ตอนที่ ๓๘ พระไวยถูกเสน่ห์

๏ จะกลับกล่าวถึงลาวนางสาวไหม พอพระไวยเดินออกนอกเคหา
กรุ้มกริ่มยิ้มละไมอยู่ไปมา กระซิบถามสร้อยฟ้าไปทันใด
วันนี้เห็นทีค่อยแช่มชื่น มาเมื่อคืนยังว่าฤๅหาไม่
ฤๅดีแล้วเหมือนแต่ก่อนร่อนชะไร ฉันนอนหวั่นพรั่นใจไม่หลับเลย ฯ
๏ สร้อยฟ้ายิ้มเมินสะเทิ้นอาย ที่ดุร้ายหายแล้วละเอ็งเอ๋ย
กูปรักปรำหลายคำไม่เถียงเลย มีแต่ปลอบชอบเชยให้ชื่นใจ
คุณท่านขรัวดับเข็ญเห็นทันตา จะหักอีศรีมาลาให้จงได้
จะพาโลเอาต่อหน้าพระหมื่นไวย ยุให้ผัวเฆี่ยนให้เจียนตาย
อีไหมหัวเราะว่าเหมาะจริง ทีนี้เจ้าจอมหญิงหยิ่งจะหาย
กำลังลมชักใบให้สบาย แต่หมายหมายมาก็สมได้ลมดี ฯ
๏ ครานั้นจึงพระไวยวรนาถ เสด็จขึ้นอภิวาทลุกจากที่
ให้คิดถึงสร้อยฟ้านารี ทุกนาทีรำพึงถึงแต่นาง
ให้ขุ่นเคียดเกลียดชังศรรีมาลา มันจะคิดริษยาอย่างไรบ้าง
กลับถึงเคหามาหอกลาง สองนางออกนั่งอยู่พร้อมกัน
ศรีมาลากำลังยกพานผ้า สร้อยฟ้าแกล้งเสียดเบียดถลัน
ทำเซซวนม้วนล้มลงฉับพลัน เออกระนั้นสิคะหม่อมเจ้าจอมดู
เอาแขนกั้นไว้ไม่ให้เข้า ถ่มน้ำลายรดเอาเปื้อนหัวหู
กระซิบด่าอ้าปากน้ำหมากพรู ถีบให้ผัวดูเล่นดูตามที
พระไวยเมินไปไม่ทันดู ได้ยินเสียงร้องอยู่ออกอึงมี่
เหลือบเห็นสร้อยฟ้านารี ล้มอยู่เคียงที่ศรีมาลานั้น
ให้พิโรธโกรธใจดังไฟวับ ยืนขยับระรัวตัวสั่น
ดูดู๋ทำได้ใจฉกรรจ์ ถีบยันเขาเล่นเช่นข้าไท
ช่วยมากี่ชั่งตั้งข่มเหง จะกลัวเกรงสักนิดก็หาไม่
ถ่มถุยทิ่มตำเอาตามใจ ยิ่งกว่าเจ้าได้เชลยมา
ศรีมาลาว่าฉันไม่ได้ทำ ฟ้าผ่าเถิดวิบากกรรมเป็นหนักหนา
เสแสร้งแกล้งพาลมารยา ทำล้มลงแล้วก็ว่าข้าถีบทำ
เอ๊ะเถียงอิกเล่าอีเจ้าเล่ห์ เมื่อถีบสร้อยฟ้าเซคะมำคว่ำ
ยังพาโลโกหกไม่ตกคำ อีมุสาระยำสบถลน
เห็นอยู่กับตาว่าไม่รับ สับปลับไม่น้อยนางสร้อยสน
จับเช่นได้สิ้นลิ้นกะลาวน แต่ต้นก็หมายว่ามึงดี
วันเมื่อวิวาทกับสร้อยฟ้า สารพัดจะว่าเป็นถ้วนถี่
ยุแยงแกล้งร้องจนต้องตี แต่เพียงนั้นยังไม่มีจะหนำใจ
วันนี้ยังมาพาโลอีก จะให้ฉีกแล่เนื้อไปถึงไหน
แม้นมิทำบ้างเลยจะเคยใจ ฉวยไม้ตีต้อนตลบมา
ขวับขวับยับแตกตลอดหลัง ศรีมาลาแอบบังข้างคุณย่า
ทองประศรีร้องอึงมึงอย่ามา ปากกล้าไม่กลัวจนผัวตี
แปรดแปร้นแสนถ่อยน้อยไปฤๅ น่ามัดมือโยงเฆี่ยนให้เป็นผี
ผัวว่ากลับเถียงเปรี้ยงเปรี้ยงดี ถีบทำย่ำยีออสร้อยฟ้า
แกผลักไสว่าออไวยเอาอิกเหวย ชุมพลว่าอย่าเลยคุณพี่ขา
ลุกถลันกั้นพี่ศรีมาลา พระไวยไล่หวดมาจนย่อยยับ
ตีถูกศรีมาลาก็หลายหน ถูกชุมพลน้องชายก็หลายขวับ
ศรีมาลาวิ่งร้องเข้าห้องลับ ทองประศรีเต้นหรับระงมไป
พลางอุ้มชุมพลมาด่าอึงบ้าน มาตีหลานหลานกูทำไมให้
เมียมึงหึงกันสนั่นไป ไยไม่ตีกันอ้ายจันเคอะ
อ้ายชาติชั่วกลัวเมียเสียน้ำหน้า อ้ายบ้าโสมมอ้ายจมเปรอะ
หลับหูหลับตาอ้ายบ้าเฟอะ งมเงอะเปล่าเปล่าอ้ายเมาเมีย
ฟักฟูมอุ้มหลานมาอาบน้ำ ช่างระยำหลังไหล่ดังไก่เขี่ย
อ้ายจองหองตีน้องประชดเมีย น้ำตาเรี่ยบ่นพร่ำแกร่ำไร
อุ้มหลานเข้าห้องยิ่งหมองช้ำ ดูชุมพลระยำทั้งหลังไหล่
แกปลอบเช็ดน้ำตาพลางทาไพล แล้วพาขึ้นเตียงใหญ่เข้านิทรา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพล ขึ้นบนเตียงนอนกับท่านย่า
พอพลบค่ำย่ำแสงสนธยา นิ่งนึกตรึกตราให้ตรอมใจ
โอ้ว่าพี่ไวยของน้องเอ๋ย ไม่เห็นเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
เข้ากับพี่สร้อยฟ้าพาเชือนไป เขาใส่ไคล้กล่าวเท็จทุกสิ่งอัน
ไม่ถามไถ่ไปเชื่อแต่คนผิด น้องนี้คิดสงสัยให้นึกพรั่น
เห็นจะถูกเสน่ห์เล่ห์กลมัน ดูหน้าฝ้านั้นออกมอมมัว
อนึ่งพี่ศรีมาลายาใจ พี่ไวยรักใคร่มิใช่ชั่ว
ยังถูกหวายออกลายไปทั้งตัว คุณย่าก็ยังยั่วให้ตีรัน
แต่เมียรักเขายังสักเอาด้วยหวาย เป็นน้องฤๅจะไม่ลายตลอดสัน
แล้วก็ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน เขาจะรักเรานั้นสักเพียงไร
ถ้าขืนอยู่คงเป็นหมูสำหรับแล่ จะไปหาพ่อแม่ให้จงได้
สองคนกับกุมารจะซานไป คงเดินไพรไปถึงกาญจน์บุรี
