ตอนที่ ๔ พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าเณรแก้ว พอแสงทองผ่องแผ้วพระเวหา
คิดคะนึงถึงพิมนิ่มนวลตา ล้างหน้าแล้วก็นุ่งสบงพลัน
ห่มดองครองคาดราตคด พร้อมหมดแบกบาตรแล้วผายผัน
ดูทุกตรอกซอกละเมาะเสาะสำคัญ เข้าในเมืองสุพรรณด้วยทันใด
มินานถึงบ้านท่าพี่เลี้ยง เดินเมียงชม้ายตาอัชฌาสัย
เห็นม้าตั้งอยู่ยังไม่มีใคร ก็หยุดยืนสำรวมใจจะดูที ฯ
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มน้อง อยู่ในห้องกับนางสายทองพี่
จัดแจงข้าวปลาทารพี ยังไม่มีพระสงฆ์องค์ใดมา
เปิดหน้าต่างนางพิมเจ้าแลดู เห็นเจ้าเณรยืนอยู่ไม่เงยหน้า
ห่มดองครองแนบกับกายา สีกาสาว์จับเนื้อดังนวลจันทร์
เดชะพระเวทวิทยามนตร์ เพอิญดลใจพิมให้ป่วนปั่น
ห่มผ้าคว้าขันข้าวบาตรพลัน กับสายทองพากันก้าวลงมา
เปิดประตูอาดเดินนาดกราย เณรพลายได้ยินก็เงยหน้า
พิมน้อยชม้อยพอปะตา ก็รู้ว่าเณรแก้วผู้แววไว
หลบมิดสะกิดพี่สายทอง ไฮ้น้องนี้ไม่ลงไปใส่ได้
เห็นหน้าเณรพลายฉันอายใจ ส่งขันข้าวบาตรให้สายทองมา
สายทองย่างย่องขยับยิ้ม นางพิมหลบเหลื่อมเข้าแอบฝา
เณรแก้วประสิทธิ์วิทยา เป่ามหาละลวยลมประสมนาง
บันดาลซ่านเสียวสวาดิพิม ยืนยิ้มปิ้มจะแล่นลงไปล่าง
สายทองประคองขันข้าวบาตรพลาง วางลงยกมือไหว้เจ้าเณรพลาย
เณรแก้วลดบาตรลงจากบ่า ฉันบุกมาบิณฑบาตจนพานสาย
ไทยทานบ้านอื่นก็เรียงราย ไม่รักรับรีบหมายจำเพาะมา
เป็นเหตุก็เพราะเทศน์เมื่อวานนี้ เจ้ากัณฑ์หนีนึกสำคัญว่าเคืองข้า
จะใคร่แจ้งคดีที่สีกา ทั้งจะใคร่สนทนาด้วยพี่นาง
สายทองยกของใส่บาตรเณร พ้นเพลแล้วนิมนต์มาบ้านบ้าง
สงบกังวลไว้ในใจพลาง ใส่บาตรแล้วก็ย่างขึ้นบันได
เณรแก้วคลาศแคล้วออกจากรั้ว แฝงตัวจะดูพิมพิสมัย
นางพิมเยี่ยมหน้าทอดตาไกล แลไปนอกรั้วเห็นเณรพลาย
เณรกอดบาตรชิดทำปริศนา นางพิมยิ้มหลบหน้าเข้ามาหาย
เจ้าเณรเดินตามทางย่างกราย ไม่ว่างวายแต่คะนึงถึงพิมน้อย
ยิ่งไกลบ้านก็ให้พล่านให้พลุ่งจิตร ยิ่งคิดคิดหลงเหลียวอยู่บ่อยบ่อย
เอะสายสายทองจะปองคอย ก็รีบรอยมายังวัดป่าเลไลย
ยกบาตรไปอังคาสพระอาจารย์ คลานมาเปลื้องผ้าหาช้าไม่
ปรนนิบัติมิให้ขัดเคืองใจ ฉันแล้วเข้าในที่นอนครวญ ฯ
๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย กำเริบใจไหวหวั่นให้ปั่นป่วน
เห็นสายทองใส่บาตรทำนาดนวล รีรวนรอช้าอยู่ว่าไร
พยักหน้าสายทองเข้าห้องนอน อ้อนวอนกระซิบถามความสงสัย
ไปใส่บาตรช้านานประการใด ข้าเห็นปากไบ่ไบ่กับเณรพลาย
สายทองว่าพี่พูดอะไรมี ไปกินข้าวเสียกับพี่ตะวันสาย
พร้อมกันปั่นฝ้ายให้สบาย ตะวันบ่ายพี่จะพาไปอาบน้ำ
ถึงข้าวจะให้กินไม่ยินดี ไม่บอกจะเซ้าซี้ให้ยังคํ่า
เห็นยืนยิ้มพรายพูดกันหลายคำ แต่เพียงนี้พี่ยังอำไม่บอกกัน
เมื่อเปล่าๆ พี่จะเดาไปไหนได้ ถ้าจริงจะบอกให้ไม่เดียดฉันท์
เจ้ากูว่าแต่มานี่ไกลครัน แต่เท่านั้นเจ้ากูก็กลับไป
เถอะแล้วไปเถิดไม่บอกข้า เบื้องหน้าคงจะรู้หามิดไม่
แล้วลุกออกจากห้องด้วยหมองใจ นางไม่กินข้าวด้วยสายทอง
ต่างคนกินเสร็จสำเร็จอิ่ม นางพิมฉวยไนเข้าในห้อง
ปั่นฝ้ายข้าไทอยู่ก่ายกอง จนบ่ายสองโมงแล้วก็เสร็จพลัน
ต่างคนต่างจัดพัดด้าย สายทองเตือนน้องขมีขมัน
ไปอาบน้ำให้สบายบ่ายลงครัน นางพิมว่าฉันไม่รักไป
สายทองปลอบวอนชะอ้อนว่า ไปตีนท่าเถิดจะบอกอะไรให้
อย่ามาหลอกจะบอกฉันทำไม เต็มใจไว้เถิดแต่คนเดียว
ข้าร้อนนะอย่างอนประชดให้ จะอาบนํ้าก็ไม่ไปเฝ้าโกรธเกรี้ยว
เต็มใจอะไรข้าว่าไปเจียว เจ้ากูเกี้ยวข้าแล้วฤๅเณรพลาย
ไม่ไปนะเจ้าอย่าเซ้าซี้ ไม่พอที่ที่จะช้าตะวันบ่าย
สายทองจากห้องย่องเยื้องกราย บ่าวไพร่ทั้งหลายก็ตามมา
อีไทอีพรมอีส้มแป้น อีแตนตามสายทองไปตีนท่า
ลงอาบนํ้าดำเล่นเป็นโกลา เล่นหาเล่นไล่กันพัลวัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรพลาย ตะวันชายบ่ายเยื้องพระสุริย์ฉัน
แสนคะนึงถึงพิมนิ่มนวลจันทร์ ได้สำคัญไว้จากนางสายทอง
ปานนี้พิมพี่จะลงท่า จะไปหาให้พบประสบสอง
คิดแล้วหยิบผ้ามาห่มดอง ย่องลงบันไดไปสุพรรณ
ถึงบ้านพิมเข้าพลันมิทันช้า ตรงลงไปท่าทันใดนั่น
เข้าแอบซุ่มพุ่มไม้ได้สำคัญ พวกข้าไททั้งนั้นไม่เข้าใจ
เห็นสายทองสีตัวอยู่ริมตลิ่ง เอาดินทิ้งแล้วกระแอมพยักให้
สายทองย่องมาหาไวไว ก็พากันหลีกไปให้ลับคน
ครั้นถึงจึงนั่งลงทันใด ที่ร่มริมโศกใหญ่ข้างใต้ต้น
เป็นเซิงซุ้มพุ่มรอบดูชอบกล เบื้องบนดอกย้อยระย้าบาน
เณรแก้วยิ้มแล้วจึงปราศรัย ขออภัยเถิดอย่าว่าข้าหักหาญ
เณรน้องปองป่วนมิควรการ แต่ทนทุกข์ทรมานมาหลายวัน
แสนยากที่จะพากจะเพียรผ่อน ให้หยุดหย่อนร้อนรนเป็นพ้นกลั้น
มาพบพี่ก็เป็นที่สำคัญครัน ข้าหมายมั่นจะมอบชีวาลัย
อันเณรน้องเหมือนกระต่ายหมายชมจันทร์ อยู่ดินฤๅจะดั้นขึ้นไปได้
แต่ตรอมตรอมผอมร่างก็บางไป ด้วยทางไกลกลางหาวเมื่อคราวปอง
ได้องค์อินทร์แลจะสิ้นสำเร็จตรม จะได้ชมกระต่ายสวรรค์จันทร์ผยอง
อินทราอุปมาเหมือนสายทอง พิมน้องเหมือนกระต่ายในวงจันทร์
มาพึ่งพิงถ้าไม่ทิ้งธุระน้อง คงเป็นสองกระต่ายชมสมสวรรค์
จะขอบคุณที่การุญให้ครามครัน กว่าชีวันฉันจะวอดชีวาวาย
พี่เอ็นดูช่วยชูให้น้องชื่น ให้คลายคืนโศกแสนนั้นเสื่อมหาย
เหมือนชุบชีพอย่าให้รีบถึงเรือนตาย เณรพลายนี้ไม่พลั้งไม่แพลงคำ
แต่วันนี้จนพี่สายทองตาย น้องนี้หมายจะโอบอุ้มอุปถัมภ์
พูดไว้ฉันใดจงจดจำ กำหนดแน่อยู่ไม่พล้ำไม่พลั้งเลย ฯ
๏ สายทองเมินหน้าว่าไม่ฟัง จะพาหลังลายแล้วพ่อแก้วเอ๋ย
จะชักสื่อสู่หาข้าไม่เคย หมายเชยเห็นจะชวดแล้วน้องเณร
ท่านเจ้าขุนมุลนายก็ร้ายกาจ ฉวยพลั้งพลาดสิจะฉาวเป็นกราวเขน
