ตอนที่ ๑๑ นางพิมเปลี่ยนชื่อวันทอง ขุนช้างลวงว่าพลายแก้วตาย

๏ จะกล่าวถึงนางพิมพิลาไลย นอนเดียวเปลี่ยวใจอยู่ในหอ
คอยทัพตรับฟังยังรั้งรอ ไม่แจ้งข้อเนื้อความประการใด
รำลึกดึกดื่นทุกคืนคอย แต่ละห้อยหาหลับสนิทไม่
นอนวันฝันเห็นให้เป็นไป หลงใหลเพ้อพูดดังผีลง
อยู่อยู่แล้วก็จู่ออกนอกห้อง หัวเราะร้องร่าเร่อมะเมอหลง
เพอิญเข็ญเป็นไข้ไม่คืนคง แต่ทรุดทรุดแล้วทรงเสมอไป
สายทองเข้าประคองประคับปลอบ จะฟังชอบหูเหืองหามีไม่
โอ้พ่อพลายแก้วแววไว ไม่เห็นใจเมียแล้วกระมังนา ฯ
๏ ครานั้นศรีประจันผู้แม่เถ้า เห็นลูกสาวซูบเศร้าลงหนักหนา
กลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งไม่ฟังยา มดหมอหามาก็หลายคน
หมอจะเอาอะไรให้ทุกสิ่ง ข้าไทชายหญิงวิ่งสับสน
วุ่นวายทั้งบ้านแกบานบน จนใจไม่รู้ว่าเป็นไร
ถามหมอลางหมอว่าไม่ตาย ลางหมอก็ว่าร้ายเห็นไม่ได้
บ้างก็ว่าลมบาทยักษ์ชักหัวใจ บ้างก็ว่าไข้เพื่อเลือดระดูทำ
บ้างว่าผีเรือนวิ่งเข้าออก ศรีประจันตากลอกไม่เป็นสํ่า
มดหมอตะแก่ด่าว่าระยำ มานั่งกินพล่ำพล่ำสบายใจ
คนเจ็บร้องเสียงเหมือนวัวมอ อ้ายหมอนั่งหัวร่อหาดูไม่
จะให้มันรักษาไปว่าไร ไสหัวให้ไปพ้นเรือนกู
หมออยู่ไม่ได้ไปสิ้นเรือน ศรีประจันด่าเปื้อนสนั่นหู
หาหมอมาให้มากเปลืองหมากพลู เข้ามาดูลูกแล้วรำคาญใจ
ผอมนักผอมหนาตาบ้องแบว กอดลูกเข้าแล้วก็ร้องไห้
แม่เฝ้ารักษามาแต่ไร ก็มิได้เคลื่อนคลายสักเวลา
ไม่รู้ว่าเป็นโรคสิ่งอันใด คิดคิดผิดใจเป็นหนักหนา
ยาหมอให้กินสิ้นตำรา เสียเงินสักตะกร้าไปได้แล้ว
อุตส่าห์เถิดนะเจ้ากินข้าวปลา เอาใจไว้ท่าออพลายแก้ว
แต่ยกทัพขึ้นไปไม่วี่แวว มิได้แว่วเรื่องราวว่าอย่างไร
ปลอบลูกถูกต้องประคองมือ กินข้าวต้มฤๅแม่จะต้มให้
ไม่พูดจามาบ้างเป็นอย่างไร ฤๅผีใครมาเข้าบอกเรามา
ลูกเต้าของเราทำไมมัน พ่อพันศรผัวข้าฤๅไรขา
จะเซ่นเหล้าข้าวทั้งเต่าปลา ไม่รู้ว่าพ่อมาอย่าถือใจ
ช่วยลูกพอให้คลายหายขาด จะทำบุญตักบาตรส่งไปให้
มัวแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ทำไม ออพิมเป็นไข้มาช่วยกัน
นางพิมฮึดฮัดขัดใจ ผีสางอะไรที่ไหนนั่น
โทษเอาพ่อข้าสารพัน นับวันไปเถิดไม่รอดตาย
หนักอกหนักใจลูกหนักหนา แม่อย่ารักษามันไม่หาย
ทำกะไรจะได้เห็นหน้าพ่อพลาย กอดสายทองเข้าสะอื้นไป ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ตัวสั่นน้ำตาลงหลั่งไหล
ดูลูกวิปริตเห็นผิดใจ รำลึกขึ้นได้ถึงขรัวตา
แกจึงลุกออกมานอกห้อง ร้องเรียกข้าไทอยู่ไหนหวา
หมากพลูใส่พานลนลานมา เข้าในวัดป่าเลไลยพลัน
ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา ประเคนหมากขรัวตาขมีขมัน
ออพิมเป็นไข้กะไรครัน มดหมอทั้งสุพรรณไม่เคลื่อนคลา
ใหลเล่อเพ้อพูดดังผีเข้า ผอมโศกซูบเศร้าลงหนักหนา
เห็นจะไม่เป็นตัวแล้วขรัวตา กรุณาช่วยดูให้แจ้งใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
ครั้นดูรู้ประจักษ์ก็ทักไป ออพิมพิลาไลยนี่เคราะห์ร้าย
มันตกลงที่นั่งนางสีดา เมื่อทศพักตร์ลักพาไปสูญหาย
ถ้าแม้นไม่จากผัวตัวจะตาย ถ้ายักย้ายแก้ไขไม่เป็นไร
ผลัดชื่อเสียพลันว่าวันทอง จะครอบครองทรัพย์สินทั้งปวงได้
โรคนั้นพลันจะคลายหายไป หาบรรลัยไม่ดอกสีกายาย ฯ
๏ ศรีประจันรับคำแล้วอำลา ดีใจขรัวตาแกว่าหาย
ถึงเรือนร้องไปว่าไม่ตาย ขรัวตาตะแก่ทายกูแน่ใจ
แล้วก็จัดข้าวปลาแลกล้วยอ้อย ขนมเล็กขนมน้อยเอาลงใส่
จะทำขวัญเจ้าพิมพิลาไลย ข้าวของจัดไว้ก็ใส่ลง
ยายศรีประจันตักขวัญลูก ผิดผิดถูกถูกแกว่าหลง
ขวัญเอ๋ยอย่าเที่ยวไปไพรพง กลางดงคนเดียวอยู่เปลี่ยวดาย
อย่าหลงชมเสือสีห์หมีเม่น กระแตกระเต็นเต้นตุ่นกระต่าย
อย่าหลงชมแรดช้างแลกวางทราย ชะนีค่างนางกรายจะหลอนเลียน
แล้วก็ตักข้าวปลาเข้ามาฟาด โรคภัยหายขาดบาดหนามเสี้ยน
