ตอนที่ ๓ พลายแก้วบวชเณร

๏ จะกล่าวถึงพลายแก้วแววไว เมื่อบิดาบรรลัยแม่พาหนี
ไปอาศัยอยู่ในกาญจน์บุรี กับนางทองประศรีผู้มารดา
อยู่มาจนเจ้าเจริญวัย อายุนั้นได้ถึงสิบห้า
ไม่วายคิดถึงพ่อที่มรณา แต่นึกนึกตรึกตรามากว่าปี
อยากจะเป็นทหารชาญชัย ให้เหมือนพ่อขุนไกรที่เป็นผี
จึงอ้อนวอนมารดาได้ปรานี ลูกนี้จะใคร่รู้วิชาการ
พระสงฆ์องค์ใดวิชาดี แม่จงพาลูกนี้ไปฝากท่าน
ให้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ อธิษฐานบวชลูกเป็นเณรไว้ ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ได้ฟังลูกว่าหาขัดไม่
อันสมภารที่ชำนาญในทางใน ท่านขรัววัดส้มใหญ่แลดีครัน
เจ้าคิดนี้ดีแล้วแก้วแม่อา แม่จะพาไปฝากขรัวบุญนั่น
จะได้รู้การณรงค์คงกระพัน ให้เหมือนกันสืบต่อพ่อขุนไกร
ว่าแล้วจึงสั่งพวกบ่าวข้า ชวนกันเร็วหวาอย่าช้าได้
กูจะบวชลูกชายสายสุดใจ เอ็งจงไปเที่ยวหาผ้าเนื้อดี
ทำจีวรสบงสไบลาด หาทั้งย่ามบาตรมาตามที่
ลงมือพร้อมกันในวันนี้ อ้ายถีอีล่ามาช่วยกู
ฝ่ายพวกข้าไทไปหาของ หมากพลูใบตองที่มีอยู่
บ้างก็มาเย็บกรวยช่วยกันดู ปอกหมากพันพลูทั้งฟั่นเทียน
เอาผ้าขาวมาวัดตัดสบง เย็บลงฝีเข็มเหมือนเล็มเลี่ยน
ตัดจีวรสไบตะไกรเจียน เย็บทับจับเนียนเป็นเนื้อเดียว
อังสะนั้นแพรหนังไก่นุ่ม รังดุมหูไหมใส่เย็บเสี้ยว
มานั่งพร้อมล้อมทั่วตัวเป็นเกลียว เอิกเกริกกราวเกรียวด้วยศรัทธา
บางคนออกมาหาขมิ้น โขลกสิ้นแล้วไปเอามาอิกหวา
ออแม่เอ๋ยไม่เคยฤๅไรนา ย้อมผ้าซีดอยู่ดูไม่ดี
เอาน้ำส้มพรมแก้แลเห็นสุก พ้นทุกข์แล้วหนอหัวร่อรี่
ช่วยกันผูกราวขึงผึ่งทันที แห้งดีเข้าไตรไว้บนพาน
ฝ่ายพวกแม่ครัวที่ตัวยวด หุงต้มเร็วรวดอลหม่าน
หน้าดำคลํ้าไหม้ใกล้เชิงกราน บ้างซาวข้าวสารใส่กะทะ
บ้างต้มบ้างพะแนงบ้างแกงขม คั่วยำทำขนมอยู่เอะอะ
ส้มสูกลูกไม้ใส่ธารณะ ใส่กระบะเรียงรายไว้หลายใบ ฯ
๏ ครั้นสำเร็จเสร็จการท่านทองประศรี เรียกข้าด่ามี่อยู่ไจ่ไจ่
อ้ายโม่งอีมาช้าอยู่ไย มึงเอาขันใบใหญ่มาใส่น้ำ
ขมิ้นดินสอพองเอาไว้ไหน เมื่อวานกูใส่ไว้ในถ้ำ
แกอาบนํ้าลูกยาทาขมิ้นตำ ชำระนํ้ารํ่ารดหมดเหงื่อไคล
ครั้นอาบนํ้าพลายแก้วแล้วแต่งตัว หวีหัวผัดหน้าให้ผ่องใส
นุ่งผ้ายกจีบเป็นกลีบใบ เสื้อครุยสวมใส่อุไรกรอง
ลำพอกดอกไม้ไหวสะบัด คาดเข็มขัดถักสายเป็นลายสอง
แหวนเพชรเม็ดอร่ามงามเรืองรอง ให้ถือซองธูปเทียนบุษบัน
จึงเรียกนายดำที่ลํ่าใหญ่ ให้แบกลูกเดินไปเอาร่มกั้น
ทองประศรีมารดามาด้วยกัน บ่าวข้าจ้าละหวั่นแบกของมา
ครั้นว่ามาถึงวัดส้มใหญ่ เอาข้าวของตั้งไว้ศาลาหน้า
แม่พาพลายแก้วผู้แววตา ไปกราบไหว้วันทาท่านสมภาร
ท่านเจ้าขาฉันพาลูกมาบวช ช่วยเสกสวดสอนให้เป็นแก่นสาร
ด้วยขุนไกรบิดามาถึงกาล จะได้อธิษฐานให้ส่วนบุญ
อิกทั้งวิชาการอ่านเขียน เจ้าจะได้รํ่าเรียนเสียแต่รุ่น
ฝ่ายท่านอาจารย์สมภารบุญ ทอดใจใหญ่ครุ่นแล้วว่ามา
อนิจจาขุนไกรบรรลัยแล้ว อ้ายลูกชายพลายแก้วเหมือนหนักหนา
รูปอาลัยให้คิดถึงบิดา จะเลี้ยงลูกให้สีกาอย่าระคาง
แล้วหันหน้ามาสั่งแก่เณรคง เอ็งนิมนต์พระสงฆ์ลงไปล่าง
ปูเสื่อสาดอาสนะกะที่ทาง โกนหัวเจ้าพลายพลางแล้วพามา
ครั้นแล้วลงมาศาลาใหญ่ พระสงฆ์ลงไปอยู่พร้อมหน้า
พลายแก้วอุ้มไตรไปวันทา ขรัวบุญให้บรรพชาเป็นเณรพลัน
บวชเสร็จจึงนางทองประศรี เร่งแม่ครัวมี่อยู่ตัวสั่น
