ปางที่ ๗ รามจันทราวตาร

[๒๕]ร่าย

๏ จักขานใขดำนาน ในอวตารปางเจ็ด แห่งสมเด็จพิษณู ผู้เปนเจ้าจอมสวรรค์ เรียกรามจันทราวตาร ดำนานแถลงไว้ ในรามายณะ พระคัมภีร์สำคัญ อันเปนที่นับถือ บรรฦๅเกียรติมากอยู่ ในชมพูทั่วไป ในลิลิตนี้นา ฃ้าเจ้าจะแถลง แสดงแต่โดยย่อ พอสังเขปเปนเค้า เล่าเรื่องขัตติยะวงศ์ เผ่าพงศ์อิกษวากุ หลานสุริยะเทวราช เถลิงอาสน์อโยธยา สืบมาแต่มนู ผู้โอรสอาทิตย์ สถิตแคว้นโกศล มณฑลถิ่นสะพรั่ง ริมฝั่งน้ำสรยุ สุริยะวงศ์กษัตริย์ ครองรัฐกว้างปรากฎ เขตจดฝั่งสาคร ชนนิกรสุขสานติ์ สำราญทั่วเขตแคว้น ดินแดนนั้นสมบูรณ เพิ่มพูนพืชธัญญา ผลาหารครบครัน อันนครอโยธยา ปราการตั้งยืดยาว ราวสิบสองโยชน์สล้าง กว้างสามโยชน์ประมาณ มีทวารวางกะ ระยะไว้พอดี อันวิถีทางหลวง ปวงวางเหมาะทั่วไป ไสวด้วยบ้านเรือน ล้วนแต่เตือนตาชม อุดมราชนิเวศน์ อันขอบเขตกำแพง แขงแรงมีคูล้อม ป้อมปราการสง่า ท้าอรินทร์เรืองฤทธิ์ บ่กล้าคิดช่วงชิง ทุกสิ่งงามสพรั่ง ดังอมราวดี มีตึกชานลานสวน มวลสระน้ำสอาด ทวยราษฎร์สมบูรณสุข สนุกทุกวันวาร เล่นนัจจะการดนตรี เปนเวียงศรีสถิต เริงจิตชนรื่นรมย์ อุดมสิ่งนานา ทูตานุทูตจร จากนครไพรัช เฝ้ากษัตริย์สุริยะวงศ์ ผู้สายตรงลงมา จากอิกษวากุราช โอรสนาถมนู ผู้ลูกสุริยะไท้ สายสืบทายาทไซร้ ต่อมา ฯ

โคลง ๔

๏ ครานี้จะกล่าวข้อ คำไข
ถึงทศรถจอม จักร์กว้าง
ราชาเถลิงไอ ศวรรย์รัฐ
ณอโยธยาสล้าง แหล่งนคร
๏ ภูธรเลิดกษัตร์ทั้ง เปนปราชญ์
รู้รอบวิทยาไตร เพทจบ
ชำนาญรัฐประศาสน์ ประเสริฐ
แกล้วแกว่นกระบวนรบ ยิ่งยง
๏ สมพงษ์เผ่าท่านท้าว อิกษวา กุแฮ
ทรงสุธรรมสัมนา ปฏิบัติ
ทันเทียบเปรียบสิทธา เกรอกกิต ติคุณนอ
ชำนะอริถนัด ข่มใจ
๏ เธอไซร้มีโภคทรัพย์ ปานอินทร์
มั่งคั่งปานกุเวร ราชไซร้
จรรโลงโลกแดนดิน ผาสุก
ดังมนูนาถไท้ เที่ยงธรรม์
๏ อันธานีท่านไซร้ สมบูรณ
อมราวดี เทียบคล้าย
ชนครบสี่ตระกูล เนาถิ่น นั้นแล [๒๖]
ล้วนสุขแสนละม้าย อยู่แมน
๏ แสนดีสี่ชาติกอบ กรณีย์
พราหมณ์หมั่นศึกษาอีก อนุศาสน์
กษัตริย์ก็รบราวี ปราบพวก พาลแฮ
นอบนบอภิวาทน์ ดั่งควร
๏ มวลแพศย์บ่คร้านกอบ พาณิชย์
แลกเปลี่ยนกอบการหา ทรัพย์ไซร้
ปวงศูทร์ก็กอบกิจ สมชาติ
คือหมั่นคอยรับใช้ สามสกูล
๏ สมบูรณสพรั่งพร้อม ครอบครัว
ทุกสกุลแม่เรือน ดีเลิด
อีกบุตรและหลานตัว ทายาท
ดียิ่งสินประเสริฐ ทรัพย์สรรพ์
๏ ทรงธรรม์มีพรั่งพร้อม แสนยา กรเฮย
อีกอัศวะมากมวล ไม่น้อย
อีกสารชนะงา เก่งกั่น
มีมากมวลยิ่งร้อย คชสาร
๏ อาจารย์สองเลิดล้ำ ฤษี
อนึ่งพระวสิษฐ์ปุ โรหิต
วามะเทพมุนี ผู้ช่วย
ทั้งคู่รู้อบวิท เวทชาญ
๏ ท่านมีอมาตย์เลิด แปดคน
ชำนิชำนาญการ รอบรู้
รับใช้พระจุมพล ทศรถ
เพิ่มพระเกียรติพระผู้ ทรงขัณฑ์
๏ ชยันต์, ธฤษฏิ, ทั้ง วิชัย
สามที่เสนีพล ดิลก
ขุนคลังคู่หฤทัย สองชื่อ
สิทธรรถ, อรรถสาธก, เชี่ยวชาญ
๏ ตุลาการรอบรู้ ทางธรรม์
ธรรมะบาล, อโศก, ชื่อชี้
อีกหนึ่งชื่อสุมันตร์ ตัวเอก [๒๗]
สาระถีท่านนี้ เลิดดี
๏ มหิษีท่านไซร้ สามนา รีแล [๒๘]
ที่หนึ่งเกาศัลยา แน่งน่อย
ที่สองสุมิตรา งามเหมาะ
สองจริตแช่มช้อย เช่นกัน
๏ อันองค์ตติยะนั้น วิไลย
นามว่าไกเกยี นิ่มเนื้อ
ลูกผู้ผ่านเกกัย ชนบท
งามรูปทรงอะเคื้อ อ่าองค์
๏ ทรงภพลบแหล่งด้าว โกศล
พรั่งพร้อมศักดิ์ฤทธิ์เดช อำนาจ
แต่โอ้พระภูวดล ไร้บุตร์
เพื่อจะสืบทายาท ต่อไป
๏ ทรงชัยจึ่งได้ตรัส ปฤกษา
ทั้งแปดมนตรีดู เรื่องนี้
พระอยากใคร่คิดหา ความคิด
ให้อมาตย์ช่วยชี้ อุบาย
๏ ฦๅสายคิดใคร่ตั้ง พิธี
เอกอัศวะเมธอัน ประเสริฐ [๒๙]
อมาตย์ก็เห็นดี ดังตรัส
ควรจัดพิธีเลิด ฉับพลัน
๏ จึ่งสุมันตร์ผู้ยอด สารถี
ทูลแด่พระผู้จอม จักร์กว้าง
แม้พระประสงค์มี ดังตรัส
ต้องคิดรอบคอบบ้าง จึ่งดี
๏ พิธีอัศวเมธ ใหญ่ยิ่ง
ควรจะหาผู้ทำ เก่งแท้
เห็นว่าฤษยะศฤงค์ ดาบส
บุตร์วิภาณฑกแล้ เลิดชี
๏ สารถีเล่าข้อ ประวัติ
ฤษยะศฤงค์เมื่อคราว ช่วยแก้
ฝนแล้งณแหล่งรัฐ องคะ
สำเร็จกิจถ้วนแท้ ทุกสถาน
๏ ได้ศานตาลูกท้าว โลมบาท
เปนคู่อยู่ครองกัน แต่นั้น
อันแคว้นองคราษฎร์ เกษมสุข
เพราะรู้จักเลือกฟั้น เอกพราหมณ์ [๓๐]
๏ ฟังความข้อนี้ชอบ ฤดี
จึ่งทศรถทรง นบนอบ
ถามวสิษฐมุนี ปุโรหิต
ว่าอุบายนี้ชอบ ฤาไฉน
๏ ครูใหญ่ว่าชอบแล้ว ภูบาล
จอมกษัตริย์ธยินดี ไม่น้อย
สั่งเตรียมทัพทวยหาญ พร้อมพรั่ง
เพื่อเสด็จคลาคล้อย จากสถาน ฯ

ร่าย

๏ ครั้นถึงกาลอันงาม ฤกษ์ยามดีพร้อมหมด จึ่งทศรถมหาราช ยาตร์กระบวนบทจร จากนครอโยธยา ร้อนแรมมากลางพง ผ่านดงฃ้ามนที หลายราตรีธจึ่ง ถึงนครที่สถิต บพิตร์โลมบาท จอมองคะราษฎร์ฦๅชา คลาไคลสู่วังสถาน ฝ่ายภูบาลโลมบาท ต้อนรับราชมหามิตร์ เชิญสถิตวังใน อันได้จัดไว้รับ พร้อมสรรพสิ่งดี ๆ มีทั้งที่สรงเสวย บ่ละเลยสิ่งใด ครั้นอยู่ได้ประมาณ เจ็ดแปดวารแล้วไซร้ จึ่งทรงชัยทศรถ เผยพจน์สุนทรวอน แด่ภูธรโลมบาท เรื่องไร้ราชบุตรา จึ่งมาขอสหาย ช่วยอภิปรายแทนมิตร์ ให้พระฤษยะศฤงค์ มิ่งมุนีประเสริฐ เลิดในพราหมณ์วิสัย ไปช่วยทำพิธี พลีกรรมวิเศษ อัศวเมธสักครา ฝ่ายราชาโลมบาท ตรัสประภาษทันใด ให้ไปตามธชี มาสู่ที่หอคำ แล้วทรงธรรมกล่าววอน ด้วยสุนทรพจี ตามที่ทศรถวาน ฟังสารแห่งบพิตร์ ฤษยะศฤงค์ตอบไท้ ว่าเต็มใจปฏิบัติ ตามดำรัสทุกประการ ฝ่ายภูบาลทศรถ จึ่งเผยพจน์บัญชา ให้เสวการีบไป ยังเวียงชัยแจ้งข่าว ท้าวเธอสั่งกำชับ ให้ประดับภารา ด้วยผ้าสีธงชาย โปรยปรายน้ำรดราด กวาดฝุ่นในถนนหลวง ทั้งปวงให้สอาด ฝ่ายทวยราษฎร์เปรมใจ ได้ทราบข่าวดีมา ว่าราชาจอมเขต จะประเวศเวียงชัย ครานั้นไซร้ชาวเวียง เสียงกระฉ่อนจัดแจง ตกแต่งบ้านเรือนตน ให้วิมลแจ่มใส ยามภูวนัยทศรถ จรดสู่ธานี ชนยินดีกราบไหว้ ชื่นใจเห็นท่านงาม อีกชมพราหมณ์ทวิช ฤษยะศฤงค์ผู้ขลัง ครั้นถึงวังภูธร พาบังอรศานตา มาเฝ้าพระมหิษี เทวีก็รับรอง ทั้งผองสมแก่ยศ ทศรถจัดที่ให้ธชีอยู่ยั้ง จนกว่าจะเสร็จตั้ง พิธี นั่นแล ฯ

โคลง ๓

๏ ครานี้หมดเหมันต์ ยามวสันต์เริ่มแล้ว
บุบผาเริ่มผลิแผ้ว ผุดผัน
๏ จึ่งทรงธรรม์ทศรถ ธเผยพจน์ส่งให้
สุมันตร์ตัวเอกไซร นิมนตน์
๏ พ่อพราหมณ์ตนสำคัญ อันฦๅเกียรติเกรอกถ้วน
รอบรู้พระเวทล้วน นิยม ฯ

โคลง ๒

๏ ประถมคุรุเถ้า องค์พระวสิษฐ์เจ้า
จอมชี  
๏ ที่สองรองต่อนี้ พระสุยัญญะชี้
ชื่องาม  
๏ สามวามะเทพผู้ ฉลาดปราชญะรู้
เวทตรี  
๏ ที่สี่นามออกไว้ ว่าชาวาลิไซร้
กาศยป พันธุ์นา ฯ  

