- คำนำ
- คำชี้แจง
- ไตรภูมิกถา ผูก ๑ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๒ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๓ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๔ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๕ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๖ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๗ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๘ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๙ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๑๐ (เลขที่ ๖๐๕๗)
ไตรภูมิกถา ผูก ๗ (เลขที่ ๖๐๕๗)
ถือเหากดาบมาลากชักเอาตัวใปแล ฯ ผิ้แลว่าตายแลจใปเกอดเปนมนุสสใส่ แลว่า เหนเก้านเนิ้อแล ฯ ผิ้ตายแลใปเกอดในสวรรคคใส่ เห่นตันใม้กมมพริกษ เห่นเริอนเทางเหนปราสารทแก้วงามนักหนา เห่นฝูงเทพยดาเฟานรำเหลน ฯ ผี้ตายแลเปนเปรตใส่เหนแกลบแลเข้าลีบ แลให้กรหายนํ้าด้วยเห่นเลีอดแลนํ้าเหนางแล ๚ ผี้ตายแลจใปเกอดเปนสัตวติรจฉานคือนกแลเนิ้อ ฟาน[๑] ถึก หมู หมาใสเหนปาแลต้นไม้ เหนกอใผ่แลเชิอกเขาแลหวากเหวิอเนิอถึกอันมีในป่าใบบ้านแล ฯ ผองสัตวทังหลายเมิอจใกลขาดใจตายแลจใปเอาปฏิสนทิแห่งอินแลเมิอจใกลขาดใจแลแลเกอดนันแลยังรำพึงในใจคนนันใด้ ๔๑ ดวงจิตรคนจึงขาดใจตายจากนี้แลเอาปฏิสนทิเกอดโพน ฯ จิตร ๔๑ ดวงคืออันใดบางเลา ฯ ภวงคจลอันชือภวงคจลนัน อุปาทฏฐิติภงคาให้ตึ่ง ๖ อัน ปญฺจทวาราวชนให้รู้รำพึง ๓ อัน ฯ วิญญาณอันให้รู้แลแลรำพึงนัน ๓ อัน ฯ สมปฏิจฉนนนันอันให้อันเหนอันรู้นัน ๓ อัน ฯ สนติรณอันให้พิจารณาอันข้านั้นเวาฐพฺพน ให้จำหุตตหมั้นแก่อพิจารณา[๒]นั้น ๓ อัน ๚ ชวนอันเสวยวาจอันกลาวเก้านนี้ใด้ ๒๑ อัน ๚ ตทามรณให้ฟังอันเส่วยนั้น ๖ อัน ฯ ภวงคจลอันใจให้ตาย ๓ อันจึงตาย ผสมจิตรวิถีนันใด ๔๑ ดวงแล ฯ อันมีฝูงสัตวแล ๗ อันเปนมหนตารมมณนั้นแล ครั้นว่าขาดใจตายแล้ว กใปแล อันว่าปญจสกลบมิใปด้วยเลย อันใปด้วยนั้นเทาเวน[๓]ใว่แต่บุญแลบาปนั้น หากใปบ่งงเกอดใปวิบากแล เปนต้นใส่แต่บาปแลบุญหากให้เปนดีแลเขนใจ ลางคนใสงามลางคนใส่บมีงาม ลางคนใส่อยืนลางคนใส่บ่มิยืน ลางคนใสเปนดีลางคนใส่เขนใจ ลางคนมิปรีชาลางคนหาปริชาบมิใด ผู้ใดใดเริยนเริ่มอังกา ฑิพระอภิธมมด้วยอมมฤตย จึงจรู้แท้ใส้ ผู้ใดบมิเริยนบมิได้ฟังใส่แลจรู้แท้แก่ใจกยากหนักหนาแล ๚
กลาวเถิงผูงสัตวอันเกอดในมนุสสภูมอันเปนปญจกณฺฑโดยสังเขปแล้วแค่เท่านี้แล ๚
ที่นี้จพณณนาเถิงฝูงเทพยดาอันเกอดในฉกามาวจรภูมเลากยแล อันว่าเทพพยดามิ ๓ จำพวกโสตหนี่งชือว่าสมมุตติเทวดาแล ฯ อนึ่งชืออุปตติเทวดาแล อนึ่งชือวิสุทธิเทวดา ฝูงท้าวแลพรญาในแผนดินเร้านี้ ผี้แลว่ารู้หลักแลรู้บุญรู้ธมม แลกทำโดยพิธราชธมมทัง ๑๐ ปรการ ด่งงนั้น ทานเริยกชือว่าสมุตติเทวดาแล แต่ปกฺขชันฟาเมิองบนชือว่าฉกามาพจรเทาเถิงพรหมเลากยเบิองบนนั้น ชื่ออุปติเทพยดาแล ฯ พระพุทธปเดยกเพาธิเจ้า พรอรหนตาขิณาสาวกเจ้าแต่เสดจเข้าสรูนิฤพพพาน ดงงนั้นใส่เริยกชือว่าเทพยดาแล ฝูงเทวดาอันเกอดในปกขชันฟากดี แลฝูงเทพยดาอันเกอดในอากาศกดี แลอาไส้ในแผ่นดินนี้ขิ้นไปแลเยัาม เอาปฏิสนทิอุปปาติกเย้ามมีอันเดิยวใสเอาปฏิสนธิด้วยปฏิสนธิ ๙ จำพวก ด่งงกลาวเก่านนั้นแล เทพยดาจำพวก ๑ พึ่งรู้เงภูเขาอันอยูในแผ่นดินนีกอยูเปนพิมาร เทวดาจำพวกอยู่กลางพอชิงเหนิอต้นใม้ขึ้นเปนพิมารอยู่มิปราสาทอยูเหนิอต้นไม้ใหวพุมใม้นั้นเปนพิมาร ผิ้มิต้นพัตตาไม้นั้น ขาใดวิมารนันฟังแล ฯ ผี้ไม้นั้นหากหักเองกดี ปราสาทเทวดานั้นพังทลายแลผี้ว่าคาคบใม้นั้นยังค้างใต้ปราสาทพิมารยังค้างนั้นแล ผิ้ค้าใม้หักสินทุกพาย[๔]ใส่ปราสาทเทวดานั้นหักสิ้นแล ฝูงเทพยอันอยูในพริกสพิมารนั้น ถ้าต้นใม้หักพิมารกหักสิ้นแล ๚ ถ้ายังแค่ตอไม้กดีปราสาทแก้วนั้นบมิพังสักยังตังดงงเกาใส ผิ้ต้นใม้นันโคนลงทังรากสิ้นใส ปราสาทนั้นจึงหายแล บมิเหนสักแห่งเลยแปลปราสาทแก้วนั้น ฝูงนั้นคนทังหลายแลดูบมิใดเหนสักคาบ ฝูงผิแลเทพยดาหากเห่นใสที่วิมารด่งงนั้นกดี พระจตุเลากยปาล หากใชผู้เทพยดานันมาแจกให้แก่เขาใสแลใจเขานันจใคฺรเริ่มอังกา ฑีเอาที่ใด้หากจเลิอกเอาเองนันบมิใด แต่แผ่นดินเราอยูนี้ขึ้นไปเบิองบนใด ๓๓๖๐๐๐๐๐๐๐ ผิจนับด้วยเยาชนใด้ ๔๖๐๐๐ เยาชนใสวาจิงใดเถิงชันฟ้าอันชือจาตุมหาราชิกาภุม อันต่างอยูเหนิอเจามเขายุคนธรฝ่ายตรวันตกตรวนออกกดี ฝ่ายหนทกษิณเขาพระศีเนรุราชมีเมิองไหว้เทพยดาอยู่ ๔ เมิองโดยกวางโดยยาวเมืองนั้นใหญใด ๔๐๐๐๐๐๐ ว่าเราบนั้น เทียรเย้ามกําแพงเทาง ปรดับนี้ดวยแก้ว ๗ ปรการแลกำแพงอันเราบนันโดยสูงใด ๘๐๐๐ วา บานปรตูนันเทียรเย้ามแก้วแลมีปราสาทเทางอยู่เหนิอปรตูนันทุกอัน ในเมืองนันเทียรเย้าม ปราสาทแก้วฝูงเทพยดาอยูในแผ่นดินนั้นเปนแผนดินเทาง พรายงามราบนักหนา ด่งงหนัาเกลางแลอ่อนด่งงฟอกผ้าแลแก้วนั้น เมิอเหญิยบลงอ่อนเสนาย[๕] แล้วกแต่มขึ้นมาเลาบมีเหนเรายตีนเลย เนากนันมีนํ้าใสกวาแก้ว แลมีเดากบัวบาน ๕ สิงในสระนันนํ้านั้นเหามด่งงแสงอบแลมีสรพพเดาใม้อันปรเสอดดิงามมิลูกงามแลมีต้นไม้อันปรเสอดดิงามมีลูกอันปรเสอดดิ แลมีโอชารสสอันยิงแลไม้ฝูงนันเปนเดากเปนลูกทุกเมิอแลบเหามจรูรายเลย