตาสุราวิวาทจับน้ำสุราฆ่ากันตาย แล้วเสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๑๗๒ วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๓๐ มิถุนายน ๒๔๓๑)

วันนี้สมเดจพระบรมโอรสาธิราชเชิญเสดจสมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอ ๔ พระองค์ มาประชุมเสวยที่พระที่นั่งจักรกรีองค์ตวันออก มีแผนที่ต่อไปนี้

 

พระองค์เจ้าไชยานุชิต

 

พระองค์เจ้าวรวรรณากร

   

พระองค์เจ้าระพีพัฒ

พระองค์เจ้าจันทรทัตจุฑาธาร

พระองค์เจ้าทองแถม

พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ

พระองค์เจ้าวัฒนานุวงษ

กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ

กรมหมื่นสรรพสิทธิ

กรมหมื่นอดิศร ไม่มา

กรมหมื่นประจักษ

กรมหลวงพิชิตปรีชากร

ทูลกระหม่อมเล็ก

กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ

สมเดจพระบรมโอรส

กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ

สมเดจกรมพระภาณุ

กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ

กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ

กรมขุนนริศรานุวัติวงษ

กรมหมื่นสมมต

พระองค์เจ้าไชยันตมงคล

พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์

พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค

พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต

พระองค์เจ้าจิระประวัติวรเดช

พระองค์เจ้ากิติยากร

 

พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม

 

เวลาแรกเลี้ยง ๒ ทุ่มเสศ เลิก ๔ ทุ่มเสศ

วันที่รัชกาล ๗๑๗๓ วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ์๒๑ศก ๑๒๕๐

(๑ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

วันนี้เวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จพระราชดำเนินทรงประตูแถลงราชกิจประพาศสวนสราญรมยจนเวลา ๒ ยามเสศ เสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๑๗๔ วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๒ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

เวลาเกือบ ๔ ทุ่ม เสดจออกขุนนาง กรมพระกระลาโหมอ่านบอกพระยาศรีสรราชภักดีข้าหลวง ว่านายด่านที่รวังรักษาด่านจับได้พม่าทวายที่เดินทางไม่มีหนังสือเดินทางบ้างมีมาบ้างให้การว่าเปนพ่อค้าได้บอกกับนายโปลิศเมืองทวายแล้ว ฉบับ ๑ กับใบบอกพระอนุรักษโยธาว่า พระยาฤทธิสงครามเมืองไทรบุรีว่าด้วยพวกจีนกงษียี่หินที่ตำบลกุเลมเกิดวิวาทตีกันฆ่ากันตาย พระยาไทรบุรี พระยาสุรพลพิพิธได้ไปปราบราบคาบแล้ว

พระราชทานสัญญาบัตรทหาร จมื่นไชยาภรณ ปลัดกรมพระตำรวจ เปนนายพันตรี (เมเยอ) กรมทหารบก ว่าการกรมทหารม้า ๑

กรมมหาดไทยนำหลวงนายเดช หลวงสุริยามาตย กราบถวายบังคมลาไปผูกปี้จีนกรุงเก่า แลหัวเมืองต่อไปอีก ๘ เมือง

นำหลวงพิพิธอำพน ปลัดเมืองศรีโสภณ กราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการบ้านเมือง พระราชทานถาดหมาก คนโทน้ำเงิน เปนเครื่องยศ

เสดจขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง

วันที่รัชกาล ๗๑๗๕ วัน ๓ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๓ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

ไม่ได้เสดจออกขุนนาง ลงชั้นต่ำตามเคย

วันที่รัชกาล ๗๑๗๖ วัน ๔ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๔ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

เวลา ๔ ทุ่มเสศ เสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยานครนายก ว่าขุนพัฒน์ตั้งบ่อนออกหวยจับยี่กีให้ราษฎรแทงห้ามไม่ฟัง แลมีผู้มาร้องว่าทุบตีแลเอามีดเชือดปากราษฎรคนหนึ่ง ได้ให้กรมการไปเกาะตัวไม่มา (โปรดให้แต่งข้าหลวงออกไปชำระ)

