ตอนที่ ๓๐ ขุนแผนพลายงามจับพระเจ้าเชียงใหม่

๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิราวีไม่มีสู้
เห็นทัพลาวแตกพ่ายกระจายพรู ที่เหลืออยู่พวกไทยไล่ตามฟัน
พอจวนเย็นเรียกทัพกลับเข้าค่าย หุงต้มล้มควายกินจ้าละหวั่น
พวกทหารพูดจาเฮฮากัน จนสิ้นแสงสุริยันลงทันใด
ขุนแผนบอกลูกชายเจ้าพลายกล้า จะเฉยช้าอยู่ที่นี่หาดีไม่
ควรกรูกรีรี้พลสกลไกร เข้าประชิดติดเชียงใหม่ให้ทันที
อย่าให้มันหยุดยั้งตั้งตัวได้ เข้าลุยไล่รีบทำให้ป่นปี้
ด้วยเสบียงเลี้ยงไพร่เราไม่มี ต้องคลุกคลีเสียให้ได้ในสองวัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม ฟังความเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
จะเนิ่นช้าอาหารกันดารครัน ด้วยลาวนั้นที่ไหนจะยกมา
พอรู้ข่าวก็จะหนาวสะท้านจิตร เห็นจะปิดประตูน้ำค้ำประตูท่า
ถ้าเราไม่เข้าไปถึงพารา จะรอให้มันมาเห็นจะลึก
เอาทัพเราเข้าประชิดติดเวียงชัย แล้วสะกดเข้าไปเมื่อยามดึก
ถ้าจับเจ้าเชียงใหม่ได้สมนึก จะตัดศึกสิ้นลำบากไม่ยากใจ
พ่อลูกพูดจาปรึกษากัน พอแสงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างไข
สั่งให้พวกอาสาพากันไป ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา
วงสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์ เครื่องเซ่นสารพันให้จัดหา
เป็ดไก่เต่าหมูแลสุรา ทั้งข้าวปลาอาหารทุกสิ่งอัน
สั่งแล้วขุนแผนแสนสนิท ประชุมฤทธิปลุกตัวขมีขมัน
ใส่มงคลมนตร์เสกข้าวสารพลัน เหน็บมีดหมอจรจรัลมาทันที
จุดเทียนติดศาลอ่านคาถา เรียกบรรดาโหงพรายโขมดผี
ทั้งปู้เจ้าเขาเขินเนินคีรี เชิญมารับบัตรพลีพลีการ ฯ
๏ จะกล่าวถึงภูตพรายผีตายโหง ที่ป่าโป่งรังรุกข์ทุกสถาน
ทั้งปู่เจ้าเขาถ้ำทุกลำธาร ต้องมนตร์อลหม่านไปทั้งดง
พวกผีไทยไปทัพกับขุนแผน ต่างเที่ยวแล่นเรียกหาทุกป่าระหง
ผีลาวครั่นคร้ามขามฤทธิรงค์ ต่างก็ตรงมาที่พิธีกรรม์
แต่ล้วนผีดาษดื่นสักหมื่นแสน ดูออกแน่นคั่งคึกพิลึกลั่น
ล้อมศาลรอบรายเป็นหลายชั้น คนทั้งนั้นนั่งเขม้นไม่เห็นกาย
แต่ขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธี เห็นผีสะพรั่งสิ้นทั้งหลาย
ที่ร้ายกาจผาดแผลงแกล้งอุบาย เป็นสัตว์ร้ายต่างต่างวางเข้ามา
ขุนแผนเสกซัดข้าวสารปราย ผีร้ายหมอบกราดลงดาษป่า
ซ้ำเป่าอาคมลมจินดา ให้ฝูงผีมีเมตตาไปทุกตน
ขุนแผนว่าข้าแต่เทพารักษ์ อันเรืองฤทธิสิทธิศักดิทุกแห่งหน
ท่านจงยกพยุหบาตรปิศาจพล ไปประจญอารักษ์หลักเชียงอินท์
ด้วยว่าเจ้าเชียงใหม่ไม่ครองธรรม ถึงกรรมเมืองจะแหลกแตกสิ้น
จงช่วยพวกเรามาอาสาแผ่นดิน เชิญมากินเครื่องเซ่นอย่าเว้นตัว
เทพเจ้าเหล่าโขมดมายา ต้องมนตร์จินดาก็ยิ้มหัว
ต่างรับอาสาว่าอย่ากลัว จะช่วยท่านเรียงตัวทั่วทั้งนั้น
กินเครื่องเซ่นเสพสุราแล้วลาแล่น ออกเยียดยัดอัดแน่นในไพรสัณฑ์
แผลงฤทธิ์บิดร่างต่างต่างกัน แผ่นดินลั่นดังจะล่มถล่มทลาย
สนั่นเมืองเปรื่องเปรี้ยงเสียงปิศาจ ดังพสุธาฟ้าฟาดไม่ขาดสาย
เหมือนจะล่มเมืองคว่ำให้ทำลาย เข้ารุมรายล้อมรอบขอบบุรี ฯ
๏ ฝ่ายว่าอารักษ์หลักเชียงใหม่ พระเสื้อเมืองเรืองชัยแลเจ้าผี
สถิตศาลน้อยใหญ่ในธานี ที่ได้รับเครื่องพลีเจ้าเชียงอินท์
เห็นผีไพรไทยมาเป็นสามารถ ก็เกณฑ์กวาดผีบ้านทุกฐานถิ่น
ผีป่าช้าอยู่ในใต้แผ่นดิน เรียกมาสิ้นให้สู้หมู่ผีไพร
ต่างตนสำแดงแผลงฤทธิรุทร บ้างพุ่งซัดอาวุธอยู่หวั่นไหว
บ้างฉวยได้ม้าช้างขว้างออกไป คว้าดอกไม้เท่าซุงเอาพุ่งโยน
ถูกผีป่าล้มคว่ำคะมำกลิ้ง ผีไทยผลุนหนุนวิ่งมาผาดโผน
เอากอหนาดฟาดไล่ดังไฟโชน พวกผีป่ากลับกระโจนเข้าโรมรัน ฯ
๏ เดิมเชียงอินท์เป็นปิ่นเอกราช ชะตาขาดนครอ่อนอาถรรพ์
จะเสื่อมสิ้นยศอย่างแต่ปางบรรพ์ เป็นประจันตประเทศเขตกรุงไทย