เอาด้ายดำผูกมือรื้อดับเทียน เปลี่ยนพิมผลัดชื่อวันทองพลัน
อยู่มาข้าวปลาก็กินได้ หลับใหลไม่เพ้อมะเมอฝัน
คลายคลี่มีเนื้อขึ้นทุกวัน ศรีประจันค่อยสำราญบานใจ ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าขุนช้าง รู้ว่านางนั้นคลายหายไข้
พลายแก้วไปทัพก็หายไป ไม่ได้ข่าวราวเรื่องว่าร้ายดี
เมื่อไรไหนมันจะได้กลับ ลาวมันมิแหวะตับลงกลิ้งคี่
ฤทธิเดชเวทมนตร์อะไรมี ถ้าตีเชียงทองได้จะกลับมา
อย่าเลยจะผลอขอวันทอง ถนอมไว้ในห้องจะดีกว่า
จะพูดจาว่าขานกับมารดา บอกศรีประจันว่าออแก้วตาย
จึงสั่งบ่าวไพร่ไปเร็วหวา ไปหาป้ากลอยกับป้าสาย
ว่ากูเชิญมาในห้องทั้งสองยาย อ้ายบ่าวรับคำนายวิ่งลนลาน
ครั้นถึงยายกลอยกับยายสาย บอกว่านายให้เชิญเข้าไปบ้าน
ทั้งสองยายได้ฟังมาลนลาน ถึงบ้านขุนช้างเข้าทันใด
ขุนช้างว่าวอนให้อ่อนจิตร เงินทองไม่คิดจะเสียให้
จงปรานีตัวข้าพากันไป ขอวันทองให้ข้าสักที
ออแก้วผัวนั้นมันไปทัพ แตกยับลาวแทงเสียเป็นผี
ใครจะรอดมาได้ก็ไม่มี บัดนี้นางพิมพิลาไลย
แม่ผลัดชื่อว่าเจ้าวันทอง หมอทายว่าจะครองทรัพย์สินได้
จงช่วยเอ็นดูข้าพากันไป ขอวันทองให้ข้าหน่อยรา ฯ
๏ ครานั้นยายกลอยกับยายสาย ไม่รู้แยบคายขุนช้างว่า
หลงใหลแต่จะได้เงินตรา ก็รับคำอำลามาทันใด
สองยายอาบน้ำแต่งตัว ทาแป้งหวีหัวนุ่งผ้าใหม่
ขุนช้างเสือกหาข้าไท ที่ไว้เนื้อเชื่อใจแต่ก่อนมา
ค่อยกระซิบกระซาบสั่งคดี ธุระของกูมีเป็นหนักหนา
กูเคยไว้ใจแต่ไรมา อย่าช้าเอ็งรีบออกไปวัด
เก็บเอากระดูกผีที่ป่าช้า ใส่หม้อใหม่มาให้ถนัด
อ้ายบ่าวรีบมาป่าช้าชัฏ จัดหม้อกระดูกได้ไวทันการ
ขุนช้างรับหม้อใหม่เข้าในห้อง นุ่งผ้ายกทองแล้วห่มส่าน
จับกระจกขึ้นชูดูกระบาน เห็นหัวตัวล้านรำคาญใจ
กูแค้นน่าแพ่นลงสักโขก โสโครกไม่เอาแก้วเอาการได้
เกลี้ยงหน้าเกลี้ยงหลังดูจังไร จับเขม่าเข้าใส่สักสองเพรียง
เปื้อนเปรอะเลอะหน้าเหมือนทาเล่น หวีกระจายรายเส้นไม่มิดเกลี้ยง
เอาไม้น้อยสอยเส้นให้รายเรียง มุหน่ายป้ายเคียงลงเต็มที
อ้ายหยอกหยอยมันน้อยกว่าที่เปล่า ผมขี้เค้าน่าเกลียดขี้เกียจหวี
อนิจจาข้าวของเงินทองมี ช่วยทาสีทาสาได้กว่าพัน
ซื้อช้างซื้อม้าก็กว่าร้อย ผมหน่อยหนึ่งกะไรไม่มิดขวัญ
ถ้าซื้อได้กูจะใส่เสียให้ครัน ตัดกันดูเล่นเส้นงามงาม
ถ้ารู้ว่าจะล้านแต่กำเนิด กูไม่ปรารถนาเกิดอ้ายสํ่าสาม
ขัดแค้นแน่นใจดังไฟลาม ลุกเดินผลีผลามเข้าห้องใน
จับหม้อกระดูกผูกกระดาษ บ่าวไพร่หมอบกลาดทั้งน้อยใหญ่
ขุนช้างเรียกบ่าวที่ไว้ใจ ส่งหม้อกระดูกให้แล้วเดินมา
ลงจากเรือนพลันตะวันเที่ยง สองยายเดินเรียงมาข้างหน้า
ถึงเรือนศรีประจันมิทันช้า ถามหาท่านยายศรีประจัน
อีบ่าวบอกว่าอยู่ข้างใน แล้ววิ่งไปบอกนายขมีขมัน
ว่าขุนช้างมาหาตาเป็นมัน หยุดยั้งอยู่นั่นตีนบันได ฯ
๏ ยายศรีประจันเปิดหน้าต่าง แลเห็นขุนช้างร้องปราศรัย
เหงื่อไหลโซมหน้าพ่อมาไย จะไปไหนเชิญขึ้นมาข้างบน
ขุนช้างก็ย่างขึ้นบันได สองยายนั้นไซ้เดินติดกัน
นั่งลงแลมาตาเหลือกลน ยกมือไหว้วนเป็นซนไฟ
ศรีประจันรับไหว้มิใคร่ทัน หันหน้ามาเสือกเชี่ยนหมากให้
พ่อมาหลายคนทำวนอะไร เป็นไฉนยายกลอยยายสายมา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง ทำครวญครางอู้อี้แล้วยี่หน้า
น้ำตากระเด็นเป็นเม็ดเช็ดน้ำตา เอาหม้อกระดูกมาตั้งลงไว้
นี่คือกระดูกออพลายแก้ว ลาวแทงเสียแล้วเขาเอามาให้
พระยาเชียงทองมันสองใจ เข้าด้วยเชียงใหม่แล้วกลับมา
ทำเป็นเข้าด้วยออพลายแก้ว ยกทัพมาแล้วถึงกลางป่า
หยุดทัพหลับนอนมาหลายครา ครั้นเพลาพลบคํ่าลงรำไร
พระยาเชียงทองย่องมาแทง เลือดแดงตลอดจนปอดไหล
ร้องขึ้นอึงมี่มันหนีไป ออแก้วก็สิ้นใจไปไม่ช้า
บ่าวมาถึงกรุงก็ติดคุก หลายคนทนทุกข์อยู่หนักหนา
