ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา

๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่ แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี
ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรี เห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก
ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธา ฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก
ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรัก จะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน
จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อน ต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน
ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้น ล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา
แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่ จนสุรศรีเรืองแรงแสงกล้า
เสด็จออกท้องพระโรงรจนา ท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน
จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้า ชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น
เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์ มาชิงมิ่งเมียขวัญของกูไป
ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทาง รับนางจับพวกมันมาได้
ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทย เห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน
เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้ ฤๅจะจู่ลงไปทำไทยก่อน
จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอน จะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ครานั้นเสนาพระยาลาว พระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่
ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไป อันศึกไทยไพรีมีกำลัง
เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะ แต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง
จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดัง ที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก
ขอให้คิดอ่านการอุบาย ท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก
ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรัก จึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูล เค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย
จึงให้แต่งสาราว่าท้าทาย ให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา
เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่อง มอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า
คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้า ไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ
๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกอง ทั้งสองรับราชสารศรี
เรียกไพร่ได้ครบตามบาญชี แล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา
ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่ง เครื่องม้าเสื้อแสงแดงดาษป่า
ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตา ข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน
ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนคร ไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ
ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูล แสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า
ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบ ขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า
แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลา หยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง
พอหายเหนื่อยขึ้นม้าพากันไป สะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง
สามวันดั้นมาไม่รอรั้ง จนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ
๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกร เห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน
จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียร ออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู
ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้า โน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่
แต่งตัวโพกหัวพันชมพู แลดูแดงเถือกมะเหรือกมา
บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไป ยัดปืนใหญ่หยิบชุดจุดไว้ท่า
ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้า ดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน
ถ้าดีมานี่แต่สองม้า ร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น
บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยัน ต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่าน อาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่
จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้ บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า
เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสาร จะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา
เพชรกล้ากำกองแต่สองม้า เข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำ กับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่
เจ้าเราให้สารมากรุงไทย สูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมา ไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ
เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูล ให้นายพูนนายหมวดอยู่ตรวจตรา
ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้ สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า
ข้ามทุ่งซะเลียมเร่งตะเบ็งมา บ่ายหน้าม้าตรงลงธานี
ถึงสังคโลกพลันทันใด ลงจูงม้าคลาไคลไปเร็วรี่
ขุนนางกรมการนั่งศาลมี ปรึกษาคดีอีเม้ยทอง
จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับ ว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง
พอเห็นขุนด่านกรมการร้อง เยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา
ขุนไกรตรงมาศาลากลาง แหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา
ส่งกล่องใส่ลานสารตรา แล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยา ทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น
กรมการถ้วนหน้าปรึกษากัน เกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก
ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหาร ทำการอาจองทะนงศักดิ
แล้วยังมีสารามาฮึกฮัก ไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ
แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อน ต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่
อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไป ถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว
อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวา เขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว
เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียว เคี่ยวครั่งติดประจำซ้ำตีตรา
แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่ ถือบอกไปกับไพร่ยี่สิบห้า
หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมา ลงเรือเก้าวากัญญายาว
ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพาย เดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว
ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราว โห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป
พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษม หุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่
อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจ พันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา
ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุ ลุถึงท่ากงลงพิงหวา
เข้าพิจิตรวังจันทร์น้ำดันซ่า รับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก
เออเรือขายเหล้าชาวเราฉวย พะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก
ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็ก ถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป
มึงบึกกูบึกสะอึกคว้า เรือกัญญาหน้าโขนเข้าโดนไผ่
จะร่ำพรรณนาให้ช้าไย เจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ
๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่า พันมโนรีบมาขมีขมัน
ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกัน เห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง
จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้น หอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง
ทำกรีดกรายชายตาร่าเริง หลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา
งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดิน ตาถินนายประตูครู่เอาผ้า
ชายพดหลกลุ่ยหุยหม่อมตา ยั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก
พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมา มึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก
ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นก สกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ
เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อย หน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่
เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนใน เขาชี้บอกให้ก็ตรงมา
เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้ง พันมโนก็นั่งลงตรงหน้า
พอนายควรสวนออกนอกศาลา กราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน
นายเวรต่อยกลักกับพนักผาง ชักบอกออกวางกับราชสาร
อ่านดูรู้ข้อราชการ ก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรี เอกอรรคอธิบดีเป็นใหญ่
ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจ สั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพ เลิศลบโภไคยมไหศูรย์
สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์ ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
แต่เหตุการราชสารหาทราบไม่ ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา
ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรา รักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ประทับอยู่ข้างในได้เวลา สามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น
จะเสด็จออกท้องพระโรงคัล จรจรัลไปสรงพระคงคา
น้ำกุหลาบอาบอบตรลบกลิ่น หอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา
ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมา ถวายภูษาทรงอลงการ
ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์ เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน
นางในใจภักดิ์พนักงาน ถวายพานพระศรีแล้วกราบลง
เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศ ผุดผาดดังพระยาราชหงส์
นางในตามชิดติดพระองค์ ตรงขึ้นบรรยงก์รัตนาสน์
พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้า คู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด
กราบถวายบังคมบรมราช ทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู
แตรสังข์กระทั่งถวายเสียง ขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่
ตำรวจในไล่คนพ้นประตู คอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี ได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้า อันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
บัดนี้เชียงใหม่มีราชสาร มอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง
พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์ ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำ เชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า
ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสารา ก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย
กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้อง พระแท่นทองสนั่นหวั่นไหว
เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจ มันพูดจาว่ากะไรให้บอกพลัน ฯ
๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดช ครองนิเวศน์เชียงใหม่มไหศวรรย์
ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริตธรรม์ เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร
ฦๅเดชทุกเขตอาณาจักร ปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
ในตำรับข้างที่มีมานาน จารจารึกไว้ในแผ่นทอง
ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้ เป็นโมลีเลื่องโลกไม่มีสอง
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนอง มิให้ข้องเคืองขุ่นระคายมี
เดิมให้ราชทูตจำทูลสาร ไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
ตามโบราณราชประเพณี บุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง
หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอก มาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครอง จึงยังไม่รับรองมาแนบองค์
แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์ มาวิบัติถือจิตรด้วยฤทธิหลง
ให้พระท้ายน้ำนำจัตุรงค์ ดั้นดงล่วงแดนของเรามา
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านัคเรศ โอหังบังเหตุแล้วมิสา
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดา สร้อยทองเสนหาของเราไป
จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบ ตีตรลบชิงนางนั้นไว้ได้
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทย เราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี
ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้ง จะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
อันโฉมยงองค์ราชบุตรี รับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์
ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศ ละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญ ตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง
มีชัยก็จะได้นางสร้อยทอง ไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลาง เป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา
ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อย เราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลปา ฤๅเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป
จะกำหนดสงครามตามแบบอย่าง อันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทย ให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง
แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏ เกียรติยศระบือฦๅเลื่อง
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมือง อ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง แค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์ จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย
เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาท กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว ข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด
หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงก บ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด
บ้างแอบเสาท้องพระโรงหมอบโค้งคุด อุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง
ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้น บางคนลนลานคลานถอยหลัง
เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดัง นักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ
เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาล จับพวกพลทหารของกูได้
หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัย กำเริบนี่กะไรใช่พอดี
อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศ บังเหตุจะสู้กับกูนี่
มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคี จะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ
ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศ ทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน
อ้ายนี่โมหันธ์อันธการ กรรมของมันบันดาลให้หลงคิด
เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือ ไม่พอครือทัพไทยจะไปติด
จะพลอยพาโคตรวงศ์ปลงชีวิต อวดฤทธิประจญชนช้างกู
เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้ ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู
เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กู ทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป
ถ้ามันมีอำนาจดังราชสาร เขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้
นี่เพราะเขารู้เช่นเห็นจัญไร เขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้
ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำ จับพระท้ายน้ำทำป่นปี้
เอาไว้ไยให้หนักพระธรณี เหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ
อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่ ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ
เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับ เร่งขับตามไปให้สิ้นพล
อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มัน พบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น
จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คน รื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ
๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่ ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ
สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้าน ให้ท่านอธิบดีจักรีทูล
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์
บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์ จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร
ซึ่งพระองค์ทรงคิดกิจสงคราม ก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน
ขอพระราชทานโทษจงโปรดปราน จะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป
กับข้อราชการแต่เพียงนี้ หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพร ใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี
เห็นพระเกียรติยศจะถดถอย เชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณี ไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน
ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามา หนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์ อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด
ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่ ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศ ให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมา พระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้า นี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน
เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้ ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่ จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา
มิรู้ที่จะสนองพระบัญชา ก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน
พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาท สุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น
อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงัน เปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกิน ปลอกปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน
เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการ มีศฤงคารยศศักดิหนักแผ่นดิน
กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังใน ขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น
พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทิน ด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาดิ เฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน
เรืองฤทธิประสิทธิทุกสิ่งอัน หมายประจัญสงครามไม่ขามใคร
อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่า เจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่
จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจ สารพัดจัดให้ได้สุขสบาย
วันนั้นรู้คดีว่ามีศึก คะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย
จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนาย เบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป
ถ้ากะไรจะได้ทูลขอพ่อ คิดขึ้นมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้
โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไร จึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน
ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้อง แม่วันทองช่างกะไรไม่สงสาร
เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านาน ครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป
เป็นหลายปีดีดักไม่อินัง หาคิดถึงความหลังของพ่อไม่
แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัย เหตุเพราะไอ้ขุนช้างเป็นตัวมาร
สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพระ เดชะความสัตย์อธิษฐาน
ข้าพเจ้าจะดำริตริการ คิดอ่านขอโทษให้บิดา
ขอให้ได้สมอารมณ์คิด อย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา
อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทา พอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ
เห็นพระหมื่นศรีอยู่หอกลาง แสงเทียนสว่างกระจ่างไข
ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไป พระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย
เล่าความถึงกริ้วด้วยเรื่องทัพ รับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย
เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นาย วุ่นวายอึกทึกทั้งพารา
พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรี พอได้ทีก็คลานเข้าไปหา
พลางร่ายพระเวทให้เมตตา วันทาแล้วถามไปทันที
ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบาย ได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี
เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลี ลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ
๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ย รบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่
วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัย ตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน
นิ่งหมดไม่มีใครอาสา กริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล
เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จน เอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม
ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสา พ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ
จะพากันวุ่นวายตายระยำ หน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ พลายงามฟังความก็สมคิด หมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์
คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวน จงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที
ลูกนี้จะรับอาสาไป ทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้
จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดี มิให้มีลำบากแก่ไพร่พล
เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมา จะอาสาทำศึกเสียสักหน
ให้มีชื่อฦๅทั่วทั้งสากล ว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชา ฟังพลายงามว่ายังสงสัย
ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไป พ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์
ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กนักหนา จะทูลความอาสาเห็นไม่สม
ไม่เคยเห็นวิชาอาคม เจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร
ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนัก เอาแต่โวหารหักนั้นไม่ได้
ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจ ฤๅพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน
ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้า เคลื่อนคลาศก็จะพากันถูกเฆี่ยน
จะเสียทีที่ลำบากพากเพียร ไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย
ตรองดูให้ดีนะลูกรัก จะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย
เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชาย พ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว
มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทา เกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว
อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัว จงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ
๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจา คุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม
ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงาม มิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง
เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้ ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง
ถ้าจะให้ปรากฏจะทดลอง ให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา
ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครู ให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา
หายตัวไปพลันมิทันช้า ต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น
พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมา หัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน
พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์ คลายเวทพูดกันเถิดลูกยา
เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็น กลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า
โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายา ทำท่าเหมือนจะโดดโลดไล่คน
แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรี ตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน
แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกล ไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป
พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์ กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้
พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไม ลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม
เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อ เจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม
เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตาม พึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว
อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรด ไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว
ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียว เพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน
พูดกันสองคนจนสว่าง สุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร
ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอน ได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ
๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหาม เจ้าพลายเดินตามขมีขมัน
เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้น ท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา
กำลังท่านกลาโหมจักรี จตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา
จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชา ก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป
กราบเรียนความพลันในทันที ว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้
ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกร ชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี
วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่อง ล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่
ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์ เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล
หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้า ลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล
เป็นลูกหลานทหารถึงสองคน ฤทธิเดชเวทมนตร์คงได้การ
ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อ ทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ
นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการ ถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว
เราจะช่วยยกย่องให้มียศ ปรากฏเลื่องฦๅระบือทั่ว
ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัว ทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ
พูดจาหารือกันเสร็จสรรพ เป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่
จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัย ก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์ เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยา พระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องพลัน
ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรี พระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์
ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกัน เสียงแตรแซ่สนั่นเสนาะวัง
ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการ พระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง
เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูคอยฟัง ใครจะอาสามั่งฤๅไม่มี
อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกใน มันจะอาสาได้กระมังนี่
จะได้ตั้งแต่งมันให้ทันที ถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช อภิวาททูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
กระหม่อมฉันออกไปไต่ถาม ได้นายพลายงามจะอาสา
เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดา ได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ
กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลอง ก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ
เป็นคนดีมีวิชาอาการ แล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรี เปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา
ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้า เรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ
พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียก เจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่
ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไป นายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคม ปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา
ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตา หมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่
จึงมีสีหนาทประภาษไป เฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง
โคตรเค้าเหล่ามึงเป็นทหาร อุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง
แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปอง เงินทองยศอย่างจะรางวัล
จะได้ฤๅมิได้ให้ว่ามา กูดูหน้าตาก็คมสัน
น้ำใจในคอก็พ่อมัน นิ่งอั้นอยู่ไยให้ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม ฟังความรับสั่งใส่เกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา อันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง
กระหม่อมฉันจะขอรับอาสา เอาพระเดชามาปกป้อง
จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนอง มิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดา ไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจน แก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดา จะขอรับอาสาจนอาสัญ
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มัน ขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน
ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบาน เออเอ็งเอาการมิเสียที
อนิจจาอ้ายขุนแผนแสนอาภัพ ตกอับเสียคนแทบป่นปี้
ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปี กูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป
ให้บังอกบังใจกะไรหนอ อ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้
ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจ จำไว้ช้านานถึงปานนี้
ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่ พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่
ทาระกรรมมันมาสิบห้าปี ช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ
เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์ เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ
ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอ มึงขอกูขอไม่เว้นวัน
นับประสาหาคนไปสู้ศึก ก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น
ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามัน มันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป
ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อ รู้จักฝีมือพ่อฤๅหาไม่
พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไย จงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ
๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่ง ถวายบังคมคัลด้วยหรรษา
รีบออกนอกพระโรงรัตนา ให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน
ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วน เวลาจวนพามาขมีขมัน
ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ นรบาลงกงันรีบออกไป
ถึงคุกเร่งรัดพัศดี ถอดกันทันทีไม่ช้าได้
แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไว เข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ
ท่านพระยายมราชก็ทักถาม บอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น
พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญ ทรงการุญยกโทษโปรดประทาน
อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดิน ผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร
เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการ ว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ
๏ พระองค์ทรงศักดิกวักพระหัตถ์ ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้
หมอบหน้าพลายงามทรามวัย บังคมไหว้กราบงามลงสามที
พระองค์ทรงตรัสประภาษไป เออไอ้ขุนแผนไม่พอที่
มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปี วันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย
บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่ อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย
มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตาย ปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร
ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือ ไม้มือไม่มีใครหักได้
กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้ ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง
มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่น ให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง
จะเอาไพร่ในกรุงฤๅหัวเมือง วัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ ก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข
มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมาย ครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ
ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบ พอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร
อันพวกพลจะประจญประจัญบาน ขอประทานคนโทษที่ในคุก
มีสามสิบห้าคนล้วนทนคง ยืนยงสามารถอาจอุก
ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุก เห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน
เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครัน คนมันมากมายเป็นหลายเมือง
ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้ ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง
จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลือง กูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา
มันดีดีอย่างไรว่าไวว่อง มะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า
พระยายมว่าไรอย่าได้ช้า ไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่ ภูมีแสนสุขเกษมสันต์
พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากัน ขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง
บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรี ล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง
ให้สินให้พรสั่งสอนพลาง เคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้
ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหา ทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี
ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชี ครบคนโทษที่พระราชทาน
แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมา ตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน
ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้าน สอบคำให้การให้ขานมา ฯ
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแก เมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
โทษปล้นให้รำระบำป่า ให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้น เมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยว ปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
ถัดไปไอ้ปานบ้านชีหน เมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
ผูกคอตาจ่ายกับยายรด เอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึง เมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
พวกปล้นขุนศรีวิชัย เอาไม้เสียบก้นแกจนตาย
ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเครา เมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย
ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลาย ได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาด เมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้า แล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน
ถัดไปไอ้ทองอยู่ช่องขวาก ผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณร ทุบตาเถนแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
ที่นั่งถัดไปไอ้ช้างดำ อยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี
เก็บเงินทองของข้าวบรรดามี ของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร
ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลก โทษปล้นชีโคกที่ปากเกร็ด
แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ด ฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง
ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโม เมียชื่ออีโตบ้านชุมแสง
ปล้นชีดักขนนขนพอแรง ฆ่าขุนทิพแสงเจ้าทรัพย์ตาย
อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาท เมียชื่ออีปาดบ้านขนาย
เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยปลาย ลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลง เมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือ ครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
ถัดไปไอ้ทองอยู่หนองฟูก เมียชื่ออีดูกลูกตาจบ
กลางวันปิดเรือนเหมือนชะมบ แต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเบา
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือ เมียมันตาปรือชื่ออีเสา
ถัดไปไอ้กุ้งคุ้งตะเภา ฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอน ตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
ถัดไปไอ้กร่างอยู่บางเหี้ย หาเมียมิได้ไล่ตีเรือ
อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนน ลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ
อ้ายเภาผัวอีพานบ้านนาเกลือ เอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน
อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชน ขึ้นย่องเบาหมื่นธนขนเอาเลี่ยน
อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียน เข้าบ้านพิตเพียนปล้นปลอมริบ
พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้อง เก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ
ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพ อยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา
หาได้แทงแกไม่ดังให้การ นครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกะเพรา โทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
ยิงปืนปึงปังประดังโห่ แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
ถัดมานั้นอ้ายสานกเล็ก อยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี
สกัดตีโคต่างทางโคราช แทงอ้ายชั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่
อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลี โทษตีเดิมบางเอากลางวัน
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่าง โทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพัน กะหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
สิริคนโทษซึ่งโปรดมา ครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง
อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทง เรี่ยวแรงทรหดอดทน
ทำกรรมต้องจำมาช้านาน สิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล
พลายงามทูลขอพ่อออกพ้น จึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ
๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่ว จึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า
ให้แก่ขุนแผนแสนศักดา ท่านพระยายมราชก็อวยพร
ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรู เชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน
ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอน ตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก
แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนาย จงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก
ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึก แจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน
พวกทนายขนของมากองเกลื่อน พระยายมตักเตือนให้เลือกสรร
ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปัน แจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน
ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสีย ทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น
บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกล มันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์
ชวนกันกินของร้องโมทนา ตั้งแต่นี้วันหน้าจะเป็นสุข