พระยาศรีสิงหเทพ นำหลวงสกลรักษายกระบัตร หลวงอภัยภักดีผู้ช่วยเมืองพยุหคิรี กราบถวายบังคมลากลับไปรักษาราชการบ้านเมือง

กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยาสุจริต รักษาเมืองตากว่านากะเลกระเหรี่ยงเกิดที่คลองแม่ลเมาน่าด่านเชียงทองขึ้นเมืองตากจะขอลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงส่งตัวลงมา

แล้วนำนากะเลกะเหรี่ยงเกิดที่คลองแม่ละเมาน่าด่านเชียงทอง เมืองขึ้นเมืองตากเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จัดได้ดาบฝักเงินเล่ม ๑ แหวนทับทิม ๒ วง กับว่าพระมหาเยน ซึ่งบวชอยู่วัดบวรนิเวศ ศึกไปบวชอยู่วัดตะโก แขวงเมืองมรแมน ฝากบุรี่พม่า ๓๐๐ มวนเข้ามาถวาย

กระลาโหมนำหลวงทรงสุรเดช กราบถวายบังคมลาไปผูกปี้เมืองราชบุรี เมืองกาญจนบุรี

กรมท่านำหลวงสรจักรานุกิจ กราบถวายบังคมลาไปผูกปี้เมืองพนัศนิคม เมืองชลบุรี แล้วเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๑๗๗ วัน ๕ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ์๒๑ศก ๑๒๕๐

(๕ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

เวลา ๔ ทุ่มเสส เสดจออกขุนนาง กรมกระลาโหมอ่านบอกพระยาประสิทธิสงครามเมืองกาญจนบุรี ๒ ฉบับๆ หนึ่งส่งผู้ร้าย ๓ คนที่ส่งมาแต่เมืองทวายเข้ามากรุงเทพฯ อีกฉบับ ๑ ว่าพระอร่ามศิริรักษปลัดป่วยเปนฝีที่ไหล่รวบแตกเปนพิศถึงแก่กรรมวัน ๑ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิศก อายุ ๔๙ ปี

โปรดพระราชทานสัญญาบัตร หมื่นไชยชลธาร เปนหลวงจงพยุห ปลัดกรมเขนทองซ้าย กรมพระกระลาโหม นา ๖๐๐ ขุนวิเสศสาตรา เปนหลวงโจมจตุรงค ปลักกรมเขนทองขวา กรมพระกระลาโหม นา ๘๐๐ หลวงศรีสารวัดกองโค เปนพระนครภักดีผู้ว่าราชการเมืองนครจันทึกขึ้นเมืองนครราชสีมา นา ๑๐๐๐

วันที่รัชกาล ๗๑๗๘ วัน ๖ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิศก ๑๒๕๐

(๖ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

เวลา ๔ ทุ่ม เสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยาปราจินบุรี ว่าแต่ก่อนมาตัวเลขเมืองอรัญประเทศหนีไปอยู่เมืองพระตะบองเมืองโตนดเนืองๆ พระเหี้ยมใจหาญ เจ้าเมืองได้ออกไปตามตัวเลข พระยาคธาธรขัดไว้ว่าจะมีใบบอกเข้ามา บัดนี้เลขภากันหลบไปอีก หลวงปลัดเมืองอรัญได้ไปตามก็ไม่ได้ตัว รวมเลขที่อพยพไป ๓ ครั้ง ๘๖ คน เลขก็เบาบางลงแล้ว

กรมพระกระลาโหมอ่านบอกพระยาเสนานุชิต เมืองตกั่วป่าส่งต้นไม้ทอง เงินจำนวนปีวอก๑๗ศก ต้นไม้ทอง ๖ เงิน ๖ หนักต้นละ ๑ บาท เทียนพนม ๑๐๐๐ เล่ม เงิน ๒๐ เหรียญแทนอำพันหนัก ๔ ตำลึง ผลจันทน์เทศหนัก ๒๐ ชั่งจีน ลำพันแดง ๒๐ ชั่งจีน เสื่อขาว ๑๐๐ ผืน ผ้าขาว ๒๔ ศอก ๑๐๐ ภับ ผ้าแดงเทศ ๕๐ ภับ ผ้าลายย่ามวาด ๒๐๐ ผืน ให้นายนุ้ยมหาดเล็ก บุตรพระสมบัตยานุรักษคนเก่าคุมเข้ามาส่ง