ไปว่าวอนเกลือกหล่อนไม่อ่อนเอน เหมือนตระเวนตัวไว้ไม่ต้องการ
ไหนจะด่าโด่งดังหลังจะลาย เณรพลายก็รำเล่นนอกม่าน
ไม่ควรทำข้าไม่ทำให้รำคาญ มิใช่คนสำหรับวานของเณรพลาย
จะเกรงบ้างเป็นไรกับสายทอง นินทาน้องให้พี่ฟังเล่นง่ายง่าย
ได้เมตตาเถิดอย่าให้ข้าอาย ข้าตายเถอะเหมือนแกล้งมาฆ่ากัน
แยบคายเอากระต่ายมากล่าวถ้อย ว่าพิมน้อยเหมือนกระต่ายในสวรรค์
จะพึ่งพักยักว่าสารพัน ไม่เคยเห็นกระต่ายจันทร์เป็นสองตัว
ถ้าอินทราพากระต่ายให้หายโศก ทุกแหล่งโลกก็จะฉินว่าอินทร์ชั่ว
ดวงจันทร์ผันผยองจะหมองมัว ข้ากลัวเสียแล้วเณรอย่าเจรจา
เนื้อมิได้กินมั่งหนังมิได้ปู กระดูกจะแขวนคออยู่เหมือนตัวข้า
เจ้าได้พิมก็จะยิ้มอยู่อัตรา ต้องถูกด่าก็จะอายแต่สายทอง
เหมือนตีงูมิได้สู่กันแกงกัน กาเหยี่ยวเฉี่ยวบินไปคล่องคล่อง
แต่นี้ไปพ่ออย่าได้คะนึงปอง มิใช่ของควรประคิ่นของกินตาย ฯ
๏ นิจจาไม่เวทนาสีกาพี่ ทุกวันนี้เณรน้องคะนึงหมาย
รักพี่มิได้มีอารมณ์คลาย พี่สายทองทิ้งน้องเสียกลางทาง
เด็ดปลียังมีซึ่งใยเยื่อ ได้มาพึ่งแล้วก็เผื่อฉันไว้บ้าง
ได้พิมเชยฤๅจะเลยทิ้งพี่นาง ก็เหมือนอย่างหว่านข้าวลงในดิน
ถึงนํ้าท่าฟ้าฝนจะแห้งแล้ง อย่านึกแหนงว่าจะสูญเสียหมดสิ้น
แต่ชั้นชั่วถึงว่าตัวมิได้กิน นกหกผกผินได้เป็นทาน
ถ้าหม่อมพี่มีคุณแก่ฉันเล่า เห็นจะเปล่าเจียวฤๅน้องมาอยู่บ้าน
คงจะแทนคุณพี่มิได้นาน ให้สมานเสมอพิมผู้นิ่มนวล
เงินทองของกินสิ้นทั้งนั้น จะแบ่งปันคนละครึ่งพอกึ่งส่วน
ปรานีน้องสายทองช่วยชักชวน พอได้พิมจะประมวลสินบนมา
ถ้วนชั่งตั้งให้พี่สายทอง แต่สักเฟื้องหนึ่งน้องไม่ขอว่า
คํ่าลงพี่จงสนทนา ถึงเวลาบิณฑบาตจะคอยฟัง ฯ
๏ รักจริงฤๅเจ้าเณรจะแกล้งรัก เห็นหนักนักนีดเน้นเข้าเป็นชั่ง
ข้ากลัวแต่ได้คนสินบนยัง จะร้องทวงโด่งดังก็ใช่ที
ถ้าจริงจังดังนั้นเจ้าเณรแก้ว มายื่นแมวยื่นหมูให้รู้ที่
เจ้ารักษาสัตย์ไว้ให้จงดี พรุ่งนี้เจ้าเณรมาฟังดู
เณรแก้วรับคำแล้วอำลา สายทองกลับมาไม่หยุดอยู่
ข้าไทตามหลังมาพรั่งพรู เณรแก้วก็ไปสู่อารามพลัน ฯ
๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยาทิพากร ศศิธรเลื่อนลิ่วปลิวสวรรค์
ดิเรกดาวขาวกระจ่างดังกลางวัน ทรงกลดจรจรัลกระจ่างดวง
สายทองชวนน้องให้ชมจันทร์ ผิวพรรณไพโรจน์โชติช่วง
ผ่องแสงแจ้งงามดังเงินยวง ไยจึงหวงกระต่ายไว้ในวงจันทร์
ร้อยปีก็มิได้จะไปไหน เหดุใดขังขึงอยู่รึงมั่น
แต่เห็นมาไม่รู้ว่ากี่พันวัน ดูเดือนก็ยิ่งพรั่นอยู่ในใจ
เหมือนหนึ่งเราพี่น้องทั้งสองคน จนเหมือนกระต่ายจันทร์ไม่ไปได้
ไร้คู่อยู่กับฟ้าสุราลัย กระต่ายไพรพรํ่าแลทุกเวลา
พี่รักเจ้าฟักฟูมอุ้มประคอง จนพิมน้องจำเริญวัยขึ้นใหญ่กล้า
ทั้งเป็นญาติเป็นทาสท่านช่วยมา กลัวอาญากลัวอายเสียดายตัว
อนิจจาเกิดมาเสียทั้งชาติ เป็นอันขาดแล้วไม่รู้ว่าลูกผัว
ดังแหวนทองผ่องศรีไม่มีมัว จนแต่หัวพลอยประดับประดาดี
พี่รักเจ้าจึงเฝ้าลำบากนัก แม้นมิรักก็จะเตร่เที่ยวเร่หนี
ถึงจับมาฆ่าเสียก็ตามที มิตายก็คงจะรอดตลอดไป
ทั้งนี้พี่ยากก็เพราะเจ้า ด้วยยังหามีเหย้ามีเรือนไม่
พี่จึงต้องรักษาเป็นตาใจ คุณผู้ใหญ่ก็ชราลงทุกวัน
เหมือนดังไม้ใกล้ฝั่งจะพังล้ม พี่ปรารมภ์ร้อนใจให้พรั่นพรั่น
ถ้าสิ้นบุญคุณแม่ศรีประจัน สารพันจะกระจัดกระจายไป
ชายหนุ่มก็จะกลุ้มกันดูถูก ด้วยว่าลูกนั้นหาพ่อหาแม่ไม่
พี่คิดพรํ่าคํ่าเช้าให้เศร้าใจ ฤๅกะไรแม่คิดดูแต่ดี
ถ้าได้คู่สู่สมเมื่อแม่ยัง เห็นมั่งคั่งสืบสายเป็นเศรษฐี
อายุคนนี้จะนานสักกี่ปี พี่ว่านี้แม่จะเห็นประการใด ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง ยังแน่นอนอยู่หาพลั้งหาพล้ำไม่
โต้ตอบคดีพี่เลี้ยงไป น้องนี้ไม่คิดเลยพี่สายทอง
ธรรมดาเกิดมาเป็นสตรี ชั่วดีคงได้คู่มาสู่สอง
มารดาย่อมอุตส่าห์ประคับประคอง หมายปองว่าจะปลูกให้เป็นเรือน
อนึ่งเราเขาก็ว่าเป็นผู้ดี มั่งมีแม่มิให้ลูกอายเพื่อน
จะด่วนร้อนก่อนแม่ทำแชเชือน ความอายจะกระเทือนถึงมารดา
ถ้าสิ้นบุญคุณแม่มิได้แต่ง จะพลิกแพลงไปก็ตามแต่วาสนา
จะด่วนร้อนก่อนแม่ไม่เข้ายา ใช่ว่าจะไร้ชายที่ชอบพอ
ถ้ารูปชั่วตัวเป็นมะเร็งเรื้อน ไม่เทียมเพื่อนเห็นจะจนซึ่งคนขอ
ถ้ารูปดีมีเงินเขาชมปรอ ไม่พักท้อเลยที่ชายจะหมายตาม
อดเปรี้ยวกินหวานตระการใจ ลูกไม้ฤๅจะสุกไปก่อนห่าม
มีแต่แป้งแต่งนวลไว้ให้งาม ร้อนใจอะไรจะถามทุกเวลา
ทุกข์ใหญ่เหมือนไฟอยู่ในอก ไหม้หมกก็ไหม้อยู่ในหน้า
ถ้ายามอยากอยู่เหมือนเรากินข้าวปลา ถึงกระนั้นจะว่าก็สมควร
มาชมจันทร์เล่นด้วยกันสบายใจ พี่พูดอะไรเช่นนั้นให้ปั่นป่วน
ถ้ารักนวลสงวนหน้าไว้ให้นวล อย่ามากวนข้าไม่พูดไม่พอใจ ฯ
๏ นึ่ใครกวนชวนแม่ให้มีผัว คิดถึงตัวใช่จะชักจะสื่อให้
ฤๅอยู่มาแต่ก่อนร่อนชะไร พี่ได้ว่ากล่าวอะไรมี
หาวนอนไปนอนเสียเถิดฤๅ จูงมือพิมน้อยไปในที่
ส้วมสอดกอดรัดแล้วพัดวี นอนเถิดพี่จะกล่อมให้พิมนอน
โอ้ว่าสงสารกุมารเอ๋ย กะไรเลยเตร็ดเตร่เที่ยวเร่ร่อน
ไม่คิดยากหมายฝากชีวาวอน ต่างเมืองอุตส่าห์จรกระเจิงมา
อกจะหักด้วยความรักไม่เหมือนคิด หมายมิตรก็ไม่สมปรารถนา
จึงหลีกเลี่ยงเลยลัดเข้าวัดวา ทรมาบวชเบื่อระบมใจ
อนึ่งวัดกับบ้านก็พานห่าง ไกลทางเที่ยวบิณฑบาตได้
พอเห็นสีกาแล้วกลับไป แสนอาลัยระลึกทุกเวลา
พ้นเพลเณรน้อยเข้ามาเล่า ซบเซาซ่อนอยู่ที่หน้าท่า
ไม่มีใครที่จะได้สนทนา แต่เวียนมามิได้เหนื่อยอนาถใจ
เสียดายรูปซูบโศกด้วยแสนรัก จะปลํ้าปลักทนทุกข์ไปถึงไหน
โอ้พิมนิ่มเนื้อนวลละไม นอนนะแม่นอนในที่นอนนาง
โอละเห่โอละช้าพ่อเณรแก้ว หลับแล้วฤๅสายทองจะนอนบ้าง
