ตอนที่ ๒๒ ขุนแผนชนะความขุนช้าง

๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
ครั้นพระสุริย์ใสได้เวลา เสด็จออกข้างหน้าไม่ช้าที
จึงพระหมื่นศรีเสาวรักษ์ราช อภิวาทประนมก้มเกศี
กราบทูลเบิกความตามคดี บัดนี้ได้ตัวขุนแผนมา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง กริ้วดังตละไฟไหม้เวหา
ยังมิทันทราบความตามสารา โกรธากระทืบพระโรงชัย
อ้ายแสนกลถือตนว่ามีฤทธิ ตกมันคิดว่ากูสู้ไม่ได้
ลักเมียอ้ายขุนช้างวางเข้าไพร ใช้คนออกไปกลับฆ่าฟัน
มันดีแล้วเป็นไรไม่เหาะเหิน มุดหัวเดินมาทำไมนั่น
เมืองไหนจับได้ให้รางวัล จำกันฤๅเปล่าเมื่อเอามา ฯ
๏ ครานั้นจึงพระจมื่นศรี อัญชลีบังคมก้มเกศา
ทูลความตามบอกมิทันช้า ชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
ขุนแผนเข้าหาพระพิจิตร ยอมตัวกลัวผิดให้บอกส่ง
จองจำทำกันเป็นมั่นคง ว่าตัวซื่อตรงไม่คิดคด
ครั้นถามขุนแผนกับวันทอง ก็ให้การถูกต้องกันอยู่หมด
ว่าขุนช้างทำแค้นจึงแทนทด มิได้คิดทรยศขบถใจ
เดิมวันทองยังชื่อว่าพิมอยู่ ได้ขอสู่มารดานั้นยกให้
ปลูกหอส่งตัวรู้ทั่วไป อยู่ได้สามวันไม่เคลื่อนคลาย
มีทัพเชียงทองต้องขึ้นไป มิได้หย่าร้างระคางขาย
ขุนช้างมาบอกกับแม่ยาย ว่าขุนแผนไปตายเสียกลางทัพ
แล้วสู่ขอปลูกหอแต่งงาน ครั้นว่าเสร็จราชการขุนแผนกลับ
มิได้ฟ้องชู้เมียให้เสียทรัพย์ จึงอยู่กับลาวทองแต่นั้นมา
ครั้นมาเข้าเวรที่ในวัง ขุนช้างชิงชังริษยา
ทูลว่าปีนกำแพงพระพารา มุสาใส่โทษแต่โดยเดา
ไม่อาจทูลความจริงต้องนิ่งไว้ เพราะจนใจด้วยตัวนั้นห้ามเฝ้า
จึงเลยเป็นคนหลบซบเซา ลาวทองก็ต้องเข้าไปอยู่วัง
ขุนแผนแค้นเคืองนายขุนช้าง จึงลักนางวันทองไปเสียมั่ง
ข้อซึ่งฆ่านายไพร่ในป่ารัง ก็รู้ว่าโทษกระทั่งถึงที่ตาย
มิให้จับกลับมาลุแก่โทษ ถ้ามิโปรดชีวิตขอถวาย
ด้วยคิดถึงพระคุณไม่วุ่นวาย สิ้นบอกก็ถวายบังคมพลัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศรังสรรค์
ทรงฟังใบบอกออกสำคัญ พระทรงธรรม์เคลื่อนคลายพระโกรธา
เร่งไปเอาขุนแผนอีวันทอง ทั้งสองมากูจะดูหน้า
ตำรวจรับสั่งถอยหลังมา พาตัวขุนแผนวันทองไป
ครั้นถึงบังคมประนมกร พระเคืองค้อนหาทอดพระเนตรไม่
ขุนแผนอ่านมนตร์เคยสนใจ เป่าไปด้วยเชื่อวิทยา