ผีป่าจึงแข็งแรงร้ายกาจ ผีเมืองมิอาจจะสู้ได้
ก็ถอยป่นย่นยับอัปราชัย ผีป่าเข้าไปไล่ลุยเมือง
เทพทุกศาลสิงออกวิ่งพล่าน กำภูฉัตรพระกาลโดดศาลเปรื่อง
ไม่หลอเหลือทั้งพระเสื้อพระทรงเมือง หอเครื่องเจตคุกบุกหนีไป
พวกเหล่าผีเล็กน้อยพลอยวิ่งว่อน ทั้งนครเสียงมี่ผีร้องไห้
บ้างอุ้มลูกจูงหลานซานเข้าไพร เพราะผีป่าเข้าได้ในนคร ฯ
๏ เวลานั้นเจ้าเชียงใหม่เธอไสยาสน์ ครั้นทัพผีวิปลาสเกิดสังหรณ์
ทั้งตระกูลประยูรญาติราษฎร พากันนอนใฝ่ฝันออกฟั่นเฟือน
เห็นเป็นกองทัพไทยไล่ฟันลาว ขุนนางเจ้าชาวบุรีหนีเข้าเถื่อน
ตื่นแซ่แก้ฝันกันทุกเรือน หลากจิตนิมิตเหมือนกันทั้งนั้น
บ้างก็ว่าเวลาเคาะระฆัง ได้ยินดังคึกคึกพิลึกลั่น
เห็นชะรอยภูตผีเราหนีมัน ต่างวิตกอกสั่นทุกคนไป ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ฟื้นตื่นนิทรา ลุกผวาหวั่นหวาดพระทัยไหว
ก็ทราบว่าผีบ้านย่านผีไพร อยู่ไม่ได้หนีออกนอกบุรี
แสนวิตกอกเมืองจะเคืองเข็ญ ต้องยากเย็นผู้คนจะป่นปี้
นี่เพราะกูทำความไม่งามดี ไปชักให้ไพรีมีขึ้นมา
แล้วหวนมานะนึกกลับฮึกเหี้ยม อายุกูก็เยี่ยมหกสิบห้า
ถึงจะครองเมืองไปก็ไม่ช้า ไม่ขายหน้ายอมไทยให้อัประมาณ
อันชาติเสือถึงจะตายลายก็อยู่ ให้ใครดูรู้ชาติว่าอาจหาญ
ชาติกษัตริย์ถึงจะป่นจนวายปราณ มิให้พานชื่อชั่วว่ากลัวใคร
ถึงชีวันบรรลัยจะไว้ยศ ให้ปรากฏทั่วโลกวิสัย
เหมือนทศเศียรสุริวงศ์ทรงฤทธิไกร ถูกลักล้วงดวงใจไปให้ราม
แม้นรักชีวิตรักวงศ์จะส่งนาง เธอสู้ตายวายวางไม่คิดขาม
จึงเลื่องชื่อฦๅยศปรากฏนาม มีเรื่องความในนิพนธ์จนทุกวัน
ถ้ากลัวเขาเราส่งสร้อยทองให้ ก็คงไม่เกิดเข็ญเป็นมหันต์
สู้บรรลัยไว้ยศเหมือนทศกัณฐ์ ให้ฦๅลั่นชั่วหล้าฟ้าแลดิน
ตริพลางทางเสด็จออกข้างหน้า ดำรัสสั่งเสนาทั้งปวงสิ้น
ให้คอยระวังระไวพวกไพริน เราเอาเวียงเชียงอินท์เป็นเรือนตาย ฯ
๏ อำมาตย์รับโองการคลานออกมา ต่างเข้มงวดตรวจตราคนทั้งหลาย
ทุกค่ายคูปิดประตูหอรบราย กะทะทรายตั้งคั่วทั่วกำแพง
ทั้งหญิงชายก็ให้มาขึ้นหน้าที่ กองอัคคีให้สว่างกระจ่างแสง
ให้เหล่าสารวัตรคอยจัดแจง ทั่วตำแหน่งเกณฑ์ตรวจทุกหมวดกรม ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลี มเหสีเชียงอินท์ปิ่นสนม
เห็นบ้านเมืองวิปริตผิดนิยม จะแหลกล่มเสียกระมังในครั้งนี้
จำจะไปเพ็ดทูลมูลเหตุ ให้ทรงเดชวินิจฉัยให้ต้องที่
คิดพลางย่างเยื้องจรลี ไปเฝ้าเจ้าธานีในทันใด
ครั้นถึงกราบก้มประนมกร บังอรซบเศียรสะอื้นไห้
แล้วกราบทูลสามีพิรี้พิไร ขอพระองค์จงได้กรุณา
เป็นความสัตย์สุจริตไม่คิดหึง หมายจะพึ่งภูวไนยจนสังขาร์
อันซึ่งศึกประชิดติดพารา ด้วยสาเหตุเนื้อเคราะห์เพราะสร้อยทอง
จะเอานางไว้ไยในพารา ให้ไพร่ฟ้าทุกข์ทนหม่นหมอง
เคืองระคายบาทาฝ่าละออง ขอพระองค์จงตรองในพระทัย
พระสนมแน่งนวลควรประคอง งามกว่าเจ้าสร้อยทองไม่นับได้
ไม่ควรจะขุ่นเคืองกับเมืองไทย ถ้าส่งสร้อยทองให้กับนายทัพ
ที่คนเขาเขาก็คืนเอาไปได้ เห็นพวกไทยจะเลิกกองทัพกลับ
ทั้งวังเวียงเชียงใหม่ไม่ย่อยยับ เหมือนพระดับความเข็ญเย็นประชา
ให้หมดสิ้นเสี้ยนหนามได้ความสุข ตัดยุคเสียอย่างนี้จะดีกว่า
ขอพระองค์ทรงพระกรุณา ให้ไพร่ฟ้าแผ่นดินสิ้นทุกข์ภัย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินท์บดินทร์สูร ฟังทูลก็สะท้อนถอนใจใหญ่
นึกสงสารสายสมรอ่อนพระทัย ประเดี๋ยวใจหวนพิโรธโกรธขึ้นมา
น้องเอ๋ยพี่ไม่เคยให้ใครหยาม เจ้าเวียงจันทน์ทำความให้ข้ามหน้า
ยังมิหนำซ้ำพวกอยุธยา หยาบช้ามาประชิดติดนคร
ถ้าขอนางโดยดีพี่จะให้ นี่มันไม่ยำเกรงข่มเหงก่อน
บังอาจลักช้างม้าฆ่าราษฎร ฦๅกระฉ่อนออกดังทั้งแดนไตร