ร่าย

๏ ครั้นพราหมณ์มาพรั่งพร้อม ทศรถน้อมนิมนตน์ ให้ทุกตนโปรดช่วย อำนวยผลสฤษดี ในพิธีสำคัญ พราหมณ์เหล่านั้นเต็มใจ รับมอบไว้เต็มจิต เพื่อกอบกิจพิธี ภูมีจึ่งตรัสสั่ง ให้เฃ้าตั้งพลีกรรม ทำทุกสิ่งเลิดดี ดังมีในตำรับ พร้อมสรรพอย่าให้ขาด จัดที่ราชพิธี โรงรูจีจัดตั้ง ณฝั่งเหนือนที ศรีสรยุงามงอน แล้วภูธรประศาสน์ สั่งหลายราชบุรุษ ให้รีบรุดดำเนิน ไปเชิญไท้ต่างด้าว หนึ่งคือท้าวชนก ดิลกมิถิลา ผู้มหาญาติสนิธ ทั้งเปนมิตรสัมพันธ์ อีกทรงธรรม์บดี กาศีราชทรงยศ ปรากฎเกียรติฦๅลั่น เลิดในจันทรวงศ์ อีกองค์พระบิดา แห่งชายายงยศ ของทศรถจอมรัฐ คือกษัตร์เปนใหญ่ ในเกกัยชนบท พร้อมโอรสเธอด้วย ให้มาช่วยในงาน อีกภูบาลโลมบาท องคะราษฎร์ฤทธิรงค์ อีกเชิญองค์กษัตร์ ทรงรัชครองสุราษฎร์ และนรนาถภูมี จอมสุวีระเกษตร์ ทั้งจอมเทศนานา บรรดาเปนไมตรี ทุกธานีรับข่าว รีบสู่ด้าวแดนดล โกศลรัฐงามงอน จอมนครต้อนรับ สรรพตามประเพณี พอฤกษ์ดีเริ่มงาน พิธีการพิเศษ อัศวเมธประเสริฐ เลิดทุกทางอย่างควร ทั้งมวลโดยเรียบร้อย ปล่อยพระยาม้าต้น จรดลดุ่มไป ในนานาประเทศ ทุกเขตขัณฑ์อันผ่าน เหตุแผ้วพาลไป่มี ทุกธานีนอบนบ เคารพรับพาชี พอครบปีกำหนด ม้าจรดกลับถิ่น จึ่งภูมินทร์ยินดี มีบัญชาให้ทำ พลีกรรมบั้นปลาย พราหมณ์ทั้งหลายบ่ช้า จัดบูชาอัคนี ตามพิธีไสยศาสตร์ ภูวนาถบัญชา ให้หาโภชนาหาร ทุกสิ่งสารสุดดี เลี้ยงชีพราหมณ์อิ่มหนำ ทั้งผู้ทำพิธี ทั้งผู้ที่มาช่วย ก็เลี้ยงด้วยทั่วกัน ครั้นถึงกาลดีงาม พราหมณ์จึ่งสั่งให้ปัก หลักสำหรับผูกมัด สัตว์ที่ควรจะฆ่า บูชาเทพทั้งมวล จำนวนสัตว์สามร้อย ทั้งใหญ่น้อยนานา อันพาชีสำคัญ นั้นเปนยอดสัตว์ไซร้ ครั้นได้ฤกษ์เวลา เกาศัลยาเทวี มหิษีเอกนั้น พลันประหารมิ่งม้า ตามตำรากำหนด แล้วลดองค์ประทับ อยู่กับศพพาชี ในราตรีหนึ่งนั้น อันชายาอีกสอง มาแตะต้องศพม้า แล้วพากันนั่งใกล้ เพื่อจะได้ปฏิบัติ ขัตติยะนารี ฝ่ายชีพราหมณ์ทั้งหลาย มาถวายพรนาง แล้วต่างทำน่าที่ ผ่าพาชีแหวะเอา เครื่องในเผาจนไหม้ เหนือกองไม้มะเดื่อ เพื่อพลีเทวัน นอกนั้นกองเพลิงอื่น ดื่นดาดเรียงอีกเล่า เพื่อเผาสัตว์ใหญ่น้อย ทั้งสามร้อยพลี ในราตรีตลอด ปลอดปราศปวงอุบัทว์ สรรพัตพร้อมประเสริฐ พิธีเลิดลุแล้ว ทั้งหมดก็ผ่องแผ้ว พึงใจ ยิ่งแล ฯ

โคลง ๓

๏ จอมไผทนาถา แบ่งพสุธายกให้
แต่พราหมณ์ทุกพวกไซร้ บ่แหน
๏ แต่แทนรับปัถพี พวกธชีตอบท้าว
ว่าจะรับแด่นด้าว ไป่ถวิล
๏ มีดินไร้ฝีมือ ฤาจะครองครอบได้
คืนถวายแด่ไท้ ทรงครอง
๏ ประทานของอื่นแทน ดินแดนทุกแหล่งนั้น
พอเหมาะทั่วทุกชั้น ธชี
๏ โคนมดีหนึ่งล้าน ทรงประทานโกฎิให้
เงินอีกสี่โกฎิไท้ ไป่หวง
๏ ปวงพราหมณ์พร้อมปรีดา ยกทักษิณานั่นไสร้
แด่วสิษฐ์อีกให้ ฤษยะ ศฤงค์แล ฯ

โคลง ๒

๏ สองพระดาบสไซร้ บอกพระจอมภพให้
ขอพร  
๏ ภูธรนอบประณต ขอโอรสแด่ไท้
พรนี้แหละอยากได้ จริง ๆ
๏ ฤษยะศฤงค์ตอบถ้อย พรจะมีลูกน้อย
สี่องค์  
๏ เพื่อดำรงชาติเชื้อ ระวิวงศ์อะเคื้อ
สืบไป  
๏ ฃ้าไซร้จะช่วยเผื้อ ขอให้ทวยเทพเอื้อ
เอาภาร  
๏ การพิธีใหม่ฃ้า จะเริ่มในไม่ช้า
ฉับพลัน ฯ  

โคลง ๔

๏ ครานั้นทวยเทพพร้อม ฤดี
มาแทบถิ่นยัญญะ นั้นไซร้
เพื่อรับซึ่งพลี อเนก
ซึ่งฤษยะศฤงค์ให้ จัดแจง
๏ พราหมณ์แถลงวากย์เว้า ประกาศ
แด่เทพที่ชุมนุม อยู่พร้อม
ขอโอรสแด่ราช ทศรถ
ตามที่บพิตร์น้อม เกศวอน
๏ นิกรเทวะไซร้ ตอบสาร
ว่าพระประสงค์จอม จักร์นี้
จะสิทธิ์มโนมาลย์ อย่าวิ ตกเลย
เรารักเธอแต่กี้ ก่อนมา
๏ ว่าพลางทางเทพไท้ ศักรินทร์
พาคณเทวัน เตร็จฟ้า
รวดเร็วกระทั่งถิ่น พรหมโลก
เฝ้าพระผู้ก่อหล้า แหล่งตรี
๏ วัชรีทูลเทพเจ้า พรหมา
ว่าราพณาสูร ฤทธิ์ห้าว
ผู้ครองเขตลงกา แดนราก ษสแฮ
เกะกะและก้าวร้าว รุกราญ
๏ ขุนมารถือว่าได้ รับพระ พรนา
จึ่งบ่ยำเกรงใคร สักน้อย
กำเริบบ่ลดละ กวนโลก
บ่มิมีฟังถ้อย ใครปราม
๏ หยาบหยามกวนเทพทั้ง แดนสรวง
อีกเที่ยวทำลายกิจ ดาบส
เทวามนุษปวง ฃามขยาด
เพราะราพณ์รังแกหมด ทั่วไป
๏ อ้าไท้เทเวศร์ผู้ รังสรรค์
จงโปรดทรงเมตตา เหล่าฃ้า
บำราบทศกัณฐ์ ตัวกาจ
เพื่อจะได้เย็นหล้า ดับเข็ญ
๏ พระเปนเจ้าตอบถ้อย อมร
ว่าอ้ายอสูรหาญ โหดไซร้
มันขอซึ่งพระพร พิเศษ
เราประสาทพรให้ แด่มัน
๏ ว่าอันสุระทั้ง อสูร
คนธรรพอีกปีศาจ เลิดฤทธิ์
ยามรบรับประมูล แรงต่อ กันแฮ
อย่าฆ่ามันได้สิทธิ์ สมใจ
๏ มันไซร้โมหะตื้น เต็มจิต
จึ่งบ่นึกกลัวปวง มนุษ
ดังนี้หากจะคิด ผลาญราพณ์
คนและฆ่าคงสุด ชีพลง
๏ องค์อินทร์อีกเทพล้วน ยินดี
ประณตพระพรหมา ท่านไท้
เห็นทางที่ยักษี จะวอด วายแฮ
เปรมจิตคิดหวังได้ หมดเข็ญ
๏ เห็นองค์พิษณุเจ้า ผ่องรัส มีแล
ทรงพญาครุฑเหิร เห็จดั้น
ศังข์จักร์คทาหัดถ์ กุมเหมาะ
ภูษะสีเหลืองนั้น เพริดตา
๏ ธมาสู่ที่เทพ ชุมนุม
ทวยเทพถวายกร พรั่งพร้อม
ทูลวอนพระเทพจุม พฏภพ
ขอพระเดชแวดล้อม สุขใจ
๏ พระไวกูณฐ์นาถยิ้ม พลางตรัส
ท่านประสงค์สิ่งใด จุ่งแจ้ง
เราทราบคดีชัด จะช่วย
จริงนะมิได้แสร้ง เสกสรร
๏ เทวันน้อมเกศก้ม ทูลสาร
อันราพณาสูร โหดห้าว
เชิญพระอวตาร ไปปราบ
เหมือนช่วยให้แด่นด้าว เกษมสันต์
๏ อันทศรถเจ้า โกศล
ปราถนาโอรส ยิ่งแท้
ทำวิธีมงคล อัศวะ เมธนา
ยังบ่สำเร็จแล้ ประสงค์
๏ เชิญองค์พิษณุเจ้า จักรี
แบ่งภาคเปนสี่องค์ เลิดแล้ว
สู่ครรภ์มหิษี สามประ เสริฐนา
ทศรถจะแผ้ว ผ่องใจ
๏ อ้าไท้โปรดกำเนิด เปนคน
เพื่อปราบพญาราพณ์ ฤทธิ์ร้าย
อ้าโปรดช่วยสากล เกษมสุข
สันติสงบคล้าย ปางหลัง
๏ ฟังคำทวยเทพเว้า วอนหวาน
สมเด็จพระนารายน์ โลกนาถ
รับจะอวตาร สู่ภพ
เปนพระนรราช ยศยง
๏ ฟังองค์พิษณุเจ้า ตรัสรับ
ทวยเทพวิทยาธร โห่ก้อง
อับศรก็ฟ้อนจับ รำร่อน
คนธรรพขับร้องก้อง นภา
๏ ฝ่ายว่าวิษณุไท้ ทูลลา
องค์พระจัตุรพักตร์ เสร็จแล้ว
ขึ้นทรงครุฑะวา หนเอก
ผันผงาดผาดแผ้ว ผ่านไป ฯ