คิดพลางทางกลั้นซึ่งโศกไว้ ทำกอดจูบลูบไล้ทองประศรี
เนื้อคุณย่าอ่อนละมุนดังสำลี วันนี้หลานรักจักไสยา
ดูน่าชมสมบุญขึ้นล้ำเลิศ เล่านิยายไปเถิดคุณย่าขา
ทองประศรีหัวร่อพ่อนี่นา นอนเถิดย่าจะเล่าให้เจ้าฟัง
เอาเรื่องไชยเชฐเถิดฤๅเหวย เป็นกะไรมิรู้เลยลืมไปมั่ง
กูจำได้แต่เมื่อไปอยู่ป่ารัง เมียออกลูกข้างหลังกลายเป็นแมว
เอ๊ะผิดแล้วพ่อต่อจะมิใช่ กูหลงเล่อเพ้อไปแล้วหลานแก้ว
ไม่ได้ดูเขาเล่นงานมานานแล้ว จะเป็นแมวฤๅท่อนไม้ไม่รู้เลย
พลายชุมพลหัวร่อยอคุณย่า เพราะหนักหนาย่าเล่าแม่เจ้าเอ๋ย
ทองประศรีกอดจูบลูบชมเชย แล้วก็เลยหลับกรนอยู่บนเตียง ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยนอนระวังฟังสดับ เห็นย่าหลับเงียบเซียบสงัดเสียง
ค่อยเขยื้อนเลื่อนลุกขึ้นมองเมียง แสงตะเกียงแก้วกระจ่างสว่างตา
ให้โศกแสนเสียใจจะไปจาก น้ำตาพรากพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
ถอดปะหล่ำกำไลสร้อยเสมา ที่คุณย่าจัดแจงให้แต่งตัว
กำไลเท้าสองข้างง้างเสียสิ้น แล้วถอดปิ่นปักจุกออกจากหัว
พิศดูสิ่งของยิ่งหมองมัว แม้นติดตัวไปเดี๋ยวนี้จะมีภัย
เอาสิ่งของกองกับปลายตีนย่า ซบหน้าลงแล้วก็ร้องไห้
โอ้มีกรรมจำเป็นจะจากไป ด้วยเจ็บใจเหลือที่จะทนทาน
จะพึ่งบุญคุณย่าอยู่ที่นี่ พี่ไวยโบยตีข่มเหงหลาน
จึงจำจากดั้นเดินดงกันดาร ขึ้นไปกาญจน์บุรีบอกบิดา
๏ เจ้าประคุณทูนหัวของหลานแก้ว ตื่นขึ้นแล้วจะหลงร้องเรียกหา
ไม่เห็นหายก็จะฟายฟูมน้ำตา เจ้าก็กอดตีนย่าสะอื้นไป
จนแซ่เสียงไก่ขันกลั้นสะอื้น กลับจะรู้สึกตื่นไม่หนีได้
ลงจากเตียงเมียงมองมาห้องใน ประจงใส่เสื้อสีกางเกงแดง
กระหมวดจุกผูกผ้าประเจียดรัด คาดเข็มขัดผูกเครื่องดูเข้มแข็ง
ถือกฤชน้อยค่อยย่องไม่เหยียบแรง แอบแฝงย่องออกมานอกชาน
เข้าในเรือนพี่ศรีมาลา เห็นนิทราหลับใหลให้สงสาร
จะปลุกขึ้นอำลาจะช้าการ ค่อยแหวกม่านนั่งเคียงบนเตียงนอน
เจ้ากราบตีนศรีมาลาน้ำตาตก ระกำอกสะอึกสะอื้นอ้อน
โอ้มีกรรมจำใจจะจากจร ค่อยอยู่ก่อนเถิดหนาจะลาไป
สงสารพี่อยู่เดียวจะเปลี่ยวจิตร เขาจะพาลผิดตีด่าไม่ปราศรัย
จะซูบผอมตรอมตรมระกำใจ น้องจะไปลับพี่วันนี้แล้ว
โอ้รู้สึกจะสะอึกสะอื้นหา ด้วยได้เคยเห็นหน้าแต่น้องแก้ว
เขาโบยตีพี่น้องยังเป็นแนว น้องคิดแล้วแสนแค้นแน่นอุรา
ถึงอยู่ด้วยช่วยพี่ก็มิได้ จะรีบไปบอกพ่อลงมาหา
แล้วอัดอั้นกลั้นสะอื้นกลืนน้ำตา ลุกออกมาห้องกลางสว่างไฟ
เห็นขนมนมเนยในพานน้อย ชะรอยพี่ศรีมาลาหาไว้ให้
จะได้กินกลางทางในกลางไพร แล้วหยิบใสไถ้ออกมานอกเรือน
ฝ่ายผีที่ชื่อกุมารทอง เดินเรียงเคียงน้องไปเป็นเพื่อน
ฟ้ากระจ่างแจ่มแจ้งด้วยแสงเดือน ลงจากเรือนรีบรัดเดินลัดแลง
มาถึงหนทางที่กลางทุ่ง พอย่ำรุ่งพระอุทัยเธอไขแสง
ต้องละอองน้ำค้างที่กลางแปลง ค่อยมีแรงรีบเดินดำเนินไป
กุมารทองนำน้องเข้าในป่า ร่มพฤกษายางยูงสูงไสว
เจ้าพลายน้อยค่อยคลายสบายใจ ก็หมายไปยังบ้านกาญจน์บุรี ฯ
๏ ขอเงือดงดบทพลายชุมพลก่อน จะกล่าวกลอนถึงท่านย่าทองประศรี
หลับสนิทนิทราในราตรี พอไก่ตีปีกขันสนั่นดัง
แกฝันว่าเสือใหญ่ไล่กระโชก มันโดดโฮกเข้าตบขบเอาหลัง
สะดุ้งดิ้นโดนเตียงเสียงดังตัง ร้องโอยดังขึ้นทั้งหลับกลับฟื้นกาย
แกลืมตาขึ้นดูรู้ว่าฝัน ยังนึกกลัวตัวสั่นมิใคร่หาย
เหลียวซ้ายแลขวาหาหลานชาย ไม่เห็นพลายน้อยนึกอนาถใจ
ลุกขึ้นมาร้องเรียกพลายชุมพล นี่มันลุกซุกซนไปข้างไหน
แกบ่นพลางทางแลเห็นกำไล กับใบไม้ปิ่นซ่นสร้อยเสมา
เห็นข้าวของกองกับปลายตีนเตียง ตกใจพ่างเพียงจะสังขาร์
ชะรอยหลบหนีไปพ่อไม่ลา โอ้พ่อทูนหัวย่านี่อย่างไร
แล้วแกเที่ยวค้นคว้าหาไม่เห็น ฤๅตื่นนอนซ่อนเร้นอยู่ที่ไหน
แกลุกลงจากเตียงเสียงโผงไป ร้องเรียกข้าไทอยู่วุ่นวาย
เหวยอีมีอีเม้าอีเถ้าโต ทั้งอ้ายโพแม่มึงช่างนอนสาย
เอามาเฆี่ยนเสียมั่งให้หลังลาย อ้ายฉิบหายตายโหงโก้งโค้งนอน
พวกข้าไทได้ยินเสียงท่านย่า ตื่นตกใจคว้าหาผ้าผ่อน