กรมพระกระลาโหมนำนายนุ้ยมหาดเล็กเฝ้าถวายภิมเสนหนัก ๑ ตำลึงจีน น้ำหอมกุหลาบ ๒๔ ขวด บุรีฝรั่ง ๑๒ หีบ ผ้าแดงเทศ ๒๐ พับ ผ้าลายวิลาศ ๒๐ พับ

กรมท่าอ่านบอกหลวงคิรีเนมีทวีป ปลัดเมืองปัตจันคิรีเขตร ว่าพระพิไชยชลธี เจ้าเมืองป่วยเปนไข้ถึงแก่กำม์วัน ๑ ๖ ค่ำ บัดนี้พระขลุงบุรี ผู้ที่จะปลงศพ ขอพระราชทานศิลาน่าเพลิง

พระยาศรีนำหลวงพินิจโภคัย กรมพระคลังมหาสมบัติ กราบถวายบังคมลา เปนข้าหลวงไปช่วยหลวงจินดารักษชำระความจีนเล่นจับยี่กีที่นครนายก

วันที่รัชกาล ๗๑๗๙ วัน ๗ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๗ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์ตวันออก กรมหลวงเทววงษวโรประการ นำมิศเตอเยกบ ตีไชลด์ ราชทูตอเมริกากราบถวายบังคมลาไปส่งภรรยา ณ ประเทศอเมริกา

ไม่ได้ออกขุนนาง

วันที่รัชกาล ๗๑๘๐ วัน ๑ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐

(๘ กรกฎาคม ๒๔๓๑)

เวลาเช้าโปรดให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราชเสดจออกทรงประเคน พระสงฆ ๓๑ รูปรับพระราชทานฉันเพลที่ท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท

เวลาบ่าย ๔ โมงเสศ เสดจออกท้องพระโรงกลาง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้วทรงตั้งตำแหน่งพระสงฆคือ

พระราชทานไตรแพรแลสัญญาบัตร ให้พระมหาแก้ว เปรียญ ๖ ประโยค วัดรังษีสุทธาวาศ เปนพระปรีชาเฉลิม๑๓ ไปอยู่วัดเฉลิมพระเกียรติ นิตยภัตร เดือนละ ๔ ตำลึง พระราชทานตาลิปัตแฉกหักทองขวางแลของต่าง ๆ อย่างเครื่องยศพระราชาคณะ

พระมหาหนู ๓ ประโยค วัดศาลาปูน เปนพระสุวรรณวิมลสิล ไปอยู่วัดสุวรรณดาราราม นิตยภัตรเดือนละ ๓ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตแฉกหักทองขวางเครื่องยศต่าง ๆ ด้วย

พระปลัดช้างวัดโปรดเกษ เปนพระญาณสังวรเถร เจ้าคณะใหญ่เมืองนครเขื่อนขันท นิตยภัตรเดือนละ ๓ ตำลึง พระราชทานตาลิปัตงาสาน แลเครื่องยศต่างๆ อย่างพระราชาคณะ

พระราชทานผ้าไตรสลับแพร สัญญาบัตรให้พระครูไพโรจน์ราชสังฆาราม เปนพระครูอุดรคณะรักษ๑๔ ผู้ช่วยกิจสงฆส่วนราชการคงอยู่วัดพระเชตุพน นิตยภัตร เดือนละ ๓ ตำลึง คงถือตาลิปัตเดิม

พระสมุหพุตวัดเสวตรฉัตร เปนพระครูวินัยสังวร นิตยภัตรเดือนละ ๒ ตำลึง พระราชทานตาลิปัตพุดตาลขาว เครื่องยศต่าง ๆอย่างพระครูเจ้าอาวาศ

เจ้าอธิการแสงวัดรอ เปนพระครูจันทรรัศมี ไปอยู่วัดพนัญเชิง นิตยภัตรเดือนละ ๒ ตำลึง พระราชทานตาลิปัตแฉกเปลวหักทองขวาง ไตรเครื่องยศอย่างพระครูเจ้าอาวาศ