ร่าย

๏ ครานั้นไซร้ทศรถ ทรงยศยอดอยุธยา ราชาคอยอยู่ที่ ในพิธีมณฑล ฟังมนตร์พราหมณ์สวดอยู่ ดูในกองเพลิงกาจ ภูวนาถนเรนทร์ เห็นอสูรตนหนึ่ง ซึ่งผุดขึ้นจากไฟ ร่างกายใหญ่กำยำ สีกายดำกำแหง นุ่งห่มแดงแสงฉาน เสียงดังปานเภรี มีผมยาวราวขน สีหราชตนเติบใหญ่ ที่กายไซร้ประจักษ์ ศุภลักษณ์นานา แต่งอาภรณ์สวรรค์ กายสูงทันคีรี เดินท่วงทีเทียมพยัคฆ์ สง่านักถนัด ทั้งสองหัดถ์ประคอง หม้อทองใส่อมฤต ศักดิ์สิทธิ์ของพรหมา อสุราตรงเฃ้า เฝ้าราชาทศรถ แล้วเผยพจน์ทูลว่า ฃ้าเปนทูตรับใช้ ไท้ประชาบดี ศรีสุรพรหมา ด้วยเทวาปรีดี รับพลีของไท้ โปรดให้ผลสมจิต บพิตรจงรับไว้ จะได้สมปราถนา อันว่าอมฤตนี้ เลิดดีจะบันดาล ให้ภูบาลทรงยศ มีโอรสสมหวัง ทั้งพระจะเปนสุข นิรทุกข์โทษภัย จงให้สามเทวี ดื่มน้ำนี้ฉับพลัน แล้วนางนั้นทั้งตรี จะได้มีโอรส บรรฦๅยศเกรียงไกร ฝ่าย ภูวนัยรับเต้า ขึ้นทูลเกล้าถนัด แล้วทรงรัฐดำเนิน เดินประทักษิณทูต ของวิสูทธ์เทวา แล้วทูตลาเหาะกลับ ลับแล้วจึ่งราชา คราสู่มาลกงาม ที่พักสามมหิษี ภูมีตรัสให้หา เกาศัลยานงคราญ แล้วประทานอมฤต ให้มิ่งมิตร์กึ่งหนึ่ง แล้วจึ่งแบ่งหนึ่งส่วน ให้นวลแก้วกัลยา สุมิตราดื่มพลัน เหลือนั้นแบ่งกึ่งให้ ไกเกยีดื่มเสวย เหลือนั้นเลยหวลมา ให้สุมิตราอีกครั้ง ดังนี้ราชกำแหง แบ่งอมฤตเลิดดี ให้มหิษีเสร็จแล้ว สี่กษัตริย์ผ่องแผ้ว หฤทัย ฯ

โคลง ๓

๏ ในไม่ช้านงราม ทั้งสามองค์นั่นไซร้
เปรมจิตเพราะเหตุได้ ทรงครรภ์ ฯ

โคลง ๒

๏ ทรงธรรม์ทศรถเจ้า ปราโมทย์ทุกค่ำเช้า
รื่นรมย์  
๏ เตรียมชมพระลูกน้อย คอยนับเดือนที่คล้อย
เคลื่อนไป ฯ  

ร่าย

๏ ตั้งแต่ไท้นารายน์ รับจะผายผันลง ทรงอวตารแล้วฉนั้น อันองค์พระสยัมภู ผู้เปนเจ้าบัญชา แด่เทวาทั้งหลาย ว่านารายน์นั้นนา เธออุส่าห์รับคำ จะไปกำเนิดใน แผ่นไผทแดนชน ทั่วทุกตนเทวา อย่าช้าจงตั้งใจ ช่วยเธอไซร้ทำการ งานสงครามบำราบ รานรอนราพน์แรงร้าย เทพทั้งหลายฟังตรัส ก็เร่งรัดทำตาม ความพระเจ้าประสงค์ ทุกองค์สร้างวานร ล้วนฤทธิรอญแขงขัน ทุกเทวันเลิดดี ทุกมุนีวิมล ถ้วนทุกคนคนธรรพ ทุกยักษ์สรรพแสนกล้า [๓๑] ทุกนาคาพิษร้อน วิทยาธรทุกตน ล้วนกมลยินดี มีบุตร์เปนวานร เพื่อช่วยรอนรานราพณ์ ปราบอสูรโมหัน อันบุตร์ท้าววัชรี คือพาลีราชา จอมวานรทั้งหลาย กายใหญ่เยี่ยมปานเฃา เท่ามเหนทรบรรพต อันโอรสระวี คือสุครีวะราช ผู้เก่งกาจเที่ยงถนัด พระพฤหัสบดี มีลูกชื่อตาระ ฉลาดรู้สิ่งสรรพ์ คันธมาทน์ปรากฎ โอรสท้าวกุเวร นลผู้เปนช่างงาน รู้การอีกช่างคิด ลูกวิศวะกรรมา นิลกายาแดงดี ลูกอัคคีจำรัส ส่วนอัศวินสองไซร้ ให้โอรสเปนสอง พี่น้องปรองดองจิต หนึ่งทวิวิทเก่งแสน หนึ่งแมนทะแกว่นกล้า ฝ่ายวานรสุเษณ เปนลูกพระวรุณ สุนทรเทพเจ้าน้ำ ศะรัภล้ำแขงขัน ลูกปรรชัณย์เจ้าฝน ส่วนขุนพลเรืองนาม นามว่าหนุมาน เริงราญฤทธิศักดา ลูกพระพายุแรง แสนกำแหงถนัด ราววัชระแขงขัน ผายผันเร็วปานครุฑ แรงรณรุทร์เริงสมร [๓๒] อีกวานรบริวาร ประมาณมวลหลายพัน เทวันสร้างขึ้นไซร้ เพื่อให้เปนทหาร รับใช้งานสงคราม ตามเสด็จนารายน์ ยามทำลายแรงราพณ์ บำราบรากษสห้าว ดับเข็ญเย็นทั่วด้าว ชมพู ทวีปแล ฯ

โคลง ๔

๏ ฤดูกาลผ่านแล้ว ครบปี
ตั้งแต่เมื่อทำอัศ วะเมธ
ถึงเจตระมาศศรี จันทร์แรก ขึ้นแฮ
วาระเก้าวิเศษ ฤกษ์เฉลา
๏ เกาศัลยาเล็ดล้ำ เทวี
ประสูติพระโอรส ประเสริฐ
กึ่งศักดิ์พระจักรี แบ่งภาค
เสด็จมากำเนิด เลิดสรรพ์ [๓๓]
/* ต่อนั้นบ่เนิ่นช้า เท่าใด
จึ่งสุมิตราประ สูติแล้
โอรสแฝดผ่องใส ทรามสวาท
สองภาคพิษณุแท้ หน่อไท
๏ ไกเกยีแน่งน้อย นงราม
รออีกมินานประ สูติบ้าง
เปนโอรสเลิดงาม เพลินพิศ
หนึ่งภาคพิษณุสล้าง เสริฐศรี
๏ ยามสี่โอรสได้ สิบสอง วันแฮ
ตั้งกิจพิธีสม โภชไซร้
วสิษฐมุนีปอง ปวงโศลก
ประสาทพระนามให้ กุมาร [๓๔]
๏ ท่านให้ทายาทนั้น ชื่อราม
เปนที่รักแห่งปวง โลกล้วน
ให้ชำนะสงคราม เปนนิตย์
เสริมสุขดับทุกข์ถ้วน ถิ่นผอง
๏ สององค์ลูกเจ้าสุ มิตรา
ชื่อลักษมณ์และศตรุฆน์ ผ่องแผ้ว
รูปสิริโสภา พร้อมสิ่ง ดีแฮ
อาจปราบศัตรูแกล้ว แกว่นไกร
๏ลูกไกเกยินั้น ภรต
สมชื่อผู้ค้ำจุน ราชศักดิ์
ให้รู้รอบทั้งหมด รัฐศาสตร์
เพื่อช่วยบำรุงรักษ์ บาทบงสุ์
๏ ทรงชัยทศรถเลี้ยง โอรส
อย่างประเสริฐสมพงศ์ กษัตริย์เจ้า
ให้เรียนรอบรู้หมด ยุทธศาสตร์
ธรรมะศาสตร์รู้เค้า คติงาม
๏ พระรามเปนยอดรัก ชนก
ฉลาดและแหลมหลัก รอบรู้
ควรเปนเลิดดิลก แหล่งโลก
หากษัตริย์องค์ไหนสู้ สุดหา
๏ พระทายาทรักน้อง ลักษมัณ
พระเลือกเปนคู่ใจ แต่น้อย
ทุกเมื่อร่วมสุขกัน ทุกข์ร่วม
ความคิดบ่เคลื่อนคล้อย แผกผัน
๏ อันพระศตรุฆน์นั้น เธอรัก
พระภรตมากราว ร่วมท้อง
สององค์ต่างรู้จัก ใจซึ่ง กันแฮ
มิ่งมิตร์สนิทน้อง พี่สมาน
๏ ภูบาลชนกนั้น เปรมปรีย์
เพราะลูกทั้งสี่องค์ นั่นไซร้
ทุกองค์จิตภักดี บ่ละ ลดเลย
เปรอพระบาทท่านไท้ บิตุรงค์
๏ จึ่งองค์ทศรถเจ้า โกศล
เปนสุขทุกข์โศกปวง คลาดแคล้ว
พระแผ้วผ่องกมล ปราโมทย์
พระฉวีพลอยแผ้ว ผ่องสราญ ด้วยนา ฯ

ร่าย

๏ กาลล่วงหลายพรรษา ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง จึ่งพระวิศวามิตร์ สิทธาเอกอุดม พรหมมนีเธอมา ณอโยธยาเวียงราช จึ่งนรนาถภูมี เชิญมุนีลีลาศ สู่ปราสาทแล้วไซร้ ให้นั่งอาสน์อันงาม นบนอบถามฤษี ข่าวร้ายดีอย่างใด ฟังจอมไผทเธอเว้า จึ่งพระเกาศิกนันทน์ ตอบจอมขันฑ์โกศล อ้าจุมพลนฤนาถ อาตมะแสนรำคาญ ด้วยมีมารร้ายสอง ปองทำลายพิธี กิจพลีทั้งหลาย ทำหยาบคายนานา สองอสุราจำแลง แปลงกายได้หลายอย่าง จงจิตล้างยัญญะกิจ ด้วยทุจริตร้ายกาจ ครั้นอาตมะจะแผลง ฤทธิ์กำแหงปราบมัน กิจการยัญจะถ่อย ถอยมงคลลักษณะ อาตมะจึ่งเฃ้ามา ทูลราชาจอมจักร์ ขออารักษ์ร่มเย็น อันเป็นกิจกษัตริย์ อ้าจอมรัฐนาถา ตูฃ้าขอประทาน พระกุมารทายาท ประกาศนามรามจันทร์ อันอาตมะทราบอยู่ ว่าเปนผู้เลิดดี เปนวีระกษัตริย์ ถนัดทางยุทธศาสตร์ คงสามารถบำราบ ปราบอสูรแรงร้าย ที่ทำลายพิธี ดังนี้ขอพระราม ไปตามฃ้าปราถนา เพื่ออารักษ์เหล่าพราหมณ์ ยามกระทำพิธี พลีเลิดการยัญ มีสิบวันกำหนด ท้าวทศรถฟังสาร กล่าวคำหวานตอบว่า อ้ามุนีนักธรรม์ อันเจ้ารามลูกฃ้า ชนม์พรรษายังอ่อน หย่อนกว่าสิบหกปี ดังนี้ฤาจะอาจ สามารถสู้รากษส ดาบสจงกรุณา ตูฃ้าเองจะรับ นำกองทัพรีบไป ช่วยท่านไซร้ราวี รบอสุรีแรงหาญ แต่ถ้าท่านขอเอา ตัวเจ้ารามจงได้ ขอให้ฃ้าไปช่วย ด้วยกำลังเสนา จาตุรงค์เรืองศักดิ์ อนึ่งยักษ์นั้นไซร้ คือใครและแรงฤทธิ์ สิทธิศักดิ์ปานใด ใครใช้มันนั้นมา ดาบสตอบทรงธรรม์ ว่าทศกัณฐ์ใจกาจ ประศาสน์สั่งมันไซร้ ให้ทำลายพิธี สองอสุรีบรรฦๅ ชื่อมารีจยักษา อีกสุวาหุกาจ ทศรถราชฟังข่าว แสนร้อนร้าวหฤทัย เพราะเธอไซร้ได้ทราบ ว่าท้าวราพณ์เริงรอญ ได้รับพรพรหมา ใครฆ่าบ่มิตาย ใครหมายล้างชีวิต เปนสุดคิดสุดหวัง ดังนั้นจอมโกศล โดยกมลรักมาก มิอยากให้พระราม ไปสงครามครานี้ มุนีฟังบพิตร์ เคืองจิตกล่าวพ้อตัด พระจอมรัฐด้วยถ้อย นานาเพราะน้อยจิต ฝ่ายวสิษฐมุนี ศรีปุโรหิตเถ้า จึ่งเฃ้าแซกแซงทูล นเรนทร์สูรทศรถ ด้วยพจน์ปลอบหฤทัย ดังนั้นไซร้ฦๅสาย คลายความวิตกลง จึ่งทรงอนุญาต ให้รามราชโอรส ไปตามพจน์ขอนั้น ให้ลักษมัณไปด้วย เพื่อช่วยเปนสองแรง รีบจัดแจงเตรียมการ ให้กุมารไปลา พระมารดาทั้งสอง พี่น้องก้มกราบลา ฝ่ายว่าพระวสิษฐ์ ปุโรหิตครูเถ้า สั่งเฃาจัดบายศรี ทำพิธีสมโภชน์ เพื่อปัดโทษเสนียด อันอาจเบียดเบียฬกลาง หว่างวิถีที่ไป ในแนวพนารัญ ฝ่ายทรงธรรม์ทศรถ ประณตวิศวามิตร์ บพิตร์ฝากลูกยา ขอสิทธาโปรดด้วย ช่วยฝึกสอนต่อไป ครั้นได้ฤกษ์ยามดี จึ่งมุนีทูลลา พระราชาทรงธรรม นำราฆพลูกท้าว กับพระลักษมัณก้าว จากกรุง [๓๕]