ลุกขึ้นกึกกักชักลิ่มกลอน ยังมัวนอนเยี่ยมหน้าออกมาดู
ทองประศรีชี้หน้าด่าเสียงแซ่ ชกโคตรแม่มึงยังออกมายืนอยู่
พลายชุมพลหนีไปก็ไม่รู้ ไปเที่ยวหาหลานกูเร็วเร็วมา
ข้าคนอลหม่านทั้งบ้านช่อง บ้างก็ร้องตระโงนตะโกนหา
บ้างวิ่งไปไต่ถามตามวัดวา ไม่พบแล้วกลับมาบอกกับนาย
ทองประศรีตีอกสะอื้นไห้ แกเสียใจเป็นลมจนล้มหงาย
ข้าไทชายหญิงวิ่งวุ่นวาย เข้าแก้ไขให้คลายฟื้นกายมา ฯ
๏ ฝ่ายสร้อยฟ้าพระไวยนอนในห้อง เสียงคนร้องกรีดกราดหวาดผวา
คิดว่าไฟไหม้ชิดติดหลังคา ลุกขึ้นคว้าข้าวของร้องอึงไป
พัลวันกันออกนอกประตู แลดูหาเห็นไฟไหม้ไม่
เห็นคนบนนอกชานวิ่งพล่านไป ถามว่าใครเป็นไรวิ่งวุ่นวาย ฯ
๏ ทองประศรีชี้หน้าด่าพระไวย อ้ายอัปรีย์อีจัญไรนอนจนสาย
เพราะเมียมึงหึงหวงกันวุ่นวาย พลอยออพลายต้องตีจึงหนีไป
ยังจะแค่นมีหน้าออกมาถาม โคตรแม่มึงไปตามมาให้ได้
ไม่ได้หลานกูมาอย่านึกไป กูจะต่อยหัวให้ลงเป็นเบือ
แล้วบ่นด่าหลานสะใภ้พิไรร่ำ มันก่อกรรมเพราะอีลาวอีชาวเหนือ
ทั้งคารมแปร้นเปรี้ยงจนเสียงเครือ ล้วนหน้าเนื้อใจเสือไม่เชื่อเลย
แล้วครวญคร่ำร่ำไห้พิไรบ่น โอ้พ่อพลายชุมพลของย่าเอ๋ย
พ่ออยู่บ้านปานฉะนี้ได้ชมเชย กลางวันเคยวานไหว้ให้ปั้นวัว
เคยวิ่งเล่นเย็นเช้าเสียงแจ้วแจ้ว วันนี้เงียบเสียงแล้วพ่อทูนหัว
ย่าจะอยู่ไปไยให้หมองมัว แกทอดตัวกลิ้งเกลือกกลางนอกชาน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมพระหมื่นไวย เห็นย่าร้องไห้ก็สงสาร
จึงจับยามตามตำราพระอาจารย์ วันอังคารเศษเสาร์เข้ายามจันทร์
จะไปดีมาดีมิเป็นไร จะพานพบท่านผู้ใหญ่เกษมสันต์
จึงเข้าไปไหว้ย่าแล้วว่าพลัน พ่อพลายนั้นหลานเห็นไม่เป็นไร
พิเคราะห์ดูฤกษ์ยามตามตำรา ในฝอยว่าจะไปอยู่กับผู้ใหญ่
หล่อนรำลึกถึงแม่นั้นแน่ใจ เห็นจะไปยังบ้านกาญจน์บุรี
สิบห้าวันนั้นแลจะรู้ข่าว จะอื้อฉาวไปไยไม่พอที่
ใครจะทำอะไรได้นั้นไม่มี ไม่ช้าทีหน่อยหนึ่งก็กลับมา ฯ
๏ ทองประศรีนิ่งนั่งฟังพระไวย ค่อยคลายใจเห็นจริงแล้วจึงว่า
เอ็งสิรู้ดูยามตามตำรา แม้นเหมือนว่าจะค่อยหายวายทำวน
ถ้าสับปลับกับกูดูไม่แน่ โคตรแม่มึงจะลงเป็นห่าฝน
หลานกูยังเด็กเล็กกว่าคน ไปดั้นด้นเดินดงสันโดษเดียว
เสือสางกลางดงมันปี้บป๊าบ จะหวั่นวาบวังเวงไม่วายเสียว
ที่ทุ่งนาหญ้าดงออกรกเรี้ยว ทั้งงูเงี้ยวชุมชุกทุกประการ
แกบ่นพลางทางกลับเข้าห้องใน เห็นข้าวของก็ยิ่งให้อาลัยหลาน
เอาเชือกน้อยร้อยเบี้ยเข้าบนบาน ทุกโรงศาลผีสางสิ้นทั้งปวง
จงพิทักษ์รักษาหลานข้าเจ้า ทั้งเป็ดไก่เหล้าข้าวจะบวงสรวง
ศีรษะหมูคู่หนึ่งไม่ล่อลวง แล้วทำบ่วงห้อยเบี้ยไว้หัวนอน
เช้าเย็นเป็นทุกข์ถึงหลานน้อย ยิ่งเศร้าสร้อยส้วมสอดกอดแต่หมอน
พระสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน แกอาวรณ์ร้องไห้ไม่วายวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าพลายชายชุมพล ดั้นด้นเดินป่าพนาสัณฑ์
พอเข้าเขตบุรีศรีสุพรรณ กุมารนั้นก็กลายเป็นเด็กน้อย
ชวนพูดเล่นเป็นเพื่อนพลายชุมพล ทั้งสองคนเดินตามกันร่อยร่อย
พระสุริฉายบ่ายแสงลงอ่อนคล้อย เจ้าพลายสร้อยเศร้าโศกแสนคะนึง
โอ้สงสารท่านย่านิจจาเอ๋ย จะวายเวยร้องไห้อาลัยถึง
ที่ในบ้านปานนี้จะมี่อึง โกรธขึ้งถุ้งเถียงกันทั้งเรือน
โอ้เอ็นดูแต่พี่ศรีมาลา น้องจากมาแล้วจะได้ใครเป็นเพื่อน
ชาวบ้านปานฉะนี้จะเยี่ยมเยือน พี่เคยเตือนเกล้าจุกทุกเวลา
เคยอาบน้ำทาขมิ้นให้กินอยู่ ความเอ็นดูน้องรักเป็นหนักหนา
ถึงเป็นพี่สะใภ้ไม่ฉันทา เหมือนมารดาเลี้ยงน้องถนอมใจ
กรรมเอ๋ยกรรมจำพรากให้จากพี่ ขณะนี้เห็นจะนั่งน้ำตาไหล
จะแลลับนับวันจากกันไป เดินร้องไห้ครวญครางมากลางดง ฯ
๏ กุมารทองเห็นน้องโศกสะอื้น แกล้งชวนชื่นชมไม้ไพรระหง
ต้นตุมกากาฝากฝูงกาลง กาหลงกามองร้องกากา
โน่นไม้คางข้างเขาล้วนเหล่าค่าง บ้างเกาคางห่มคางบ้างถ่างขา
ตะลิงปลิงลิงวิ่งไล่ลิงมา ลิงถลาโลดไต่ไม้ลางลิง
หมู่ไม้ใหญ่ยางยูงสูงระดะ ดูเกะกะเถาวัลย์ขึ้นพันกิ่ง
