- คำนำ
- คำชี้แจง
- ไตรภูมิกถา ผูก ๑ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๒ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๓ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๔ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๕ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๖ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๗ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๘ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๙ (เลขที่ ๖๐๕๗)
- ไตรภูมิกถา ผูก ๑๐ (เลขที่ ๖๐๕๗)
ไตรภูมิกถา ผูก ๖ (เลขที่ ๖๐๕๗)
เริ่มอังกา ฏเหตุการใดเหตุการนัน อันวาเราทานจใดพบพรสาสนาพรพุทธเจ้าวนียากนักหนาแลอันวาบุญแลธัมมอันใด้กทำในสำนักนิ พรพุทธเจ้าแลพรปเตยกโพธิเจ้าแลพระอรหันตขิณาสพพเจ้าทังหลาย อันวาผลบุญนันมีมากนักหนาถาจนับจคณนาใสบมิถวนใดเลย ฯ ด้วยการณดังนีแลแตนีใปเบิองหนาจงทานหมันทำบุญหมันอวยทานหมันสดับนีฟังธัมมจำสิล หมันเริ่มอังกา ฏาสอนใจ[๑]อยาให้เคิยด[๒]เสพยดวยมิตรสหายผูดีแลพรองคเจ้าอยามีความปรมาทแกพระธัมมสักเมิอเลย ฯ
ครันว่าพระบาทพระเจ้าสีธัมมาโสกราชใด้ฟังคำนางอสันธมิตตาอนุโมทนาสอนด่งงนัน พระองค ธ จิงกลาวแกนางพรญาว่าด่งงนี ดูกรเจ้าอสันธมิตตาแตนีใปเมีอหนาพีจฟังคำเจ้าผิดแลชอบฉันใดฉันใดกดี เจ้าผูมีบุญกลาวแกพีใสพีจฟังเจ้าทุกอันแล ฯ แตนันใปพระญาสิธัมมาโสกราช ผูมีอำนาจจจิงกทำบุญทำธัมมนันนักหนา ธให้กทำพระมหาธาตุ[๓]ใด้ ๘๔๐๐๐ พรองคในกลางชมพูทวิปทัวพระนครทุกแห่ง ใหทำพระวิหารใด ๘๔๐๐๐ แลถวายจังหันแกเจ้าใทพระสงฆทังหลายแลวันล ๖๐๐๐๐ สำรับถวนพระสงฆทังหลายแลวันล ๖๐๐๐๐ พรองคเชาทุกวารชัวตน[๔] ฯ แลกลาวเถิงยตสักดิสมบัตติแหงพระญาสีธัมมาโสกราชผูเปนจุลจักกพัตติราชแล้วแล ฯ
อันวาฝูงบุญแลใด้เปนลาบเปนดี[๕]มีราชสมบัตติมากนักหนาในแผนดินนีมิเท้าปรกติจักกวัตติราช แลพลจวักกวัตติราชแหงนึง อนึงโสดผูใด้กทำบุญแลมียตสักดิสมบัตติยิงกทำพรญาจักกพัตติราชทังสองสิงนี กยังมิดังงพระญามัททาตุราช ใดเสวยราชในจตุมหาทิปกับทังเมิองฟาอันชือวาจาตุมหาราชิกาแลดาวดึงษาแลยอมทิโภคคอันดี แลมีนางฟาทังหลายอันมีรูปโฉมโนมพัณณวณเนิอตัวแลหนาตาเพราเพริด[๖]เฉิดฉายงามนักหนาเปนบริวาร อีกทังหมูเทพยดามาใหว้มาคัลย[๗]จำเริอญทุกวารทุกคืนดุจด่งงขุนนางทังหลาย เริ่มอังกา ฏิอันใปเฝาใปคัลยท้าวพรญานันแลจพรรณนาบุญนันมิถวนใดเลย ปรเสิฏฐผูอยูในเมิองทานแลมีบุญด่งงโชติกเสฎฐีนันยังมี ๚
เมิอนันยังมีเสฏฐีผูนึง ชิอโชติกเสฏฐี ผูนึง แลอยูในเมิองราชคฤหมหานครแล เสฏฐีนันมีปราสาท ๗ ชัน พรรณณยอมแก้ว ๗ ปรการสัตตพิธรตน ฯ แลพืนแผนดินบานนันเทิยรยอมผลิกกรตนอันใสแลงามนักหนาดังหนาแวน[๘]อันทานขัดสีใดแลพันคาบนันแล รอบบานนันมีกำแพงแก้วลอมใดเจดชันเทิยรยอมแก้วสตพิธรัตตน แลในหวางกำแพงนันมิต้นกรรมมพริกษเริยงกเปนทองแถวใปทุกชันมีชืงมุมปราสาทนันในมุมบานนัน มีขุมทองทัง ๔ มุมขุมทอง นึงนันกวางใด ๘๐๐๐ วา ขุมทองอันนึงกวางใด้ ๖๐๐๐ วา ขุมทองขุม ๑ กวางใด ๔๐๐๐ วา ขุมทองขุม ๑ กวางใด ๒๐๐๐ วา แลขุมทองทัง ๔ ขุม นีโดยฤกนันใสใดยิบแสน[๙] ๔ หมืนโยชนแล ขุมทองฝูงนันยอมเตม ดวยกองเงิอนกองทองกองแก้ว สัตตพิธรตนเตมปากขุมแลสูงแลขินดังทานกองลูกตาลใวนันแล ฯ ผิแลวาใปตักเอาเทาใด ๒ กดีบมิรูมดรูพรองเลยสักคาบ เงิอนทองแก้วแหวน อันอยูใตนัน หากพูลเกิอดขินมาเตมดีดังเกาบมิรูมดรูพรอง ดังนำอันใหลออกมานันแล ฯ แล ๔ มุมปราสาทนัน มีออยทอง ๔ ลำ ๒ ใหญเทาลำตาลอันใหญ แลใบออยนันเทิยรยอมแก้วมณิรตนแลขอออยนันเทิยรยอมทองในปากปรตูกำแพงทัง ๗ ชัน นันมียักษอันเปนใหญ ๗ ต่นอยูเฝาอีกด้วยบริวาร ในปากปรตูชันนอกมียักษผูนึงชือวา ยมโกลิยักษ แลมียักษบริวารพันนึงอยูเฝาในปากปรตูกำแพงแก้วอันเปนคำร่พยสองชันนันมียักษผูนึงชือ อุปัลล แลมีบริพารยักษสองพันอยูเฝา ในปากปรตูเคารพย ๓ เหมิอนนันยักษชือ ธปีลลยักษมีบริวาร ๓๐๐๐ อยูเฝา ฯ ในปากปรตูอันเปนคำรพย ๔ ชันมียักผูใหญชือวชิรวามยักษอีกด้วยบริวาร ๔๐๐๐ อยูเฝา ในปากประตูกำแพงเปนคำรพย ๕ ชันมียักษผู ๑ ผูใหญชิอสกนยักขมีบริวาร ๕๐๐๐ อยูเฝาพายาบาล ใบปากประตูกำแพงอันเปนคำรพย ๖ ชันนันมียักษผูใหญต่นนึง เริ่มอังกา ฏีชือกตารตยักษ แลมียักษบริวาร ๖๐๐๐ อยูเฝา ในปากปรตูกำแพงแก้ว อันเปนคำรพย ๗ ชันนัน มียักษผูใหญผูนึงชือ ทิสาปราโมกขยักขมียักขบริวาร ๗๐๐๐ อยูเฝาพายาบาล แลสมบัตติเสฏฐีนันโอฬาฤกดงงนัน คนทังหลายจิงใปพิดทูลแก่พระเจ้าพิมพิสารราช ผูเสวยราชในเมิองราชคฤหนครนัน พระญานัน ธ จิงใหเอาเสกรฉัตรมาอภิเษกมหาเสฏฐีแลนางเมียโชติกเสฏฐีนัน นางแก้วอันมาแตอุตรกุรุทวิป เมิอมาแตอุตรกุรุทวิปนันนางเอาหมอเขาแก้วมาด้วยลูกนึง แลเอาอันเปนกอนเสาเทาลูกฟักมาด้วย ๓ กอน แลแก้วนันชิอโชติปาสาณ แลเอาเข้าสานมาด้วย ๓ ทนาน อันชือวาสัญชาติสาลีนัน สองทนานเข้าอัน[๑๐]คันธรศ[๑๑]หอมนักหนาเข้าสองทนานหูงให้โชติกเสฏฐีกินรอดชัวต่น[๑๒]เข้านันมิรูสิ้นเลยครันเอาเขาสานใสหม้อ แล่งใสเข้าสานนันกเตมมาดังกอนแลเข้าสานนันบมิรูสินเลยสักคาบ ผิจใสเตมรอยเกิยนกดี เข้าสานสองทนานนันบมิรูมดรู้พรองใปเลยเตมอยูทังสองทนานนันด่งงกอนแล เมีอจหูงเข้าเอาเข้าสานสองทนานนัน ใสลงในหมอแก้วแล้วจิง ตังขีนเหนิอกอนเสาแกวอันชือโชติกปาสาณนัน ครันเอาหมอตังงขีนบัดเดิยวไฟหากลุกขีนในกอนเสาแก้วนั้นเอง ครันวาเข้านันสุกใสไฟหากดับใปเองแล