อ้ายมากฝากหม้อกระดูกมา ว่าแล้วทำหน้าเป็นทุกข์คลาย
อายุมันสั้นเท่านั้นแล้ว คิดคิดถึงออแก้วก็ใจหาย
ไม่พอที่จะกล้าอาสาตาย ให้แม่พิมเป็นหม้ายอยู่เอกา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ได้ยินขุนช้างนั้นรำพันว่า
ออแก้วตายแล้วนะอกอา แม่นับวันคอยท่าอยู่ทุกวัน
วันทองเป็นไข้ก็ไม่ตาย เคราะห์โศกโรคร้ายเป็นกวดขัน
ออพลายกลับตายเสียก่อนมัน เข้าหอยังไม่ทันสักเท่าไร
วันทองร้องไห้มิได้งด จะปลอบมันไม่อดร้องไห้ได้
เรียกหาวันทองร้องอึงไป หัวใจเอ็งขาดแล้วแก้วแม่อา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางวันทอง อยู่ในห้องได้ยินขุนช้างว่า
เสียงแม่ร้องไห้โฮโผล่ออกมา เห็นหน้าขุนช้างก็ขัดใจ
ใครมาว่าชั่วผัวกูตาย แกล้งใส่ความร้ายกูจะด่าให้
อ้ายงูเห่าเจ้าเล่ห์ทุกอย่างไป หม้อใบละสิบเบี้ยสู้เสียมา
กระทืบตีนผางผางกลางประตู โคตรแม่มึงกูขี้คร้านด่า
กลับเข้าในหอคลอน้ำตา ทอดตัวโศกาในที่นอน
โอ้พ่อพลายแก้วของเมียเอ๋ย เมียไม่เชื่อมันเลยอ้ายหัวกล้อน
มันแกล้งร้องระบุยุยอน ซอกซอนส่อเสียดจนไปทัพ
แล้วกลับมาเจรจาว่าสอพลอ เอากระดูกใส่หม้อมาสับปลับ
พูดได้เชือนแชอ้ายแม่ยับ กลอกกลับปลอกปลิ้นไปทุกตา
คิดมาก็เป็นน่าน้อยใจ ผัวไปเท่านี้มีคนว่า
ถ้าพ่อไม่ไปใครจะมา สุดปัญญาเมียแล้วพ่อแก้วเอย ฯ
๏ ศรีประจันได้ฟังลูกสาวด่า รำคาญใจหนักหนาพ่อแม่เอ๋ย
ใครใครอย่าได้ถือมันหน่อยเลย แต่ก่อนมันไม่เคยเป็นเช่นนี้
แต่เพียงเป็นไข้สันนิบาตคลั่ง ว่าไรไม่ฟังบ่นอู้อี้
ด่าอึงคะนึงบานขี้คร้านตี ไม่เห็นผีออแก้วแล้วแม่นา ฯ
๏ ครานั้นยายกลอยกับยายสาย ครั้นได้แยบคายแล้วจึงว่า
เข้าไปกระซิบกระหยิบตา ว่านี่แน่คุณป้าศรีประจัน
กฎหมายตั้งไว้แต่ไรมา ว่าใครกล้าอาสาไปทัพขันธ์
ถ้าเสียทัพกลับมาให้ฆ่าฟัน กฎหมายตั้งมั่นตามกระทรวง
ถ้าแม้นตัวตายลงในทัพ ลูกเมียให้จับเป็นหม้ายหลวง
ไพร่ซึ่งเสียทัพกลับทั้งปวง ให้ติดพวงส่งเข้ายังคุกใน
วันทองจะต้องเป็นหม้ายหลวง จะยากเย็นเป็นห่วงหาน้อยไม่
ยักย้ายถ่ายเทเสียเป็นไร ขอให้ขุนช้างเอาเป็นเมีย
เขาจะคิดแก้ไขที่ในกรุง เงินทองสักกี่ถุงจะสู้เสีย
อย่าให้เกิดความใหญ่เป็นไฟเลีย ไกล่เกลี่ยเสียเถิดแต่ไกลไกล ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ตัวสั่นน้ำตาลงหลั่งไหล
วันทองเป็นหม้ายผัวตายไป ไม่เห็นหน้าใครจะป้องกัน
ขุนช้างมั่งมีเศรษฐีใหญ่ เงินทองเสียได้ไม่คิดพรั่น
เห็นจะได้พึ่งพาข้างหน้าครัน คิดแล้วเท่านั้นจึงว่าไป
วันทองเดี๋ยวนี้ก็ผัวตาย จะนิ่งไว้เป็นหม้ายเห็นไม่ได้
เกิดความหนามเสี้ยนจะยากใจ จะขอให้ก็ตามแต่ปัญญา
แต่ทว่าทุ่งกว้างหนทางไกล กูนี้ไม่รู้แห่งที่จะว่า
ถ้าแม้นไม่ตายออพลายมา เบื้องหน้าจะเกิดเนื้อความกัน ฯ
๏ ครานั้นยายกลอยกับยายสาย จึงว่าพลายแก้วตายเป็นแม่นมั่น
พวกไพร่ติดคุกอยู่ทุกวัน แม้นว่าพลายแก้วนั้นรอดกลับมา
ท่านไม่รู้เห็นจะเป็นไร เขาก็คงปรับไหมเอาแก่ข้า
ถ้าท่านยอมให้ปันจงสัญญา ช้าอยู่ไม่ได้ภัยจะมี
ถ้าเขามาเกาะเอาตัวไป ถ้อยความข้างในจะอึงมี่
ผันแปรแก้กันให้ทันที แรมปลายเดือนนี้จะทำการ
ยายศรีประจันก็รับคำ ว่าแรมสามคํ่าให้ถึงบ้าน
จงเร่งรีบมาอย่าช้านาน ว่าขานแน่นอนไม่ผ่อนไป ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางจันทอง อยู่ในห้องได้ยินว่าแม่ให้
ลุกเต้นปัดปัดด้วยขัดใจ ร้องด่าข้าไทแจ้วแจ้วมา
สายทองของน้องไปข้างไหน ไปเรียกอ้ายพรมมาหาข้า
งานการเช้าคํ่าไม่นำพา โคตรแม่มึงคิดว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นสายทองผู้พี่เลี้ยง ได้ยินเสียงน้องเรียกอยู่ไจ่ไจ่
ร้องเรียกตาพรมระงมไป ไวไวมาหาแม่วันทอง
ฝ่ายว่าตาพรมนั้นหัวล้าน ขานขาลุกออกมานอกห้อง
ลงนั่งเอี้ยมเฟี้ยมแล้วเยี่ยมมอง แม่ร้องเรียกหาฉันว่าไร