มันเขียนหนังสือท้าว่าประจาน มิใช่พระในวิหารจะอดได้
จึงได้เกิดรบพุ่งกันยุ่งไป ลาวบรรลัยมากมายเป็นหลายคน
ซึ่งจะส่งองค์นางไปเดี๋ยวนี้ เหลือที่จะทำได้ให้ขัดสน
ไม่ขอส่งคงสู้จนวายชนม์ เกิดเป็นคนถึงกรรมก็จำตาย ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลี ได้ฟังคำสามีก็ใจหาย
ช่างดึงดันโกรธเกรี้ยวไปเดียวดาย จะทานทัดมากมายก็ไม่ควร
เคารพราบกราบลาพระสามี เทวีเสด็จมาโดยด่วน
ทอดองค์ลงกับแท่นแสนรัญจวน ยิ่งปั่นป่วนโศกเศร้าเสียพระทัย
กรกอดลูกน้อยเจ้าสร้อยฟ้า นางโศกาสะอึกสะอื้นไห้
แม่ไปทูลพระองค์ผู้ทรงชัย เธอดื้อดึงขึงไปไม่นำพา
ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมนำนิยม จะให้ล่มโลกลาวตลอดหล้า
ทั้งหญิงชายก็จะฟายแต่น้ำตา คงยากเย็นเป็นข้าพวกไทยแท้
แสนวิตกโอ้อกเจ้าแม่เอ๋ย จะเป็นเชลยเขาเสียแล้วนะแก้วแม่
จึงเผอิญให้กษัตริย์วิบัติแปร ที่ชั่วแน่กลับเห็นว่าเป็นดี
ตรัสทางพลางข้อนพระทรวงร่ำ แสนระกำดังจะม้วยไปเป็นผี
เจ้าครอกน้อยสร้อยฟ้านารี ก็โศกีลูกแม่นิ่งแน่ไป
กำนัลนางต่างเอาสุคนธ์สรง ค่อยชุ่มชื่นฟื้นองค์ขึ้นมาได้
แต่โศกแล้วโศกเล่าเฝ้าร่ำไร ร้องไห้ข้อนอกจนฟกแดง ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิฦๅทั่วกลัวแสยง
พอรุ่งแสงทินกรขึ้นร้อนแรง ก็จัดแจงกองทัพกำชับการ
ให้เร่งผูกอัสดรกุญชรชาติ จะยกยาตราพลพหลหาญ
ล่วงลัดตัดตรงเข้าดงดาน ประชิดชานเชียงใหม่ในวันนี้ ฯ
๏ พวกอาสารับสั่งไม่รั้งรา ต่างไปผูกช้างม้าอยู่อึงมี่
จับอาวุธวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี ประจำที่พยุหบาตรจะยาตรา
ให้พระนายท้ายน้ำนั้นนำศึก ขี่พลายประกายพรึกมาข้างหน้า
เพี้ยกึงกำกงถัดลงมา ขี่พลายพลิกพสุธามากลางพล
ขุนแผนขี่พลายศรีคชเดช พลายงามขี่พลายเกตุต้อนพหล
พวกอาสาร่าเริงทุกตัวคน รีบร้นโยธาคลาไคล
โห่สนั่นลั่นก้องท้องอรัญ ครึ่งวันก็กระทั่งถึงเชียงใหม่
ให้หยุดทัพยับยั้งตั้งพลไว้ นายไพร่พร้อมพรั่งอยู่คั่งคับ
เอาอ้อแขมมากระหนาบคาบเข้าไว้ ซัดข้าวสารหว่านไปเป็นค่ายตับ
ปักรายหลายชั้นกันหน้าทัพ สำหรับรับปืนใหญ่ในบุรี ฯ
๏ ในชานเวียงเสียงสนั่นออกหวั่นไหว เห็นทัพไทยมาประชิดติดกรุงศรี
พวกลาวระวังตัวทั่วธานี เข้าประจำหน้าที่สิ้นทั้งนั้น
บ้างเคี่ยวชันหลอมตะกั่วคั่วทราย ตั้งเตารายบนกำแพงไว้แข็งขัน
กองไฟรอบเมืองเนื่องเนื่องกัน ส่องแสงแดงฉันทั้งเวียงชัย
องค์พระเจ้าเชียงอินท์ปิ่นนครา ออกมาสั่งเสนาผู้น้อยใหญ่
ให้ระแวดระวังตั้งใจ ดูอย่าให้ผู้คนปนเข้ามา
เอาหอกดาบปืนผาอาวุธ เครื่องยุทธเตรียมไว้ให้แน่นหนา
ชั้นแมวหมูสุนัขนกกา แม้นเข้าเมืองจับฆ่าให้วายชนม์
ให้เสนีสี่นายแยกย้ายไป ตรวจไพร่โยธาโกลาหล
รอบจังหวัดอัดแอแต่ล้วนคน ทุกถนนหนทางสว่างไฟ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิฦๅจบพิภพไหว
กับลูกชายพลายงามทรามวัย พอดึกได้สามยามตามตำรา
ฟ้าขาวดาวดวงสะกดแจ่ม พระจันทร์แรมรีบดับลงลับหล้า
พ่อลูกจัดแจงแต่งกายา นุ่งผ้าม่วงดำประจำกาย
สะเอวคาดราตคดก็สีดำ คล้องประคำตะกรุดทองทั้งสองสาย
ใส่เสื้อยันต์ลงองค์นารายณ์ เข็มขัดขมองพรายคาดกายพัน
ประจงจับจบประเจียดประจุพระ โพกศีรษะทะมัดทะแมงดูแข็งขัน
ทั้งพ่อลูกผัดผงที่ลงยันต์ แล้วเสกจันทน์เจิมหน้าสง่างาม
ขึงขังทั้งคู่ดูสง่า ดังพระยาสีหราชเรืองสนาม
จบคำนับจับดาบปราบสงคราม บ่ายหน้ามาตามยามอาทิตย์
ตรงเข้าไปในป่าแล้วปลุกตัว เป่าทั่วด้วยคาถาประกาศิต
ขยับยืนยกเมฆดูนิมิต เห็นรูปนารายณ์เรืองฤทธิ์ติดอัมพร
สี่หัตถ์ทรงสาตราคทาเพชร พร้อมเสร็จจักรสังข์พระแสงศร
ลมสองคลองคล่องขวาเวลาจร ก็ก้าวเท้าขวาก่อนทั้งสองคน
กุมารทองโหงพรายรายรอบข้าง พ่อลูกเยื้องย่างมาทางถนน