กล่อมพลางนางพัดให้พิมพลาง กางกรกอดพิมยิ้มละไม ฯ
๏ นางพิมว่าไฮ้พี่สายทอง กล่อมน้องเอาเณรมาใส่ให้
ลงไปใส่บาตรกันไม่ทันไร หลงใหลไปแล้วฤๅสายทอง
เมื่อเช้าน้องถามไม่อยากรับ ไม่ทันจับเดี๋ยวนี้ออกให้คล่องคล่อง
ไปอาบนํ้าเห็นจะพบสบทำนอง ล่องนํ้าฤๅจึงช้ากว่าทุกวัน
อย่านอนใกล้ไปเสียให้พ้นมุ้ง ไม่ทันรุ่งข้าขี้คร้านทำนายฝัน
แม่คุณต่อจะวุ่นวันนี้ครัน จะละเมอกอดกันให้ตกใจ ฯ
๏ สายทองฟังน้องทำหน้าขึง ฟ้าผึ่งเถอะมาเป็นเช่นนี้ได้
จริงจริงคะน่าชังฉันพลั้งไป มาจะเล่าความให้แม่พิมฟัง
ไปอาบน้ำวันนี้เจ้าเณรแก้ว มาแอบพุ่มนมแมวอยู่ข้างหลัง
รำคาญใจไฮ้ว่าเป็นน่าชัง มิแล้วดอกกระมังมาเย้ยกัน
ถึงไม่เล่าก็เราไม่ทุกข์โศก พี่ไปพบก็เป็นโชคไม่เดียดฉันท์
แต่ใส่บาตรประหลาดในตาครัน พูดพูดแล้วก็ผันชม้อยมา
แต่ปากยิ้มกริ่มกันกับสายทอง ทำทำนองหางตามาดูข้า
แต่เทศน์อยู่เจ้ากูยังเล่นตา ข้าดูหน้าไม่ได้เจ้าเณรพลาย
จริงจริงคะแต่ข้าเป็นผู้ใหญ่ ดูไม่ได้ตาแหลมนี่ใจหาย
เหลือบไปปะตาข้านึกอาย แยบคายของเจ้ากูดูครันครัน
เจ้ากูว่าสีกาหาทักไม่ เห็นว่าไร้ยากทรัพย์ถึงคับขัน
เป็นเพื่อนเล่นเห็นหน้ามาด้วยกัน เมื่อกระนั้นน้อยๆ กับนวลนาง
แต่เพียงยากจากบ้านสุพรรณไป ถึงกะไรก็จะทักสักคำบ้าง
ทุกวันนี้จนใจมิได้พราง บ้านก็ไกลกับนางต้องค้างคืน
ไม่ต้องการก็ไม่ซานมาถึงนี่ กาญจน์บุรีมีวัดอยู่ดาษดื่น
อยู่ไม่ได้ดังไก่อันไกลครืน อุตส่าห์ฝืนฝ่ามาด้วยความรัก
น้อยใจจนได้เทศนา ควรฤๅสีกาไม่รู้จัก
เหลือทนแล้วจึงซนเข้ามาทัก แม้นจะผลักเสียแล้วก็ตามที
ถึงคุณยายฝ่ายแม่ศรีประจัน ก็ชอบกันกับคุณแม่ทองประศรี
ก็รู้เช่นเห็นทั่วว่าชั่วดี จงปรานีเณรแก้วผู้คนจน
แม้นมินับรับเรื่องธุระรัก ขอพบพักตร์พิมพูดแต่สักหน
สั่งมาว่าวอนให้ผ่อนปรน หมายกุศลเสี่ยงสร้างสำคัญมา
เมื่อวันเทศน์สังเกตด้วยนิมิต ประจักษ์จิตแน่แน่วอยู่หนักหนา
ว่าเหาะเหินเดินได้ในเมฆา เด็ดดวงดาราภิรมย์ชม
กล้ำกลืนตื่นขึ้นยังเต็มปาก ก็หมายมากอยู่ว่าคิดคงจะสม
จึงบุกบิณฑบาตมาซานซม ด้วยปรารมภ์จะใคร่รู้ว่าร้ายดี
สั่งสอนมาให้วอนแม่พิมดู พอตรู่ตรู่จะมาให้ถึงนี่
พี่ขับขู่วุ่นวายเป็นหลายที ยังเซ้าซี้ว่าวอนให้ผ่อนปรน
เป็นจนใจไม่รู้ที่จะคิด ครั้นพินิจดูก็เห็นจะเป็นผล
แม้นจะล่อลวงเล่นพอเป็นกล กาญจน์บุรีฤๅจะด้นมาสุพรรณ
เมื่อวันเทศน์สังเกตด้วยนิมิต ก็ดลจิตให้แม่พิมเพอิญฝัน
ต่อจะคู่สู่สมภิรมย์กัน แม่นมั่นแม่อย่าแหนงอย่าแคลงใจ ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง ก็เพลี่ยงพลั้งตั้งจิตรพิสมัย
ด้วยสมเนตรเณรแก้วผู้แววไว ดังเหล็กเพชรกรึงในสกลกาย
ถึงสายทองจะมิปองเป็นเชิงชัก ก็คิดรักอยู่ไม่ร้างจะห่างหาย
วันยังคํ่าคร่ำครวญถึงเณรพลาย พอสายทองมาพูดก็พึงใจ
แต่มารยาหากพาให้บิดเบือน งำเงื่อนหาให้เห็นกระแสไม่
ทำปึ่งขึงข่มไว้ภายใน เป็นครู่ใหญ่จึงเยื้อนมาพาที
ข้าขอบใจใจหายพี่สายทอง รักน้องสงวนน้องไว้ถ้วนถี่
อุ้มน้องมิให้ต้องเถ้าธุลี ปรานีสั่งสอนทุกสิ่งอัน
ชั้นแต่เดินมิให้เมินไปดูอื่น นั่งยืนนอนสอนทุกสิ่งสรรพ์
เห็นใครพอใจน้องคอยป้องกัน ข้าหมายมั่นจะมอบชีวาลัย
นี่ข้าทำไมให้สายทอง จึงชักน้องนำเณรประเคนให้
จะให้ดีฤๅให้ชั่วมายั่วใจ ฤๅว่าไปสื่อสารเป็นมารยา
สมคบคิดกันกับเณรแก้ว มิแล้วแล้วฤๅจึงลามมาถึงข้า
ส่วนใครช่างใครเป็นไรนา จะมาพากันเพ้อไปไยมี
มิใช่ชายตายสิ้นทั้งดินดอน จะแค่นค่อนขอดน้องไปพ้องพี่
เขาจะหยันทั้งสุพรรณบุรี มิรู้ที่จะหลบหน้าไปแห่งไร
พี่รักก็รักคนเดียวเถิด จะช่วยปิดดอกหาเปิดเนื้อความไม่
พิมรู้จะนิ่งอยู่แต่ในใจ อย่าสงสัยน้องเลยพี่สายทอง ฯ
๏ อนิจจาแม่พิมมาทิ่มตำ เจ็บชํ้าตลอดล้นจนขมอง
ไม่ควรเลยจะเย้ยว่าสายทอง แม่เจ้าเอ๋ยคราวน้องนี้ฤๅเณร
เป็นทาสฤๅจะอาจเข้าเทียมไท ก็เข้าใจอยู่ว่าเกลือกับพิมเสน
เณรไม่รู้ฤๅจะจู่ลงลุยเลน ถึงจะแค่นเข้าประเคนก็คนจน
แหวนตะกั่วนี้เหมือนตัวของสายทอง จะรับรองเรือนเพชรไม่เป็นผล
แสนอาภัพยับทั่วทั้งตัวตน ร้อนรนก็เพราะรักรำคาญใจ
ด้วยเห็นน้องของตัวนี้มัวหมอง สายทองเวทนาไม่นิ่งได้
ไม่มีข้อแล้วจะต่อเนื้อความไย แล้วไปเถอะทีนี้ไม่เจรจา
คิดดูแต่ฝันนั้นเถิดน้อง จะได้ชมบัวทองก็เพราะข้า
ถ้าสายทองหมองใจไม่นำพา มิต้องกินนํ้าตาก็ดูเอา
ไปเบื้องหน้าหารือกับสายทอง ข้ามิร้องให้แซ่ถึงแม่เถ้า
ให้ทรมาทารกรรมเสียทำเนา กลืนข้าวเป็นกลืนยาน้ำตาพราว
ชั่วดีพี่ก็อาบน้ำร้อนก่อน แต่อ่อนอ่อนอุ้มเลี้ยงมาจนสาว
อย่าพักเร้นคงจะเห็นกันสักคราว ถ้ามิฉาวก็มิใช่อีสายทอง ฯ
๏ หาหาขันจริงเจ้าจอมพี่ อย่าจูจี้เลยจะยอมให้คล่องคล่อง
ไม่น่าขัดเลยจะแค่นเข้าปรองดอง ถึงไม่ผิดก็จะฟ้องให้แม่ตี
นี่สินบนมาประดนเข้ากี่ชั่ง จึงมาตั้งคอขู่อยู่จู้จี้
จริงฤๅถือว่าเจ้าเณรดี ได้คำมั่นขันตีที่ไหนมา
จึงปลงใจปลงเนื้อเชื่อเอาหมด เจ้ากูสบถฤๅว่าจริงไม่ทิ้งข้า
จึงอวยเออเร่อรับมาเจรจา เบื้องหน้าแล้วจะเจ็บนํ้าใจจน
จะเสียตัวก็เพราะกลัวจะเคืองข้อง ครั้นตรึกตรองดูก็เห็นไม่เป็นผล
ขืนเชื่อคำเณรพลายจะอายคน ยิ่งคิดก็ยิ่งวนยิ่งเวียนใจ
ถ้าเขาทิ้งเสียไม่จริงดังถ้อยคำ ฉันจะทำอะไรสายทองได้
ช้าช้าตรึกตราก่อนเป็นไร แคะไค้ค้อนติงดูจริงจัง
ถ้าเหมือนปากมีขันหมากมาขอสู่ จะทำชู้น้องนี้กลัวจะร้อนหลัง
เกิดชาติหนึ่งประมาทไม่จิรัง ถ้าเพลี่ยงพลั้งลงแล้วจะจนใจ ฯ
๏ โอ้แม่พิมนิ่มน้องของพี่เอ๋ย อย่ากลัวเลยพี่หาเป็นเช่นนั้นไม่
จะพะวงสงกาไปว่าไร เจ้าสายใจสุดที่รักของสายทอง
ถ้าไม่ดีฤๅพี่จะชักพา ให้แก้วตาเสียตัวต้องมัวหมอง