ฯ เมิอแกงแลทําขหนมขตมของกินอันใด ๒ กดุจเดียวผูอันใดปราสาทเอยาวเริอน[๑๓]เสฏฐีนันเทิยรยอมเริองดวยรัสมีแก้วทุกเมิอแล ใต้ไฟปรทิปเทิยรแหงเข้านันบมิขาดเลย[๑๔] สมบัตติเปนมลากเปนดี[๑๕] แหงโชติกเสฏฐีนันฦๅชาทัวแผนดินชมพูทวิปนีทุกแหงแลฝูงมหาชนคนทังหลายตางคนตางขีนยานคานหามจิงมาดูสมบัตติแหงโชติกเสฏฐีนัน ๒ จิงให้หูงเข้าสองทนาน อันเอามาแตอุตรกุรุทวิปนัน ใหแกฝูงคนทังหลายอันทีมาดูเหลนนันกินแล จึงใปเอาเคริองสนิมภาภรณ[๑๖]อันเปนเคริองปรดับต้นเข้านันแลเอามาแตต่นกัมมพริกษนัน มาปรดับให้เข้าทีใปดูนั้นทุกคนแล ฯ แล้วเสฏฐี จิงเผยขุมทองอันกวางใด้สองวานันเริ่มอังกา ฏุให้แลดูแล เสฏฐีจิงวา ค่นผูใด้จใครเอาเงิอน ทอง แก้วแหวนเทาใด ๒ กดี แลให้เกบเอาโดยใจทานผูปราถนาเทิอด ฯ ฝูงคนทังหลายในชมพูทวิปนัน ตางคนตางมาตักเอาโกยเอาเงิอนทองแก้วแหวน ทีในขุมทองอันเดิยวนัน ๒ บมิรูมดรูพรองเลยสักคาบแลว่าจลงปรมารมิอนึงบมิแล[๑๗] ๚
เมิอนันพรญาพิมพิสารราชผูเสวยราชสมบัตติในเมิองราชคฤหนครนัน แลมีพระใทยจใครเหนสมบัตติแหงโชติกเสฏฐีนัน พรองคจิงเสจมาด้วยบริวารทังหลาย เถิงปากปรตูกำแพงแก้วชันนอกนันกอน ฯ แลข้าหญิงเสฏฐีนันแตงกวาดแผ้วหญากเหญิอเสิยนัน แลมีรูปมีโฉมเปนอันงามนัก แลทาศีรผูนันกยืนมือใปเพิอวาจใหพรญานันหน่วงขินทิปากปรตูนั้น แลพรญานันมิทันหนวงมิทันขินเลย เพราะว่าพรญานันเหนนางทาสีผูนันงามแลพระองคใสใจว่าเมิยของโชติกเสฏฐีแล พรญานัน ธ บมิใด้ตองถือมิอ[๑๘]แหงทาสีผูนันเพราะพรองคเหนงามแลขามใจแลอาย บมิยุดมือถือ[๑๙]แขนทาสีนันแตหมูผูหญิงทังหลาย อันอยูกวาดแผวแลเอาหญากเหญิอเสิยทิปากปรตูชันนอกนัน พระญาเหนเขานันงามทุกคน พระยายอมใสใจว่า[๒๐]เมิยโชติกเสฏฐีสินทังนัน พระญาบมิอาจจจับมือถือแขนเขานันแตสักคนเลย เมิอนันโชติกเสฏฐีนันกมาตอนรับพระญาพิมพิสารราชบพิตรนังเถิงปากปรตูชันนอกปราสาทแล เชิอญพรญาใปกอนเสฏฐีจิงคอยเดอนตามหลังมา ฯ ครันวาพรญาแลยกเทาวยางเข้าใปในปราสาทนันเหนแก้วมณีรตนอันเปนพีนปราสาทนัน แสงใสรุงเริองตรหลอดลงใปเบิองตำนันขุมดุจจอันลึกใด ๗ ชัวบุรุสส[๒๑] พรญา ธจิงคำนึงในพระทยวาเสฏฐีนีขุดลุมใว แลหวังจใหกูนีตกลงบมิญาแล[๒๒]พรญาจิงยุดอยูถ้าเสฏฐี เสฏฐีแลเหนพรญาอยูคอยด่งนัน เสฏฐีจิงทูลแดพระญาว่าข้าแตพระองคเจ้าข้าอันนีมีใชลุม คือวาแก้วมณีรตนใส เสฏฐีจิงใปกอนพระญา แลว่าด่งงนี ขอเชอญพรองคเจ้าเสดจมาตามข้าพระบาทนีเทิอด ฯ พรญาจึงคอยเสดจจใปตามหลัง เริ่มอังกา ฏูเสฏฐีนันแล ทิใดทีเสฏฐีเหญิยบใสพรญาจิงเหญิยบตามใปแลพรญาเดอนใปตามเสฏฐีวันนัน พรญาจิงแลดูปราสาทแตสถานตำเถิงสถานเบิองบน ด้วยปรการด่งงนันพรญาอชาติสัตรู ผูเปนลูกพรญาพิมพิสารกมาด้วยพระบิดาแล ถือปลายมือพระบิดา[๒๓]พระญาผูเปนบิดา ใปดูปราสาทแก้วอันงามด่งงนัน จิงคำนึงแตในใจว่าด่งงนี้ อันวาพอกูนีเปนใหญใปจิง[๒๔]ด่งงฤๅแล เสฏฐีนีแลมาอยูปราสาทแก้วสตพิธรตนแลผู้เปนใหญในปราสาทใม ผิแลวันใดแลกูใด้เปนพระญาใส่ แลกูจชิงเอาปราสาทนีแกกูแล ฯ เมิอนันพระญา ธจึงขินใปเถิงชันนันพอยามบาย[๒๕]แล พระญาจิงว่าแกเสฏฐีด่งนี กูจกินเข้างาย[๒๖]ในปราสาทมหาเสฏฐี ๒ นันจิงวา สาธุ ข้ายินดีนักแล ฯ เสฏฐีจึงอังเชิอญพระญาใหญสรงนำอันหอมแล้วอังเชอญพรญานังเหนิอรัตตนบัลลังคทองอันต่งงในบัลลังแก้วสัตตพิธรตนทีเสฏฐีเคยนัง ใหแกพรญา ธนัง ฯ เมีอนันฝูงชาวครัวกหาเข้านันเอากิลินทปายาตร[๒๗]ใสเตมตรใลทองอันมีคาใดแสนตำลึงแลจิงมาตัวใวซึงหนาพรญานัน ๒ กใสใจวาเข้าต่งง[๒๘] พระญาจิงลางมือจักเสวยเข้าปายาศนัน ฯ เสฏฐีแลเหนพระญาจเสวยกิลินทปายาสอันแตงใวรองตรใลเข้าต้นดงงนันแลเสฏฐีนันจึงหามพระญาว่าด่งงนี ขาแตบพิตรเจ้าข้า อันนีมิใชเข้าต้นแลเข้ากิลินทปายาศตางหาก ๒ แตงรองตรใลเข้าตนใส่ แลพระองเจ้าอยาเพอเสวยกิลินปายาศนิใสใว้ แตงรองด่งนีเพีอจใครเอาอยานันอยาให้เข้าเอยนใส[๒๙]เสฏฐีว่าด่งงนันแล้ว จิงให้เข้าต้นหูงด้วยเข้าสาน อันมาแตอุตรกุรุทวีป นันใส่เตมตรใลทองอันนึงมาตังเหนิอตรใลเข้ากิลินปายาศนันแลจิงอังเชอญใหพระญา ธ เสวยเข้าพระญานันกเสวยเข้า ๒ นันกเรงหอมเรง อรอยเรงมิโอชารศ[๓๐]นักหนา แลหารศอันจเสมิอบมิใดเลยกินเทาใด ๒ กบมิรูอิมเลย ฯ มหาเสฏฐีแลเหนพรญา เริ่มอังกา เฏเสวยเข้านันมานักแล้ว เสฏฐีจิงกราบใหว้พระญาแลขอหามว่าด่งงนี้ ข้าแตบพิตรเจ้าข้า ๒ เสวยเข้าแต่เทานันเทิด แตพ่ภอบังควรแลพระองคเจ้าเสวยเข้านิมากนักแล้ว เหญิญวา[๓๑]จเปนอเชยร[๓๒]แกพรองค เหญิยว่าจเปนโทศเพราะอาหาร ฯ พรญาจิงวาแก่มหาเสฏฐีด่งงนีมหาเสฏฐีทานคิดเสิยดายเข้าแกเร้ากลัววาเราจกินเข้าของทานเปลิองใปปรฤๅฯ มหาเสฏฐีกวาด่งงนี้ ขาพรบาทนีบมิใดคิดเสิยดายแก่พรองคหาบมิใด แลจกลัวเปลิองกหาบมิใด แลเข้าหม้อเดียวนี แกงข้าหมอเดิยวนี้ แมนวาริพลบาวใพรข้าใทของพรองคทังหลาย จมากินสักเทาใด ๒ กดีบมิรูมดพรองจากหมอนี้เลย อันวาข้าหามพระองคเจ้าใส ข้ากลัวเหญิยวพระองค[๓๓]จมิอันเปนเพิอเสวยอาหารพ้นปรมาณพรองคเจ้าเสดจยังเริอนข้าพระบาทนิแล้ว แลดีใปถ้าพรองคเจ้าหาอัน เปนบมิใด้กอดีอยู ถาแลพรองคเจ้าแลมิอันเปนใส้ ใพรฟาข้าใททังหลายจวาใดวาพรองคมิอันเปนใส่ เพราะใปเริอนเสฏฐี ๒ นิหากทำรายแต พระองคเจ้าแล ฯ พรญาจิงกลาวแกเสฏฐีวาสาธุ ดีแล้ว ผิว่าด่งงนันเร้าจเสวยแตเทานันแล ฯ พระญาจิงอยูเสวย ครันวาพรญาอยุดเสวยใส เสฏฐีจิงใหหาเข้านําเลิยงลูกเจ้าลูกขุนทมุนทนายใพรฟาข้าใททังหลาย อันใปด้วยพรญานันกินให้ทัวทุกคน ๒ ทังหลายอันใปเปนบริวารพรญานันกินเข้ากินแกงทุกคน ทังชาวเมิองทังหลายอันทิหากใปเองนันกดี เสฏฐีกเลิยงให้กินทุกคนแต่เข้าหม้อเดิยวนัน แลกับแกงหมอเดิยวนันกินบมิรูสินสักคาบ ผิว่าตักออกเทาใดกดี กยังเตมอยูด่งเดียวแล พระญาจิงถามมหาเสฏฐีวาเมียของเจ้ายังมีฤๅ ฯ เสฏฐีกทูลแดพรญาว่าเมียขาพรองคมีแล นางนันเปนนางแก้วมาแตอุตรกุรุทวิป ฯ พรญากถามวา นางแก้วเมียทานนันอยูแหงใด้ ฯ เสฏฐีจิงขานแตพรญาวาข้าแตบพิตร นางแก้วนันอยูในครรพภ[๓๔]ทินอนพายในปราสาทโพนแล พระองคเจ้ามาเถิงปราสาทข้าด่งงนีกดี ข้าพรเจ้านีบมิเริ่มอังกา ไฏรูเพราะว่าขาพรเจ้านี้อยูในสุกขสัมบัตติแลบมิรู้เพีอดงงนัน แลเสฏฐีนันจิงรำพึงในใจวา เหมิอนนึง พระญาจใครเหนเมียกูแลเสฏฐีกว่า ข้าจใปหาเมิยข้าพระเจ้านันมาใหใหว้พรองคบัดนี ครันวากลาวแล้วกลุกใปสูครรพภทินอนอันมีในปราสาททินางแก้วอยูนัน จิงเจรจาด้วยนางแก้วว่าด่งงนี วาดูกรเจ้าบัดนีพระบาทพรเจ้าพิมพิสารราชผูเปนพระญาเสวยราชในเมิองราชคฤหนคร มาเถิงปราสาทแหงเราพีนองนี แลทานมานังอยูทีนังพีหองนอกโพนแลพีให้ทานเสวยเข้าแล้ว แลเชอญเจ้าออกใปใหวทานเทิอดนางจิงวาดังนี พระญานันเปนด่งงฤๅ แลทานจใหข้าออกใปใหว้ทานนันฯ เสฏฐีกบอกวาทานนันเปนเจาเปนพระญาเสวยราชเมิองนี้ทานนันเปนเจ้าแกเรา[๓๕]แลด่งงฤๅแลวามิรูจัก ฯ นางกวาข้าอยูทุกวันนิขาบมิรูวาเรานีมีเจ้าแล ข้าพึงรู้ว่าเรานีมีเจ้าในวันนีแล บุญเราอันมีเพียงนีแลมีเจ้าด่งงนี ชะรอยวาเราทำบุญแตกอนโพนเรานีบมิใดกทำด้วยสัททา อันมียิงแลแลเราจิงเกอดมาแลมีเจ้าด่งงนีชีอวาเรากทำบุญด้วยอันยิงจิงใส เรากหาเจ้าบมิใด้แล ฯ เจ้าจักใด้เปนเจาแกคนทังหลายด่งงทาน ผูเปนพระญานีแลฯ ครันวานางกลาวนางจิงรำแกเสฏฐีแลว่า เมีอทานจใหข้าใปใหว้ทานผูเปนพรญานีจควรใหข้าปรฏิบัตติเพยงใดจงเจ้ากูใดบอกแกขา ฯ เสฏฐีจิงว่าเจ้าใปใหว้ทานนัน แลเจ้านังงอยูถือพัชชนีวีพัดทานอยูเทิอด ฯ เมีอนันจิงนางจิงคอยลีลาออกใป แล้วแลยอมือใปใหว[๓๖]พรญาแล้ว ๒ กถือพัดอยูพัดพรญาเจ้าแล ฯ พัดนันใบตาลแก้วแลนางถืออยูพัดพระองคดงงนัน ลมพัดออกแลอายทูบ[๓๗]อันทีเขาอบผ้าทรงแลผ้าฟอกพรญานันแล มีกลินอันอับด้วยใฟนันใปตองต้านางแก้ว ตานางแก้วนันกแสบนักหนา แลมีนำตานันใหลออกมานางจึงเอาผ้ามาเชดนำตาเสีย ฯ พรญาเหนนางเอาผ้าเชดตานางนันพระญาเริ่มอังกา โฏใสใจว่า นางนังรองให้ พรญาจิงกลาวแกโชติกเสฏฐีว่าด่งงนี ดูกรเจ้าโชติกเสฏฐี แลนางผูเปนเมิยเจ้านีใมงามนักหนาแลเหนกูมาด่งนีใสใชเราจมาชิงเอาสมบัตติอันเปนมากเปนดีแหงเจาแล นางจิงรองให้ฤๅครานีเรามาใสแควาเรามาชมบุญเจาใสจงเจ้าว่าแกนางอยาให้นางรองใหเลย ฯ เสฏฐีกราบใหว้ทูลแดพระญาวาด่งงนีตนเปนขาผูเปนเจ้าแลว่านางบมิใดรองให้ บัดนีอายธูปอันอบอันรมเคริอง สหนิมอาภรณอันพระเจ้าทรงนันหากมาตองตานางขาผูเปนเจ้า เพราะวาอ่บด้วยใฟแลแสบตาขาพระผูเปนเจาแลนำตาของนางต่กใส้ เพราะว่าในปราสาทข้านีกินอยูสิงใดกดีอ่บรมสิงใดกดี ยอมอาใสแกรัสมีแก้วมณี รตนบหอนอาใสแกไฟเลยสักคาบ อันวาในปราสาทพระองคเจ้าใส ยอมอาใสแกรัสมีเพลองแล ฯ ครันวาเสฏฐีกลาวแล้ว เสฏฐีจิงว่าด่งงนี สืบใปเลาข้าแตพระองคผูเปนเจ้า แต่นีไปเมีอหนาข้าจให้พระองคผูเปนเจ้าอาใสแกรัสมีแก้วแลขาบมิให้พระองคเจ้า อาใสแกรัสมีเพลองดงงเกาเลย ฯ ครันเสฏฐีพิทูลแดพรญาแล้ว เสฏฐีจิงเอาแก้วดวงนึงใหญเทาลูกแตงโมลูกใหญแลคณนาคาแก้วดวงนันบมิใดเลย เสฏฐีจิงถวายแดสมเดจพรบาท พระเจ้าพิมพิสารราช ๒ เหนสมบัตติแหงโชติกเสฏฐีอันโอฬาฤก ประเสอดดีพ่นปรมานดงงนันท้าว ธ กมีใจโสมนัศยยินดีนักหนา ธ จิงจากปราสาทมหาเสฏฐี แล้วกลีลาคืนมาดวยยศบริวารสูพระราชมณเทิยรพระองคดงงเกาแล ๚
เมิอนันจิงพรญาอชาติสัตรูกุมารผูลูกพระญาพิมพิสารผูเปนบิดาดวยถอยคำว่า ด่งงนีสมบัตติโอฬาฤกแหงมหาเสฏฐีนีนันบมิควรแกเสฏฐีอันอาใสแกเรานี้ ครันวาเราชิงเอาเปนสมบัตติของเราผูเปนทาวเปนพระญาจิงควรใส ทาวพิมพิสารราชผูเปนบิดาจิงว่าดงงนี อันวาเจ้าจชวนพ่อใปชิงเอา สมบัตติมหาเสฏฐีนันบมิชอบในคลองธรรมเพิอดงงฤๅกแลพอจิงวา เหตุวาสมบัตตินันบมิเกิอดด้วยบุญเราพอลูกหาบมิใด้แลสมบัตตินันเกิอดเริ่มอังกา เฏาเพราะบุญโชติกมหาเสฏฐี เมิอมหาเสฏฐีใด้กทำบุญแตกอน แลพรพิสสนุกัมมมานิมิตรใหแกมหาเสฏฐีใสแลมิใดด้วยปรการอันอืนแลว่าเราจชิงเอานันบมิควร ฯ อยูจำเนิยรการไปพรญาอชาติสัตรูมาสมาคมด้วยเทวทัตตเอาเทวทัตตเปนครูแลเทวทัตตนันจิงสอนให้ชิงเอาสมบัตติแหงพอตนพรญาอชาตติสัตรูจิงเอาราชสมบัตติถินถานบานเมิองแตพอตนแลวจิงฆาพอตัวเสิย ครันใด้ราชสมบัตตินันแกตนแล้ว จิงรำพึงในใจตนว่า ฉันนีทีนีควรกูใปชิงเอาปราสาทแก้วของโชติกมหาเสฏฐี แลพระญาอชาตติสัตรู จิงเอาริพ่ลใปสภักบาน[๓๘]โชติกมหาเสฏฐี วันนันพอเปนวันปัณรสีมหาเสฏฐีกินเข้าแล้วแลใปจำสิล ๘ อันอยูแลฟังพระธรรมเทศนาแตสำนักนี้ พระพุทธเจ้าในพระเวฬุวน พระญาอชาตติสัตรูมิรูวาเสฏฐีอยูในปราสาท ธแลเมีอพระญาเอาริพลใปสภัดนอกกําแภงแก้วชันนอกนัน ชางมารถบทจรทังหลาย แลเหนเจ้าของตนเองทิในกำแภงแก้วนันเข้าใสใจว่ามีริพลอยูพายในจออกมาตอรบเข้า ๒ มีใจกลัวบมิอาจจเขาใปแลชางมาทังหลายยอมเอางาลงปักดินอยูแล บมิอาจจเขาใปสูกำแพงแก้วนันใดแล ฯ เมีอนันจึงพระญาอชาตติสัตรูเรงขับริพลเข้าใปฯ เมีอนันจึงยักษผูนึงชิอยมโกลิยักข แลอยูเฝาปรตูกำแพงแก้วชันนอกด้วยบริวารพันนึง ยักษนันแลเหนพระญาอชาตติสัตรูใปด่งงนัน ยักษผูนันจึงรองถามวา เวย พระญาอชาตติสัตรู