ร่ายเวทจังงังกำบังตน ไม่มีคนทายทักแต่สักคำ
ปีนข้ามเนินคูประตูค่าย อ้ายพวกลาวบ่าวนายอยู่คลาคล่ำ
ล้วนต้องมนตร์ง่วงหงับหลับคะมำ ขุนแผนนำหน้าไปใกล้กำแพง
ยืนมองช่องประตูคนผู้ไขว่ กองไฟไว้สว่างกระจ่างแสง
ทหารปืนยืนเป็นพวกใส่หมวกแดง เสียงฆ้องป่องแป่งออกรอบไป
ขุนแผนกับลูกชายร่ายพระเวท อันวิเศษสองนายใช้พรายได้
แล้วขึ้นคอผีกุมารอันชาญชัย ผีก็แผลงฤทธิไกรวิสัยตน
ผาดโผนโจนข้ามกำแพงเมือง เปรื่องเดียวเข้าได้ไม่ขัดสน
ขุนแผนเป่าซ้ำกระหน่ำมนตร์ สะกดคนหลับรอบขอบนคร
แล้วตรงมาถึงวังเจ้าเชียงใหม่ ขุนแผนใช้พรายลาวเข้าไปก่อน
ให้ถอนลิ่มถอดสลักชักกลอน ทั้งพ่อลูกบทจรเข้าวังใน ฯ
๏ ผู้หญิงลาวท้าวนางแลโขลนจ่า แลมาหาเห็นขุนแผนไม่
ทั้งคุณหม่อมจอมเจ้าแลสาวใช้ จรลีสีไหล่กันไปมา
ขุนแผนพลายงามตามกันจร เที่ยวทุกตรอกซอกซอนทั้งซ้ายขวา
ขึ้นตำหนักเจ้าหม่อมจอมมารดา จะดูท่าชาววังเป็นอย่างไร
บ้างซุบซิบสนทนาถึงข้าศึก บ้างข้อนอกเข้าสะอึกสะอื้นไห้
บ้างจับเบี้ยบนผีพิรี้พิไร บ้างเย็บไถ้คาดแน่นใส่แหวนทอง
ทุกหนแห่งแสยงสยดทั่ว ไม่มีหัวมีแต่ไห้ไปทุกห้อง
พ่อลูกเล็ดลอดเที่ยวสอดมอง เห็นหม่นหมองเวทนาในอารมณ์
แต่พวกเล่นจับคู่ไม่สู้ทุกข์ ยังสนุกรื่นรวยทำสวยสม
บ้างไปมาหาคู่ที่เคยชม เชยแก้มแนมนมกระนี้กระนั้น
บ้างขึ้นมาหาสู่เหมือนชู้ชาย แย้มคายลิ้นลมเป็นคมสัน
บ้างหวงหึงบึงบอนควักค้อนกัน บ้างแดกดันถุ้งเถียงเสียงอลวน
ที่ลางนางทอดตัวเกาหัวแกรก ถ้าเมืองแตกเรานี้คงปี้ป่น
ลางนางบ้างว่าอย่าร้อนรน ของยังมีที่ตนไม่จนนาน
บ้างว่าถ้าตกไปเมืองใต้ ทำอย่างไรจึงจะดีให้วิถาร
ที่ลางนางนอกคอกบอกอาการ อย่าเกียจคร้านโต้ตอบชอบทุกคน
ที่คนโง่ถามว่าโต้อย่างไรขา ถ้าผัวด่าด่าโต้ฤๅยังฉงน
ใครเขาให้โต้ปากอยากสัปดน ให้เอาตนโต้ดอกบอกตามการ
ซึ่งโต้ตอบอย่างนี้ไม่มีครู ด้วยต่างคู่ต่างวิสัยหลายสถาน
ถ้าโต้ตอบชอบใจแล้วไม่นาน ต้องซมซานฝากตัวกลัวจนงอ
แน่ะพวกเรานะอย่าเอาที่ผัวไพร่ เหมือนกับเหยียบขี้ไก่มันไม่ฝ่อ
ปะนายมุลขุนนางวางให้พอ เข้าเคลียคลอเคล้าคลึงให้ถึงใจ
ทั้งนวดฟั้นปรนนิบัติพัดวี ทำให้ดีขี้คร้านจะหลงใหล
ยิ่งกว่ายาแฝดฝังเข้าบังใจ ท่านผู้หญิงทิ้งไล่เสียเลเพ
ยิ่งงกงันฟันหักยิ่งรักสาว กลัวจะซานลานลาวเจ้าเสน่ห์
อุตส่าห์เฝ้าเอาใจใช้อุปเทห์ แก่ขี้เหร่ดีนักยิ่งรักเมีย
ระวังแต่อ้ายหนุ่มกระจุ๋มกระจิ๋ม มันมักชิมแล้วเฉยเลยทิ้งเสีย
ถ้าไม่ช่วยตัวได้อย่าให้เยีย ทำปัวเปียเสียพอป่องพร่องราคา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนประเสริฐ เลื่องชื่อฦๅเลิศตลอดหล้า
กับลูกชายหงายแหงนดูดารา พอเพลาดาวธงเข้าตรงรถ
ดูอากาศแผ้วผ่องเป็นคลองช้าง แจ่มกระจ่างเด่นดาวดวงสะกด
พระจันทรล่อนดับลับบรรพต กำหนดต้องฤกษ์พาตำราเรียน
พ่อลูกเสกซัดข้าวสารกราว พวกแสนสาวล้มเกลือกลงเสือกเศียร
ที่นั่งขึงแข็งตาน่าวิงเวียน จนล้มพาดดาษเดียรลำดับกัน
ที่ลุกขึ้นกึกกักมาตักน้ำ ต้องอาคมล้มคะมำคว่ำทับขัน
ลางนางเช็ดไรใส่น้ำมัน สำลีพันไม้คาหลับตาไป
ลางนางปักสะดึงตรึงตราชุน ง่วงงุนหลับตามือคาไหม
ที่ปั่นฝ้ายกรอหลอดลงกอดไน ที่นั่งยามตามไฟไม่สมประดี
ขุนแผนสั่งผีโขมดกุมารทอง จงเข้าไปในห้องปราสาทศรี
สะกดพระยาลาวเจ้าธานี มเหสีลูกสาวชาวพนักงาน ฯ
๏ ผีคำนับรับคำทำเดชา พอพริบตาเดี๋ยวหนึ่งถึงราชฐาน
ขึ้นบนตำหนักพลันมิทันนาน เข้ากดทับหลับซานไปทุกคน
ด้วยเทวดารักษากำภูฉัตร ผีไทยไล่กำจัดเข้าไพรสณฑ์
กุมารจึงเข้าไปได้ใกล้ตน ทับเจ้าภูวดลไว้ตรึงตรา
องค์พระเจ้าเชียงใหม่ชัยศรี ครั้นต้องมนตร์ดลผีให้มืดหน้า
ดังใจปลิดจิตปลิวจากกายา ลงนิทราแน่นิ่งไม่ติงองค์ ฯ
