อธิบายเรื่อง

คำฉันท์ดุษฎีสังเวย คำฉันท์กล่อมช้างครั้งกรุงเก่า และ คำฉันท์คชกรรมประยูร

[๑]วรรณคดีสมัยอยุธยา เรื่อง “คำฉันท์ดุษฎีสังเวย” ของขุนเทพกระวี เมืองสุโขทัย และ “คำฉันท์กล่อมช้าง ครั้งกรุงเก่า” พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือ “ชุมนุมฉันท์ดุษฎีสังเวย” ในงานศพพระยาศรีธรรมาศุกราช บรมนารถนิตยภักดี พิริยพาหะ (เจริญ จารุจินดา) เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๗ ในการพิมพ์ครั้งนั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์คำนำ มีข้อความตอนหนึ่งว่า “หนังสือดุษฎีสังเวยซึ่งแต่งครั้งกรุงเก่าก่อนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”

เนื่องจากภาษาที่ใช้ในคำฉันท์ดุษฎีสังเวยเป็นภาษาเก่า ทั้งมีคำภาษาเขมรและภาษาสันสฤตปนอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการพิมพ์ในครั้ง ต่อๆ มาเกิดความลักลั่นคลาดเคลื่อนหลายแห่ง กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์พิจารณาเห็นว่า คำฉันท์ดุษฎีสังเวยเป็นหนังสือที่มีความสำคัญมากเรื่องหนึ่ง จึงดำเนินการตรวจสอบชำระใหม่เพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่

จากการตรวจสอบชำระครั้งนี้พบว่า ต้นฉบับสมุดไทยเรื่องดังกล่าวมีเนื้อหาเป็น ๓ ตอน คือ ตอนต้น เป็นคำฉันท์ดุษฎีสังเวย ใช้เป็นบทสำหรับอ่านเมื่อประกอบพิธีคชกรรม ตอนกลาง เป็นคำฉันท์กล่อมช้าง ใช้เป็นบทสำหรับกล่อมช้างเมื่อคล้องช้างสำคัญได้แล้ว และตอนปลาย เป็นคำฉันท์คชกรรมประยูร ว่าด้วยลักษณะช้างชนิดต่างๆ คำฉันท์ทั้ง ๓ เรื่องดังกล่าว แต่งขึ้นด้วยจุดประสงค์ต่างกันและแต่งในระยะเวลาต่างกัน

ตอนต้นและตอนกลางนั้นมีเนื้อหาจัดอยู่ในหมวด “คชกรรม” คือ พิธีกรรมเกี่ยวกับช้าง ส่วนตอนปลายมีเนื้อหาจัดอยู่ในหมวด “คชลักษณ์” อันได้แก่ “คำฉันท์คชกรรมประยูร” ซึ่งยังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน

ในการตรวจสอบชำระถือเอาฉบับพิมพ์พุทธศักราช ๒๔๕๙ เป็นหลักเปรียบเทียบสอบทานกับฉบับตัวเขียน เอกสารโบราณเรื่อง “คำฉันท์ดุษฎีสังเวย” หมวดวรรณคดี หมู่ฉันท์ จำนวน ๑๑ ฉบับ เอกสารทั้งหมดเก็บรักษาไว้ที่ ส่วนภาษาโบราณ หอสมุดแห่งชาติ ตามรายละเอียดดังนี้

ฉบับที่ ๑

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๑๕

ขนาด กว้าง ๑๑.๗ เซนติเมตร

ยาว ๓๖ เซนติเมตร

หนา ๔.๕ เซนติเมตร

ประวัติ หอพระสมุดซื้อเมื่อ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๕ ความในบานแพนกว่า “หน้าต้นสดุดีสังเวย ฯ”

ฉบับที่ ๒

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๑๖

ขนาด กว้าง ๑๑ เซนติเมตร

ยาว ๓๔.๕ เซนติเมตร

หนา ๕.๕ เซนติเมตร

ประวัติ หม่อมไพชยนต์เทพ (ม.ร.ว. พิน) ถวายหอพระสมุด เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๕๑

ฉบับที่ ๓

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๑๗

ขนาด กว้าง ๑๑.๔ เซนติเมตร

ยาว ๓๕ เซนติเมตร

หนา ๕ เซนติเมตร

ประวัติ เป็นสมบัติเดิมของหอพระสมุด มีข้อความในบานแพนกว่า

“๏ วัน ๑๓ ๑ ค่ำจุลศักราช ๑๑๗๙ ปีฉลู นพศก ข้าพระพุทธเจ้า นายพินิจสารสเถียร ชุบ ขอเดชะ ฯ”

(ได้พิมพ์ภาพถ่ายต้นฉบับไว้ในภาคผนวก)

ฉบับที่ ๔

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๑๙

ขนาด กว้าง ๑๒.๒ เซนติเมตร

ยาว ๓๕.๒ เซนติเมตร

หนา ๓.๓ เซนติเมตร

ประวัติ หอพระสมุดซื้อจาก หม่อมหลวงแดง สุประดิษฐ เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๗๙