เห็นสมศักดิสมนวลควรจะครอง กับพิมน้องเนื้อสุพรรณกำภู
จะเปรียบยศก็ปรากฏมีคนนับ จะเปรียบทรัพย์ก็เสมอสมานอยู่
แม้นจะชั่งตั้งใส่ในตราชู ก็ควรคู่สมสิ้นทุกสิ่งอัน
พิศรูปสองรูปก็น่ารัก ชะอ้อนอ่อนวรพักตร์เจ้าเฉิดฉัน
ดังอาทิตย์ชิดรถเข้าเคียงจันทร์ ถ้าได้กันแล้วเป็นบุญของสายทอง
จะนั่งชมนอนชื่นทุกคืนวัน จะทำขวัญๆ ตาเจ้าทั้งสอง
ให้นั่งเรียงเคียงกันบนเตียงทอง ยามร้อนจะประคองเข้าพัดวี
หอห้องของพิมพิลาไลย จะตกแต่งตกไว้นักงานพี่
ฟูกหมอนที่นอนเตียงเรียบเรียงดี ให้มีฉากพับตั้งไว้บังบาน
มุ้งแพรแลเลิศวิไลตา ระบายทองรจนาดูสะอ้าน
พู่กลิ่นย้อยห้อยพวงสุมามาลย์ กระโถนพานหมากตั้งไว้เรียงราย
เครื่องแป้งแต่งปริกประดับพลอย กระจกส่องคันฉ่องน้อยให้เฉิดฉาย
จะนั่งพึ่งบุญพิมยิ้มสบาย กินนอนไม่ระคายระคางใจ
อย่าเรรวนควรคู่อยู่แล้วน้อง จงปรองดองอย่าพะวงสงสัย
สายทองนี้จะรองเป็นเกือกไป ให้สัญญาพิมได้นะดวงตา
ถ้าเณรแก้วแววไวไม่คงสัตย์ ไพล่พลัดกลับกลายไปภายหน้า
จะเรียกพี่ไยเล่าไม่เข้ายา จงตีด่าส่งไปเป็นคนครัว
ให้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าเย็น เคี่ยวเข็ญอย่าให้ได้เงยหัว
สับทำให้ระยำเสียทั้งตัว ชักชั่วแล้วจะเลี้ยงไปไยมี
รุ่งเช้าเจ้าเณรมาบิณฑบาต สุดสวาดิลงไปใส่ด้วยพี่
จะนัดเณรเสียให้แจ้งแห่งคดี พรุ่งนี้ไปไร่ได้พบกัน
พอได้พูดกับแม่พิมเสียสักพัก รับรักลงใจได้แม่นมั่น
แล้วทีหลังตั้งปึ่งเสียทุกวัน แม้นขยั้นอยู่มิให้ผู้ใดมา
ตกนักงานพี่เถิดทีหลัง ข้ามิพ้อให้น่าฟังก็จึงว่า
นอนเถิดดึกแล้วนะแก้วตา มาพี่จะกอดให้พิมน้อย
สัพยอกหยอกเย้าให้เจ้านอน ชะอ้อนออกชื่อเณรอยู่บ่อยบ่อย
จนพิมปลงหลงคำด้วยสำออย เดือนก็คล้อยเคลื่อนดับระงับกาย ฯ
๏ ครั้นรุ่งแผ้วนภางค์สว่างภพ กระจ่างจบทั่วจังหวัดจำรัสฉาย
จับแสงทินกรดูอ่อนพราย เสียงสกุณเกริ่นกรายขยับบิน
พระพายชายพัดเรณูร่อน ลอออ่อนรสสุคนธ์ตรลบกลิ่น
รื่นรื่นชื่นชวยระรวยริน เจ้าเณรน้อยนึกถวิลประหวัดนาง
นิ่งช้าเพลาจะแสงสาย ขยับกายลุกเลื่อนมาหน้าต่าง
ล้างหน้านุ่งผ้าสบงพลาง ห่มดองแล้วก็ย่างลงบันได
ถึงบ้านพิมเข้าพลันมิทันช้า สำรวมกิริยาให้ผ่องใส
บริกรรมสำคัญมั่นในใจ หวังจะให้เจ้าพิมนั้นลงมา ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยกับสายทอง อยู่ในห้องจัดแจงแต่งหา
จะใส่บาตรเณรเช้าทั้งข้าวปลา บุหรี่หมากพลูยาหาครบครัน
กลัวแม่จะเห็นสู้เร้นซ่อน เอาซองซ้อนเสียดซุกเสียใต้ขัน
เณรพลายไยจึงช้ากว่าทุกวัน ผันเปิดหน้าต่างก็เห็นตัว
หลบมิดสะกิดเจ้าสายทอง ดูเณรน้องช่างสำรวมราวกับขรัว
ไม่ไปละข้าไหว้ฉันนี้กลัว ยิ้มหัวกระซิกกระซี้กัน
สายทองเตือนน้องให้ลงไป นางพิมพิลาไลยประคองขัน
แอบหลังบังวุ่นพัลวัน พรั่นพรั่นก้าวลงบันไดไป
ทรุดนั่งตั้งขันลงวันทา ไม่อาจแลดูหน้าเจ้าเณรได้
เทปรำควํ่าขันประหวั่นใจ บุหรี่ใส่ปนปลาทั้งหมากพลู
ก้มหน้าขึ้นมาบนบันได อกใจสะทึกสะเทื้อนอยู่
ครั้นถึงหอนั่งบังประตู นางสายทองเหลียวดูไม่มีใคร
กระซิบเณรเพลแล้วอย่าบ่ายนัก จะพาพิมน้องรักออกไปไร่
รีบไปวัดวามาไวไว ไหนเล่าเจ้าเณรเอาเงินมา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว ยิ้มแล้วตอบคำสายทองว่า
ไม่ลืมคำดอกที่รํ่าเจรจา สำเร็จไร่ฝ้ายข้าจะแทนคุณ
ถ้าได้แล้วเณรแก้วมิให้พี่ ไปตะโกนกุฎีให้ดังวุ่น
ข้าก็บวชสวดเรียนจะเอาบุญ รับศีลครุ่นครุ่นไม่กลับกลาย
ค่อยอยู่เถิดหนาจะลาก่อน แล้วจะย้อนไปไร่มิให้บ่าย
สายทองย่องเยื้องชำเลืองกราย เณรพลายไปวัดป่าเลไลย ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยกับสายทอง ทั้งสองกินข้าวปลาหาช้าไม่
อิ่มหนำสำราญบานใจ จึงพูดจาปราศรัยกับมารดา
วันนี้ลูกจะไปที่ไร่เหนือ ฝ้ายเฝือแตกกระจายเสียหนักหนา
ลูกจะออกไปดูกับหูตา จะไว้ใจกับข้าไม่ต้องการ
มันลักจำแนกแจกจ่าย ซื้อขายกินเล่นไปทั้งบ้าน
ลูกเห็นกับตามาช้านาน จะว่าขานมันก็ไม่ถนัดใจ ฯ
๏ ท่านยายศรีประจันครั้นได้ฟัง แกด่าดังยกโคตรเป็นไหนไหน
อีขี้ชกฉกลักกูหนักไป ไวไวแม่พิมออกไปดู
จับได้ใส่เอาด้วยไม้ตะบอง ให้มันร้องเป็นอ้ายเจ๊กที่ขายหมู
ทั้งลักทั้งกินนินทากู เข้าหูบ่อยบ่อยอีร้อยกล ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยได้ฟังแม่ เรียกข้าเซ็งแซ่อยู่สับสน
ลุกมาวุ่นวายเป็นหลายคน แบกกระบุงวิ่งซนลงบันได
นางพิมสายทองทั้งสองรา ลงจากเคหาหาช้าไม่
ข้าไทตามหลังสะพรั่งไป ถึงไร่เข้าพลันในทันที
ยับยั้งนั่งพุ่มกระทุ่มใหญ่ มึงไปเถิดกูจะอยู่นี่
อย่าเผอเรอเพ้อไปให้ดีดี บ่ายสี่โมงมึงจึงกลับมา
อีเม้าเต่าหับอีพลับเทศ อีตานเปรตอีควายฟังนายว่า
ฉวยกระบุงแบกไปพอไกลตา ก็ร้องเพลงไก่ป่าเก็บฝ้ายพลาง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว เพลแล้วหลีกเลี่ยงลงมาล่าง
ห่อผ้ากระหวัดลัดลอดทาง ย่างเข้าวิหารสำราญใจ
ครั้นถึงจึงนิมนต์ชีต้นมี ฉันหนีเจ้าคุณลงมาได้
ชีต้นเมตตาลาสึกไป กลับมาบวชใหม่ให้ฉันที
ชีต้นตามใจไปเถิดหวา หาหมากมาฝากกูทั้งบุหรี่
เณรแก้วกราบกรานอัญชลี ลาเจ้าชีก็สึกด้วยทันใด
จับผ้าคฤหัสถ์สะบัดคลี่ ผลัดแล้วจรลีหาช้าไม่
รีบก้าวสาวตีนไปไวไว ถึงไร่เข้าพลันทันที
แอบพุ่มพฤกษานัยน์ตามอง พบนางสายทองผู้เป็นพี่
ยิ้มพยักทักไปด้วยไมตรี มาอยู่นี่นานแล้วฤๅพี่นาง
สายทองเหลือบเห็นเจ้าพลายแก้ว สึกแล้วยังยืนอยู่ห่างห่าง
ยิ้มเยื้อนเบือนบอกเจ้าพลายพลาง มาคอยค้างอยู่แต่กินข้าวเช้าแล้ว
เหลียวๆ เขม้นไม่เห็นหน้า คิดว่าจะไม่มาเล่าเจ้าแก้ว
เสียงแกรกแหวกไม้มาตํ้าแวว ถ้าช้าหน่อยก็จะแคล้วไม่พบกัน