ถ้าหากพ่อไม่ขอออกจากคุก ก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป
จะเป็นข้าของนายจนตายจาก ใช้สอยน้อยมากจะทำให้
ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไว กราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา
พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้าน ผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา
พลายงามเดินตามขุนแผนมา พวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน
พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่ แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์
พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากัน พลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยา เจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน
อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอน ตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน
ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้ หม้อกะละออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน
ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือน เคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน
พิษฐานให้ทานคนโทษแล้ว ผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ
พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลัน อยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ
แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลาย ทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ
เรียกให้เมียน้อยยกสำรับ กินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง
เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผม ทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง
จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลง มันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน
ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่า แล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน
ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมัน เสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย
ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาด นุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย
แล้วกลับมาหน้าหอของพระนาย ทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา
ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรี ว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา
ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดา คร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน
อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุข จะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ
ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกัน ถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ
พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่า โมทนาข้าจะเป็นธุระให้
รับมาจะลำบากยากอะไร พรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา
แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่น ครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา
ต่างระงับหลับใหลไสยา จนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษา ตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน
อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครัน แล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก
มึงทรมานมากว่าสิบปี กูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข
จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์ อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป
ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรด ปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
ถวายบังคมลามาทันใด ออกไปกราบลาหม่อมป้าโต
เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภ ค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่
นางสีนางพรมแม่ส้มโอ เพื่อนฝูงอักโขจะลาไป
แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้อง หวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่
ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจ หวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด
นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อน เทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร
ก้มแลดูกายไม่วายคิด ใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม
จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทอง ถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม
ใส่เครื่องประดับวับแวววาม ออกประตูข้างข้ามประตูดิน
อีถึงถือหีบรีบตามนาย อิกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น
เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยิน มาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ
๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทอง เจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้
ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจ แปลกพี่ไปฤๅเจ้าไม่เข้ามา
ลาวทองฟังคำจำเสียงได้ เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า
กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตา ท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้
ครั้นติดตามมาหาผัวรัก แปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่
ไม่กล้าเข้าไปในประตู แลดูพ่อซูบผิดรูปไป
โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้ว เหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่
ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังใน เฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน
ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำ ต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์
ยามนอนนอนคิดจิตผูกพัน แทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น
ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุด จะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น
ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็น ตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน
พูดพลางทางแลแล้วถามผัว ทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น
ขุนแผนจึงบอกออกมาพลัน นางนั้นชื่อแก้วกิริยา
เมียข้าเมื่อพาวันทองหนี ครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา
นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมา ชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง
ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือน ข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง
ต่างปรึกษาหารือตามทำนอง ปรองดองมิได้คิดจิตฉันทา ฯ
๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่ง พลันสั่งทหารสามสิบห้า
ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตา เตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย
ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรี พรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย
พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชาย ทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จ จวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่
เข้าวังพร้อมกันในทันที วันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องฦๅ
ว่าจะลองความรู้พวกอาสา ต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ
ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อ จูงมือลูกหลานซานเข้าไป
ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตู นมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล
เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจ เข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว
บ้างกระชากผ้าห่มฉวยนมหมับ พวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว
จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียว ที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง
ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอก พอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง
สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดัง ถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลัน ดังองค์พระสุริยันเมื่อเยี่ยมรถ
ตรัสเรียกขุนแผนพลายงาม ทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด
ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศ น้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน
ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่ง เอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน
ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการ วงนอกไพร่บ้านพลเมือง
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่ม มามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง
บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลือง บ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน
พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้าม รอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามา ฯ
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขาม ถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนต์ภาวนา ให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยัก ไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรม ให้เอาหอกกรอกตำเข้าจำเพาะ
ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำ แทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ
เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะ จนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน
นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชัก เลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น
ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคน เป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
นายช้างดำกำลังดังช้างสาร ถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น
กระโดดสูงสามวาตาเป็นมัน แข็งขันข้อลำดำทมิฬ
นายสีอาดคลาศแคล้วแล้วไม่แตก หอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น
ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดิน นายอินอึดใจแล้วหายตัว
นายทองลองให้เอาปืนยิง ยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว
นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัว นายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน
นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์ คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น
นายจั่วหัวหูดูพิกล เอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ
ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้า ต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ
แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับ รับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน
คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึง กับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร
ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกัน ตามไม้มือมันใครเอกโท
ยังอ้ายพลายงามจะอาสา ดีจริงฤๅว่ามันโยโส
ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโต เฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนพลายงาม ถวายบังคมตามกันทั้งคู่
ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรู คอยดูพ่อลูกจะลองกัน
เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผน แล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน
ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยัน ชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน
กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำ ไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน
ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวน สับสวนท่าทางสันทัดกัน
ดูข้างพลายงามก็ไวว่อง ดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน
ได้ทีหนีไล่พัลวัน กลับแทงแย้งฟันกันคนละที
ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น เจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี
แต่พอห่างวางทวนกับปัถพี อัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์
ลุกโพลงโผงผางกลางสนาม เปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น
ลามไหม้ไล่คนทั้งหลายนั้น คนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู
ตกใจหน้าซีดทุกตัวคน ขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่
เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวู เสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง
ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริง วิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง
ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึง ประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน
อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุง เลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน
บริวารมากมายมาก่ายเกน แผ่พังพานพ่านเพ่นสักสองพัน
เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่ง พวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น
เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวัน ตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป
ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้ม เหยียบทับกันจมออกเหลวไหล
พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใด เป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู
ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับ งูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้
ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดู นกกดคาบงูชูร่อนบิน
บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลาย ก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น
พลายงามตัวเอกเสกก้อนดิน นกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง
ซับมันชันหูชูงวง งายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง
เงยแหงนแปร้นแปร๋มาคว้างคว้าง ขุนแผนยืนขวางรำขอรับ
เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอ ช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ
ฟันกระชากหน้าผากระยำยับ จนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน
ช้างหายพลายงามทรามคะนอง มีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น
บริกรรมสำแดงแปลงกายิน เปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ
ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่ง เขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ
ล่อควายบ่ายมาหน้าที่ประทับ ตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย
ชุลมุนผลุนผลันถลันโดด เสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย
สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อย ต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน
พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียง ลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น
บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กัน รู้พูดสารพันภาษาคน
แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลิน สรรเสริญสองนายทุกแห่งหน
เออช่างศักดิสิทธิฤทธิเวทมนตร์ ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ
พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน เบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ
อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออ ฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน
ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่ มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น
จะสู้กับลูกกูอยากดูมัน ไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป
สิ้นพุงมึงเท่านั้นแล้วฤๅหวา นกแก้วสาลิกาก็ทูลไข
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัย ยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์
ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์ กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน
พระพันวษาปราโมทย์โปรดปราน ให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงาม มึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา
ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้า กินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง
แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษ ให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง
แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดง ทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน
ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตรา ห้าชั่งเอามาประทานให้
มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไป กว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม
ขุนแผนพลายงามความยินดี ถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม
ด้วยทรงพระกรุณาสง่างาม คนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง
ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลัง วันไรจะตั้งให้ยาตรา
พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลัน ขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า
ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนา เวลาสี่โมงเช้าเก้านาที
ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวัน ยามนั้นได้เมื่อพระฤๅษี
แค้นขัดมัดมือลิงกาลี จะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย
พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลัน ไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้
มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไป ก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวัง ขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน
ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทน อลวนกลับบ้านสำราญใจ
พวกคนดูโจษกันสนั่นมา ไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกร แปลงตัวไปได้ดังเทวดา
ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็น แต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา
วันนี้ได้เห็นเป็นบุญตา เรากำเนิดเกิดมาไม่เสียที ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน กลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี
ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลี บอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา
ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรี มาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา
เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณา ลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป
พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคน ให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้
พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคล ภรรยาข้าไทก็ไปตาม
พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้น เดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม
ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความ กระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร
บ้างบอกว่าพวกนี้ที่พ้นโทษ โปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่
ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตะไกร ก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ
๏ ครานั้นนวลนางทองประศรี เห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา
ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตา เออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน
กูขอบใจออแก้วกิริยา มันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ
เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้น อย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป
อนิจจาน่ารักออพลายงาม เพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้
นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้ ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย
แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้าน ยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย
ช่างผอมซูบวิปริตผิดทั้งกาย นี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก
สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่ ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข
ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์ จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
๏ ขุนแผนรับพรของมารดา แล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน
ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชาน ให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน
เรือนเหย้าเก่าเกเรจะเซคว่ำ เอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน
ทำกันจนตะวันลงรอนรอน ต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมาย ทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน
เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนาน เอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน
บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมา อุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น
ผัดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัน ครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน
จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชี ไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน
ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลน อลวนจัดแจงประจุบัน
หาได้ตามยากตามมี ให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น
ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์ พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา คิดกับลูกยาหาช้าไม่
จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกร จึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า
ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลัน ตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายา เครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย
เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดาน นมัสการจุดธูปเทียนถวาย
ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชาย วงสายสิญจน์รอบเป็นขอบคัน
ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑล อ่านมนตร์โองการอันกวดขัน
ชุมนุมเทวดามาพร้อมกัน ทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์
ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลี พระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ
อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์ พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์
พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวา ขอเชิญลงมาให้ศักดิสิทธิ์
ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิต บิดามารดาสถาวร
คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์ พระโองการบพิตรอดิศร
ขออันเชิญช่วยมาอวยพร ให้เรืองฤทธิขจรทุกสิ่งอัน
แล้วร่ายคาถามหาเวท ปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์
ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้น ตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ
เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญ เครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด
แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศ เอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ
เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสาย ชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่
จึงเอาพระภควำที่ทำไว้ ใส่ขันสำริดประสิทธิมนตร์
ในขันนั้นใส่น้ำมันหอม เสกพร้อมเป่าลงไปสามหน
พระนั่งขึ้นได้ในบัดดล น้ำมันนั้นทาทนทั้งทุบตี
ล่องหนกำบังจังงังครบ อุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่
ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลี อ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย
ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหง อยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย
ผีตายคลอดลูกผูกคอตาย ผีนายผีไพร่ให้รีบมา
ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อน ด้วยเร่าร้อนฤทธิเวทพระคาถา
พากันเกลื่อนกลาดดาษดา พร้อมหน้ามาที่พิธีการ
บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑล เห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน
พลายงามขุนแผนแสนสำราญ เอาเหล้าข้าวใส่กระบานออกเซ่นวัก
เนื้อพล่าปลายำทำตามมี ฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก
ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรัก ชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง
ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขม ต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง
ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวง ตวงเหล้าเติมบ่อยอร่อยครัน
เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผี ว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร
มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกัน ให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล
พวกผีดีใจไปสิพ่อ ลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน
อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์ จะเข้านอกออกเวรให้ทันการ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงาม เสร็จพิธีมีความเกษมสานต์
จึงจัดแจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอาน แจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน
พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดี เห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น
ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกัน จะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ
ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้าน ขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้
สาตราอาวุธจงเลือกใช้ ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน
บางคนฉวยดาบชักวาบวับ ที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น
บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยัน บางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว
อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลอง อ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว
อ้ายเพ็ดว่าพร้าก็พอกับคอลาว อ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ
ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธ อุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ
แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำ กระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา
ที่พวกหาบหาไม้มาทำคาน จักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า
ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตรา เสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ
๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่า ตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น
พริกเกลือข้าวปลาสารพัน ใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว
นางแก้วกิริยากับลาวทอง จัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว
ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัว ด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน
หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่ ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน
เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอน มุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน
ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือน กองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น
ส่วนว่าของนายพลายงามนั้น พระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลา ขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้
จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้ ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง
เวลาสี่โมงเศษเสด็จออก พระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง
เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์ มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี ได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลเบิกไปมิได้ช้า ขอเดชะพระบาทามาปกครอง
ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวาย ของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง
กราบถวายบังคมลาฝ่าละออง ไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร ฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า
เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองรา ซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข้
ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกร มีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา
ตรัสพลางทางสั่งพนักงาน พระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า
ทั้งกระบี่บั้งทองของนานา เงินตราเตรียมไปใช้การทัพ
อิกทั้งม้าต้นคนละม้า เครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ
พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับ สั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยา เสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่
หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไป กราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา
ลูกหลานจะมาลาคุณแม่ จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา
อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา คุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล
ถ้าทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึง จะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่
พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้ คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน
เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำ พอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน
ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญ ถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป อย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้
เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่ จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่
ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามี ได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว
แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหา เจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว
ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาศแคล้ว จงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา
ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรู ใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า
อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดา ยังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก
อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้ ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก
แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮัก เบาหนักตรองดูให้รู้ความ
อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วย ใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม
อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงาม ไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย
ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่ ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย
ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพาย เราเป็นนายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล
อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้า ทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล
ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์ เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามความยินดี รับพรทองประศรีแล้วกราบไหว้
ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไท แล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง
เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา จงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง
ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทาง มักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป
การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรี อย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้
เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจ ท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน
เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดู ทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน
ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อน เอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า
อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญ เรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า
ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมา ถึงหยูกยาสารพันทั่นเข้าใจ
อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้ ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่
ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัย ไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง
จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้าง ฤๅสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ
พี่จะรับไปให้ดังใจปอง ถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ
๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยา ฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น
จะร้องไห้กลัวลางในกลางคัน อุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป
พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้อง จะปรองดองผูกสมัครรักใคร่
รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้ จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา
ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่ จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา
แล้วผัวเมียต่างคนสนทนา ด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดา ตื่นขึ้นแต่เวลาปัจจุสมัย
บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคล ชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ
ที่ตำบลวัดใหม่ไชยชุมพล เป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ
ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับ ขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ
ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยา ก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร
ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วาร ตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด
พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้ พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด
ขาดเหลือเจือจานสารพัด แล้วช่วยจัดของข้าวจะเอาไป
ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้าง วัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่
ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้ ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย
ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลา โหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย
พอถ้วนนาทีสี่โมงปลาย ถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา แต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน
ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทน เจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ
ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผน แล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่
ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใด กลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย
ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพ ต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย
ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกาย ให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์
แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้าน ด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง
พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวง จงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา ดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี
สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดี สั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช
ยกจากวัดใหม่ไชยชุมพล พวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่
พระสงฆ์ส่งสวดชยันโต ออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา
โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่ง นายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า
กองหลังศรีอาจราชอาญา พวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชา ตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไป ล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
บ้างห่อใบกระท่อมตะพายแล่ง เงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
ถุนกระท่อมในห่อพอตึงตึง ค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมา ชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์
พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวัน ผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน
นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่อง แบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน
ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เทียน เยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน
พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลา ชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น
แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลัน ให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน
รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพ ขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน
พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอน พอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม
มาถึงบ้านดาบก่งธนู พักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม
พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลม เชยชมลูกชายสบายใจ ฯ
๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงาม เดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่
หมากพลูธูปเทียนเอาถือไป ถึงต้นพระไทรก็กราบลง
บอกลูกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝัง ไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง
ดาบนี้มีฤทธิปราบณรงค์ ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา
พลายงามก็ขุดดินลงไป พบดาบดีใจเป็นหนักหนา
ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตา ขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก
ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้า รบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก
อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนัก ดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย
ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์ ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย
จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคย ชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ
๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อน ตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า
เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลา พอเพลาลมตกยกต่อไป
ค่ำลงหยุดนอนลพบุรี เช้ายกจากที่อิกพักใหญ่
ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัย ล่วงเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา
ตรงมาหัวแดนภูเขาทอง หนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา
ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบา พอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ
ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพัก ที่ล้าเลื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ
บรรดาพวกพหลพลรบ จุดคบกองไฟไว้เป็นวง
ลางคนหาเขียงหั่นกัญชา นั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง
บ้างมีแต่กัญชามานั่งลง ผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง
ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึง พอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง
อยากหวานเมาง่วงล้วงกระโปรง บ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน
พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิด ลงนอนชิดกองไฟใส่กล้องง่วน
สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวน จวนหมดอตส่าห์สงวนไว้
เพื่อนกันขอปันหุนละบาท คราวขาดกลัวตายหาขายไม่
อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไร ได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย
เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยา จนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย
พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบาย กินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