ตอนที่ ๑๒ นางศรีประจันยกนางวันทองให้ขุนช้าง

๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง ความสมัครรักนางไม่เชือนเฉย
สั่งบ่าวเหล่าช่างชำนาญเคย ปรุงหอเร็วเหวยให้ทันการ
พวกช่างบ้างเลื่อยบ้างก็ถาก โปกปากโผงผึงอึงทั้งบ้าน
หอใหญ่เก้าห้องท้องกระดาน เท่าวิหารจึงจะสมกับใจกู
พวกผู้หญิงแช่แป้งทำขนม ซื้อกล้วยอ้อยส้มลูกชมพู่
ทั้งมะพร้าวน้ำตาลหมากพลู ไก่หมูกุ้งปลามามากมี
ขุนช้างนับวันไว้ใกล้เวลา จึงชวนศรพระยาผู้เป็นพี่
มาบ้านศรีประจันในทันที แจ้งคดีว่าการนั้นเตรียมแล้ว
ลูกมาหารือคุณแม่เจ้า จะขอรื้อหอเก่าของพลายแก้ว
เอาไปถวายวัดเสียยังแล้ว จะได้แผ้วถากถางพื้นแผ่นดิน
อันหอของลูกนี้โตใหญ่ หาที่ไหนไม่เหมือนของลูกสิ้น
ราวกับวิมานทองของพระอินทร์ ศรีประจันได้ยินหัวเราะงอ
ชะหอห้องของลูกข้าโตใหญ่ ขอบใจสิ้นทีแล้วอีพ่อ
จะเอาอะไรบอกไปอย่ารั้งรอ ปลูกหอให้ดีเถิดลูกอา
หอเก่าจะเอาไปปลูกวัด ก็ตามแต่ถนัดแม่ไม่ว่า
หอใหม่ใหญ่โตสมหน้าตา รีบร้นขนมาอย่านอนใจ
ว่าแล้วท่านยายศรีประจัน ลุกมาหาลูกพลันพลางปราศรัย
ประโลมปลอบวันทองให้ต้องใจ จะมิให้รู้กลมารยา
ลูกเอ๋ยแม่คิดไม่รู้แล้ว สงสารออแก้วเป็นหนักหนา
จะตายจริงฤๅจะรอดตลอดมา ไม่รู้ว่าจะเป็นประการใด
คิดว่าหอห้องของเจ้านั้น เอาทำบุญสุนธรรม์ส่งไปให้
เดชะบุญผัวเจ้าไม่บรรลัย กลับมาปลูกใหม่ก็เหมือนกัน
เอาไปถวายวัดปลูกกุฎี กุศลจะมีเป็นแม่นมั่น
ถ้าผัวมาปลูกใหม่ให้ใหญ่ครัน จอมขวัญแม่จะว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นวันทองเจ้าหลงกล แยบยลของแม่หารู้ไม่
หันหน้าตอบมาในทันใด เหมือนลูกคิดไว้เจียวแม่คุณ
เอาไปปลูกกุฎีฤๅศาลา ลูกก็โมทนาไม่ว้าวุ่น
สุดแต่ได้กุศลผลบุญ จะได้ช่วยเจ้าประคุณให้รอดมา
ศรีประจันฟังลูกก็ถูกใจ รีบลุกออกไปจากเคหา
บอกขุนช้างพลันมิทันช้า ว่าแม่ลวงมันอีวันทอง
มันหารู้กลของแม่ไม่ เจ้าจงรีบไปจากบ้านช่อง
ใช้ให้แต่บ่าวกับพวกพ้อง พี่น้องชวนกันมาช่วยรื้อ
ขุนช้างฟังว่าก็ดีใจ รีบลุกออกไปไม่อึงอื้อ