ฉบับที่ ๕

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๒๐

ขนาดกว้าง ๑๐.๘ เซนติเมตร

ยาว ๓๓.๔ เซนติเมตร

หนา ๑.๕ เซนติเมตร

ประวัติ ได้มาจากกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ฉบับที่ ๖

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๒๑

ขนาดกว้าง ๑๑.๕ เซนติเมตร

ยาว ๓๔ เซนติเมตร

หนา ๒ เซนติเมตร

ประวัติ ได้มาจากพิพิธภัณฑ์ฯ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๗ มีข้อความในบานแพนกว่า

“คำฉันท์ดุษฎีสังเวย เล่มนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขุนนิมิตอักษร จำลอง ทูลเกล้าฯ ถวาย ขอเดชะฯ”

ฉบับที่ ๗

สมุดไทยดำ เส้นดินสอ เอกสารเลขที่ ๒๒

ขนาดกว้าง ๑๑.๔ เซนติเมตร

ยาว ๓๔.๒ เซนติเมตร

หนา ๑ เซนติเมตร

ประวัติ เป็นสมบัติเดิมของหอพระสมุด

ฉบับที่ ๘

 

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๒๑

ขนาดกว้าง ๑๓.๔ เซนติเมตร

ยาว ๓๖ เซนติเมตร

หนา ๘ เซนติเมตร

ประวัติ ได้จากกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ฉบับที่ ๙

สมุดไทยดำ เส้นดินสอ เอกสารเลขที่ ๔๖

ขนาดกว้าง ๑๑ เซนติเมตร

ยาว ๓๕ เซนติเมตร

หนา ๑ เซนติเมตร

ประวัติ เป็นสมบัติเดิมของหอพระสมุด

ฉบับที่ ๑๐

 

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๔๗

ขนาดกว้าง ๑๑.๔ เซนติเมตร

ยาว ๓๕ เซนติเมตร

หนา ๒.๘ เซนติเมตร

ประวัติ เป็นสมบัติเดิมของหอพระสมุด

ฉบับที่ ๑๑

 

สมุดไทยดำ เส้นรง เอกสารเลขที่ ๔๙

ขนาดกว้าง ๑๒ เซนติเมตร

ยาว ๓๕ เซนติเมตร

หนา ๗ เซนติเมตร

ประวัติ เป็นสมบัติเดิมของหอพระสมุด (ได้พิมพ์ภาพถ่ายต้นฉบับไว้ในภาคผนวกเฉพาะส่วนที่เป็นคำฉันท์ดุษฎีสังเวยและคำฉันท์กล่อมช้างครั้งกรุงเก่า)

เนื้อหาในสมุดเล่มนี้ตอนต้นเป็นฉันท์ดุษฎีสังเวยและคำฉันท์กล่อมช้าง ตอนกลางเป็นตำราช้างคำฉันท์ อีกสำนวนหนึ่งซึ่งต่อไปจากคำฉันท์คชกรรมประยูร ตอนปลายเป็นคำฉันท์กล่อมช้าง พระนิพนธ์ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส

เอกสารโบราณต้นฉบับตัวเขียนทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ ไม่มีหลักฐานในเอกสารฉบับใดที่ระบุว่าเขียนขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เข้าใจว่าทุกฉบับมีการคัดลอกขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์

เนื่องจากศัพท์บางคำที่ปรากฏในแต่ละฉบับมีความลักลั่นคลาดเคลื่อนในการตรวจสอบชำระ ได้พิจารณาบริบทแวดล้อมของคำที่มีปัญหาในบางฉบับ แล้วเลือกเอาฉบับที่เห็นว่ามีความเป็นไปได้ในทางวิชาการมากที่สุด ทั้งนี้อาศัยการเปรียบเทียบคำศัพท์ที่มีปัญหานั้นกับศัพท์ในวรรณคดีคำฉันท์สมัยอยุธยาเรื่องอื่นๆ และได้จัดทำคำอธิบายศัพท์ไว้ในตอนท้ายของคำประพันธ์ด้วย

อนึ่ง ในการพิมพ์ครั้งนี้ได้ปรับอักขรวิธีบางส่วนในคำประพันธ์ ให้เป็นปัจจุบัน โดยจะเปลี่ยนอักขรวิธีเฉพาะในกรณีที่เมื่อเปลี่ยนแล้วไม่ทำให้ออกเสียงต่างไปจากเดิม คำใดหากเปลี่ยนแล้วทำให้การออกเสียงเปลี่ยนจะคงรูปศัพท์นั้นไว้ตามต้นฉบับตัวเขียน เพื่อเป็นการรักษา “สัททาลังการ” หรืออลังการฝ่ายเสียง ให้คงอยู่ตามเจตนารมณ์ของกวีผู้แต่ง



[๑] นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ นักอักษรศาสตร์ ๘ ว. กลุ่มงานวรรณกรรม กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