จะอยู่นี่ไม่ได้ใกล้หนทาง ไปซ่อนอยู่พลางตรงนั้นนั่น
ต้นกระทุ่มพุ่มตํ่าเป็นสำคัญ จะพาพิมผายผันมาพูดจา ฯ
๏ ว่าแล้วเท่านั้นนางสายทอง เยื้องย่องย่างกลับไปลับหน้า
เจ้าพลายหมายพุ่มชอุ่มตา นวยนาดยาตราทอดตาไป
แทบต้นกระทุ่มพุ่มชัฏ หลีกลัดเริงรามหนามไหน่
ค่อยย่องตามช่องพนมไม้ เข้าใกล้เห็นพิมผู้ดวงตา
นั่งร้อยบุปผชาติสะอาดโฉม งามประโลมน่ารักเป็นหนักหนา
จะดูไหนเปล่งปลั่งทั้งกายา ดังนางฟ้าลอยฟ้อนชะอ้อนงาม
จะใคร่ทักด้วยรักกำเริบทรวง ยังหนักหน่วงไม่เคยก็คิดขาม
ปากสั่นหวั่นจิตรแต่คิดความ ขยับปากแล้วก็คร้ามประหม่าใจ
เอาความรักหักจิตรที่คิดกลัว กระถดตัวย่างเยื้องมานั่งใกล้
เยื้อนยิ้มทักเจ้าพิมพิลาไลย สะดุ้งใจตัวแข็งด้วยความอาย
มาจากบ้านนานแล้วฤๅไรขา อนิจจาแม่ออกมาเก็บฝ้าย
บ่าวไพร่สะพรั่งทั้งหญิงชาย ลำบากกายต้องตามเขาออกมา
เสียดายนวลไม่ควรจะเผือดพักตร์ ลมชักชายแดดก็แผดกล้า
เดินเหนื่อยเมื่อยมึนทั้งกายา แสนอุตส่าห์ยอดดีนี่กะไร
พี่ติดตามมาด้วยความที่รักน้อง สายทองบอกบ้างฤๅหาไม่
ตั้งแต่วันเทศนายิ่งอาลัย ครวญใคร่มิได้เว้นอาวรณ์วาย
ยามนอนตาตื่นทั้งสี่ยาม ดังไฟตามติดอยู่ไม่รู้หาย
ร้อนโรคโศกเสียวอยู่เดียวดาย แม่สบายอยู่ฤๅประการใด ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยได้ฟังว่า ตกประหม่าอกพรั่นหวั่นไหว
ขวยเขินเมินอึ้งตะลึงไป ด้วยไม่เคยพูดเคยเจรจา
จึงหลีกลดกระถดให้ห่างกัน นางผินผันหันเมินสะเทิ้นหน้า
ชม้อยชม้ายชายดูแต่ห่างตา ไม่ตอบสั่งสนทนาประการใด ฯ
๏ โอ้ว่าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย ไม่พูดเลยเคืองเข็ญเป็นไฉน
เจ้างามปลื้มลืมแล้วไม่อาลัย จงคิดใคร่ครวญดูแต่เดิมมา
เมื่อเด็กเด็กเล็กเล่นอยู่ด้วยกัน สารพันร่วมรักกันหนักหนา
เมื่อเล่นขอปลูกหอกับแก้วตา พี่พาเจ้าหนีขุนช้างไป
ขุนช้างตามพบมันรบพี่ พลั้งตีถูกน้องเจ้าร้องไห้
แก้วตามาประหม่าพี่ยาไย จงปราศรัยปรองดองสักสองคำ
เสียแรงสั่งหวังใจกับสายทอง มาถึงน้องให้แจ้งที่ความขำ
กลัวไยใช่พี่จะหยามทำ มิให้ชํ้าชอกเชื่อพี่เถิดรา ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง ถ้อยคำแต่หลังเจ้าพลายว่า
ทุกสิ่งจริงใจแต่ไรมา เหลียวดูหน้าพลายแก้วแววไว
ด้วยเป็นเพื่อนเรือนใกล้กันแต่ก่อน เสียงหล่อนพูดจาก็จำได้
ค่อยเหือดหายคลายพรั่นประหวั่นใจ ก็ตอบไปว่าฉันลืมพี่จริงจริง
เมื่อวันเทศน์สังเกตก็รู้จัก ครั้นจะทักตัวน้องนี้เป็นหญิง
อันน้ำใจใช่ว่าจะชังชิง แต่ตรึกกริ่งกลัวคนจะนินทา
ซึ่งสั่งสายทองมาว่าไม่ทัก โกรธฉันนักฤๅจึงพ้อเอาต่อหน้า
นี่สึกออกทำไมไปไหนมา จึงเดินตัดลัดป่ามาไร่น้อง
ฤๅบวชเรียนเพียรได้วิชาแล้ว พี่พลายแก้วจะสึกไปบ้านช่อง
ฤๅติดใจรักใคร่พี่สายทอง ต้นมะต้องต้นใหญ่พี่ไปดู ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วฟังนางพลางตอบว่า ที่มาหานี้ด้วยมีธุระอยู่
สู้หลีกลี้หนีท่านสมภารครู ด้วยรู้ว่าแม่พิมจะออกมา
ถึงกลับไปได้ผิดไม่คิดตัว ไม่กลัวที่จะต้องซึ่งโทษา
พี่จะเล่าให้ฟังแต่หลังมา แจ้งจิตรกิจจาแต่จริงใจ
เป็นกุศลดลถึงคะนึงหา จะอยู่ด้วยมารดานั้นไม่ได้
แสนทุกข์สุดทุกข์ระทมใจ ดังกองไฟฟอนฟอกอยู่ฟูมฟืน
จึงคิดอ่านลาท่านมารดาบวช เร็วรวดรีบรัดไปวัดอื่น
แต่สุพรรณไกลกันถึงข้ามคืน อุตส่าห์ฝืนท่องเที่ยวผู้เดียวมา
มาพบพิมแม่ไม่ยิ้มไม่เยื้อนทัก ยิ่งทุกข์นักแสนโทมนัสสา
พบสายทองได้ช่องจึงเจรจา สั่งถึงแก้วแววตาค่อยคลายใจ
พบพักตร์ครั้นจะทักเมื่อใส่บาตร ยังขยาดขยั้นนักไม่ทักได้
มาพบกันวันนี้ไม่มีใคร จะมอบไมตรีพิมผู้นิ่มนวล
ใช่จะแกล้งแต่งล่อแต่พอได้ ที่จริงใจมั่นแม่นสักแสนส่วน
ขอเป็นคู่อยู่กับน้องประคองนวล อย่ารัญจวนที่จะจากจะจืดจาง ฯ
๏ นิจจาเจ้ายังว่าเขาคนอื่นว่า เป็นเพื่อนเล่นเห็นหน้าไม่เกรงบ้าง
มาผูกจิตรคิดร้ายทำลายทาง ครั้นน้องว่าจะระคางรำคาญใจ
เป็นเพื่อนแล้วจะเชือนเข้าเป็นชู้ มิรู้ที่จะคิดอย่างไรได้
คิดว่าทักรักกันมาแต่ไร จึงเพ้อพาซื่อไปไม่สงกา
ไม่งามนะข้าห้ามเจ้าพลายแก้ว ทีนี้แล้วไปทีหลังอย่าได้ว่า
นั่งช้าข้าไทจะกลับมา ข้าจะลาแล้วลุกขึ้นทันใด ฯ
๏ พลายแก้วเยื้องย่างพลางปลอบ ซึ่งมิชอบคิดผิดจะคิดใหม่
เชิญนั่งลงก่อนอย่าเพ่อไป พี่ไม่แกล้งแต่งข้อมาล่อลวง
อันความรักหนักแน่นแสนวิตก ระอาอกแทบเท่าภูเขาหลวง
พรหมินทร์อินทร์จันทร์สิ้นทั้งปวง ก็บนบวงสิ้นฟ้าสุราลัย
เชื้อเชิญเมินหน้าไม่มาช่วย เห็นคงม้วยไม่หมายผู้ใดได้
เว้นแต่เจ้าเยาวยอดผู้ร่วมใจ จะผลักพลิกแพลงให้บรรเทาลง ฯ
๏ พูดเพราะเสนาะในนํ้าใจเหลือ ไม่รู้เช่นก็จะเชื่อด้วยลมหลง
คำวอนอ่อนระทวยให้งวยงง นี่คงตรงแล้วฤๅตรองมาพาที
แต่แรกรักเพียงจักสู้ตายได้ ประโลมใจกว่าจะตายไม่หน่ายหนี
จึงบุกป่าฝ่าดงพงพี เพราะไมตรีตรึงตรอมทุกเวลา
อันมนุษย์แสนสุดที่โลภเหลือ ไม่ควรเชื่อตามความปรารถนา
เหมือนของกินสิ้นไปทุกเวลา ต้องหาเปรี้ยวหาเกลือมาเจือจาน
ต้มแกงแต่งเจียวทั้งปิ้งจี่ เซ้าซี้สารพันที่มันหวาน
เลือกดิบเลือกสุกทุกประการ ถ้าซ้ำสิ่งใดนานก็เบื่อไป
คิดดูเถิดนะเจ้าแต่เท่านั้น ยังไม่กลั้นกลืนเคี้ยวสิ่งเดียวได้
ประเวณีเป็นที่กำเริบใจ แต่ใหม่ใหม่มุ่งมอบชีวิตกัน
อุปมาเหมือนผ้าที่นุ่งห่ม ซื้อใหม่ก็นิยมว่าเฉิดฉัน
ยามขัดสนจนมาสารพัน ผืนนั้นนุ่งซํ้าประจำกาย
ครั้นได้อื่นผืนใหม่เข้ามาผลัด ก็เหยาะหยัดซัดกรุยทำฉุยฉาย
เป็นสองผืนชื่นจิตรคิดสบาย นุ่งห่มกรุยกรายทุกเวลา
ก็เหมือนกันกับหมายไม่วายรัก ที่เก่าก่อนแล้วชักประเชิญหน้า
ลงประเชิญแล้วก็เมินทุกเวลา ลงเป็นผ้าชุบอาบไม่เอื้อเฟื้อ