พระสมุหสวนวัดพนัญเชิง เปนพระครูโยคานุกูล ไปอยู่วัดสุวรรณดาราราม นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตพุดตาลหักทองขวาง เครื่องยศอย่างพระครู

พระวินัยธรดิษวัดพระเชตุพน เปนพระครูพุทธไสยาสนมุนี ไปอยู่วัดพระนอนจักรศรี เมืองสิงหบุรี นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตเปลวแผ่ลวด แลเครื่องสูงอย่างพระครูเจ้าอาวาศหัวเมือง

พระปลัดเนตรวัดบ้านแหลม เปนพระครูมหาสิทธิการ เจ้าคณะรองเมืองสมุทสงคราม นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตเปลวแผ่ลวด และเครื่องยศ

เจ้าอธิการเอี่ยม เจ้าคณะวัดบัว เปนพระครูวิมลปัญญา เจ้าคณะรองเมืองนนทบุรี นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตพุดตาลอัตลัด แลเครื่องยศ

พระราชทานไตรผ้าแลสัญญาบัตร ให้เจ้าอธิการจันวัดคุ้งตะเภา เปนพระครูสวางคมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองฝาง พระราชทานตาลิปัตแฉกเปลวทองแผ่ลวด เปนเครื่องยศ

พระปลัดสุกวัดเชิงหวาย เปนพระครูพรหมนครบวรมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองพรหมบุรี พระราชทานตาลิปัตพุดตาลแผ่ลวด แลเครื่องยศ

พระปลัดโตวัดพระศุก เปนพระครูอินทมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองอินทบุรี พระราชทานตาลิปัตพุดตาลแผ่ลวด แลเครื่องยศ

พระปลัดอยู่วัดโคกแขก เปนพระครูธรรมปัญญาเจ้าคณะรองเมืองนครไชยศรี พระราชทานตาลิปัตพุดตาลทองแผ่ลวด แลเครื่องยศ

เจ้าอธิการอินวัดพร้าว เปนพระครูวิมลเมธาจาริย์ เจ้าคณะใหญ่เมืองสุพรรณ พระราชทานตาลิปัตพุดตาลแผ่ลวด แลเครื่องยศ

กับโปรดพระราชทานตาลิปัตแฉกเปลวทองแผ่ลวดแก่พระครูสังฆภาระวาหลวบุรีคณาจาริย์ เพราะเดิมได้รับพัดพุดตาล

ขณะเมื่อทรงตั้งพระนั้น พระราชาคณะถานานุกรมที่ไม่ได้เลื่อนยศสวดไชยมงคลพร้อมกัน พระสงฆครองผ้าแล้วถวายยถาอนุโมทนา แล้วเสดจขึ้น

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสดจออกสวนสราญรมย์จน ๘ ทุ่มเสศ

  1. 1. พระยาดำรงราชพลขันธ์ (นกแก้ว คชเสนี) ภายหลังเป็นพระยามหาโยธา

  2. 2. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์

  3. 3. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศวรเดช

  4. 4. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ กรมพระนเรศวรฤทธิ์

  5. 5. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฏ์

  6. 6. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  7. 7. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

  8. 8. เจ้าพระยารัตนบดินทร์ (บุญรอด กัลยาณมิตร)

  9. 9. เจ้าพระยาพลเทพ (พุ่ม ศรีไชยันต์) ภายหลังเป็นเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์

  10. 10. เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค)

  11. 11. พระพิเรนทรเทพ (ทองคำ สีห์อุไร)

  12. 12. พระยาไชยวิชิต (สิงห์โต ศกุนะสิงห์)

  13. 13. พระปรีชาเฉลิม (แก้ว สงฺขสุวณฺโณ) ภายหลังเป็นพระเทพโมลี ครองวัดมหรรณพาราม

  14. 14. พระครูอุดรคณารักษ์ (ชุ่ม) ภายหลังเป็นพระราชาคณะ ที่พระอุดรคณารักษ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