วันทองชี้หน้าด่าประจาน แม่มึงอ้ายหัวล้านหาดีไม่
จะรู้สึกสำนึกบ้างเป็นไร เป็นบ่าวไพร่บ้านช่องไม่นำพา
ดีแต่เที่ยวโกหกพกลม มันน่าตบให้ล้มจมขี้หมา
ให้หมาฝูงถนัดพลัดเข้ามา มึงหลับตาเฝ้าประตูไม่ดูแล
มันมาเที่ยวเยี่ยวขี้มีแต่เปื้อน อ้ายขี้เรื้อนเห่าระเบ็งเซ็งแซ่
อีตัวเมียก็บอนหอนแงแง ปล่อยโคตรแม่มึงไว้ให้อึงคะนึง ฯ
๏ ครานั้นยายกลอยกับยายสาย วันทองด่าวุ่นวายนั่งหน้าบึ้ง
ขุนช้างทำไม่รู้ไขหูตึง นิ่งอยู่ดูจะอึงเอาหนักไป
จึงชวนยายกลอยกับยายสาย ว่าบ่ายแล้วเราลายกมือไหว้
ศรีประจันซ้ำว่าอย่านอนใจ ที่สัญญากันไว้ให้รีบมา
วันทองร้องด่าไปอึงมี่ เหวยยายมีว่าไรไปไหนหวา
งานการเช้าคํ่าไม่นำพา เสียงเฮฮาที่ไหนไปนั่งพูด
ลิ้นลมมึงดีอีขี้ข้า หัวหูดังกะลามะพร้าวขูด
ชาติอีโกหกนกทิ้งทูด อีผักกูดต้มกะทิอุตริดี
ยายกลอยยายสายนายขุนช้าง ลุกจากหอกลางเดินเร็วรี่
รีบลงจากบันไดในทันที ออกจากบ้านท่านศรีประจันไป
ยายกลอยยายสายว่ากูขายหน้า ทีนี้หาปรารถนามาอิกไม่
โคตรเค้าเขาขุดเอาสุดใจ ถึงเอาทองกองให้ก็ไม่มา
ขุนช้างว่าไม่เป็นเช่นนั้นดอก วันทองแม่แกบอกเป็นปริศนา
ร้องบอกกับฉันเป็นมารยา ว่าให้เชิญแม่เทพทองไป
หล่อนจึงขึ้นโคตรแม่แน่กระนั้น ว่าให้ไปหากันตามผู้ใหญ่
คงจะได้เป็นเมียอย่าเสียใจ หาที่ไหนไม่เหมือนแม่แก้วตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางวันทอง อยู่ในห้องโหยหวนละห้อยหา
โอ้พ่อพลายแก้วแววตา มรณาแน่แล้วฤๅอย่างไร
วันพ่อม้วยมุดสุดชีวิต เมียจะฝันสักนิดก็หาไม่
ลางร้ายก็ไม่มีให้แจงใจ บ่าวไพร่ไปด้วยไม่เห็นมา
เขาว่านายตายไพร่ติดคุก เมียทุกข์เหลือที่จะตามหา
สารพัดขัดสนจนทุกตา ไม่รู้ว่าอยุธยานั้นอย่างไร
แต่เกิดเป็นตัววันทองมา หาได้เข้าอยุธยาสักหนไม่
วันเมื่อส่งผัวตัวก็ไป จำได้อยู่แต่ว่าคลองบางลาง
โพธิ์ปลูกด้วยกันสำคัญไว้ ถ้ากะไรจะดูพอรู้บ้าง
ถ้าพ่อแก้วตายวายวาง โพธิ์กลางต้นนั้นจะบรรลัย
คิดคิดขึ้นมาน่าแค้นแม่ จะสืบสาวดูให้แน่หาได้ไม่
หลงใหลเชื่อฟังอ้ายจังไร ยอมยกลูกให้ไอ้ขุนช้าง
โอ้ว่าอนิจจาวันทองเอ๋ย กะไรเลยแสนยากนี้สุดอย่าง
แต่ระกำช้ำใจไม่วายวาง นี่ได้สร้างกรรมไว้อย่างไรมา
มีผัวผัวอยู่สองสามวัน จากกันไม่ได้มาเห็นหน้า
เมื่อวันจากหอคลอน้ำตา กำชับไว้หนักหนาด้วยห่วงน้อง
ในจิตรคิดว่าจะกลับหลัง สั่งแล้วสั่งเล่าทั้งเศร้าหมอง
ออกปากฝากข้ากับสายทอง แล้วจึงไปจากห้องด้วยจำใจ
พอสายทองย่องเข้าไปดูน้อง นางวันทองเห็นหน้าน้ำตาไหล
กอดคอสายทองร้องรํ่าไร น้องไม่อยู่แล้วพี่สายทอง ฯ
๏ สายทองปลอบว่าอย่าร้องไห้ รำคาญใจดูเจ้ายิ่งเศร้าหมอง
พี่น้องแนบหน้าน้ำตานอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นไป
โอ้แม่วันทองของพี่เอ๋ย กะไรเลยหามีสุขสักนิดไม่
เพราะอ้ายขุนช้างจัญไร มันพอใจตัวเจ้าแต่รุ่นมา
ลดเลี้ยวเกี้ยวสกัดทั้งวัดบ้าน อ้ายจัณฑาลคนนี้นี่หนักหนา
จนได้กับพ่อแก้วแววตา มันยังส่อเสียดว่าทุกสิ่งอัน
เพ็ดทูลเจาะจงให้ทรงใช้ จนร้องไห้แทบเทียมจะอาสัญ
เดี๋ยวนี้มันยิ่งว่าสารพัน ว่าหม่อมพลายแก้วนั้นเธอบรรลัย
เห็นจะเป็นเล่ห์กลอ้ายสอพลอ เอากระดูกใส่หม้อมาส่งให้
ให้หลงว่าพ่อพลายนั้นตายไป จึงได้มาขอแม่วันทอง
มันหมายว่าตัวมันมีทรัพย์ มีเงินแล้วจะนับให้คล่องคล่อง
แม่เถ้าของเราก็ปรองดอง เราพี่น้องสองคนก็จนใจ
นี่เวรกรรมจะทำอย่างไรดี จะหลบลี้หนีไปข้างไหนได้
แม่ผัวของเจ้าก็อยู่ไกล ไม่รู้แห่งหนไหนกาญจน์บุรี
อย่าเลยนะเจ้าเราจะไป วัดป่าเลไลยเจ้ากับพี่
ไปหาขรัวตาจูแกดูดี ประเดี๋ยวนี้แม่ศรีประจันนอน
แม่อยู่ในห้องอย่าร้องไห้ พี่จะไปหาหมากกับพลูก่อน
หาได้ใส่ขันตะวันรอน เร้นซ่อนซุบซิบกระหยิบตา
ออกมาจากห้องทั้งสองคน ผ่อนปรนลอบลงจากเคหา