สั่งบ่าวเร็วหวาอย่าช้ามือ รื้อหอไปถวายท่านวัดกลาง
ฝ่ายว่าท่านยายศรีประจัน จัดแจงของพลันไว้หอขวาง
พี่น้องกับบ่าวเจ้าขุนช้าง วางเข้ารื้อหอแบกเอาไป
เร่งรีบขนออกไปนอกบ้าน ถวายท่านวัดกลางหาช้าไม่
กองเรียงถ้วนทั่วทุกตัวไม้ แล้วพากันกลับไปยังบ้านพลัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงท่านยายทองประศรี อยู่กาญจน์บุรีที่เขาชนไก่นั่น
คอยท่าลูกชายมาหลายวัน นานครันไม่เห็นเจ้ากลับมา
สงสารออพิมพิลาไลย จะตั้งใจคอยผัวอยู่หนักหนา
เมื่อแรกจากกันวันจะมา ก็โศกเศร้าโศกาด้วยอาลัย
นี่จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จะดีอยู่ฤๅจะตรอมผอมไข้
พรุ่งนี้จำกูจะลงไป เยี่ยมออพิมพิลาไลยดูสักที
คิดแล้วสั่งเหล่าบ่าวข้า จัดแจงเร็วหวาให้ถ้วนถี่
เอ็งไปผูกควายที่เท้าดี วันรุ่งพรุ่งนี้ให้เทียมเกวียน
กูจะไปเยี่ยมลูกสะใภ้ มึงอย่าให้สายนักจักถูกเฆี่ยน
แล้วสั่งให้อีทับกับอีเทียน เฝ้าบ้านมึงอย่าเบียนล้วงก้นกู
ว่าแล้วก็เข้าไปหลับนอน พอรุ่งแสงทินกรขึ้นตรู่ตรู่
ลุกขึ้นล้างหน้าหาหมากพลู แล้วตรวจดูผู้คนขนของไป
ประทุกแล้วก็ขึ้นเกวียนพลัน ผายผันรีบมาหาช้าไม่
ตะวันเที่ยงหยุดนอนแดดอ่อนไป สองคืนเข้าในเมืองสุพรรณ
ถึงบ้านไม่เห็นหอลูกชาย ทองประศรีใจหายให้หวาดหวั่น
ย่างขึ้นบนเรือนด้วยฉับพลัน ฝ่ายยายศรีประจันมาต้อนรับ
บ่าวเอาเชี่ยนหมากออกมาตั้ง ทองประศรีลงนั่งกระแทกปับ
ศรีประจันบอกว่าครานี้ยับ ออแก้วไปทัพก็ล้มตาย
พูดพลางน้ำตาแกหลั่งไหล มาทิ้งให้ลูกสาวข้าเป็นหม้าย
เคราะห์ร้ายทุกสิ่งจริงแล้วยาย ออพิมก็เจียนตายไม่เป็นตัว
ต้องผลัดชื่อให้มันว่าวันทอง ค่อยผุดผ่องขึ้นได้เพราะท่านขรัว
ครั้นวันทองหายคืนพอฟื้นตัว ได้ข่าวผัวตายเล่าเศร้าหนักลง
ร้องไห้ข้อนอกทุกเวลา จวนเจียนจะเป็นบ้าว่าใหลหลง
ผ้าผ่อนสารพัดตัดทำธง หอห้างรื้อส่งถวายวัด
ฝ่ายยายทองประศรีได้ฟังว่า ผูกคิ้วนิ่วหน้าให้เคืองขัด
นี่ใครมาบอกออกความชัด สารพัดไม่จริงทุกสิ่งอัน
ลูกข้าถ้าตายอยู่เมืองลาว ข่าวคราวคงจะมีมาบ้างนั่น
กับอนึ่งพวกไพร่ไปกับมัน ยังไม่ทันเห็นใครกลับลงมา
ศรีประจันว่าไพร่ที่เหลือตาย วุ่นวายติดคุกอยู่หนักหนา
ขุนช้างเข้าไปในพารา ได้ข่าวเขามาเล่าให้ฟัง
แต่กระนั้นวันทองยังไม่เชื่อ ลงเรือรีบไปดังใจหวัง
ได้ดูโพธิ์พิษฐานเห็นจริงจัง ใบก็บังเหตุร่วงประจักษ์ตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางวันทอง เศร้าหมองโศกสร้อยละห้อยหา
เช้าเย็นไม่เป็นสุขทุกเวลา รู้ว่าแม่ผัวมาก็ดีใจ
ผุดลุกจากห้องย่องออกมา นั่งไหว้นํ้าตาลงหลั่งไหล
เดชะบุญคุณแม่มาถึงไว เจียนจะไม่เห็นใจของวันทอง
ขุนช้างมันมาว่าวุ่นวาย แทบจะผูกคอตายอยู่ในห้อง
สอพลอขอแม่แม่ปรองดอง ยกย่องยอมให้เป็นเมียมัน
ขรัวตาวัดป่าเลไลยดู ว่าชนะศัตรูเป็นแม่นมั่น
หม่อมพลายไม่ตายวายชีวัน ข้างแม่ศรีประจันไม่เชื่อฟัง
ขุนช้างนัดงานแรมสามคํ่า ลูกครวญครํ่าไม่มีที่จะหวัง
จะหลบลี้หนีไปแต่ลำพัง สุดกำลังด้วยไม่รู้ที่จะไป
เดชะบุญคุณแม่พอมาถึง เหมือนหนึ่งชุบลูกขึ้นมาได้
โปรดหัวแก้จนให้พ้นภัย ลูกจะไปอยู่บ้านกาญจน์บุรี ฯ
๏ ศรีประจันฟังลูกก็ขัดใจ ดูมันช่างพูดได้ไม่บัดสี
อีจองหองฟ้องแม่แก้ตัวดี กูมิตีให้อายก็ดูเอา
น้อยฤๅช่างพิไรใส่เอากู ฤๅมึงไม่รู้บ้างดอกเล่า
อ้ายมากฝากกระดูกมาให้เรา ขุนช้างเขาจึงช่วยรับเอามา
บอกว่าพลายแก้วไปทัพตาย ฉิบหายม้วยมุดสุดสังขาร์
กูนี้คิดสมเพชเวทนา เขาจะจิกหัวคร่าไปทนทุกข์
เก็บเอาไปเป็นหม้ายอยู่ในวัง คุมขังเช้าเย็นไม่เป็นสุข
ขุนช้างเขาช่วยบนให้พ้นทุกข์ เงินทองเขาจุกจานเจือไป
มันจึงค่อยคลายหายโทษทัณฑ์ กูจึงผ่อนผันยอมยกให้
จะอยู่กาญจน์บุรีดีมึงไป กูมิใส่เอาด้วยไม้มิใช่กู ฯ
๏ ทองประศรีฟังว่าก็ขัดใจ ชะช่างพูดได้ไม่เข้าหู
ดูอีคนใจเบาเถ้าหัวงู ช่างไม่สืบสาวดูให้แน่นอน
สุดแท้แต่มาล่อก็พอใจ ยกลูกสาวให้เสียร่อนร่อน
ถ้าออแก้วมาได้ไม่ม้วยมรณ์ นี่จะคิดผันผ่อนประการใด
ศรีประจันร้องว่าแม่เจ้าเอ๋ย อย่าถือผีไปเลยหามาไม่
ถึงมันตีทัพกลับมีชัย ก็จะพึ่งอะไรได้กับมัน
ยายทองประศรีได้ฟังว่า เจ็บใจหนักหนาโกรธตัวสั่น
เป็นไรมีดีแล้วได้ดูกัน เล่นมันจนหัวโดนกำแพง
ว่าพลางทางลงจากเรือนมา หาพันนายบ้านตามตำแหน่ง
ปะตัวพันโชติกำนันแตง ชี้แจงความเล่าให้เขาฟัง
พลายแก้วลูกข้าอาสาทัพ ยังไม่ทันได้กลับอยู่ภายหลัง
อีแม่เถ้าซุกซนพ้นกำลัง เชื่อฟังคนยุว่ามันตาย
ช่างไม่สืบดูให้รู้ข่าว ยกลูกสาวให้มีผัวเสียง่ายง่าย
คงจะเกิดความใหญ่กันมากมาย ขอเชิญนายไปด้วยช่วยเป็นพยาน ฯ
๏ ครานั้นพันโชติกำนันแตง ฟังแจ้งทองประศรีมาว่าขาน
เขาอาสาไปทัพรับราชการ ต้องเป็นภารธุระของตัวเรา
จำจะไปว่ากล่าวเสียให้งาม เมื่อไม่ฟังก็ตามความคิดเขา
จะได้พ้นความผิดติดตัวเรา ว่าเท่านั้นแล้วก็รีบมา
ครั้นถึงบ้านท่านยายศรีประจัน ชวนกันขึ้นไปบนเคหา
นั่งที่เตียงตั้งสั่งสนทนา พันโชติจึงว่านี่แน่ยาย
พลายแก้วเขาสิอาสาทัพ รับสั่งตรัสใช้เป็นมากหลาย
ยังมิได้รู้เห็นว่าเป็นตาย จะด่วนทำวุ่นวายไม่บังควร
ซึ่งจะยกลูกสาวให้มีคู่ พิเคราะห์ดูให้ดีถี่ถ้วน
ฉวยเกิดถ้อยความลามลวน จะต้องกวนข้าเจ้าให้ส่งตัว
ศรีประจันว่าพ่อเอ๋ยอย่าพักว่า ลูกข้าคงจะให้มันมีผัว
จะเกิดเหตุอย่างไรก็ไม่กลัว เงินทองรดหัวให้มันไป
คนทุกวันมันจะให้ใครดี ถึงหาไม่ว่ามีแกล้งเสกใส่
ถ้ามาดแม้นไปทัพกลับมีชัย ก็จะพึ่งอะไรได้กับมัน ฯ
๏ ท่านยายทองประศรีได้ฟังว่า เจ็บใจหนักหนาจนตัวสั่น
เป็นไรเป็นไปได้ดูกัน ฉันบอกกล่าวทั่นทั้งสองนาย
แน่เฮ้ยอียายศรีประจัน กูว่าเท็จอย่าให้ทันตะวันบ่าย
เพราะกูสมัครรักลูกชาย ออพลายกูห้ามมันไม่ฟัง
มันพึ่งรุ่นเล็กเป็นเด็กหนุ่ม กลัดกลุ้มไม่คิดดูหน้าหลัง
หลงรักวอนวิงเอาจริงจัง กูจึงเซซังมาตามใจ
ถึงเอ็งจะพรากจากออพลาย กูหามีความเสียดายสักนิดไม่
ด้วยพืชพรรณมันไม่น่าจะอาลัย นี่ซังตายว่าไว้พอเป็นที
ว่าแล้วก็ลงจากเรือนพลัน วันทองวิ่งถลันตามทองประศรี
ศรีประจันฉวยไม้ไล่ต้านตี ฉุดวันทองรี่ขึ้นบนเรือน
ทองประศรียื้อยุดฉุดชิงกัน ศรีประจันเรียกข้ามากล่นเกลื่อน
พวกศรีประจันมากลากขึ้นเรือน ทองประศรีหน้าเฝื่อนโกรธกลับไป ฯ