บาตรพระสะพรั่งตั้งเรียงกัน ยกขันข้าวบาตรมาทันที
ช่วยกันตักบาตรธารณะ เสร็จถวายพรพระประเคนมี่
ฉันแล้วก็ยถาสัพพี เณรแก้วทองประศรีกรวดนํ้าพลัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว บวชแล้วรํ่าเรียนด้วยเพียรหมั่น
ปัญญาไวว่องคล่องแคล่วครัน เรียนสิ่งใดได้นั่นไม่ช้าที
จนอาจารย์ขยาดฉลาดเฉลียว เถรเณรออกเกรียวอยู่ที่นี่
จะเปรียบเณรแก้วได้นั้นไม่มี บวชยังไม่ถึงปีก็เจนใจ
หนังสือสิ้นกระแสทั้งแปลอรรถ จนสมภารเจ้าวัดไม่บอกได้
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป สิ้นไส้กูแล้วเณรแก้วอา
ยังแต่สมุดตำรับใหญ่ พื้นแต่หัวใจพระคาถา
กูจัดแจงซ่องสุมแต่หนุ่มมา หวงไว้จนชราไม่ให้ใคร
ความรู้นอกนี้ไม่มีแล้ว กูรักเณรแก้วจะยกให้
อยู่คงปล้นสะดมมีถมไป เลี้ยงโหงพรายใช้ได้ทุกตา
เณรแก้วได้ตำรับของท่านขรัว คิดถึงตัวอยากเรียนให้ยิ่งกว่า
วันหนึ่งจึงเข้าไปวันทา จะขอลาไปสุพรรณบุรี
ไปสืบหาวิชาเรียนต่อไป ท่านสมภารชอบใจหัวเราะรี่
ท่านวัดปาเลไลยนั้นขยันดี กับสีกาทองประศรีรู้จักกัน
เณรแก้วจึงลามาหาแม่ ทองประศรีวิ่งแร่มารับขวัญ
พ่อเอ๋ยมาไยทำไมนั่น แม่ขาขรัวทั่นให้ลูกมา
รํ่าเรียนจบแล้วท่านบอกให้ ว่าวัดป่าเลไลยดีหนักหนา
ว่ารู้จักมานานกับมารดา แม่จงพาลูกนี้ไปฝากไว้ ฯ
๏ ทองประศรีดีใจหัวเราะร่า จริงแล้วเณรหนาแม่นึกได้
อันที่เมืองสุพรรณนั้นไซร้ ทางในท่านดีมีสององค์
วัดป่าเลไลยท่านสมภารมี ทั้งขรัวที่วัดแคแม่เคยส่ง
กับขุนไกรรักใคร่กันมั่นคง จะพาลงไปฝากยากอะไร
ว่าพลางนางสั่งซึ่งบ่าวข้า เองไปเรียกช้างม้าอย่าช้าได้
ให้เขาผูกพังบู่กูจะไป อ้ายพลายกางผูกไว้ให้พ่อเณร
ข้าวของจัดใส่ในสัปคับ ทั้งข้าวกับรีบหาขะมักเขม้น
ให้พอเพียงเลี้ยงเจ้าทั้งเช้าเพล ให้อ้ายเสนกับตาพุ่มแกคุมไป
ครั้นตระเตรียมสำเร็จเสร็จการ พากันออกจากบ้านเขาชนไก่
ตัดทุ่งมุ่งตรงเข้าพงไพร สามวันทันใดถึงสุพรรณ
จึงแวะเข้าวัดป่าเลไลย ตรงไปยังกุฎีขรัวมีนั่น
ทองประศรีกราบกรานสมภารพลัน ดีฉันมิได้มาหาคุณเลย
ขรัวมีดีใจหัวเราะร่า ไม่เห็นหน้าหลายปีสีกาเหวย
เณรนี้ลูกใครไม่คุ้นเคย ทองประศรีว่าคุณเอ๋ยลูกฉันเอง
แต่เพียงขุนไกรแกวอดวาย ดีฉันนี้เป็นหม้ายอยู่เท้งเต้ง
บวชลูกจะให้เรียนเป็นบทเพลง ก็โก้งเก้งอยู่ไกลไม่ได้การ
จะเอามาฝากไว้ให้ขรัวปู่ โปรดบอกความรู้เอ็นดูหลาน
ถ้าไม่เรียนรํ่าทำเกียจคร้าน ทรมานทำโทษโปรดตีโบย
สมภารจึงว่าอย่าร้อนใจ ไม่ฟังสอนเลี้ยงได้ฤๅยายโหวย
แต่ทว่าข้าก็ไม่ใคร่ทำโพย จะสั่งสอนไปโดยปัญญามัน
ถ้าเด็กดีเด็กก็มีแต่คนชม ชั่วแล้วเขาก็ถมผู้ใหญ่นั่น
เพื่อนก็เป็นเชื้อผู้ดีมีเผ่าพันธุ์ จะผ่าเหล่าเสียนั้นเห็นผิดไป
ทองประศรีฟังขรัวหัวเราะร่า พ่อเณรจำไว้หนาเอาใจใส่
ฝากลูกแล้วก็ลาคลาไคล กลับถึงเขาชนไก่ก็ขึ้นเรือน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว ปัญญาคล่องแคล่วใครจะเหมือน
หมั่นหมักภักดีมิให้เตือน หัดเทศน์สามเดือนก็ขึ้นใจ
มหาชาติธรรมวัตรสารพัดเพราะ ถ้อยคำมั่นเหมาะไม่เปรียบได้
สุ้งเสียงเป็นเสน่ห์ดังเรไร เทศน์ที่ไหนคนชมนิยมฟัง
จนขึ้นชื่อฦๅชาว่าเปรื่องปราด ชาวบ้านร้านตลาดเจียนจะคลั่ง
เถรเณรอดเพลไปคอยฟัง เข้าไปนั่งพูดจ้อขอเนื้อความ
เจ้าอุตส่าห์ศึกษาวิชาการ เขียนอ่านท่องได้แล้วไต่ถาม