๏ ขุนแผนกับลูกยาศักดาเดช ร่ายพระเวทเป่าลมประสมส่ง
แล้วเยื้องย่างอย่างสองพยัคฆยง ตรงเข้าเรือนทองห้องสุวรรณ
อเนกแน่นล้วนแสนสุรางค์ราช ต้องอาคมล้มกลาดเป็นหลั่นหลั่น
ดูงามถ้วนล้วนเหล่าพระกำนัล ผิวพรรณพึงชมสมสะคราญ
ผ้าผวยเทพประนมห่มนอน ฟูกหมอนเสื่อสาดสะอาดสะอ้าน
กลิ่นฟุ้งมุ้งแพรแลละลาน พนักงานต่างต่างทุกอย่างไป
พ่อลูกจรจรัลเข้าชั้นสอง ประทีปส่องแสงสว่างกระจ่างไข
พระสนมล้มหลับระเนนใน ล้วนวิไลเลิศล้ำดูสำอาง
ละม่อมเหมาะเพลาะกรอมหอมห่ม บ้างเปิดนมขาวช่วงอล่างฉ่าง
ดูสองแก้มแจ่มเจียนผิวมะปราง ล้วนแต่อย่างสาวใหญ่ไว้ท่วงที
สนิทนิ่งเหนือหมอนที่นอนนาง ดูสำอางอ่อนสะอาดลาดกำมะหยี่
มุ้งน้อยน้อยห้อยพู่ประตูมี ล้วนแพรบางต่างสีดูสมทรง
พ่อลูกจรจรัลเข้าชั้นสาม ประทีปอัจกลับตามงามระหง
ทั้งสองย่างยุรยาตรดูอาจอง เห็นองค์แน่งน้อยสนิทนอน
ล้วนรุ่นรุ่นรูปเรี่ยมจำเริญลักษณ์ ผิวพักตร์ผ่องเกลี้ยงเพียงอัปสร
ห่มแพรสีมีวลัยใส่สวมกร เอาสร้อยอ่อนทำสายสะอิ้งรัด
ใส่ตุ้มหูซ้ายขวาระย้าย้อย เอวบางร่างน้อยนมถนัด
ดังปทุมตูมเต่งเคร่งครัด จำปาทัดถันได้ไม่ลอดทรวง
เจ้าพลายงามเดินหลังตั้งตาเขม้น เสียดายเป็นที่นั่งรองของหลวง
เอามือช้อนเข้าที่พุ่มปทุมทรวง ไม่โรยร่วงกลีบกลัดกำดัดตึง
ขุนแผนเห็นลูกเข้าไปเคล้าคลอ เอามือห่อป่ายหลังลงดังผึง
นี่ของหลวงนะอย่าเข้าไปเคล้าคลึง ถ้าแม้นนึกลึกซึ้งสิเสียความ
ไม่ควรนะเจ้าเราเป็นไพร่ เขาก็ได้เป็นนางระวางห้าม
ยิ่งจะให้เชี่ยวชาญการสงคราม มาตุคามลามลวนอย่าควรทำ
เจ้าพลายงามบอกความกับบิดา แวะเข้ามาชมเล่นเห็นขำขำ
เพียงลักหลับลูกต้องประคองคลำ ไม่ได้นึกลึกล้ำละเลิงใจ
เออนะเจ้าเราขอเสียคืนเดียว ช่วยกันเคี่ยวแข็งข้อเอาให้ได้
ถ้าเสร็จศึกแล้วจะนึกเอานางใด เว้นแต่หม่อมยอมให้ทุกนารี ฯ
๏ พ่อลูกไคลคลามาทั้งสอง ถึงห้องทองที่ประทมเจ้ากรุงศรี
เสกสะเดาะลิ่มลั่นออกทันที ตรงขึ้นที่อัฒจันทร์บนชั้นพัก
เข้าปรางค์ทองชมห้องปราสาทศรี เธอเทียบที่พระประทมไว้สมศักดิ
มีม่านทองสองไขใส่เชือกชัก ที่ฝาทำจำหลักเป็นลายลอย
เพดานเขียนลายทองเป็นถ่องแถว ระย้าแก้วแพรวพรายสายโซ่ห้อย
โคมปัดอัจกลับระยับย้อย แสงสว่างพร่างพร้อยดูพรายตา
หน้าพระแท่นล้วนแต่แสนสาวสุรางค์ อนงค์นางอยู่งานขนานหน้า
ดูรูปเรียบกะทัดรัดจำรัสตา โสภานิ่มนวลควรจะชม
ขนงเนตรเกศแก้มแจ่มจำรัส ถันก็ทัดกันทั้งคู่ดูงามสม
มีสุจหนี่ที่นอนหมอนพรม ล้วนแต่ห่มแพรสีมีขลิบริม
ทองวลัยใส่แขนแหวนสอดก้อย ผูกสายสร้อยสิบนิ้วเจ้านุ่มนิ่ม
ใส่ตุ้มหูเฟื่องห้อยพลอยทับทิม ดูหน้าตาจิ้มลิ้มดังลูกจันทน์
เหล่านางดีดสีที่ข้างแท่น ละม้ายแม้นเหมือนตุ๊กตาปั้น
งามระหงทรงศรีฉวีวรรณ ประดับกายคล้ายกันทุกนารี
คนระนาดนอนหลับทับคนฆ้อง นางคนร้องนอนทับกระจับปี่
คนโทนทับหลับใหลไม่สมประดี นางคนสีซอทับคนกรับนอน ฯ
๏ พ่อลูกชมพลางย่างย่อง ขึ้นพระแท่นในห้องข้างซ้ายก่อน
แหวกวิสูตรสุวรรณอันบวร เข้าในที่บรรจถรณ์ด้วยทันใด
เห็นสองนางต่างองค์บรรทมหลับ อัจกลับจับผิวดูผ่องใส
งามจริงพริ้งพร้อมละม่อมละไม เป็นนวลปลั่งดังใยสำลีชี
เพ่งพินิจพิศทรงพระองค์ใหญ่ แลวิไลเลิศลักษณ์เป็นศักดิศรี
ดูผิวพักตร์ก็ยังผ่องละอองดี แต่ตรงที่พระถันนั้นพร่องทรวง
เห็นอนงค์จะเป็นองค์ชนนี นางโฉมยงองค์นี้เป็นลูกหลวง
พึ่งเป็นสาวรุ่นร่างกระจ่างดวง ดูสองถันนั้นเป็นพวงผกาทิพย์
เหมือนโกมุทพึ่งผุดหลังชลา พอต้องตาเตือนใจจะให้หยิบ
เจ้าพลายแลเล็งเพ่งไม่พริบ พ่อกระซิบห้ามปรามก็ขามใจ
สนิทนิ่งเหนือหมอนดังท่อนแก้ว พระพักตร์แผ้วมิได้มีรอยฝีไฝ
งามขนงก่งค้อมละม่อมละไม แต่เนตรหลับยังวิไลประหลาดนาง
นาสิกตละทรงพระแสงขอ โอษฐ์ลออเรี่ยมริมเหมือนจิ้มฝาง