แต่ซักซักฟาดฟาดจนขาดวิ่น จนเป็นชิ้นเช็ดใช้ไม่หลอเหลือ
ถึงจะเย็บตะเข็บขาดไม่พาดเจือ ให้เป็นเนื้อเดิมได้ดังก่อนมา
เหมือนหญิงชายว่าจะตายด้วยกันได้ จะเห็นใจฤๅไม่จางไปข้างหน้า
ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันเป็นอัตรา ลางเวลาก็กระทบกระทั่งกัน
เหมือนตัวเจ้ามาเฝ้ารำพันถึง มาหมายพึ่งพูดวอนให้ผ่อนผัน
ก็คิดอยู่เอ็นดูเจ้าครันครัน ไม่หักหั่นอาลัยให้เด็ดดาย
ไปสู่ขอต่อท่านผู้มารดา ถ้าเมตตาตามใจเจ้ามุ่งหมาย
น้องจะยอมพร้อมใจไม่ระคาย แม้นว่าชายอื่นเอื้อมมาเจรจา
ถึงคุณแม่จะมอบให้ครอบครอง ไม่ชอบใจน้องจะขอว่า
จะขืนใจเอาแต่ใจของมารดา ก็จงฆ่าฟันเถิดไม่ขอตัว
ถ้าเจ้าแก้วขอแล้วคุณแม่ให้ น้องดีใจให้พ่อมาเป็นผัว
ทำชู้สู่หาข้านี้กลัว ความชั่วเขาติฉินไม่ยินดี
เจ้าติดตามมาถามด้วยความรัก ก็ประจักษ์แจ้งใจอยู่ถ้วนถี่
จะอยู่ช้าว่าไรทำไมมี อย่าเซ้าซี้รํ่าบ่นสนทนา
อนึ่งเล่าบ่าวไพร่จะมาเห็น จะเป็นเส้นเป็นลายไปภายหน้า
เมื่อคล่องใจวันใดพ่อจึงมา ปรึกษาขอสู่ให้ควรการ
ตะวันชายบ่ายเย็นลงถนัด ไปวัดเถิดน้องจะไปบ้าน
อย่ารีรวนจวนคํ่าจะรำคาญ ขืนฟุ้งซ่านสืบไปจะได้อาย ฯ
๏ อนิจจาแก้วตาของพี่เอ๋ย กะไรเลยด่วนขับเสียง่ายง่าย
พี่รักพิมปิ้มจะตีให้ตนตาย พึ่งเว้นวายวันนี้ได้พบน้อง
กลับไปกว่าจะได้มาขอสู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้ประสมสอง
เกลือกท่านมารดามิปรองดอง ยิ่งไกลน้องนับวันจะจืดจาง
งามปลื้มแม่จะลืมลงทุกวัน สารพันรวนเรจะเหห่าง
ถึงประสบพบกันที่กลางทาง คงระคางไปไม่เหมือนแต่ก่อนมา
ถ้ามั่นคงปลงใจว่ารักแก้ว แท้แล้วอย่าให้ห่างเสนหา
ขอฝากดวงจิตรเจ้าจงเมตตา แต่ครั้งคราเดียวเถิดอย่าถือใจ
ซึ่งเจ้าเปรียบเทียบคิดจิตรมนุษย์ หาสิ้นสุดความโลภลงได้ไม่
เหมือนของกินหารู้สิ้นไปเมื่อไร เป็นวิสัยสังเกตแก่ฝูงคน
ถึงนั่นหน่อยนี่หน่อยอร่อยรส ปรากฏก็แต่ข้าวแลเป็นต้น
ดุจความเสนหาจลาจล ร้อนรนก็ที่รักกำเริบใจ
เหมือนผ้าเก่าเศร้าทรุดพิรุธนัก จะซ้ำซักเสียให้ขาดหาควรไม่
เป็นยกทองต้องตาก็อาลัย มิใช่ตาบัวปอกแลเมล็ดงา
กว่าจะได้ห่มนุ่งบำรุงกาย มิใช่ง่ายต่อตามกันหนักหนา
กับอนึ่งก็แพงแรงราคา ถึงเก่าแล้วก็อุตส่าห์ถนอมชม
ประจงใส่หีบหอมถนอมไว้ เมื่อมีงานการใหญ่เป็นการสม
จึงหยิบคลี่ด้วยเป็นที่คนนิยม แล้วอบรมกลิ่นฟุ้งจรุงใจ
ถึงผ้าอื่นผืนใหม่ได้มามาก ก็นุ่งลากเสียดอกไม่ดีได้
ขอลานวลจวนคํ่าไม่ขืนใจ ทั้งอาลัยลำบากจะจากน้อง
โลมลูบจูบชายสไบห่ม ขอชมนิดเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง
ช่างน่าชมสมควรเป็นนวลละออง นี่กรองเองฤๅเจ้าซื้อมาแห่งใด ฯ
๏ นางสะบัดปัดชายสไบห่ม อย่ามาชมเลยผ้าคุณแม่ให้
เลียมชมข่มเหงไม่เกรงใจ นี่อะไรเจ้าแก้วไม่ควรการ
รักน้องสิจะปองให้เป็นผล กลางหนฤๅมารักทำหักหาญ
ไม่รักแต่งดอกจึงแกล้งทำประจาน มาด่วนรานรีบได้แต่โดยใจ
ให้เกรียมตรมจึงจะสมคะเนเจ้า ก็หมองเศร้าอยู่หาสู้สนิทไม่
เสียทีเจ้าแก้วก็แล้วไป อันจะได้พิมนั้นอย่าสงกา
เหมือนข้าวดิบจะหยิบเข้าใส่ปาก กำลังอยากยังกรุบอยู่หนักหนา
ไม่อร่อยดอกจงปล่อยเสียเร็วรา ทำขืนขัดใจข้าแล้วขาดกัน ฯ
๏ เจ้าเนื้อนิ่มพิมน้อยอนาทร มาตัดรอนแรกรักบากบั่น
จงงดเงือดเหือดโกรธที่โทษทัณฑ์ พลางรับขวัญยอดสร้อยอย่าน้อยใจ
พี่รักนุชสุจริตน้ำจิตรรัก ไม่หาญหักก่อนดอกแต่โดยได้
ผลักมือรื้อฉวยชายสไบ เพราะอาลัยกำเริบที่ในทรวง
งดโทษพี่เถิดเจ้าจงเอาบุญ อย่าเคืองขุ่นคั่งแค้นเฝ้าแหนหวง
นมเจ้างอนงามปลั่งดังเงินยวง ประโลมล่วงน้องหน่อยอย่าน้อยใจ
พลางกอดน้องประคองขึ้นบนตัก จะแพลงผลักพลิกเลื่อนลงไปไหน
แล้วเปลื้องปลดลดชายให้คลายใจ นางฉวยฉุดยุดไว้ไม่วางมือ ฯ
๏ อนิจจาว่าแล้วหาฟังไม่ จะฆ่าพิมเสียที่ไร่นี้แล้วฤๅ
รักน้องกลางหนให้คนฦๅ อย่างนี้น้องไม่ถือว่ารักน้อง
โดยชั่วถึงตัวมิได้แต่ง ก็จัดแจงน้องนี้มีหอห้อง
พอควรการแล้วฉันจะปรองดอง มิให้ข้องขัดเคืองกระเดื่องใจ
ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย จะเรียงรายกลางหนหาควรไม่
พิเคราะห์ให้เหมาะก่อนเป็นไร กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา
อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสนหา
นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม ฯ
๏ ประจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์ น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่มนิ่ม
น้ำตาคลอเปี่ยมอยู่เรียมริม เจ้าเยือนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ
สงสารไหว้วอนให้ผ่อนวาง รักนางมิใคร่จะไกลได้
พี่จะหอบเสนหาลาไป เหลืออาลัยที่จะทรมาน
หยิบมือพิมน้อยประทับทรวง แม่ดูดวงจิตรพี่ออกฟุ้งซ่าน
เวลาคํ่าแม่จงจำสังเกตการ จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย
ช้อนคางพลางจูบประคองชม แนบเนื้อแนมนมเจ้าผ่องใส
พวงพุ่มตูมตั้งยังเป็นไต อาลัยลูบโลมทั้งกายา
จับมือถือนิ้วเจ้าพิมชม สวยสมสิบนิ้วเสนหา
ซบพักตร์อยู่กับตักไม่เจรจา พี่จะลาแล้วแม่ผินมาดีดี ฯ
๏ ครานั้นอีข้าไทไปเก็บฝ้าย ตะวันบ่ายรำไรลงได้ที่
อีเต่าหับอีพลับกับอีปลี ยัดอัดกระบุงดีร้องเพลงมา
สายทองระวังน้องอยู่ต้นทาง เห็นอีบ่าวเหย่าย่างมาข้างหน้า
แกล้งร้องอึงให้ถึงเจ้าสองรา ไปหวาไปเหวยเฮ้ยจวนเย็น ฯ
๏ นางพิมกราบไหว้เจ้าพลายแก้ว มันมาแล้วไปเถิดมันจะเห็น
พ่อจะมาฆ่าน้องเสียทั้งเป็น เอ็นดูเถิดพ่อไปเสียไวไว
เจ้าพลายกอดพิมประทับไว้กับตัก เสียดายนักมิใคร่วางนางลงได้
