ตอนที่ ๓๕ ขุนช้างถวายฎีกา

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม เมื่อเป็นความชนะขุนช้างนั่น
กลับมาอยู่บ้านสำราญครัน เกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน
พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารดา นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน
โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวล ไม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง
เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมมานำผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจัญไร
รูปร่างวิปริตผิดกว่าคน ทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้
ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้ ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ ก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี
แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้
แค้นแม่จำจะแก้ให้หายแค้น ไม่ทดแทนอ้ายขุนช้างบ้างไม่ได้
หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัย ไม่สมใจจำเพาะเคราะห์มันดี
อย่าเลยจะรับแม่กลับมา ให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี
พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโกรธา
อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ เมื่อไรตะวันจะลับหล้า
เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลา จวนสุริยาเลี้ยวลับเมรุไกร
เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข
น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา
ได้ยินเสียงฆ้องย่ำประจำวัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา
คะเนนับย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
ลงยันต์ราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขึ้นใส่หัว
เป่ามนตร์เบื้องบนชอุ่มมัว พรายยั่วยวนใจให้ไคลคลา
จับดาบเคยปราบณรงค์รบ เสร็จครบบริกรรมพระคาถา
ลงจากเรือนไปมิได้ช้า รีบมาถึงบ้านขุนช้างพลัน ฯ
๏ เห็นคนนอนล้อมอ้อมเป็นวง ประตูลั่นมั่นคงขอบรั้วกั้น
กองไฟสว่างดังกลางวัน หมายสำคัญตรงมาหน้าประตู
จึงร่ายมนตรามหาสะกด เสื่อมหมดอาถรรพ์ที่ฝังอยู่
ภูตพรายนายขุนช้างวางวิ่งพรู คนผู้ในบ้านก็ซานเซอะ
ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับ นอนทับคว่ำหงายก่ายกันเปรอะ
จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะ โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี
ใช้พรายถอดกลอนถอนลิ่ม รอยทิ่มถอดหลุดไปจากที่
ย่างเท้าก้าวไปในทันที มิได้มีใครทักแต่สักคน
มีแต่หลับเพ้อมะเมอฝัน ทั้งไฟกองป้องกันทุกแห่งหน
ผู้คนเงียบสำเนียงเสียงแต่กรน มาจนถึงเรือนเจ้าขุนช้าง
จุดเทียนสะกดข้าวสารปราย ภูตพรายโดดเรือนสะเทือนผาง
สะเดาะดาลบานเปิดหน้าต่างกาง ย่างเท้าก้าวขึ้นร้านดอกไม้
หอมหวนอวลอบบุปผาชาติ เบิกบานก้านกลาดกิ่งไสว
เรณูฟูร่อนขจรใจ ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม
ข้าไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวาม อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
ม่านมู่ลี่มีฉากประจำกั้น อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา
ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง
นิ่งนอนอยู่บนเตียงเคียงขุนช้าง มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง
เจ็บใจดังหัวใจจะพังพอง ขยับจ้องดาบง่าอยากฆ่าฟัน
จะใคร่ถีบขุนช้างที่กลางตัว นึกกลัวจะถูกแม่วันทองนั่น
พลางนั่งลงนอบนบอภิวันท์ สะอื้นอั้นอกแค้นน้ำตาคลอ
โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ
เวรกรรมนำไปไม่รั้งรอ มิพอที่จะต้องพรากก็จากมา
มันไปฉุดมารดาเอามาไว้ อ้ายหัวใสข่มเหงไม่เกรงหน้า
ที่ทำแค้นกูจะแทนให้ทันตา ขอษมาแม่แล้วก็ขับพราย
เป่าลงด้วยพระเวทวิทยา มารดาก็ฟื้นตื่นโดยง่าย
ดาบใส่ฝักไว้ไม่เคลื่อนคลาย วันทองรู้สึกกายก็ลืมตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง ต้องมนต์มัวหมองเป็นหนักหนา