บ้างกลมเกลียวเกี่ยวกันขันจริงจริง บ้างเป็นชิงช้าป่าน่าแกว่งไกว
กุมารทองชวนน้องขึ้นนั่งเล่น ลมพัดเย็นเย็นร่มไม้ใหญ่
กินขนมนมเนยเลยชื่นใจ แล้วรีบไปจากนั่นตะวันเย็น
เห็นไก่ป่าพากันสกัดวิ่ง เอาดินทิ้งไล่ทุบตะครุบเล่น
พอพลบค่ำน้ำค้างพร่างกระเซ็น เดือนเด่นดวงสว่างกระจ่างตา
ดาวกระจายรายรอบเรืองระยับ ดาษประดับในละแวกพระเวหา
กุมารทองนำน้องดำเนินมา แล้วพูดจาชวนชี้ให้ชมเดือน
ดูพระจันทร์นั่นแน่น้องเธอทรงกลด ดูเหมาะหมดไม่มีสิ่งใดเหมือน
พ่อโตใหญ่ไปข้างหน้าหาแม่เรือน ให้ดวงหน้าเหมือนอย่างเดือนแล้วดีจริง
เจ้าพลายว่าข้าจะเป็นสังฆราช ไม่อยากปรารถนาหาผู้หญิง
มีเมียงามแล้วผู้ชายมันหมายชิง ต้องยุ่งยิ่งหยุกหยิกไม่อยากมี
ต่างหัวร่อต่อกันทั้งสองข้าง ค่อยเสื่อมสร่างโศกเศร้าที่หมองศรี
ครั้นจะร่ำพรรณนาจะช้าที มาถึงบ้านกาญจน์บุรีพอรุ่งราง
กุมารทองนำน้องมาตามถนน เห็นผู้คนบ้านช่องทั้งสองข้าง
เห็นจวนท่านกาญจน์บุรีชี้บอกพลาง ที่เรือนใหญ่ไม้กระถางตั้งอ่างปลา
เรือนแม่แก้วกิริยาพ่อขุนแผน จำได้แม่นมั่นคงตรงไปหา
บอกแล้วหายไปมิได้ช้า พลายชุมพลเดินมาตามหนทาง
ตรงขึ้นเรือนใหญ่มิได้ยั้ง เห็นพ่อแม่ออกนั่งอยู่หอขวาง
วิ่งเข้ากราบไหว้ร้องไห้พลาง ช่างทิ้งขว้างลูกไว้ให้ได้อาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา กับนางแก้วกิริยาก็ใจหาย
พลางเข้าส้วมสอดกอดลูกชาย ดูพ่อพลายบุกป่ามาทำไม
คุณย่าขอพ่อไว้ในกรุงศรี เออนี่มิเคืองเข็ญเป็นไฉน
จึงแกล้วกล้าสามารถมาเดินไพร อย่าร้องไห้บอกพ่อจะขอฟัง ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพล เล่าความแต่ต้นมาจนหลัง
คุณย่าเลี้ยงลูกไว้ไม่ชิงชัง ท่านรักดังดวงตาไม่อาธรรม์
มาเป็นเหตุเพราะนางลาวเจ้าเสน่ห์ ทำโว้เว้ว้าวุ่นให้หุนหัน
พี่สร้อยฟ้าศรีมาลาทะเลาะกัน พี่ไวยนั้นไปเข้าข้างเมียน้อย
โบยตีศรีมาลาถึงสาหัส สารพัดหลังไหล่ก็ยับย่อย
ลูกขอโทษศรีมาลาเขาว่าพลอย หวดเอาหลังยังเป็นรอยอยู่นี่แน
ลูกสุดแสนแค้นใจในเท่านี้ จึงด้นหนีขึ้นมาหาพ่อแม่
เพราะพี่ไวยคุณย่าพากันแช ไม่มีใครที่จะแก้ให้คลายมนตร์
อันเกิดเหตุเภทภัยนั้นใหญ่อยู่ กุมารทองเขารู้ซึ่งเหตุผล
เอาไว้ช้าข้าเห็นไม่เป็นคน มันเป็นต้นเพราะอีลาวทั้งบ่าวนาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม ได้ฟังความแค้นใจมิใคร่หาย
ทุดอ้ายหมื่นไวยมิใช่ชาย ช่างงมงายโง่เง่าเหมือนเต่านา
ความรู้กูก็ให้ไว้ทุกสิ่ง ยังแพ้รู้ผู้หญิงให้ขายหน้า
แล้วยังซ้ำโบยตีศรีมาลา พระพิจิตรบิดาจะน้อยใจ
เมื่อกูจะมาจากได้ฝากฝัง น้อยฤๅยังมาเป็นเช่นนี้ได้
อีสร้อยฟ้าเจ้ากรรมทำอย่างไร กุมารทองไปไหนไม่บอกกู ฯ
๏ ผีกุมารทองได้ฟังขุนแผนถาม เข้ากระซิบบอกความที่ริมหู
สร้อยฟ้าให้อีไหมไปหาครู เป็นเถรอยู่ที่วัดพระยาแมน
ชื่อเถรขวาดอาคมของเขาขลัง มันปั้นรูปรอยฝังทำเหลือแสน
จึงเกิดเข็ญเป็นเรื่องให้เคืองแค้น ขอเชิญพ่อขุนแผนรีบลงไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน ให้สงสารศรีมาลาน้ำตาไหล
ออไวยไม่พอที่นี่อย่างไร ประมาทใจให้มันทำจนเมามัว
จำจะลงไปหาว่ากล่าวเสีย แก้กระทำยำเยียให้ยังชั่ว
จะจับอ้ายคนร้ายให้ได้ตัว ทูลให้ไปตัดหัวตะแลงแกง
แต่ตรองตรึกนึกสะท้อนถอนจิตร พระอาทิตย์ส่องฉายขึ้นสายแสง
แต่บรรดาข้าไทก็จัดแจง ต้มแกงแต่งสำรับแล้วยกมา
ขุนแผนชวนเมียกับลูกแก้ว กินข้าวปลาเสร็จแล้วก็หรรษา
ลุกลงไปนั่งยังศาลา กรมการพร้อมหน้าปรึกษาความ
อ้ายพวกขโมยควายผู้ร้ายซัด ไม่ได้สัตย์ผูกเข้าแล้วเฆี่ยนถาม
ที่หลบลี้หนีหายให้ติดตาม ปรึกษาความสารพัดเป็นสัตย์ธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เห็นหน้าตาพลายน้อยนั้นโศกศัลย์
ทั้งจุกไรก็มิได้ทาน้ำมัน นางรับขวัญลูกแก้วแล้วเชยชม
ให้อาบน้ำทาขมิ้นกินข้าวของ พาเข้าไปในห้องแล้วเกล้าผม
เจ้ามาแม่สบายคลายอารมณ์ จะได้ชมลูกชายสบายใจ
เมื่อแรกย่าว่าขอเจ้าไปเลี้ยง แม่เกี่ยงอยู่หาใคร่จะให้ไม่