ตำรับใหญ่พิชัยสงคราม สูรย์จันทร์ฤกษ์ยามก็รอบรู้
อยู่ยงคงกระพันล่องหน ภาพยนตร์ผูกใช้ให้ต่อสู้
รักทั้งเรียนเสกเป่าเป็นเจ้าชู้ ผูกจิตรหญิงอยู่ไม่เคลื่อนคลาย
ท่านขรัวหัวร่อว่าออแก้ว เรื่องเจ้าชู้รู้แล้วต้องมั่นหมาย
เมียของเขาเจ้าอย่าได้ทำร้าย สาวแก่แม่หม้ายเอาเถิดวา
กูจะให้วิชาสารพัด ให้ชะงัดเวทมนตร์พระคาถา
ท่วงทีเอ็งจะดีดังจินดา แล้วคายชานหมากมาให้เณรกิน
เณรแก้วรับแล้วกินชานหมาก ขรัวต่อยด้วยสากแทบหัวบิ่น
ไม่แตกไม่บุบดังทุบหิน ท่านขรัวหัวเราะดิ้นคากๆ ไป
เจ้าเณรหมั่นปรนนิบัติพัดวี ท่านขรัวก็ยิ่งมีความรักใคร่
แต่ฝึกสอนทดลองจนว่องไว มีน้ำใจกำเริบทุกวันมา ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร
ไปสนิทติดพันเจ้าแก่นแก้ว ลูกตาหมื่นแผ้วบ้านรั้วใหญ่
สู่ขอพ่อแม่ก็ปลงใจ ขุนช้างจึง่ได้เป็นภรรยา
มาอยู่กับเรือนเป็นเพื่อนนอน ร่วมเรียงเคียงหมอนได้ปีกว่า
ล้มเจ็บจับไข้หลายเวลา แล้วกลายมาเป็นบิดริดสีดวง
ผอมแห้งหน้าแข้งจนเป็นเกล็ด อยากเป็ดอยากไก่นั้นใหญ่หลวง
ของแสลงมันแกล้งให้ตากลวง ขุนช้างเศร้าเหงาง่วงเป็นทุกข์ร้อน
เห็นเมียเจ็บไข้ใจคอหาย วุ่นวายให้ไปหาตาหมอค่อน
เงินใส่พานตั้งข้างที่นอน บนบานวานวอนให้วางยา
หมอว่าโรคตัดอัติสาร ป่วยการพิทักษ์รักษา
เมื่อไข้หนักเกือบจักมรณา แต่แรกสิมิหาข้ามาดู
ว่าแล้วก็ลามาจากบ้าน ขุนช้างสงสารเศร้าโศกอยู่
ร้อนรุ่มกลุ้มใจดังไฟวู เป็นไม่รู้ที่จะคิดประการใด
อยู่มาแก่นแก้วก็ดับจิตร สิ้นชีวิตขุนช้างนั่งร้องไห้
ปลงศพเผาผีอึงมี่ไป ทำบุญส่งให้เนืองเนืองมา ฯ
๏ ทีนี้จะกล่าวเรื่องเมืองสุพรรณ ยามสงกรานต์คนนั้นก็พร้อมหน้า
จะทำบุญให้ทานการศรัทธา ต่างมาที่วัดป่าเลไลย
หญิงชายน้อยใหญ่ไปแออัด ขนทรายเข้าวัดอยู่ขวักไขว่
ก่อพระเจดีย์ทรายเรี่ยรายไป จะเลี้ยงพระกะไว้ในพรุ่งนี้
นิมนต์สงฆ์สวดมนต์เวลาบ่าย ต่างฉลองพระทรายอยู่อึงมี่
แล้วกลับบ้านเตรียมการเลี้ยงเจ้าชี ปิ้งจี่สารพัดจัดแจงไว้
ทำน้ำยาแกงขมต้มแกง ผ่าฟักจักแฟงพะแนงไก่
บ้างทำห่อหมกปกปิดไว้ ต้มไข่ผัดปลาแห้งทั้งแกงบวน
บ้างก็ทำวุ้นชาสาคู ข้าวเหนียวหน้าหมูไว้ถี่ถ้วน
หน้าเตียงเรียงเล็ดข้าวเม่ากวน ของสวนส้มสูกทั้งลูกไม้
มะปรางลางสาดลูกหวายหว้า ส้มโอส้มซ่าทั้งกล้วยไข่
ทุกบ้านอลหม่านกันทั่วไป จนดึกดื่นหลับใหลไปฉับพลัน
ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองส่องฟ้า ต่างตกแต่งกายาขมีขมัน
หนุ่มสาวเถ้าแก่มาแจจัน พร้อมกันที่วัดป่าเลไลย ฯ
๏ ฝ่ายว่านางพิมกับมารดา พาบ่าวไพร่ออกมาหาช้าไม่
ข้าวปลาธารณะจัดหาไป ธูปเทียนดอกไม้ใส่พานมา
ถึงวัดนั่งลงตรงพระทราย แล้วถวายนมัสการถ้วนหน้า
หญิงชายเต็มไปในวัดวา ปูเสื่อสาดคอยท่าพระสงฆ์ไว้
ฝ่ายพระสงฆ์ห่มดองครองผ้า เสร็จแล้วลงมาศาลาใหญ่
เถรเณรนั่งจัดถัดกันไป สัปปุรุษกราบไหว้ด้วยยินดี
ต่างถวายเภสัชจัดพานเรียง ห่มผ้าสไบเฉียงอยู่ตามที่
อาราธนาศีลขึ้นทันที สมภารมีก็ให้ศีลไปพลัน
แล้วถวายพรพระตั้งนโม พวกสีกาหาโออยู่ตัวสั่น
จัดของใส่สำรับลงฉับพลัน ตั้งถวายเป็นหลั่นกันลงมา
ลูกศิษย์เถรเณรประเคนบาตร อังคาสข้าวของไว้ตรงหน้า
ช่วยเหลือคอยสำรวจตรวจตรา นํ้ายาพร่องต้องตักเอาเติมไป ฯ
๏ ฝ่ายว่านางพิมมีศรัทธา กล้วยขนมส้มซ่าใส่ถาดใหญ่
หยิบขันข้าวบาตรเดินนาดไป ใส่แต่หัวโต่งลงมาพลัน