ตื่นพลางทางชำเลืองนัยน์ตามา เห็นลูกยานั้นยืนอยู่ริมเตียง
สำคัญคิดว่าผู้ร้ายให้นึกกลัว กอดผัวร้องดิ้นจนสิ้นเสียง
ซวนซบหลบลงมาหมอบเมียง พระหมื่นไวยเข้าเคียงห้ามมารดา
อะไรแม่แซ่ร้องทั้งห้องนอน ลูกร้อนรำคาญใจจึงมาหา
จะร้องไยใช่โจรผู้ร้ายมา สนทนาด้วยลูกอย่าตกใจ ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา ครั้นรู้ว่าลูกยาหากลัวไม่
ลุกออกมาพลันด้วยทันใด พระหมื่นไวยเข้ากอดเอาบาทา
วันทองประคองสอดกอดลูกรัก ซบพักตร์ร้องไห้ไม่เงยหน้า
เจ้ามาไยปานนี้นี่ลูกอา เขารักษาอยู่ทุกแห่งตำแหน่งใน
ใส่ดาลบ้านช่องกองไฟรอบ พ่อช่างลอบเข้ามากะไรได้
อาจองทะนงตัวไม่กลัวภัย นี่พ่อใช้ฤๅว่าเจ้ามาเอง
ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการ เขาจะรุกรานพาลข่มเหง
จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรง ฉวยสบเพลงพลาดพล้ำมิเป็นการ
มีธุระสิ่งไรในใจเจ้า พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน
มิควรทำเจ้าอย่าทำให้รำคาญ อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ ฯ
๏ จมื่นไวยสารภาพกราบบาทา ลูกมาผิดจริงหาเถียงไม่
รักตัวกลัวผิดแต่คิดไป ก็หักใจเพราะรักแม่วันทอง
ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง
มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์
ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ
ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูน ถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะสำราญ
ลูกมาหมายว่าจะมารับ เชิญแม่วันทองกลับคืนไปบ้าน
แม้นจะบังเกิดเหตุเภทพาล ประการใดก็ตามแต่เวรา
มาอยู่ไยกับไอ้หินชาติ แสนอุบาทว์ใจจิตริษยา
ดังทองคำทำเลี่ยมปากกะลา หน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม
เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว มาเกลือกกลั้วปทุมาลย์ที่หวานหอม
ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม ว่านักแม่จะตรอมระกำใจ
แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่
จะคิดถึงลูกบ้างฤๅอย่างไร ฤๅหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย
ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้า แม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย
ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย เหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง เศร้าหมองด้วยลูกเป็นหนักหนา
พ่อพลายงามทรามสวาดิของแม่อา แม่โศกาเกือบเจียนจะบรรลัย
ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทอง มิใช่ของตัวทำมาแต่ไหน
ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม
ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุก มีแต่ทุกข์ใจเจ็บดังเหน็บหนาม
ต้องจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใช่ที
เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี
ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้ายดี เป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง
เมื่อพ่อเจ้ากลับมาแต่เชียงใหม่ ไม่เพ็ดทูลสิ่งไรแต่สักอย่าง
เมื่อคราวตัวแม่เป็นคนกลาง ท่านก็วางบทคืนให้บิดา
เจ้าเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็ก มิใช่เด็กดอกจงฟังคำแม่ว่า
จงเร่งกลับไปคิดกับบิดา ฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์
พระองค์คงจะโปรดประทานให้ จะปรากฏยศไกรเฉิดฉัน
อันจะมาลักพาไม่ว่ากัน เช่นนั้นใจแม่มิเต็มใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม ฟังความเห็นว่าแม่หาไปไม่
คิดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยวเบี้ยวบิดไป เพราะรักไอ้ขุนช้างกว่าบิดา
จึงว่าอนิจจาลูกมารับ แม่ยังกลับทัดทานเป็นหนักหนา
เหมือนไม่มีรักใคร่ในลูกยา อุตส่าห์มารับแล้วยังมิไป
เสียแรงเป็นลูกผู้ชายไม่อายเพื่อน จะพาแม่ไปเรือนให้จงได้
แม้นมิไปให้งามก็ตามใจ จะบาปกรรมอย่างไรก็ตามที
จะตัดเอาศีรษะของแม่ไป ทิ้งแต่ตัวไว้ให้อยู่นี่
แม่อย่าเจรจาให้ช้าที จวนแจ้งแสงศรีจะรีบไป ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา เห็นลูกยากัดฟันมันไส้