เทพยผู้เปนพระญาแก่เทวดา[๖]ทังหลาย ฝายตวันออกเขาพระสิเนรุราชนั้นชื่อว่า ท้าวทฒรฏฐราชเปนพรญาแก่เทพยดาทังหลายรวดทัวทังกำแพง[๗]จกกวาฬฝายตรวันออกแล เทพยดาผู้เปนพรญาแก่เทวดาแลฝูงครุทธราช แล่ฝูงนาคราชเถิงกำแพงจกกวาฬ เมิองตรวันตกแลเทพยดาผู้เปนพรญาฝายทกษิณชื่อท้าววิรูลหกราช เปนพรญาแก่ฝูงยกษอันชือกุมพนธ แลเทพยดาทังหลาย รวดไปเถิงกำแพงจกกวาฬ ฝายทกษิณแล เทพยดาผู้เปนพรญาฝายอุตรชือท้าวใพรสพพมหาราชเปนพรญาแกหมูยกษทังหลาย แลเทพยดาฝายอุตตรทิสเขาพระสิเนรุราช รอดไปเถิงกำแพงจกกวาฬฝายอุตรทินันแล อายุสฺมเทพยดาทังหลายในจาตุมหาราชิกานั้นใด ๕๐๐ ปีเริ่มอังกา ฑุทิพยผี้ว่าจนับปีในมนุศสเร้านี้ใด ๙ ล้านในมนุศสเร้านี้แล ๚ แลฝูงเทพยดาอันอยูเหนิอกลางอากาศนั้น ลางจำพวกมิปราสาทแก้วโดยกวางใด ๘๐๐๐ วา กมีลางจำพวกมิปราสาทแก้วโดยกวางใด ๑๖๐๐๐ ว่ากมี ลางจำพวกมิปราสาทแก้วโดยกวางใด ๘๐๐๐๐ ลางจำพวกมีปราสาทแก้วกวางใด ๘๘๐๐๐ วากมีแลอยุทัง ๔ ด้านเขาพระสิเนรุราชเพิยงเมิองใหญเทวดาทัง ๔ อัน ๒ อยูเหนิอเจ้ามเขายุคนธรนั้นแล แม้นว่าไกล้กำแพงจกกวาฬกดีแตด่งงนั้นเรียกชือว่าจาตุมหาราชิกาแล พระอาทิศสกดี พรจนธรกดี แลรริกษทั้ง ๒๗ กดี ดาวดารากรทังหลายกดีเทียรเย้ามเริยนใปเราปเขาพระสิเนรุราชนั้นทุกเมิอ ๚ อันว่าพระญาเทวดาทัง ๔ องคนั้นพรอนธรให้แต่งเมิองฟาเมิองดิน[๘]ทังมวนทุกแหงกมาเริยกชือว่า พรญาจตุเลากคยบาล เพิอด่งงนัน องคพรญาเทวดานั้น โดยสูงใด้ ๖๐๐๐ วาองคเทวดาทังหลายทิเปนบริวารสูงใด้ ๔๐๐๐ วา ผู้ใดใด้กทำบุญใดใปเกอดเปนเทพยดา เย้ามมิปราสาทแก้วเงอนสมปตติเปนทิพยอันอเนกแล เมิอนั้นเทพยดาอยูในปราสาทแลมีเทพยดาองค ๑ ใปเกอด ในผ้าภพพกีด่งงนั้นชือว่าเปนลูกสาวเขางเทพยดาองคนั้นแล เทพยดาลางจำพวกใปเกอดเหนิอทีเนานใสเทพยดาองคนั้น ชื่อว่าเปนเมิยเทพยดาผู้เป็นเจ้าติปารนันแล ๚ เทพยดาลางจำพวกใปเกอดแทบตีนแท่นเทพยดาผู้ใด ๒ ใสแลเทพยดาผู้ใดนันเปนสาวใชเขางเทพยดาผู้นั้น ๒ แล ๚ เทพยดาผูใดแลได้กทำบุญเน้ายใสใด้ใปเกอดในปรตูปราสาทกดี แลเกอดในที่กำแพงแห่งเทพยดาตนใดใด้เปนข้าเทพยดาตนนั้น แตว่าใชพายนอกแล ๚ ชือว่าเกอดเนากกำแพงแก้วอันอันทีเลามปราสาทแก้วเทพยดาด่งงนั้น ผี้ว่าเกอดในนี้ในแดนเทวดาองคใดเปนใพรฟาแก่เทพยดาองคนั้นแล ผี้ว่าผู้ใดเกอดหวางแดนเทพยดาทังเสาง ๒ เริ่มอังกา ฑูเอาไปเถิงพรอินท ให้ธบังคับพระอินทรธจึงบังคับใช้ให้เทวดาองค ๑ มาวัดว่าตูที่นั้นฝ่ายใดใกลสงให้แก่เทพยดาองคนั้นแล ผี้ว่าเท่ากันทังเสางฝายเลา พระอินทรเจ้าจึงถามว่า เมิอเทวดาตนหนึ่งเกอดนัน บายหนาใปขางใดแลสงใหแก่เทพยดา ผู้อยูข้างนั้น ผี้เทวยดา ผู้เกอดนั้นแลเมิอแรกเกอดแลเน้ามเงยหนัาขื้นใปฝายบนแลบมี โดยทิศด่งงนั้น พระอินธรธบมีให้แกเทพยดาผู้วิราคแก่กันนันเลย พระอินธรธเอาใว่เปนใพรฟาธเองแล ๚ เมิอเทพยดาใปเกอดในสวรรคคด่งงนัน ครั้นว่าเกอดเปนตัวกใหญ้ขื้นในที่นั้น บัดเดียวแล ปรดับด้วยสหนิมอาภรณรุงเริอง แลมีรูปโฉมโฉมพรณณหนุ่มแลงามด่งงสาวอันใด ๑๖ ปี อยู่ชัวตน[๙]แลเขามีตัวอันบริสุทธิหามุนทิลบมีใดเลยสักอันเลย แลวาในกายเขานั้นแลจมิสิงอันเหมนแลเปนกลินอันรายในกายเขาเน้ายนืงกบเหารจรูมีในกายเขานั้นเลย แลเทพยดาทังหลายนั้นเขารู้นิมิตใสแลจใครให้ตัวเขาไหว้เท่าใดกใหญ่เทานั้น โดยใจผีจใตรเน้ายเท้าใด ฯ กเน้ายเทานั้นโดยใจแล ๚ แม้นว่าที่อันนิง แลเน้ายปรมาณเท่าปลายเส้นผมกดี แลเทพยดาจะอยู่ที่นั้น ๒๐ องคกใด ๔๐ องคกใด ๖๐ องคกใด ๘๐ องคกใด ด้วยอำนาจจเทพยดานิฤมิตรนั้นแล ๚ แลเทพยดากินอาหารทิพย ทุกวารดงงนั้น อาหารนั้นหากแห้งหายใปในตนเทพยดานั้นแล จะมีมูตรคูธอาจจมด่งง มนุสสทเร้าทังหลายนี้หาบมีใด ตราบเท้าสินอายุสมเทพยดานั้นทังหลายเท้าใด สตชือว่า พญาธิ อาพาธ สิงใด ฯ กดี แลจเกอดมีแก่เทพยดาทังหลาย นั้นหาบมีใดเขาบเหาบจรู้ใขรู้เจบ[๑๐]เทียรเย้ามอยูสุก สำรานใจเขาทุกเมิอแล เย้ามเหลนด้วยลูกแลเมียเขาสนุกนี้ทุกเมิอแล กลาวเถิงชันเทพยดาในจาตุมหาราชิกาภูมแล้วแต่เท่านี้แล ๚
แต่ชันฟ้าอันชือว่าจาตุมหาราชิกาขิ้นไปใกลใด ๓๓๖๐๐๐๐๐๐ ว่าจึงจเถิงชันฟ้าอันชือตาวตึงสานัน ๒ ต่งงอยู่เหนิอเจ้ามเขาพรสิเนรุราชบพพรต อันปรากฏเปนเมิอง พระอินธรผู้เปนพระญาเริ่มอังกา เฑแกเทพยดาทังหลาย ในเขาพระสิเนรุราชนั้นเปนเมิอง เขางพระอินธรโดยกวางคลนา[๑๑]ใวใด ๘๐๐๐๐๐๐ ว่า มีปรางปราสาทแก้วเฉพาะซึ่งเจามเขา พระสิเนรุราชบพพรต แลมิทีเหลนทีหัว[๑๒]สรนุกนี้นักหนาโสต แตปรตูเมิองหลวงฝายตรวนออกเมิองแห่งสเมดจจอมรินทราธิราชใปเถิงปรตูเมิองฝายตรวันตกโดยใกลใด ๘๐๐๐๐๐๐ วาแล แตปรตูฝายขางทกษิณทิสใปเถิงปรตูฝายขางอุตรทิศเมิองพระอินธรเจ้านั้นโดยใกลใด ๘๐๐๐๐๐๐ ว่ามีกำแพงแก้วเลามเราบมีปรตูเราบนั้นใด ๑๐๐๐ นึ่งแลมีเยาดปราสาทอันมุงงเหนิอปรตูนั้นทุกปรตูเทียรเยามเทางแล้วปรดับนีด้วยแก้วทัง ๗ ปรการ แต่ดินปรตูขื้นไปเถิงเยาดปราสาทนั้นสูงใด ๒๔๐๐๐๐ วา แลเมิอหับเผยประตู[๑๓]นันใด้ยินเสิยงสรพพใพรเราะมาถูกเนิ้อพึ่งใจนักหนาดุจเสียงแห่งตุริยดนตรีทังหลายอันใพรเราะหนักแล เทพยดาทั้งหลายอยูในนครดาวดึงสนั้น เย้ามใดยินเสิยงช้างแก้วแลราชรถแก้วอันมีอันด่งงใพรเราะมาถูกเนิอพึ่งใจ[๑๔]นักหนาที่ในทามกลางนครใตรตรึงสนั้นมีใพชนปราสาทโดยสูงใด ๒๔๖๐๐๐๐๐ ว่าปราสาทนั้นงามนักหนาเทียรเย้ามสตตพิธรตนรุงเริองงามพ้นปรมาณ ถวายแก่พระอินธรผูเปนเจ้าใพชนปราสาทนั้นแล ๚แลเมิองนครใตรตรึงสเมิองบุรพพทิศ มีอุทยานทิพยอัน ๑ ชือว่านนทวนุทญาน โดยเราปอุทญานนั้นใด ๘๐๐๐๐๐ วามีกำแพงแก้วเราบมิปราสาทแก้วมุงเหนิอปรตูทุกอันแลสวนขวันนั้นสนุกนี้พ้นปรมาณ แลมีสมปตติแลสพพต้นไม้สรพพลูกไม้ สรรพฺพเดากใม้อันปรเสอดดิแลอุดม แลทิเหลนแสนสนุกนี้สุกขสำราญแก่เทพยดาทังหลายอันอยูใตรตรึงสนั้นแล แทปอุทยานฝายจเข้าสูเมิองนั้นมีสระใหญ่ ๒ อัน ๒ นึ่งชื่อว่านนธาเปากขรณี แลว่า ศนั้นเริ่มอังกา ไฑมีน้ำนั้น สรงามด่งงแผ่นแก้วอินธนิลดูรุงเริองงามด่งงฟาแลบแทบฝั่งนํ้านั้น แลมีสิลาแก้วแทบสระนั้นเสางแผน ๒ นึ่งชื่อนนธาปริถิปาสาณ แผ่น ๑ ชือ จุลนนธาปริถิปาสาณณแลสีลาทังเสาแผ่นนันมีรสมีอันเริองนักเมิอจับดูใสสิลานั้นอ่อน ด่งงว่าถือหนังเหน[๑๕] ๚ เนากเมิองใตรตรึงสฝายทกษิณแลบมีสวนอุทยานใหญอัน ๑ ชือผรสวน แลใม้อันมีในสวนนันอ่อนเนามเคามงามนักหนา ด่งงแสงตัดใวแลมีกำแพงแก้วเล้ามเราบแล มีปราสาททำเหนิอปรตูเทียรเย้ามแก้วดูงามนักหนาเราปอุทยานนั้นใด ๔๖๐๐๐๐๐ วาแทบอุทยาณเข้ามาฝายหนสาลาผี้ใดเต้างถือแลอ่อนเกลียงนักหนาด่งงถือหนังส้านนั้นใส เนากนครใตรตรึงสฝายปจฺฉิมทิศ แลมีอุทยานใหญ อนึ่งสนุกนี้นักหนาแลพึงใจแก่ฝูงเทวดาทังหลายแลอุทยาน นั้นงามนักหนาเริยกชือว่าจิตรลดาวน ฝูงใม้แลฝูงเชิอกเขาอันเปนในสวนนั้น ดูงามด่งงแสงปรดับนี้ แลกำแพงแก้วเลามเราปแลมีปราสาทแก้วมุง ปรตูทุกปรตูแลดูเริองงามทุกแหงทุกพายเราบอุทญานนั้น ใด ๔๐๐๐๐๐ วาแทบ เมิองฝายเข้ามาสูเมิองมีสระเสางอัน ฯ นึงชือจิตรเปากขรณี อนึ่งชื่อจุลจิตรเปากขรณีแลศระแลอัน ๒ นั้น มีแผ่นสิลาแก้วแลอัน ๒ อนึ่งชื่อจิตรปาสาณ อนึงชือจุลจิตรปาสาณดูรุงเริองแลเหลิอมงามนักหนา ผี้ใดเต้างถือ[๑๖]ดูอ่อนงามด่งงหนังสานฝูงเทพยดาเย้ามใปเหลนในที่นั้นเปนที่สระนุกนี้แก่เทพยดาทังปวง ทังฝูงหญิงแลฝูงชายทังหลายแล ๚
ฝายอุตรทิศนครใตรตรึงส มีสวนอุทยานใหญ่ อนึ่งชือสกกวน อันมีใม้แลเชิอกเขาทังหลายงามดุจแส้งแต่งแลมิกำแพงแก้วเลามเราปแลมีปราสาทแก้วกรมปรตูทุกปรตูเราบอุทญานนันใด ๔๔๐๐๐๐๐๐ วา แทบเริ่มอังกา โฑอุทยานฝายมาสูเมิองแลมีศระใหญ่ ๒ อัน ๒ นึงชือสุธมฺมาเปากขรณี อนึ่งชือสุธมมาเปากขรณี แลฟั่งศระนันแลมีสิลาแก้ว ๆ อันชือธมาปริถิปาสาณ อนึ่งชือสุธมมาปริถิปาสาณแลสิลาอันนันมีรสมีอันรุงเริองงาม แลอ่อนด่งงหนังเหน[๑๗] ๚ เนากเมิองใตรตรึงสฝายอิสารทิศ มีสวนใหญอันนึ่งชื่อมหาพลวแล สวนนั้น สรนุกนี้นักหนาแลมีกำแพงเทางคำเลามเราบแลมีปราสาทแก้วกรวม ปรตูทุกปรตูเราบสวนนั้นใด ๖๐๐๐๐๐ วาในสวนมหาวนันมีปราสาทเทางคำใด ๑๐๐๐ นึงเทียรเย้ามปรดับนี้ด้วย แก้วสตพิธรตนในหว่างมหาพลวนั้นุทญาณ แลนนธวนุทยานนั้น มีสระแก้วอนึ่งงามนักหนาเทิยรเย้ามแก้ว ๗ สิงเปนพื้นใด้ ๘๐๐๐๐๐ วาแลมีแท่นแก้วอนึ่ง ไนไพชณรถนั้นกวางใด้ ๘๐๐๐ โดยรีใด ๘๐๐๐ วา ท่านใสกลดแก้อันนี้ที่กลางท่านแก้วน้นกวางใดเยาชนน ๑ แล ดูแทนแก้วนั้นขาวแลดูกรดแก้วนั้น เหลิ้ยมด่งงแสงพระอาทิศสอันเส้างลงมาปกพรจนทรเมิอเดอนดับในหัวใพชนรถนั้นแลมีม้าแก้ว ๒๐๐๐ ตัวเทียมรถแลข้างลพันตัว แลมีเครื่องแก้วปรดับนี้ทุก ๒ ตัวแลรถนั้น เทียร เยามเทางคำแลปรดับนี้ด้วย แก้วสตตพิธรตนแลมีเสร้ายมตาเห้ายเย้ายลง แลมีเดากใม้ทิพยแลวาจพรณณาเถิงความงามนั้น เกรางเปนมาลยแลมีทังแก้วแลทังเทางเห้ายเย้ายลงทุกพายแลมีรใบแก้วแลพรวนเทางอันมีรัสมีอันรุงเริองด่งงสายอินธนูแลฟาแมลบด่งงแสงพระอาทิตยแลวาจพรณณาเถิงความงามนั้นมิถวนใด้เลย ผี้แลวาลมรำพายพัดแล[๑๘]ใดยินเสียงสพพด่งงมีเกาง[๑๙]ดุจด่งงเสิยงพินพาด เค้างเกลางแคร่สงขอันเทพยดาเปาแลตีในเมิองฟ้านั้น ผี้เมิอเดอนขึ้น ๘ คำกดีเดอนเพงกดีเดอนเรมกดี อมมาพสสา[๒๐]กดี พระญาเทพยาฝูงอันชื่อทฒรถราชอันเปนพรญาแก่เทพยดาทังหลายในเจ้ามเขายุคนธรฝายปุพพทิศเถิงเขากำแพงจกกวาฬแลมีฝูงคนธพพาทังหลายเริ่มอังกา เฑาเทียรเย้ามแต่งเคริองปรดับนี้ปรด ตัวด้วยเงอนแลเทางทังหลายทังเคริองปรดับเหนือหัวแลเนื้อตัวทังมวนเทียรเย้ามเงอนยวงอเนกอนนตแลมากกวาเร้ายลานนั้น ทังเคริองแห้เคริองแหนเขานั้นเทิยรเย้ามเงอนเทางแล เทพยดาลางจำพวกถือเค้านถือสากเทียรเย้ามเงิอนเทางเทพยดาลางจำพวกถือทงเทิยรเย้ามเงอนเทางแลออกจากเมิองที่เจามเขายุคนธรนั้น ด้วยฝูงเทพยดาทังหลายจึงขึ้นเขานั้นใปเถิงกำแพงจกกวาฬเมิองบูรพพทิสแล ขับฝูงเทพยดาทังหลายมาเดายอากาศจึงเถิงเจามเขายุคนธรเมิองบูรพพทิศส ฯ ถัดนั้น พระญาองค ๑ ชือวา ท้าววิรุฬหกราชอันเปนพระญาแก่ผีเสิ้อ ผี้กุมภนธทังหลายเถิงแดนเขากำแพงจกกวาฬเมิองทกษิณทิส เคริองปรดับกายท้าววิรุฬหกราชแลบริพารทังหลายนั้น เย้ามลวนแก้วมณีรตนแลงามนักหนาบมิรู้ขิเร้ายขิพันลาน[๒๑] ฝูงเทพยดาถือเค้านแลตรเบางเทิยรเยามแก้วมณีรตน เปนบริวารท้าววิรุฬหกราชขื้นขีม้าตัว ๑ แลเครืองปรดับม้านั้น เทิยรเย้ามแก้วมณีรตนโสต ฯ จึงขับพลใปเถิงกำแพงจกกวาฬเมิองทกษิณมาโดยอากาศเถิงเขายุคนธรเมิองทกษิณ ๚ ถัดนั้น พระญาเทพยดาองคนีชือท้าววิรูปกฺขราชแลเปนพรญาแกฝูงนาคราชทังหลาย เถิงแดนกำแพงจกกวาฬ เมิองปจฉิมทิศฝูงเทพยดาราชอันเปนบริวารบมิรู้ขีเร้ายลาน[๒๒]แลมีเคริองปรดับตัวเทียรเยามปพารตน ฝูงเทพยดาถือสากแลเค้าน ถือจามรีเทิยรเย้ามแก้วปพานรตน แลท้าววิรูปกขราชจึงขับพลใปเถิงเขากำแพงจกกวาฬ เบิองปจฉิมทิศมาโดยอากาศ เถิงเจามเขายุคนธร เมิองปจฉิมทิศ พระสุเมรุราชแล ๚