ครั้นว่ามาถึงเจ้าเณรแก้ว แลแล้วเรรวนนึกหวนหัน
เจ้าเณรนี้ทีเหมือนรู้จักกัน นางก็ตักจังหันทัพพีโต
หมูผัดปลาแห้งทั้งแกงไก่ ไข่พอกซีกใหญ่ใส่อักโข
ไส้กรอกปลาแห้งแตงโม แกงโถหนึ่งใส่ให้พอแรง
เณรแก้วก้มหน้าไม่ทันรู้ เห็นของมากเงยดูก็ตาแข็ง
ปะหน้าสีกาพิมยิ้มตะแคง สีกานี้มิแกล้งข้าฤๅไร
ตักบาตรเหลือล้นจนโอสิ้น จะรู้ที่เปิบกินกะไรได้
หวานเค็มก็เต็มสำรับไป ส่วนที่ของชอบใจมิให้เรา
นางพิมยิ้มไปล่ไฮ้เจ้าเณร ข้าคิดว่าหลวงเถนเห็นโอเปล่า
เขาใส่ให้อักโขพาโลเอา จะให้เขาเสียศรัทธาขืนว่าไป
เณรใจบึกๆ นึกเป็นครู่ เหมือนเคยเล่นกับกูกูจำได้
ชื่อว่าสีกาพิมพิลาไลย สาวขึ้นสวยกะไรเพียงบาดตา
ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จสำเร็จพลัน ท่านสมภารมีนั้นก็ยถา
อันดับรับสัพพีโมทนา สัปปุรุษสีกาก็กรวดนํ้า
ต่างคนยินดีปรีดา เสร็จแล้วกลับมาอยู่คลาคล่ำ
เสียงแซ่ซ้องบ้างร้องเป็นลำนำ บ้างฟ้อนรำฉลองทานสำราญครัน ฯ
๏ อยู่มาปีระกาสัปตศก ทายกในเมืองสุพรรณนั่น
ถึงเดือนสิบจวนสารทยังขาดวัน คิดกันจะมีเทศน์ด้วยศรัทธา
พระมหาชาติทั้งสิบสามกัณฑ์ วัดป่าเลไลยนั้นวันพระหน้า
ตาปะขาวเถ้าแก่แซ่กันมา พร้อมกันนั่งปรึกษาที่วัดนั้น
บ้างก็รับทศพรหิมพานต์ บ้างก็รับเอาทานกัณฑ์นั่น
ที่ลูกดกรับชูชกกัณฑ์กลางวัน ให้ยายศรีประจันกัณฑ์มัทรี
มหาราชพันชาติกัณฑ์กลางคืน ฟังหัวเราะครึกครื้นกันอึงมี่
ฉ้อกษัตริย์สงัดเงียบเชียบดี ตาหมื่นศรีคนแก่แกรับไป
นางวันรับกัณฑ์จุลพน เณรอ้นดีถนัดหัดขึ้นใหม่
เทศน์กัณฑ์มหาพนชีต้นใจ ตาไทก็รับไปทันที
วันประเวศน์นั้นท่านวัดแค เป็นกัณฑ์ของตาแพกับยายคลี่
เออกัณฑ์หนึ่งใหญ่ให้ใครดี ยากที่สัปปุรุษจะรับไป
ออเออจริงแล้วกัณฑ์กุมาร ให้เจ้าขรัวหัวล้านบ้านรั้วใหญ่
นายบุญคุ้นกันไปไวไว ถึงขุนช้างยื่นให้ใบฎีกา
จะมีพระมหาชาติสิบสามกัณฑ์ วัดป่าเลไลยนั้นวันพระหน้า
ตามแต่ใจหม่อมจะศรัทธา พ่อขาทำบุญบ้างเป็นไร
นางพิมศรีประจันกัณฑ์มัทรี กุมารยังหามีใครรับไม่
ขุนช้างหัวร่ออ่อชอบใจ ที่กัณฑ์ใหญ่ใหญ่เรายินดี
จะคิดอะไรกับสิ้นยัง ถึงสิ้นสักห้าชั่งยังไม่หนี
เกิดชาติใหม่ก็จะได้ไปมั่งมี ทำบุญอย่างนี้เราเต็มใจ
นายบุญยินดีรี่กลับมา เผดียงพระเอาฎีกาไปส่งให้
ครบทั้งสิบสามกัณฑ์เป็นหลั่นไป ชาวบ้านน้อยใหญ่ก็เตรียมการ ฯ
๏ ครานั้นเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง น้ำใจกว้างขวางให้ฟุ้งซ่าน
เด็กเอ๋ยหาไม้อย่าได้นาน จักสานกระจาดนั้นเตรียมไว้
เอาเงินตราไปหาซื้อสังเค็ด บริขารเบ็ดเสร็จทั้งน้อยใหญ่
หาผ้าเนื้อดีมาทำไตร ที่ผู้หญิงนั้นไปหาเครื่องกัณฑ์
ข้าวแป้งระแนงตำทำเป็นผง มุกกลมขนมกงเร่งจัดสรร
สิ่งหนึ่งอย่าให้น้อยตั้งร้อยอัน อย่ากลัวเปลืองนํ้ามันไปซื้อมา
ส้มสูกลูกไม้ใส่ของสวน ให้ถี่ถ้วนถูกแพงก็ไม่ว่า
อย่าทำใจทมิฬเขานินทา เขานับหน้าว่ากูเป็นผู้ดี ฯ
๏ ครานั้นฝ่ายนางศรีประจัน เรียกข้าด่าลั่นอยู่อึงมี่
แม่พิมช่วยแม่บ้างมาข้างนี้ เข้ามานี่ช่วยกันทันเวลา
บ่าวไพร่ทำขนมประสมปั้น ชุบแป้งทอดนํ้ามันอยู่ฉ่าฉ่า
เฮ้ยไฟร้อนนักชักฟืนรา อีคงควักตักมาว่าเกรียมดี
วางไว้ตามชะมดแลกงเกวียน ฟั่นเทียนเรียงไว้อย่าให้บี้
ขนมกรุบขนมกรอบเห็นชอบที คลุกน้ำตาลพริบพรีใส่ที่ไว้
ข้าวเม่ากวนแป้งนวลชุบทอด เอาไม้แยงแทงหลอดใส่ยอดไข่