บันดาลพระทัยให้เคลื่อนคลาย เบือนบ่ายพระพักตร์ผันหา
อ้ายผัวเมียสองคนพ้นปัญญา ลักกันเข้าป่าไม่กลัวใคร
กลับมาให้การแก้ว่าแม่ยาย ยักย้ายให้ลูกมีผัวใหม่
เมียมึงเหมือนว่าฤๅกะไร จะสู้เขาได้ฤๅจึงมา ฯ
๏ ขุนแผนแสนสุภาพกราบกราน ขอพระราชทานจริงเหมือนอย่างว่า
ถ้าวันทองนี้มิใช่ภรรยา สืบหาไม่สมดังให้การ
เกล้ากระหม่อมยอมถวายซึ่งชีวิต ตามผิดอย่าไว้ให้สังหาร
ทูลแล้วบังคมก้มกราบกราน อยู่ตรงหน้าฉานพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบใจความที่ข้อขัน
กูจะดูมันสู้เนื้อความกัน ถ้าใครแพ้จะฟันให้หนำใจ
ที่มึงฆ่าอ้ายขุนเพชรขุนราม ความผิดทั้งนี้กูยกให้
ด้วยมิได้คิดคดขบถใจ ถอดมันออกให้สู้ความกัน
พระหมื่นศรีรับสั่งบังคมลา พาทั้งสองมาขมีขมัน
ให้ถอดตรวนผัวเมียเสียฉับพลัน แล้วสั่งตำรวจนั้นให้เร่งไป
ถึงเมืองสุพรรณอย่าทันช้า เอาตัวขุนช้างมาให้จงได้
ตำรวจขี่ม้ามาทันใจ ใกล้บ้านขุนช้างเข้าทันที ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง นอนครางอยู่ในห้องให้หมองศรี
แต่วันทองจากไปได้เกือบปี ไม่มีเพื่อนนอนสะท้อนทุกข์
มิได้นอนค่อนคืนตื่นสะดุ้ง ใกล้รุ่งก่อนไก่ไม่พักปลุก
กระทั่งถูกฟูกหมอนเหมือนไฟลุก แต่เวียนจุกประจุบันทุกวันคืน
ขณะเมื่อวันทองมาถึงกรุง ตลอดรุ่งหลับใหลมิได้ตื่น
วันนั้นฝันว่าไปตัดฟืน น้ำตื้นลุยปะสระหนึ่งโต
เห็นดอกบัวบานตระการตา เกสรครํ่าคร่ากลีบกลวงโหว่
จะถอนเอาไม่ถนัดขัดต้นโพธิ์ โงหน้าสะดุ้งพอรุ่งราง
คิดถึงความฝันก็พรั่นอก ให้วิตกนิ่งนึกอางขนาง
ฤๅจะได้กับวันทองน้องนาง เกสรร่วงกลวงกลางเพราะชู้ชม
มันให้คิดวุ่นวายมาหลายวัน วันนั้นตะวันบ่ายชายร่ม
ออกมาหอนั่งเล่นพอเย็นลม อารมณ์นึกคะนึงถึงวันทอง ฯ
๏ ครานั้นจึงนายพันธการ ถึงสุพรรณรีบผ่านบ้านช่อง
ลงม้าหน้าประตูดูเยี่ยมมอง เห็นขุนช้างนั่งร้องสักระวา
ครวญถึงวันทองได้สองคำ กลอนผิดติดซ้ำอยู่หนักหนา
จะลงเอยเลยเลี้ยวไปหลายครา คอยท่าให้เอยจนอ่อนใจ
ขี้คร้านรั้งรอก็เข้ามา ขุนช้างทักว่าจะไปไหน
พันธการบอกพลันทันใด เขาได้ตัวขุนแผนวันทองมา
ให้การแนบเนียนเป็นเสี้ยนหนาม จะเป็นความในวังรับสั่งหา
ไปเสียด้วยกันทันเวลา อย่าช้าบัดนี้จงรีบไป ฯ