ถึงวัดเหยียบย่องมองเข้ามา ขึ้นกุฎีขรัวตาด้วยทันใด
เอาหมากพลูส่งให้กับเจ้าเณร จึงประเคนขรัวตาหาช้าไม่
ขรัวตามองป้องหน้าถามว่าใคร นึกได้หัวร่ออ่อวันทอง
กูผลัดชื่อให้ไข้ก็หาย เป็นไรไม่สบายหน้าตาหมอง
เมื่ออ้วนพีดีขึ้นเป็นก่ายกอง เอ็งมาสองคนนี้ด้วยเหตุไร ฯ
๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องยกมือขึ้นกราบไหว้
ดีฉันร้อนรนเป็นพ้นใจ ด้วยผัวไปตีทัพไม่กลับมา
เขาบอกเรื่องราวเป็นข่าวร้าย เขาว่าผัวฉันตายจริงฤๅขา
ขรัวปู่ช่วยดูตามตำรา จะจริงเหมือนเขาว่าฤๅอย่างไร ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
ยามสูรย์ยามจันทร์ก็มั่นใจ เห็นไม่เป็นไรก็ว่ามา
ทักทายตามที่ยามตรีเนตร ใครบอกเหตุโกหกอย่าเชื่อหวา
ผัวเองมีชัยได้พารา ข้าศึกเป็นจุณวิจุณไป
ได้ทั้งพัสดุเงินทอง ข้าวของผู้คนเป็นไหนไหน
หน่อยหนึ่งก็จะมาอย่าตกใจ เอ็งอย่าเชื่อใครใครไปวุ่นวาย ฯ
๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องได้ฟังทุกข์โศกหาย
เช็ดน้ำตาล่อยล่อยค่อยสบาย กราบลาผันผายมาบ้านพลัน
ครั้นถึงก็ขึ้นบนเคหา สองราปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
บอกแก่แม่เถ้าศรีประจัน ตามท่านทายนั้นทุกสิ่งไป
ฉันออกไปหาท่านขรัวปู่ ท่านดูว่าหาเป็นไรไม่
หม่อมแก้วตีทัพกลับมีชัย ได้ทั้งครอบครัวตัวจวนมา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน สั่นหัวว่ากูไม่เชื่อหวา
ทายตามยามเล่ห์เวลา มันจะสู้ตาเห็นได้อย่างไร
อวดว่าดูแน่อุแหม่ลูก ลางทีมันหาถูกสักนิดไม่
เอ็งอย่าพาซื่อเชื่อถือไป ก็พวกไพร่ติดคุกอยู่ทุกคน
เขาจะเก็บเอาไปเป็นหม้ายหลวง จะกอดเข่าเหงาง่วงลงครางร่น
ไม่มีใครติดตามด้วยความจน ผ่อนปรนเสียเถิดอย่ารำคาญ
ออแก้วใช่แม่ไม่รักใคร่ มันบรรลัยไม่กลับมาถึงบ้าน
ขุนช้างมันชั่วแต่กระบาน ถึงหัวล้านหัวเหลืองเครื่องในดี ฯ
๏ วันทองได้ฟังคำแม่ว่า ดังจะฆ่าตัวตายให้เป็นผี
ทอดตัวร้องไห้ไม่สมประดี แม่ว่าอย่างนี้ก็จนใจ
เห็นแต่เงินทองของเขา หมูหมาก็จะเอามายกให้
ขรัวปู่ทายมาว่าเชือนไป แม่ไม่เอ็นดูแก่วันทอง
ถึงคนไม่อายก็อายผี อายุสิบหกปีมีผัวสอง
ถึงจะขืนยกให้ไม่ปรองดอง ผัวของข้ายังไม่เป็นไร
เมื่อมดหมอทักทายว่าไม่ถูก โพธิ์ปลูกเป็นสำคัญนั้นเป็นใหญ่
จะไปดูให้แน่แท้แก่ใจ ถ้าหม่อมบรรลัยก็โพธิ์ตาย ฯ
๏ ศรีประจันฮึดฮัดให้ขัดใจ อย่าว่ายืดยาวไปอีฉิบหาย
มึงจะให้กูก้อยพลอยวุ่นวาย จะรักอยู่เป็นหม้ายฤๅอย่างไร
ถึงต้นโพธิ์ต้นไทรจะไปสืบ มิใช่ทางแค่คืบกูหาไปไม่
แม้นว่ายั่งยืนขืนขัดใจ กูจะให้ขุนช้างเสียวันนี้ ฯ
๏ วันทองได้ฟังคำแม่ว่า ทอดตัวโศกาอยู่กับที่
แผดร้องก้องไปใช่พอดี ฆ่าตีเสียเถิดไม่น้อยใจ
เอากำเนิดเกิดใหม่ในชาติหน้า หาปรารถนาเข้าท้องเลยอิกไม่
ร้อยกัปแสนกัลป์แต่นั้นไป แม่เชื้ออะไรเป็นเช่นนี้
เห็นแต่สินทรัพย์สัปดน จะเอาคนไปยกให้กับผี
จงฆ่าเสียให้ตายวายชีวี ตีอกชกหัวทอดตัวไป
มันจะมาเมื่อไรไอ้หัวเกลี้ยง กูจะเอาไม้เสี่ยงลงให้ได้
แปร้นแปรดแผดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงไป กูไม่อยู่แล้วให้เป็นคน ฯ
๏ ศรีประจันเต้นหรับจับไม้แร่ โคตรแม่มึงกูตีให้ปี้ป่น
ขอดค่อนเจรจาว่าซุกซน ขึ้นบนหอพลันงกงันไป
ตีต้องวันทองร้องกรีดกรีด เน้นนีดลงสีข้างผางใหญ่
ตะแคงพลิกหยิกซ้ำให้หนำใจ แกหวดป่ายด้วยไม้จนเป็นแนว
วันทองไม่ร้องขอโทษตัว ผัวตายก็จะตายตามผัวแก้ว
อ้ายขุนช้างผมดกนกเค้าแมว เชื้อแถวหัวเกลี้ยงไม่เลี้ยงกัน ฯ
๏ ศรีประจันหยิกเอาที่ฝีปาก อิว่ายากมึงจะลายตลอดสัน
เขาเป็นเศรษฐีมั่งมีครัน เขาจะตบเอาฟันมึงออกกอง
ลิ้นกระด้างคางแข็งแกล้งว่าขาน หยาบช้าสามานย์อีจองหอง
ได้ขุนช้างไว้เหมือนขุมทอง ร้องไปตีไปให้หลังพัง ฯ