มะพร้าวน้ำตาลหวานไส้ใน สุกแทงขึ้นไว้อ้ายลูกโคน
บางควักแป้งแบ่งปันช่วยกันหวา ฝูงข้าอึงมี่ดังมีโขน
ศรีประจันเร่งของร้องตะโกน ค่อยส่งมาอย่าโยนจะยับไป ฯ
๏ ครานั้นเจ้ากัณฑ์ทศพร ลุกขึ้นตื่นนอนแต่ก่อนไก่
ขนของเครื่องกัณฑ์สนั่นไป ถึงวัดป่าเลไลยได้อรุณ
เครื่องกัณฑ์ตั้งพานในการเปรียญ จุดธูปเทียนไหว้พระอยู่กรุ่นกรุ่น
ชีต้นให้ศีลบอกส่วนบุญ แล้วว่าจุณณีย์บทบาลีไป
ทศพรหิมพานต์ทานกัณฑ์ จบพลันกัณฑ์หลังขึ้นตั้งใหม่
ถึงกัณฑ์มหาพนชีต้นใจ จบแล้วเธอก็ไปกุฎีพลัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนช้างเพื่อนตื่นสาย วุ่นวายล้างหน้าจ้าละหวั่น
อีเด็กเอ๋ยเจ้าข้ามาพร้อมกัน เออหมากประจำกัณฑ์กูลืมไป
กูเป็นพ่อหม้ายมาหลายปี ของนี้ไม่มีใครทำได้
รูปสัตว์มะละกอกูท้อใจ มีใครอยู่บ้างเป็นช่างแกะ
ถ้าบ้านเรานี้ไม่มีใคร ช่างอยู่ที่ไหนไปแค่นแคะ
นางเมืองบอกพลันว่าอีฉันแหละ พอเล็มและค่อยคลำจะทำไป
มะละกอซื้อมาตะกร้าจีน เอาหยักหั่นควั่นสิ้นหาช้าไม่
เม็ดยอช่อตั้งขึ้นบังใบ รายเรียงเคียงใส่ไว้เบื้องบน
แกะเป็นหลวงชีขี่ตาเถน แกะเจ้าเณรเคียงคั่นไว้ชั้นต้น
แกะแร้งกินผีดูพิกล เอาดอกรักปักปนกับดาวเรือง
ขุนช้างชอบใจให้รางวัล จัดสรรตอบแทนแหวนทองเหลือง
ราคาไม่มากมายก็หลายเฟื้อง นางเมืองรับไปใส่นิ้วมือ
ครั้นแล้วจึงสั่งกับข้าไท เอ็งยกเครื่องกัณฑ์ไปให้อึงอื้อ
แหนแห่แซ่ถนนให้คนฦๅ ประจำกัณฑ์นั้นถือไปให้ดี
ถ้ามึงทำหายหกตกหล่น กูจะถองกำด้นให้กลิ้งคี่
อ้ายบ่าวแบกเครื่องกัณฑ์ไปทันที โห่มี่ไปวัดป่าเลไลย
แต่บรรดาเครื่องกัณฑ์ที่เอามา วางเรียงไว้หน้าศาลาใหญ่
ผู้คนอัดแอเซ็งแซ่ไป ใครใครก็มาดูอยู่มากมี ฯ
๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย เรียกหาข้าไทให้มานี่
ทำหมากประจำกัณฑ์ให้ฉันที หมากพลูสำลีไปหามา
บ้างเอามะละกอมาผ่าจัก ช่วยกันแกะสลักเป็นหนักหนา
แล้วย้อมสีสดงามอร่ามตา ประดับประดาเป็นทีศีขรินทร์
แกะเป็นราชสีห์สิงห์อัด เหยียบหยัดยืนอยู่ดูเฉิดฉิน
แกะเป็นเทพนมพรหมินทร์ พระอินทร์ถือแก้วแล้วเหาะมา
แกะรูปนารายณ์ทรงสุบรรณ ผาดผันเผ่นผยองล่องเวหา
ยกไปให้เขาโมทนา ฝูงข้าก็รับไปทันที
ครั้นถึงศาลามาตั้งไว้ สัปปุรุษสุดใจไปดูมี่
เออเขาทำหมดจดงดงามดี ไม่เสียทีที่ลำบากพากเพียร
รูปสัตว์หยัดย่องตละเป็น ดูเด่นเห็นสะอาดดังวาดเขียน
เขาช่างแกะสลักจักเจียน ทั้งการเปรียญต่างชมขรมไป ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างจวนเวลา สั่งข้าตักน้ำใส่ขันใหญ่
พวกบ่าวหาบน้ำตามกันไป เติมใส่เต็มขันในทันที
เจ้าขุนช้างอาบนํ้าสำราญใจ ข้าไทเข้ากลุ้มรุมกันสี
เอาขมิ้นถูตัวให้ทั่วดี ขี้ไคลไหลรี่สีออกมา
ผิวหนังยังเขียวเหมือนผักตบ นี่จวนจบมหาพนแล้วสิหว่า
เข้าห้องดินสอพองละลายทา ประทั่วกายาจนพุงลาย
ควักเอามุหน่ายขึ้นป้ายปีก ฉีกผมปกกบาลให้ล้านหาย
ยังโล่งเลี่ยนเตียนกลางอย่างแปลงควาย หัวกูฉิบหายน่าอายใจ
นุ่งยกลายกระหนกเหมหงส์ เหมือนผ้าทรงใครใครหามีไม่
เกี้ยวส่านปักทองกรองดอกไม้ ผ้าเช็ดเหงื่อไคลใส่ชมพู
ครั้งนี้จะแต่งไปให้ยิ่งยวด จะไปอวดนางพิมให้ยิ้มอยู่
นิ้วก้อยใส่รังแตนแหวนงู นิ้วชี้เชิดชูนั้นแหวนเพชร
นิ้วนางแหวนประดับทับทิม เอ๊ะทีนี้นางพิมปิ้มสำเร็จ
แหวนเครื่องของบิดายอดห้าเม็ด ชาวสุพรรณมันเข็ดว่ามั่งมี