๏ ครานั้นเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง ทราบว่าได้นางดังเกิดใหม่
ผุดลุกขึ้นโลดโดดดีใจ วิ่งแร่เข้าไปที่ในเรือน
ไขกำปั่นเปิดหาผ้านุ่งห่ม เรียกข้าระงมอยู่ป่นเปื้อน
น้ำใจโชติช่วงดังดวงเดือน เบือนหน้ามาสั่งกับข้าไท
อยู่หลังระวังซึ่งบ้านช่อง ข้าวของออเจ้าเอาใจใส่
สั่งแล้วลุกมาด้วยทันใด ขึ้นช้างวางไปอยุธยา ฯ
๏ ครั้นถึงปลงช้างไว้ทันใด อาบน้ำสำราญใจแล้วผลัดผ้า
เดินตามพันธการลนลานมา ขึ้นบนศาลาลูกขุนใน
เห็นขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่นั่น แลเลยไปหาทันเห็นเมียไม่
หลีกแทรกแหวกคนด้นเข้าไป นั่งไหว้พระหมื่นศรีผู้ปรีชา
ขุนแผนวันทองก็อยู่นั่น ขุนช้างถลันขึ้นนั่งหน้า
ไหว้พลางทางถามเนื้อความมา คุณเจ้าขาเมียฉันอยู่แห่งไร
พระหมื่นศรีชี้บอกว่านั้นแน จะเป็นวันทองแน่ฤๅมิใช่
ขุนช้างเหลียวหน้าตาแลไป ดีใจผวาคว้าวันทอง
วันทองหวีดว้ายตะกายอก ขุนแผนชกเงื้อศอกแล้วซ้ำถอง
ถีบไถลไปพลันเข้ากันน้อง ขุนช้างร้องบอกกล่าวมี่ฉาวไป
โอ้ว่าอนิจจาเจ้าวันทอง ให้ชู้ถองแล้วมิหนำซ้ำผลักไส
เจ้าสิ้นรักหักเด็ดกระเด็นไป พี่อาลัยมิได้ลืมสักเวลา
นี่จะมีลูกเต้าเจ้าวันทอง สำคัญฤๅว่าท้องมาแต่ป่า
เมื่อเจ้าอยู่ในห้องของพี่ยา เจ้าก็ขาดระดูมากว่าเดือนปลาย
พี่ฝันสำคัญว่าได้แหวน รังแตนรุ้งไฟไม่สลาย
บริสุทธิ์บุตรเราจะเป็นชาย เมื่อเจ้าพรากจากกายพี่แพ้ท้อง
ข้าวปลาราน้ำไม่กินได้ เสียใจเพราะเจ้าจนเศร้าหมอง
มันให้อยากส้มมะขามผักหนามดอง เห็นหน้าน้องวันนี้พี่ดีใจ
ขอเชิญเจ้าไปเรือนอย่าเชือนช้า ผัวหาตีด่าวันทองไม่
พลางคว้าข้อมืออย่าถือใจ วันทองผลักไสอยู่ไปมา ฯ
๏ พระหมื่นศรีตวาดอ้ายชาติถ่อย ช่างสำออยอ้อยอิ่งไม่อายหน้า
คราวโกรธราวกับไฟไหม้หลังคา มุทะลุดุด่าจนน่ากลัว
ไหนมึงว่าแค้นวันทองนัก ได้มาแล้วไม่รักจะตัดหัว
ตามของดอกไม่ต้องธุระตัว ครั้นเห็นหน้าตามัวก็ลืมแค้น
มึงกลอกกลับอย่างนี้อ้ายขี้ครอก จึงถูกเข่าถูกศอกจนหงายแหงน
เจรจาว่าเล่นไปตามแกน แคะแค่นค่อนว่าจะพาไป
ไม่รู้ฤๅจะถามความรับสั่ง มึงจะรั้งคนกลางไปข้างไหน
เร่งหานายประกันมาทันใด ผู้คุมเหวยรับไว้ทั้งสามรา ฯ
๏ ครั้นว่าได้เพลามาพร้อมกัน ลูกขุนทั้งนั้นก็พร้อมหน้า