๏ วันทองร้องไห้ไม่วายเถียง ตีลงส่งเสียงให้คลุ้มคลั่ง
ที่จะตีให้หยุดสุดกำลัง แม่ไม่ฟังแล้วไม่ฟังกัน
ต้นโพธิ์ปลูกไว้ไม่ไปดู ข้าจะอยู่ทำไมที่ไหนนั่น
พรุ่งนี้พอแจ้งแสงตะวัน ตัวฉันจะลาแม่บรรลัย ฯ
๏ ศรีประจันได้ฟังวันทองว่า นึกสงสารขึ้นมาไม่ตีได้
กลัวจะผูกคอตายวุ่นวายไป อย่าร้องไห้ไปเลยนะลูกอา
เจ้าจะไปดูโพธิ์ก็ตามใจ พรุ่งนี้จึงไปฟังแม่ว่า
แม่ได้อุ้มท้องวันทองมา จะขืนขัดลูกยาไม่ต้องการ
วันทองได้ฟังคำแม่ว่า เสียแรงมารดาเลี้ยงดูฉาน
ถึงแม้นพ่อแก้วตายวายปราณ จะขืนให้ไอ้หัวล้านไม่ยอมใจ
เมื่อปากมันมีแต่ขี้ฟัน ลูกจะนอนกับมันอย่างไรได้
เหมือนเอาตัวไปขว้างเสียกลางไพร แม่ไม่รักลูกแล้วฤๅนา
ศรีประจันปลอบลูกให้ถูกใจ แม่มิอยากยกให้อย่าพักว่า
แม่รักลูกแก้วดังแววตา จะขืนใจลูกยาไปทำไม
ดึกดื่นอยู่แล้วแก้วแม่อา ฟังคำแม่ว่าอย่าร้องไห้
แกนอนกับวันทองที่ห้องใน ครั้นจะไปกลัวลูกผูกคอตาย ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง ความสมัครรักนางไม่เหือดหาย
อยู่บ้านรำคาญใจไม่สบาย ลอบมาบ้านท่านยายศรีประจัน
ได้ยินเสียงอึงคะนึงห้อง แกตีวันทองร้องสนั่น
แล้วกลับยินยอมพร้อมใจกัน จะไปดูโพธิ์สำคัญที่มั่นใจ
ขุนช้างฟังสังเกตตำแหน่งที่ แล้วรีบรี่กลับมาหาช้าไม่
ครั้นถึงบ้านเรียกหาพวกข้าไท สั่งให้ไปผูกเอาช้างมา
ขุนช้างวางขึ้นบนหลังช้าง จอบเสียมเตรียมวางมาหนักหนา
รีบรัดตัดมุ่งข้ามทุ่งนา พอรุ่งถึงท่าบางลางพลัน
ปลงช้างดูทางสังเกตได้ ก็รีบข้ามน้ำไปขมีขมัน
พบโพธิ์ปลูกเรียงไว้เคียงกัน ใบนั้นเขียวพุ่มชอุ่มตา
จับต้นกลางกระโชกโยกให้หนัก เดชะอารักษ์เขารักษา
ด้วยพลายแก้วตั้งสัตย์ปฏิญา กันจอบเสียมมีดพร้าให้ผิดไป
แต่ว่าต้นโพธิ์ยังอ่อนนัก โยกหนักใบหล่นไม่ทนได้
ใบหดเหี่ยวหยองดังต้องไฟ ขุนช้างกับบ่าวไพร่ก็กลับมา ฯ
๏ ครั้นรุ่งสว่างกระจ่างแสง สุริยาแจ่มแจ้งพระเวหา
นวลนางวันทองผ่องโสภา วอนเตือนมารดาด้วยทันใด
ยายศรีประจันร้องเรียกข้า เร็วเร็วเข้าหวาอย่าช้าได้
ดูข้าวปลาหมากพลูกูจะไป เรือแพอยู่ไหนไปถอยมา
เฮ้ยพวกผู้ชายออกพายหัว แต่งตัวไวไวไอ้ชาติข้า
แกลุกขึ้นเหน็บรั้งตั้งจังกา ด่าฉกโคตรแม่ออกแซ่ไป
วันทองกับยายศรีประจัน ลงเรือพร้อมกันหาช้าไม่
ออกเรือเถิดหวาช้าอยู่ไย ข้าไทออกเรือพายเฝือมา
ตุ๋มติ๋มก้าวก่ายพายตามเพลง โคลงเคลงเถียงกันอย่างไรหวา
ยกพายไม่ทันหันมาว่า ฟ้าผ่าเถิดเอ๋ยเคยขี่ควาย
แต่กระดิกพลิกขาก็รู้กัน ไปข้างนี้ข้างนั้นได้ง่ายง่าย
พายเรือเบื่อใจเป็นจะตาย ถ่อพายไม่ถนัดผลัดไปมา
ศรีประจันร้องด่านัยน์ตาชัน พายไม่พร้อมกันอ้ายชาติข้า
ดีแต่จะโว้เว้เฮฮา กูปาลงด้วยถ่อให้คอพับ
ประเดี๋ยวเบาประเดี๋ยวหนักขยักขย่อน โคลงเคลงจะนอนก็ไม่หลับ
เถียงกันออกแซ่อีแม่ยับ แกจับไม้ใส่เปรี้ยงเถียงกันไป
รีบเร่งตะเบ็งมาคืนกับวัน ถึงบางลางพลันหาช้าไม่
วาดเรือเข้าจอดทอดไว้ ข้าไทอาบน้ำดำอื้ออึง ฯ
๏ วันทองไปถึงไม่อาบน้ำ ขึ้นบกเดินรํ่าไปจนถึง
เห็นใบโพธิ์ตกตีอกตึง ร้องอึงหวีดวิ่งไปเร็วไว
ล้มราบกราบลงกับต้นโพธิ์ โอ้พ่อพลายตายแล้วไม่มาได้
เมียเห็นเที่ยงแท้แน่แก่ใจ โพธิ์ใบเหี่ยวสลดลงหลากตา
ใต้ต้นหล่นลงยังสดสด เห็นปรากฏเที่ยงแท้แน่หนักหนา
แน่แล้วพ่อแก้วมรณา เวราสิ่งไรมาตามทัน
เขาบอกข่าวให้ยังไม่เชื่อ ทีนี้เหลือยั้งจิตรคิดอดกลั้น
พ่อไม่ได้กลับมาเห็นหน้ากัน นับวันแต่จะช้ำระกำใจ
เมียมีศัตรูอยู่รอบข้าง อ้ายขุนช้างแลเป็นศัตรูใหญ่
ถ้าแม้นพ่ออยู่ดีไม่มีภัย จะคุ้มครองน้องได้สารพัน
ถึงศัตรูคิดร้ายไม่หน่ายแหนง ดังกำแพงเพชรเจ็ดชั้นกั้น
ทีนี้จะได้ใครป้องกัน แม่ศรีประจันเหมือนหลักปักขี้ควาย
แต่ยังไม่รู้เห็นเลยสักอย่าง ยังยกให้ไอ้ขุนช้างเสียง่ายง่าย
ชีวิตเมียไม่รอดเห็นวอดวาย พ่อตายคนเดียวเมียเปลี่ยวใจ