ถัดนั้น พระญาเทพยดาตน ๑ ชือวาท้าวใพรสพพมหาราชเปนพระญาแก่ฝูงยกษแล เทพยดาทังหลายฝายอุตรทิศ เถิงกำแพงจกกวาฬเบิองอุตรทิศ พระสุเมรุราชแลเคริองประดับตัวพระใพรสพพนั้น แลบริวารทังหลายเทิอรเย้ามเทางเนิ้อสุก ฝูงยกขทังหลายนัน บางถือเค้านถือสากแลจามรี เทียรเย้ามเทางคำเริ่มอังกา ฑํบมิรู้ขิเรายลานแลยกษฝูงนั้น มีหน้าอันพึงกลัว แลท้าวใพรสพพมหาราช จึงขืนขีม้าเหลิองตัว ๑ ดูงามด่งงเทางจึงไปขับพลเถิงกำแพงจกกวาฬเมิองอุตรทิศ พระสุเมรุราชมาโดยอากาศเถิงเขายุคนธรฝายอุตรทิศเขาพระสุเมรุราชนั้น ฯ ยังมีช้างตัว ๑ ชือว่าไอยราพรต แลว่าช้างตัวนั้น แลว่าช้างตัวนั้นมิใชสัตวดิรจฉาน อันว่าในเมิองฟาโพน บมิสัตวติรจฉานตัวเน้ายกดี ตัวใหญกดีหาบมิใดเทิยรเย้ามเทพยดาสิ้นใส ๚ แลว่ายังมีเทพยดาองค ๑ ชือว่าไอยราพณณเทวบุตร ฯ ผิ้แลเมิอพระอินธเจ้าแลมีทิเสจจใปเหลนเหงใด ฯ กดี แลธจใคร่ขินช้างใปเหลน จึ่งไอยราวณณเทพยบุตรกนิฤมิตรตัวเปนช้างเผิอกตัว ๑ ใหญนักโดยสูงใด ๑๒๐๐๐๐๐ วาแลมีหัวใด ๓๓ หัว ๒ เน้าย ๒ อยูเสางหัวอยูเสางข้างเนากหัวทังหลายนั้นแล้ว แลว่าหัวใหญ่ใด ๒๐๐๐ ว่าแลหัวถัดนั้น เข้าใบทังเสางข้าง แลหัวแล ๓๐๐๐ ว่าถัดนั้น เข้าใปกวางแลหัวแล ๖๐๐๐ ว่าแรงเข้าใปเถิงในกแรงใหญ่[๒๓]ถัดกันใปกวางแลหัวแล ๖๐๐๐ ว่าแรงเข้าใปเถิงในกแร่งใหญ่ถัดกันเข้าใปด่งงกลาวนี้แล ฯ ล้วนหัวใหญ้ อันที่อยูทามกลางทังหลายชือสุทสสเปนพรทีน่งงแห่งพระอินทโดยกวางใด ๒๔๐๐๐๐๐ ว่าแล ฯ เหนิอหัวช้างนั้นแลมีแทนแก้วอันนึงกวางใด้ ๙๖๐๐๐ วาแลมีปราสาทกลางแทนแก้วนั้น มีทังเสางแก้วผองนั้นโดยสูงใด ๘๐๐๐ ว่าทังฝูงนันเทียรเย้ามแก้ว ๗ สิงแลมี พรวนเทางเห้ายเย้ายลงทุกแห่งแกว่งใปมาแลมีเสิยงนั้นใพรเราะหนักหนาด่งงเสิยงพาดพินในเมิองฟา ในปราสาทนั้นเทียรเย้ามตัดเพดาลผ้าทิพย[๒๔]แลมีแท่นเน้านอยู่ในทีนั้นกวางได้ ๘๐๐๐ วา แลมีราชอาสหนาเหมานใหญ้เหมานเน้ายเหมานอิงงองคพระอินธรนั้นสูงใด้ ๖๐๐๐ ว่า แลปรดับนี้ด้วยแก้วถหนิมอาภรณทังหลายแลธนงงเหนีอแท่นแก้วนั้น หัวช้างได้ ๓๓ หัวใสพรอินธรธให้เทพยดาทังหลาย ขี้ ๒๒ นั้นมีบุญเพิยงปรดุจพระอินธรใส่ ฯ อันว่าหัวช้างทัง ๓๓ หัวแลหัวมีงา ๗ อัน แลงาอันยาวใด ๔๐๐๐๐๐ วาแลงานั้นมีสระใด้ ๗ ศระ ๒ แลสระนั้นมีบัวใด้ ๗ กอ ๒ บัว แลกอนั้นมีเดากแล ๗ เดาก ๒ แลอันนั้น มีกลีบ ๗ กลีบ ๒ แลอัน ๒ นั้น เริ่มอังกา ฑะมีนางฟายืนรำรบําปพพรตตแล ๗ คนนางแลคน ๒ นั้นมีสาวไช้ใด ๗ คนโสด ฯ ช้าง ๓๓ หัวนั้น ใด้ ๒๓๑ ทาสระนั้น ใด ๑๖๑๗ สระ แตลกอบัวใบสระนั้นใด ๑๑๓๑๙ กอแลเดากนั้น ๗๙๒๓๓ เดากแลกลีบเดากบัวนั้น ใส่ใด้ ๕๕๕๖๓๑ กลีบแลนางฟาอันรำรบำนั้นใด้ ๓๘๘๒๔๑๗ นางแลสาวใชนางรบํานั้นใด้ ๒๗๑๗๖๙๑๙ คนแลมิอยูในงาช้างไอยราพณณ นั้นแลมีสถานที่แห่ง ๑ โดยกวางใด้ ๔๐ เยาชนเปนที่อยูแห่งฝูงนางรำรบำนั้นใด้ ๓๘๘๒๔๑๗ นางแลสาวใชนางรบํานั้นใด้ ๒๗๑๗๖๙๑๙ คนแลมิอยูในงาช้างไอยราพณณนั้นเมิยพรอินธรผู้ปรเสริดดิกว่านางทังหลายชือนางสุธมมาอีกด้วยบริวารทังหลาย แลปรดับด้วยสหนิมอาภรณ แลรุงเริองงามด้วยสตตพิธรตนนั้นน่งงเฟ่าพระอินธรอยูฝายช้าย นางผู้เมียคนนึงเลาชือว่าเจ้าสุชาตา อันธรงสิลหมั้นหมั้นบมิขาดแล ปรดับด้วยอาภรณอิกด้วยบริวารทั้งหลายกใปน่งงเหาพรอินทรเจ้า เจ้านางเมิยผู้ ๑ ชือเจ้าสุทนนธาแลปรดับนี้ด้วยสหนิมอาภรณเทยรเย้ามแก้ว ๗ สิงอิกด้วยบริวารนางนั้น กใปน่งงเฟาพรอินธรฝายหลัง ฯ ถัดนั้นนางเมียคน ๑ ชือนางสุจิตราปรดับกายนั้นรุงเริองงามด้วยบริวารทังหลาย ใปน่งงเฟาพรอินธรเจ้าเมิองซ้าย ฯ ถัดนั้นชันเนากออกไปแลมีแลมีหมูนางฟาทังหลาย เย้ามนางใหญเปนเมิยพรอินธรใด้ ๙๒ คนมีหน้าอันงามนักหนาแลแต่งแง่แชคนด้วยเคริองปรดับนี้ด้วยเทิยรเย้ามแก้วแหวนเงินเทองทังหลายปางถือกลลอ่อนแก้วบางถือคนธีบางถือจามรีแลจามรแก้ว บางถือทงแก้วแลทงเทางแกว้งแลเคริอง ฝูงนีเทียรเยามปรดับนี้ด้วยแก้ว สตตพิธรตนไปน่งงเฟาธอยูเราบนั้น ๚
ถัดนั้น ออกมามีนางทังหลายเปนสาวใชนางทังหลายนั้น เล่าเราบออกไปเลามากนักหนาล่างหมู่ถือคนทีเทางแลกลลออนเทางเฟาอยู ๚ ถัดนั้นออกไปเลามีนางฟาทังหลายมากนักแลสาวสวรรคค เฟานรำรบำถวายแด่พระอินทรเจ้าเร้าบนั้นมากนัก แลยังมีนางเทพยดาธิดา องค ๑ ชือคิดดว่าแลถือพินอันนึงชือว่า มหาวิณา ครันว่านางนั้นติดพินดวงนั้นใส่แลพินทังหลายอันได้ ๖๐๐๐๐ อันทีเปนเพิอนเริ่มอังกา ฒพินนั้นหากด่งงเองแล ใดยินไพรเราะหเพราะหนักหนา ฯ แลวายังมีนางเทพพธิดาคน ๑ แลเทพยธิดาผู้นั้นกเป่าเกลางคู[๒๕] ๑ ชือว่าสุภทราครันวานางนั้นเปาเกลางคูนันใส่แตบันดาเกลางทังหลายที่เปนเพิอนเกลางใด้ ๖๐๐๐๐ คูนั้น หากด่งงไปเองแลใด้ยิน เสิยงเพราะหนักหนาดุจด่งงว่าเปาทุกคูนั้นแล ๚ ยังมีนางฟาผู้นึงเลาหสจฺจนารีดีดพิณอัน ๑ ชือมธุรตรใด้ยินเสิยงใพเรเราะและถูกเนือพึงใจนักหนา ฯ ยังมีนางเทพฺยดธิดาผู้ ๑ ชื่อว่ามณีเมขลา ๚ และเปาสงฺงใหฺญอัน ๑ ชือว่าพิชยยสงฺข ครันว่าเป่าสงขดวงนั้นแลสงขทังหลายใด ๖๐๐๐๐ ลูกอันทีเปนเพิอนสงขนั้นหากด่งงเองดุจมีผูเปาทุกดวงแลมีเสียงใพรเราะเพราะหนักหนาแล ฯ ยังมีเทพยธิดาตน ๑ ชือมหาพิมุทิงคสงขแลเปาสงขอันนึงชือปุถุพิมพนครันว่าเจ้ามุทิงขสงขนั้นใส้ แลมุทิงขสงขทังหลาย ๖๐๐๐ อันเปนเพิอนมุทิงคสงขนั้นหากด่งงเอง ดุจจมีผู้ตีทุกอัน แลมีเสียงนั้น ใพรเราะหนักหนา ฯ ยังมีเทพยธิดาคนนึงชือตปกดีแลตีเกลางลูกนึง ชือว่านนธเภรี ครันว่าเทพยดาตนนั้นตีนั้นใส่ อันว่าเกลางทังหลายใด ๖๐๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนเกลางนั้นหากดั่งเองดุจจมีผู้ตี ทุกอันแลมีเสิยงนั้นเพราะหดีหนักหนา ฯ ยังมีเทพฺยธิดา องฺค ๑ ชื่อ ปนคคิ ตีเกลางหฺนาเดียวลูก ๑ ชือรณมุขเภรี คฺรันว่าตีเกลางลูกนันใส อันว่าหฺมูเกล้างหฺนาเดียวทังหลยได้ ๖๐๐๐๐ อัน ๆ เปนเพิอนเกลางนับหากดังเอง ดุจจมีผู้ตีทุอันแลมีเสียงนันใพฺรเราะหฺนักหนา ฯ ยังมีเทพฺยธิดาตน ๑ ชือนนฺทาแลตีเกลางใหฺญอันนึง ชือว่า เกาฬีมธุรสสุรเภรี คฺรันว่าตีใส่ อันว่าเกฺล้างใหญัทังหฺลายอันใด้ ๖๐๐๐๐ อัน ๆ เปนเพิอนเกฺลางนั้นหากดังเองดุจฺจมีผู้ตีแล ฯ ยังมีเทพฺยธิดาตน ๑ ชือว่ายามาแลตีบันเดาะหอัน ๑ ชือว่าโบกฺขรนันเดาะ คฺรันว่าตีบันเดาะนั้น อันว่าบัณเฑาะทังหฺลายใด้ ๖๐๐๐๐ อัน ๆ เปนเพิอนบันเดาะนัน หากดังเองดุจฺจมีผู้ตีทุกวัน แลมีเสียงเพราะนักหนาแล ฯ ยังมีเทพฺยดาตน ๑ ชือว่าสรโฆสฺสุรเป่าปีฉใหฺ่นแก้วเล่านึง ชือว่านนฺธใหฺนครันว่าเปาปีนั้นใส่ อันฺว่าปี่ทังเริ่มอังกา ฒาหลายอันใด้ ๖๐๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนปีนั้นหากดั่งเอง ดุจจมีผู้เปาทุกอันแล มีเสียงนั้นเพราะหนักหนา ฯ ยังมีเทพยดาตนนึง ชือว่าสรพพางคนาตีเกล้างใหญลูกนึงชือว่าทสสเธาส ครันว่าตีเกลางลูกนั้นใส่อันว่าเกล้างทังหลายอันใด้ ๖๐๐๐๐ อันเปนเพิอนเกลางนั้นหากดังเองดุจจมีผู้ตีทุกอันแลมีเสิยงนั้นเพราะหนักหนาแล ๚ แลผู้เทพยธิดาทังหลายมากนัก แลมีชือตาง ๒ กัน เทิยรเย้ามถือปญจางคิกตุริยแล อันว่าปญจางคิกตุริยนั้นมี ๕ สิ่ง ๒ นึงชือว่าอาคน สิงนึงชือพิต สิงนึงชือนนธ สิงนี้ชือว่า สิริเทียรเย้ามมีสิงตาง ๆ กันเปนด่งงนั้นแล ทำให้ด่งงด้วยกันคาบเดิยว คือว่าเสิยงนั้น ผานด้วยกันแลเปนเพลงเสิยงเปนอันเดียวไปด้วยกันด่งงนั้นใสชือว่าปญฺจางคิกตุริยนันทัง ๖๐๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนปญจางคิกตุริยนั้นหากด่งงเองดุจจมีผู้เปาผู้ตีแลมีเสิยงสานด้วยกันแลไพรเราะหนักหนาแล ๚
ถัดนั้น ยังมีคนธพพผู้ ๑ ชือสุธมมาตีเกลางใหญ่ใบ ๑ ชือสุรนธสพายเหนิอบาชาย ๑ แลตียังมีเกลางใหญ่ ทังหลายใด ๘๐๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนเกลางนั้น จิงดั่งตามเพลงรด้วยรบำบพพ[๒๖]ถวนด้วยกัน แลเพราะหนักหนาแล ฯ ในสฐานทีแหง ๑ โดยปริมณฑลเราบใด ๔๐๐๐๐ ว่าแลเฟานรำด้วยเกลางคนธพพนั้นเหนิอเจามเขาจกกวาฬเบิองบูรพพทิศแล ฝูงคนธพพทังหลาย แลเทพพธิดาทังหลาย อันเปนพลรบำด้วยมากอเนกอนนต ฯ ยังมีคนธพพผู ๑ ชือว่าพิมพสุรกสพายเกลางหนาเดียวลูก ๑ ใหญ่แลตีด้วยเพลงคนธพพแลหมู้เกลางหนาเดียวทังหลายใด ๖๘๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนเกลางหนาเดียวนั้น หากด่งงเองดุจจมีผู้ตีด้วยเพลงแลเกลางนั้นใพรเราะหนักหนาแล ฯ ในสฐานทีดวงแห่ง ๑ โดยปริมณฑลเราบ ๔๐๐๐๐๐ ว่าแลเฟานรำรบำด้วยเกลางคนธพพนั้นเทพยดาแลคนธพพเฟานรำรบำมากนักหนาในทีนั้น ๒ อยูปลายกำแพงจกกวาฬฝายทกษิณทิสส พระสิเนรุราชแล ฯ ยังมีคนธพพดาตน ๑ ชือว่าทีรมุขสพายเกลางใหญ่ใบ ๑ แลตีในบนกำแพงจกกวาฬฝายปจฺฉิมทิสพระเมรุครันว่าตีเกลางเริ่มอังกา ฒิใบนั้นอันว่าเกลางทังหลายอันใด้ ๖๘๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนเกลางนั้นหากด่งงเองโดยฉันธตามกันตามเกลางนั้นเปนเพลงเดียว ฝูงคนธพพแลเทพยดาทังหลายฝูงรบำรำด้วยกันแหงนั้นมากหนักหนาในทีนั้นโดยมณฑลเราบใด ๔๐๐๐ ว่าในบนกำแพงจกกวาฬปจฉิมทิศพระเมรุราช ฯ ยังมีคนธพพเทพยดาผู้ ๑ ชือว่า ปญจสิขรเทวบุตรสพายเกลางใหญ่ลูก ๑ ชือสสสุรนั้นครันว่าตีเกลางใสอันว่าเกลางทังหลายใด ๖๘๐๐๐ อัน ๒ เปนเพิอนเกลางนั้นด้วยฉนธอันตีในทีดวงแห่ง ๑ โดยมณฑลเราบใด้ ๔๐๐๐๐๐ วา จึงขับเสพยแลเฟานรำรบําด้วยคนธพพนั้นเหนิอเจามเขาจกกวาฬเบิองอุตตรทิศเขาพระสุเมรุราชนั้น ฯ ฝูงคนธพพแลเทพยดาทังหลายรำรบำด้วยกันมากนักแล ฯ ใพร่ฟ้าข้าทยพระอินธเจานั้นธมีมากนักด่งงกลาวมานีแล ฯ อีกท้าวจตุกปาลทัง ๔ คนเย้ามเอาปริพาฬใปด้วยแลเย้ามไปเฟ่าพระอินธรแล ฯ อิกพรญายกษทังหลาย ๒๘ พรญาเย้ามถือเคริองอาวุธแล้วเย้ามมาแห้แหนพระอินธเจ้าแล้วกเฟาธอยูแล ฯ พระองคอินทราธิราชนั้นธปรดบอาภรณงามนักหนาด่งงกลาวแล้วนั้นแล ทังฝูงเทพยดาทังหลายอันเปนบริวารนั้น เย้ามปรดับด้วยสหนิมอาภรณทังปวงอันลมยด้วยแก้ว ๗ ปรการแล งามมีพรณณตาง ๆ แล้วเย้ามเข้ามาเฟามาคัลยา พระอินทรเจ้ามากนักจนับบมิถวนใดเลย ฯ อิกนางฟาทังหลายอันเปนเมิยพระอินทรเจ้าใด้ว ๒๔๐๐๐๐๐๐ คน บางถือกานํ้ามีอาทิ คือว่ากลลอ่อมแก้วกลลออมเทางแลฉตรทวชพัตรจามรีทังหลายนันเยามปรดับนี้ด้วยสหนิมอาภรณในคนดูงามพ้นปรมาณจคณณาบมิใด้เลย ฯ อิกฝูงคนธพพเปนพลรบําใด้ ๒๔๐๐๐๐๐๐๐ ตีเกลางแลฉิงแฉงแตงขับกับเสิยงพินพาดนาตรำรบําเหลนเต้มเขากำแพงจกกวาฬ ๔ ทิศใหญ่ทังมวน แลเหามกรแจะจวงจนธร อิกพรณณเดากไม้อันขจรทุกแหงแตงพัดเข้าเร่าเถิงพระอินธรเหามฟุงทุกแหง พรอินธรจึงใปเหลนทิศระนั้นสนุกนี้นัก ล้างคาบพระอินธรลงจากข้างไอยราพตเดินพิ้นไปเหลน แลมีฝูงนางฟาทังหลายเปนบริวารงามสเหลานเทียรเย้ามทรงอาภรณอันปรเสิดดิตาง ๆ ใด้หนทางในเริ่มอังกา ฒีเมิองฟาอันหวางกว่างใด ๔๐๐๐๐ ว่าแลใปเหลนในสวนทีสนุกนี้แล ๚