ถือดาบฟ้าฟื้นยืนแกว่งไกว ตกใจกลัวว่าจะฆ่าฟัน
จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรัก อย่าฮึกฮักว้าวุ่นทำหุนหัน
จงครวญใคร่ให้เห็นข้อสำคัญ แม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ
ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมา เห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม
ถ้าเห็นเจ้าเป็นสุขไม่ลุกลาม ก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล
ว่าพลางนางลุกออกจากห้อง เศร้าหมองโศกาน้ำตาไหล
พระหมื่นไวยก็พามารดาไป พอรุ่งแจ้งแสงใสก็ถึงเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง นอนครางหลับกรนอยู่ป่นเปื้อน
อัศจรรย์ฝันแปรแชเชือน ว่าขี้เรื้อนขึ้นตัวทั่วทั้งนั้น
หาหมอมารักษายาเข้าปรอท มันกินปอดตับไตออกไหลลั่น
ทั้งไส้น้อยไส้ใหญ่แลไส้ตัน ฟันฟางก็หักจากปากตัว
ตกใจตื่นผวาคว้าวันทอง ร้องว่าแม่คุณแม่ช่วยผัว
ลุกขึ้นงกงันตัวสั่นรัว ให้นึกกลัวปรอทจะตอดตาย
ลืมตาเหลียวหาเจ้าวันทอง ไม่เห็นน้องห้องสว่างตะวันสาย
ผ้าผ่อนล่อนแก่นไม่ติดกาย เห็นม่านขาดเรี่ยรายประหลาดใจ
ตะโกนเรียกในห้องวันทองเอ๋ย หาขานรับเช่นเคยสักคำไม่
ทั้งข้าวของมากมายก็หายไป ปากประตูเปิดไว้ไม่ใส่กลอน
พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน
อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู
บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงัน เห็นนายนั้นแก้ผ้ากางขาอยู่
ต่างคนทรุดนั่งบังประตู ตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา
ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังก้า ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว
ยายจันงันงกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ
สองมือปิดขาเหมือนท่าเปรต ใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน
ให้นึกอดสูหมู่ข้าไท ยายจันไปเอาผ้าให้ข้าที
ยายจันตกใจเต็มประดา เข้าไปฉวยผ้าเอามาคลี่
หยิบยื่นส่งไปให้ทันที เมินหนีอดสูไม่ดูนาย
ขุนช้างตัวสั่นทาวบอกบ่าวไพร่ วันทองไปไหนอย่างไรหาย
เอ็งไปดูให้รู้ซึ่งแยบคาย พบแล้วอย่าวุ่นวายให้เชิญมา ฯ
๏ ข้าไทได้ฟังขุนช้างใช้ ต่างเที่ยวค้นด้นไปจะเอาหน้า
ทั้งห้องนอกห้องในไม่พบพา ทั่วเคหาแล้วไปค้นจนแผ่นดิน
เห็นประตูรั้วบ้านบานเปิดกว้าง ผู้คนนอนสล้างไม่ตื่นสิ้น
เสาแรกแตกต้นเป็นมลทิน กินใจกลับมาหาขุนช้าง
บอกว่าได้ค้นคว้าหาพบไม่ แล้วเล่าแจ้งเหตุไปสิ้นทุกอย่าง
ข้าเห็นวิปริตผิดท่าทาง ที่นวลนางวันทองนั้นหายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างฟังบ่าวบอก เหงื่อออกโซมล้านกระบานใส
คิดคิดให้แค้นแสนเจ็บใจ ช่างทำได้ต่างต่างทุกอย่างจริง
สองหนสามหนก่นแต่หนี พลั้งทีลงไม่รอดนางยอดหญิง
คราวนั้นอ้ายขุนแผนมันแง้นชิง นี่คราวนี้หนีวิ่งไปตามใคร
ไม่คิดว่าจะเป็นเห็นว่าแก่ ยังสาระแนหลบลี้หนีไปไหน
เอาเถิดเป็นไรก็เป็นไป ไม่เอากลับมาได้มิใช่กู ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม เกรงเนื้อความนั่งนึกตรึกตรองอยู่
อ้ายขุนช้างสารพัดเป็นศัตรู ถ้ามันรู้ว่าลักเอาแม่มา
มันก็จะสอดแนมแกมเท็จ ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษา
ดูจะระแวงผิดในกิจจา มารดาก็จะต้องซึ่งโทษภัย
คิดแล้วเรียกหมื่นวิเศษผล เอ็งเป็นคนเคยชอบอัชฌาสัย
จงไปบ้านขุนช้างด้วยทันใด ไกล่เกลี่ยเสียอย่าให้มันโกรธา
บอกว่าเราจับไข้มาหลายวัน เกรงแม่จะไม่ทันมาเห็นหน้า
เมื่อคืนนี้ซ้ำมีอันเป็นมา เราใช้คนไปหาแม่วันทอง
พอขณะมารดามาส่งทุกข์ ร้องปลุกเข้าไปถึงในห้อง
จึงรีบมาเร็วไวดังใจปอง รักษาจนแสงทองสว่างฟ้า
ไม่ตายคลายคืนฟื้นขึ้นได้ กูขอแม่ไว้พอเห็นหน้า
แต่พอให้เคลื่อนคลายหลายเวลา จึงจะส่งมารดานั้นคืนไป ฯ
๏ หมื่นวิเศษรับคำแล้วอำลา รีบมาบ้านขุนช้างหาช้าไม่
ครั้นถึงแอบดูอยู่แต่ไกล เห็นผู้คนขวักไขว่ทั้งเรือนชาน
ขุนช้างนั่งเยี่ยมหน้าต่างเรือน ดูหน้าเฝื่อนทีโกรธอยู่งุ่นง่าน
จะดื้อเดินเข้าไปไม่เป็นการ คิดแล้วลงคลานเข้าประตู ฯ
๏ ครานั้นเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง นั่งคาหน้าต่างเยี่ยมหน้าอยู่