ผู้คุมก็คุมคู่ความมา คัดข้อฟ้องหาแล้วถามไป
ขุนช้างหาว่านางวันทอง ได้สู่ขอหอห้องมารดาให้
ซัดน้ำสวดมนต์คนแจ้งใจ ขุนแผนแก้ไขว่าไม่รู้
ขุนช้างอ้างสืบสักขีพยาน ชายหญิงชาวบ้านได้เห็นอยู่
ข้อหนึ่งขุนช้างได้เลี้ยงดู เป็นคู่ร่วมเรือนกับวันทอง
อยู่มาประมาณสองเดือนปลาย วันทองน้องหายไปจากห้อง
เก็บเอาทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของผ้าผ่อนไปมากมาย
ครั้นตามไปพบที่ต้นไทร ขุนแผนคุมโจรไพรไว้มากหลาย
เห็นวันทองนอนเรียงอยู่เคียงกาย จึงรู้ว่าชายชู้จู่ลักไป
สอบขุนแผนพลันมิทันช้า ขุนแผนแก้ว่าหามิได้
ขุนช้างอ้างพยานไปทันใด สอบข้ออื่นไปมิได้ช้า
ข้อหนึ่งขุนแผนกับโจรไพร เข้าไล่ห้ำหั่นฟันฆ่า
ขุนเพชรขุนรามก็มรณา ขุนแผนรับว่าข้อนี้จริง
ข้อหนึ่งขุนแผนกับโจรป่า ปลูกตำหนักพลับพลาทำสุงสิง
เห็นขุนช้างเข้าไปก็ไล่ยิง ผูกมัดรัดพิงกับต้นไม้
เฆี่ยนด้วยหนามหวายลายจนแขน ขุนแผนแก้ว่าหามิได้
ขุนช้างเวียนวนให้จนใจ ระบุไปว่าจะอ้างไม่มีคน
ด้วยวิ่งแยกแตกทัพยับย่อย อาศัยรอยที่หลังยังปี้ป่น
ขอพิสูจน์ลงดำที่น้ำวน สิ้นฟ้องแต่ต้นตลอดปลาย
จึงคัดคำให้การมิทันช้า ข้อคดีมีมาเป็นมากหลาย
ขุนแผนตัวดีมีแยบคาย อ่านมนตร์สนธยายอัดทวาร
เป่าต้องขุนช้างเข้าหว่างอก เหงื่อตกอกใจให้ฟุ้งซ่าน
หน้าแดงแสยงขนลนลาน ขอประทานฉานไม่สบายใจ
เวียนหัวยิ่งยวดปวดท้องขี้ จะแก้ความวันนี้เห็นไม่ได้
มันให้อัดพลุ่งพลุ่งพุงพองไป งดไว้พรุ่งนี้เถิดพ่อคุณ ฯ
๏ พระหมื่นศรีว่านี่ความรับสั่ง จะแกล้งรั้งความไว้ให้เกิดวุ่น
ใครจะงดกดไว้ให้เจ้าคุณ อ้ายขุนแม่ตั้งไม่ฟังมัน
ขุนช้างตาพองร้องแรก ขี้จะแตกทนได้ที่ไหนนั่น
แน่นอัดจะขอผัดไปสักวัน ไม่ฟังกันแล้วก็ตามจะถามไป
ผุดลุกขยับขึ้นจากที่ เป็นตายจะไปขี้ให้จงได้
ขุนแผนว่าประทานฉานติดใจ โจทก์จะหลบหนีไปได้บัญชา
ขุนช้างอึดอัดให้ขัดใจ พอก้าวไปขี้ทะลักออกราดผ้า
เป็นชามชามปามลงกลางศาลา คนฮาแตกเอนระเนนไป
ลูกขุนวุ่นวิ่งทั้งศาลา เหม็นกว่าขี้หมาอ้ายหน้าไพร่
ขุนช้างแลดูเมียยิ่งเสียใจ ขี้ไหลทรุดนั่งลงทั้งยืน
โอ้ว่าเจ้าวันทองน้องแก้ว ขี้เปื้อนผ้าแล้วสิ้นทั้งผืน
ช่วยทุเลาผัวบ้างพอค้างคืน ชื่นใจแล้วก็ไม่ทุเลาเลย