สองปรางอย่างผิวผลมะปราง ดูทรงศอคอคางอย่างกลึงกลม
งามระหงทรงศรีไม่พีผอม เพริศพร้อมแต่บาทจนถึงผม
กระหมวดมุ่นเกศาก็น่าชม ปักปิ่นทองถมราชาวดี
กุณฑลสองข้างพร่างแสงเพชร สังวาลประดับสลับเม็ดพลอยต่างสี
กำไลกรทองร่อนรูปนาคี ธำมรงค์เรือนมณีสีพร่างพราย
ผ้านุ่งถถุงยกกระหนกกรอง ห่มแพรริ้วทองจำรัสฉาย
มเหสีทรงยกกระหนกลาย ห่มแพรเหลืองลายมะลิทอง
พระเทพีมีบุตรจนเป็นสาว ยังดูลาวสักสิบหกไม่บกพร่อง
กะทัดรัดผิวเรี่ยมเอี่ยมละออง ควรประคองไว้ถนอมเป็นจอมนาง ฯ
๏ ชมพลางย่างมาพระแท่นใหญ่ ตรงเข้าไปรวบรูดวิสูตรกร่าง
แต่ล้วนเครื่องทองคำดูสำอาง พระแสงวางข้างที่มีหลายองค์
แลเห็นเจ้าเชียงอินท์ปิ่นไอศวรรย์ สถิตบรรจถรณ์ประเทืองเรืองระหง
ดูขาวนวลอ้วนกลมสมทรวดทรง ควรเป็นวงศ์อิศเรศเกศเชียงอินท์
คลุมประทมถมเถือกด้วยทองชุด เป็นเครือครุฑยุดนาคดูเฉิดฉิน
ภูษาทรงพื้นแดงแย่งทรงข้าวบิณฑ์ ดูงามสิ้นสมศักดิ์กษัตรา
พลายงามก็กรายเข้าซ้ายองค์ ขุนแผนแสนณรงค์เข้าเบื้องขวา
หยิบเอาพระแสงวางข้างที่มา จนสิ้นราชสาตราจะรอนราญ
แล้วสองนายเข้าประจำทั้งซ้ายขวา ดังพระยาสีหราชอาจหาญ
ขุนแผนเป่ามนตร์ประทับขับกุมาร ผีก็คลานเคลื่อนตนลงพ้นองค์
ขุนแผนกระทืบเตียงทองร้องตวาด ด้วยอำนาจพระยาครุฑสุดเสียงส่ง
ฝ่ายว่าท้าวเจ้าฟ้ามลาวงศ์ สะดุ้งองค์ตกประหม่าสง่าครุฑ
ลืมพระเนตรเห็นไทยอยู่ในที่ พระอินทรีย์เสียวสั่นพรั่นที่สุด
นึกมานะจะประจญรณยุทธ คว้าหาอาวุธไม่พบพาน
ดังใครเอาตรีเพชรมาเด็ดเศียร พระทัยเจียนจะแยกแตกฉาน
ชีวิตกูตกอยู่ในมือมาร ไม่ช้านานมันคงฆ่าชีวาวาย
จะออกปากวอนง้อขอชีวิต ก็ละอายแก่จิตไม่คิดหมาย
ลุกขึ้นนั่งนิ่งไม่ติงกาย มาดหมายว่าไม่มีชีวาคง ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เห็นเจ้าเชียงอินท์สิ้นคิดตะลึงหลง
หากมานะนั่งนิ่งไม่ติงองค์ ขุนแผนส่งสุรเสียงประเปรี้ยงมา
ฮ้าเฮ้ยพระยาปัจจามิตร ตัวเป็นคนพาลผิดริษยา
องค์พระจอมมงกุฎอยุธยา มิได้มาย่ำยีเมืองเชียงอินท์
เจ้าฟ้าสัตนาคนหุต ถวายบุตรกรุงไทยดังใจถวิล
ตัวกระทำจัญไรใจทมิฬ ออกชิงไว้ให้สิ้นเสียไมตรี
ทั้งพวกไทยที่มารับก็จับจำ เฆี่ยนขับยับระยำจนป่นปี้
แล้วมีสารไปท้าถึงธานี ให้กรูกรีรี้พลมาชนช้าง
ไม่เจียมตัวเป็นประจันตประเทศ ช่างโอหังบังเหตุเสียสิ้นอย่าง
จึงตรัสใช้เราทหารแต่ปานกลาง ให้มาล้างชีวันให้บรรลัย
อย่านั่งก้มหน้านิ่งไม่ติงกาย จะยอมตายฤๅจะคิดกลับจิตใหม่
แผ่นดินลาวนี้จะเห็นเป็นของใคร จะว่าไรว่ามาอย่านิ่งนาน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟัง อุระดังเพลิงไหม้ประลัยผลาญ
สุดฤทธิที่จะคิดประจัญบาน ด้วยทหารกรุงไทยอยู่ใกล้ตน
จะต่อตีก็ไม่มีอาวุธสู้ เป็นสุดรู้สุดฤทธิติดขัดสน
จะผุดลุกหนีไปก็ไม่พ้น ให้อั้นอ้นจนจิตคิดเสียใจ
กลัวตายคลายมานะละทิฐิ ดำริแล้วดำรัสตรัสปราศรัย
นี่แน่ะท่านสองทหารอันชาญชัย ข้อยก็ได้พลั้งจิตผิดเสียแล้ว
ถ้าท่านไว้ชีวิตคิดเมตตา จะเป็นข้าพระทูลกระหม่อมแก้ว
สร้อยทองข้อยบ่ได้ไปวี่แวว มิได้แผ้วพานพ้องประเพณี
จะอ่อนน้อมยอมถวายเจ้านายแล้ว ทั้งลูกแก้วเมียมิ่งมเหสี
ทั้งเวียงชัยไพร่ฟ้าข้าบุรี ถวายไว้ใต้ธุลีพระบาทา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงาม ได้ฟังความเจ้าเชียงอินท์สิ้นกังขา
เห็นเต็มหวั่นครั่นคร้ามความมรณา ก็รู้ว่ายอมตัวกลัวเป็นแท้
จึงตอบว่าวาจาของเจ้าตรัส ยังจะสัตย์สุจริตสนิทแน่
ฤๅเห็นเข้าที่คับจึงรับแพ้ แล้วจะเบือนเชือนแชดอกกระมัง ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังจึงตอบถ้อย อันคำข้อยเว้าแล้วบ่ถอยหลัง
ทุกสิ่งสิ้นสารพัดเป็นสัจจัง ชาติกษัตริย์ตรัสดังว่าช้างงา