โคลง ๓

๏ มุ่งตรงสู่สรยุ บรรลุถึงฝั่งใต้
เดินเลียบฝั่งนั้นไซร้ ไป่นาน
๏ ประมาณได้โยชน์หนึ่ง จึ่งพระดาบสเถ้า
สั่งสอนโอรสเจ้า หยุดพลัน
๏ นักธรรม์ให้รามลักษมณ์ วักน้ำรดเกศไซร้
แล้วพระดาบสให้ พระพร
๏ ดูก่อนเจ้าราฆพ เคารพฟังพจน์ไว้
มนตร์สองจะบอกให้ จุ่งจำ
๏ หนึ่งจะทำให้เธอ สุขเสมอทุกข์ไร้
ปวงอุบัทว์บ่ได้ ถับถึง
๏ อีกหนึ่งจะให้แรง แสนกำแหงอคร้าว
ใคร ๆ ในแด่นด้าว บ่ทัน เทียบเลย ฯ

โคลง ๒

๏ ครานั้นราฆพเจ้า วักอุทกรดเกล้า
ดั่งสอน  
๏ ประนมกรนอบน้อม ตั้งจิตไว้มั่นพร้อม
ฟังมนตร์  
๏ เล่าบ่นตามท่านไซร้ จำไว้ใส่จิตได้
ทั้งผอง  
๏ สมปองราฆพไซร้ เปรมจิตประหนึ่งได้
ทรัพย์ดี  
๏ สองศรีขัตติยเจ้า รับใช้คุรุเถ้า
นักธรรม์  
๏ พักกันริมฝั่งน้ำ สรยุเลิดล้ำ
หนึ่งรา ตรี่แล ฯ  

โคลง ๔

๏ อุษาแสงผ่องพื้น คัคนานต์
จึ่งพระวิศวามิตร์ ตื่นแล้ว
ปลุกสองพระกุมาร สอนสั่ง
ให้โสดสรงผุดแผ้ว ผ่องสราญ
๏ ไป่นานก็ได้ออก เดินทาง
เลียบฝั่งสรยุ น่านน้ำ
ดาบสธสอนพลาง หว่างวิ ถีแฮ
เพื่อศิษย์รอบรู้ล้ำ เลิดดี
๏ แต่นี้เดินใต่เต้า ตามฝั่ง
จนกระทั่งถึงที่ ท่าฃ้าม
พบเรือจอดอยู่ยัง ตลิ่ง
มีลูกเรือบ่คร้าม ชลไหล
๏ เฃาไซร้เชิญพระเจ้า โยคี
แลกุมารสู่เรือ นั่นแล้ว
มาฃ้ามถิ่นนที ไหลเชี่ยว
โดยสดวกและแผ้ว ปลอดภัย
๏ เดินไปต่อไม่ช้า ก็เห็น
ดงใหญ่แลดูแสน ทึบแท้
รามถามพระผู้เปน เจ้าว่า
นั่นป่าอะไรแล้ โปรดแถลง
๏ ฤษีแจ้งแก่พระ กุมาร
อันที่เห็นเปนดง บัดนี้
เคยเปนถิ่นไพศาล สองเรียก
มะลัช, กะรูษ, ชี้ ชื่อเดิม
๏ เริ่มเสื่อมเพราะฤทธิ์แห่ง ยักขินี
นามว่าตาฑะกา โหดห้าว [๓๖]
อาจแปลงเปลี่ยนอินทรีย์ หลายอย่าง
ฤทธิเดชอคร้าว กาจไกร
๏ นางไซร้ได้แต่งด้วย อสุรา หนึ่งนา
ผู้ชื่อสุนทะจอม รากษส
มารีจและสุวา หุโหด
สองนี่เปนโอรส ยักขินี
๏ อสุรีร้ายสิ จองผลาญ
มลัชและกะรูษ ถิ่นสล้าง
จนสองถิ่นไพศาล แสนยาก
แล้วจึ่งเปนป่าร้าง อย่างเห็น
๏ เช่นนี้รามะเจ้า กำแหง
จงเชื่อกำลังแขน เถิดเจ้า
ปราบยักขินีแรง ฤทธิ์วอด แล้วฤา
สองเขตจะคืนเค้า ก่อนงาม
๏ พระรามก้มเกล้ารับ คำสั่ง
จับธนูขึ้นสาย เสร็จแล้ว
ดีดสายก็เสียงดัง สนั่น
ฝูงมฤควิ่งหนีแคล้ว สู่พนา
๏ ตาฑะกาสดับ เสียงดัง
รีบลุกจากที่นอน บัดนั้น
แสนโกรธรีบไปยัง ชายป่า
รีบบุกรุกกระชั้น ฉับไว
๏ แต่ไกลเห็นพี่น้อง สององค์
นางก็ใช้มายา แย่งยุทธ
แต่ราฆพเธอทรง ศรสิทธิ์
แผลงแข่งมายารุทร์ ฤทธิไกร
๏ ศรไปตัดหัดถ์ทั้ง สองขาด
พระลักษมัณแผลงศร อีกซ้ำ
ถูกหูจมูกปราด ปลิดหลุด
แต่ยักขินีล้ำ เลิดแรง
๏ แปลงกายหลายอย่างเฃ้า โรมรัน
สองกุมารแผลงศร เก่งกาจ
ศรรามวิเศษสรรค ถูกอก ยักษ์แฮ
ซวนซุดสุดชีวาตม์ ฉับพลัน
๏ ครานั้นทวยเทพล้วน ยินดี
สหัสสะนัยน์ยอ เกียรติอู้
ชมราฆพเอกวี ระกษัตร์
ซึ่งอาจสามารถสู้ ตาฑะกา
๏ ฝ่ายดาบสกล่าวถ้อย เชยชม
แล้วจึ่งประสาทเทพ อาวุธ
ทุกอย่างเลิดอุดม ศักดิเดช
ทุกอย่างฤทธิรุทร์ เลิดดี
๏ ราตรีหนึ่งพักแล้ว เดินไป ต่อนา
ถึงป่าที่วิศวา มิตร์สถิต
งานเลิดเพลิดเพลินใจ พร้อมหมด
กุฏิอาศรมจิตร์ แจ่มงาม
๏ พระรามถามพระเจ้า ฤษี
ว่าถิ่นนี้แต่ปาง ก่อนไซร้
เคยเปนถิ่นที่ดี ใดจึ่ง
พระเลือกเปนที่ไว้ อยู่สราญ
๏ อาจารย์ตอบว่าครั้ง จักรี
อวตารเปนพราหมณ์ รูปจ้อย
มาหาซึ่งพลี แทตย์ราช
และพระแสร้งกล่าวถ้อย หลอกหนอ
๏ ขอดินสามย่างครั้น ขุนยักษ์ ให้แล
พระก็เหยียบเพียงสาม ย่างไซร้
ดินฟ้าและแดนสัคค์ สามหมด
เอาภพกลับคืนได้ จากมาร
๏ สิ้นสารสอนเสร็จแล้ว มุนี
ชวนสู่พระอาศรม สล้าง
ให้พักเพื่อสุขี ผันผ่อน
ความเหนื่อยเมื่อยล้าบ้าง ดั่งควร นั่นแลฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายว่ามวลหมู่ศิษย์ วิศวามิตร์มุนี ยินดีรับอาจารย์ และกุมารสององค์ ผู้เผ่าพงศ์ระฆุ อุดมพีระภาพ อาจบำราบนางยักษ์ ครั้นได้พักสบาย พอหายเหนื่อยเมื่อยล้า จึ่งวิศวามิตร์เริ่ม ประเดิมยัญญะการ พระกุมารทั้งสอง ปองจิตเตรียมบำราบ ปราบทั้งมวลหมู่มาร ที่จะหาญเหิมหมาย ทำลายกิจพิธี หกราตรีล่วงลับ จึ่งสดับสำเนียง เสียงอสูรพลเหิม เริ่มรุกมาอาศรม จึ่งบรมราฆพ มุ่งหมายรบเหล่ามาร ที่เหิมหาญมานั้น พลันแผลงศรลิ่วไป ศรชัยถูกอุรา มารีจพลันก็หวิว ละลิ่วไปไม่น้อย นับร้อยโยชน์ถนัด พลัดตกลงสมุท ผุดขึ้นยังบ่ตาย รีบผันผายพลันหนี บ่คืนที่สงคราม ฝ่ายพระรามจับศร ฤทธิรอญอร่าม นามว่าอาคเณยาสตร์ ผาดแผลงไปถูกเหมาะ จำเพาะตรงอุรา แห่งสุวาหุพลัน ม้วยชีวันตกดิน หน่อนรินทร์ฦๅสาย จบพายวาสตร์กำแหง แผลงไปล้างรากษส ตายหมดถ้วนทุกตน สำเร็จผลปราถนา วิศวามิตร์มุนี ยินดีพ้นรำพรรณ ชมราชันราฆพ ว่าเลิดลบกษัตริย์ ทุกแหล่งรัฐทั่วไป ครั้นได้พักผ่อนกาย พอสบายบัดนี้ จึ่งมุนีแถลง แจ้งข่าวที่ทราบมา ว่าราชาชนก ผู้ปกครองภารา มิถิลาฦๅกิตติ์ คิดจะตั้งพิธี พลีทวยเทวัน เชิญราชันมากมาย จากแหล่งหลายนคร ให้จรไปลองดู ก่งธนูสำคัญ ที่เทวันประสาท ให้นรนาถปางก่อน แห่งนครมิถิลา ทั้งเทวากุมภัณฑ์ ทั้งคนธรรพ์บ่อาจ สามารถก่งธนู ก็ในหมู่มนุษ สุดจะหาผู้ใด ก่งได้ดังปราถนา ดาบสเธอจึ่งถาม พระรามว่าจะไป หรือฉันใดจงตอบ รามระยอบวันทา ตอบว่าฃ้าขอไป ดังนั้นไซร้มุนี เรียกเหล่าชีลีลา พาพระรามลักษมัณ สู่อรัญประเทศ เดินฃ้ามเขตเขาเขิน เดินเลียบฝั่งคงคา มายังฝั่งสาคร ร้อนแรมพลางกลางไพร และในเมื่อจรลี ประสบที่สำคัญ ราชันถามครูเถ้า เธอก็เล่าแถลง แสดงซึ่งตำนาน ตามโบราณประวัติ สองกษัตริย์คอยฟัง ตั้งจิตจดจำไว้ ได้เพิ่มพูนปัญญา ทุกทิวาทวี ดังนี้ยามดำเนิน เพลิดเพลินฟังดำนาน กุมารลืมความเหนื่อย บ่นึกเมื่อยขบเลย เดินเฉื่อยเฉยทุกวาร บ่นานจวนจะถึง ซึ่งกรุงมิถิลา อยู่ตรงหน้านั่นแล้ว ยิ่งมองเห็นผ่องแผ้ว ผุดงาม ฯ

โคลง ๓

๏ พระรามเห็นป่าหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้เวียงสล้าง
เปนถิ่นที่รกร้าง รุมหนาม
๏ ตรัสถามวิศวามิตร์ ใครเคยสถิตที่นี้
ขอท่านจงโปรดนี้ เถิดมา ฯ

โคลง ๒

๏ วิศวามิตร์ตอบถ้อย แห่งพระราฆพน้อย
ตรัสถาม ฯ  

โคลง ๔

๏ ตามเรื่องประวัติไซร้ มีมา
ว่ามุนีโคดม นั่นไซร้
อีกนางอหลยา เมียท่าน
อยู่สุขที่นี่ได้ เนิ่นนาน
๏ มากาลวันหนึ่งไซร้ มุนี
ไปจากพระอาศรม ไม่ช้า
จึ่งพระเทพวัชรี มาพบ
นางอหลยาหน้า เฉิดฉัน
๏ บัดนั้นเทเวศร์ไท้ ประสงค์
ใคร่ประโลมโฉมนาง แน่งน้อย
จึ่งแปลงเปลี่ยนรูปทรง โดยด่วน
คล้ายพระโคดมคล้อย เฃ้าไป
๏ ปราไสยนงลักษณ์ผู้ เพลินตา
ชวนร่วมเริงสมร สมัค
ฝ่ายนางอหลยา รู้เล่ห์
แต่ว่ามีจิตรัก จึ่งยอม
๏ ประนอมพร้อมจิตเคล้า คลึงชม เสร็จฤๅ
นางนึกเกรงจะมี เหตุร้าย
จึ่งเตือนสุโรดม ให้เสด็จ
พระก็ลานางย้าย ยาตร์ไป
๏ ถึงในพนัสพบ มุนี
เดินสู่พระอาศรม ดุ่มด้น
ท้าวศักระจะหนี หลบหลีก
ก็บ่ทันบ่พ้น สิทธา
๏ ครานั้นดาบสได้ เห็นศักร์
แปลงรูปเปนฤษี ก็รู้
โดยญาณว่าลอบลัก ไปแนบ
นอบสนิทเมียผู้ เสน่ห์ชม
๏ โคดมพิโรธเพี้ยง เพลิงผลาญ
ร้องสาปพระอินทร์ผู้ มากบาป
เธอแปลงรูปเหิมหาญ ก่อเหตุ
ล่วงประเวณีหยาบ อย่างใจ
๏ ต่อไปจงไร้เพศ อย่างชาย
เปนกะเทยเถิดแสน โศกเศร้า
ศักระก็พลันคลาย แรงฤทธิ์
นอบนบจบศีระเกล้า กราบลา
๏ พอมาถึงที่ห้อง อาศรม
เกรี้ยวกราดตวาดนาง เล่นชู้
มึงบังอาจร่วมรมย์ กับศักร์
ทั้งที่มึงได้รู้ แก่ใจ
๏ ต่อไปอีกนับร้อย พันปี
จงอยู่กรรมเผาผลาญ กิเลส
นอนเกลือกเฒ่าธุลี ใครอย่า เห็นเลย
กินแต่ลมแทนเสรฐ โภชนา
๏ จนกว่ารามะเจ้า ราฆพ
ลูกทศรถเพ็ญ พิรภาพ
มานี่และประสบ มึงแห่ง นี้แล
มึงจึ่งจะหมดบาป กลับดี
๏ เสร็จพจีสาปแล้ว โคคม
ไปอยู่หิมาลัย ขอบฟ้า
ฝ่ายนางทุกข์ระทม ทนอยู่
คอยกว่าจะพบหน้า หน่อไท
๏ ฟังใขราฆพกราบ อาจารย์
ขอท่านรีบนำไป ป่านี้
ไปถึงที่นงคราญ ผู้ถูก สาปแฮ
อยู่ณที่นั้นลี้ ลับตา
๏ ปรีดาที่ได้พบ นงคราญ
สองกษัตริย์เฃ้าไป อภิวาทน์
นางแสนสุขสำราญ สร่างโศก
ให้อุทกล้างบาท อย่างควร
๏ แล้วชวนเสวยลูกไม้ นานา
อีกรับรองดั่งควร เลิดแล้ว
บัดนั้นจึ่งบุบผา ตกจาก สวรรค์แฮ
สุระดนตรีแล้ว จับกรรณ
๏ คนธรรพ์นางฟ้าจับ ระบำ
ทวยเทพอำนวยพร พรั่งพร้อม
นงคราญหมดบาปกรรม พ้นสาป
สุขจะมีมาล้อม แวดพลัน
๏ ครานั้นดาบสเจ้า โคดม
ได้ทราบเหตุโดยญาณ ท่านไซร้
รีบเหาะกลับอาศรม ต้อนรับ
องค์พระราฆพไท้ อย่างดี
๏ บัดนี้พิศพักตร์เจ้า ชายา
เห็นผ่องวิลาศเพียง ก่อนกี้
เธอทราบว่าบาปลา มกหมด
ยกโทษแต่เมื่อนี้ ต่อไป
๏ ทรงชัยราฆพก้ม กราบลา
ดาบสและนางชี ผ่องแผ้ว
ออกเดินต่อมรรคา ตรงสู่
มิถิลาเวียงแก้ว เกรอกนาม ฯ [๓๗]

ร่าย

๏ พระรามและลักษมัณ ต่อนั้นบ่ายพักตร์จู่ ไปสู่ทิศอิสาณ ตามอาจารย์ลีลา ไม่ช้าก็ถึงที่ เขตพิธีมณฑล งามวิมลทุกอย่าง แลสล้างโรงงาน งามสถานเวที ที่ยัญญาปรากฎ ครบหมดตามตำรับ แลระยับพลับพลา มาลกตั้งเรียงราย ทั้งขวาซ้ายลำดับ ไม่ซับซ้อนเบียดเสียด ไม่ยัดเยียดเกินควร ทั้งมวลล้วนน่าชม น่ารมย์รื่นชื่นจิต วิศวามิตร์มุนี จึ่งเลือกที่อาศัย อยู่ใกล้ลำละหาน แสนสำราญสุขทั่ว ทุกตัวตนเหล่าศิษย์ ได้สถิตเกษมสันต์ ครานั้นท้าวชนก ดิลกมิถิลา ทราบข่าวว่ามุนี มาถึงที่แล้วไซร้ ทรงชัยชวนพ่อพราหมณ์ นามพระศตานันท์ อันเปนปุโรหิต ร่วมจิตที่ปรึกษา กับทวิชาดีๆ ทั้งมนตรีอมาตย์ ราชเสวกทั้งหลาย ผันผายไปต้อนรับ คำนับวิศวามิตร์ บพิตร์เชิญอยู่ช่วย อำนวยพรสวัสดี ในพิธียวดยง ฝ่ายองค์พระนักธรรม นำพระรามและลักษมณ์ เผ้าทรงศักดิ์นเรนทร์สูร และทูลเล่าเหตุการณ์ ที่กุมารได้ทำ ล้างกรรมอหลยา ฝ่ายศตานันท์ไซร้ จึ่งถามไปฉับพลัน ว่าอันพระบิดา กับมาตุทั้งสอง ปรองดองกันดุจเก่า ร่วมเหย้าอีกฤาไฉน ครั้นได้ทราบความจริง ทุกสิ่งสำเร็จสรรพ์ ศตานันท์ยินดี กล่าวพจีสรรเสริญ เยินยอเกียรตินานา แห่งวิศวามิตร์ไซร้ แล้วซ้ำได้แถลง แสดงซึ่งดำนาน เพื่อกุมารทราบชัด ประวัติแห่งดาบส นักพรตเกาศิกพันธุ์ ตั้งแต่ชั้นต้นมา ว่าเดิมเปนกษัตริย์ เถลิงรัชรังสรรค์ กัณยากูพชะราษฎร์ แสนสามารถบำเพ็ญ จนได้เปนมุนี พรหมฤษีประเสริฐ เลิดในพราหมณ์ทั้งนั้น [๓๘] ครั้นเสร็จกล่าวประวัติ จอมกษัตรีย์จึ่งลา ไคลคลาคืนสู่สถาน ราตรีกาลล่วงแล้ว ตวันแผ้วผ่องฟ้า จึ่งราชาตรัสให้ ไปนิมนต์มุนี โยคีก็ไปพลัน ผายผันพร้อมกุมาร ภูบาลจัดต้อนรับ พร้อมสรรพแล้วตรัสถาม ความประสงค์มุนี มีอย่างไรเร่งว่า วิศวามิตร์ทูลฉลอง ว่าสองกษัตริย์ทรงยศ หน่อทศรถราชา มานี้เพราะใคร่ดู รัตนธนูขลัง ซึ่งยังเวียงนี้ไซร้ ขอพระจงโปรด ให้เธอดู ด้วยเทอญฯ

โคลง ๓

๏ ภูบาลฟังดาบส จึ่งประณตนอบแล้ว
เล่าเรื่องธนุแก้ว ต่อไป ฯ  

โคลง ๔

๏ ขอใขคติเบื้อง โบราณ
แห่งรัตนธนู เกียรติก้อง
ได้มาสู่สถาน นิเวศน์
เพราะเหตุใดจะต้อง แถลงสาร
๏ ณกาลรัชชะท้าว เทวราต
ที่หกจากนิมิ เอกไท้
ธนูสุดสามารถ มากฤทธิ์
มาคู่บารมีไซร้ สืบพันธุ์
๏ อันธนูรัตน์นี้ คู่กร
พระรุทระเทพฤทธิ์ อะคร้าว
ไปสู่สโมสร ยัญญะ
และเกิดเหตุราญร้าว โรมรัน
๏ ครั้งนั้นทักษะไซร้ ดูแคลน ท่านนา
มิได้เชิญรุทระ เสด็จด้วย
พระจึ่งโกรธทวยแมน มวลหมด
ปองประหารให้ม้วย สังขาร์
๏ เทวาต่างนอบเกล้า ทูลวอน
ขอโทษจนพระคลาย โกรธแล้ว
จึ่งองค์พระสังกร ให้เทพ
หายบาดเจ็บปวงแผ้ว ผ่องพรรณ [๓๙]
๏ อันธนูที่ไท้ เธอผลาญ
อริราบเรียบใน คาบนั้น
กษัตร์ชนกผ่าน พิภพ
มิถิลาหลายชั้น ถนอมมา
๏ คราหนึ่งตูฃ้าแหละ ไถนา
ได้หนึ่งดรุณี จากภพ
จึ่งให้ชื่อสีดา ตามเกิด นั่นแล [๔๐]
งามประเสริฐเลิดลบ แหล่งตรี
๏ ลูกที่รักนี่ไซร้ เกิดอัศ จรรย์แฮ
ฃ้าจึ่งปฏิญญา มั่นไว้
ว่าแม้วีระกษัตริย์ ใดอยาก
ได้ลูกหญิงนี้ไซร้ คู่ครอง
๏ ต้องแสดงเดชให้ ประจักษ์
ว่าประกอบพีรภาพ แน่แท้
ใครยกธนูศักดิ ไหวจึ่ง
จะประสาทลูกแล้ ให้พลัน
๏ ราชันมวลมากแล้ว มาลอง
ยกธนูบ่อาจ ยกได้
ฃ้าจึ่งตอบทั้งผอง ว่าลูก
ฃ้ามิยอมยกให้ สักราย
๏ วุ่นวายพิโรธล้วน เหลือเคือง
ทวยกษัตริย์จึ่งรวมพล พรั่งพร้อม
ยกมาสู่แดนเมือง มิถิ ลาแล
ตั้งประชิดติดล้อม บุรี
๏ หนึ่งปีศึกคิดหมั้น มิถิลา
ทวยราษฎร์แสนลำบาก ยากไซร้
ฃ้าจึ่งจัดบูชา ทวยเทพ
วอนสุรช่วยให้ ฃาดเข็ญ
๏ เห็นผลในไม่ช้า เทวัน
ส่งจัตุรงค์พล พรั่งพร้อม
มาช่วยรบประจัน สู้เศิก
ไล่ทัพที่ตั้งล้อม ล่าพลัน
๏ อันธนูรัตน์ฃ้า เต็มใจ
ให้กุมารสองดู แน่แท้
แม้หากว่าองค์ใด สามารถ
ยกธนูได้แล้ เลิดงาม
๏ หากรามเธออาจขึ้น ธนู
ซึ่งชนะมากมวล กษัตริย์แกล้ว
สีดายอดตาตรู ยอมยก ให้นา
ดังปฏิญญาแล้ว แน่นอน ฯ

โคลง ๒

๏ ฟังภูธรตรัสไซร้ พระดาบสจึ่งได้
เจรจา  
๏ ราชะโปรดอย่าช้า นำธนูสู่หน้า
อาตมะ นี่เทอญฯ  

โคลง ๓

๏ พระเจ้าชนกนบ เคารพดาบสไท้
แล้วจึ่งดำรัสให้ เสวี
๏ เชิญศรีรัตนธนู มาสู่มาลกนั้น
แต่งด้วยบุษปะฟั้น ตระการ
๏ รับบรรหารจึ่งเฃา เฃ้าสู่วังราชแล้ว
เชิญธนูก่องแก้ว ออกมา ฯ

โคลง ๔

๏ ราชาชนกน้อม เกศกล่าว
อ้าพระพรหมฤษี เลิดหล้า
นี่แลธนูพราว พิจิตร์
บุร์พะบุรุษฃ้า เคยถนอม
๏ อันจอมกษัตริย์ล้วน คำแหง
เคยเข็ดฃามธนู รัตน์นี้
ถึงหากจะมีแรง สักเท่า ใดฤๅ
บ่มิเคยแต่กี้ ยกไหว
๏ ยักษ์ใหญ่ปิศาจห้าว แรงหาญ
ทวยเทพวิทยาธร คนธรรพ
อีกนาคจากบาดาล เรืองเดช
แพ้ธนูนี้สรรพ สิ้นไป
๏ มนุษใครจะอาจ หาญดี
ใครกอบพีระภาพ มากล้น
อาจก่งธนูศรี น้าวเหนี่ยว ได้ฤๅ
ยกจากที่ยังพ้น วิสัย
๏ แต่ใจฃ้านี้ชอบ สองกษัตริย์
เห็นว่าเปนศิษย์ดา บสไท้
มาดูเถิดถนัด ธนูเอก
ดูเถิดของเลิดไซร้ สิ่งขวัญ
๏ พลันพระดาบสเว้า แก่ราม
ดูเถิดธนูอัน เอกแก้ว
ราฆพก็กราบงาม สามคาบ
เปิดหีบโบราณแล้ว เพ่งดู
๏ เห็นธนูจึ่งร้อง ขึ้นพลัน
อ้าดนูจับกุม มั่นแล้ว
ขอให้โชคดีสรร พะสิทธิ์
อาจยกธนูแก้ว ก่งที
๏ มุนีร้องประกาศ อวยพร
จงสิทธิสมหมาย ลูกแก้ว
ชนกกล่าวสุนทร พจน์ต่อ
ลองเถิดศุภฤกษ์แล้ว เลิดงาม
๏ จึ่งรามราฆพจับ ธนู
มวลหมู่เสวกปวง นั่งจ้อง
พระยกธนูชู เชิดเฉิด
มวลหมู่เสวกร้อง สรรเสริญ
๏ เพลินดูพระจับน้าว กงปืน
ก่งเหมาะพอสายตึง หักเปรี้ยง
ครานั้นสนั่นครืน โครมครึก
ราวกับฟ้าผ่าเพี้ยง ถูกผา
๏ พสุธาสท้าน เท้อมไหว
ชนนิกรล้มลง ซบหน้า
เหลือแต่พระทรงชัย กับกษัตริย์ สองแล
อีกฤษีเลิดหล้า อยู่ทน
๏ จุมพลหายตกพระ หฤทัย แล้วแฮ
ตรัสประกาศชมเชย ไม่น้อย
เจ้ารามและเลิดใน แหล่งภพ
เหลือที่จะหาถ้อย เหมาะชม
๏ เปนประถมแน่แท้ ในโลก
เห็นเดชมหัศจรรย์ ถ่องแท้
หาใครเปรียบบุญโศลก นี้ห่อน มีเลย
ควรคู่ลูกฃ้าแล้ เลิดงาม
๏ เจ้ารามหากได้กับ สีดา
อันตระกูลฃ้าเคย เกียรติก้อง
จะยิ่งประเสริฐนา นาชาติ
รู้เรื่องแล้วจะต้อง กล่าวชม
๏ บรมดาบสโปรด อนุมัติ
ฃ้าจะใช้ทูตไป ไม่ช้า
นำข่าวสู่เขตรัฐ อโยธ ยาแฮ
เชิญพระผู้ทรงหล้า เกรอกไกร
๏ ให้เสด็จสู่ราช ธานี นี่แล
ฃ้าจะยินดีรับ ท่านไท้
และช่วยกิจพิธี อภิเษก
สมรสพระลูกไซร้ สมถวิล
๏ มุนินทร์นุมัติด้วย ยินดี
ท้าวชนกส่งทูต ใหญ่น้อย
ไปอยุธย์ธานี เวียงใหญ่
กำชับสรรพสั่งถ้อย ถ่องสาร เสร็จแล ฯ

ร่าย

๏ รับโองการกราบลา จึ่งทูตารีบจร ขี่อัศดรด่วนไป ภายในสามราตรี ถึงกรุงศรีอโยธยา เฝ้าราชาทศรถ เผยพจน์จำทูลสาร แถลงการณ์ที่มี ที่สุดจึ่งทูลเชิญ ดำเนินสู่มิถิลา ฝ่ายราชาทศรถ ก็กำหนดโดยพลัน เตรียมจรจรัลโดยด่วน ชวนโอรสสองไซร้ ไปด้วยกับพระองค์ อีกบรรจงเลือกสรร ของทำขวัญงาม ๆ ตามขัตติยะวิสัย อีกให้เร่งนิมนตน์ ห้าตนมุนีเลิด ประเสริฐรู้สุรกิจ คือวสิษฐ์ปรีชา วามะเทพผู้ใหญ่ มรรกัณไทยเลิดดี ชาวาลีวิมล กาตยายนฉลาด เชิญยาตร์นำหน้าไป ครันได้ฤกษ์ยามดี ภูมีให้ยาตรา เคลือนเสนาจัตุรงค์ มุ่งตรงวิเทห์รัฐ จอมกษัตริย์แรมกลาง หว่างวิถีสี่วัน ครั้นใกล้ถึงนคร ภูธรชนกราช ยาตร์มารับทศรถ เผยพจน์เชิญสู่กรุง มุ่งรับรองเลิดดี มุนีวิศวามิตร์ ก็นำศิษย์สองรา มาเฝ้าพระบิตุราช กราบแทบบาทบงกช ทศรถยินดี กอดสองศรีกุมาร แล้วภูบาลบูชิต วิศวามิตร์มุนี มีวาจาสรรเสริญ เยินยอคุณนักหนา แล้วราชาสององค์ ตรงเฃ้าสู่วังใน ต่อนั้นไซร้เตรียมการ งานอภิเษกสมรส ให้สมยศสมศักดิ์ ลักษณะเลิดดิลก ชนกสั่งเสวี รี่สู่สังกาศยา เชิญอนุชากษัตริย์ กุศธวัชฦๅชัย ให้มาช่วยด้วยพลัน ครั้นกุศธวัช รีบรัดมาบมิหึง ถึงมิถิลาแล้ว เชษฐาแผ้วหฤทัย ตรัสใช้สุทามัน คนขยันไปเฝ้า พระเจ้าอโยธยา เชิญมาพร้อมโอรส ผู้ทรงยศทั้งสี่ ณที่พระโรงรัตน์ ครั้นกษัตริย์สโมสร จึ่งภูธรทศรถ เผยพจน์แต่ชนก ดิลกมิถิลา ว่าขอให้วสิษฐ์ ปุโรหิตกล่าวคำ ลำดับวงศ์แทนท่าน อาจารย์ก็ประเดิม เริ่มแต่พระพรหมา ธาดาสวยัมภู ผู้เกิดขึ้นเดิมกาล และต่อท่านนั้นมี มะรีจิวิสุทธิ์ บุตร์เธอนั้นกัศยป ผู้เจนจบสรรพัต วิวัสวัตกำเนิด เกิดจากพระมุนี ส่วนสุรีย์มีบุตร์ เปนสมมุติเทวะ ประกาศนามกษัตริย์ ไววัสวัตมนุ ผู้เปนพระบิดา แห่งอิกษวากุราช นรนาถประถม บรมราชกษัตริย์ ทรงรัฐอโยธยา ต่อนั้นมาสืบวงศ์ ลงทางโอรสใหญ่ นามะไธยเธอมี กุกษีสุดกำแหง แถลงลำดับวงศ์ ลงมาเปนชั้นๆ ถึงทรงธรรม์ทศรถ ผู้ยงยศเถลิงรัฐ อยู่ณบัดนั้นไซร้ ฝ่ายทรงชัยชนก ดิลกวิเทห์ราษฎร์ อภิวาทน์มุนี กล่าววจีแถลง แสดงลำดับวงศ์ ของพระองค์เองบ้าง ตามแบบอย่างโบราณ ภูบาลกล่าวประเดิม เริ่มแต่มินิราช หน่อนาถอิกษวากุ จอมสุริยะวงศ์ ลำดับตรงต่อกัน เปนชั้นๆกษัตริย์ ถึงห๎รัศวะโรมไซร้ ไท้มีโอรสสอง พี่น้องอยู่พร้อมหน้า เชษฐาศีระธวัช กษัตร์ย์ทรงมิถิลา ฝ่ายว่าองค์อนุชา คือท้าวกุศธวัช ทรงรัชสังกาศยา อันว่าทั้งสองฝ่าย ชายหญิงซึ่งมุ่งปอง เปนคู่ครองประเสริฐ มีกำเนิดดีงาม ตามที่ต่างแถลง แสดงลำดับชั้น สองสกุลเลิดนั้น สุดสม กันนา ฯ [๔๑]

โคลง ๓

๏ องค์บรมกษัตริย์ จึ่งดำรัสต่อท้าย
ว่าฃ้ามิโยกย้าย ปฏิญญา
๏ ยกสีดาให้ราม งามเหมาะสมคู่แท้
สองเลิดสุชาตแล้ สมกัน
๏ อันอีกหนึ่งธิดา อูรมิลาชื่อชี้
ตูฃ้าณบัดนี้ เต็มใจ
๏ ยกให้เจ้าลักษมัณ เพื่อครองกันและน้อม
จิตทั้งสองฝ่ายพร้อม สามัคคี ฯ

โคลง ๒

๏ มุนีเกาศิกเจ้า จึ่งเผยพจนะเว้า
ว่าไป  
๏ น้องไท้มีลูกแก้ว สององค์ที่ผ่องแผ้ว
เพลินตา  
๏ แม้ว่าเธอโปรดให้ มีคู่ด้วยอีกได้
จะดี  
๏ ภูมีทศรถไซร้ มีลูกอีกสองได้
เสด็จมา  
๏ นามว่าภรตแกล้ว และศตรุฆนะแก้ว
กษัตรา  
๏ ราชาชนกไหว้ และตอบยอมยกให้
พระหลาน ฯ  

โคลง ๔

๏ จัดงานสมรสพร้อม แปดองค์ [๔๒]
หาฤกษ์ประเสริฐยาม เลิดแล้ว
เริ่มกิจพิธีมง คลสวัสดิ์
สองสกุลจิตแผ้ว ผ่องงาม
๏ พระรามครองคู่เจ้า สีดา
บุรุษนารีรัตน์ เหมาะแท้
ลักษมณ์คู่อุรมิลา โฉมเฉิด
สมคู่งามเลิดแล้ ควรกัน
๏ อันภรตได้คู่ เคียงศรี
มาณฑะวีลูกกุศ ธวัชไท้
ศัตรุฆน์คู่บุตรี ผู้กนิษฐ์
นามศรุตะเกียรติไซร้ เอกอนงค์
๏ องค์พระวสิษฐ์ผู้ ทรงญาณ
และพระวิศวามิตร์ ดาบส
ทำกิจพิธีการ อภิเษก
อีกศตานันทพรต ช่วยกรรม
๏ ทำการตามแบบต้อง ตำรา
ไสยศาสตร์กำหนด จดไว้
เพื่อกอบกิจอาวาห์ สมรส
เปนเอกมงคลไซร้ สวัสดี
๏ พิธีสำเร็จแล้ว วิศวา มิตร์แฮ
ลากษัตริย์สโมสร นั่นแล้ว
จรจากมิถิลา เลยกลับ
สู่พระอาศรมแผ้ว ผ่องสราญ
๏ ถึงกาลทศรถไท้ จะกลับ กรุงแล
ท้าวชนกจัดของ ใหญ่น้อย
ให้ลูกและหลานสรรพ สมยศ
ฃ้าทาสนับด้วยร้อย จัดพลัน
๏ ทรงธรรม์ทศรถเจ้า จึ่งลา
ท้าวชนกจากเวียง ท่านไท้
มุ่งกลับอโยธยา รมเยศ
ทุกกษัตริย์แสนสุขไซร้ ทั่วกัน ฯ

ร่าย

๏ ครานั้นกระบวนคลา จากมิถิลาไป่เนิ่น เดินมิทันกึ่งทาง บังเกิดลางวิบัติ ถนัดในไพรรก เสียงวิหคร่อนร้อง ผองสัตว์เผ่นผ่านไป เหมือนตกใจนักหนา จึ่งมหาบพิตร์ ถามปุโรหิตพลัน อันว่าลางร้ายมี ดังนี้เหตุใดหนอ ขอจงช่วยแถลง ชี้แจงพอปลอบจิต จึ่งวสิษฐทูลว่า อันปักษาร้องร่อน พยากรณถวาย ว่าเหตุร้ายอาจมี แด่โยธีทวยหาญ แต่สัตว์ผ่านโผนวิ่ง เปนสิ่งแก้โพยภัย ขอทรงไชยฦๅสาย คลายวิตกเถิดนา ครานั้นพายุพัด แรงจัดจนดินไหว ไม้ใหญ่โค่นลงพลัน ตวันมัวแมกเมฆ เฉกเช่นพยับฝน อีกมีมลธุลี คลุมโยธีทวยหาญ ต่างลนลานตกใจ ในไม่ช้าเห็นพราหมณ์ น่าครั่นคร้ามหนักหนา คือมหาดาบส โอรสชมทัคนี เกศีมุ่นชฎา ยืนขวางหน้าภูบาล ขวานเพ็ชร์เหน็บมั่นอยู่ ถือธนูวิเศษ เรืองเดชดำรงฤทธิ์ ฝ่ายวสิษฐมุนี อีกเหล่าชีทั้งผอง รีบจัดของกำนัล พลันออกไปต้อนรับ คำนับพราหมณ์เอกนั้น อีกพร้อมกันออกนาม ว่ารามรามรับเทอญ เชิญรับของทั้งหลาย ฝ่ายปรศุราม รับของงามเฃาให้ แล้วจึ่งกล่าวพจน์ไซร้ แด่รา ฆพแล ฯ

โคลง ๔

๏ นี่นาวีระเจ้า รามจันทร์
โลกย่อมฦๅเกียรติเธอ เกรอกก้อง
ตูฃ้าก็ทราบสรร พะฃ่าว
ที่ระบือทั่วท้อง พสุธา
๏ ว่าเธอยกแล้วซึ่ง ธนู รัตน์แฮ
และก่งธนูหัก กับหัดถ์
เปนกิจที่แนะตู ฃ้าบัด นั้นนา
อยากพบพระหน่อกษัตริย์ แขงขัน
๏ อันฃ้ามีอีกหนึ่ง ปืนงาม
ของพระชมทัคนี พ่อฃ้า
นำมาเพื่อพระราม ลองฤทธิ์ บ้างฤา
ลองก่งดูต่อหน้า สักที
๏ ภูมีทศรถได้ ยินสาร
ก็ตระหนกพระไทย ไม่น้อย
ทศนัขประสาน เศียรนบ
แล้วจึ่งตรัสตอบถ้อย ธชี
๏ ท่านนี้ละเลิกแล้ว พยาบาท
และตะบะบำเพ็ญ อยู่มาก
อย่าเลยอย่าพิฆาฎ บุตร์รัก ฃ้านา
อย่าก่อกรรมลำบาก ลุกลาม
๏ อ้าพราหมณ์ผู้เลิดล้ำ ภาร์ควะ พันธุ์นา
เธอปฏิญญาแด่ ศักร์แล้ว
ถวายโลกนี้แด่พระ กัศยป
เปนทักษิณาแผ้ว ผ่องศรี
๏ ธชีลาโลกแล้ว และไป
อยู่มเหนทรบรร พตสล้าง
บัดนี้เล่าฉันใด จึ่งกลับ
ฤาจะมาจงล้าง ลูกเรา
๏ บ่เอาธุระตอบ คำถาม ท่านเลย
ปรศุรามจึ่ง กล่าวถ้อย
ว่านี่แน่พระราม ฟังเถิด
ฟังจุ่งดีเถิดข้อย จะแถลง
๏ แสงธนูเอกนั้น มีสอง
ซึ่งวิศวะกรรมา จัดสร้าง
เลิดฤทธิเรืองรอง แรงเท่า กันนา
ไตรโลกล้วนรอบฃ้าง นับถือ
๏ หนึ่งคือคันที่พระ ตรีเนตร์
ใช้ปราบตรีบุรัม ฤทธิ์ห้าว
อีกคันพระทรงเดช วิษณุ
ถือคู่หัดถ์อะคร้าว แขงขัน
๏ คันที่หนึ่งเจ้าสิ ทำหัก แล้วนา
คันที่สองฃ้าถือ อยู่นี้
เพื่อท้าประลองศักดิ์ ดูเล่น
อีกเรื่องเดิมจะชี้ คติใข
๏ สองไทเทเวศร์นั้น ลองฤทธิ์ กันแฮ
ต่อพักตร์พระพรหมา เทพเจ้า
ยามศิวะรบวิษ ณุเทพ
สองวิเศษรุกเร้า เร่งรอน
๏ มเหศรเหนี่ยวน้าว ธนู
แต่จะยิงลูกศร บ่ได้
ทวยเทพประชุมดู จึ่งตัด สินนา
ว่าพระพิษณุไท้ วิชัย
๏ จึ่งไท้ศิวะกริ้ว เพราะพลาด
และประทานธนู รัตน์ให้
แด่เทวราตราช มุนี
จอมวิเทหะไว้ ถนอม
๏ ส่วนจอมปืนแก้วแห่ง พิษณุ
ธประทานฤจิก ปู่ฃ้า
ดังนี้จึ่งตกอยู่ ณหัดถ์ ฃ้าแล
เปนสิ่งชูเชิดหน้า สกุล
๏ อรชุนโหดร้าย ลอบผลาญ
พระบิดาโดยกล หยาบช้า
ฃ้าจึ่งเที่ยวรอนราน บำราบ
กษัตริย์หมดณแหล่งหล้า ประลัย
๏ ได้ปวงโลกนี้จึ่ง ดนู
มอบถวายกัศยป ท่านไว้
ฃ้าเองจึ่งไปอยู่ วิเวก
ณมเหนทร์เฃาไซร้ สืบมา
๏ จนฃ้ายินฃ่าวเทพ นิกร
ฦๅเรื่องพระรามแรง เลิดหล้า
จึ่งรีบระเห็จจร มาที่ นี้แล
เพื่อจะมากล่าวท้า ฤทธิ์กัน
๏ เชิญพลันรับท้าเถิด พระราม
รับธนูกำแหง เอกนี้
หากเธอก่งได้ตาม ที่อวด
จึ่งจะเห็นเช่นชี้ ยอดชาย ฯ

ร่าย

๏ ฟังท้าทายแห่งพราหมณ์ พระรามนึกกริ้วโกรธ แต่อดโทษสงบ เพราะเคารพบิดร กล่าวสุนทรตอบไป ว่าเราไซร้ก็รู้ อยู่ว่าท่านเคยทำ ฆาฏะกรรมแรงเหลือ เมื่อในยุคโบราณ แต่สงสารบิดา ของท่านว่าเคราะห์ร้าย ตายโดยฆาฏะกรรม จึ่งรำงับโกรธได้ ส่วนท่านไซร้เห็นว่า ตูฃ้านี้แรงหย่อน อ่อนกว่าควรจะมี ในตัววีระไซร้ ฃ้าจะให้ท่านเห็น เปนพยานแก่ตา ว่าพลางพระก็รับ จับธนูจากพราหมณ์ แล้วพระรามก็ทรง ก่งได้โดยง่ายดาย เห็นสายตึงเหมาะดี จับศรศรีพาดพลัน เหนี่ยวศรขวัญเตรียมยิง นิ่งอยู่สักครู่แล้ว จึ่งตรัสแจ้วเจนความ นี่แน่รามดาบส ท่านเปนพรตพรหมจรรย์ ฉนั้นฃ้าเคารพ นบนอบตามควรไซร้ ไม่แผลงศรสังหาร ท่านจงเลือกโดยดี บัดนี้เราจะแผลง ศรกำแหงแรงร้าย ไปทำลายฤทธิ์ท่าน ที่อาจผ่านแผ้วไป ในทั่วทุกทิศา หรือว่าจะให้เรา แผลงไปเผาภูมิปวง ที่ท่านล่วงลุถึง โดยฌาณซึ่งบำเพ็ญ เปนลำดับได้มา ฝ่ายว่าปรศุราม ฟังคำถามราฆพ เคารพตอบคำไป ไท้จงแผลงทำลาย ภูมิทั้งหลายเถิดนา ขออย่าได้ทรงรอน ทางจรได้ตามจิต อ้าฃ้าผิดนักหนา บัดนี้มารู้สึก นึกได้แน่ในใจ พระองค์ไซร้คือพระ เทวะเทพนารายน์ ขจรจายฤทธิ์เลิด ประเสริฐกว่าเทพปวง สิทธิสรวงศรีแกล้ว พระแผ้วมฤตยู ตูฃ้ายอมพ่ายแพ้ แด่พระผู้เปนเจ้า นอบเกล้าขออภัย อย่าได้กริ้วดิฉัน รามจันทร์เธอโปรด งดโทษให้ภาร์ควะ ธจึ่งผาดแผลงศร ไปรอนปวงภูมิฐาน ผลแห่งฌาณบรรลุ ปรศุรามทูลลา คลาคืนที่อยู่ไซร้ แต่นั้นบ่มิได้ กลับกวน ท่านเลย ฯ [๔๓]

โคลง ๓

๏ ครานั้นมวลเทวา ที่มาดูที่นั้น
ต่างอวยพรโห่หลั้น นภา
๏ ราฆพฝากปืนขลัง ยังวรุณเทพไว้
แล้วเชิญพระพ่อให้ กลับขัณฑ์ เขตแฮ ฯ

โคลง ๒

๏ ครั้นถึงกรุงท่านแล้ว ทุกกษัตริย์ก็ผ่องแผ้ว
ฤดี  
๏ สามเทวีรับท้าว ภัสดากลับสู่ด้าว
สุขสันต์  
๏ อันภรตนั่นไซร้ พ่อดำรัสสั่งให้
ไปหา  
๏ อัยกาณด้าว เกกับดังท่านท้าว
เธอขอ ฯ  

โคลง ๔

๏ ต่อมาจึ่งกษัตริย์เจ้า รามจันทร์
อยู่ผดุงบาทพระ พ่อไท้
ร่วมจิตกับลักษมัณ อนุช
เปนสุขปราศจากทุกข์ไร้ ขุกเข็ญ
๏ อยู่เย็นร่วมแห่งห้อง หอทอง
กับแม่สีดาองค์ อะเคื้อ
หากกายจะเปนสอง ใจหนึ่ง
เนาสนิทชิดเชื้อ ชื่นใจ ยิ่งนา ฯ

ร่าย

๏ ทรงชัยทศรถราช นรนาถโกศล มีกมลสำราญ เพราะท่านทรงเสนหา ในลูกยายิ่งใหญ่ อยากจะใคร่ได้เห็น พระรามเปนปิ่นปัก อารักษ์แดนโกศล ยามพระชนม์ยังมี ดังนี้ธจึ่งคิด ให้ตั้งกิจการเอก อภิเษกรามจันทร์ พลันเปนยุพราช ธประศาสน์ส่งให้ เชิญทวยไท้ต่างด้าว ท้าวต่างแดนบรรดา เมืองขึ้นมานคร สโมสรพรั่งพร้อม ดั่งดาวล้อมดวงจันทร์ ทรงธรรม์ตรัสประกาศ ราชปรารภตั้งให้ พระรามไซร้เถลิงอาสน์ เปนยุพราชรังสรรค์ ช่วยครองขัณฑ์ขอบเขต ต่างเนตร์กรรณบิดร ฝ่ายนิกรพญา ครองสามนตะราษฎร์ ทั้งอมาตย์มนตรี ต่างยินดีทูลตอบ เห็นชอบตามท่านไซร้ ไท้จึ่งสั่งเตรียมงาน ทุกสถานที่ควร ทั้งมวลต้องตำรายุพราชาภิเษก อดิเรกสมบัติ จัดเตรียมพร้อมทุกอย่าง ต่างคนกอบกรณีย์ ตามน่าที่ของตน ฝ่ายนรชนชาวเวียง เสียงโจทกันกึกก้อง ร้องอวยชัยสนั่น แล้วชวนกันจัดแจง แต่งเคหาของตน ทุกถนนตกแต่ง ทุกแห่งประดับงาม ตามนรวิสัย ผู้มีใจจงรัก ภักดีต่อเจ้านาย เรือนทั้งหลายสง่า ด้วยผ้าสีต่าง ๆ ธงสล้างสลับ ประดับแซมใบไม้ บุบผาใส่แซมช่อ พอให้มีสีสด หมดทุกท้องถนน มีคนเที่ยวปัดกวาด เอาน้ำราดรดไป เพื่อให้ฝุ่นนอนราบ ปราบทางหลวงทั้งหลาย โรยทรายสีขาวผ่อง มองดูเวียงสกาว ราวหญิงผัดหน้าใหม่ แลทางไหนก็เพลิน จำเริญตายามดู จำเริญหูสดับ ศัพท์เสียงดุริยางค์ ซึ่งชนต่างดีดสี มีร้องส่งลำนำ มีนางรำฟ้อนงาม ตามบ้านท่านผู้ดี ทั่วธานีสนุก ชนเปนสุขสำราญ ปานอมราวดี สุรธานีฟากฟ้า แสนสนุกทั่วหน้า เกษมสันต์ ฯ