เห็นคนคลานเข้ามาเหลือบตาดู นี่มาล้อหลอกกูฤๅอย่างไร
อะไรพอสว่างวางเข้ามา เด็กหวาจับถองให้จงได้
ลุกขึ้นถกเขมรร้องเกนไป ทุดอ้ายไพร่ขี้ครอกหลอกผู้ดี ฯ
๏ ครานั้นวิเศษผลคนว่องไว ยกมือขึ้นไหว้ไม่วิ่งหนี
ร้องตอบไปพลันในทันที คนดีดอกข้าไหว้ใช่คนพาล
ข้าพเจ้าเป็นบ่าวพระหมื่นไวย เป็นขุนหมื่นรับใช้อยู่ในบ้าน
ท่านใช้ให้กระผมมากราบกราน ขอประทานคืนนี้พระหมื่นไวย
เจ็บจุกปัจจุบันมีอันเป็น แก้ไขก็เห็นหาหายไม่
ร้องโอดโดดดิ้นเพียงสิ้นใจ จึงใช้ให้ตัวข้ามาแจ้งการ
พอพบท่านมารดามาส่งทุกข์ ข้าพเจ้าร้องปลุกไปในบ้าน
จะกลับขึ้นเคหาเห็นช้านาน ท่านจึงรีบไปในกลางคืน
พยาบาลคุณพระนายพอคลายไข้ คุณอย่าสงสัยว่าไปอื่น
ให้คำมั่นสั่งมาว่ายั่งยืน พอหายเจ็บแล้วจะคืนไม่นอนใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างได้ฟังว่า แค้นดังเลือดตาจะหลั่งไหล
ดับโมโหโกรธาทำว่าไป เราก็ไม่ว่าไรสุดแต่ดี
การไข้เจ็บล้มตายไม่วายเว้น ประจุบันอันเป็นทั้งกรุงศรี
ถ้าขัดสนสิ่งไรที่ไม่มี ก็มาเอาที่นี่อย่าเกรงใจ
ว่าแล้วปิดบานหน้าต่างผาง ขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้
ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทัย ดูดู๋เป็นได้เจียววันทอง
เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย มันจึงเหิมใจทำจองหอง
พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนอง ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้
อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา ตั้งตัวดังพระยาราชสีห์
อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยทำไมมี เห็นกูนี้คนผิดติดโทษทัณฑ์
มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจ จะพึ่งพาใครได้ที่ไหนนั่น
ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกัน ถึงฟ้องมันก็จะปิดให้มิดไป
ตามบุญตามกรรมได้ทำมา จะเฆี่ยนฆ่าหาคิดชีวิตไม่
ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชนวนมา
ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา
ลงกระดาษพับไว้มิได้ช้า อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล
วันนั้นพอพระปิ่นนรินทร์ราช เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม่
ขุนช้างมาถึงซึ่งวังใน ก็คอยจ้องที่ใต้ตำหนักน้ำ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช เสด็จคืนนิเวศน์พอจวบค่ำ
ฝีพายรายเล่มมาเต็มลำ เรือประจำแหนแห่เซ็งแซ่มา
พอเรือพระที่นั่งประทับที่ ขุนช้างก็รี่ลงตีนท่า
ลอยคอชูหนังสือดื้อเข้ามา ผุดโผล่โงหน้ายึดแคมเรือ
เข้าตรงบโทนอ้นต้นกัญญา เพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ
มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ ร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา
ขุนช้างดึงดื้อมือยึดเรือ มิใช่เสือกระหม่อมฉานล้านเกศา
สู้ตายขอถวายซึ่งฎีกา แค้นเหลือปัญญาจะทานทน ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ทรงพระโกรธาโกลาหล
ทุดอ้ายจัญไรมิใช่คน บนบกบนฝั่งดังไม่มี
ใช่ที่ใช่ทางวางเข้ามา ฤๅอ้ายช้างเป็นบ้ากระมังนี่
เฮ้ยใครรับฟ้องของมันที ตีเสียสามสิบจึงปล่อยไป
มหาดเล็กก็รับเอาฟ้องมา ตำรวจคว้าขุนช้างหาวางไม่
ลงพระราชอาญาตามว่าไว้ พระจึงให้ตั้งกฤษฎีกา
ว่าตั้งแต่วันนี้สืบต่อไป หน้าที่ของผู้ใดให้รักษา
ถ้าประมาทราชการไม่นำพา ปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง
ระวางโทษเบ็ดเสร็จเจ็ดสถาน ถึงประหารชีวิตเป็นผุยผง
ตามกฤษฎีการักษาพระองค์ แล้วลงจากพระที่นั่งเข้าวังใน ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิฦๅจบพิภพไหว
อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ สมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง
ลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา ปรนนิบัติวัตถาไม่ห่างข้าง
เพลิดเพลินจำเริญใจไม่เว้นวาง คืนนั้นในกลางซึ่งราตรี
นางแก้วลาวทองทั้งสองหลับ ขุนแผนกลับผวาตื่นฟื้นจากที่
พระจันทรจรแจ่มกระจ่างดี พระพายพัดมาลีตรลบไป
คิดคะนึงถึงมิตรแต่ก่อนเก่า นิจจาเจ้าเหินห่างร้างพิสมัย
ถึงสองครั้งตั้งแต่พรากจากพี่ไป ดังเด็ดใจจากร่างก็ราวกัน
กูก็ชั่วมัวรักแต่สองนาง ละวางให้วันทองน้องโศกศัลย์
เมื่อตีได้เชียงใหม่ก็โปรดครัน จะเพ็ดทูลคราวนั้นก็คล่องใจ
สารพัดที่จะว่าได้ทุกอย่าง อ้ายขุนช้างไหนจะโต้จะตอบได้
ไม่ควรเลยเฉยมาไม่อาลัย บัดนี้เล่าเจ้าไวยไปรับมา
จำกูจะไปสู่สวาดิน้อง เจ้าวันทองจะคอยละห้อยหา
คิดพลางจัดแจงแต่งกายา น้ำอบทาหอมฟุ้งจรุงใจ
ออกจากห้องย่องเดินดำเนินมา ถึงเรือนลูกยาหาช้าไม่
เข้าห้องวันทองในทันใด เห็นนางหลับใหลนิ่งนิทรา
ลดตัวลงนั่งข้างวันทอง เตือนต้องด้วยความเสนหา
สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องอา พี่มาหาแล้วอย่านอนเลย ฯ
๏ นางวันทองตื่นอยู่รู้สึกตัว หมายใจว่าผัวก็ทำเฉย
นิ่งดูอารมณ์ที่ชมเชย จะรักจริงฤๅจะเปรยเป็นจำใจ
แต่นิ่งดูกิริยาเป็นช้านาน หาว่าขานโต้ตอบอย่างไรไม่
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นฤทัย ความอาลัยปั่นป่วนยวนวิญญาณ์ ฯ
๏ โอ้เจ้าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย เจ้าหลับใหลกะไรเลยเป็นหนักหนา
ดังนิ่มน้องหมองใจไม่นำพา ฤๅขัดเคืองคิดว่าพี่ทอดทิ้ง
ความรักหนักหน่วงทรวงสวาดิ พี่ไม่คลาศคลายรักแต่สักสิ่ง
เผอิญเป็นวิปริตพี่ผิดจริง จะนอนนิ่งถือโทษโกรธอยู่ไย
ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้าง จูบพลางชวนชิดพิสมัย
ลูบไล้พิไรปลอบให้ชอบใจ เป็นไรจึงไม่ฟื้นตื่นนิทรา ฯ
๏ เจ้าวันทองน้องตื่นจากที่นอน โอนอ่อนวอนไหว้พิไรว่า
หม่อมน้อยใจฤๅที่ไม่เจรจา ใช่ตัวข้านี้จะงอนค่อนพิไร
ชอบผิดพ่อจงคิดคะนึงตรอง อันตัวน้องมลทินหาสิ้นไม่
ประหนึ่งว่าวันทองนี้สองใจ พบไหนก็เป็นแต่เช่นนั้น
ที่จริงใจถึงไปอยู่เรือนอื่น คงคิดคืนที่หม่อมเป็นแม่นมั่น
ด้วยรักลูกรักผัวยังพัวพัน คราวนั้นก็ไปอยู่เพราะจำใจ
แค้นคิดด้วยมิตรไม่รักเลย ยามมีที่เชยเฉยเสียได้
เสียแรงร่วมทุกข์ยากกันกลางไพร กินผลไม้ต่างข้าวทุกเพรางาย
พอได้ดีมีสุขลืมทุกข์ยาก ก็เพราะหากหม่อมมีซึ่งที่หมาย
ว่านักก็เครื่องเคืองระคาย เอ็นดูน้องอย่าให้อายเขาอิกเลย ฯ
๏ พี่ผิดจริงแล้วเจ้าวันทอง เหมือนลืมน้องหลงเลือนทำเชือนเฉย
ใช่จะเพลิดเพลินชื่นเพราะอื่นเชย เงยหน้าเถิดจะเล่าอย่าเฝ้าแค้น
เมื่อติดคุกทุกข์ถึงเจ้าทุกเช้าค่ำ ต้องกลืนกล้ำโศกเศร้านั้นเหลือแสน
ซ้ำขุนช้างคิดคดทำทดแทน มันดูแคลนว่าพี่นี้ยากยับ
อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ
เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินท์
กลับมาหมายว่าจะไปตาม พอเจ้าไวยเป็นความก็ค้างสิ้น
หัวอกใครได้แค้นในแผ่นดิน ไม่เดือดดิ้นเท่าพี่กับวันทอง
คิดอยู่ว่าจะทูลพระพันวษา เห็นช้ากว่าจะได้มาร่วมห้อง
จะเป็นความอิกก็ตามแต่ทำนอง จึงให้ลูกรับน้องมาร่วมเรือน
จะเป็นตายง่ายยากไม่ยากรัก จะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน
ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน เจ้าเพื่อนเสนหาจงอาลัย
พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน
ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย
เจ้าเนื้อทิพหยิบชื่นอารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา ฯ
๏ ใจน้องมิให้หมองอารมณ์หม่อม ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตัดรักหักใจแล้วไม่มา หม่อมอย่าว่าเลยว่าฉันไม่คืนคิด
ถึงตัวไปใจยังนับอยู่ว่าผัว น้องนี้กลัวบาปทับเมื่อดับจิต
หญิงเดียวชายครองเป็นสองมิตร ถ้ามิปลิดเสียให้เปลื้องไม่ตามใจ
คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าดำเหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้
ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก
เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำเป็นน้ำหมึก
กำเริบใจด้วยเจ้าไวยกำลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จำตาย
มิใช่หนุ่มดอกอย่ากลุ้มกำเริบรัก เอาความผิดคิดหักให้เหือดหาย
ถ้ารักน้องป้องปิดให้มิดอาย ฉันกลับกลายแล้วหม่อมจงฟาดฟัน
ไปเพ็ดทูลเสียให้ทูลกระหม่อมแจ้ง น้องจะแต่งบายศรีไว้เชิญขวัญ
ไม่พักวอนดอกจะนอนอยู่ด้วยกัน ไม่เช่นนั้นฉันไม่เลยจะเคยตัว ฯ
๏ นิจจาใจเจ้าจะให้พี่เจ็บจิตร ดังเอากฤชแกระกรีดในอกผัว
เกรงผิดคิดบาปจึงหลาบกลัว พี่นี้ชั่วเพราะหมิ่นประมาทความ
อื่นไกลไหนพี่จะละเล่า นี่เจ้าว่าดอกจะยั้งไว้ฟังห้าม
เสียแรงมาว่าวอนจงผ่อนตาม อย่าหวงห้ามเสนหาให้ช้าวัน
ว่าพลางคลึงเคล้าเข้าแนบข้าง จูบพลางทางปลอบประโลมขวัญ
ก่ายกอดสอดเกี่ยวพัลวัน วันทองกั้นกีดไว้ไม่ตามใจ
พลิกผลักชักชวนให้ชื่นชิด เบือนบิดแบ่งรักหาร่วมไม่
สยดสยองพองเสียวแสยงใจ พระพายพัดมาลัยตรลบลอย
แมลงภู่เฝ้าเคล้าไม้ในไพรชัฏ ไม่เบิกบานก้านกลัดเกสรสร้อย
บันดาลคงคาทิพกะปริบกะปรอย พรมพร้อยท้องฟ้านภาลัย
อสนีครื้นครั่นสนั่นก้อง น้ำฟ้าหาต้องดอกไม้ไม่
กระเซ็นรอบขอบสระสมุทไท หวิวใจแล้วก็หลับกับเตียงนอน ฯ
๏ ครั้นเวลาดึกกำดัดสงัดเงียบ ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน
พระพายโชยเสาวรสขจายจร พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง
ดุเหว่าเร้าเสียงสำเนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง
วันทองน้องนอนสนิททรวง จิตรง่วงระงับสู่ภวังค์
ฝันว่าพลัดไปในไพรเถื่อน เลื่อนเปื้อนไม่รู้ที่จะกลับหลัง
ลดเลี้ยวเที่ยงหลงในดงรัง ยังมีพยัคฆร้ายมาราวี
ทั้งสองมองหมอบอยู่ริมทาง พอนางดั้นป่ามาถึงที่
โดดตะครุบคาดคั้นในทันที แล้วฉุดคร่าพารี่ไปในไพร
สิ้นฝันครั้นตื่นตกประหม่า หวีดผวากอดผัวสะอื้นไห้
เล่าความบอกผัวด้วยกลัวภัย ประหลาดใจน้องฝันพรั่นอุรา
ใต้เตียงเสียงหนูก็กุกกก แมลงมุมทุ่มอกที่ริมฝา
ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณา ดังวิญญาณ์นางจะพรากไปจากกาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท ฟังความตามนิมิตก็ใจหาย
ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น
จึงแกล้งเพทุบายทำนายไป ฝันอย่างนี้มิใช่จะเกิดเข็ญ
เพราะวิตกหมกไหม้จึงได้เป็น เนื้อเย็นอยู่กับผัวอย่ากลัวทุกข์
พรุ่งนี้พี่จะแก้เสนียดฝัน แล้วทำมิ่งสิ่งขวัญให้เป็นสุข
มิให้เกิดราคีกลียุค อย่าเป็นทุกข์เลยเจ้าจงเบาใจ ฯ
๏ ครั้นว่ารุ่งสางสว่างฟ้า สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงชัย เนาในพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์
พร้อมด้วยพระกำนัลนักสนม หมอบประนมเฝ้าแหนแน่นขนัด
ประจำตั้งเครื่องอานอยู่งานพัด ทรงเคืองขัดขุนช้างแต่กลางคืน
แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้าง ทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น
เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืน น้ำยืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา
คราวนั้นฟ้องกันด้วยวันทอง นี่มันฟ้องใครอิกไอ้ชาติข้า
ดำริพลางทางเสด็จยาตรา ออกมาพระที่นั่งจักรพรรดิ
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ ขุนนางกราบราบลงเป็นขนัด
ทั้งหน้าหลังเบียดเสียดเยียดยัด หมอบอัดถัดกันเป็นหลั่นไป
ทอดพระเนตรมาเห็นขุนช้างเฝ้า เออใครเอาฟ้องมันไปไว้ไหน
พระหมื่นศรีถวายพลันในทันใด รับไว้คลี่ทอดพระเนตรพลัน
พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหา ก็โกรธาเคืองขุ่นหุนหัน
มันเคี่ยวเข็ญทำเป็นอย่างไรกัน อีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว
ราวกับไม่มีหญิงเฝ้าชิงกัน ฤๅอีวันทองนั้นมันมีแก้ว
รูปอ้ายช้างชั่วช้าตาแบ้งแบว ไม่เห็นแววที่ว่ามันจะรัก
ใครจะเอาเป็นผัวเขากลัวอาย หัวหูดูเหมือนควายที่ตกปลัก
คราวนั้นเป็นความกูถามซัก ตกหนักอยู่กับเถ้าศรีประจัน
วันทองกูสิให้กับไอ้แผน ไยแล่นมาอยู่กับอ้ายช้างนั่น
จมื่นศรีไปเอาตัวมันมาพลัน ทั้งวันทองขุนแผนอ้ายหมื่นไวย ฯ
๏ ฝ่ายพระหมื่นศรีได้รับสั่ง ถอยหลังออกมาไม่ช้าได้
สั่งเวรกรมวังในทันใด ตำรวจในวิ่งตะบึงมาถึงพลัน
ขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวย แจ้งข้อรับสั่งไปขมีขมัน
ขุนช้างฟ้องร้องฎีกาพระทรงธรรม์ ให้หาทั้งสามทั่นนั้นเข้าไป ฯ
๏ ครานั้นวันทองเจ้าพลายงาม ได้ฟังความคร้ามครั่นหวั่นไหว
ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์
สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวท ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน
น้ำมันพรายน้ำมันจันทน์สรรเสกปน เคยคุ้มขังบังตนแต่ไรมา
แล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า
เสกกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ครั้นได้แจ้งกิจจาไม่นิ่งได้
เด็กเอ๋ยวิ่งตามมาไวไว ลงบันไดงันงกตกนอกชาน
พลายชุมพลกอดก้นทองประศรี กูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน
ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลาน ซมซานโฮกฮากอ้าปากไป
ครั้นถึงยั้งอยู่ประตูวัง ผู้รับสั่งเร่งรุดไม่หยุดได้
ขุนแผนวันทองพระหมื่นไวย เข้าไปเฝ้าองค์พระภูมี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศเรืองศรี
เห็นสามราเข้ามาอัญชลี พระปรานีเหมือนลูกในอุทร
ด้วยเดชะพระเวทวิเศษประสิทธิ เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน
ตรัสถามอย่างความราษฎร ฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง
เมื่อมึงกลับมาแต่ป่าใหญ่ กูสิให้ไอ้แผนประสมสอง
ครั้นกูขัดใจให้จำจอง ตัวของมึงไปอยู่แห่งไร
ทำไมไม่อยู่กับอ้ายแผน แล่นไปอยู่กับอ้ายช้างใหม่
เดิมมึงรักอ้ายแผนแล่นตามไป ครั้นยกให้สิเต้นกลับเล่นตัว
อยู่กับอ้ายช้างไม่อยู่ได้ เกิดรังเกียจเกลียดใจด้วยชังหัว
ดูยักใหม่ย้ายเก่าเฝ้าเปลี่ยนตัว ตกว่าชั่วแล้วมึงไม่ไยดี ฯ
๏ ครานั้นวันทองได้รับสั่ง ละล้าละลังประนมก้มเกศี
หัวสยองพองพรั่นทันที ทูลคดีพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ขอเดชะละอองธุลีบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์
เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อารัญ ครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป
ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำจอง กระหม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่
อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ
มีรับสั่งโปรดปรานประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ
ยื้อยุดฉุดคร่าทำสามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด
ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด
จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบกริ้วขุนช้างเป็นหนักหนา
มีพระสิงหนาทตวาดมา อ้ายบ้าเย่อหยิ่งอ้ายลิงโลน
ตกว่ากูหาเป็นเจ้าชีวิตไม่ มึงถือใจว่าเป็นเจ้าที่โรงโขน
เป็นไม่มีอาญาสิทธิคิดดึงโดน เที่ยวทำโจรใจคะนองจองหองครัน
เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้าย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน
แล้วกลับความถามข้างวันทองพลัน เออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป
ก็ช้านานประมาณได้สิบแปดปี ครั้งนี้ทำไมมึงจึงมาได้
นี่มึงหนีมันมาฤๅว่าไร ฤๅว่าใครไปรับเอามึงมา ฯ
๏ วันทองฟังถามให้คร้ามครั่น บังคมคัลประนมก้มเกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา พระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป
ครั้งนี้จมื่นไวยนั้นไปรับ กระหม่อมฉันจึงกลับคืนมาได้
มิใช่ย้อนยอกทำนอกใจ ขุนแผนก็มิได้ประเวณี
แต่มานั้นเวลาสักสองยาม ขุนช้างจึงหาความว่าหลบหนี
ขอพระองค์จงทรงพระปรานี ชีวีอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา
อ้ายหมื่นไวยทำใจอหังการ์ ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย
จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย
ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู
อีวันทองกูให้ไอ้แผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่
ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ
ชอบตบให้สลบลงกับที่ เฆี่ยนตีเสียให้ยับไม่นับได้
มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจ อ้ายหมื่นไวยก็โทษถึงฉกรรจ์
มึงถือว่าอีวันทองเป็นแม่ตัว ไม่เกรงกลัวเว้โว้ทำโมหันธ์
ไปรับไยไม่ไปในกลางวัน อ้ายแผนพ่อนั้นก็เป็นใจ
มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ ถึงบอกกูว่าดีหาเชื่อไม่
อ้ายช้างมันก็ฟ้องเป็นสองนัย ว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บิดา
เป็นราคีข้อผิดมีติดตัว หมองมัวมลทินอยู่หนักหนา
ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร
อัยการศาลโรงก็มีอยู่ ฤๅว่ากูตัดสินให้ไม่ได้
ชอบทวนด้วยลวดให้ปวดไป ปรับไหมให้เท่ากับชายชู้
มันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะหญิง จึงหึงหวงช่วงชิงยุ่งยิ่งอยู่
จำจะตัดรากใหญ่ให้หล่นพรู ให้ลูกดอกดกอยู่แต่กิ่งเดียว
อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้
เฮ้ยอีวันทองว่ากะไร มึงตั้งใจปลดปลงให้ตรงที่
อย่าพะวังกังขาเป็นราคี เพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น
ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้าง ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน
อย่าเวียนวนไปให้คนมันหมิ่นแคลน ถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นวันทองฟังรับสั่ง ให้ละล้าละลังเป็นหนักหนา
ครั้นจะทูลกลัวพระราชอาชญา ขุนช้างแลดูตายักคิ้วลน
พระหมื่นไวยใช้ใบ้ให้แม่ว่า บุ้ยปากตรงบิดาเป็นหลายหน
วันทองหมองจิตรคิดเวียนวน เป็นจนใจนิ่งอยู่ไม่ทูลไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์ หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่
พระตรัสความถามซักไปทันใด ฤๅมึงไม่รักใครให้ว่ามา
จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอาย จะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า
ตามใจกูจะให้ดังวาจา แต่นี้เบื้องหน้าขาดเด็ดไป ฯ
๏ นางวันทองรับพระราชโองการ ให้บันดาลบังจิตรหาคิดไม่
อกุศลดลมัวให้ชั่วใจ ด้วยสิ้นในอายุที่เกิดมา
คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดังตัวตกพระสุเมรุภูผา
ให้อุทัจอัดอั้นตันอุรา เกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด
จะว่ารักขุนช้างกะไรได้ ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด
รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิต แม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน
อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้ ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน
คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน นางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน
ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์
สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกัน สารพันอดออมถนอมใจ
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา คำหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว
จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอก ก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว
ทูลพลางตัวนางระเริ่มรัว ความกลัวพระอาญาเป็นพ้นไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง
จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ น้ำใจจะประดังเข้าทั้งสอง
ออกนั่นเข้านี่มีสำรอง ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก
จอกแหนแพเสาสำเภาใหญ่ จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก
เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึก น้ำลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน
อิฐผาหาหาบมาทุ่มถม ก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น
อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬ ดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม
รูปงามนามเพราะน้อยไปฤๅ ใจไม่ซื่อสมศักดิเท่าเส้นผม
แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน
มึงนี่ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์
ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ
ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา
กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า
อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย
หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่
ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