เนากพระนครไตรตรึงสฝายอาคเณทิศ มีพรเจติยเจ้าพระองค ๑ ธรงพรนามชือพระจุลามณีเจติยเจ้าแลรุงเริองงามเทียรเย้ามแก้วอินทนิลแล แตกลางใปเถิงปลายเทียรเย้ามเทางเนิ้อแล้ว แลปรดับนี้ใปด้วยแก้วสตตพิธรรตนแล จคณนาโดยสูงใด้ ๘๐๐๐๐ ว่าแลที่นั้นมีกำแพงเนิ้อแล้วเล้ามเราป แลกำแพงนั้นแตลอันลดานล ๑๖๐๐๐๐ ว่ามีทังกรดาสแลทงชยแลกลตชุมสายทังหลายเยามปรดับนี้ด้วยแก้วแลเงิอนเทาง บางดำบางแดง บางเหลิองบางขาวแลเขิยวเย้ามแล้วแต่แก้ว ๗ สิงชิ้งทานผูกในใบกลตแลทงดูงามเหลิอมเหลิอมพรายงามตามกันทังหลายมากนักหนาแล เทพยดาทังหลายถือเคริองเปาแลตีดีดสีคีด[๒๗]สพพตุริยดนตรีทังหลายไปบำเรอหถวายบูชาพระเจติยเจ้าทุกวารบมิขาด พระอินธรเย้ามใปนมสสการ แต่พระเจติยเจ้ากับด้วยเทพยดาแลนางฟาทังหลาย เปนบริวารเย้ามมีมือถือเข้าเต้ากแลเดากใม้เทิยนทูปราศสุคนธชาติบูชาชวาลาทังหลายใปถวายแด่พระเจติยเจ้าบมีขาดแลเย้ามกทำปทกษิณแดพระเจติยเจ้าทุกวันแล ฯ เนากเมิองใตรตรึงสฝายอิสารทิศแลมีสวนอุทยานอันนึงชือว่าปณฑริกวนอยูแทบสวนอุทยานอันนึ่งชือมหาวนนั้น สวนอุทยานอันชือปณฑริกวนนั้น มีกำแพงเลามเราบทัง ๔ ด้านแลดานแลดานล ๑๖๐๐๐๐ วายังมีปรตูแก้วแลปรสาทแก้ว มุมปรตูทุกอันด่งงกล่าวเก่านนั้นแล ฯ สวนอุทยานนั้นมีใม้เทางหลางใหญ่ต้น ๑ ชือปาฤกชาติกลลพรกษเราบพุมใม้นั้นใด้ ๒๔๐๐๐๐๐ ว่าโดยสูงใด ๘๐๐๐๐๐วา เราบต้นใม้นั้นใด้ ๑๒๐๐๐๐ วาโดยกวาง พุมไม้นั้น ใด ๘๐๐๐๐๐ วา แลไต้ต้นนั้นมีแทนสิลาแก้วอันนึงชือว่า ปณฑกมูล โดยรีใด้ ๔๘๐๐๐ วา ด้วยกวางใด ๔๐๐๐๐ วา โดยหนาได ๑๒๐๐๐๐ วา แต่เฑ่นแต่งฉันด่งงเดากสเองแลอ่อนด่งงฟูกผ้าอ่อนด่งงเหงานราชหงสเทาง ผี้เมิอพรอินทรนังเหนิ้อแผ่นสิลานั้นอ่อนลงใปเพิยงสดือ ฯ ผิ้เมิอพรอินธรธลุกลงจากสีลา เริ่มอังกา ฒุ๒ นั้นเต้มขื้นด่งงเก่านเลาแทบปาฤกชาติกมพลนั้นเอากไปฝายเนากมีสาลาใหญ่อนึงชือสุธมมาเทพยดาสภาคยสาลางามแลดูปรเสดดิกว่าสาลาทุกอันโดยกวางใด ๒๔๐๐๐๐๐๐ วา มณฑลขวางกเท้ากันโดยสูงใด ๔๐๐๐๐๐๐ วาโดยมณฑลเราบใด้ ๗๒๐๐๐๐๐ วา พืนสาลานั้นเทิยรเย้ามแก้วผลึกรตนแลปรดับนี้ด้วยแก้ว ๗ สิงแลมีกำแพงเทางเลามเราบ แลมีเดากใมสิง ๑ ชืออสาพดิเหามนักหนาแล เดากใม้นั้น บานบานนัก แม้นว่ายังลพันปีจิงจบานกดี ฝูงเทพยดาทังหลายมีใจรักใครชมใครทัดเดากใม้นั้นเทพยดาทังหลาย ถ้าเหนเดากใม้นั้นบานแล้ว เย้ามปันกันใปอยู่เฟาเดากใม้อัน ๑ หวาจบานแลอยูเราด ท้วนพนปีนั้นแลเพราะว่ารักเดากใม้นั้นแล เดากเทางหลางอันชือว่าปาฤกชาตินั้นแม้นว่าเร้ายปีเดากใม้นั้นจิงบานกดี ฝูงเทพยดายินรักใครนักหนาแล ถ้าแลดูเหนเดากใมหวาจบานเทิยรเย้ามบันกันให้ฝูงเทพยดาใปอยู่เฟาเดากใม้นั้นกว่าจบานผี้ว่าเดากใม้นั้นแลบานลวนทุกกิงทุกกานแล้ว แลมีแสงอันรุงเริองงามนักหนารสมีเดากปาริกชาตินั้น เริองใปใกลใด้ ๘๐๐๐๐๐ ว่า ถาแลวาลมรำพายพัตใปข้างใดเหามกลินเดากใม้นั้นฟุงใปใกลใดล ๘ แสนวาเหามใป ฝูงเทพยดาทังหลายเหานภักขิ้นเอาเดากใม้นั้นเลยสักคาบ เทวดาผู้ใดใด้จใครเอาเดากใม้นั้น ผี้แลวาเอาผ้าไปหอเอากดี เอาปรอบใปใสเอากดี ยังมีลมอัน ๑ พัดให้เดากใม้นั้นหลนตกลงสูทีอันจใสนั้นเองแล เมิอเทพยดาทังหลายแลยังใปทันรับเอาเก่านใสยังมีลมสิงนึงพัดมาชูเดากใมนั้น ใวบนอากาศบมีใดตกลงเถิงคํ้าใตยังมีลมสิง ๑ แตงพัดเดากใม้นั้นเขาใปในสุธมมาเทวสภาคยสาลานั้น๚ ยังมีลมสิง ๑ แต่พัดเดากใมนั้นให้เริยงกันด่งงแสงเรายเริยบแล ผี้เมิอเดากใม้นั้นเหิยวแล้วใส ยังมีลมสิง ๑ แตงพัดเอาเดากใม้นัน ออกใปเสิยจากสุธมมา เทวสภาคยสาลายนั้น แลมีธมมาสแก้วอัน ๑ ด้วยใหญ่ใด ๘๐๐๐ ว่าเปนธมมาสอยูในสาลานั้นแล แลมีที่น่งงพรอินธรอันเปนราชอาสนทิพยแล้วจิงมีทีน่งงเขางพระเทพยดาทัง ๒๒ องคอันใด้กทำบุญด้วยพระเริ่มอังกา ฒูอินทรเจ้าแต่เถ้านเทิยรเยามเปนอาสทิพย แลจึงมีที่นังเขางเทพยดาทังหลายอันเปนใหญโดยอันดับกันเทิยรเย้ามปูลาดอาศนเย้ามผ้าทิพย เทพยดาลางหมูมีหมูมีเดากใม้ทิพยเปนที่น่งงเทพยดาลางหมูมีเดากใม้ทิพยกณณิกาทิพยเปนทีน่งง โสตดูเหลิองงามด่งงเทางเนิ้อสุกขเย้ามเปนที่น่งงแห่งเทพยดาทังหลายถวนทุกคน แล๚ พระอินทรจิงใปในสุธมมาเทวสภาคยสาลาเพื่อจให้เทพยดาทังหลายมาชุมกัน[๒๘] ในสาลานั้นแล แต่พรณเดากใม้ทิพยอันเหามดีมีในเมิองใตฺรตรึงสนั้นมีลมพัดฌัตลอองเกษรเดากใม้นั้นเข้ามาในสุธมฺมาสเทวสภาคฺยสาลา แลตกเหนิอตัวเทพดา ๒ นั้นสูงใด ๖๐๐๐ วาแล ดูเหลิองงามด่งงท่านแสงเอาน้ำครังมาแดนนันแล ฝูงเทพยดาทังหลายเหลนอยู่ด่งงนั้นใศใด้ ๔ เดิอนจิงแล้ว ๚ ผี้เมิอเทพยดาทังหลายจสดับธมมใตรตรึงสสวรรคนั้นใส ๚ ยังมีพรหมตน ๑ ชือว่าพรหมกุมารลงมาแต่พรหมเลากยโพนแลลงมานิรมิตฺรตนเปนด่งงคนธพพยผู้ ๑ ชื่อปญจสิกขคนธพพจิงขิ้นเหนิอธมมาสแลเทสนาธมม แลพรหมตนนั้น แสงนิรมิตรตัวเปนด่งงคนธพพเทวบุตรผู้ชือวาสิกขรนั้น เพราะว่าคนธพพเทวบุตรตนนั้นงามถูกเนื้อพึงใจฝูงเทพยดาทั้งหลาย ฯ อันวาสคนธพฺพเทวบุตรผู้นั้น เมิอยงอยูในเมิองมนุสสเลากยนี้แลว่าใด้กทำบุญมามากแล้วแลใด ใปเกอดใบจาตุมหาราชิกาแลเทพยดาตนนั้นสูงงใด้ ๖๐๐๐ แลว่าปรดับนี้ด้วยเคริองสหนิมอาภรณทังหลายเทียรเย้ามแก้วแหวนเงอนเทาง แลดูรุงเริองงามด่งงด่งงภูเขาเทางแล อันว่าอาภรณนั้น ถาแลว่าจเถาดออกใส่เกวิยนในมนุสสนี้ใด ๑๐๐๐ เกวิยนแล ฯ อันว่ากระแจะแลจวงจนธรอันเทพยดาทาตัวนัน ถาแลว่าจขูดเอากใสตุมแลใหใด ๙ ตุมแลอันว่าตุมแลใหแตลลูกนั้นใหญ่จุเข้า ๔ กระเชอแลท่านจิงนุงผ้าขาวอันบริสุทธิแล้วจิงเสาตกุณฑลในกรทังเสางงามนักหนา แล้วจึงกลาวผมเปน ๕ เกล้าแล ชักม้วยออกอันทัง ๕ อันนั้นแลใวปลายผมนั้นเห้ายลงใปข้างหลังทุกอัน แลคนธพพผู้นั้นเกล้าผม ๕ อันเหตุด่งงนั้นจึงเรียกว่าปพพาสิกขรเพิอด่งงนั้นเริ่มอังกา เฒ แลคนธพพเทพยบุตรตนนั้นเขาบเนิ้อพึงใจ แก่เทพยดาทังหลายนักแล ฯ ผิ้พรหมผู้นี้ ชือว่าสนตกุมารแลมาพรหมเลากยแลมานิฤมิตรตนเปนด่งงคนธพพเทพยบุตรผู้ชือว่าปพพาสิกขรแลเทสนาธมมให้เทพยดาทังหลายฟ่งง ฯ ลางคาบเทพยดาในสวรรคมีผู้รู้ธมมใสแลเทพยดาทั้งหลายยกเชอญขิ้นเทสนาธมมในที่นั้น ฯ ลางคาบเลา พระอินทรธรขิ้นธมมาสนันแล้วเทสนาธมมเอง ผิ้เมิอพระอินธรเจ้าเทสนานั้นท้าวจตุเลากยคบาลทัง ๔ เอาปริวารใปเฝ่าใปคัลลปทัง ๔ ทิศแห่งสุธมมาสเทวสภาคสาลานั้น แลคนธเทพพบุตรทังหลายยกเอาสัพพตุริยดนตรีทังหลายทังหลายใปบําเร้อห บางดีด บางสี บางตี บางเปา บางฃับ บางรำ ในปลายเขากำแพงจกกวาฬทัง ๔ ดาน ถวายแด่พระอินธรเจ้าด่งงกลาวเกานนั้นแล ๚
อันว่าพระจตุเลากยปาลเดอนดูดีดูร้ายแห่งเลากยทังหลายนี้ทุกวัน เย้ามใชให้เทพยดาองคอินมาตางตัวในวันสีลเน้าย[๒๙]คือวันอฐมีนั้นใสเย้ามใชลูกมาตางตัว ผิ้แลวันสิลใหญ[๓๐]คือวันปูรณณมีแลอมาพสสา[๓๑]นั้นใสทาวจตุเลากปาลทัง ๔ เยามมาเองเดอนดูเอง ฯ เมิอเทพยมาตางตนกดี ลูกธมาเองกดี แลตัวธมาเองกดีเทียรเย้ามถือแผ้นเทางเนิ้อสุกแลถือพินสอนันอันธำด้วยชาติหิงคุลนั้นมาด้วยแลเดอนใม้ใปดูทุกแห่งทังถินถานบ้านเมิองใหญเน้ายทังหลายในมนุสสเลากยนี้ทุกแห่งแล ล้าแลว่าผู้ใดทำบุญทำธมมใสธจิงเขิยนนามผูนั้นลงในแผ้นเทางเนิ้อสุกนั้นว่าด่งงนี้ ท่านผู้นี้ชือนี้อยู่บ้านเริอนนี้ใดทำบุญธมมฉันนี้ ๒ มีอาทิคือใหญนบคำรพยสมาบูชาแลปฏิปตติแดพระสีรตนตรยแลเลิยงดูพอแลแลแมอยำแยงผู้เถ้าผู้แกรักพี้รักเน้างแลรักทานผู้อีนแลชีต้นอาจารยแลครูบาทยาย[๓๒] แลให้ผ้ากถินแลกอพรเจติยกทำคูหาปลูกกุฏิวิหาร แลปลูกพระสีมหาเพาธิแลสดับนี้ฟังพระธมมเทสนาแลจําสิลเมตตาภาวนาสวดมนตใหวพระแลอำนวยทานยำเกรงสมณพราหมณ ผู้มีสิลแลบูชาธมมทังปวงนี้ ถ้าแลว่าผู้ใดแลกทำแตลสิง ๒ ต่งงนั้นกดี เทพพดาเริ่มอังกา ไฒก็เขิยนนามลงในแผ้นเทางด่งงกลาวมานั้นแล ฯ แล้วจิงเอาแผ้นเทางนั้นใปให้แก่ปญจสิขรเทวบุตร ๒ นั้น จิงเอาใปให้แก่พระมาตุลี ๒ นั้นจึงเอาใปทูลถวายแด่พระอินทรเจ้าแล ฯ จึงเทพยดาทังหลายกอานดูในแผ่นเทาง ถ่าว่าเหนบานชีในแผ้นเทางนั้นมากใส่ จึงเทพยดาทังหลายกเสางสาธุการยิ้นหลากยินดีนักหนา ด้วยคำว่าด่งงนี้ มนุสสทังหลายจใดขื้นมาเกอดเปนเพิอนเร้านี้มากนักหนา แลว่าจตุราบายโพนจเปลาอยู่แล ฯ ผี้ว่าเทพยดาทังหลายเหนบานชีในแผ้นเทางนั้นเน้ายใส่ จึงเทพยดาทังหลายยากยินรายแล้วกชวนกันว่าด่งนี้ โออนิจจา คนทังหลายในมนุสสเลากยโพ้นกทำบุญเน้ายนักหนา ชเร้ายเข้าชวนกันกทำบาพพมากนักแลเขาจใดใปเกอดในจตุราบายโพนมากนักแล กลัวว่าจำเนิยรใปพายหนาเหญียวว่าเมิองฟาเร้านีจเปลาเลิยแล ฯ แลพรอินทรจึงถือเอาแผนสุวันณปตติ อันมีอักษรจาฤกนามสปปุรุสสทังหลาย อันทำบุญนั้น พระอินทรเจ้าจึงอานหนังสือในแผนเทางนั้นให้เทพยดาทังหลายฟัง ฯ เมิองว่าพรอินธรจเค้ายอานใส้ใดยินออกใปใกลใด้ ๘๐๐๐๐ ว่าแล ถาว่าพระอินธรจเร้างอานด้วยเสิยงแขงใส่ใด้ยินเสิยงนั้น ใส่เพราะหเปนกังวาลทัวทังเมิองใตรตรึงสรอันกวางโดยคลณาว่าใวใด ๘๐๐๐๐๐๐๐ ว่านั้นทัวทุกแห่งสิ้นแล ๚
แต่มีปราสาทแก้วแลปราสาทเทางทังหลาย อันเปนวิมานเทพยดาทังหลาย อันอยู่ในอากาศแลสูงเพิยงงเจ้ามพระสุเมรุเลิอนไปเถิงปลายกำแพงจกกวาฬด่งงนั้น เกีดแลทาบกเริยกใตรตรึงสแล ฯ อายุสมเข้ายืนใด ๑๐๐๐ ปีทิพยใด ๓๖๐๐๐๐๐๐ ปีในมนุศลแล อันว่ายุสมกดี สมปตติแห่งพระอินธรแลฝูงเทพยดาทังหลาย มีด่งงกล่าวมานีแล ฯ เพราะว่าใดกทำกูสลบุญธมมมาแตเกานแล ฯ ผู้ใดแลจปราถนาไปเกอดในเมิองสวรรคใส่อยาใด้ปรามาทลืนคนควรเร่งขวนขวาย กทำกูสลบุญธมมให้ทานรักษาศีล เริ่มอังกา โฒเมตตาภาวนา อุปปถากรักษาสิลปิตามาตาผู้เถ้าผู้แก่ ครูอุปชฌาอาจารย แลสมณพราหมณ ผู้มีสิลใส่ กจใดใปเกอดในสวรรคแล ฯ กลาวเถิงใตรตรึงสเมิองสวรรคแล้วแต่เท่านี้แล ๚