แต่พ่อเจ้าเขาให้ก็จนใจ ต้องจำใจจึงพรากจากเจ้ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าชุมพล เห็นได้ช่องชอบกลแล้วจึงว่า
อันพี่น้องพวกพ้องของบิดา อยู่กรุงศรีอยุธยายังเต็มไป
อันญาติพวกพ้องของคุณแม่ ไม่มีแต่สักคนนี่เป็นไฉน
ฤๅอยู่ต่างถิ่นฐานบ้านเมืองไกล ฤๅว่าไม่มีแล้วแต่สักคน ฯ
๏ โอ้ลูกเอ๋ยยังอุตส่าห์มาไต่ถาม เพราะไม่แจ้งเนื้อความตามเหตุผล
แม่นี้ลำบากด้วยยากจน จะเล่าเรื่องเบื้องต้นให้เจ้าฟัง
คุณตาเป็นพระยาสุโขทัย ต้องเร่งเงินพินัยห้าสิบชั่ง
เขาจำไว้ในทิมที่ริมคลัง ได้ส่งไปแล้วยังสิบห้าตำลึง
เอามารดามาขายขุนช้างไว้ ต้องลำบากยากไร้อยู่ปีครึ่ง
เขาช่วงใช้ตรากตรำทำสะดึง พ่อเจ้าจึงช่วยไถ่ได้แม่มา
อันพี่น้องของแม่เป็นไหนไหน แต่อยู่เมืองสุโขทัยไกลหนักหนา
แม่รำลึกนึกอยู่ทุกเวลา ถึงคุณยายคุณตาของพ่อพลาย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพล ฟังแม่เล่าความต้นก็ใจหาย
นิจจาเอ๋ยตกยากมามากมาย ต้องแยกย้ายจากญาติอนาถนัก
ค่ำวันนี้จะหนีขึ้นไปหา ให้คุณยายคุณตาท่านรู้จัก
แล้วแกล้งทำพูดจาให้น่ารัก ขึ้นนั่งตักพร่ำพลอดฉอดฉอเลาะ
ทำชะอ้อนวอนว่าลูกเปรี้ยวปาก ช่วยเคี้ยวหมากให้สักคำทำปะเหลาะ
ฉันจะขับเสภาว่าให้เพราะ ต่างหัวเราะชอบใจกันไปมา
ครั้นพระสุริยงลงลับไม้ พระจันทร์ไขแสงสว่างกลางเวหา
นอนบนเตียงเคียงกันกับมารดา ทำหลับตานิ่งไปไม่กะพริบ
จนดึกดื่นเดือนเที่ยงเสียงไก่ขัน คนทั้งนั้นหลับเงียบไม่เกรียบกริบ
เรียกกุมารมาพูดกันซุบซิบ ขยับหยิบกฤชน้อยมาเหน็บไว้
แล้วกราบเท้ามารดาน้ำตาพราก ลูกจะจากแม่แล้วยังหลับใหล
จะบอกแม่กลัวแต่จะขืนใจ จึงจำเป็นหนีไปไม่ทันลา
โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้ว ตื่นแล้วจะโศกเศร้าเฝ้าโหยหา
ลูกไม่ไปไหนจะพบคุณยายตา ก็หักใจไคลคลามาจากเตียง
ชวนกุมารร่วมใจมาไปเถิด ค่อยเปิดประตูย่างออกทางเฉลียง
ลงมากลางบ้านกุมารเคียง ค่อยหลีกเลี่ยงลอดออกมานอกรั้ว
เดินลัดตัดทางถึงกลางทุ่ง พอย่ำรุ่งเช้ามืดขมุกขมัว
อันสิงห์เสือเนื้อถึกไม่นึกกลัว เย้ายั่วหยอกกับกุมารไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าท่านผู้หญิงแก้วกิริยา ครั้นเวลารุ่งแจ้งขึ้นแสงใส
เสียงนกร้องพร้องเรียกสนั่นไพร วิเวกใจแว่วหวาดในวิญญาณ์
กอดแต่หมอนอ่อนอุ่นอกประทับ กำลังหลับคิดว่าลูกเสนหา
พอตื่นขึ้นแลเหลียวเปลี่ยวอุรา ไม่เห็นหน้าพลายน้อยอนาถใจ
หายทั้งเสื้อผ้าสาตรากฤช เอ๊ะผิดแล้วพ่อพลายหายไปไหน
นางลุกเดินออกมาถามข้าไท ใครใครก็ไม่รู้ทุกผู้คน
กลับเข้าห้องในใจคอหาย ไปปลุกท่านผู้ชายแจ้งเหตุผล
คืนนี้ลูกชายพลายชุมพล นอนอยู่บนเตียงแล้วก็หายไป ฯ
๏ ขุนแผนฟังเมียให้หวาดจิตร เอ๊ะนี่ผิดแล้วหล่อนจะไปไหน
จึงจับยามตามเคยสังเกตใจ คืนนี้ไปยามจันทร์วันอังคาร
ในตำราว่าอัมฤคโชค ไม่มีโศกจะเป็นสุขสนุกสนาน
จะพานพบท่านผู้ใหญ่ในวงศ์วาน ไม่ช้านานก็จะมาเห็นหน้ากัน
พิเคราะห์พลางทางบอกกับเมียแก้ว พี่จับยามดูแล้วอย่าโศกศัลย์
กุมารทองให้ไว้ไปด้วยกัน สารพันเภทภัยไม่แผ้วพาน
บุราณว่าชาติเชื้อเนื้อแถว คงเป็นแนวน้ำเนื้อเชื้อทหาร
เติบใหญ่เห็นจะได้ราชการ อย่าเป็นภารธุระทุกข์ถึงลูกเรา
พี่คะเนในใจเห็นไม่ช้า ก็จะพาลูกสะใภ้มาให้เจ้า
พลางหัวเราะเยาะหยอกยั่วเย้า ให้นางแก้วสร่างเศร้าถึงลูกยา ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าพลายชายชุมพล สองคนกับกุมารมาในป่า
แสนระลึกนึกถึงบ้านกับมารดา เดินน้ำตาคลอคลอให้ท้อใจ
ในทางมาป่าไม้ล้วนไพรชัฏ กิ่งก้านแกว่งกวัดกระหวัดไหว
เจ้าเดินพลางวังเวงวิเวกใจ ขืนอารมณ์ชมไม้มาตามทาง
ชะลูดเลี้ยวเกี้ยวกอดกิ่งอุโลก ซึกซากโศกสนสร้อยแคฝอยฝาง
ต้นยูงสูงใหญ่ไทรมะทราง ต้นยางโยนเยนอยู่ยวบโย้
นกหกบินสล้างในกลางเถื่อน บ้างพาเพื่อนเที่ยวคะนองบ้างร้องโต้
นกแก้วป้อนลูกบนต้นชงโค แล้วบินโผพูดจ้ออยู่จอแจ
ดูแม่นกแล้วคะนึงถึงคุณย่า เคยพูดเล่นเจรจาประจ๋อประแจ๋