ทานจมาเยิยงใด้[๓๙]ยมโกลิยักษแลบริวารทังพันนันเขากถือตลบองเหลกแล้วเขาสำแดงด่งจตีแล้ว เข้าร้องตรวาศเขากใสตรญาอชาตติสัตรู แลบริวารทังหลายกรจัดกรจายแลนหนี พรัดพรายกันใปสินฯ พรญาอชาตติสัตรูกตรนกตกใจนักหนา จิงแลนหนีเขาใปสูอารามพระพุทธเจ้าด้วยดวรนักหนา ฯ โชติกเสฏฐีลุกขึนจากทีนัน แลถามพรญาวาด่งงนี วันนีเปนใด้พรองคผูเปนเจ้ามาดวนนักหนาปารชนี พระญาจึงว่าแกโชติกเสฏฐี ๒ ใชใหเข้าทังหลายรบเราใลเร้ามาแล้ว เสฏฐีกแล้นมากอนเร้า ใสกัลนังงอยูฟังธัมมแล[๔๐]ใสกัลลว่าบมิรู[๔๑]๚ เสฏฐีจึงว่า ด่งงนี ผูเปนเจ้าจใปชิงเอาปราสาทขาฤๅ ฯ เริ่มอังกา ฏํพรษกว่าเร้าจชิงเอาปราสาทเสฏฐีจิงแล ฯ เสฏฐีกวาดังนี สมบัตติแหงขาสิงใด ๒ กดีมาตราวาดวยเชิงเชืองหูกดี[๔๒] ขาบมิใหแกผูใด แลผูนันกมิอาจจเอาสมบัตติขาใด้ฯ พระญาจิงวาแกเสฏฐีเจรจาใหญด่งงว่าต่นเปนพระญาแล ฯ เสฏฐีกวาข้ามิใชพระญาแต่เท่าว่า[๔๓]ขาชีอบุญแหงขานันใสสมบัตติแหงข้าบมิใด้ให้อยาวาท้าวพรญาบานดงงพระองคนีแตพระองคเดิยวเลย แมนวาท้าวพระญาผูมีสักดานุภาพพ ปานด่งงผูเปนเจ้าทานนีใด้พัน ๑ กดีบมิอาจจเอาสมบัตติแหงขานีใดเพราะว่าข้าบมิใดให้ตอว่าเมิอใดข้าใหจึงเอาใดแล ฯ ถาวาผูเปนเจ้ามิเชิอบุญข้าใสข้าจให้ผูเปนเจ้าเชีอบุญขาอันข้าใดทำมาแตกอนโพน มาตราแตแหวนข้า ๒๐ ดวงนี มีในมือข้า ๑๐ นิว เมีอขาบมิใด้ให้แตผูเปนเจ้าฉันใดผูเปนเจ้าจเอาใดอันเชิอญทานถอดเอาโดยใจทานเทิด ๚
เมีอนันพระญาอชาติสัตรู ครันว่าใดยินโชติกเสฏฐีกลาวดงงนันกมิใจเดิอดฟุง[๔๔]นักหนาอุปมาด่งงนาคราชแลทานเอาฆอนเหลกตีทีโคนหางนันแล พระญานังอยูแลกรยอนองคโลดขินทังนัง[๔๕]กดี ขืนสูงใด ๑๘ สอก ลงยือนอยู น กลางแผนดินจิงโจรขินอีกทิ ๑ เลาโดยสูงใด้ ๗๐ สอก พระญาอชาติสัตรู ผูมีกำลังนักหนาด่งงนันตรเบงเรงบิดตบใปมา[๔๖]เบืองขวา แล้วจิงถอดเอาแหวนในมือโชติกเสฏฐีทังลมทังลุกกรตุหัวเข่า[๔๗]เหงิอหายอายยอย[๔๘]นักหนาด่งงนันกดีบมิอาจจเอาแหวนนันใด้แลตรดวงนึงเลย พระญาจึงนังอยูแล ฯ เมีอนันโชติกเสฏฐีกวาแกพระญาด่งงนี แหวนขาทัง ๒๐ ดวงนันนี้ ทีนีขาให้แตผูเปนเจ้าแลเชอญผูเปนเจ้าเอาภูสามารองรับเทิอด ฯ เมิอนันพระญาอชาติสัตรูจิงผาเชดหนาผิน ๑ ปูลง น กลางดิน ฯ โชติกเสฏฐีหญอดมือลงเหนือผ้าเชดหนานัน เฉพาะซึงหนาพระญาอยูนัน บัดเดิยวตรบัดใจ[๔๙]แหวนทัง ๒๐ ดวงนันกลอยออกจากนิวมือโชติกเสฏฐีแลตกลงเหนือผ้าเชดหนานันแลโชติกเสฏฐีจิงกลาวแกพระญาอชาติสัตรูด่งงนี้ ข้าแตพระองคผูเปนเจ้าอันวาสมบัตติแห่งข้านี้บมิใด้ให้ใสอาจจเอาของข้าบมิใดดงงนีแล เมีอใดแลขาให้ใสแล จิงใดของด่งงนี ด่งงผูเปนเจ้าเหนนีแล ฯ ครันโชติกเสฏฐีเริ่มอังกา ฏะแล้วด่งงนันก่ยืนดูสังเวตตแกใจตัวแลฯ เสฏฐีจิงทูลแดพระญาว่า ขาพระพุทธเจ้า จ ขออำลาพระองคบวดถวายพรราชกุสลแกพระองคเจ้าว ๒ จงให้อนุญาตแกข้าแลว่าไห้ข้าบวดเทิอด เสฏฐีทูลลาบวดวันนันไสพระญาอชาติสัตรูใดยินพระญากยินดีนักหนาแลคิดในใจว่า ปราสาทนันจใดแกตนพระญาจิงว่าแกเสฏฐีดังนี ทาว่าเสฏฐีทานจบวดเร้ากจ่ให้อนุญาตแกทาน ๒ จงบวดเทิอด ๚
เมิอนันจิงโชติกเสฏฐีกโกนเกลาวเช้าบวดในสาสนาพระพุทธเจ้าแล้วกลุเถิงอรหัตตผลอัมพนด้วยพระปฏิสัมพิทาญาณ แลมีนามอันปรากฏเจ้าโชติกเถรแล ฯ พระครันวาบวดในพระสาสนาพระพุทธเจ้าแล้วใสอันวาสมบัตติทังหลายไปสินแลมิอาทิคือวา นางแก้วอันชือว่านางอตุลดาเทวีผูเปนเมียโชติกเสฏฐีนันเทวดาเอาคืนไปสูแผนดิน อันชืออุตรกุรุทวีปดังเกาแล ฯ ทังปราสาท ๗ ชันอันแล้วด้วยแก้วสัตตพิธรตนกดี แลกำแพงแก้ว ๗ ชันอันลอมรอบปราสาทแก้วนันกดีแลต่นกัมมพริกปอันเรียงกันใปรอบทัง ๗ ชันนันกดีแลทังขุมเงิอนขุมทองอันมีทัง ๔ มุมปราสาท นันกดี ทังหมอเข้าแก้วมณีรตนกดี อันวาสมบัตติอันเปนมลากเปนดีแลเกิอดมาด้วยบุญโชติกมหาเสฏฐีนีแล สมบัตติทังมวนนัน กจ่มลงไปในแผนดินสินทุกอันแล ฯ กลาวเถิงโชติกเสฏฐีโดยสังเขปแล้วแตเทานีแล ๚
ฝูงค่นทังหลาย อันเกอดในมนุสสใดเปนมลากเปนดีสรรพพทรัยแลว่าใด้เปนทาว เปนพรญา แลท่านผูเปนทาวเปนพระญามหาจักกวัตติราชนัน ใดกทำบุญดังฤๅ สีลแลทานจิงเปนมลากเปนดี[๕๐]ด่งงนัน แตบุญทังหลายอันมีในกามภูมนีใด ๑๓๔๒๘๐ ฉันใดอันนึงรูจักบุญแลบาพพ แลกทำบุญด้วยใจรักอันนึงบมิรูจักบุญแลบาพพแท บมีใจจมักกทำบุญ ฯ อนึงรุจักบุญแลบาพพแทแลใจบมีมักบาพพหายกทำบุญฯ อนึงบมิรูจักบุญแลบาปแท้ หินใจค่นกบมี[๕๑]โสด ฯ เพีอเหนทานทำบุญแลกทำด้วยทาน ฯ อนึงรูจักบุญแลบาพพ แลบมีกทำบุญ ครันวามีผูมาชวยแลมีใจรักษนักหนา จิงกทำบุญโสด ฯ อนึงบมิรูจักบุญแลบาพพแทหินบมิกทำบุญโสต ครันมีค่นมาชวนใส แลมีใจรักษนักหนา จึงกทำบุญโสด ฯ อนึงรูจักบุญแลบาพพแล บมิกทำบุญ ครันวามีคนมาชวน เริ่มอังกา ฐใสใจกบมิมักกทำบุญ สักโสดสักอันแลยังกทำบุญโสด ฯ อนึงบมิรูจักบุญแลบาพพสักอันแล ยินลอายแกคำอันทานมาชวนจึงกทำบุญฯ บุญทังหลาย ๘ จำพวกนีแล อัน ๑๐ อันโสดอันใดสินอันนึงมิงดาลใปดังงกลาวนีแลจิงอวยทานมีต่นวาเขานำหมากพลู ฯ อนึงจําสิล ๕ อันกดี ๘ อันกดี ๑๐ อันกดี อนึงภาวนาเปนตนวาสวดมนตแลสวดพระพุทธคุณแลฤกเถิงคุณพอคุณแม้เจ้าไทยทานผูมีคุณแกตนแลภาวนาอนิจจขารแล ฯ อนึงคัลลณา[๕๒]บุญนิสงส อันใดกทำเทพามนุศษสัตวทังหลายอันมีคุณแกต่นฯ อนึงอนุโมทนาด้วยทานแหงทานให้ทานแลกทำบุญแลมีใจอยินดี แลเอาชวยทานแลสัททาด้วยทาน ฯ อนึงกทำด้วยกายแลบําเริอแกพอแลแมครูบาทิยายแลกวาดวัดปัดแผ้วแผนดินทีพระพุทธรูปแลทีสถูปพระเจตีย พรสีมหาโพธิ ฯ อนึงกทำบุญด้วยกาย คือว่ายำแยง[๕๓]พอแลแม้ผูเถ้าผูแกแลครูบาอาจารย์ แลมิใดประมาททานสักอัน ฯ อนึงเทศนาธรรม สังสอนทาน ฯ อันนิงหมันฟังพระธัมมีเทศนา ฯ อันใดอันต้นกทำบำเพงบมิแทใสหมันถามทานผูหลักโสดฯ อนึงเอาใจลงปลังใจเชีอ[๕๔]แก่ พระพุทธพรธัมมพรสงฆพอแมครูอาจารยเจ้าใทผูใดเลิยงต่นด่วยใจอันซือตรง ฯ บุญทัง ๑๐ จำพวกนีแลอันแลอันมีบุญอันเปนอารัมมณแล ๖ โสด ฯ บุญอันใดอันเปนอารัมมณสิน ฯ อนึงเหนรูปอาเพิออันเปนบุญดวยตาแล บุณทาลใจเปนอารัมมณแล้วจิงมากทำบุญ ฯ อนึงใดยินเสิยงอันจเปนบุญดวยยเปนอารัมมณจึงมาทำบุญฯ อนึงหอมกลินอันเปนบุญด้วยจมูกเปนอารัมมณจึงมาทำบุญ ฯ อนึงกินอาหารสะอาดเพิออันเปนบุญด้วยลินเปนอารัมมณจิงมาทำบุญแลให้ทาน ฯ อนึงทานผูใด้ถีอผิด อนึงอาเพิออันเปนบุญด้วยตนเปนอารัมมณจิงมาทำบุญ อนึงหากคำนึงธัมมในใจต่นเปนอารัมมณจิงมาทำบุญ ฯ บุญทัง ๖ จำพวกนีแลอัน ๒ มีบุญอันเปนอธิบดีแล ๔ แล ๔ อันโสด ฯ อันในสินฯ อนึง มีใจเทิยงแกบุญ[๕๕]จิงกทำ ฯ อนึงพยายามแกบุญ[๕๖]แลกทำ ฯ เริ่มอังกา ฐาอนึงใหหมันแกบุญ[๕๗]แลจึงกทำ ฯ อนึงพิจจารณาแกบุญ[๕๘]แลยินดีจิงกทำ ฯ บุญทัง ๔ จำพวกนีแลอัน ๒ มีบุญสุตวาภาพพแล ๓ แล ๓ อันโสด ฯ อันใดสินย ฯ อนึงกทำบุญด้วยตน ฯ อนึงกทำบุญด้วยถ้อยคำฯ อนึงกทำบุญด้วยใจ บุญทังหลายแลอันนันแลอัน ๒ ยังมีแล ๓ แล ๓ อันโสด ฯ อนึงเมือกทำบุญจริงแตเทาวากฺทำเสลดสนอย[๕๙] ฯ อนึงกทำแต่พอปราม ฯ แตใจอันบังเกอดบุญในกามภูมใด ๑๗๒๘๐ ด่งงนิคือวาไหเอามหากุสล ๘ ตังเอาทสบุญกริยาวัตถุ ๑๐ คูน แล้วเอาอารัมมณ ๖ คูน แล้วเอาอธิบดี ๔ คูน แล้วเอากัมม ๓ คือ กายกัมม มโนกัมม วจีกัมมนันคูน แลเอาหินติกก ๓ คือ หินมัชฌิมปณิตนันคูนใด ๑๗๒๘๐ แล ๚
จิตรฝูงนีโสด ยังมิยัตตสิต(เจตสิก)อันเปนเพิอนจิตร แตงมายุยงใหใจใหกทำบุญใด้ ๓๘ จำพวก คืออันใดสิน ฯ อนึงใหรู[๖๐] อนึงใหคำนึงดู อนึงให้ถือบุญหมัน อนึงใหรักษาเพอนใจฝูงนัน อนึงเอาเพิอนใจฝูงนันมาหมันกันให้จากกัน อนึงให้ดำริเถิงบุญ อนึงให้พิจารณาบุญ อนึงให้จำหุดให้กทำบุญ[๖๑] อนึงให้พยายามกทำบุญ อนึงให้ชืนชมกทำบุญ อนึงให้ใจเทยงแกบุญ[๖๒] อนึงให้สัททาแกบุญ อนึงบมิให้ลืมบุญ อนึงให้ลอายแกบาปแลกทําบุน อนึงใหกลัวแกบาปแลกทำบุญ อนึงบมิให้โลพภอันจหามบุญ อนึงบมิให้เคิยดอันจเสียบุญ อนึงให้ใจเดิยดปรกลาย[๖๓] อนึงใหตนเบาแกบุญ อนึงใหใจเบาแกบุญ อนึงให้พันต่นพลันแกบุญ อนึงให้ใจพลันแกบุญ อนึงใหตนออนแกบุญ อนึงใหใจออนแกบุญ อนึงใหตนควนแกบุญ อนึงใหใจควนแกบุญ อนึงใหตนปาหนอออนแกบุญ[๖๔] อนึงใหใจลำอุดแกบุญ[๖๕] อนึงใหตนซือแกบุญ อนึงให้ใจซือแกบุญ อนึงใหกลาวอันซือ อนึงใหกทำเนิยรโทศ อนึงใหกินอาหารเนิยรโทศ อนึงใหเอนดูสัตวทังหลาย อนึงใหใจออนแกสัตวทังหลาย อนึงใหมิปริชา ฯ ผสมทังปวงใด ๓๘ จำพวก ทังนียอมเปนเพิอนใจบุญทังหลายนิใชแตเมิองมนุศย ภูมกทำแล ฯ เริ่มอังกา ฐิได้บุญในแผนดินนีทังฝูงเทพยดาอันอยูในฉกามาพรจรภูมกดี กยอมกทำบุญฝูงนีแลจึงได้เปนพระอินทรเทพยดาในเมีองฟาใส บุญฝูงนันให้ใด้สมบัตติเปนมลากเปนดีในกามโลกยนีใดใส อาจจให้ใด้สมบัตติในพรหมโลกยนันใด้ ฯ บุญแห่งหมูพรหมทังหลายแลใด้เปนพรหมในพรหมโลกนัน กจกลาวพายหนาโพนอันกลาวมาแล้วนียอมกามาพจรกุสลแล ๚
จกลาวเถิงมนุษยทังหลายแรกมาเอาปฏิสนธิในท้องแม ชือวาชลามพุชโยนินันอันจเกอดรูป ๒๘ ครรพภทีเดียวดุจอุปาติกโยนีนัน เปนอันวามนุศษอันเกิดในนรกภูมนันอันมีรูป ๒๘ นันโดยอันเกิดโดยอันดับด่งงกลาวนันแล ฯ อันวารูป ๒๘ นันมีรูปเปนอันองคอีกใด ๕๓ ผสมมาทังมูล ๘๑ นันรูปฝูงนันยังมีชีวิตรอันแตงเสิยงเนิอเสิยงคนอยู ๗ แหง นันคือแหงใดสิน ฯ ชิวิตรอันนึงอยูในจักขุนันแตใหรู้ดูชิวิตรอันนึงอยูในกายแตงใหรู้อยินอันเจบอันปวด ชิวิตรอนึงอยูในภาวแตงใหรูรศกามตัณหา ชิวิตรอันนึงอยูในหัวใจแตงใหรูรำพึงคำนึงทุกอันแล ๚
อันวาฝูงผูหญิงทังหลายทังปวง แลมีคัพภใสยอมมิด้วยปรการ ๗ สิง ฯ อันใด้สิน อนึงชือกายสํสัคคคัพภนัน อนึงชือวาโลฉณคัพภ อนึงชือวานามปริปรามาศนคัพภ อนึงชือสัททคัพภ อนึงชือคันธคัพภ อนึงชือวาทสนคัพภ แลคัพภทังหลาย ๗ ปรการด่งงนีแล อันวากายสํสัคคคัพภนันคือเมีอแรกบังเกอดมีคัพภในขณเมีอบุรุสสสมาคมด้วยนันแลฯ อันวาโจลนคัพภนันคือ ผูหญิงลางคนรักผูชายผูใดแลวามันเอาผ้าผูชายนันมานุงมาหมชมเชยตางตาตัวชายนันหญิงนันกมีคัพภในขณเมิอชมชายนันแล กใด้ชือว่าโจลคัพภแลเพิอดังงนันแล ฯ หญิงลางคนมีใจรักไครผูชาย แลเมิอใดราคผูชายนันตก แลหญิงนันใด้กินนำราคนันกมีคัพภ แลคัพภนันเริยกชีออโลฉปานคัพภ ดุจจดังงแมเนิออันเปนแมเจ้าฤๅศี ผูชือว่าสิงคดาบศนันแลฯ หญิงลางคนผูชายลูบคลําเนิอกดีคลำตัวแลเท้าแล หญิงนันยินดี เริ่มอังกา ฐีแลมีใจรักบุรุศนันนักบังเกิอดมีคัพภ ด่งงนันเริยกชือวา นาภีปรามาศคัพภ ดุจจด่งงปาลิกาดาบศนี ผูเปนมาตาเจ้าสุวัณณสาม แลดงงนางพรญาผูเปนมาตาพระจันทรโชติ แลนางผูเปนมาตาเจ้านันทกุมารนัน ฯ สัตรีลางข้นมีใจรักบุรุษ ๒ ผูนันมากลายสตรี[๖๖] ๒ นันยินดีกมีคัพภ ๒ ด่งงชือว่า ทสนคัพภแล ฯ สตรีลางคนมีใจรักใจใครบุรุศ ผูใดแลบุรุศผูนันเจรจาภาที แลสตรีผูนันแตใดยินเสิยงบุรุศผูนันแลยินดีกมีคัพภ กบังเกิดคัพภ ๒ นันชือว่าสัททคัพภ ดุจจด่งงน่กยางทังหลายมีแตตัวเมิยแลวาหาตัวผูมิใด้ เมิอใด้แล เขาใด้ยินเสิยงฟารองใสเขาหากใขเองแล ดุจด่งงแมใกแลใดยินเสิยงใกตัวผูรองขันแลมีใขดังนันก่มี ดังงแมวัวใดยินเสิยงพอวัวถึกหูดอัว[๖๗]แลมีคัพภนัน ฯ อันวาชือคัพภนันดังงแมวัวอันใด้ด่มกลินดมอาย[๖๘]วัวถึกแลมีคัพภด่งงนันก่มีแล ฯ ดงงฤๅแลว่ามนุสสเรานี้เกอดในอัณฑชเยานิกใด้แล ชลามพุชโยนิกใดแล เสทชเยานิกใดแล อุปาติกโยนิก่ใด้แล เยานิทัง ๔ นียอมใดดังงรู้มาแล ฯ อาจารยผูเฉลยวาด่งงนี อันวาเกอดในอุปาติกนัน ดุจจนางผู ๑ ชือนางอัมพปาลิกนิกานัน แลนางนีเกอดเปนอุปาติกเยานิแล ๚