อยู่ไปไอ้ขุนช้างจะเพียรขอ เมียจะตายตามพ่อหาอยู่ไม่
ร้องไห้จนซบสลบไป ยังแต่หัวใจอยู่ริกริก
ล้มลงตรงใต้ต้นโพธิ์กลาง ปิ้มจะตายกายนางไม่กระดิก
นานนานถอนใจเหงื่อไหลซิก แน่นิ่งอยู่ไม่พลิกซึ่งกายา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ลูกสาวไปนานครันคอยหนักหนา
คิดคิดผิดใจไม่เห็นมา ไม่รู้ว่าจะเป็นประการใด
กลัวจะผูกคอล้มก้มคอตาย แกวุ่นวายตามมาหาช้าไม่
เห็นลูกนอนซบสลบไป ตกใจเข้ากอดเอาวันทอง
เห็นนางแน่นิ่งไม่ติงกาย ใจคอแกหายร้องเรียกก้อง
น้ำตาอาบหน้าอยู่ฟูมฟอง กอดลูกร้องไห้อกใจตัน
วันทองเอ๋ยแม่วันทองเอ๋ย ไม่อออือออกมาเลยเรียกตัวสั่น
อีเด็กเร็วหวามาช่วยกัน ข้าไททั้งนั้นก็วิ่งมา
บ้างเข้าหนุนหลังบางร้องไห้ นวดคลำขยำไปบีบสองขา
กดหว่างคิ้วไว้ให้ลืมตา ศรีประจันร้องว่าแต่เบาเบา
ที่ขาตะไกรไยไม่ต้อง มือถือมะกรูดจ้องอยู่เปล่าเปล่า
เต็มทีหนักหนาหวาชาวเรา กัดหัวแม่ตีนเข้าอือออกมา
ศรีประจันเข้าปลอบหอบลงเรือ อ้ายเดื่อคํ้าพายออกจากท่า
วันทองฟื้นตัวยังมัวตา โศกาครวญคร่ำมาตามคลอง
โอ้พ่อร่วมห้องของเมียเอ๋ย ไม่ควรเลยที่จะพรากไปจากห้อง
ตัวตายหายเสียงอยู่เชียงทอง ตัวของน้องนี้ก็คงตาย
อาภัพเกิดมาชะตาชั่ว มีผัวประเดี๋ยวหนึ่งก็เป็นหม้าย
จะเอามีดกรีดคอตามพ่อพลาย หมายเกิดชาติใหม่ได้พบกัน
โอ้พ่อเจ้าประคุณของวันทอง พ่อทิ้งเรือนทิ้งห้องไปสู่สวรรค์
ทิ้งเมียเสียรักทุกสิ่งอัน แต่เปลวไฟก็ไม่ทันจะพาดตา
ถึงกะไรได้ฟืนแต่สักดุ้น พอแทนคุณพ่อพลายก็ไม่ว่า
เห็นแต่กระดูกใส่หม้อใหม่มา เมียเห็นเวทนาเป็นพ้นไป
ครั้นจะว่ามิใช่ก็ใจกริ่ง จะสำคัญว่าจริงก็ไม่ได้
เพราะอ้ายขุนช้างมันจัญไร ถ้าคนอื่นเอามาให้จะเชื่อกัน
โอ้ว่าอนิจจาวันทองเอ๋ย กะไรเลยวิบากจริงทุกสิ่งสรรพ์
เกิดมาอาภัพสารพัน แต่ยังน้อยน้อยนั้นก็พ่อตาย
อยู่มากับแม่จนมีเรือน ไม่ล่วงวันทันเดือนก็เป็นหม้าย
จะอยู่เป็นคนไม่พ้นอาย อ้ายฉิบหายรบกวนจนป่วนไป
ผัวตายทางไกลไม่ไปถึง เมียหามีที่พึ่งแห่งไรไม่
สุดจิตรที่จะคิดประการใด เหลืออาลัยเมียแล้วพ่อแก้วตา ฯ
๏ ศรีประจันสงสารรำคาญใจ น้ำตาหลั่งไหลลงอาบหน้า
กอดวันทองร้องไห้ในนาวา โอ้ว่าพ่อพลายมาตายไป
เลยร้องไห้ใหลเล่อเพ้อรำพัน ถึงผัวขวัญของแกที่ตักษัย
เมียเคยปรนนิบัติไม่ขัดใจ รบกินไก่ต้มปลาร้าไม่ราวัน
เมียจะตายตามผัวกลัวผีหลอก กลัวหายใจไม่ออกเมื่ออาสัญ
จะโจนน้ำให้ตายไปตามกัน ก็กลัวจระเข้มันจะคาบไป
เมียจะเชือดคอตายเสียหลายครั้ง แต่รอรั้งกลัวเจ็บไม่เชือดได้
จะผูกคอหาเชือกมาเตรียมไว้ เชือกก็ใหญ่กลัวจะรัดมัดต้นคอ
โอ้พ่อออพิมของเมียแก้ว ตายแล้วกลัวจะไปไม่พบพ่อ
จึงคิดแล้วคิดเล่าเฝ้ารีรอ กะไรพออยู่ไปให้ชรา
แล้วแกกลับหวนระลึกนึกขึ้นได้ ออพลายแก้วแววไวตายแล้วหวา
นี่จะทำอย่างไรเล่าอกอา อนิจจาออพลายมาตายไป
วันทองฟังแม่เพ้อละเมอว่า ยิ่งโศกาสะอึกสะอื้นไห้
ศรีประจันงันงกตีอกใจ แกเผลอไผลรำพันด้วยฟั่นเฟือน
คิดคิดขึ้นมาน่าแค้นใจ หัวอกใครเช่นนี้ไม่มีเหมือน
เขาเลี้ยงกันแก่เถ้ากับเหย้าเรือน เพื่อนทุกข์เพื่อนยากไม่จากกัน
นี่เนื้อแท้ว่ากรรมมาทำเข็ญ เพอิญเป็นให้วิโยคโศกศัลย์
มาอยู่กับวันทองได้สองวัน ยังไม่ทันจะรู้ว่าอย่างไร
มีศึกเชียงทองต้องไปทัพ แม่ยังรับถ้อยคำจำไว้ได้
ออกปากฝากพิมพิลาไลย ด้วยเจ้าหมายใจจะกลับมา
นางพิมร้องไห้พิไรรํ่า ศรีประจันบ่นพรํ่ารำพันว่า
ทั้งแม่ลูกฟูมฟองนองนํ้าตา จนเรือจอดทอดท่ายังอาลัย ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางสายทอง อยู่ในห้องได้ยินเสียงร้องไห้
เปิดหน้าต่างเห็นเรือจอดบันได วิ่งลงไปหาน้องด้วยทันที
วันทองร้องบอกกับสายทอง หัวน้องขาดเด็ดจริงแล้วพี่
โพธิ์กลางบางใบแทบไม่มี สองต้นยังดีประจักษ์ตา