ฝูงนกเอี้ยงเรียงจับต้นแกแล เหมือนหม่อมแม่เคียงเราเฝ้าชมเชย
เห็นนกเปล้าจับเจ่าเปล่าเปลี่ยวอก โอ้โอ๋นกเหมือนข้านิจจาเอ๋ย
ต้องเดินเดียวเปลี่ยวใจไม่เสบย ทุกสิ่งเคยผาสุกมาทุกข์ตรอม
กุมารทองเข้าประคองปลอบน้องรัก อย่าโศกนักเลยพ่อพลายจะผ่ายผอม
โน่นลูกจันทน์ดกจริงจนกิ่งค้อม ชวนน้องน้อมเด็ดดมชมมาพลาง
ครั้นจะร่ำไปนักก็ชักช้า ด้วยผีพารีบรัดไม่ขัดขวาง
ครั้นสายัณห์หยุดหย่อนลงนอนค้าง ในกลางทางเภทภัยไม่แผ้วพาน
สามวันครั้นถึงเมืองสุโขทัย เสียงชาวเหนือเกื๋อไก๋ไปทุกบ้าน
แลเห็นจวนเจ้าพระยาฝากระดาน ผีกุมารบอกพลายชุมพลพลัน
เรือนที่แขวนกรงนกหกเจ็ดหลัง ลับแลตั้งปิดประตูดูขึงขัน
เรือนคุณตาคุณยายพ่อพลายนั้น ไปหากันเถิดสิพ่ออย่ารอรั้ง
บอกแล้วหายไปมิให้เห็น กลับเป็นแต่เงาเข้าตามหลัง
เจ้าพลายขึ้นนอกชานกุมารบัง คนที่นั่งแลไปไม่เห็นกาย
เห็นยายตานั่งอยู่บนหอขวาง ขยับร่างรีรอใจคอหาย
ผีที่มาเป็นเพื่อนเตือนเจ้าพลาย คลานเข้าไปไหว้คุณยายกับคุณตา ฯ
๏ ครานั้นท่านผู้รั้งสุโขทัย คิดว่าลูกความใครลอบมาหา
จะดูให้แน่ใจใส่แว่นตา มองเขม้นเห็นหน้าพลายชุมพล
ไม่เห็นของกำนัลทำหันหุน ฉวยไม้หมุนเข้าไปหวดเอาสองหน
ทุดอ้ายลูกหัวจุกนี้ซุกซน ขึ้นมาจนบนเรือนกูทำไม
ท่านผู้หญิงวิ่งไปยึดไม้ห้าม ตาถามดูให้แน่มาแต่ไหน
ผิดกับเด็กเมืองเราชาวสุโขทัย มันชื่อเรียงเสียงไรไล่เลียงดู
ท่านตาเถ้าคุกคามถามเสียงอึง พ่อแม่มึงชื่อไรเฮ้ยอ้ายหนู
บ้านช่องอยู่ไหนจะใคร่รู้ ไม่บอกกูกูจะให้เขาใส่คา ฯ
๏ เจ้าพลายกลัวตัวงอร้องขอโทษ เจ้าคุณโปรดเถิดจะเล่าไม่มุสา
หม่อมแม่ฉันทั่นชื่อแก้วกิริยา ที่ยายตาไปขายขุนช้างไว้
เดี๋ยวนี้พ่อขุนแผนแสนณรงค์ ให้เงินส่งพ้นข้าเขามาได้
จึงเกิดหลานอยู่ที่บ้านวัดตะไกร หม่อมแม่ให้ฉันชื่อพลายชุมพล
ด้วยบิดาได้กินเมืองกาญจน์บุรี หลานจึงถามความนี้แจ้งเหตุผล
ว่าคุณตาเป็นพระยาอยู่เมืองบน หลานจึงด้นเดินดงสันโดษมา
ไม่รู้จักมักจี่อยู่ที่ไหน เห็นเรือนชานโตใหญ่เข้ามาหา
แม้นเจ้าคุณมิใช่เป็นยายตา อย่าโกรธาหลานเลยขอโทษตัว ฯ
๏ ท่านพระยาสุโขทัยยายเพ็ญจันทร์ รับขวัญว่าอ่อพ่อทูนหัว
นี่แหละเรือนยายตาพ่ออย่ากลัว อนิจจาตานี้ชั่วจริงจริงแล้ว
ไม่ซักไซ้ไต่ถามให้ถ้วนถี่ มาทำโพยโบยตีเอาหลานแก้ว
น้อยฤๅหลังยังเห็นอยู่เป็นแนว รับขวัญแล้วอุ้มพามาในเรือน
ร้องเรียกหาข้าไททั้งชายหญิง อีมิ่งอีมีแล้วอ้ายเหมือน
ไปข้างไหนไม่เห็นหน้าพากันเชือน พวกผู้คนกล่นเกลื่อนมาพร้อมกัน
จึงใช้ให้ข้าไทเย็บบายศรี ลูกหลานมาถึงนี่จะทำขวัญ
บรรดากรมการในบ้านนั้น มาพร้อมกันถามข่าวทุกคนไป ฯ
๏ ครั้นพระสุริยนสนธยา พอโพล้เพล้เพลาจะเข้าไต้
ท่านผู้เถ้าเจ้าเมืองสุโขทัย กับญาติวงศ์น้อยใหญ่อยู่พร้อมเพรียง
ทำขวัญหลานชายพลายชุมพล พวกผู้คนโห่ลั่นสนั่นเสียง
ท่านยายสุกยายสายกับยายเชียง เข้านั่งเคียงเรียกขวัญรำพันไป
ขวัญเอ๋ยขวัญพ่อพลายชายชุมพล ที่อยู่ต้นไม้ยูงสูงไม้ใหญ่
จะอ้างว้างวังเวงวิเวกใจ ขวัญอย่าไปอยู่เขาลำเนาเนิน
แต่ล้วนผีโป่งป่าคาแขมรก ทั้งนกหกหงส์ห่านทะยานเหิน
ขวัญมาอยู่เรือนเถิดให้เพลิดเพลิน ขออัญเชิญขวัญพ่อชมเงินทอง
อายุยืนหมื่นปีหนาพ่อหนา จงอยู่ด้วยยายตาอย่าเศร้าหมอง
เป็นสังฆราชบาตรแก้วจีวรกรอง ถือไม้เท้ายอดทองเที่ยวเทศน์ธรรม์
แล้วพี่น้องพ้องญาติสิ้นทั้งหลาย เอาเงินตราผ้าลายมาทำขวัญ
ค่อยอยู่เย็นเป็นสุขทุกคืนวัน ตายายนั้นรักใคร่กะไรเลย
ค่อยซักไซ้ไต่ถามถึงความหลัง รู้หนังสือฤๅยังพ่อพลายเอ๋ย
เจ้าพลายว่าย่าสอนพอถึงเกย เพียงละเลยเสียก็เฟือนออกเปื้อนไป
ท่านยายว่าตาช่วยไปฝากวัด จะให้หัดอ่านเขียนเรียนไปใหม่
แล้วสอบถามหลานรักเฝ้าซักไซ้ เจ้าอยู่วัดยังจะได้ฤๅพ่อคุณ
เจ้าพลายว่ากระนั้นขยันยิ่ง เป็นความจริงฉันคิดอยู่ครุ่นครุ่น
ฉันจะใคร่ไปบวชเอาส่วนบุญ มาเทศนาให้เจ้าคุณฟังทุกวัน
ท่านยายตาว่าจงเป็นสังฆราช ได้โปรดญาติให้ไปสวรรค์
ตาจะให้อ้ายพุกลูกอ้ายจัน ไปอยู่วัดด้วยกันกับพ่อพลาย