เสียงบ่าวข้ามากระชั้นก็จนใจ ลุกขึ้นบังต้นไม้แล้วหลีกมา
นางพิมลุกยืนขึ้นทันใด ฝ้ายลีเป็นกะไรอีเด็กหวา
ตะวันเย็นเห็นจวนควรเวลา ออกจากพุ่มพฤกษาแล้วเดินไป
สายทองเดินชิดสะกิดพิม หยอกยิ้มค่อยกระซิบปราศรัย
แม่พิมพี่วันนี้เป็นไรไป หลังไหล่ล้วนต้องละอองดิน
นางพิมยิ้มค้อนให้พี่เลี้ยง ส่งเสียงไปให้มันเข้าหูสิ้น
จำเพาะจะว่าไปให้ได้ยิน ดีใจดังจะบินจะโบยไป
เมื่อวานเห็นรำคาญไม่รู้วาย เดี๋ยวนี้หาเพื่อนตายเข้าไว้ได้
อย่าพักว่าเลยข้าไม่เป็นไร ปัดไถมหมองมัวไปนิดเดียว
สายทองฟังน้องก็นิ่งยิ้ม นางพิมค้อนให้นัยน์ตาเขียว
อีพวกข้าแบกฝ้ายตามนายเกรียว มาบัดเดี๋ยวถึงบ้านเข้าทันใด
นางพิมสายทองทั้งบ่าวข้า ขึ้นบนเคหาหาช้าไม่
จวนคํ่าย่ำเย็นลงไรไร พอเก็บฝ้ายลีไว้ก็พลบพลัน
สายทองชวนน้องเข้าห้องนอน ร่วมหมอนกระซิกเกษมสันต์
สัพยอกหยอกพิมนิ่มนวลจันทร์ เมื่อกลางวันเป็นอย่างไรอย่าได้พราง ฯ
๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย ค้อนให้พลิกแพลงตะแคงข้าง
ปั่นป่วนข่วนหยิกสายทองพลาง เพราะพี่นางแนะนำให้ทำน้อง
พอเห็นหน้าพูดจากันสองคำ กระโจนกอดคอปลํ้าเล่นคล่องคล่อง
จะแกล้งให้น้องอายพี่สายทอง จะใคร่ร้องขึ้นให้ไร่ทลาย
น้อยใจหนักหนาน้ำตาตก เป็นสองยกพลิกคว่ำให้จำหงาย
ผ้าผ่อนฉวยฉุดให้หลุดกาย ถ้าตัวตายเสียก็ดีกว่าเป็นคน
เนื้อแท้เขาจะปลํ้าทำเล่น ข้าแค้นใจไม่เห็นจะเป็นผล
วันนี้จะเอามีดเข้ากรีดตน ให้วายชนม์เสียให้สิ้นที่อายใจ
คิดนิดหนึ่งว่าพี่ได้เลี้ยงมา ฟ้าผ่าเถอะหาไม่แล้วที่ไหน
จะบอกแม่ให้แซ่เซ็งไป ก็จะได้ดูหน้าพี่สายทอง
เดชะบุญพอวุ่นก็เด็กมา ถ้าปะช้าเลยหนึ่งจะถึงสอง
พูดจามีแต่ว่าไม่ปรองดอง เสียแรงพี่เลี้ยงน้องมาใจจาง
หมายจะแหวะแตระฟันด้วยดาบกรด อัปยศตายด้วยดาบทองหลาง
ยังสั่งซ้ำทำเผื่อเป็นเยื่อยาง ว่ากลางคืนวันนี้จะกลับมา
ว่าพลางทางปิดประตูผาง หน้าต่างลิ่มขัดให้แน่นหนา
มีดถือไว้กับมือไม่เคลื่อนคลา น้องแค้นดังเลือดตาจะหยดย้อย
วันนี้ถ้ามาแล้วอย่าแคลง แม้นมิแทงแล้วจึงว่าอีพิมถ่อย
ไปจากห้องน้องเถิดอย่าพูดพลอย วันนี้คอยยังรุ่งไม่หลับนอน ฯ
๏ สายทองปลอบน้องอย่าแค้นขึ้ง รำพึงดูให้แน่ในใจก่อน
อันความเสนหาอาวรณ์ ย่อมแรงร้อนรึงรุมกลุ้มในใจ
เจ้าพลายแก้วก็ยังหนุ่มกำดัดนัก จะรั้งรักรอรีที่ไหนได้
ซึมซาบอาบเอิบกำเริบใจ ด้วยยังไม่เคยพบกระษัตรี
การชายความอายนี้น้อยนัก ยอดรักแม่จงฟังคำพี่
อันใจหญิงถึงกำหนดในโลกีย์ ก็ยังมีมารยาอยู่ในใจ
แม่อย่าด่วนควรถือว่าหยาบช้า อันเจรจาหาทิ้งที่จริงไม่
สัญญาเบื้องหน้ายังว่าไว้ แม่จงพิเคราะห์ใคร่ดูเถิดรา
เจ้าพลายแก้วเป็นชายบริสุทธิ์ ผ่องผุดยังไม่มีที่กังขา
แม่ก็พรหมจารีศรีโสภา แต่รุ่นมาไม่มีใครแผ้วพาน
พึ่งมาประสบพบพลายแก้ว เพียงนี้แล้วฤๅจะผลักหักหาญ
ให้เคล้าคลึงถึงสองไม่ต้องการ เป็นมลทินจะประจานอยู่ในใจ
ถึงได้อื่นมาชื่นอารมณ์เจ้า ถ้าพบเก่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน
ขึ้นชั่วจะติดตัวจนตายไป แม่อย่าได้ด่วนเด็ดเสียเดียวดาย
หยุดยกที่วิตกไว้เสียก่อน อดนอนพรุ่งนี้จะตื่นสาย
กลัวท่านแม่คุณจะวุ่นวาย เจ้าพลายที่ไหนจะกล้ามา
นอนเถิดน้องพี่จะไปนอนบ้าง ว่าแล้วเยื้องย่างมาเคหา
ถึงห้องของตัวก็นิทรา นางพิมตรึกตรายิ่งตรอมใจ
โอ้ว่าแก้วแววตาของพิมเอ๋ย จะล่วงเลยลืมแล้วฤๅไฉน
ฤๅเคืองน้องข้องแค้นระคางใจ จึงทิ้งไว้ว้าเหว่อยู่เอกา
มิรักน้องก็แต่แรกอย่ารักน้อง ทำให้หมองแล้วจะเมินไม่มาหา
ยังจดจำถ้อยคำที่สัญญา ว่าจะมาถึงห้องที่พิมนอน
ยามหนึ่งถึงแล้วพ่อแก้วเอ๋ย ไม่มาเลยใจน้องนี้ค่อนค่อน
แต่นอนตรึกนึกหายิ่งอาวรณ์ พระจันทรจรดับก็หลับไป ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ไปวัดคํ่าแล้วหาบวชไม่
คอยดูฤกษ์เวลาจะคลาไคล ประมาณได้สักสองยามปลาย
ดวงเดือนเลื่อนเด่นดาวระยับ ยืนขยับเพ่งพิศเมฆฉาย
ช่วงขาวดุจดาวประกายพราย แต่งกายประกอบพร้อมทุกประการ
พิเคราะห์ดูหลาวเหล็กแลผีหลวง ปลอดห่วงดวงใจก็ฮึกหาญ
สูรย์จันทร์แม่นยำด้วยชำนาญ ย่างเท้าก้าวผ่านไปตามทิศ ฯ
๏ มาถึงบ้านนางพิมหาช้าไม่ เสกข้าวสารหว่านไปให้หลับสนิท
สะเดาะกลอนถอนลั่นทุกชั้นชิด ที่บานปิดก็เปิดออกทันใด
จึงกลิ้งครกเหยียบยืนขึ้นบนเรือน ไม่กระเทือนย่องมาหาช้าไม่
หมายสำคัญมั่นคงตรงไป เข้าในห้องพิมด้วยฉับพลัน
อัจกลับแสงกระจ่างสว่างห้อง มีข้าวของโตกพานทั้งเชี่ยนขัน
เครื่องแป้งแต่งไว้ดูงามครัน อัฒจันทร์สมศักดิจำหลักลาย
คันฉ่องรองรับกระจกส่อง เครื่องทองตั้งไว้ดูเฉิดฉาย
พานหมากเครื่องนากมีมากมาย ม่านสายสอดหูแล้วห้อยกาง
น่ารักปักไหมเอาทองถม สวยสมฝีมือพิมงามกระจ่าง
เป็นเรื่องศิลป์สุริยาเมื่อพานาง ข้ามแนวน้ำกว้างก็พลัดกัน
รัตนานางอุ้มสิงหรัด ท่องเที่ยวแถวพนัสพนาสัณฑ์
ถึงศาลาดาบสทศธรรม์ อภิวันท์วอนว่าพระอาจารย์
อาศัยแล้วให้ชุบสิงหรา อำลาลุล่วงจากสถาน
กับพี่น้องสองราชกุมาร มาอยู่บ้านตายายค่อยคลายใจ
ปักพระศิลป์เธอเที่ยวแสวงหา จะพบนางรัตนาก็หาไม่
จนพลบคํ่ายํ่าแสงอโณทัย อาศัยสวนเจ้าท้าวกุตา
น้องเอ๋ยกะไรเลยฉลาดลํ้า ไม่ชอกช้ำฝีมือเจ้าเหลือหา
ประจงรูดม่านน้องย่องเยื้องมา เปิดมุ้งเห็นหน้าเจ้าพิมนอน
สนิทหลับรับขวัญเจ้าทั้งหลับ ดังยิ้มรับให้พี่รีบมาร่วมหมอน
โฉมแชล่มแก้มยิ้มพริ้มเพรางอน งามเนตรเมื่อเจ้าค้อนพี่ยามชม
คอคางบางแบบกะทัดรัด เล็บยาวขาวขัดดูงามสม
ไม่พร่องบกอกนางอล่างนม ค่อยผงมสงวนต้องประคองทรวง
เลื่อนลดแก้สะกดให้พิมตื่น เป่าต้องน้องก็ฟื้นสงบง่วง
เจ้าอย่าแหนงแคลงจิตรว่าพี่ลวง ดวงใจแม่จงตื่นขึ้นเถิดรา ฯ