สายทองฟังน้องก็ตกใจ กลิ้งเกลือกเสือกไปไม่เงยหน้า
พี่น้องร้องไห้กันสองรา อยู่ในนาวาจนรอนรอน
สายทองปลอบว่าอย่าร้องไห้ แม่เอ๋ยขึ้นไปบนเรือนก่อน
สายทองประคองเข้าห้องนอน ว่าวอนพูดจาด้วยอาลัย
สายทองว่าพี่นี้มั่นหมาย ว่าหม่อมแก้วยังหาตายจริงๆ ไม่
ขรัวจูดูแจ้งไม่แคลงใจ ดูทีไรไม่ผิดแต่สักที
เมื่อครั้งวันทองน้องเป็นไข้ ถ้าไม่ได้ขรัวจูก็เป็นผี
ผลัดชื่อเสียใหม่สบายดี วานซืนนี้เธอยังว่าไม่เป็นไร
ซึ่งต้นโพธิ์กลางนั้นใบร่วง เห็นจะเป็นคนลวงหาเชื่อไม่
พี่กริ่งว่าขุนช้างทำจัญไร อ้ายหัวใสมันเอาหม้อกระดูกมา
สอพลอขอแม่แม่ให้ปัน วันนั้นเราด่ามันหนักหนา
เถียงกันอึงบ้านกับมารดา วอนว่าจะไปดูโพธิ์สำคัญ
รุ่งขึ้นอ้ายจัญไรไม่เห็นตัว อ้ายชาติชั่วทำโพธิ์เป็นแม่นมั่น
วันนี้เมื่อเย็นพี่เห็นมัน มาแอบอยู่ด้วยกันทั้งบ่าวนาย
จงสงบความไว้ก่อนเถิดแม่ เห็นแน่เหมือนจิตรพี่คิดหมาย
มาดแม้นหม่อมแก้วเธอล้มตาย ลางร้ายก็จะมีสักสิ่งอัน
วันทองว่าพี่ว่าก็เห็นจริง แต่คิดกริ่งใจน้องยังนึกพรั่น
คิดคิดยิ่งวิตกอกใจตัน สะอื้นอั้นจนหลับกับที่นอน ฯ
๏ ครั้นรุ่งขึ้นขาวรอบขอบฟ้า สกุณากู่ก้องร้องสลอน
วันทองตื่นตาก็อาวรณ์ ปรับทุกข์ปรับร้อนกับสายทอง
ถึงหม่อมแก้วตายจริงฤๅหาไม่ จะอาลัยอะไรกับข้าวของ
แต่ผัวรักยังไม่ได้ครอบครอง น้องนึกจะอุทิศทำบุญไป
มาดแม้นหม่อมแก้วรอดกลับมา ข้าวของก็คงหามาได้ใหม่
จะเอาของหม่อมแก้วแววไว ทำบุญส่งไปให้หมดตัว
วันนี้จะไปวัดป่าเลไลย ทั้งจะได่ไล่เลียงกับท่านขรัว
หมากพลูยังมีที่ในชั้ว ทูนหัวช่วยพาให้ข้าไป
ว่าแล้วไปหาศรีประจัน รำพันบอกความสะอื้นไห้
บัดนี้ผัวลูกก็บรรลัย จะลาแม่ออกไปยังวัดพลัน
ผ้าผ่อนของหล่อนที่เหลือไว้ เอาทำบุญส่งไปให้ผัวฉัน
เงินทองเสื้อผ้าสารพัน ศรีประจันว่าไปเถิดแม่ไป
การบุญสุนธรรม์แม่ไม่ว่า เจตนากรวดน้ำส่งไปให้
ของผีของสางเอาไว้ไย ถมไปเงินทองของขุนช้าง
วันทองฟังว่าก็ขัดใจ สะบัดหน้าลุกไปจากหอขวาง
เข้าห้องจัดของออกกองวาง พลางเรียกข้าคนให้ขนไป
ครั้นแล้ววันทองกับสายทอง พี่น้องเดินมาหาช้าไม่
ครู่หนึ่งถึงวัดป่าเลไลย ขึ้นบันไดไปหาท่านอาจารย์
ขรัวจูแลดูเห็นวันทอง เอ๊ะอะไรขนของอลหม่าน
ร้องไห้ร้องห่มออกซมซาน ที่บ้านใครเขาว่าเป็นอย่างไร ฯ
๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องยกมือขึ้นกราบไหว้
ฉันดูโพธิ์ที่พิษฐานไว้ ใบร่วงหล่นไปประหลาดตา
ครั้นจะว่าหม่อมแก้วไม่บรรลัย ก็กริ่งใจเห็นผิดอยู่หนักหนา
ข้าวของทั้งนี้ที่เอามา หมายว่าจะอุทิศทำบุญไป
มาดแม้นผัวฉันรอดตลอดมา ข้าวของคงจะหามาได้ใหม่
แต่ล้วนของหม่อมแก้วแววไว ทำบุญส่งให้จนสิ้นตัว ฯ
๏ ขรัวจูได้ฟังหัวเราะร่า จริงฤๅหวาเองคิดมิใช่ชั่ว
ทำบุญส่งไปอย่าได้กลัว ช่วยผัวให้มาจงไวไว
ว่าแล้วหยิบผ้าที่อย่างดี ห่อคัมภีร์ห่มพระทรงเครื่องให้
ผ้าผืนอัตลัดตัดธงไป เงินทองเอาไว้จะสร้างพระ
แล้วแกจึงว่ากับวันทอง ของเอ็งโมทนาเอาเถิดหนะ
พิษฐานให้ผัวมาเร็ววะ ขอให้ได้ปะกันพรุ่งนี้
วันทองหัวเราะทั้งน้ำตา เจ้าคุณขาว่ากะไรเมื่อตะกี้
ถ้าผัวฉันไม่ม้วยชีวี จะบนปลูกกุฎีถวายวัด
จริงจริงฤๅหวาว่าให้แน่ กูจะแก้มาให้ไม่เคืองขัด
ในเดือนนี้มิมาถ้าผิดนัด จงเอาไฟเผาวัดกูจริงจริง ฯ
๏ ครานั้นวันทองกับสายทอง พี่น้องได้ฟังขรัวทุกสิ่ง
ท้าทายพนันมั่นคงจริง ค่อยสบายหายกริ่งบรรเทาทุกข์
ทั้งพวกข้าไทที่ตามมา ได้ฟังขรัวว่าก็เป็นสุข
ค่อยเสื่อมสร่างโศกเศร้าบรรเทาทุกข์ พี่น้องลาลุกครรไลมา
ครั้นมาถึงเรือนเข้าหาแม่ ข้าไทเซ็งแซ่อยู่พร้อมหน้า
เล่าตามถ้อยคำท่านขรัวตา ศรีประจันร้องว่าไม่เชื่อใคร
ขรัวตาแกเห็นกับสินบน ข้าวของเอ็งขนเอาไปให้
สอพลอพูดพอให้ชอบใจ กูไม่เชื่อใครใครสักนิดเลย ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