ให้หาธูปเทียนข้าวตอกดอกไม้ กับหมากพลูจะได้ไปถวาย
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งหลานชาย ให้นุ่งลายห่มแพรม่วงดวงพุดตาน
ยายเพ็ญจันทร์นั้นนุ่งตารางไหม ห่มปักตะนาวใหม่สมภูมิฐาน
เจ้าขรัวตานุ่งผ้าปูมประทาน แล้วหยิบส่านมาห่มสมตัวครัน
ชวนหลานชายพลายน้อยออกเดินทาง ต่างกางร่มปีกค้างคาวกั้น
บ่าวถือพานทองรองตะบัน ตามกันออกไปวัดกระพังทอง
ถึงกุฎีที่ท่านสังฆราชา ถามเจ้าเณรบอกว่าอยู่ในห้อง
ท่านยายตาพาหลานถือพานทอง ค่อยย่างย่องเข้าไปไหว้กราบลง ฯ
๏ ครานั้นท่านสังฆราชา แลมามั่นจิตรว่าศิษย์สงฆ์
จึงร้องถามไปด้วยใจจง ชีต้นคงฤๅเป็นไรไม่เข้ามา
ท่านผู้รั้งฟังถามหัวเราะคัก ไม่รู้จักผมฤๅเจ้าคุณขา
ท่านสมภารตกใจใส่แว่นตา อ่อโยมพระยาดอกฤๅคิดว่าใคร
ข้างหลังนั่นทั่นผู้หญิงแล้วสินะ กินหมากคะโยมขยดมาให้ใกล้
อาตมาขาแข้งมันขัดไป จึงมิได้บิณฑบาตยาจนา
ท่านทั้งสองผ่องแผ้วไม่เจ็บป่วย ดูกระชุ่มกระชวยอยู่หนักหนา
รูปพิศดูโฉมโยมพระยา เหมือนจะหาได้อิกสักสองคน ฯ
๏ ท่านสุโขทัยได้ฟังนั่งหัวร่อ จะหาอิกนั้นก็พอไม่ขัดสน
แต่ท่านยายหึงไม่หยุดเป็นสุดทน ทั้งสามคนหัวร่ององอไป
แล้วผินหน้ามาเรียกให้เจ้าพลาย เอาธูปเทียนไปถวายแล้วกราบไหว้
ฉันจะเอาหลานยามาฝากไว้ จงโปรดให้เรียนธรรมให้ชำนาญ
เออนี่ลูกใครที่ไหนเล่า จึงโยมเจ้าพระยาว่าเป็นหลาน
ท่านสุโขทัยไหว้กราบแล้วแจ้งการ ขอประทานลูกแก้วกิริยา
เมื่อโยมต้องเร่งเงินพินัยนั้น ไปยากอยู่เมืองสุพรรณเป็นหนักหนา
ขุนแผนเพื่อนรักใคร่ให้เงินตรา พากันมาอยู่บ้านวัดตะไกร
จึงเกิดพลายชุมพลคนนี้ เมื่ออาสาไปตีเมืองเชียงใหม่
เดี๋ยวนี้เจ้าขุนแผนผู้แว่นไว โปรดให้ไปกินเมืองกาญจน์บุรี ฯ
๏ ท่านสมภารว่าอ่อออทองแก้ว มันมีลูกผัวแล้วเจียวฤๅนี่
เมื่อกระนั้นท่านพามากุฎี ใส่ตุ้มปี่ลงไม่รอดมันทอดทิ้ง
เมื่อรูปไปบ้านท่านคราวแล้ว เห็นออแก้วมันยังผูกกระจับปิ้ง
ดูคืนวันมันกระชั้นเข้าจริงจริง ช่างโตเร็วเจียวยิ่งทั้งหญิงชาย
นี่ฤๅโฉมพระยากับข้าเจ้า มันจะมิแก่เถ้าน่าใจหาย
แล้วลูบหลังลูบหน้าว่าออพลาย ลูกผู้ชายหน้าตาน่าเอ็นดู
เอ็งอุตส่าห์ร่ำเรียนทั้งเขียนอ่าน เป็นทหารเหมือนพ่อเถิดออหนู
จะให้นอนห้องในใกล้กับกู จะได้ดูมันด้วยช่วยระวัง ฯ
๏ ท่านพระยาสุโขทัยยายเพ็ญจันทร์ ต่างรำพันพูดจาแล้วฝากฝัง
จนจวนสวดมนต์ค่ำย่ำระฆัง ก็อำลามายังที่บ้านเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนารีศรีมาลา นางโศกาตรอมใจใครจะเหมือน
แต่พลายน้อยจากไปไม่ถึงเดือน เจ้าอยู่เรือนอกร้อนเหมือนนอนไฟ
เพราะพระไวยไปอยู่กับเมียน้อย ย่าก็พลอยด่าว่าไม่ปราศรัย
จนซูบผอมตรอมตรมระทมใจ ร้องไห้ถึงเจ้าพลายชายชุมพล
โอ้น้องเอ๋ยเคยอยู่เป็นเพื่อนพี่ จะร้ายดีพ่อก็แจ้งซึ่งเหตุผล
เห็นเขาตีพี่แล้วเป็นทำวน ช่วยฝนไพลให้ทาน้ำตาคลอ
ความรักพี่นี้แสนสุดสวาดิ จึงสามารถบุกป่าไปหาพ่อ
จะแจ้งความตามที่เขาด่าทอ พี่ห้ามเจ้าเจ้าไม่รออารมณ์เลย
น่าสงสารปานฉะนี้เจ้าพลายน้อย จะเศร้าสร้อยมัวหมองแล้วน้องเอ๋ย
ไปเดินทางกลางป่าเจ้าไม่เคย น้ำค้างเปรยตกต้องจะหมองมอม
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าสาง ที่สำอางกลิ่นอายจะหายหอม
จะเปลี่ยวอกไปตระกรกตระกรำตรอม ถึงบ้านพ่อก็จะผอมลงผิดตา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกแก้ว รู้แล้วน่าจะรีบลงมาหา
นี่คอยหายหลายวันไม่เห็นมา ฤๅพ่อลืมศรีมาลาแล้วกระมัง
อยู่เดียวเหลียวหาใครไม่แลเห็น เขาเคี่ยวเข็ญตีโบยระบมหลัง
ทั้งเรือนนี้มีแต่เขาชิงชัง ทุกวันยังแต่ชีวิตจะวางวาย
ทั้งแม่พ่อเล่าก็อยู่ถึงพิจิตร โอ้คิดคิดขึ้นมาน่าใจหาย
สะอื้นอ้อนอ่อนทอดระทวยกาย ไม่เว้นวายวันทุกข์ทรมาน ฯ
๏ จำจะให้ไปบอกถึงแม่พ่อ ลงมาต่อว่ากันให้แตกฉาน
แม้นหม่อมไวยไม่รักทำหักราน จะก้มหน้าไปบ้านบวชเป็นชี
นางจึงเรียกข้าเก่าชาวพิจิตร อ้ายทิดเอ๋ยอยู่ไหนเข้ามานี่