ลุกมาจะคว้าเจ้าวันทอง ออกอิกกองหนึ่งแล้วแก้วแม่เอ๋ย
พระหมื่นศรีร้องมาว่าฮ้าเฮ้ย เฉยเสียทีเดียวเจียวผู้คุม
ผู้คุมตำรวจมารวดเร็ว เข้าฉวยฉุดบั้นเอวอยู่เกลื่อนกลุ้ม
ผลักออกจากศาลาหน้าชุมนุม วิ่งกุมเรี่ยราดพรูดพราดมา
ครั้นถึงตลิ่งวิ่งลงสะพาน โผนทะยานโดดน้ำลงต้ำฉ่า
ดำมุดผุดโผล่เหมือนโลมา วิ่งขึ้นหน้าท่าของยายมี
ยายมีร้องมาว่าอะไร กระสือฤๅมิใช่เหม็นกลิ่นขี้
ขุนช้างร้องฮ้ายยายอัปรีย์ วิ่งรี่เข้ามาศาลาใน
ผลัดผ้ามานั่งใกล้จำเลย ลูกขุนเงยหน้าเหม็นไม่ทนได้
กลิ่นมันพ้นกำลังนั่งกลั้นใจ ให้เสมียนเขียนถามเนื้อความพลัน
ข้อหนึ่งขุนแผนให้การว่า ได้สู่ขอมารดาเป็นแม่นมั่น
แต่ยังชื่อพิมอยู่เป็นชู้กัน ศรีประจันยกให้ได้แต่งงาน
ได้อยู่ภิรมย์ประสมสอง จนมีทัพเชียงทองไปจากบ้าน
ขุนช้างแก้ไขมิได้นาน ขอประทานข้อนี้ฉันไม่รู้
สอบขุนแผนอ้างสักขีพยาน ชายหญิงชาวบ้านได้เห็นอยู่
ข้อหนึ่งกองทัพกลับพรั่งพรู เข้าสู่กรุงศรีอยุธยา
ขุนแผนก็กลับขึ้นไปบ้าน ขุนช้างทำหักหาญเป็นหนักหนา
ปลูกหอขอพิมเป็นภรรยา ซ้ำทำชู้เมียข้าก็ขัดใจ
สอบขุนช้างพลันมิทันช้า ขุนช้างแก้ว่าหามิได้
ขุนแผนอ้างหญิงชายทั้งหลายไป ยกข้อความใหม่ออกถามพลัน
ข้อหนึ่งถึงขุนแผนไม่ร้องฟ้อง เป็นเมียของขุนแผนนั้นแม่นมั่น
มารับก็กลับไปด้วยกัน แต่ข้าวของทั้งนั้นไม่เอาไป
ขุนช้างตาเขียวเหลียวมา ขัดใจแก้ว่าหามิได้
ขุนแผนว่าจะอ้างเป็นกลางไพร ระบุไปขอต่อซึ่งข้อนี้
ข้อหนึ่งขุนช้างตามนางไป จะไล่ฟันขุนแผนให้เป็นผี
ขัดใจจึงได้เข้าต่อตี ถ้อยทีถ้อยฟันกันในไพร
ขุนช้างไม่รับสิ้นทั้งข้อ ขุนแผนว่าจะต่อก็ต่อได้
คัดเอาสำนวนทวนต่อไป ชี้สองสถานไว้ตามอัยการ
รับในสำนวนควรฟังได้ ที่ข้อต่องดไว้ไม่ว่าขาน
ขออ้างให้ดำเนินเชิญพยาน เทียบผูกมินานหยิกเล็บไว้
แล้วจดคำให้การนางวันทอง ต้องด้วยคำขุนแผนหาผิดไม่
แต่ข้อความนั้นแยกแตกออกไป ว่ามารดาขืนใจให้แต่งงาน
ครั้นไม่เข้าหอกดคอตี อึงมี่ได้ยินสิ้นทั้งบ้าน
เมื่อขุนแผนขึ้นไปราชการ ขุนช้างมาว่าขานขุนแผนตาย
เอากระดูกห่อผ้ามาให้ดู คนนั่งพรั่งพรูอยู่มากหลาย
ขุนช้างร้องไปช่างไม่อาย กลับกลายทุกอย่างนางวันทอง
ได้ใหม่ลืมเก่าอีเจ้าเล่ห์ ให้การปรวนเปรทำจองหอง
ลุกขึ้นถกขานัยน์ตาพอง ยั่นกูถองเสียให้ยับอีอัปรีย์