เดินย่องไปส่องกระจกใหญ่ ทุดหัวจัญไรเหมือนล่องขี้
ถึงหัวชั่วแต่ตัวเป็นผู้ดี อ้ายเด็กมานี่เอาเสื่อไป
มึงไปอยู่ด้วยกูสักสิบคน แต่พอตามก้นอย่าไปไหน
คนโทถาดหมากเครื่องนากใน มึงถือไปอ้ายจีดอย่ากรีดกราย
ขุนช้างย่างลงจากเคหา เดินย้ายส่ายมาหน้าแหงนหงาย
เห็นใครดูก็พยักทักทาย เหมือนควายขวิดเฝือเหงื่อท่วมมา
ครั้นว่ามาถึงการเปรียญใหญ่ สัปปุรุษสุดใจอยู่พร้อมหน้า
เขาหลีกทางขุนช้างก็เข้ามา บ่าวปูเสื่อคล้านั่งเพโท
เพื่อนฝูงเห็นเข้าก็มาหา ทักทายพูดจาว่ากันโอ้
ที่บางคนพูดมากปากโว ว่าพุทโธ่เหงื่อไหลกะไรนี้
ขุนช้างเคืองขัดสะบัดหน้า ไม่พอที่จะมาว่าจู้จี้
เมินหน้าเสียพลันทันที เรียกหมอนมือชี้อยู่เว้โว้
สั่งบ่าวไพร่ให้กองของเครื่องกัณฑ์ เผือกมันของเรานั้นอักโข
อ้อยขาวอ้อยแดงแตงโม ส้มโอมะดูกลูกมะไฟ
ชะมดกงเกวียนข้าวเหนียวแดง หินฝนทองครองแครงแตงลูกใหญ่
นอกศาลาข้าวของที่กองไว้ จัดให้เป็นลำดับอย่าซับซ้อน
ยกเข้ามาข้างในไตรกับบาตร เสื่อสาดฟูกเมาะเบาะหมอน
พานหมากประจำกัณฑ์นั้นอย่าซ่อน ยกไปก่อนตั้งหน้าพานผ้าไตร
แล้วจุดธูปเทียนขึ้นบูชา ชีต้นเทศนาหาช้าไม่
พวกทายกสัปปุรุษสุดใจ ก็จุดเทียนปักดอกไม้ไหว้บูชา ฯ
๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย ว่าจวนกัณฑ์เราไปเถิดแม่ขา
แล้วก็ลุกไปพลันมิทันช้า อาบน้ำผลัดผ้าด้วยฉับพลัน
จึงเอาขมิ้นมารินทา ลูบทั่วกายาขมีขมัน
ทาแป้งแต่งไรใส่น้ำมัน ผัดหน้าเฉิดฉันดังนวลแตง
เอาซี่สีฟันเป็นมันขลับ กระจกส่องเงาวับดูจับแสง
นุ่งยกลายกระหนกพื้นแดง ก้านแย่งทองระยับจับตาพราย
ชั้นในห่มสไบชมพูนิ่ม สีทับทิมทับนอกดูเฉิดฉาย
ริ้วทองกรองดอกพรรณราย ชายเห็นเป็นที่เจริญใจ
ใส่แหวนเพชรประดับทับทิมพลอย สอดก้อยแหวนงูดูลิ้นไหว
อีเด็กเอ๋ยหีบหมากเครื่องนากใน ขันถมยาเอาไปอย่าได้ช้า
ข้าไททาแป้งแต่งตัว หวีหัวใส่น้ำมันกันหน้า
สำเร็จเสร็จพลันทันเวลา ก็ออกมาหน้าเรือนในทันที
ศรีประจันครั้นแลเห็นลูกสาว กูนี้หัวหงอกขาวมันพ้นที่
จะตกแต่งตัวไปทำไมมี คว้าผ้ายกตานีห่มดอกคำ
ลูกสาวหัวเราะร่าว่าแม่เอ๋ย ช่างไม่อายเขาเลยเห็นผิดสํ่า
ศรีประจันครั้นมองร้องกรรมกรรม ผลัดผ้าตารางดำห่มขาวม้า
แม่เดินนำทางนางพิมตาม ดูเหมือนหนึ่งนางห้ามงามหนักหนา
บ่าวไพร่ตามกันเป็นหลั่นมา พวกข้าก็แบกเครื่องกัณฑ์ไป
ครั้นว่ามาถึงการเปรียญ ธูปเทียนกระจ่างสว่างไสว
ปูเสื่อนั่งพลันในทันใด แม่ลูกกราบไหว้ด้วยยินดี
ครั้นพระสงฆ์เทศน์จบกัณฑ์กุมาร เจ้าขรัวหัวล้านก็เร็วรี่
ประเคนเครื่องกัณฑ์ในทันที ปี่พาทย์ก็ตีเป็นเพลงไป ฯ
๏ ครานั้นนางพิมศรีประจัน ให้บ่าวยกเครื่องกัณฑ์หาช้าไม่
บาตรย่ามบริขารพานผ้าไตร ส้มสูกลูกไม้เป็นหลายพรรณ
ขนมนมเนยก็หลายอย่าง ยกเข้าไปจัดวางไว้เป็นหลั่น
ข้างหน้าตั้งหมากประจำกัณฑ์ ปี่พาทย์ตีลั่นขึ้นทันที ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมภารเรียกเณรแก้ว ขานแล้วดีฉานหลานอยู่นี่
กูป่วยมาหลายวันไม่ทันที เณรไปเทศน์มัทรีนี้แทนกู
เณรแก้วกราบแล้วลุกลนลาน หยิบมัทรีมาทานอ่านอยู่
ว่าท่องตามทำนองของท่านครู ซ้อมดูจนคล่องว่องไว
ทั้งคาถาบาลีจุณณีย์บท กำหนดแม่นยำจำไว้ได้
แล้วเรียกเณรอ้นพลันทันใด มาแบกคัมภีร์ไปให้ข้าที
เณรอ้นรับคำแล้วอำลา มาครองผ้าสไบหนังไก่สี