จกลาวเถิงนิทานนางนันดังงนี แลว่ายังมีกัลลปอนึงนันมาเถิงคัทธกัลป์ปกอบโพน แตกัลลปนันมาเถิงคัทธกัลลปเราใดนีนัปถอยหลังล่งใปใด ๓๐ กัลลป แลในกัลลปนันมีพระพุทธิเจ้าองค ๑ ธรงพระนามชือพรพุทธสิกขิเจ้า ๒ นันเสดจมาโปรดโลกยทังหลายแลในสาสนาพระพุทธเจ้านัน ยังมีนางผู ๑ ชือว่านางอมปาลิกนิกาแลนางนันใดบวดเปนภิกษุนีในสาสนาพระพุทธเจ้านัน แลนางนันถือสีลาทิคุณหมันคงนักหนาอุปถากรักกษากวาดวัดผัดแผว[๖๙]ทุกเมิอ ในกาลวันนึงนางภิกษุนีองคนึงนันไปปรทักษิณาพระเจดียเจ้า ด้วยหมูชาวเจ้าเถรีทังหลายด้วยกัน ฯ เมิอนันยังมิเจ้าใทเภรีองค ๑ ธเปนอรหันตขิณาสพพ แลแกกวาเจ้าใททังหลาย แลทานนันปรทักษิณใปก่อนทานทังหลาย เริ่มอังกา ฐุแลทานมาพลันนัก แลมิทันแปรหน้าหนีพระเจดียแลนำลายเหนียวของนางเถรีอรหันตนันกเลดออกก้อน ๑ ตองพระเจดียเจ้าแลทานนันกบมิทันเหน แล ธ กเดอนไปพายหนา ฯ เมิอนันจึงภิกษุนี ผูชือนางอัมพปาลิกานัน เหนกอนนำลายนันจิงนางอัมพปาลิกานันจึงดาวาด่งงนีว่าผูหญิงแมราย[๗๐]ผูใดแลมาถมนำลาย ลงเตมพระเจดียเจ้าอันเจ้ากูด่งงนี แลกูเจบใจกูนักหนาหาทีอุปมามิใดเลย นางอัมพปาลิกานิกา แล้วด่งงนันกเดอนใปแล เมิอนันนางอัมพปาลิกาภิกษุนีจิงจมารำพึงดูความอันทานกลาว แลบอกข่าวทุกขเวทนาในทองแมมนุสสนีร้ายนักหนา แลนางนันกมีใจเกลิยดอาย[๗๑]ยิงนักหนา นางนันมิใดปรารถนามาเกอดทิในทองของมนุสสเลย แลนางผูนันจึงปรารถนาขอเกอดเปนอุปปาติกโยนีแล ทานนันอยูสางสมณธัมมบวดเปนภิกษุนีอยูตราบเทาเถิงชนมายุ ครันวานางนันสินชนมาพิธี[๗๒]แล้ว นางกใดใปตกกนรกด้วยกัมมบาปของนาง อันทีนางใดคาพระมหาเถรขีณาสพพนัน แลนางใดท่นทุกขเวทนาอยูในนรกโพนหิงนาน หลายปีนักหนา ครันวาสินบาปพนจากนรกขินมา แลใดเกอดเปนคนผูหญิงแมรายแพศยาใดหมืนชาติ เพราะบาปอันต่นใดดาพระมหาเถรขิณาสพพนันเจ้านันว่าผูหญิงแมรายนันแล จิงใด้เปนหญิงแพศยา ครันวาสินแตนันแล้วจิงใดมาเกอดทีในคาคบใมมวงต่น ๑ อันมิทิในอุทยานของพระญาในเมิอง ใพยศาลีนครนัน ด้วยเดชอำนาจจสิล อันทีนางใดรักษาหมันคงแตเมิอยังใด้บวดเปนภิกษุนี ในกำเนิอดกอนนัน แลบางกมีรูปโฉมโนมพัณณงามทัวทังสารพางคแลงามกวานางทังหลายชาวเมีองใพยสาลีนครนัน ฯ ครันวาในคาคบใมมวงบัดเดิยวกใหญเปนสาวดี ควรทีมีเยาวมิเริอน[๗๓]ในทันใดนันแล ฯ เมีอนันคนหมูอยูเฝาอุทยานของพระญานัน เขาเหนนางนันงามนักหนา เขาจิงเอานางนันใปถวายแดพระญาผูเสวยราชในเมิองใพยสาลีนครนัน แลเขาทูลแดพระญาว่า ตูข้าพระเจ้าใดนางผูนี ๒ เกอดทิในคาคบใมมวงแลฯ พระญากตรัสสผิด่งงนันจริงใสเราจให้ชือนางแลเรียกวาอัมพปาลิกนิกาเทิดฯ เมิอแลนางอัมพปาลิกนิกาอยูในเมืองใพยสาลีเริ่มอังกา ฐูนครนัน แลฝูงทาวพระญาทังหลาย แลลูกเจ้าเงาขุนอันมีในเมิองใพยสาลีนีนัน เขากเกอดดาธอกันผิดกันผิดใจกัน[๗๔]นักหนา เพราะว่าตางคนตางชิงกันกล้าขอนางนันมาเปนเมีย แลความดังนีกเปนโกลาหลฟุงเฟิองใปนักหนา เพราะวาเขาทังหลายเหนรูปนางนันแลชิงกันกลาวเอามาเปนเมียแล ฯ ด้วยบาปกัมมอันนางอัมพปาลิกนิกานันใดดาพระมหาเถรนีอันเปนขิณาสพพนันใปบมิสินแลเสด บาปนับยังติดตัวนางอยู พระญาจิงวาด่งงนี บัดนีท้าวพระญาแลลูกขุนทังหลายในเมีองเรานี เขาดาธอกันนักเพราะจชิงเอาบางอัมพปาลิกนิกาบมิรูแล้วด่งงนี มาเราจไวนางนางนีใหเปนแพศยาเทิอด ฯ จิงทาวพรญาแลลูกเงาขุนทังหลาย จิงจหายความผิดแผก[๗๕]ดาธอกันแลพระญา ธจิงต่งงนางอัมพปาลิกนิกานันใวให้เปนนางนครโสภินีใหเปนสาธรนแกชาวพระญาลูกเจ้าเงาขุนทังหลายแล ฯ อยูจำเนิยรกาลใปนางจึงเกอดลูกชายค่น ๑ ชือเจ้าโกณฑัญญกุมาร แลนางนันมีใจสัททาในสาสนา พระสัพพัญญูพุธิเจ้าเรานีนักหนา แลจิงสางอารามกับทังด้วยพระวิหารอนึงแล้วจึงใหเจ้าวโกญทัญญกุมารผูลูกนันบวดในสาสนา แหงพระพุทธเจ้าเรา แลเจ้าโกณฑัญญกุมารนันกสางสมณธัมมก่บันลุเถิงอรหัตต[๗๖]เปนขีณาสพพอำพนด้วยปฏิสัมพิธาญาณธรงพระนามชือเจ้าโกณฑัญญเถรแล เมิอนันนางอัมพปาลิกนิกานันใดฟังพระธัมมเทสนาแตนักพระโกณฑัญญเถรผูลูกแหงต่นนางกยินดีแลมีใจใสสัททานางกบวดในสาสนาพระพุทธเจาเรานี อยูจําเทิยรเจิยรการนางกลุเถิงอรหัตต เปนขีณาสพพแล ครันวาสินชนมาพิธีแล้วใสกใดเถิงแกมหานครนิพพานแล ๚
อันวามนุสสเรานีใสเกอดในอุปาติกโยนีใส คือวา นางอัมพปาลิกนิกาแล ฯ แลอันวามนุสสเรานี แลวาเกอดในอัณฑชโยนีนีกมีดุจนิทานดงงนี้ จกลาวนิทานมนุสสเกอดในอัณฑชโยนี ฯ เมีอนันยังมีพราหมณผู ๑ อยูในเมิองใหญเมิอง ๑ แล เมีองนันชือวาปาตลีบุตตเริ่มอังกา เฐมหานครแลพราหมณผูนันออกใปจากพระนครสัตจรเข้าไปสูปาใหญอันนึงแลพราหมณผูนันจิงพบกินรตัว ๑ ชือแหงกินรินันมิปรากฏเลย แลพราหมณผูนัน เหนโฉมนางกินรนันกมีใจปติภัตติ[๗๗]รักนักหนา จึงสมาคมด้วยนางกินรนัน แลสังวาศสยอยูด้วยกัน ในกลางปานัน กินรีกมีคัพภ แลเกอดเปนใขสองดวงนางกินรีกฟักใข ๒ แตกออก ๒ เปนมนุสสสองข้น ผูพีนันชือเจ้าติสสกุมาร ผูนองนันชือเจ้ามิตรกุมาร ครันวากุมารทังสองพีนองนันรูความ แลเขาแลดุหนาพอแมเขา ๒ บมิดุจกัน[๗๘]เลย แลเขาทังสองนันดูอนิจจาแกใจ[๗๙] เขาพีนองจึงเจรจาด้วยกันว่าด่งงนี ชือวาเกอดมาในสงษารนี ยอมเปนอนิจจาบมิเทียงสักอันเลย มาเราพีนองจใปบวด เปนสมณภาพพแล้ว แลจเอาต่นเขาสูนิพพานเทิอด ฯ เจาพีนองทังสองจึงจากทีนันใป จึงใปบวดอยูในสำนักนี พระมหาเถรพระองง ๑ ธรงนามชือวา พระพุทธเถรอยูจำเนิยรเจิยรการใป เจาใททังสองนันกลุเถิงแกอรหัตตมาคคญาณ[๘๐] ครันว่า ธ สินชนมาพิธีแล้วกเสดจเขาสูนฤพพานแล ฯ ฝูงคนอันเกิดในอัณฑชโยนีนีใส คือว่าใด้แกเจ้าพีนองนีแล ๚