ถ้าขืนคดหดเหี้ยนเหมือนเศียรเต่า ขอให้เราสิ้นชีวังสังขาร์
แล้วทนทุกข์ท่วมหัวชั่วกัลปา ในมหาโลกันต์แต่วันตาย
จะเชื่อคำข้าเฝ้าเหล่าลูกเมีย ยุให้เสียสุจริตอย่าคิดหมาย
จะถือสัตย์ให้ตลอดจนวอดวาย ขอให้ท่านสองนายจงวางใจ ฯ
๏ ขุนแผนฟังท้าวเจ้าเชียงอินท์ ให้ความสัตย์สมถวิลสิ้นสงสัย
ทั้งสองนายคลายขู่ลงทันใด เข้านั่งใกล้แล้วกล่าววาจาพลัน
ถ้าเที่ยงตรงคงสัตย์ปฏิญญาณ ซึ่งโทษท่านนั้นไว้ให้หม่อมฉัน
จะเบี่ยงบ่ายทูลองค์พระทรงธรรม์ มิให้ท่านอันตรายวายชีวิต
แล้วพ่อลูกก็ถวายพระแสงคืน จงชูชื่นเถิดอย่าช้ำระกำจิต
จะทูลลาพระองค์ผู้ทรงฤทธิ คืนไปที่สถิตกองทัพไทย ฯ
๏ เจ้าเชียงอินท์คำนับรับพระแสง พระพักตร์แดงมัวหมองค่อยผ่องใส
ถ้าแม้นท่านเมตตาเหมือนว่าไว้ ก็จะรอดบรรลัยด้วยสองนาย
ขอมอบชีวิตไว้ที่ในท่าน ช่วยโปรดปรานเพ็ดทูลขยับขยาย
ให้พระองค์ทรงโปรดโทษเคลื่อนคลาย จะเป็นตายก็เพราะท่านกรุณา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม กับลูกชายพลายงามงามสง่า
ได้ฟังเจ้าธานีมีเมตตา จึงตอบว่าอย่าแหนงแคลงพระทัย
ที่ทูลรับกับท่านนั้นทุกสิ่ง เป็นคำจริงหามีมุสาไม่
แม้นพระองค์คงสัตย์เหมือนตรัสไว้ คงมิให้ตัวท่านอันตราย
ทั้งสองคนพ่อลูกขอษมา แล้วลุกลาจรจรัลผันผาย
ลงจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองกาย กระซิบสั่งโหงพรายกุมารทอง
เอ็งจงอยู่ดูปรางค์อย่าห่างไกล ประจำเจ้าเชียงใหม่อยู่ในห้อง
สะกดตามทุกรอยคอยสอดมอง เธอจะตรองอย่างไรก็ให้รู้
ลูกเมียมาตะบอยอ้อยอิ่ง เธอตรงไว้ไม่ประวิงให้นิ่งอยู่
ถ้าเชื่อเมียเสียสัตย์เป็นศัตรู เอ็งรีบออกไปบอกกูอย่านอนใจ
สั่งพลางทางแก้สะกดคน ล่องหนออกทางช่องลูกดาลไข
ขุนแผนพลายงามตามกันไป ถึงกองทัพไทยมิได้ช้า ฯ
๏ เดินยิ้มเข้าในค่ายไปนั่งลง พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสา
ทั้งพวกไพร่ทั้งหลายเห็นนายมา ต่างวันทาไต่ถามความณรงค์
ขุนแผนเล่าแจ้งแถลงความ ที่ไปกับพลายงามตามประสงค์
ลอบสะกดเข้าได้จนใกล้องค์ แล้วปลุกขึ้นจะปลงชีวิตท้าว
เธอตกใจจวนตัวกลัวความตาย ยอมถวายสร้อยทองกับลูกสาว
ทั้งเสนาข้าแผ่นดินสิ้นเมืองลาว ทั้งไพร่เจ้าเมียมิ่งแลศฤงคาร
ตัวเธอก็ลงถ่อมยอมเป็นข้า ขอขึ้นอยุธยามหาสถาน
ขอแต่อย่าให้ตายวายปราณ ได้ให้สัตย์ปฏิญาณไว้แน่นอน ฯ
๏ พวกนายไพร่ได้ฟังขุนแผนว่า ทั้งไทยลาวราวจะพากันบินร่อน
เสร็จศึกเชียงอินท์สิ้นทุกข์ร้อน จะร้องละครไปบ้านสำราญใจ
ทั้งนายไพร่พูดจ้อหัวร่อร่า จนเวลาจวบจวนประจุสมัย
ขุนแผนกับพลายงามผู้ทรามวัย ก็เข้าในที่สถิตแล้วนิทรา ฯ
๏ ครั้นอุทัยไขประเทืองเรืองรุ่งราง ส่องสว่างทั่วทศทิศา
ฝ่ายพระจอมเชียงอินท์ปิ่นนครา เสด็จมาที่สถิตพระเทพี
ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์รัตน์ แล้วดำรัสบอกมิ่งมเหสี
พี่นอนหลับใหลในราตรี ไพรีเข้ามาได้จนใกล้กาย
ครั้นสะดุ้งจิตฟื้นตื่นผวา คว้าหาอาวุธก็สูญหาย
จะแล่นหนีปัจจามิตรก็คิดอาย จึงถวายกรุงลาวกับชาวไทย
ทั้งองค์นางสร้อยทองของสำคัญ พระสนมกำนัลทั้งน้อยใหญ่
ทั้งเจ้าข้อยสร้อยฟ้าข้าเวียงชัย ถวายไว้ใต้เบื้องบทมาลย์
พี่ยอมน้อมคำนับรับความผิด ขอแต่ชีวิตอย่าสังหาร
จะถวายสุวรรณบรรณาการ ได้ให้สัตย์ปฏิญาณทุกสิ่งไป
ก็ขอบใจไพรีที่เข้ามา เราสัญญาเขาก็กลับไปทัพใหญ่
ดวงจิตรเจ้าอย่าคิดเสียน้ำใจ เพราะมีกรรมทำไว้แต่ก่อนมา ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรมารศรี ได้สดับคดีที่ผัวว่า
ดังพระกาลจะผลาญให้มรณา ก็โศกาข้อนทรวงเข้าร่ำไร
เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียแก้ว ได้ทูลแล้วหาฟังคำเมียไม่
เพราะรู้แน่แท้เที่ยงจะเกิดภัย แต่แรกไทยยกมาถึงธานี