จบจับรับเอาห่อคัมภีร์ คอยอยู่ที่บันไดจะไคลคลา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว เย็นแล้วจะไปเทศน์ก็ผลัดผ้า
ห่มดองครองแนบกับกายา แล้วไปวันทาท่านขรัวมี
ลุกออกจากห้องของสมภาร อธิษฐานแล้วก็เสกขี้ผึ้งสี
ให้เณรอ้นเดินนำแบกคัมภีร์ มาจากกุฎีถึงศาลา
นั่งต่ำมากว่าสงฆ์สำรวมกาย ชม้ายเห็นเจ้าพิมผู้นิ่มหน้า
พิมน้อยพอชม้อยไปปะตา อายหน้าก้มนิ่งอยู่ในที
เณรพลายจึงร่ายละลวยซ้ำ ประจำจิตรประสมเนตรวิเศษศรี
กำลังมนตร์ดลพิมให้ยินดี ไม่ขาดที่จะแลล่อไปต่อตา
พอสบพักตร์เณรพยักให้ทันใด ด้วยน้ำใจผูกพันกระสันหา
เชิญกระหยับมานี่เถิดสีกา ท่านสมภารไม่มาอาพาธไป
จึงให้ข้าเจ้ามาเทศนา ท่านเจ้ากัณฑ์จะว่าเป็นไฉน
นางพิมยิ้มตอบไปทันใด ไหนไหนก็เหมือนกันไม่ฉันทา
ไม่เลือกเณรเลือกขรัวว่าชั่วดี ตามแต่บาลีพระคาถา
พูดพลางยิ้มเหลือบไปปะตา ก็เสือกพานหมากมาให้สายทอง
ก้มกรานตั้งพานหมากอังคาส ขึ้นธรรมาสน์จับจบคัมภีร์จ้อง
มือจับหนังสือถือประคอง อ่านต้องตามบทจุณณีย์
จนถึงแทบทางพระนางคลา พบพระยาพยัคฆราชสีห์
นางชะอ้อนวอนขอจรลี จนราตรีแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์
ถึงอาศรมอารมณ์ให้เยือกเย็น ด้วยไม่เห็นพระลูกผู้จอมขวัญ
ทรงกันแสงโศกาจาบัลย์ เสด็จดั้นด้นตามพระลูกยา
สัปปุรุษหญิงชายครั้นได้ฟัง เสียงสาธุดังขึ้นพร้อมหน้า
ทุกคนดลใจให้ศรัทธา นางพิมเปลื้องผ้าทับทิมพลัน
จีบจบคำรบถ้วนสามที ยินดีวางลงในพานนั่น
ถวายแล้วนอบนบอภิวันท์ พิษฐานสำคัญด้วยศรัทธา
สาธุสะเดชะข้าทำทาน ให้พร้อมยศบริวารไปภายหน้า
สารพัดมั่งมีปรีดา ว่าแล้วนั่งฟังด้วยตั้งใจ ฯ
๏ ขุนช้างเห็นนางถวายผ้า ชะต้าเขาเป็นหญิงยังทำได้
จะมานั่งนิ่งดูอดสูใจ เรามิให้น้อยหน้านินทากัน
จึงว่าสาธุโมทนา ความศรัทธาเลื่อมใสกะไรนั่น
ถึงตัวเรามิได้เป็นเจ้ากัณฑ์ ก็ศรัทธามากครันในอารมณ์
ว่าแล้วเหลียวหน้ามาดูพิม ยิ้มเปลื้องผ้ากรองที่ครองห่ม
จีบจับพับถือมือประนม ยกเหนือผมแล้วพิษฐานไป
สาธุสะเดชะเมตตาจิตร ขอให้สมอารมณ์คิดพิสมัย
ให้ได้เร็วพลันให้ทันใจ แต่ในคํ่าวันนี้อย่าคลาศคลา
ว่าพลางวางเคียงผ้านางพิม ขอให้ผ้าสีทับทิมอย่าแคล้วข้า
จงบันดาลเคลื่อนคล้อยให้ลอยมา แต่เวลาคํ่าวันนี้อย่านานไป ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง แค้นคั่งอัดอั้นให้มันไส้
ทุดถ่มน้ำลายด้วยอายใจ สั่งข้าไทให้หยิบเอาพานมา
อีพรมอีบู่รู้ใจนาย เดินกรายเข้าไปหยิบเอาพานผ้า
ข้ามหัวขุนช้างกลางศาลา ขุนช้างเพ่งดูตาด้วยขัดใจ
สายทองร้องว่าฮ้าอีพรม ชายผ้าปัดผมท่านหาดูไม่
กิริยาชั่วถ่อยน้อยเมื่อไร ไปเถิดหนอแม่พิมอย่าฟังเลย
นางพิมย่างเท้าก้าวเดินมา ช่างขายหน้าจริงๆ แม่เจ้าเอ๋ย
ยิ่งกว่าลูกชาวไร่มันไม่เคย นางก็ด่าเปรียบเปรยมาบ้านพลัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว สีกาพิมไปแล้วให้ป่วนปั่น
ด้วยความรักตรึงจิตรคิดผูกพัน ก็ตัดบั่นหั่นข้ามเนื้อความไป
อ่านคาถาว่าครบพอจบบาท ก็จบเทศน์ลงธรรมาสน์หาช้าไม่
ถึงกัณฑ์สักรบรรพด้วยฉับไว แล้วต่อไปจนครบสิบสามกัณฑ์
ทายกทั้งประสกแลสีกา บ้างกรวดน้ำกรวดท่าด้วยจอกขัน
โมทนาชื่นชมสมภารครัน พอสองยามเสร็จกันก็ครรไล ฯ
๏ ดึกกำดัดลมพัดมาอ่อนอ่อน พระจันทรแสงสว่างกระจ่างไข
เงียบสงัดทั้งวัดป่าเลไลย เจ้าเณรน้อยละห้อยให้คะนึงนาง