วันทองร้องบอกกล่าวตระลาการ อ้ายขุนหัวล้านทำจู้จี้
ข้าพเจ้าให้การพาลจะตี มึงช่วยไถ่กูนี้มาเท่าไร
ผู้คุมเข้าขวางขุนช้างโกรธ ลุกโลดผ้าลุ่ยหานุ่งไม่
พระหมื่นศรีร้องด่ามาทันใด งามทั้งห้าไร่ไอ้ตาลาย
ผ้าผ่อนล่อนไปก็ไม่นุ่ง แลเห็นไส้พุงอ้ายฉิบหาย
วันทองร้องบอกกล่าวคุณพระนาย ขุนช้างทำวุ่นวายฉันมีคำ
ขุนช้างอดสูดูต้นขา นั่งลงฉวยผ้าปากด่าพรํ่า
จนใจหาไม่เตะคะมำ จะเสียเงินสักขันน้ำกูไม่กล้ว ฯ
๏ พระหมื่นศรีขัดใจว่าไอ้กาก ความยากมันจะถึงกะลาหัว
ไม่รู้จักหนักเบาเมามัว ระวังตัวของมึงอย่าอึงไป
จึงจดถ้อยคำนางวันทอง แต่ต้องคำห้ามไม่ฟังได้
ว่าหญิงคนกลางกระด้างใจ เพราะตกไปที่ผิดไม่คิดกลัว
รักชู้ก็เข้าไปข้างชู้ อยู่กับผัวก็เข้าไปข้างผัว
จึงมิให้ฟังเอาด้วยเมามัว ให้ผูกหยิกเล็บตัวไว้ฉับพลัน ฯ
๏ ครั้นเวลารุ่งแจ้งแสงสุริยา ให้เผชิญพยานมาขมีขมัน
สามคนคู่ความเดินตามกัน ถึงเรือนศรีประจันเข้าทันใด
ขุนช้างชี้เอาเถ้าศรีประจัน งกงันเดินมาหาช้าไม่
สาบานแล้วพลันด้วยทันใด ขุนแผนร้องติดใจมิได้ช้า
ว่าเป็นแม่ยายข้างฝ่ายโจทก์ แกโกรธชิงชังข้าหนักหนา
เป็นคนหลงใหลใจฉันทา พรากข้าให้พลัดกับวันทอง
ยกให้ขุนช้างไปชมเชย ชอบพูดกับลูกเขยสองต่อสอง
เป็นโมหจิตรคิดคะนอง ให้ลูกเขยนวดท้องอยู่ในเรือน
จนเป็นมารหัวขนหล่นจากพุง ประคบท้องยังรุ่งจนหน้าเฝื่อน
จอมปลอมผอมแห้งแร้งมาเตือน เป็นพยานร่วมเรือนอาสามา
ศรีประจันฟ้งค้านก็โกรธงก นมยานฟัดอกมือชี้หน้า
เหม่เหม่อ้ายโลนโพนทะนา ตระลาการห้ามว่าอย่าอึงไป
ศรีประจันรับค้านว่าแม่ยาย แต่ข้อความทั้งหลายหารับไม่
สิ้นคำแล้วสืบคนอื่นไป หมดพยานที่ได้เผชิญมา
สืบสมไปข้างขุนแผนอ้าง พยานโจทก์ต้องบ้างไม่แน่นหนา
ผูกหยิกเล็บพลันพากันมา จึงชำระเข้าหาคำพยาน
ตัดรอนทอนลงกระทงแถลง ปรึกษาชี้แจงออกไปศาล
ตะวันบ่ายพร้อมกันมิทันนาน ทั้งท่านพระมหาราชครู
หลวงญาณประกาศเทพราชธาดา พร้อมหน้านั่งฟังใบสัตย์อยู่
เชิญบทพระอัยการออกอ่านดู ผู้ปรับทั้งคู่อยู่พร้อมกัน
จะนำความกราบทูลพระทรงชัย ให้คุมคู่ความไว้ในวังนั่น
แล้วให้ไปเกาะศรีประจัน แกกลัวตัวสั่นอยู่วุ่นวาย
เหลียวหน้ามาดูเจ้าขุนช้าง พลางด่าอุบอิบอ้ายฉิบหาย