สะกดคุกลักคนปล้นช้างม้า เข่นฆ่าผู้คนเสียป่นปี้
เพียงคนสามสิบห้ามาเท่านี้ แม้นไม่ดีฤๅจะหาญมาราญรอน
เสนาห้านายไปรบมัน ก็แตกตายก่ายทับเป็นไม้ท่อน
ทั้งทัพผีก็หนีเข้าซอกซอน แต่ภูธรดื้อดึงตะบึงไป
แม้นพระองค์ทรงฤทธิคิดปรองดอง ส่งสร้อยทองคืนเสียไปเกลี่ยไกล่
กองทัพก็จะกลับไปกรุงไทย เชียงใหม่จะดำรงคงจำเริญ
แต่นี้ไปไหนจะพ้นความฉิบหาย ถึงไม่ตายก็จะตกระหกระเหิน
ฝูงประชาก็ซ้ำระยำเยิน ต้องเป็นทุกข์ฉุกเฉินทั้งไพร่นาย
เหมือนปางหลังครั้งเรื่องนางสีดา เกิดมาล้างลงกาให้ฉิบหาย
ทศพักตร์รักหลงให้วงศ์วาย ต้องฆ่าฟันกันตายลงก่ายกอง
นางมณโฑทูลทัดท้าวขัดเคือง จึงบรรลัยไพร่เมืองได้หม่นหมอง
เหมือนครั้งนี้พระองค์หลงสร้อยทอง จึงได้พาพวกพ้องต้องบรรลัย
นางสร้อยทองก็ทำนองนางสีดา เกิดมาล้างผลาญเมืองเชียงใหม่
ครั้นเมียห้ามก็ว่าหึงจึงจนใจ ร่ำพลางสะอื้นไห้ไม่สมประดี ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังนางอัปสร ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟจี้
จึงดำรัสตรัสตอบพระเทพี จะขืนเฝ้าเซ้าซี้ไปทำไม
ใช่พะวงหลงรักนางสร้อยทอง เพราะเคืองข้องเวียงจันทน์นั้นข้อใหญ่
ไม่เกรงขามข้ามหน้าไปหาไทย เราจึงชิงนางไว้ในพารา
ถ้าแม้นพี่สมัครรักจริง ไหนจะนิ่งเสียไม่ร่วมเสนหา
เป็นกึ่งปีพี่มิได้จะไปมา นิจจาเจ้าเฝ้าว่าให้ช้ำใจ
ก็รู้ว่าธานีจะมีทัพ รบรับหมายจะสู้ศัตรูได้
เหมือนเขาเล่นการพนันกันอึงไป จะใคร่ดีมีชัยจึงเล่นกัน
ไม่สมมาดคาดผิดก็แพ้เขา จะขืนเฝ้าเสียดแทงมาแกล้งกลั่น
ไหนไหนก็ได้พลั้งยั้งไม่ทัน จะโศกศัลย์เสียเปล่าไม่เข้าการ
ถ้าร้องร่ำน้ำตาเป็นโลหิต ความผิดก็ไม่คลายหายร้าวฉาน
จะถึงเข็ญมันก็เป็นไปตามกาล ถึงที่ตายวายปราณก็คงตาย ฯ
๏ ตรัสเสร็จเสด็จออกข้างฝ่ายหน้า พร้อมเหล่าท้าวพระยาสิ้นทั้งหลาย
จึงตรัสเล่าอนุสนธิ์ต้นปลาย ซึ่งถวายเมืองขึ้นกับกรุงไทย
สูไปบอกนายไพร่ให้มันรู้ ให้รื้อค่ายเปิดประตูเมืองเชียงใหม่
ปืนล้อลากกลับเข้าโรงใน แล้วเลิกไล่คนออกเสียนอกวัง
ท้องสนามปราบปรามให้ราบเรียบ ปลูกทำเนียบขึ้นให้ดียี่สิบหลัง
ทำหอกลางขวางรีมีฝาบัง ไม้ไผ่ตั้งเรียงรำทำรั้วราย
สนามเล่นต่างต่างวิ่งช้างม้า เป็นข้างหน้าข้างในให้เฉิดฉาย
เอาผ้าขาวดาดเพดานผูกม่านราย แล้วไปเชิญสองนายกับไพร่มา ฯ
๏ ครานั้นพระยาจันทรังสี ได้สดับรับคดีใส่เกศา
ถอยหลังลนลานคลานออกมา สั่งเสนาหลายนายแยกย้ายไป
บ้างเก็บงำปืนผาเลิกหน้าที่ เปิดประตูบุรีอยู่ขวักไขว่
ปล่อยประชาชาวนอกให้ออกไป ข้างในทำทำเนียบเทียบที่ทาง
ปลูกเรือนขวางรียี่สิบหลัง ระเนียดบังล้อมไว้ให้ใหญ่กว้าง
ทั้งปลูกโรงน้อยใหญ่ไว้ม้าช้าง ถากถางที่ปราบราบรื่นไป
แล้วบัญชาสั่งเสียพวกเพี้ยกวาน ให้ไปเชิญสองท่านเม่ทัพใหญ่
เข้ามาอยู่ที่เทียบทำเนียบใน ทั้งนายไพร่ไทยลาวชาวเวียงจันทน์ ฯ
๏ ท้าวหนูผู้เถ้าเหล่าเพี้ยกวาน จัดเอาคานหามมาขมีขมัน
ถึงกองทัพไทยเข้าไปพลัน อภิวันท์อัญเชิญทั้งสองนาย
ว่าพระจอมเชียงอินท์ปิ่นไอศวรรย์ ให้มาเชิญสองทั่นนั้นผันผาย
กับทหารลาวไทยทั้งไพร่นาย เข้าไปพักให้สบายในบุรี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิแรงราวกับราชสีห์
เห็นเพี้ยกวานคลานมาอัญชลี เชิญเข้าไปอยู่ที่ทำเนียบใน
ชวนเจ้าพลายท้ายน้ำกึงกำกง กับอาสาจัตุรงค์ทั้งนายไพร่
แล้วขุนแผนนำหน้าคลาไคล ขึ้นนั่งในคานหามมาสามนาย
กำกงขี้ม้ามาข้างหลัง สะพรั่งพร้อมโยธามาทั้งหลาย
ครั้นถึงที่ทำเนียบเขาเรียบราย ทั้งนายไพร่ก็เข้าพักสำนักใน
ออกสะพรั่งนั่งนอนสลอนหลาม อยู่กันตามตำแหน่งผู้น้อยใหญ่
วิเสทแต่งเครื่องเทียบเพียบไป เลี้ยงกองทัพไทยทุกเพลา ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