โอ้พิมนิ่มนวลของเณรแก้ว เจ้าไปแล้วจะรำลึกถึงพี่บ้าง
ฤๅงามปลื้มแม่จะลืมนํ้าใจจาง แต่ครุ่นครางครวญคิดจนค่อนคืน
ทำไฉนจึงจะได้นางพิมชม ให้เคลื่อนคลายอารมณ์รํ่าสะอื้น
รักนางพ่างเพียงจะกลํ้ากลืน หญิงอื่นหมื่นแสนไม่นำพา
ได้ร่วมหมอนพี่จะช้อนขึ้นชมชื่น ทุกคํ่าคืนมิได้ขาดเสนหา
ทำไฉนจึงจะได้สนทนา กับพิมแก้วแววตาสักสองคำ
บ้านช่องของน้องซึ่งตำแหน่ง ไม่รู้แห่งเห็นเจ้าเข้าจวนคํ่า
ได้ชมนางแต่เมื่อกลางสำแดงธรรม อ้ายขุนช้างเจ้ากรรมจลาจล
เจ้าเดือดด่าพาบ่าวเข้าไปบ้าน พี่พลุ่งพล่านเทศน์พลั้งเป็นหลายหน
พอลับเจ้าพี่เฝ้าเป็นทุกข์ทน พรุ่งนี้เช้าพี่จะด้นไปโดยเดา
ถึงจะอยู่ซอกห้วยหุบเหวผา จะเสาะหาไปให้พบตำแหน่งเจ้า
ยิ่งคะนึงถึงนางไม่บางเบา ไก่ก็เร้าเร่งรีบในราตรี
กอดผ้าสีทับทิมของพิมน้อง จูบประคองหอมซาบอาบทรวงพี่
ยิ่งรัญจวนหวนหาในราตรี จวนจะรุ่งพระสุริย์ศรีขึ้นรางราง ฯ
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท เกิดนิมิตประจักษ์ใจเมื่อใกล้สว่าง
ว่าว่ายข้ามน้ำได้ไปกลางทาง กับพี่นางสายทองคะนองใจ
ถึงฝั่งหยั่งตื้นพอยืนตรง สายทองส่งบัวทองประคองให้
หอมห่อผ้าห่มชมชื่นใจ แล้วกลับข้ามน้ำได้ดังจินดา
สิ้นฝันเท่านั้นก็ตื่นตัว ไม่เห็นบัวทองหายก็คว้าหา
เสียดายดวงโกสุมปทุมา อนิจจาอกโอ้มาหายไป
จึงขยับจับปลุกสายทองพลัน เล่าความฝันให้ฟังหาช้าไม่
จะเป็นเหตุเภทพาลประการใด ทำนายให้น้องหน่อยหนึ่งเถิดรา ฯ
๏ สายทองฟังน้องบอกนิมิต ประจักษ์จิตรคิดความไม่กังขา
เคยได้สังเกตไว้แต่ไรมา แก้วตาอย่าประหวั่นพรั่นใจ
ซึ่งฝันว่าได้ดอกบัวชม จะได้คู่สู่สมพิสมัย
ชายนี้เห็นทีไม่ใกล้ไกล คงจะได้โดยพลันมิทันช้า
ซึ่งฝันว่าพี่เด็ดดอกบัวส่ง คงจะได้พึ่งแม่ไปภายหน้า
ถ้ากะไรได้เหมือนดังจินดา แม่เมตตาสายทองให้ได้ดี ฯ
๏ นางพิมร้องไฮ้พี่สายทอง ทำนายน้องอะไรอย่างนั้นพี่
แต่อยู่ด้วยกันมาทั้งตาปี พี่เห็นวี่เห็นแววที่ไหนมา
พี่สายทองฤๅเห็นน้องนี้ร้อนรน เป็นกังวลบ่นอย่างไรจึงแกล้งว่า
บัวทองน้องฝันยังติดตา ทำนายผัวตัวข้าไม่เออออ
ซึ่งฝันว่าพี่เด็ดดอกบัวส่ง ถ้าตรงเข้าพี่สายทองจะหัวร่อ
วานทำนายให้น้องต้องใจคอ เงินหม้อทองหม้อจะพอใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง คะนึงนางนิทราหาหลับไม่
พลิกควํ่าครํ่าครวญรัญจวนใจ โอ้แม่พิมพิลาไลยของขุนช้าง
ฟังเสียงเกลี้ยงกลมเมื่อเจ้าว่า วาจาแจ้วเจื้อยแจ่มกระจ่าง
อรชรอ้อนแอ้นบั้นเอวบาง หมื่นนางก็ไม่มีเหมือนนางเดียว
เจ้าห่มสีทับทิมริมขลิบทอง สอดสองซับในสไบเขียว
แขนอ่อนท่อนท้ายแม่พริ้งเพรียว งามตาเมื่อเจ้าเหลียวชำเลืองมา
ทำไฉนจะได้แนบสนิทนาง ขุนช้างจะทูนเหนือเกศา
จะคลึงเคล้าเฝ้าเฟ้นเป็นอัตรา ข้าวปลาจะป้อนให้หล่อนกิน
ยามเดินจะเชิญโฉมเจ้าขี่ช้าง ยามนอนจะให้นางหอมประทิ่น
อาบน้ำจะทำสุหร่ายริน แผ่นดินมิให้ย่างระคายกาย
รักเจ้าเท่าเทียมดวงชีวิต กลัวจะเสียแรงคิดไม่เหมือนหมาย
ด้วยรูปชั่วกลัวเจ้าจะเกลียดกลาย ถึงใจรักก็จักอายด้วยลายงอน
รื้อคิดขึ้นมาจะว่าไย ถึงชั่วดีก็จะไปดูทีก่อน
ถ้าว่างคนจะซนเข้าว่าวอน ถูกลมเห็นจะอ่อนละมุนลง
เปิดมุ้งรุ่งแล้วฤๅยังหนอ อ่อแสงพระจันทร์ยังสูงส่ง
ได้ทีพี่จะไปเป็นมั่นคง หาเจ้าเกศสุริยงทรงโสภา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