อันวาข้นทังหลายอันเกอดในสังเสทชโยนีนัน กเทิยรยอมด่งงนางผู ๑ ชือนางปทุมาวดี แลมีลูกชาย ๕๐๐ คน เมิอชาตติกอนโพน นางนันเปนดังงนี ฯ เมีอนันยังมีนางผู ๑ เขนใจ แลผูนันไปใถนา แลนางจเอาเขาไปสงผัวนางนันจึงเอากรเชอเขาใสใปบนหัวเมาะวาทูลหัวใปแล ฯ ครันวาใปเถิงห่นทางแมนางเหน พระปเตยกโพธิเจ้าพระองง ๑ งามนักหนา แลนางนันมีใจใสสัททา ยินดีจิงรำพึงในใจวา ควรกูถวายบิณฑิบาตรแดพระปเตยกโพธิเจา แลนางนันจึงเอาเข้าใสบาตรแล้ว นางจิงเอาเขาตอกอันคนด้วยนำผึงเริ่มอังกา ไฐแลปันเปนกอนใด ๕๐๐ กอน แล้วจิงเอาใสบาตรลงเหนิอเข้าสุกนันเลานางจึงทอดตาใปแลเหนดอกบัวหลวงหมู ๑ เกอดมีในสระแทบห่นทางนัน นางจึงใปเกบเอาดอกบัวนันมาแล้วนางจึงปรารถนาเอาดอกบัวนันทอดลงในบาตรนัน แลดอกบัวทีเหลิออยูนัน แลจึงวางลงในทีพระบาทพระปเตยกโพธิเจ้า แล้วนางถวายบูชาแล้วใหว้คารวพระปเตยกโพธิเจ้านางจึงปรารถนาว่า ด่งงนี ด้วยผลานิสงแหงข้าแลข้าใดบูชาพระปเตยกโพธิเจ้า ด้วยเข้าตอกอันรคนด้วยนำผึง ๕๐๐ กอนนีขอจงข้ามีลูกชาย ๕๐๐ คน ด้วยผลบุญอันข้าใดเอาดอกบัวหลวงมาบูชาพระบาทของผูเปนเจ้านี ถ้าแลว่าข้าพเจาเดอนใปแหงใด ๒ ขอจงมีดอกบัว ฯ พูนขินมารองตีนขาใปจงใดทุก ๒ ยางสบสถาน[๘๑]ทุกเมีอ ญาใด้ขาดสายเลย ฯ ครั้นว่านางปรารถนาแล้วกใหว้อำลาพระปเตยกโพธิเจาใปโดยกิจจของนางนันแล ฯ อยูจําเนิยรเจิยรกาลใป ครันวานางนันสินอายุสมในเมิองข้น จิเอาข้นใปเกอดในเมืองฟาแลเสวยสมบัติอันเปนทิพยนัน ฯ ครันว่าสินอายุสมในเมีองฟาแล้ว จึงมาเกอดในมนุสสโลกยนิใส นางกมีใจเกลิยดในคัพภทองแม้นัน แลปรารถนาลงมาเกอดในดอกบัว ฯ ครันวานางสินอายุสมแล้วจึงลงมาเกอดทีในดอกบัวหลวงดอก ๑ อันมีอยู่ในสระ ๒ อันนีงมีอยูแทบตินเขาพระหิมวันตฯ เมีอนันยังมีฤๅสีสิทธิองค ๑ ธนันอยูในปาพระหิมพานต ธ ยอมลงมาอาบนำในสระนันทุกวัน ธเหนดอกบัวทังบอนันบานสินแล้วทุกดอก ๒ แลวายังแตดอกเดิยวนีบมิบานแลดุจอยูดงงนีบมิบานด้วยทังหลายใด ๗ วันฯ พระมหาฤๅศีนัน ธ กดนยลมหศจรยม[๘๒]นักหนา ธ จิงเอาหักเอาดอกบัวดวงนันมา ธ จิงเหนลูกออนอยูในดอกบัวนันแล เปนกุมารีมีพัณณงามดงงทองเนิอสุกฯ พระมหาเริ่มอังกา โฐฤๅศีนัน ธ มีใจรักนักหนา จึงเอามาเลยงใวเปนพระปิยบุตตบุญธัมมแลฤๅศี ธ เอาแมมือใหผูนอย[๘๓]ดูดกินตางนม[๘๔] แลเปนนำนมใหลออกแตแมมือ มหาฤๅศีนัน ดวยอำนาจจบุญพระฤๅศีแลบุญกุมาริกานันดวยแล เหตุว่านางนันเกอดในดอกบัว จึงพระมหาฤๅศีเจ้า ธจึงให้ชือวานางปทุมาวดีแลฯ เมิอนันยังมีพรานเนีอผู ๑ เดอนใพรใปมาในปาหิมวันต พรานนันเหนนางงามนักหนา พรานนันจึงใปทูลแดพระญาพรหมทัสสราชอันเสวยราชสมบัตติในเมืองพาราณสีมหานครนั้น พระญาพรหมทัสสจึงใปใหว้มหาฤๅศีกลาวขอนางนันใปเปนภรรญาแล ฯ แลนางเกอดมาใส ครันวานางรู้เดอนยางรูเดิอนเหลน[๘๕]ใส ครันวานางยางเดอนใปแหงใด ๒ กดี เทียรยอมมีดอกบัวหลวงอันบานพูนเกอดขินมาแตแผนดิน แลมารับรองเอาตีนนางทุกยางเดอนใปนัน ฯ ด้วยผลบุญอานิสงสแหงนางนันอันใดเอาดอกบัวหลวงบูชาพระบาทพระปเตยกโพธิเจ้าแตกอน แลนางใดปราถนานันแล อยูจำเทิยรการเจิยรกาลใปนางธรงคัพภถวน ๑๐ เดีอนจึงคลอดชาวเจ้าราชกุมารทังหลาย ๕๐๐ คนในพระราชมณทิรนันแล ฯ เจากุมารผูพีเปนพีนันใสอยูพายในรกแตคนเดิยวสวนว่าเจ้าราชกุมารทังหลาย ๔๙๙ คนนันใสติดอยูแตพายนอกรกนันแล ฯ เจ้าราชกุมารผูพีอันมีรกหุมหออยูนันใส เริยกชือว่า เจ้าพระญาปทุมกุมารแล ฯ ครันวาชาวเจ้าทังหลายนันใหว้แล้ว เจ้ากชวนกันใปบวดกตรัสสเปนพระปเจิยกโพธิเจ้าทัง ๕๐๐ พระองคแลฯ อยูจำเนิยรเจิยรกาลใส ครันวาสินชนมาพิธีเสดจเข้าสูนิพพานแล ฯ เจ้ามหาปทุมาวดีผูพีอันเกอดในคัพภแล วาอยูพายในร่กนันเริยกชือวาเปน ชลามพุชโยนีแล ฯ แตฝูงชาวเจ้าพีนองทังหลาย เริ่มอังกา เฐา๔๙๙ คนนัน แลนางผูเปนแมอันชือวานางปทุมาวดีนันเรียกชือวาเกอดแตสังเสทชโยนีแล ฯ อันวาฝูงค่นเกอดในสังเสทชโยนีกมี ด่งงนีแล ๚
แลสัตวทังหลายนี เมีอจสินอายุใสแลมี ๔ ปรการด่งงนีแล ฯ ปรการ ๑ ชือว่า อายุเขยย แล ปรการ ๑ ชือวา กัมมเขยย แล ปรการ ๑ ชือว่า อุภยขัยย แล ปรการ ๑ ชือว่า อุปัจเฉทกัมมขัยย แล ฯ อันวา อายุสมควรสินแตนอยแลตายด่งงนันชือว่า อายุขัยย ฯ อันวาอายุสมยังมิควรทีตายแลมาตายด่งงนัน ชือวา กัมมขัยย แล ฯ คนจำพวกไดจำพวกนีทีว่าเถาว่าแกแล้วควรตายด่งงนันชือ อุภยขัยย แล ฯ ค่นจำพวกใดจำพวกนึงอยูดีกินดีแลมีอันตราย คือว่าเขาตีเขาฆาเขาแทงแลตกตนใม้ แลตกนำปัจจุบัณณตาย ด่งงนัน ชือ อุปัจเฉทกกัมมขัยย แล ฯ อันวาอุปัจเฉทกกัมมลางคาบ ตานผูเยิยวยาเฝาเหนิอกัมมใด[๘๖] ฝูงกัมมอันจเอาสัตวทังหลายเวิยนใปมานียังมีเทานีโสดฯ กัมมอันเปนต่นแกกัมมทังหลายมี ๔ จำพวก ฯ อนึงชือ ชนกกัมม อนึงชือ อุปถัมพกกัมม อนึงชือ อุปปีฬกกัมม อนึงชือ อุปฆาฏกกัมม ๔ จำพวกดงงนี ฯ อันชือว่า ชนกกัมมนัน คือวา เกอดเปนคนทังหลายนีแล ฯ อันว่าชือว่าอุปถัมพกกัมมนัน หากให้สุกขทุกข อนึงให้ยินดีแลยินรายนันแล ฯ อันชือว่าอุปปีฬกกัมมนันหากให้ชุมแหงเนีอตนแลใหเปนทุกขปรการนี[๘๗]แลฯ เริ่มอังกา ฐํอันชือว่า อุฆาฏกกัมม นัน คือว่าบำบัดชีวิตรสัตวทังหลาย[๘๘]แล ฯ กัมมวิบากอันจแตงให้เปนทุกขนันมี ๔ จำพวก ด่งงนี ฯ อนึงคีอวา ปัญจานันตริยกัมม ฯ อนึงคือว่า อาสันนกัมม ฯ อนึงคือว่า อาจินนกัมม ฯ อนึงคือว่า กัตตากัมม ฯ อันชือว่า ปัญจานันตริยกัมมนีนันให้วิบากมากนักหนาแล ฯ อันชือว่าอาสันนกัมมนันคือให้วิบาก ดวนดับพลันแลฯ อันชือว่า อาจินนกัมมนันให้ลำอุพิเปนอุปทรัพยบมิขาดให้คำนึงแล ฯ อันชือกัตตากัมมนันหาก ใหวิบากอันเปนบุญกดี บาพพกดีใหด้วยดวนนักหนาแล ฯ กัมมดายอันให้วิบากอันอาดเพิอต่นกทำนันมี ๔ จำพวกนันโสด ฯ อนึงชือทิฏฐธัมมเวทนียกัมมอันนึงชืออุปปชเวทนียกัมม อนึงชือปราปรเวทนียกัมม อันนึงชืออโหสิกกัมมแล ฯ อนึงชือว่า ทิฏฐธัมมเวทนียกัมมนัน ฯ คือวาใคทำบุญทำบาพพกดีในกําเนิอดนี แลกัมมนันหากให้พิบากใด ทังกําเนิอดนีแลฯ อันชือว่าอุปปชเวทนียกัมมนัน ๒ จใหเริ่มอังกา ฐะใดวิบากอันวา เร้าโพนแล ฯ อันชือว่าปราปรเวทนียกัมมนัน ๒ ตามให้วิบากตราบใดเถิงนิพพานแล ฯ อันชือวา อโหสิกกัมมนัน ฯ คือให้หายใปบมีวิบากเลย ฯ ฝูงสัตวทังหลายนี เมิอจใกลขาดใจตายนัน ผิวาจใดใปตกนรก ผูนันเหนเปลวไฟ แลเหนใมงิวเหลกเหนฝูงผีถือใม้คอนแล ๚
[๑] หมันสอนใจ = หมั่นสอนใจ
[๒] อยาให้เคิยด = อย่าให้โกรธเคือง
[๓] พระมหาธาตุ = พระมหาเจดีย์
[๔] ชัวตน = ชั่วชีวิต
[๕] ใด้เปนลาบเปนดี = ได้ดิบได้ดี, ได้ลาภได้ดี
[๖] เพราเพริด = งามเพริศพริ้ง
[๗] มาใหว้มาคัลย = มาไหว้มาเฝ้า
[๘] ดังหนาแวน = ไปเฝ้า
[๙] ยิบแสน = เหมือนหน้ากระจกเงา
[๑๐] เข้าอัน = ข้าวนั้น
[๑๑] คันธรศ = รสมีกลิ่นหอม
[๑๒] รอดชัวต่น = ตลอดชั่วชีวิตเขา
[๑๓] เอยาวเริอน = เหย้าเรือน
[๑๔] ใต้ไฟปรทิปเทิยรแหงเข้านันบมิขาดเลย = เขาไม่ต้องตามประทีปและจุดเทียน
[๑๕] สมบัตติเปนมลากเปนดี = สมบัติมากมาย
[๑๖] สนิมภาภรณ = เครื่องประดับกาย
[๑๗] จลงปรมารมิอนึงบมิแล = จะยุบลงประมาณกำมือหนึ่งก็หามิได้
[๑๘] บมิใด้ตองถือมิอ = ไม่จับต้องมือ, ไม่จับมือถือแขน
[๑๙] บมิยุดมือถือ = ไม่จับมือถือแขน
[๒๐] ใสใจว่า = เข้าใจว่า
[๒๑] ขุมดุจจอันลึกใด ๗ ชัวบุรุสส = ลุ่มดุจลึกได้ ๗ ชั่วคน
[๒๒] บมิญาแล = ไม่ต้องสงสัย
[๒๓] ถือปลายมือพระบิดา = จับปลายมือพระบิดา
[๒๔] เปนใหญใปจิง = เป็นใหญ่ไม่จริง, ไม่ใหญ่เลย
[๒๕] พอยามบาย = เวลากินอาหารเช้า
[๒๖] กินเข้างาย = กินข้าวเช้า
[๒๗] กิลินทปายาตร = ข้าวปายาสอุ่น
[๒๘] เข้าต่งง = พระกระยาหาร, อาหารเสวย
[๒๙] เพีอจใครเอาอยานันอยาให้เข้าเอยนใส = เพราะต้องการจะกันไว้มิให้ข้าวเย็น
[๓๐] กเรงหอมเรง อรอยเรงมิโอชารศ = ก็ยิ่งอร่อยยิ่งโอชา
[๓๑] เหญิญวา = เกรงว่า, ชะรอยว่า
[๓๒] เปนอเชยร = เป็นอาการอาหารไม่ย่อย
[๓๓] ข้ากลัวเหญิยวพระองค = ข้ากลัวเกรงว่าพระองค์
[๓๔] อยูในครรพภ = อยู่ในท้อง
[๓๕] เปนเจ้าแกเรา = เป็นเจ้านายของเรา
[๓๖] ยอมือใปใหว = ยกมือไหว้
[๓๗] อายทูบ อายธูป = ไอธูป, กลิ่นธูป
[๓๘] ใปสภักบาน = ไปล้อมบ้าน
[๓๙] ทานจมาเยิยงใด้ = ท่านจะมาทำไม
[๔๐] ใสกัลนังงอยูฟังธัมมแล = ทำทีว่านั่งฟังธรรมอยู่
[๔๑] ใสกัลลว่าบมิรู = ทำเป็นไม่รู้
[๔๒] เชิงเชืองหูกดี = ชายเครือหูก
[๔๓] แต่เท่าว่า = แต่ทว่า, แต่ว่า
[๔๔] มิใจเดิอดฟุง = มีใจกริ้วโกรธ
[๔๕] กรยอนองคโลดขินทังนัง = ขยับตัวกระโดดขึ้นขณะนั่งอยู่
[๔๖] ตรเบงเรงบิดตบใปมา = กลั้นใจเร่งปิดตนไปมา
[๔๗] กรตุหัวเข่า = คุกเข่า
[๔๘] เหงิอหายอายยอย = เหงื่อไหลไคลย้อย
[๔๙] บัดเดิยวตรบัดใจ = ชั่วอึดใจบัดเดี๋ยวนั้น
[๕๐] เปนมลากเปนดี = ได้ดิบได้ดี
[๕๑] หินใจค่นกบมี = ไม่ฝืนใจตน, ไม่มีโสมนัส, มีแต่อุเบกขา
[๕๒] คัลลณา = คณนา, นับ, อุทิศให้
[๕๓] ยำแยง = ยำเกรง
[๕๔] เอาใจลงปลังใจเชีอ = มีความเชื่อมั่นคง
[๕๕] มีใจเทิยงแกบุญ = มีความพอใจยิ่งในบุญ
[๕๖] พยายามแกบุญ = หมั่นในการทำบุญ
[๕๗] ใหหมันแกบุญ = มั่นใจในบุญ, เอาใจใส่แน่วแน่ในบุญ
[๕๘] พิจจารณาแกบุญ = รู้พิจารณาในบุญ
[๕๙] กฺทำเสลดสนอย = กระทำนิดๆ หน่อยๆ
[๖๐] ใหรู = ให้รู้
[๖๑] ให้จำหุดให้กทำบุญ = ให้ตัดสินใจกระทำบุญ
[๖๒] ให้ใจเทยงแกบุญ = ให้พอใจทำบุญ
[๖๓] ให้ใจเดิยดปรกลาย = ให้ใจเป็นกลาง
[๖๔] ปาหนอออนแกบุญ = ให้กายคล่องแคล่วต่อบุญ
[๖๕] ใหใจลำอุดแกบุญ = ให้ใจว่องไวต่อบุญ
[๖๖] ผูนันมากลายสตรี = ชายนั้นมาใกล้หญิง
[๖๗] พอวัวถึกหูดอัว = พ่อวัวถึกร้องหา
[๖๘] ใด้ด่มกลินดมอาย = ได้ดมกลิ่นดมไอ
[๖๙] กวาดวัดผัดแผว = กวาดแผ้ววัดวาอาราม
[๗๐] ผูหญิงแมราย = หญิงถ่อย, หญิงโสเภณี
[๗๑] ใจเกลิยดอาย = มีใจเกลียดชัง
[๗๒] ชนมาพิธี = อายุ, ชีวิต
[๗๓] ควรทีมีเยาวมิเริอน = ควรมีเหย้าเรือน, ควรมีครอบครัว
[๗๔] ผิดใจกัน = ขัดใจกัน
[๗๕] ความผิดแผก = ความผิดกัน, ความวิวาทกัน, ขัดใจกัน
[๗๖] บันลุเถิงอรหัตต = บรรลุอรหัตผล
[๗๗] ปติภัตติ = ภักดีต่อสาม, ปฏิพัทธ์
[๗๘] บมิดุจกัน = เขาไม่เหมือนกัน
[๗๙] ดูอนิจจาแกใจ = ดูอเนจอนาถใจ
[๘๐] ลุเถิงแกอรหัตตมาคคญาณ = บรรลุอรหัตมรรคญาณ
[๘๑] สบสถาน = ทุกสถาน
[๘๒] กดนยลมหศจรยม = ก็บันดาลให้เห็นมหัศจรรย์
[๘๓] ผูนอย = เด็กน้อย, เด็กทารก
[๘๔] กินตางนม = กินแทนนม
[๘๕] รู้เดอนยางรูเดิอนเหลน = รู้เดินได้
[๘๖] ตานผูเยิยวยาเฝาเหนิอกัมมใด = ต่อต้านตัดขาดผู้เยียวยาอยู่เหนือกรรมได้
[๘๗] ให้ชุมแหงเนีอตนแลใหเปนทุกขปรการนี = ให้ชีวิตเป็นได้ทุกอย่าง
[๘๘] บำบัดชีวิตรสัตวทังหลาย = กำจัดชีวิตสัตว์ทั้งหลาย, ตัดรอนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย