ตอนที่ ๑๙ ขุนช้างตามนางวันทอง

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าขุนช้าง เขาแถกหัวไว้เป็นทางหาตื่นไม่
พอสิ้นสะกดขุนแผนแว่นไว ฟื้นสมประดีได้ก็ตื่นตา
ระบมหัวมัวคลำที่ถกถอน เกลี้ยงกล้อนเช่นนี้ผิดทีหวา
เนื้อตัวล้วนมินหม้อมอลอทา เอ๊ะอย่างไรกูมาอยู่ใต้เตียง
ลุกขึ้นไม่เห็นเจ้าวันทอง ตะโกนก้องร้องเรียกจนสุดเสียง
เมื่อหัวคํ่ายังวอนให้นอนเคียง เที่ยงคืนพี่ยังพลิกมากอดนาง
แลดูเห็นประตูนั้นเปิดโล่ง กระโดดโผงมามองช่องหน้าต่าง
ไม่เห็นน้องย่องออกมาหอกลาง เห็นม่านขาดกลาดขวางวางกระจาย
กอดม่านที่กองร้องไห้จ้า อ้ายขุนแผนแล้วมาพาหนีหาย
เรียกข้าด่าดุอยู่วุ่นวาย มุดหัวจนผู้ร้ายมันขึ้นมา
ข้าคนบนเรือนต่างร้องแรก ตื่นแตกว่าเสือเข้ากัดหมา
ขุนช้างหวดขวับทั้งหลับตา มันร้องว่าเสือป่ามากินคน
อ้ายทองลืมตาว่านี่อะไร เสือฤๅมิใช่ไม่มีขน
เอ๊ะผีฤๅแพะแงะจะชน มือตีนเหมือนคนอ่อสมภาร
สาธุสะจะประสงค์สิ่งอันใด ขุนช้างขัดใจไล่งุ่นง่าน
เที่ยวค้นหาวันทองลงมองคลาน เห็นพงพานเกลื่อนกลาดประหลาดใจ
เปิดหีบผ้าหายไปหลายผืน ยิ่งสะอื้นไม่สมประดีได้
ทั้งแหวนหัวก็หายไปหลายใบ แลไปเห็นหนังสือที่ฝาพลัน
ในใจความนั้นว่าเจ้าวันทอง มัวหมองวิโยคโศกศัลย์
ให้เร่งติดตามไปในไพรวัน เมื่อไก่ขันขุนแผนแสนศักดา
สะกดขึ้นเรือนเข้ามาในห้อง น้องได้ปลุกผลักเป็นหนักหนา
ได้ทัดทานเขาไว้เป็นหลายครา เขาเงื้อดาบจะฆ่าเสียให้ตาย
เป็นหญิงจนจริงจึงไปด้วย เพราะไม่มีใครช่วยใช่หนีหน่าย
พ่ออย่าทิ้งไว้ให้วอดวาย ถ่ายเทติดตามให้ทันที
อ่านหนังสือแล้วทูนขึ้นเหนือหัว กลิ้งเกลือกเสือกตัวอยู่กับที่
ช่างกะไรไม่รู้สมประดี ผัวนี้ชั่วแล้วเจ้าแก้วตา
หลับกะไรช่างไม่รู้สึกตัว อ้ายขุนแผนโกนหัวเล่นต่างหมา
เจ้าปลุกก็ไม่ตื่นฟื้นขึ้นมา อีพรายทั้งห้ามันแกล้งกู
เสียแรงเลี้ยงให้พิทักษ์รักษา เซ่นเหล้าข้าวเต่าปลาทั้งไก่หมู
มันแกล้งเฉยเสียได้ไม่แลดู ให้ผู้ร้ายจู่ลู่มาราวี
กูจะถ่วงทิ้งมึงทั้งโขยง ให้ตายโหงตายห่าอีห้าผี
ร้องเรียกศรพระยาไม่ช้าที เอ็งนี้ช่างกะไรมุดหัวนอน
อ้ายขุนแผนขึ้นมาจนในห้อง ลักเอาเจ้าวันทองไปซุ่มซ่อน
ประตูบ้านอย่างไรไม่ใส่กลอน ทั้งผ้าผ่อนเงินทองก็หายไป ฯ
๏ ศรพระยาว่าฉันอยู่เรือนอื่น จะมาขืนโกรธเอาอย่างไรได้
แต่มันลักโกนหัวออกเลี่ยนไป พ่อยังไม่รู้สึกสมประดี
จะหลงเอาเขาทำไมอีพ่อคุณ เคืองขุ่นร้องไห้ทำไมนี่
จะเสียดายตายอยากไปไยมี เขาไม่รักจึงหนีอีพ่อไป ฯ
๏ ขุนช้างตอบไปดังใจจง กูหาหลงรักอีวันทองไม่
แค้นนักด้วยมันลักเงินทองไป ถ้าจับได้ก็จะเชือดให้เลือดนอง
อ้ายขุนแผนและจะแง้นเอาดาบสับ ชิงเอาสินทรัพย์ทั้งข้าวของ
ฟันฟาดให้มันขาดเป็นกองกอง รับแต่แม่วันทองโอ๊ยลืมไป
ศรพระยาหัวร่ออยู่งองัน ขุนช้างหันมาสั่งกับบ่าวไพร่
จงบอกพวกชาวดงพงไพร ที่เราได้ว่ากล่าวแต่ก่อนมา
กะเหรี่ยงละว้าในป่าใหญ่ ที่เคยมาชั่งเนื้อไม้กฤษณา
ไปบอกข่าวป่าวร้องเรียกกันมา ห้าร้อยคอยท่าจะยกไป ฯ
๏ ครั้นพวกโยธามาพร้อมพรั่ง ขุนช้างสั่งให้เลี้ยงละว้าไพร่
เอาเหล้ากรอกช้างวางเข้าไป ห้าเทถึงใจไอ้พลายกาง
แล้วรีบมายังเรือนท่านมารดา กราบกับบาทาทั้งสองข้าง
เล่าความตามจริงไม่อำพราง เมื่อกลางคืนอ้ายขุนแผนมา
มันสะกดเข้าไปจนในห้อง ลักเอาข้าวของไปหนักหนา
ลักไปทั้งวันทองน้องยา ลูกจะลาคุณแม่ติดตามไป
ถ้าทันแล้วจะฟันเสียให้ยับ รับวันทองน้องกลับมาจงได้
การสงครามลูกไม่ขามเข็ดใคร จงอวยชัยให้ลูกสวัสดี ฯ
๏ ครานั้นเทพทองผู้มารดา ตอบว่ารักใคร่ทำไมนี่
มันตามผู้ชายไปใจไม่ดี ไม่พอที่ติดตามมันทำไม
เลือกสรรทั้งสุพรรณบุรี ดีดีสู่ขอก็พอได้
ฟังแม่เถิดอย่าแร่ตามมันไป มันไม่คืนแล้วนะลูกอา ฯ
๏ ขุนช้างตอบคำรำพันไป วันทองไม่ชั่วดอกคุณแม่ขา
เจ้าได้ปลุกลูกรักเต็มประดา เขาเงื้อดาบจะฆ่าเสียให้ตาย
ตัวเป็นหญิงจนจริงจึงจำไป เขียนหนังสือบอกไว้เป็นมากหลาย
ลูกจึงมีจิตรคิดเสียดาย แม่อย่าห้ามลูกชายจงให้พร ฯ
๏ เทพทองเหลือห้ามก็ตามใจ จงมีชัยเรืองฤทธิ์ดังพิษศร
ไปพบวันทองในป่าดอน ให้อาลัยใจอ่อนกลับคืนมา
ถ้าขุนแผนต่อสู้อย่าสู้ได้ ให้บรรลัยแพัฤทธิทุกทิศา
ให้สมหวังดังประสงค์ของลูกยา ขุนช้างรับพรลามาหอกลาง
จัดแจงแต่งตัวนุ่งยก เข็มขัดรัดอกแล้วโจงหาง
ผูกตัวเข้าเป็นพรวนล้วนเครื่องราง พระปรอทขอดหว่างมงคลวง
ลูกไข่ดันทองแดงกำแพงเพชร ไข่เป็ดเป็นหินขมิ้นผง
ตะกรุดโทนของท่านอาจารย์คง แล้วอมองค์พระคะวำลํ้าจังงัง
ลงยันต์ราชะปะท้ายทอย ยังหยอมแหยมหยอกหยอยเหมือนหอยสังข์
จับถือของ้าวก้าวเก้กัง ขึ้นนั่งคอช้างพลายกางพลัน
ศรพระยาขี่ท้ายย้ายโยกตาม ดูงามราวกับตุ๊กตาปั้น
บ่าวไพร่เมาหราตาเป็นมัน พร้อมกันคอยท่าหน้าบันได
ครั้นได้พิชัยฤกษ์ดี ฆ้องตีต้อนเตือนละว้าไพร่
โบกธงตรงเข้าไปราวไพร ยิงปืนไฟขานโห่เป็นโกลา
กะเหรี่ยงละว้าถือหน้าไม้ ลูกใส่ยาพิษฤทธินักหนา
ขุนช้างขับช้างย่างเหย่ามา ไม่รั้งราพักพวกพลไกร ฯ
๏ ครั้นออกมานอกเมืองสุพรรณ ให้อัดอั้นพะวงสงสัย
จะตามไปแห่งหนตำบลใด พอแลเห็นพรานไพรนั้นเดินมา
ขุนช้างเรียกถามเนื้อความไป เองเห็นบ้างฤๅไม่อย่างไรหวา
ผู้ร้ายลักเมียของกูมา มันขี่ม้าสองคนด้นหนีไป
พรานรอดขอรับกราบกราน ดีฉานเห็นอยู่จะบอกให้
ขุนช้างลงจากช้างด้วยดีใจ ยกไหเหล้ารินกินด้วยกัน
พรานรอดถูกเหล้าเข้าเก้าถ้วย งงงวยบอกที่ขมีขมัน
ฉันได้เห็นเป็นแน่แลดูมัน เมื่อไก่ขันมันข้ามแม่น้ำไป
ขี่ม้าหยอกหยิกกันซิกซี้ จับจี้นมจู้ดูไม่ได้
นางผู้หญิงแขนอ่อนงอนเหลือใจ แข้งขาคว้าไขว่กันบนอาน
เดี๋ยวนี้มันไปนอนท่าต้นไทร ฉันจะนำนายให้ไปกับฉาน
ขุนช้างได้ฟังคลั่งเดือดดาล เหงื่อกาลไหลตกซกซกไป
ฉวยขอขึ้นคอช้างงา พรานรอดนำหน้าเข้าป่าใหญ่
เกือบกระทั่งถึงท่าที่ต้นไทร เพื่อนชี้ให้รู้แจ้งแห่งสำคัญ ฯ
๏ จะกล่าวถึงโหงพรายกุมารทอง ของขุนแผนรักษาอยู่ที่นั่น
เห็นกองทัพยกตามมาครามครัน ก็พากันวิ่งเข้ามาปลุกนาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์พริ้งเพริศเฉิดฉาย
อาศัยใต้ต้นพระไทรพราย แสนสบายชิดชื้อชะอื้อลม
สนิทหลับอยู่กับวันทองน้อย ตะวันบ่ายชายคล้อยสำราญร่ม
เสียงเรไรหริ่งร้องก้องระงม ฟื้นสมประดีด้วยกุมารมา
พลิกกลับจับดาบปราบณรงค์ เห็นพลกลาดดาษดงมาหนักหนา
จึงปลอบปลุกวันทองน้องพี่อา แก้วตาจงฟื้นขึ้นตื่นตัว
ล้างหน้าเตรียมหาผ้านุ่งห่ม คอยชมศึกชู้จะสู้ผัว
ฤๅว่าเจ้าเศร้าจิตรคิดกลัว จะออกตัวเสียก็ตามแต่ความคิด
ขุนช้างโตใหญ่ไพร่นับร้อย พี่คนเดียวเล็กจ้อยกะจิหริด
ผัวน้องเลื่องชื่อฦๅฤทธิ พี่นี้ชีวิตเป็นวันตาย
หนักอกวิตกด้วยวันทอง ขุนช้างมัวหมองเป็นมากหลาย
เพราะเจ้าทำผิดใจให้ระคาย จึงติดตามมุ่งหมายมาป่าชัฏ
ครั้นพบหลบเลี่ยงไม่ออกหา จะโกรธาเรี่ยวแรงที่แข็งขัด
เขาจับได้จะพิฆาตฟาดฟัด ฉีกตัดแล่เนื้อเป็นเหยื่อกา
คิดเสียใหม่เป็นไรเจ้าวันทอง เขารักน้องเขาจึงออกมาตามหา
ถ้าว่าไปดีดีมิโกรธา คงรับขวัญแก้วตาไปชมชู
ตัวพี่ก็จะหนีเอาตัวรอด จะเล็ดลอดป่าไปไม่ต่อสู้
ฤๅกะไรใจเจ้าจงคิดดู จะอยู่ฤๅจะคืนอย่าเคืองใจ ฯ
๏ วันทองหมองคำที่ค่อนแค้น เหลือแสนสิ้นรักฤๅไฉน
น้องหากหมายฝากชีวิตไป ตัดอาลัยจึงละขุนช้างมา
ช่างกะไรไม่คิดถึงความหลัง เจ้าก็ขลังความรู้อยู่หนักหนา
เลื่องชื่อฦๅฤทธิทั้งโลกา ดังจะพลิกพสุธาให้ทำลาย
พลเขาเท่านี้มาตามรบ จะหลีกหลบหนีหน้าเอาง่ายง่าย
เรืองฤทธิช่างไม่คิดกับความอาย น้องสู้ตายตามบุญไม่กลับไป
ถึงอย่างไรไว้ชื่อให้ฦๅนาน ที่จะไปตายบ้านอย่าสงสัย
ถ้าหม่อมกลัวแฝงตัวอยู่ต้นไทร ส่งฟ้าฟื้นมาให้น้องรบเอง ฯ
๏ เออว่ากระนี้พี่ชอบใจ จะแต่งตัวพิมไปให้เหมาะเหมง
เสื้อหมวกย้อมว่านยาผ้ากางเกง เกรงแต่จะขึ้นม้าขาไม่เคย
เจ้าจะรำเพลงทวนกระบวนตี ท่วงทีขุนช้างคล่องนะน้องเอ๋ย
หอกมันโตใหญ่กะไรเลย เสยแทงถูกเจ้าจะเข้าครัน
พี่เป็นชายจะตายก็ตามที แก้วพี่จะลำบากไปไยนั่น
ว่าพลางจัดแจงแต่งตัวพลัน ตามสำคัญเคยรบณรงค์มา
ร่ายเวทวิเศษเป่าประทับ จบจับฟ้าฟื้นข้างมือขวา
แล้วร่ายมนตร์ขลังกำบังตา ใครมามิให้เห็นเจ้าวันทอง
ผูกจิตรให้สนิทเสน่ห์อยู่ ทั้งอาวุธศัตรูมิให้ต้อง
เผ่นขึ้นม้าสีหมอกออกคะนอง กุมารทองภูตพรายก็ตามมา
จึงสั่งพรายให้ถอนหญ้าแพรกส่ง ปลงอารมณ์โอมอ่านพระคาถา
กลายเป็นคนพลันมิทันช้า สาตราง้าวทวนก็ถ้วนตน
จึงกำชับยับยั้งอยู่นี่ก่อน เร้นซ่อนอยู่ในไพรสณฑ์
ต่อกูเรียกเมื่อไรให้ประจญ จึงออกไปไล่พลอ้ายขุนช้าง
สั่งแล้วกระทืบสีหมอกม้า โหงพรายล้อมหน้ามาแซงข้าง
ฟ้าฟื้นปลาบตาม้าวิ่งวาง ขุนช้างร้องเอาชาวเรารับ
ดาบหอกออกยืนยกปืนลั่น โห่สนั่นเฮฮาหน้าเพลิงฉับ
ฉาดเปล่าไม่ไปเป็นไฟวับ ขุนแผนขับม้ามาหน้าขุนช้าง
ตวาดด้วยพระเวทวิเศษมนตร์ ผู้คนตื่นวิ่งทั้งปืนผาง
ดาบถือหลุดมือตะลึงวาง ขุนช้างแข็งง่าตั้งท่าทวน
ถูกมนตร์จังงังทั้งนายไพร่ ต่างเกรงฤทธิไกรใจปั่นป่วน
ขุนช้างตกประหม่าเห็นมาจวน ยิงสวนสำทับขับพลมา
พลปืนพลหอกออกสะพรั่ง เสียงดังครื้นครั่นสนั่นป่า
กรูกันเข้าห้อมล้อมอาชา หน้าไม้ไกลั่นสนั่นดัง
สีหมอกหมุนผกชกขบ หลีกหลบเตะถูกลูกคางปั๋ง
อ้ายละว้าว่าม้าพ้นกำลัง เก้กังเข้าไปไล่จับม้า
ขุนแผนตวาดฟาดด้วยดาบ ล้มราบหัวขาดลงดาษป่า
ขุนช้างร้องเอาอย่าออกมา เต้นแร้งเต้นกาบนหลังช้าง
กลัวมันทำไมไอ้หัวเดียว กูแล้วประเดี๋ยวจะเต้นหยาง
ฟันเล่นเป็นหยวกให้ขาดกลาง ศรพระยาไสช้างกูแทงที
ศรพระยาว่าเออเป้อปังไป มันมิใส่เอาล้มลงจมขี้
ช้างอยู่ไกลไกลไม่ว่าดี คะยิกคะยีเข้าไปไม่ต้องการ
ขุนช้างเห็นจริงนิ่งไม่เถียง ส่งแต่เสียงทำเก่งเร่งทหาร
เฮ้ยแยกเป็นปีกกาหน้ากระดาน เอาปืนยิงกรานให้ตกม้า
ได้ช่องกองละว้าเข้าล้อมแทง ยิงแย้งตึงลั่นสนั่นป่า
ประดังกันกระชั้นชิดติดมา ดูโยธาขุนช้างดังพลมด
ไล่พวกกุมารพรายซ้ายขวา ดาบฟาดฉาดฉ่าก็ผิดหมด
ขุนช้างร้องเอาวาอย่าละลด ถอยช้างกระถดออกยืนไกล
ขุนแผนครั้นเห็นพวกละว้า เกลื่อนกลุ้มกันมาเป็นหมู่ใหญ่
จึงเรียกหุ่นพลันทันใด ให้ไล่พลขุนช้างกลางที่รบ
พวกหุ่นโห่ฮึกสะอึกจับ รบรับชุลมุนฝุ่นตรลบ
ละว้าตายก่ายมอญลงนอนซบ บ้างตลบลุกแทงเข้าแย้งรับ
แทงหุ่นหยุ่นหยุ่นไม่ยักเข้า หุ่นกลับฟันเอาดังฉาดฉับ
พวกขุนช้างแตกพ่ายกระจายยับ ขุนช้างกลับช้างขี่หนีออกมา
ขุนแผนขับขี่สีหมอกไล่ จะไสช้างไปไหนไอ้ชาติข้า
ขุนช้างร้องไปทำไมวา ไสช้างเข้าป่าสวบสวบไป
หนามเหนี่ยวเกี่ยวสัปคับยวบ หักกรวบตกช้างข้างไถล
ศรพระยาโดดปุกวิ่งซุกไป ราทยาอยู่ไม่ได้ก็โดดตาม
ขุนช้างตกช้างลงต้ำผลุง หลังกุ้งวิ่งตรงเข้าดงหนาม
เกี่ยวเนื้อปอกไปเลือดไหลทราม อารามกลัวมุดไปไม่หยุดเลย
เถาวัลย์พันขาลงดิ้นแด่ว กูติดบ่วงเข้าแล้วปลดทีเหวย
อ้ายย่าโม่ทิ้งกูไม่อยู่เลย อกเอ๋ยหมดท่าเข้าตาจน
สิ้นกำลังนั่งลงในดงหนาม เลือดฝาดสาดทรามดังฝอยฝน
ครั้งนี้ที่ไหนจะเป็นคน ถ้ามันทันคงป่นไม่พ้นตาย
รักเมียจะมาเสียถึงชีวิต คิดคิดขึ้นมาน่าใจหาย
ผ้าผ่อนสักนิดไม่ติดกาย มาตายเปล่าเปล่าไม่เข้ายา ฯ
๏ ฝ่ายพวกขุนช้างที่หลบหนี ครั้นเห็นไพรีไม่ตามหา
ราทยามาพบศรพระยา ต่างเรียกบ่าวข้าเที่ยวหานาย
แยกย้ายกันหาในป่าชัฏ ช่วยกันตัดดงรามหนามหวาย
ช้านานอ่อนใจจึงได้นาย ดูยับดังเสือตะกายไปทั้งตัว
พวกบ่าวกอดนายร้องไห้รัก เคราะห์พ่อร้ายนักพ่อทูนหัว
จะฆ่าลิงปิ้งค่างสักสองตัว พอยังชั่วหายแผลจะแก้บน
เสื้อหมวกหนามหวายเอาไปหมด เลือดหยดหยาดย้อยดังฝอยฝน
ผ้าผ่อนล่อนโล่งไม่ติดตน ลางคนเอาผ้ามาให้นาย
บ้างซับเลือดให้ด้วยผ้าห่ม บ้างล้างโคลนตมบ่งหนามหวาย
กะเหรี่ยงลาวบ่าวไพร่มามากมาย หายารักษานายที่กลางไพร ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน คลายแค้นกองทัพไม่ขับไล่
ห่วงวันทองน้องยารีบคลาไคล สั่งไว้ให้พรายคอยสอดมอง
ครั้นใกล้ร่มพระไทรลงจากม้า ทำเป็นป่วยขาเดินจดจ้อง
หวังจะดูน้ำใจเจ้าวันทอง นวลน้องจะว่าประการใด
ฝ่ายเจ้าวันทองมองคอยผัว ซ่อนตัวอยู่ในร่มพระไทรใหญ่
เห็นผัวกลับมาก็ดีใจ ออกไปรับฉับไวด้วยความรัก
ขุนแผนแขนพาดบนบ่าน้อง กระซิบบอกวันทองพี่ป่วยหนัก
ถูกปืนข้างละลอกให้ยอกนัก เจ้าอย่าเดินให้ขยักขย่อนใจ
วันทองตกใจให้เศร้าสร้อย ค่อยค่อยพยุงเดินมิใคร่ไหว
ขุนแผนทำล้มที่ต้นไทร ประหนึ่งจะบรรลัยด้วยภัยพาล
บอกว่าปืนถูกพี่ที่ต้นขา ปิ้มจะตกม้าน่าสงสาร
พวกขุนช้างมากมายเหลือประมาณ มันตามผลาญพี่เจียนจะบรรลัย
ขุนช้างแทงพี่เข้าตํ้าอัก แทบไส้จะทลักทลายไหล
ทีทวนมันคล่องว่องไว เจ้าช่วยคัดเลือดให้พี่สักที
แล้วจับมือวันทองกดท้องไว้ นี่เลือดฤๅอะไรไหลปรี่ปรี่
จุกนักกดไว้ให้จงดี อ้ายเส้นเต้นหรุบนี้แลกดไว้
วันทองครั้นรู้ว่ามารยา เบือนหน้าค้อนควักแล้วผลักไส
เชิงกระนี้สิเจ้าดีเป็นพ้นใจ เหนื่อยมาพ่อจะได้อะไรกิน
ขุนแผนจึงตอบเจ้าวันทอง น้องเอ๋ยข้าวตังยังไม่สิ้น
ถ้ารักกันเหมือนกระนั้นที่บ้านถิ่น จะคะนึงถึงกินไปไยมี
เจ้ารักพี่เหมือนที่พี่รักน้อง ก็จะลืมแสบท้องเหมือนเช่นพี่
เสบียงติดมาแต่บ้านกาญจน์บุรี เมื่อคืนนี้พี่ไปก็ลืมคิด
แต่พอไปได้แลเห็นหน้าน้อง ที่แสบท้องนั้นก็หายไปเป็นปลิด
นึกแต่จะอิงแอบแนบชิด ด้วยจิตรรักใคร่มิได้วาย
ให้อิ่มอกอิ่มใจไปในน้อง พี่มาดมั่นวันทองก็เหมือนหมาย
วันทองร้องชะช่างภิปราย แยบคายเจ้าไม่น้อยเจ้าร้อยกล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท รุ่งฤทธิฦๅแจ้งทุกแห่งหน
เหลียวชะแง้แลดูพระสุริยน จรดลจวนลับบรรพตา
เรื่อยรถรอนรอนลงอ่อนแสง เด่นแดงแฝงไม้ไพรพฤกษา
จึงชวนเจ้าวันทองน้องพี่อา ไปชำระกายาให้เย็นใจ
วันทองค้อนขัดสะบัดหน้า ตอบว่าฉันป่วยขาเดินไม่ได้
ถูกปืนขี้ปดปวดเหลือใจ สักประเดี๋ยวสิจะไปลงเล่นนํ้า
ขุนแผนว่าอย่าช้านะน้องรัก จะสั่นงักหนาวไปด้วยใกล้คํ่า
รู้แล้วว่าเจ้าเจ็บกองระกำ ด้วยเจ้าทำสงครามมาเต็มที
รบกันที่ร่มไทรได้ฉุกเฉิน จะต้องพยุงเดินฤๅไรนี่
พี่จะอุ้มน้องลองดูที มาสิมาพี่จะอุ้มไป
ฉันเกลียดจริงจริงละคะหม่อม ฉันไม่ใช่คนค่อมเดินไม่ได้
หม่อมเคยอุ้มฉันเมื่อวันไร ว่าแล้วลุกไปด้วยใจงอน
ขุนแผนชวนชมกระแสสินธุ์ มุจลินท์ลมฉํ่าน้ำกระฉ่อน
ดอกปทุมตูมตั้งอรชร บ้างเบิกบานเกสรขจรโปรย
ภุมรินบินเคล้าเข้าคลอเคียง อาบละอองซ้องเสียงอยู่หึ่งโหย
พระพายชายพัดระบัดโบย ที่กลีบโรยหล่นลงชลาลัย
หอมตรลบอบไปในคงคา ดังสุธาทิพรสอันสดใส
นางกรีดเล็บเก็บบัวทั้งดอกใบ มาเจียนตัดกลัดให้เป็นเรือน้อย
ขุนแผนถอนสายบัวเอามาหัก สวมตัวน้องรักต่างสายสร้อย
วันทองเก็บกลีบบัวที่ร่วงลอย เอามาตะบอยเป่าเล่นเป็นพองลม
นํ้าใสปลาว่ายแลเห็นตัว หลีกลัดก้านบัวดูงามสม
บ้างก็แอบแฝงฝั่งบ้างกินตม ชมพลางทางลงเล่นนํ้ากัน
ต่างหัวเราะระริกกันซิกซี้ ยวนยีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ขุนแผนชวนให้ไล่พนัน วันทองร้องว่าฉันจะอยู่โยง
หม่อมอย่าหนีไปให้ไกลนะ ฉันตามไปไม่ปะกลัวตะโขง
ขุนแผนว่าไม่ทันไรไล่ตะโพง อยู่โกงดอกเช่นนี้พี่ไม่เอา
ใครไม่กลัวอสรพิษไม่ปิดตา ไล่ข้าขอให้พบปลาปักเป้า
ให้ปลาซิวกัดที่ไม่มีเบา มันดูดเอาเลือดเนื้ออย่าเหลือเลย
วันทองว่าไม่เล่นละเช่นนี้ น่ากลัวสิ้นทีเจ้าแม่เอ๋ย
เล่นแช่งอย่างนั้นฉันไม่เคย อย่าเลยหม่อมกลับมาปิดตา
ฉันจะหนีไปบ้างให้หม่อมไล่ ถ้าโยงได้แล้วจะเย้ยให้หนักหนา
ว่าพลางนางชำเลืองเยื้องกรายมา โผผวาว่ายไปแฝงใบบัว
ขุนแผนแลไปไม่เห็นน้อง วันทองมองเขม้นเร้นซ่อนผัว
ขุนแผนว่ายเรียงเข้าเคียงตัว นางแอบแฝงผัวที่บัวกอ
ขุนแผนแกล้งเรียกหาตาชม้อย วันทองน้อยฤๅไปซ่อนที่ไหนหนอ
จนจมูกถูกแก้มหัวร่องอ โอ๋ยอ่อนี่แก้มเจ้าวันทอง
ขุนแผนคว้ารัดกระหวัดปลํ้า มือขยำกำเต้าเข้าทั้งสอง
วันทองแกะมือพลางแล้วทางร้อง จับน้องสองข้างไข่แตกกัน
ขุนแผนปรีดิ์เปรมเกษมจิตร นั่งแนบแอบชิดแล้วชมขวัญ
จะสีหลังให้เจ้าเราผลัดกัน วันทองหันหน้าค้อนด้วยงอนใจ
เข้านั่งเรียงเคียงไหล่ใกล้ขุนแผน นางเหยียดยื่นแขนออกมาให้
ขุนแผนแขนสอดไปทันใด เคล้นไคล้ทรวงนางแต่บางเบา
จะสีแขนเป็นไรจึงไม่ทำ มาขยำอะไรที่นี่เล่า
พี่คิดว่าผงติดสะกิดเกา พี่เกือบเป่าอ่อปุ่มเจ้าเป็นเอง
วันทองร้องว่าอุแม่เอ๋ย อย่าค่อนไปนักเลยไม่เหมาะเหมง
นี่ปุ่มปั้นดอกคะมันไม่สบเพลง ไม่เป็นเองเหมือนที่ปีนกำแพงวัง
ดังดอกอุบลมณฑาทิพย์ ครั้นลอยลิบจึงเที่ยวหลงตะลึงคลั่ง
นี่ดอกฟ้าเข้าไปอยู่ในวัง จึงหวังชมดอกหญ้าด้วยจำใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนคะนอง ฟังวันทองค่อนแคะเข้าแสบไส้
แก้เก้อเพ้อว่าอย่าพิไร หญิงใดก็ไม่รักเหมือนนวลน้อง
ว่าพลางชวนนางขึ้นผลัดผ้า เดินเรียงเคียงบ่ามาทั้งสอง
เข้าใต้ร่มใบพระไทรทอง สมปองสุขเกษมเปรมใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างอยู่กลางป่า ปวดแสบนักหนานอนร้องไห้
เป็นเพลาพลบคํ่าลงรำไร บ้างหาไม้สีไฟในไพรวัน
ทำสุมทุมซุ่มซ่อนนอนกลางเถื่อน ที่เจ็บป่วยกล่นเกลื่อนก็ครางลั่น
บ้างกู่ก้องร้องตะโกนเที่ยวหากัน จนดึกดื่นไก่ขันอยู่กลางไพร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิเชี่ยวชาญทหารใหญ่
นอนหลับกับวันทองที่ร่มไทร ตื่นขึ้นพอได้สามยามปลาย
เย็นฉํ่าน้ำค้างแนบนางนอน เอามือช้อนคางชวนชมเดือนหงาย
แสงสอดลอดใบพระไทรพราย เดือนบ่ายต้องเต้าเจ้าวันทอง
เคียงคู่ดูดังสัตตบงกช น้ำค้างหยดหยัดเย็นกระเซ็นต้อง
เหมือนเพชรระยับประดับที่นมน้อง ค่อยประคองลูบไล้อยู่ไปมา
ดึกสงัดสัตว์สิงไม่ส่งเสียง ฟังจำเรียงจักจั่นสนั่นป่า
ดังสังคีตดีดสีปี่ชวา ฟังฟังก็ยิ่งพาวังเวงใจ
พอสางสางพลางชวนเจ้าวันทอง จะแนบน้องอยู่นานนักไม่ได้
ดีร้ายอ้ายขุนช้างจัญไร จะกลับไปใส่โทษพิไรทูล
ให้ยกกองทัพมาจับเรา เคืองพระทัยปิ่นเกล้าเจ้าไอศูรย์
ถ้อยความลามใหญ่เป็นไฟฟูน เห็นจะยกทัพหนูนหนักออกมา
จำเราจะลาพระไทรไป อยู่เสียให้ไกลที่ในป่า
ว่าแล้วเท่านั้นมิทันช้า ชวนวันทองน้องลาพระไทรทอง
รีบมาค้นหาม้าสีหมอก พบที่ตรอกตรวยธารละหานหนอง
ผูกม้าแล้วพาวันทองน้อง ทั้งสองขี่ม้ามาในไพร ฯ
๏ กุมารทองนำหน้าพาจร ข้ามดอนเขาเขินเนินไศล
พระพายพัดเกสรขจรไกล หอมตรลบอบไปในพนา
ดื่นดอกออกช่อบุปผชาติ ดาดาษหว่างเวิ้งจังหวัดผา
จึงชี้ชวนวันทองน้องพี่อา เจ้าดูพรรณบุปผาน่ายวนใจ
พระจันทรจรแจ่มกระจ่างแจ้ง ส่งแสงช่อชูดูไสว
นางแย้มแย้มยิ้มอยู่ริมไพร เหมือนที่ไร่ฝ้ายพิมเจ้ายิ้มแย้ม
ซ่อนชู้ชูช่ออรชร เหมือนเราซ่อนเป็นชู้คู่แฉล้ม
ซ่อนกลิ่นส่งกลิ่นประทิ่นแกม เหมือนกลิ่นแก้มโฉมยงเมื่อส่งตัว
เล็บมือนางกางกลีบกะทัดรัด เหมือนมือเจ้าปรนนิบัติพัดวีผัว
บานเย็นบานสะพรั่งฝั่งสระบัว เหมือนเย็นเช้าเย้ายั่วอยู่กับน้อง
มะลิวันพันระกำขึ้นแกมจาก ได้สามวันกรรมพรากไปจากห้อง
จำปีเคียงโศกระย้าผกากรอง พี่โศกเศร้าเฝ้าตรองกว่าสองปี
อบเชยเผยกลิ่นกลั้วสุกรม วันนี้ได้เชยชมสมสุขพี่
สาวหยุดกุหลาบอาบอวลดี ขอหยุดชมจูบทีเถิดสาวน้อย
นางวันทองร้องว่าช่างน่าชัง กำลังฟังเพลินพลอดอยู่พล่อยพล่อย
ช่างยกข้อยอเล่นจนเลิศลอย เชิญชมดงอิกสักหน่อยจะฟังความ
ชมอื่นก็ไม่ชื่นเหมือนชมเจ้า สบายหายเปลี่ยวเปล่าเมื่อยามสาม
ดวงเดือนเลื่อนลงลับดงราม ดาวตกต่ำตามเมื่อรุ่งฟ้า
แสงทองส่องพุ่มพยับเหลือง สุริยาย่างเยื้องพระเวหา
ฝูงสัตว์จัตุบาทก็ตื่นตา สกุณาลารังระงมร้อง
ค่างลิงวิ่งไล่เตลิดหนี นางชะนีโหยหวนครวญก้อง
กระต่ายตามคู่เล่นเผ่นคะนอง ขุนแผนชักม้าผยองมาในดง ฯ
๏ ครั้นถึงเชิงเขาเข้าเขตไร่ เป็นรอยถางกว้างใกล้ไพรระหง
ที่ตีนเขาเหล่าบ้านละว้าวง พาวันทองน้องตรงเข้าไร่แตง
พวกละว้าพากันปลูกมันเผือก รั้วเรือกหลายชั้นกั้นหลายแห่ง
ที่ยอดเขาล้วนเหล่าไร่ฟักแฟง มะเขือพริกกล้ายแห้งมะแว้งเครือ
พวกละว้าป่าเถินเดินตามกัน สาวสาวทั้งนั้นล้วนใส่เสื้อ
ทาขมิ้นเหลืองจ้อยลอยผิวเนื้อ เป็นชาติเชื้อชาวป่าพนาลี
บ้างนั่งหยอกแย้มยิ้มกันริมผา เห็นคนขี่ม้ามาก็วิ่งหนี
ขุนแผนชักม้ามาทันที หยุดยืนอยู่ที่ริมนอกชาน ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านยายละว้า คนชราแก่เถ้าอยู่เฝ้าบ้าน
เห็นคนขี่ม้ามาลนลาน นี่เจ้านายมาบ้านตูทำไม
ขุนแผนวันทองทั้งสองรา ลงจากม้าพลางทางปราศรัย
เรามาหาว่านยาแลรากไม้ เขาว่ามีอยู่ในภูเขานี้
ลูกผู้ชายของยายไปไหนหมด เห็นรดผักแต่ผู้หญิงเมื่อตะกี้
เราจะขออาศัยในบ้านนี้ อยู่สักห้าราตรีจะลาไป
วันทองให้ปัดผูกข้อมือ เป็นที่นับถือกะเหรี่ยงไร่
ยายเถ้าได้ปัดก็ดีใจ แกเรียกไปสาวสาวก็กลับมา
ทำทีอายเอียงเมียงชม้าย ครั้นได้ปัดหายอายหัวร่อร่า
แต่งทับให้พลันมิทันช้า เผือกมันเอามาด้วยดีใจ ฯ
๏ ขุนแผนสัพยอกหยอกสาวสาว คราวหลังเถิดจะหามาให้ใหม่
สายสร้อยห้อยหูทั้งกำไล แหวนพิรอดสอดใส่ทั้งสองมือ
เจ้าวันทองน้องยิ้มอยู่ในหน้า จะเป็นลูกเขยละว้าฤๅหม่อมฤๅ
แล้วยื่นแขนให้ยายดูลายมือ แกอออือทักทายมากมายไป
ขุนแผนจึงสั่งกุมารทอง คอยดูกองทัพมาอย่าช้าได้
รีบบอกให้รู้แต่อยู่ไกล พรายไหว้ลาลุกมาบัดดล ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าขุนช้าง ครวญครางร้องไห้อยู่ไพรสณฑ์
ครั้นรุ่งเช้าหาบ่าวได้หลายคน เสื้อหมวกตกหล่นก็ได้มา
ขุนช้างเจ็บจิตรให้คิดแค้น อ้ายขุนแผนมันทำกูหนักหนา
จะไปทูลพระองค์ทรงศักดา คิดหากองทัพมาจับมัน
คิดพลางทางสั่งศรพระยา ผูกช้างเร็วหวาขมีขมัน
เร่งรัดจัดคนให้พร้อมกัน ให้ทันเวลาจะคลาไคล
ศรพระยาได้ฟังขุนช้างว่า รีบผูกช้างมาไม่ช้าได้
ผู้คนหาบหามตามกันไป ที่เจ็บไข้พวกพ้องประคองกัน
ขุนช้างขึ้นช้างนอนครางมา เจ็บระบมหนักหนาแข้งขาสั่น
ให้เร่งช้างวางไสไปเร็วพลัน ดัดดั้นรีบรัดตัดทางมา
ขุนช้างเป็นไข้มาในกูบ ลูบคลำแผลยับตลอดหน้า
น้ำตาไหลหลั่งลงถั่งตา โอ้ว่ากรรมทำมาเจ้าวันทอง
ปานฉะนี้แก้วตาน่าสงสาร จะเดินดงพงผ่านทั้งห้วยหนอง
บาทาน้องข้าจะพุพอง แหวนทองจะต้องแลกกับเผือกมัน
อ้ายขุนแผนมันแค้นเจ้าหนักหนา ฤๅมันฆ่าดวงใจให้อาสัญ
ทิ้งศพเจ้าไว้ในไพรวัน แหวนทองทั้งนั้นมันเอาไป
เลือดเนื้อเจ้าจะนองอยู่ในดง ใครจะปลงซากศพให้สูญได้
กระดูกน้องกองกลาดอนาถใจ ว่าพลางสะอื้นไห้อยู่ฮักฮัก ฯ
๏ ศรพระยาปลอบว่าอย่าร้องไห้ จะเป็นห่วงบ่วงใยทำไมหนัก
วันทองหนีไปเพราะไม่รัก มิหนำซํ้าชักให้ชู้ฟัน
ทำถึงเพียงนี้มิน้อยใจ ช่างมีหน้าร้องไห้ทำไมนั่น
แทบล้มแทบตายหนามหวายพัน เพราะวันทองฤๅมิใช่จึงได้ทุกข์
ถ้าแม้นว่ามิรักหักใจทิ้ง นอนนิ่งอยู่กับเรือนก็เป็นสุข
ข้าไทในบ้านออกพล่านพลุก ฤๅอะไรไม่สนุกเหมือนวันทอง ฯ
๏ ขุนช้างว่ากูไม่อยากรัก แค้นนักร้องไห้เสียดายของ
เพราะมันยอกยักลักแหวนทอง ตัดม่านผลาญกองไว้ย่อยยับ
กูจึงตามไปด้วยใจแค้น พบอ้ายขุนแผนจะโจมจับ
ฟันเสียทั้งชายหญิงชิงเอาทรัพย์ รับแต่แม่วันทองโอ๊ยลืมไป ฯ
๏ ศรพระยาหัวร่ององออยู่ เออจริงพ่อว่ากูหารักไม่
เป็นมั่งพลั้งปากไม่จงใจ ว่าแล้วไสช้างตามทางมา
ข้ามป่าละเมาะเกาะแก่ง ลัดแลงออกทุ่งมุ่งป่า
ลงน้ำขึ้นฝั่งไม่รั้งรา พอถึงเคหาตะวันชาย ฯ
๏ ขุนช้างถึงเรือนยิ่งมัวหมอง ไม่เห็นวันทองก็ใจหาย
ก้าวขึ้นเคหานัยน์ตาลาย กูจะผูกคอตายเสียในเรือน
ตรงเข้าในห้องเที่ยวมองดู ม่านขาดกลาดอยู่ยังกล่นเกลื่อน
ที่นอนหมอนทิ้งกลิ้งกลาดเรือน เชื่อนขันโต๊ะพานออกพล่านไป
วันทองไม่อยู่เพียงครู่เดียว ก็หามีใครจะเหลียวจะแลไม่
สิ้นบุญวันทองของจะไว้ไย ทุบต่อยให้แตกไปเสียบัดนี้
ฉวยหอกมาทูนไว้เหนือหัว กูจะแกล้งแทงตัวให้เป็นผี
ขอให้เข้าง่ายง่ายตายดีดี ข้าวของทั้งนี้จะใส่โลง
แล้วทิ้งหอกวิ่งออกไปครัวไฟ ฉวยสากแพ่นไหปลาร้าโผง
โยนหม้อข้าวทิ้งวิ่งโกรงโกรง ตายโหงตามเมียเสียเถิดรา
กลับหมุนเข้าไปข้างในห้อง เอาเชือกผูกคล้องกับเซนฝา
แล้วผูกเอวห้อยโหนโยนตัวมา ร้องจ้าแก้ด้วยมาช่วยกู ฯ
๏ ศรพระยาได้ยินก็ตกใจ แลไปเห็นเชือกที่ผูกอยู่
คิดว่าคอหักผลักประตู แลดูเห็นผูกบั้นเอวโยง
เออเขาผูกคอตายสิ้นทั้งบ้าน นี้จะผูกเอวคลานให้ตายโหง
มือยันตีนยันดันโก้งโค้ง ปล่อยให้เต้นโหยงโหยงอย่าแก้เลย ฯ
๏ จะกล่าวถึงท่านยายศรีประจัน วันนั้นรู้ข่าวเจ้าลูกเขย
ว่าเสียทัพกลับมาไม่เสบย เด็กเอ๋ยอีไทไปกับกู
ถึงบ้านก็เข้าในเรือนใหญ่ เห็นขุนช้างแกว่งไกวโตงเตงอยู่
ถามศรพระยาไปจะใคร่รู้ เอ็งช่วยดูนั่นขุนช้างมันทำไม
ศรพระยาว่าแม่ไม่เคยเห็น พ่อขุนช้างหล่อนเล่นกาฟักไข่
ขุนช้างร้องเบื่อเชื่อมันไย แก้บั้นเอวได้ลุกออกมา
ยกมือขึ้นไหว้แม่ยายพลาง ครั้งนี้สุดอย่างแล้วแม่ขา
อ้ายขุนแผนทำแค้นเหลือปัญญา มันลักพาเจ้าวันทองน้องเข้าไพร
ลักเครื่องเงินทองของสำคัญ ทั้งเงินตราผ้าพรรณเป็นไหนไหน
ตามมันทันพบที่ต้นไทร เข้าอาศัยสองคนกับวันทอง
มันคุมโจรไพรไว้หลายร้อย ซุ่มคอยรายป่าคอยท่าจ้อง
ลูกแทงโจรตายลงก่ายกอง จะคว้าเอาเจ้าวันทองไม่ทันที
ด้วยช้างเป็นบ้ามันตะบันแทง ม้ามันเรี่ยวแรงตลบหนี
ลูกไล่หวิดๆ พอชิดดี ช้างขี่แปร๋แปร้นแล่นเข้าไพร
หนามเหนี่ยวเกี่ยวพลัดสะบัดหัน ลูกถูกหนามครามครันจนเลือดไหล
ม้าขุนแผนแล่นหนีเข้าป่าไป ลูกจึงมิได้วันทองมา
ศรพระยายกข้อปดต่อไป ลูกก็ได้ไล่ยิงสกัดหน้า
หนามไหน่ไม่คิดไล่ติดมา ถ้าแม้นทันก็จะคว้าแต่วันทอง
เพราะโจรป่ามันกั้นหาทันไม่ แต่มันแทงลูกได้สักพันสอง
หอกหักลงเพราะข้าสักห้ากอง ขุนช้างร้องว่าสุดแล้วคราวนี้
แต่พอดีพอร้ายเห็นตายมัน นี่พวกเราขยันมันจึงหนี
มันแต่ล้วนยืนยงคงชาตรี เก้าทีสิบทีอย่าแทงเลย
ศรีประจันบุ้ยปากกูไม่อยากเชื่อ การปดแล้วเอ็งเหลืออีพ่อเอ๋ย
พลายแก้วมันเจนจบรบพุ่งเคย แน่ะเฮ้ยเอ็งจะคิดประการใด ฯ
๏ ขุนช้างว่าลูกไม่วายแค้น จะตามฆ่าอ้ายขุนแผนให้จงได้
ลูกจะไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงช้ย ทูลขอทัพใหญ่ไปติดตาม
ฟ้าผ่าลูกเถิดแม่ไม่เชื่อ การกล้าลูกนี้เหลือไม่เข็ดขาม
แม้นแม่ไปได้เห็นในสงคราม จะชมว่าลูกงามเมื่อรำทวน
ว่าพลางทางสั่งศรพระยา ผูกช้างเร็วหวาเป็นการด่วน
กูจะไปอยุธยาเวลาจวน ในใจหวนคิดคะนึงถึงวันทอง
ลุกไปอาบน้ำแล้วผลัดผ้า ตรงเข้ามาฉวยเอากระจกส่อง
หน้าเหมือนสับยับไปเลือดไหลนอง ผมเขาถากเป็นร่องพึ่งรำไร
โอ้ตั้งแต่นี้เมื่อไรเลย อกเอ๋ยผมกูจะขึ้นใหม่
นี่เป็นหัวของตนก็จนใจ ถ้าแลกเปลี่ยนใครได้จะแลกเอา
ถึงจะเสียสิบชั่งกูไม่ว่า จะก้มหน้าทูนหัวให้แก่เขา
อกเอ๋ยใครเลยจะเหมือนเรา นี่แลเจ้าวันทองจึงสองใจ
ลุกหนีจากกระจกนุ่งยกทอง ราคาสิบสองซื้อใหม่ใหม่
ห่มส่านพื้นเหลืองย่างเยื้องไป ขึ้นคอช้างไสเหย่าเหย่ามา
ข้ามป่าละเมาะเกาะแก่ง ลัดแลงดงรามหนามหนา
วันหนึ่งก็ถึงอยุธยา ปลงช้างข้างป่าช้าวัดหน้าพระเมรุ
แล้วเดินตรงลงมาหาเรือจ้าง ใครเห็นขุนช้างว่าหลวงเถน
ข้ามถึงพาราเวลาเพล โจงกระเบนงกเงิ่นเดินดุ่มมา
เด็กเด็กแลเห็นเต้นเซ็งแซ่ แม่แม่อะไรมาโน่นขา
หัวแดงตละแร้งที่กลางนา มันจะกินตับข้าตาลุกโพลง
อีแม่ด่าอึงมี่อ้ายขี้ครอก มาหลอกลูกกูไยไอ้ตายโหง
ขุนช้างทำเมินเดินหัวโคลง ดุ่มโด่งเข้ามาศาลาใน ฯ
๏ เพื่อนขุนนางเห็นเข้าเขาลูบอก ท่านเจ้ากรมผมดกจะไปไหน
เนื้อตัวหัวหูเป็นไรไป ดูรอยไม้เป็นแนวเหมือนแมวฟัด
ขนอกถกไปไม่ติดอยู่ ฤๅไปเที่ยวเกี้ยวชู้คางคกกัด
ห่มส่านนุ่งยกปกซ่นซัด ขัดสนสิ่งไรจึงได้มา ฯ
๏ ขุนช้างบอกไปร้องไห้งอ อ้ายพ่อเอ๋ยสิ้นที่ครั้งนี้หวา
อ้ายแผนมันทำเหลือตำรา มันลักพาวันทองของกูไป
ลักทั้งแหวนทองของสำคัญ เงินตราผ้าพรรณเป็นไหนไหน
ตามกันไปทันที่ต้นไทร อ้ายแผนคบโจรไพรไว้มากมาย
แต่ล้วนถือทวนหอกออกสะพรั่ง โล่ดั้งแหลนหลาวเป็นมากหลาย
กูไสช้างไล่รุกบุกกระจาย ฆ่าตายหลายร้อยผอยผอยลง
จะจับอ้ายขุนแผนมันแล่นหนี หลบลี้เข้าในไพรระหง
กูตามไปไม่พบพอพลบลง จึงกลับมาเฝ้าองค์เจ้านายเรา
จะทูลขอกองทัพไปจับตัว ทูนหัวช่วยทีอีพ่อเจ้า
เงินทองของอื่นก็ทำเนา ถ้าได้ตัวก็จะเอาแต่วันทอง ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