อ้ายล้านขี้ถ่อยพลอยกูตาย ขุนช้างห้ามแม่ยายอย่าอึงไป ฯ
๏ จวนเวลาพากันเข้าไปเฝ้า ทุกเหล่าพระหลวงผู้น้อยใหญ่
พระหมื่นศรีได้เวลาก็คลาไคล คู่ความอยู่ไหนให้ตามมา
น่าสงสารท่านยายศรีประจัน แกงกงันหอบฮากจนปากอ้า
ผู้คุมรุมกันเอาตัวมา ยายเถ้าขี้ปลาร้ามาไวไว
ศรีประจันตัวสั่นอยู่งันงก เผอเรอเพ้อพกออกเหลวไหล
นายเสมียนร้องว่าช้าอยู่ไย ก็รีบเดินตามไปอยู่ลนลาน
ครั้นว่ามาถึงทิมดาบใน เห็นผู้คนตกใจไส้พุงพล่าน
ลมจับล้มลงโก้งโค้งคลาน ขุนช้างทะยานเข้าบีบคอ
ไม่ฟังรั้งลงไปไหปลาร้า เรอรากปากอ้าตาปอหลอ
ลุกขึ้นนุ่งผ้าทำหน้างอ ร้องขอมะกรูดไปใครเอามา
วันทองเคี้ยวหมากใส่ปากป้อน แกโกรธนักควักค้อนไม่ดูหน้า
วันทองร้องไม่น่าจะเวทนา ขุนแผนเดินเมินหน้าแล้วเลยไป ฯ
๏ เสด็จออกพากันเข้ามาเฝ้า เป็นเหล่าเหล่าขุนนางทั้งน้อยใหญ่
ฝ่ายพระองค์ผู้ทรงภพไตร สำราญราชหฤทัยเปรมปรีดิ์
พระจึงมีสีหนาทประภาษถาม ถ้อยความเป็นกะไรจมื่นศรี
พระหมื่นศรีทูลพลันในทันที อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา
ณวันศุกร์เดือนแปดขุนช้างโจทก์ ฟ้องหากล่าวโทษใจความว่า
ได้หาผู้เถ้าผู้แก่มา สู่ขอภรรยาชื่อวันทอง
เถ้าศรีประจันยกลูกให้ ทำขันหมากใหญ่ได้ร่วมห้อง
เป็นคู่ผัวตัวเมียครอบครอง ประมาณได้สักสองเดือนตรา
เที่ยงคืนขุนแผนแสนสะท้าน สะกดคนอาจหาญขึ้นเคหา
ทำชู้ร่วมรักแล้วลักพา วันทองภรรยาขุนช้างไป
ขุนแผนไม่รับในข้อหา ว่าหาใช่ภรรยาขุนช้างไม่
เดิมวันทองชื่อพิมพิลาไลย กับขุนแผนรักใคร่เป็นชู้กัน
จึงไปสู่ขอต่อมารดา ได้เลี้ยงเป็นภรรยาเกษมสันต์
นอนหอกับวันทองได้สองวัน มีราชการพลันต้องไปทัพ
ครั้นกลับลงมาแต่เชียงทอง เห็นขุนช้างร่วมห้องเข้านอนหลับ
ขุนแผนไม่ฟ้องปองสินทรัพย์ อาลัยเมียก็กลับรับเมียมา
ขุนแผนนำสืบก็สมอ้าง ทั้งต้องคำคนกลางให้การว่า
ขุนช้างนำเถ้าศรีประจันมา ขุนแผนค้านว่าเป็นแม่ยาย
ลูกขุนปรึกษาให้ลงโทษ ว่าเพราะแม่ยายโฉดทำมักง่าย
ยกลูกให้ครองทั้งสองชาย ประจานเถ้าแสนร้ายแทนวันทอง
ขุนช้างบอกว่าขุนแผนตาย จะหมายเมียเขาประสมสอง
บังอาจรื้อหอเขาเข้าครอบครอง ต้องปรับตามบทพระอัยการ
ให้ยกเอาศักดิ์ขุนแผนปรับ เป็นทรัพย์ผิดเมียเสียตามฐาน
ศรีประจันขุนช้างเป็นคนพาล ให้เทียบไถ่ค่าประจานแทนวันทอง
แล้วให้ทวนขุนช้างศรีประจัน ยายกลอยยายสานั้นด้วยทั้งสอง
ถ้าเจ้าผัวกลัวผิดไม่คิดปอง ต้องบทให้เอาสินไหมไป
ถ้าเจ้าผัวไม่กลัวซึ่งเวรา จะฟันฆ่าเสียก็ตามอัชฌาสัย
วันทองส่งคืนขุนแผนไป ตามในพระราชกฤษฎีกา ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร ฟังทูลตามคำลูกขุนว่า
เฮ้ยขุนแผนเป็นกะไรให้ว่ามา จะฟันฆ่าอ้ายขุนช้างฤๅอย่างไร
ขุนแผนแสนสุภาพกราบกราน กระหม่อมฉานหาให้เป็นเวรไม่
ตามแต่สินไหมแลพินัย จะโปรดปรับอย่างไรก็อย่างนั้น ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังขุนแผนว่า เออจะเป็นเวราเป็นแม่นมั่น
เอ็งก็ตรงคงคิดว่ามิตรกัน อ้ายชาติชั่วหัวควั่นนี้ใจพาล
ให้เสร็จความตามแต่ลูกขุนปรับ จมื่นศรีเร่งกลับออกไปศาล
พระหมื่นศรีบังคมก้มกราบกราน คลานถอยพ้นหน้าที่นั่งมา
จึงให้ผู้คุมคุมลูกความ เดินตามกันออกมาพร้อมหน้า
ขุนแผนขุนช้างทั้งสองรา ยายกลอยยายสาศรีประจัน
ครั้นว่ามาถึงซึ่งศาลา ผู้คุมพร้อมหน้าอยู่ที่นั่น
จึงอ่านใบปรับขึ้นฉับพลัน พร้อมกันได้ยินสิ้นทุกคน
ขุนช้างเอาเงินออกนับให้ ไถ่โทษทวนได้ไม่ขัดสน
ศรีประจันงันงกอยู่ลุกลน สามคนยายสากับยายกลอย
นับเงินออกให้ใจจะขาด น้ำตาหยาดไหลหลั่งลงผอยผอย
เขามั่งมีดังสำลีที่เลื่อนลอย เราคนจนมาพลอยไปเจียนตาย
เสียทรัพย์แล้วกลับออกไปบ้าน ขุนช้างงุ่นง่านไม่สมหมาย
กระถดคลานเข้ามาหาพระนาย เจ้าคุณช่วยเบี่ยงบ่ายให้ฉันที
เงินทองเสียไปก็ไม่คิด เว้นแต่ชีวิตไม่เป็นผี
เจ้าคุณได้เมตตาปรานี อันตรงที่วันทองต้องขอคืน
จะแทนคุณครั้งนี้ยี่สิบชั่ง ยกทูนหัวตั้งให้พระหมื่น
ถ้าเจ้าคุณรับได้ให้ยั่งยืน อย่าให้กลายเป็นอื่นให้เสียใจ ฯ
๏ พระหมื่นศรีขัดใจว่าไอ้งั่ง ใครจะขืนรับสั่งไปอิกได้
อย่ามาตะบอยถอยออกไป ขุนช้างจนใจก็ออกมา
นั่งถอนใจใหญ่ใกล้วันทอง ด้วยรักใคร่ใจปองเป็นหนักหนา
นึกอยากปากพลั้งดังออกมา โอ้เจ้าดวงดอกฟ้าของพี่เอย
ผู้คนหญิงชายทั้งหลายฮา โปรดอิกเจ้าข้าพ่อคุณเอ๋ย
มันช่างเพราะจับใจกะไรเลย ขุนช้างทำเฉยเลยกลับไป
ขุนแผนวันทองแก้วกิริยา ชนะความงามหน้าก็ผ่องใส
พระหมื่นศรีชวนพากันคลาไคล รีบไปถึงบ้านเข้าทันที ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