แต่ใตรตรึงสสวัรรคนั้นขึ้นใปเบิองบนสูงใด ๖๗๒๐๐๐๐๐๐๐๐ ว่าผิ้จคลณาด้วยเยาชนใด้ ๘๔๐๐๐ เยาชนจึงถึงฟ่าอันชือว่ายามาแลมีฝูงเทพยดาทังหลายนั้นอยู่ในชันฟาแลมีปราสาทแก้วปราสาทเทางปราสาทเงอนเปนวิมานแล มีกำแพงแก้วเลามเราบ แลมีสวนแก้วอุทยาณอันดีแลมีสระเปากขรณีแล ฯ อันวาเทพยดาทังหลายหมูนันมีองคแลหนาตารุงเริองงามนักหนาโดยสูงตัวเขาใส่ใด ๘๐๐๐ วาทุก ๒ องคแล ฯ อันว่าเทพยดา ผู้เปนพระญาแก่เทพยดาทังหลายในชันฟานั้น ชือว่าสุยาจเทวราชในชนฟานั้น บมีเหนพรอาทิตยเลย เพราะว่าสูงกว่าพรอาทิตยนักแล้ เทพยดานั้นเทียรเย้ามเหนด้วยรสมีแก้วทังหลายแลรัสมีตัวเทพยดาทังหลายด้วยแล ฯ ชึงว่ารู้จักรุงแลดํานั้นใสแลมาอาไส้แก่เดากไม้ทิพยนั้นแล ฯ ผี้ว่าเมิอใดเหนเดากไม้นั้นบานใสจึงรู้ว่ารุงแล ฯ ถ้าแลว่าเหนเดากใม้นั้นหุบเข้าใส่จึงรู้ว่าคํ้าเมิอนั้นแล ๒ ว่าอาใส่แก่เดากไม้ฉะนี้จึงรู้แล ฯ อันว่าอายุสมเทพยดาชันนั้น ยื่นใด้ ๒๐๐๐ ปีทิพยแล ใด ๑๔๔๐๐๐๐๐๐ ปีในมนุสสเรานี้แล ๚
แต่ชันฟ้าอันชือว่ายามานี้ขิ้นใปเบิองบนสูงใด้ ๑๓๔๔๐๐๐๐๐๐ ว่าผี้จคลณา[๓๓]ด้วยเยาชนใด ๑๖๘๐๐๐ เยาชนจึงเถิงอันชือว่าตุสสิตาสวัรรคนั้น ๒ มีปราสาทแก้วปราสาทเงอนแลปราสาทเทาง เปนวิมานแลมีกำแพงแก้วเลามเราบโดยกวางโดยสูงโดยงามนั้น ยิงกว่าปราสาทเขางเทพยดาทังหลายอันอยูชันยามานั้นแล มีปณณาการทุกสิง คือศระแลสวนดุจกันชันฟ้าทังหลายแล ฯ อันว่าเทพยดาอันเปนพระญาเริ่มอังกา เฒาแก่เทพยทังหลายในชันนัน แลจชือว่าสนตตุสสิตเทพยราชแล ฯ หมูเทวดาทังหลายในชันนัน อันอยู่ในตุสสิตานั้น รู้บุญรู้ธมมทังพระเพาธิสัตวเจ้าผู้ส้างสมภารอันจลงมาตรัสสเปนพรพุทธเจ้าใส้ เทียรเย้ามสถิศในชันฟ้านันแล ๚
บัดนี้พระศรีอาริยเมตรยเจ้าผูใดลงมาตรัสสเปนพรพุทธเจ้าพายนาในภทธกลลป์นี้ กเสดจจสถิตในที่นั้นแล เย้ามตรัสสเทสนาธมมาให้เทพยดาทังหลายอยู่ทังหลายฟงงอยู่ทุกเมิอบมีขาดแล ฯ แลว่าอายุสมใสใด้ ๔๐๐๐ ปีทิพยใด้ ๕๗๖๐๐๐๐๐๐ ปี ในมนุสสนี้แล ฯ แต่ชันฟ้าอันชือว่าตุสสิตานั้นขิ้นไปเบิองบนใด ๒,๖๘๘,๐๐๐,๐๐๐ ว่า ผิ้แล จคณนาด้วยเยาชนใด ๓๓๖๐๐๐ เยาชนจึงเถิงชันฟ้าอันชือว่านิมมานรดีนั้น ๒ เทิยรเย้ามมีปราสาทแก้ว แลปราสาทเงอน ปราสาทเทางเปนวิมาน แลมีกำแพงแกว กำแพงเทางเล้ามเร้าบแลมีแผนดินเทางราบเพิยงเสมอกันงามทุกแห่ง แลมีสรนํ้าอาบแลนํ้าสรงสพพทุกสิงทุกอันแลมีสวนแก้ว เหมิอนกันด่งงชันอันชือว่าตุสสิตาสวรรคคนั้น แตว่ายิงงามยิงดีขึ้นใปกว่าแล ๚ ฝูงเทพยดาบนี้อยู่ในชั้นนั้น ถ้าแลว่ามีใจปรารถนาจใครหาอันใด้ ๒ กดี เขาหากนิฤมิตรตนให้เปนเองโดยใจรักเขาใส่ใดทุกปรการแล ฯ เขาเหลนด้วยหมูนางฟาทังหลายโดยใจเขานั้นแล จิงเริยกชือว่านิมมานรดี เพิอด่งงนั้นแล ฯ ฝูงเทพยดาอันอยู่ในชันฟ้านั้น อายุสมยืนใด ๘๐๐๐ ปีทิพย ผิจคลณาปีในมนุสสเลากยใด้ ๒๓๐๔๐๐๐๐๐๐ ปีแล
แต่ชันฟาอันชือนิมมานรดินี้ขึ้นไปเบิองบนโดยสูงใด ๕๓๗๖๐๐๐๐๐๐ วา ผิจคลณาด้วยเยาชนเริ่มอังกา ฒํใด ๖๗๒๐๐๐ เยาชนจึงเถิงชันฟา อันชือว่าปรนิมมิตสวตติสวัรรค แลแต่ชันฟา ๖ อันชือฉกามาพจรสวรรคแล ฯ อันว่าชันฟา ๖ ชันนี้ใส่ ปรเสอดดิด้วยสุกขสมปตติยิงชันฟาทังหลายนั้นแล ฯ ผี้จใครใดสรพพทิพยเภาชนาหารสิงใด ๒ กดี แลมีเทพยดาองคอิน หากมานฤมิตร เปนสิงนันแลใดโดยใจเองทุกปรการ จึงเริยกชือว่าปรนิมมิตตสวตติสวัรรค เพิอด่งงนั้นแล ฯ อันว่าเทพยดาในชันนันตัวเขาสูงใด ๖๔๐๐๐ ว่าทุก ๒ คนแล ฯ อันว่าเทพยดาผู้เปนพรญาในชนนั้น ชือปรินิมมิตตสวตติเทวราชแลเปนพรญาแก่เทพยดาทังหลาย อยู่ฝาย ๑ แล พรญามาราธิราช ผู้เปนพรญาแกหมูมารทงหลายอยูฝาย ๑ แลในชันฟานี้ มีพรญาเสางองคแล บเห่านใด้ใปเฟาใปคัลยกัน[๓๔]แต่ชันฟาทังมวนอันมีเทิยรเย้ามแดนเถิงแดน กำแพงจกกวาฬทุกชันฟาแลแต ๖ ชันฟานีชือฉกามารวจรภูมแล ฯ อายุเทพยดาในชันปรนิมมิตตสวตตินั้น ยืนใด้ ๑๖๐๐๐ ปี ๚
[๑] ฟาน = อีเก้ง
[๒] ให้จำหุตตหมั้นแก่อพิจารณา = ให้ตัดสินได้ในการพิจารณาอารมณ์
[๓] เทาเวน = ยกเว้น
[๔] สินทุกพาย = สิ้นทุกทาง
[๕] อ่อนเสนาย = อ่อนนิดหน่อย
[๖] เปนพระญาแก่เทวดา = เป็นเจ้านายของพวกเทวดา
[๗] รวดทัวทังกำแพง = ตลอดทั่วทั้งกำแพง
[๘] แต่งเมิองฟาเมิองดิน = ให้จัดการดูแลเมืองสวรรค์และเมืองมนุษย์
[๙] อยู่ชัวตน = อยู่ตลอดชีวิต
[๑๐] บเหาบจรู้ใขรู้เจบ = ไม่มีเจ็บไข้ได้ป่วย
[๑๑] คลนา = คณนา, นับ
[๑๒] ทีเหลนทีหัว = ที่เล่นสนุกสนาน
[๑๓] เมิอหับเผยประตู = เมื่อปิดและเปิดประตูนั้น
[๑๔] ถูกเนิอพึ่งใจ = ถูกอกถูกใจ, ถูกใจ
[๑๕] หนังเหน = หนังอีเห็น
[๑๖] เต้างถือ = ได้จับต้องถือไว้, จับถือไว้
[๑๗] หนังเหน = หนังฟอกแล้ว
[๑๘] รำพายพัดแล = พัดกระพือ
[๑๙] ด่งงมีเกาง = ดังอึงมี่และกึกก้อง
[๒๐] อมมาพสสา = วันอมาวสี, วันสิ้นเดือนจันทรคติ
[๒๑] มิรู้ขิเร้ายขิพันลาน = ไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันล้าน
[๒๒] บมิรู้ขีเร้ายลาน
[๒๓] แรงเข้าใปเถิงในกแรงใหญ่ = ยิ่งเข้าไปถึงก็ยิ่งใหญ่
[๒๔] ตัดเพดาลผ้าทิพย = คาดผ้าทิพย์เป็นเพดาน
[๒๕] เป่าเกลางคู = เป่าปี่คู่หนึ่ง, เป่าขลุ่ยคู่หนึ่ง
[๒๖] รบำบพพ = ระบำบัพพะ
[๒๗] ตีดีดสีคีด = ตี ดีด สี ขับร้อง
[๒๘] มาชุมกัน = มาประชุมกัน
[๒๙] วันสีลเน้าย = วันพระ ขึ้น/แรม ๘ คํ่า
[๓๐] วันสิลใหญ = วันพระ ขึ้น/แรม ๑๔/๑๕ ค่ำ
[๓๑] อมาพสสา = วันอมาวสี, วันสิ้นเดือนทางจันทรคติ
[๓๒] ครูบาทยาย = ครูอุปัชฌาย์
[๓๓] คลณา = คณนา, นับ
[๓๔] ใปเฟาใปคัลยกัน = ไปเข้าเฝ้า