อ้ายทิดขานเจ้าขามาทันที หม่อมแม่ศรีมาลาเรียกฉันทำไม
ศรีมาลาว่ากระถดมาให้ชิด กระซิบบอกอ้ายทิดแล้วร้องไห้
เอ็งเอ็นดูข้าด้วยช่วยขึ้นไป บอกพ่อแม่แก้ไขตามปัญญา
ว่าข้านี้เจ็บไข้ใจจะขาด ที่วิวาทตีรันนั้นอย่าว่า
ช่วยลวงล่อพ่อแม่ให้ลงมา เนื้อความใหญ่ไว้ข้าจะบอกเอง ฯ
๏ อ้ายทิดสงสารนายร้องไห้ด้วย หม่อมแม่เหมือนเขาช่วยมาข่มเหง
ทั้งตีด่าสารพัดไม่ยำเกรง ดีฉันเองกับเมียพลอยเสียใจ
ลูกจะรอดขึ้นไปมิให้วุ่น บอกเจ้าคุณสองรามาให้ได้
แล้วเดินมาข้างนอกไม่บอกใคร จับถุงย่ามใหญ่ใส่ข้าวปลา
ทั้งหมากพลูบุหรี่มีทุกอย่าง ลายฉลางคาดพุงหม้อตุ้งก่า
ครั้นเสร็จสรรพแล้วจับหอกละว้า เอาย่ามใหญ่ใส่บ่ารีบคลาไคล
ขัดเขมรจังกาตามุ่งหมาย หนทางขโมยควายมันจำได้
ออกทุ่งโพธิ์สามต้นด้นป่าไป ค่ำนอนบนต้นไม้ไหว้คุณครู
ครั้นเช้ากลับลงมาหาห้วยหนอง เอาฟืนกองก่อไฟตั้งหม้อหนู
แต่พอปลงหม้อข้าวเผาปลาทู กินอยู่แล้วก็ไปไม่รั้งรอ
ครั้นแดดร้อนผ่อนพักชักตุ้งก่า เมากัญชางกเงิ่นเดินหัวร่อ
เสียงแกรกกรากก็กลัวจนตัวงอ ใบไม้สวบควบห้อตะบึงไป
เดินสามวันครึ่งถึงพิจิตร เพื่อนทักว่าอ้ายทิดจะไปไหน
มันแกล้งทำไขหูไม่ดูใคร ตรงขึ้นเรือนใหญ่ไม่รอรั้ง
พระพิจิตรนั่งชิดกับบุษบา เห็นพูดจากันจ้อที่หอนั่ง
เข้าไปทั้งย่ามถุงพะรุงพะรัง กราบแล้วนั่งก้มหน้าทำตาปรอย ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตร เห็นอ้ายทิดขึ้นมาทำหน้าจ๋อย
แกด่าว่าน่าเฆี่ยนสักแปดร้อย ดูโคลนคล่อยช่างพาขึ้นมาเลอะ
นี่อะไรในถุงอ้าวตุ้งก่า อ้ายทิดสูบกัญชาจนตาเปรอะ
มันช่างเมายังค่ำทำหยำเยอะ นี่เที่ยวเซอะมาทำไมไอ้ขี้คุก
ทำไมมึงจึงไม่อยู่กับมุลนาย มึงมาเที่ยวขโมยควายหมายสนุก
เขาจับได้ฤๅหวานำหน้าทุกข์ ให้เขาเอาเข้าคุกสาแก่ใจ ฯ
๏ อ้ายทิดนิ่งนั่งฟังนายด่า ทำเกาหัวขยี้ตาแล้วร้องไห้
อันวัวควายฉันไม่หมายขโมยใคร นายผู้หญิงท่านใช้มากราบท้าว
ด้วยเดี๋ยวนี้แม่ศรีมาลาเจ็บ เนื้อเย็นเป็นเหน็บสะท้านหนาว
ไม่มีสุขจุกเสียดเป็นคราวคราว ให้ลงมดลงท้าวว่าถูกคุณ
หมอหลวงหมอราษฎร์ออกกลาดเกลื่อน มาแน่นเรือนรักษากันว้าวุ่น
ข้าวปลาไม่กินเห็นสิ้นบุญ เชิญฝ่าเท้าเจ้าคุณรีบลงไป ฯ
๏ พระพิจิตรบุษบาน้ำตาตก ตีอกผางผางพลางร้องไห้
พ่อทิดเอ๋ยพ่อทิดแม่ผิดใจ เป็นอะไรจึงมาเป็นถึงเช่นนี้
แล้วเรียกหาข้าคนอลหม่าน เหวยอ้ายปานอ้ายเป้าอ้ายเถ้าศรี
ไปถอยเรือกัญญาออกมาที จะลงไปกรุงศรีอยุธยา
ผู้คนอลหม่านทั้งบ้านช่อง ที่ไม่อยู่กู่ก้องตะโกนหา
บ้างฉวยได้พายถ่อวิ่งสอมา ลงถอยเรือกัญญาอยู่วุ่นวาย
มาจอดท่าหน้าบ้านสะพานใหญ่ เอาแคร่ใส่ผูกพนักจักตอกหวาย
ล้วนชาวเหนือเรือแพไม่เคยพาย เกี่ยงกันถือท้ายเอะอะไป
พวกผู้หญิงริงเรือหอบเสื่อสาด ทั้งโต๊ะถาดถ้วยชามรามไหม
ข้าวสุกข้าวสารเชิงกรานไฟ ขนส่งลงไปใส่ข้างท้าย
พระพิจิตรบุษบาละล้าละลัง กำชับสั่งบ่าวไพร่สิ้นทั้งหลาย
อยู่รักษาเรือนเหย้าเฝ้าวัวควาย ทั้งหญิงชายชวนกันหมั่นระวัง
สั่งพลางทางลงจากเรือนใหญ่ อ้ายทิดถือชุดไฟเดินตามหลัง
ครั้นถึงท่าลงเรือไม่รอรั้ง ท่านพระพิจิตรนั่งเอกเขนกไป
อ้ายทิดโบกมือบอกให้ออกเรือ พลพายชาวเหนือเสียงเกื๋อไก๋
ยังไม่เคยเลยพ่อพายอย่างไร ทำขวักไขว่เกะกะกีดกันเอง
คนหนึ่งยาวคนหนึ่งไล่ไม่ถนัด ข้างหัววาดท้ายคัดตุนัดตุเหน่ง
น้ำเพรื่อเรือโคลงอยู่โงงเงง ไม่เป็นบทเป็นเพลงโก้งเก้งมา
อ้ายทิดนั่งยองยองร้องเกนเกน พลพายเหลือเถนเจ้าคุณขา
พระพิจิตรถือหวายกรายหวดมา อ้ายลูกหมามึงไม่วาดหัวลงไว้
พวกบ่าวเห็นนายถือหวายจ้อง ลุกขึ้นนั่งยองยองขยุ้มใหญ่
อ้ายทิดลุกชะเง้อเออนั่นเป็นไร ประเดี๋ยวโดนกอไผ่เข้าต้ำตึง
โขนพนักหักพับกัญญาย่น พระพิจิตรล้มก้นกระแทกผึง
ลุกขึ้นนิ่วหน้าด่าเสียงอึง อ้ายทิดลุกทะลึ่งไปถือท้าย
แล้วเปลี่ยนผลัดหัดกันมากลางน้ำ กว่าจะพร้อมทั้งลำจนเที่ยงสาย
รีบเร่งเร็วรุดไม่หยุดพาย ล่องน้ำตามสบายมากรุงไกร ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