๏ ครานั้นจึงเจ้าขุนช้างล้าน ครั้นถึงวันนัดงานหาช้าไม่
จัดแจงรีบร้อนไม่นอนใจ สั่งบ่าวไพร่ให้ขนเครื่องหอมา
ครั้นถึงบ้านท่านยายศรีประจัน พวกพ้องพร้อมกันเป็นหนักหนา
พันศรราทยาศรพระยา ขุนช้างก็มาพร้อมเพรียงกัน
ฟื้นที่ขุดดินตั้งเสาหมอ ยกเครื่องเรือนต่อขมีขมัน
ปรับพื้นติดฝาเข้าฉับพลัน แล้วมุงหลังคานั้นทันที
ฝ่ายว่าท่านยายศรีประจัน จัดสรรของเลี้ยงไว้ถ้วนถี่
กับข้าวของหวานล้วนดีดี เลี้ยงกันอึงมี่ทั้งบ้านไป
นางวันทองมองเห็นหอขุนช้าง ใจนางแทบจะคลั่งนั่งร้องไห้
เพ้อพร่ำร่ำด่าเป็นบ้าใจ แช่งชักส่งไปไม่ไยดี
ขุนช้างปลูกหอสำเร็จพลัน ลาท่านศรีประจันมาจากที่
ครั้นถึงบ้านพลันทันที เตรียมขันหมากอึงมี่อยู่วุ่นไป ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน กับบ่าวนั้นก็มาหาช้าไม่
ครู่หนึ่งถึงวัดป่าเลไลย ขึ้นบันไดไปหาท่านสมภาร
เอาหมากพลูประเคนเข้าทันที ว่าวันนี้นิมนต์สวดมนต์บ้าน
ด้วยออแก้วนั้นตายวายปราณ จะทำงานวันทองกับขุนช้าง ฯ
๏ ครานั้นท่านขรัวตาจู ฟังดูวิปริตเห็นผิดอย่าง
ออแก้วยังไม่ตายวายวาง งดพลางฟังรูปก่อนเป็นไร
รู้แน่แล้วฤๅว่ามันตาย ปลายมือมันจะเกิดเนื้อความใหญ่
ฟังคำรูปว่าอย่าเบาใจ เห็นจะไม่เป็นผลดอกกระมัง
ศรีประจันฟังว่าก็ขัดใจ เจ้าคุณนี่อะไรพลอยบ้าหลัง
หลงเพ้อพูดไปไม่จิรัง เชื่อฟังไม่ได้ไม่เอาการ
ขรัวจูว่าดูเถิดศรีประจัน มางกงันเจรจาว่าขาน
กูนี้มิใช่การก็เป็นการ ด้วยออแก้วมันเป็นหลานได้เลี้ยงมา
เมื่อไม่ฟังรูปห้ามก็ตามใจ นิมนต์องค์อื่นไปเถิดดีกว่า
รูปกลัวออแก้วมันกลับมา มันจะว่ารู้เห็นพลอยเป็นใจ
ศรีประจันลาแล้วลุกเก้กัง มายังวัดกลางหาช้าไม่
แล้วแวะวัดพลับลำดับไป นิมนต์ให้สวดมนต์เวลาเย็น ฯ
๏ ครานั้นท่านยายเทพทอง จัดของขันหมากขะมักเขม้น
สั่งข้าด่าทอคอเป็นเอ็น ช่วยกันวิ่งเต้นบ้างเป็นไร
เฮ้ยบอกยายกลอยกับยายสาย จนจะบ่ายแต่งตัวหาแล้วไม่
ตะวันสูงอยู่แล้วจะได้ไป แชเชือนอยู่ทำไมไม่แต่งตัว ฯ
๏ ครานั้นยายกลอยกับยายสาย ผลัดผ้าวุ่นวายแล้วหวีหัว
พวกแต่งเด็กจัดแจงแต่งกันนัว พร้อมทั่วขันหมากยกออกมา
ยกขันหมากเอกทั้งสี่ขัน เลือกสรรเชื้อผู้ดีที่มีหน้า
ล้วนรุ่นสาวขาวสวยสะอาดตา แต่งตัวเต็มประดามาด้วยกัน
ให้หามโหรีที่ดียอด ระนาดฆ้องหน่องหนอดเสนาะลั่น
ได้ฤกษ์เอิกเกริกแล้วยกพลัน เสียงสนั่นอื้ออึงคะนึงไป
ครั้นมาถึงบ้านท่านศรีประจัน โห่ร้องฆ้องลั่นอยู่หวั่นไหว
ตาผลหัวล้านทะยานไป ปิดประตูมิให้ใครเข้ามา
เถ้าแก่แก้เงินออกยื่นให้ แกจึงเปิดให้ไปบนเคหา
ขันหมากตั้งเคียงเรียงกันมา เถ้าแก่นำหน้าขึ้นนั่งพรม
เถ้าแก่ที่เรือนก็ต้อนรับ จึงนับโต๊ะเตียบใหญ่ใส่ขนม
ทั้งหมูไก่เหล้าเข้มเต็มขวดกลม กล้วยส้มร้อยสิ่งตามสัญญา
ทุนสินเงินตราผ้าไหว้ เอาออกนับรับใส่โต๊ะสามขา
เถ้าแก่สองข้างต่างสนทนา ขนของเข้าเคหาด้วยทันใด
แถมพกยกให้ตามทำนอง เอาข้าวของคาวหวานมาตั้งให้
เลี้ยงดูอิ่มหนำสำราญใจ เถ้าแก่กลับไปโดยฉับพลัน ฯ
๏ ครั้นรอนรอนอ่อนแสงพระสุริย์ฉาย ขุนช้างแต่งกายขมีขมัน
อาบน้ำผลัดผ้าแล้วทาจันทน์ พอกพันขนอกรกรุงรัง
จะแต่งตัวไปให้เต็มประดา หยิบกระจกยกมาประจงตั้ง
ขี้ผึ้งอะไรเหนียวเหมือนเคี่ยวตัง เฝ้านั่งเวียนมองส่องดูเงา
กูแค้นใจกับอ้ายหนวดนี่ยวดยิ่ง ไยไม่วิ่งขึ้นไปงอกบนหัวเล่า
มาแกล้งขึ้นที่คางเป็นครังเครา ยิ่งโกนมันยิ่งเอาหนักขึ้นมา
ส่วนผมบนกระบานสิล้านเกลี้ยง มันหลีกเลี่ยงกันไปให้ขายหน้า
แล้วนุ่งยกอย่างดีมีราคา พึ่งซื้อหามาได้แต่ในวัง
ห่มส่านอย่างดีสีสะอาด เข็มขัดคาดราคากว่าสิบชั่ง
ลงจากเรือนเดินมาเก้กัง บ่าวไพร่ตามหลังสะพรั่งมา
เพื่อนบ่าวชาวบ้านก็มาด้วย เห็นสะสวยดูตัวหัวเราะร่า
พวกคนดูซุบซิบกระหยิบตา เฮ้ยดูคนสองหน้าตาลุกโพลง
ถึงบ้านท่านยายศรีประจัน ตาผลนั้นจึงหับประตูโผง
ขุนช้างขัดใจว่าไอ้โกง อ้ายล้านตายโหงมาแกล้งใคร
ตาผลว่าเจ้าประคุณขุนช้างขา ลูกล้านมาแต่แดงแดงหาแกล้งไม่
พ่อเศรษฐีมั่งมีเป็นเท่าไร เอาเงินให้ลูกเถิดจะเปิดรับ
ส่งเงินให้ตาผลขึ้นบนหอ นั่งระเบียงเรียงต่อเป็นอันดับ
ได้เวลาพระมาครบสำรับ ทั้งวัดพลับวัดกลางที่วางมา
พระเข้าไปในหอนั่งรออยู่ จับมงคลคู่ไว้คอยท่า
ฝ่ายยายศรีประจันผู้มารดา ให้ลูกยานุ่งขาวห่มขาวพลัน
นางพิมขัดใจไม่ยอมนุ่ง แกตีผลุงเข้าที่หลังดังสนั่น
อีว่ายากปากกล้าเอาผ้าพัน ปลํ้ากันอุตลุดฉุดมือมา
นางพิมเหนี่ยวสายยูประตูแน่น แกฉุดแขนตัวสั่นตีนยันฝา
มือหลุดล้มไถลไปเป็นวา แกเดือดด่าแปรดแปร้นลุกแล่นไป
ยืนร้องบอกมาว่าชีต้น สวดมนต์เถิดเจ้าคะจะเข้าไต้
เจ้าสาวเจ็บจุกครางอยู่ข้างใน มาซัดน้ำไม่ได้แล้วเจ้าคะ
สวดจบจะขอทานนํ้ามนต์ไว้ รดเอาข้างในได้ดอกหนะ
ขุนช้างคอยดูอยู่เงอะงะ อาราธนาศีลพระก็สวดมนต์
ซัดน้ำสำเร็จเสร็จสรรพ พระกลับยกสำรับกันสับสน
เพื่อนบ่าวผลัดผ้ามาทุกคน นั่งข้างบนกินเลี้ยงเรียงกันมา
ครั้นกินอยู่อิ่มหนำสำราญ ต่างก็กลับไปบ้านด้วยหรรษา
ขุนช้างกริ่มใจไม่ไคลคลา หาเสภามาขับรับมโหรี ฯ
๏ รุ่งเช้าสมภารแลพระสงฆ์ พอสุริยงรุ่งแจ้งแสงศรี
ครองผ้าลงมาจากกุฎี บาตรตะลุ่มโอมีสำหรับมา
ถึงหอใหม่ขึ้นไปเป็นอันดับ แม่ครัวจัดสำรับไว้คอยท่า
เณรยกบาตรตั้งไม่รั้งรา พระก็สวดคาถาขึ้นฉับพลัน
ขุนช้างเอื้อมมือถือขันข้าว จับเอาทารพีขมีขมัน
จึงร้องมาว่าคุณแม่ศรีประจัน เอ็นดูฉันให้แม่พิมหล่อนออกมา
ใส่บาตรด้วยกันร่วมขันเสีย หล่อนเป็นเมียฉันแล้วคุณแม่ขา
ศรีประจันฟังคำร้องซ้ำว่า เป็นไรหวาออพิมไม่ออกไป
นางพิมเคืองข้องร้องตวาด ข้าหาปรารถนาไปใส่ไม่
อายกับหมูหมาพวกข้าไท ว่าแล้วรํ่าไรร้องไห้งอ
ศรีประจันบ่นพลางครางฮือ ขุนช้างเจ้าอย่าถือเลยอีพ่อ
ตั้งแต่เจ็บเต็มทีเมื่อปีจอ ใจคอมันให้กลุ้มคลุ้มคลั่งไป
ขุนช้างว่าลูกเห็นก็เช่นนั้น แม่พิมหล่อนเป็นสันนิบาตไข้
ถึงจะขุดโคตรเค้าสักเท่าไร ลูกก็ไม่ถือหล่อนอย่าร้อนรน
พระสวดจบสำเร็จเสร็จสรรพ เจ้าเณรยกสำรับมาสับสน
ขนมจีนน้ำยาห้าคะนน ชีต้นฉันได้ใส่เต็มที
จัดแจงข้าคนขนของหวาน ใส่จานเชิงเทียบเป็นที่ที่
ทองหยิบฝอยทองล้วนของดี ตามมีใส่ลงแล้วส่งมา
ประเคนท่านฉันอิ่มแล้วเสร็จสรรพ ยกสำรับเกะกะพระยถา
เจ้าเณรขนกระจาดดาษดา พระก็ลามายังอารามพลัน ฯ
๏ ครั้นพลบคํ่ายํ่าแสงทินกร ขุนช้างนอนอยู่ในหอใหญ่นั่น
แต่คลั่งคลุ้มงุ่มง่ามมาสามวัน ให้ผูกพันถึงเจ้าพิมกระหยิ่มใจ
แต่ลองข้อนนอนกอดหมอนข้างนึก เต็มดึกนั่งเพ้อจนเหลอใหล
เหงื่อเปียกเปื้อนที่นอนร้อนภายใน ครั้นหลับไปก็ละเมอเพ้อถึงพิม
ลุกขึ้นนั่งตีกรับขับเสภา โอ้ว่าเจ้าสาวแท้อีแม่ฉิม
เมื่อไรจะให้มาเชยชิม เจ้าขนมปลากริมของพี่อา
แม้นปะแล้วจะซดให้หมดหม้อ แม่ปลาหมอต้มเค็มพี่เต็มหา
อยากจะใคร่กินเหล้ากับเต่านา คุณแม่ส่งตัวมาให้ข้าเอย ฯ
๏ ศรีประจันได้ฟังนั่งชมเปาะ เหมือนเจ้าเงาะขับเสภาเจ้าข้าเอ๋ย
จึงปลอบลูกยาอย่าช้าเลย เจ้าก็เคยเข้าหออย่าท้อใจ
นางวันทองแค้นคั่งประดังร้อง กระทุ้งห้องสนั่นหวั่นไหว
ชังนํ้าหน้าอ้ายหัวล้านขี้คร้านไป แม่จะใคร่ได้เขาก็เอาเอง
ตะแก่ฟังลูกยาว่าประชด มันเหลืออดถกเขมรขึ้นเต้นเหยง
ดูอีพิมว่าได้ช่างไม่เกรง แกฉวยไม้ป่ายเป้งลงหลายที
นางวันทองร้องแซ่พ่อแม่เอ๋ย ข้าไม่เคยพบเห็นเช่นนี้นี่
เขาไม่รักอ้ายล้านมาพาลตี คนไม่อายอายผีบ้างเถิดรา
ยังส่งเสียงเถียงคำไม่ตกฟาก แกฉวยเชือกกระชากมาจากฝา
มัดมือยื้อโยงขึ้นหลังคา เอาไม้มาตีกลมระดมไป
จะเข้าหอฤๅไม่ให้เร่งว่า มิบอกมาแล้วแม่หาแก้ไม่
นางวันทองร้องดิ้นจะสิ้นใจ พี่สายทองไปไหนไม่เข้ามา
ช่วยด้วยเถิดจะม้วยในครั้งนี้ ขอโทษน้องทีเถิดพี่ขา
สายทองได้ฟังหลั่งน้ำตา วิ่งมาชิงไม้มิให้ตี
แม่อย่าหักด้ามพร้าด้วยหัวเข่า ตกนักงานข้าเจ้าอย่าจู้จี้
ฉันจะช่วยปลอบหล่อนให้อ่อนดี ทำไมที่จะเข้าหออย่าท้อใจ
ว่าแล้วแก้มัดที่มือน้อง พาเข้าในห้องยังร้องไห้
สายทองรีบร้นไปฝนไพล ทาหลังไหล่ลูบที่แนวตี
นางวันทองบ่นไปถึงพลายแก้ว จะตายแล้วฤๅจะอยู่ไม่รู้ที่
ถ้าพ่อตายลางร้ายคงจะมี ครั้งนี้สุดคิดในจิตรใจ
จะไปสืบให้ตระหนักประจักษ์แจ้ง ไม่รู้แห่งกรุงศรีอยู่ที่ไหน
เป็นหญิงเหลือจะวิ่งไปกลางไพร ในป่าไม้เสือสัตว์สารพัน
จะนิ่งอยู่ก็ภัยใกล้เช่นนี้ น่าที่ตัวน้องจะอาสัญ
นี่เนื้อแท้ว่ากรรมมาตามทัน แต่รำพันจนหลับระงับไป ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