๏ นางพิมนิ่มนวลนอนสนิท กระทั่งนิดก็ฟื้นตื่นผวา
พลิกกายชายเนตรชำเลืองมา เห็นหน้าพลายแก้วแววไว
คิดพรั่นหวั่นใจชม้ายค้อน ดูดู๋กลอนขัดอยู่จู่มาได้
นี่เนื้อว่าข่มเหงไม่เกรงใจ แต่กลางไร่ไม่สามาถึงเรือน
แต่เพียงนั้นยังว่าไม่น่าแค้น จวนเจียนจักแหล่นจะอายเพื่อน
รบให้ขอต่อแม่ทำแชเชือน กลบเกลื่อนว่ากล่าวให้กลับกลาย
คิดว่ารักฤๅที่หักมาถึงบ้าน อย่าสมานเลยข้าแค้นไม่รู้หาย
แต่ที่ไร่เจ้ายังปลํ้าทำให้อาย ใยฝ้ายเกลือกคันไปทั้งตัว
มือหนักชักยื้อทำหยาบหยาม งามหน้าน่ารับมาเป็นผัว
สมสู่อยู่บ้านดีฉันกลัว ตัวมิตายก็หลังคงเลือดย้อย
เพียงจับมือถือแขนก็แสนเจ็บ คมเล็บเลือดเหยาะลงเผาะผอย
แต่หยอกกันสารพันเป็นริ้วรอย เชิญถอยไปเสียเถิดไม่ไยดี ฯ
๏ เจ้างามปลอดยอดรักของพลายแก้ว ได้มาแล้วแม่อย่าขับให้กลับหนี
พี่สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวี แก้วพี่อย่าเพ่อพรํ่ารำพันความ
พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จงคลายโกรธแม่อย่าถือว่าหยาบหยาม
พี่ชมโฉมโลมลูบด้วยใจงาม ทรามสวาดิดิ้นไปไม่ไยดี
รอยเล็บแม่จึงเจ็บด้วยจับต้อง ติดข้องเพราะเจ้าปัดสลัดพี่
ค้อนควักผลักพลิกแล้วหยิกตี ถ้อยทีถูกข่วนแต่ล้วนเล็บ
ติดตามมาด้วยความพี่รักน้อง กลัวจะหมองต้องเนื้อเจ้าจะเจ็บ
ไหนผืนผ้ามาพี่จะชุนเย็บ ที่ตะเข็บขาดไปจะให้ดี
ขอพี่ดูชูมือมาสักหน่อย เจ็บน้อยฤๅมากกว่าแขนพี่
จับจูบลูบแผลที่ไหนมี เย้ายีหยอกยั่วให้ยวนใจ ฯ
๏ นี่ใครวอนให้มาถามฤๅ ถึงเจ็บมือก็หาเชิญเจ้ามาไม่
จะดูแลแผลน้องไปทำไม ใครเจ็บก็ใครรักษาตัว
มาจับมือถือแขนเอาง่ายง่าย ไม่มีอายทำเล่นเช่นเมียผัว
ที่นี่เรือนมิใช่ไร่ข้าไม่กลัว ถึงดีชั่วเพื่อนบ้านพยานมี
ยังเซ้าซี้มิไปให้พ้นห้อง มาจู้จี้นี้ก็ร้องให้อึงมี่
ไม่วางแขนแค้นใจใช่พอดี จะทำทีเหมือนที่ไร่ไม่ได้แล้ว ฯ
๏ ไม่เมตตาก็ฆ่าเสียเถิดน้อง กระทุ้งห้องร้องไปให้แจ้วแจ้ว
จงเอามีดมากรีดให้เป็นแนว อย่านึกเลยพลายแก้วจะกลัวตาย
อึงแซ่หม่อมแม่จะมาจับ ผิดก็ยับอยู่กับที่ไม่หนีหาย
จะกอดพิมนิ่มนางไม่ห่างกาย ตามแต่สายสุดสวาดิจะปรานี
ว่าพลางทางกอดกระหวัดรัด อย่าสะบัดเลยไม่พ้นฝีมือพี่
ทั้งสองแก้มแย้มยวนให้ยินดี ขอจูบทีเถิดเจ้าจงเมตตา ฯ
๏ ประเดี๋ยวจับประเดี๋ยวจูบเฝ้าลูบชม แก้มกับนมนี่เจ้าซื้อมาฤๅขา
ทำเล่นเหมือนเป็นเชลยมา ฟ้าผ่าเถอะไม่ยั้งไม่ฟังกัน
จะหยิกเท่าไรก็ไม่เจ็บ ฉวยเล็บมาจะหักให้สะบั้น
อุยหน่าอย่าทำที่สำคัญ ฟาดฟันเอาเถิดไม่น้อยใจ
ทำเล็บหักเหมือนไม่รักพี่จริงจัง ถึงเงินชั่งหนึ่งหารักเท่าเล็บไม่
เข้าชิดสะกิดพิมยิ้มละไม อุ้มแอบอกไว้ด้วยปรีดา
เอนอิงพิงประทับลงกับหมอน สะอื้นอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า
กระเดือกเสือกดิ้นอยู่ไปมา เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน
ฮือฮืออื้อเสียงพายุพัด กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุ้มชอุ่มฝน
เป็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร ฯ
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มนวล ยียวนด้วยความพิสมัย
เสนหารึงรุมกลุ้มใจ สนิทแนบหน้าในที่นอนนาง
พัดวีวอนพลอดแล้วกอดแก้ว ไม่คลาศแคล้วเคลื่อนคลาไปห่างข้าง
ซับเหงื่อด้วยเนื้อสไบบาง กระแจะจวงจันทน์นางละลายทา
ของหวานวอนให้เจ้าแก้วกิน คอยประคิ่นโต๊ะตั้งทั้งซ้ายขวา
ให้หมากพลูบุหรี่ด้วยปรีดา แล้วซุบซิบสนทนาเสนาะใน
ถ้อยทีถ้อยมีเสนหา กำเริบรสกามาหมื่นไหม้
ฟักฟูมอุ้มแอบด้วยอาลัย ต่างมิใคร่จะสนิทนิทรา
พระจันทร์แจ่มกระจ่างนภากาศ เทวราชเร่งราชรถา
สถิตในทิพรัตน์ลีลามา จับแสงดาราดิเรกราย
สกุณากาไก่สนั่นก้อง นํ้าค้างต้องบุปผชาติแย้มขยาย
แมลงภู่เคล้าเกสรขจรจาย พระสุริย์ฉายเร่งรีบรถทะยาน
เผยอแย้มแจ่มกระจ่างสว่างทิศ สะดุ้งจิตรกล่าวเกลี้ยงด้วยคำหวาน
จะลาพิมนิ่มสนิทคิดรำคาญ ปิ้มปานจะตายจากพรากพิมไป
พอคํ่ายํ่าแสงสุริยา พี่จะมามั่นคงอย่าสงสัย
ค่อยอยู่เถิดแก้วตาจะลาไป ใจพี่นี้จะขาดลงรอนรอน ฯ
๏ ครานั้นนางพิมพิลาไลย ถอนใจสะอึกสะอื้นอ้อน
ระทวยทอดกอดแก้วยิ่งอาวรณ์ พ่อมานอนให้พิมนี้ตรอมใจ
ก็สาสมที่อารมณ์เราโฉดชั่ว รักตัวแล้วหารักสบายไม่
เช้าคํ่าจะรํ่าโศกเสมอไป สักเมื่อไรจะหายวายรำคาญ
รักพิมพิมรักพี่พลายแก้ว รักแล้วปลูกรักมาหักหาญ
มาหักต้นโค่นทิ้งทรมาน โอ้รักก็จะรานไปแรมไกล
แม่ตีฤๅพี่สายทองด่า จะปรึกษาปรารภกับใครได้
ถึงทรวงร้อนเหมือนนอนในกองไฟ พ่ออยู่ไกลไหนจะแจ้งซึ่งกิจจา
พ่ออยู่วัดขัดเคืองขึ้นข้างบ้าน สุดที่พิมจะด้านออกไปหา
คํ่าแล้วพ่อแก้วจงกลับมา ให้เห็นหน้าทุกคืนพอชื่นใจ ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วปลอบแล้วลูบประโลม พี่รักโฉมหาให้ห่างระคางไม่
ไก่แก้วขันแจ้วจะจำไกล อย่าเสียใจพี่จะมาหาทุกคืน
พอพลบจะหลบมาโลมน้อง ถึงแห่งห้องให้หายโศกสะอื้น
จากพิมปิ้มพี่นี้ต้องปืน ขยับยืนส่งพี่พอพ้นเรือน
ปลอบพลางทางโอบกระหวัดอุ้ม ฟักฟูมฟายน้ำตาหน้าเฝื่อน
ถึงประตูหรุบรู่ด้วยแสงเดือน นี่เนื้อเหมือนกรรมวิบากระบมใจ
แสงทองส่องฟ้ามาเหลืองเหลือง จะย่างเยื้องจากนางไม่ย่างได้
ทรุดนั่งพะวังพะว้าด้วยอาลัย ประโลมจูบลูบไล้ไม่สมประดี
ปิดประตูอยู่เถิดนะน้องเอ๋ย อย่าโศกเลยลุกเลื่อนออกจากที่
แสนสวาดิไม่น้อยร้อยทวี ยิ่งเหลียวหลังยิ่งมีอาลัยลาน
พิมน้อยละห้อยหับประตูแล้ว พลายแก้วแข็งใจไปจากบ้าน
ถึงวัดลัดหนีท่านสมภาร นมัสการชีต้นให้บวชพลัน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