โคลง ๓

๏ กล่าวถึงมันถรา นางค่อมฃ้ารับใช้
ไกเกยีนั่นไซร้ อยู่นาน [๔๔]
๏ ถึงวารนั้นขึ้นไป บนลานใหญ่ดาดฟ้า
เดินเล่นและบ่ายหน้า ดูเมือง
๏ เห็นประเทืองทั่วไป สงสัยถามทราบเค้า
รีบกลับกระเสือกเฝ้า นายตน
๏ เห็นนิรมลยังหลับ จับพระบาทปลุกแล้ว
ส่งเสียงพ้อตัดแจ้ว เจรจา ฯ

โคลง ๔

๏ อ้ามัวหลับอยู่ได้ พระนาง
ตื่นเถิดภัยใหญ่มา อยู่ใกล้
หลับอยู่สิเฃาพลาง คิดชั่ว
ทุจริตมากไซร้ อย่าเผลอ
๏ เออเคยทรงอวดโอ้ ถึงความ
ที่พระผัวเมตตา มากล้ำ
ครั้งนี้แหละจะงาม หน้าละ
เหมือนฤดูแล้งน้ำ ขอดหาย
๏ โฉมฉายฟังฃ้ากล่าว ตกใจ
เอ๊ะนี่อะไรกัน อยากรู้
มึงกล่าวว่ามีภัย จวนถับ ถึงฤา
ภัยจะมาจากผู้ ใดหวา
๏ มันถราเจ้าเล่ห์ ทูลความ
ว่าบัดนี้พระจอม จักร์กว้าง
จะยกย่องพระราม เปนยุพ ราชนา
ทรงรัชเคียงคู่ฃ้าง องค์เธอ
๏ เออพระนางเจ้าสิ ทรงเปน
เชื้อชาติขัตติยา เลิดล้ำ
เหตุใดจึ่งไม่เห็น รู้สึก
ความเจ็บและชอกช้ำ หฤทัย
๏ ภูวนัยว่ารัก หนักหนา
แต่ลอบทำร้ายเอา น่าแค้น
ช่างพลอดพระวาจา หวานฉ่ำ
จิตขื่นขมสุดแม้น ดีเกลือ
๏ หวังเอื้อแต่เจ้าลูก เกาศัล ยาแฮ
จึ่งส่งพระภรต จากด้าว
ไปอยู่ณขอบขัณฑ์ เขตอื่น
มิให้กีดก้าวร้าว กับราม
๏ งามหน้าแล้วสิเน้อ พระนาง
พระภัสดาท่านลวง หลอกให้
หม่อมแม่สบายพลาง บ่รู้ เท่าเลย
เฃาจึ่งแย่งเอาได้ ดังถวิล
๏ ยินคำนางทาสนั้น ทูลความ
หม่อมแม่ไกเกยี ตอบถ้อย
รู้เถิดว่าเจ้าราม เหมือนลูก กูเอง
กูรักมาแต่น้อย หนักหนา
๏ รู้ว่าเธอจะได้ เถลิงถวัลย์
กูก็พลอยยินดี มากแท้
เออพระพี่เกาศัล ยายอด นางนอ
คงจะปลื้มจิตแล้ เหลือแสน
๏ แค้นใจไม่เห็นเจ้า นายตน
ทรงพระพิโรธดัง คาดไว้
นางค่อมสุดแสนกล กล่าวยุ ใหญ่แฮ
เพื่อพระนางจักได้ อีร์ษยา
๏ หาความต่าง ๆ เว้า ว่าไป
เพื่อเพาะความหึงสา สุดร้าย
เห็นนายตรัสแก้ไข ยิ่งกล่าว
ยิ่งแหย่ยิ่งโยกย้าย ยุยง
๏ องค์ไกเกยินั้น เกิดคิด
เห็นว่านางค่อมทูล ถูกต้อง
คำมันเปรียบยาพิษ ซึมซาบ
เฃ้าสู่หฤทัยข้อง ขุ่นหมอง
๏ ยิ่งตรองก็ยิ่งแค้น ฤดี
ลืมสุจริตธรรม เที่ยงหมด
ปรึกษากับทาสี ทรามสุด
มันกล่าวก็เชื่อพจน์ แห่งมัน
๏ บัดนั้นนางจึ่งเปลื้อง ปวงอา ภรณแล
อีกพัสตราทรงงาม เลิดล้ำ
สยายพระเกศา เปลือยปล่อย
ประหนึ่งแสนโศกช้ำ ชอกใจ
๏ แล้วไปสู่ห้องหนึ่ง นามขนาน
โกรธะกุฎีออก ชื่อชี้ [๔๕]
บรรทมณกระดาน ดิ้นดัก
รออยู่ณทีนี้ ต่อไป ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายท้าวไททศรถ ครั้นเมื่อหมดราชกิจ คิดถึงไกเกยี ภูมีเสด็จตรง ลงไปสู่ตำหนัก ที่พักพระนางนั้น ครั้นเฃ้าถึงภายใน บ่ได้เห็นอนงค์ ก็ทรงคิดสงกา แต่ก่อนมาทุกคราว ยามท้าวเธอมาเยี่ยม เห็นนางเตรียมคอยเฝ้า ฉันใดเล่าครั้งนี้ เทวีจึ่งบ่อยู่ ภูธรมีบัญชา ถามฃ้าหลวงคนหนึ่ง เซาจึ่งทูลจอมขัณฑ์ ว่าอันพระนางเจ้า เสด็จเฃ้าแล้วไซร้ ในโกรธะกุฎี ภูมีทรงทราบฃ่าว อุระร้าวเร่าร้อน รีบบทจรสู่ที่ โกรธะกุฎีไม่ช้า เห็นชายากลิ้งเกลือก ใสเสือกอยู่ยังพื้น สอื้นไห้ไปมา ราชาจึ่งตรัสถาม อ้าโฉมงามเปนไร โกรธพี่ใยบัดนี้ พี่ทำขัดใจเจ้า อย่างไรเล่าตอบมา หรือว่าใครดูแคลน ทำน้องแค้นหฤทัย เล่าไปจะช่วยแก้ อ้าแม่นิ่มอนงค์ จะประสงค์สิ่งใด แม้หาได้โดยยาก สุดลำบากหนักหนา ก็จะหามาให้ ชื่นใจอย่าทรงโศก พระโรคจะรุมกาย โฉมฉายบอกผัวเถิด นางโฉมเฉิดฟังปลอบ ก็นอบเกศอภิวาทน์ แทบบาทพระสามี เทวีทูลตอบว่า อ้าพระทูลกระหม่อม ผู้เปนจอมเกศขวัญ หม่อมฉันขอพระองค์ จงทรงพระเมตตา ผู้เปนฃ้าเบื้องบาท อภิวาทน์ภูบาล ขอประทานพรสอง ซึ่งใจปองแท้จริง ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ภูวนัยฟังศัพท์ รับขวัญนางพลางยิ้ม พริ้มพรายพระเฉลย อ้าทรามเชยชื่นใจ หล่อนไม่รู้หรือว่า ภัสดารักใคร่ ยิ่งกว่าใครๆแน่ เว้นแต่เจ้ารามจันทร์ อันเปนวีระเอก อดิเรกฤทธี ศรีสุรทายาท ดิลกชาติวงศา กัลยาหล่อนจำนง ประสงค์ซึ่งพรใด พี่จะให้นงคราญ ขอปฏิญญาณความ โดยอ้างนามรามจันทร์ อันเปนลูกยอดรัก นงลักษณ์จะขอพร พี่รับก่อนจะให้ อย่าสงสัยพี่เลย อ้าทรามเชยจอมขวัญ ส่างโศกศัลย์ร่ำไห้ ขอเถิดคงจะได้ สมถวิล แม่เอย ฯ

โคลง ๒

๏ ยินสารนรนาถไท้ ไกเกยีจึ่งได้
พาที ดั่งนี้ฯ  

ร่าย

๏ อ้าตรีทศเทวา ฃ้าเชิญเปนพยาน ช่วยดู ท้าวมัฆวานเทเวศร์ เชิญท่านเสด็จมา ช่วยดู สุริยาทิตย์จันทร ดารากรทั่วกัน ช่วยดูสวรรค์อีกทิศสี่ ทั้งราตรีทิวา ช่วยดู มหาภูมิมณฑล เมทินิดลมหันต์ ช่วยดู ปวงคนธรรพ์ชั้นฟ้า อีกอสุราแรงกาจ ช่วยดู ปิศาจปู่สมิงพราย ผันผายยามมืดค่ำ ช่วยดู เทวากำแหงศักดิ์ อารักษ์ภูมิสถาน ช่วยดู ภูตผีหาญเก่งกล้า ขอเชิญมาพร้อมหน้า รวมกัน ช่วยดู ฯ

โคลง ๓

๏ ด้วยทรงธรรม์นฤนาถ จะประสาทโปรดให้
พรแด่ฃ้าบาทไซร้ ทุกสถาน
๏ ทรงสาบาลไม่คืน ยืนคำดำรัสหมั้น
ขอท่านทั้งหมดนั้น เปนพยาน ช่วยดู ฯ

โคลง ๒

๏ มัดภูบาลมั่นไว้ ด้วยคำอ้างสัจไซร้
ยวดยง ยิ่งนา  
๏ ด้วยความหลงรักแท้ ธบ่สงสัยแล้
สักนิด หนึ่งเลย  
๏ โอนโมลิตนอบเกล้า นางจึ่งทูลพระเจ้า
ภัสดา ดั่งนี้ ฯ  

โคลง ๔

๏ อ้าโปรดรำลึกครั้ง งานสง ครามนา
ทวยเทพและอสูร รบเร้า
พระเสด็จช่วยทรง รณยุทธ
ฃ้างฝ่ายสุระเจ้า แมนสรวง
๏ ฝ่ายปวงอริร้าย แรงหาญ
ได้ทำประหาญองค์ ผ่านเผ้า
จวนวอดพระชนมาน เพราะบาด แผลแล
จึ่งหม่อมฉันคอยเฝ้า พยาบาล
๏ เมื่อท่านทรงรอดแล้ว จากอัน ตรายฮา
ดำรัสปฏิญญา เที่ยงไว้
ว่าแม่กระหม่อมฉัน มุ่งมาตร์ พรใด
จะโปรดประทานให้ ดั่งถวิล
๏ ภูมินทร์เปนพระเจ้า ทรงธรรม
ศรีสัตยะธำรง วากย์เว้า
หากพระจะคืนคำ ดำรัส
ฃ้าจะตายก่อนเช้า นี่หนอ
๏ ขอให้โอรสฃ้า กลอยใจ
ได้อภิเษกเปน ยุพราช
ส่วนรามไล่ออกไป สู่ป่า
สิบสี่พรรษาปราศ จากวัง
๏ ฟังไกเกยีเว้า วากย์ทูล
ทศรถตลึง อยู่ไซร้
อันอกนเรนทร์สูร เพ่งอยู่
เปนครู่แล้วจึ่งได้ จินตนา
๏ อ้าฝันใดสุดร้าย แรงหาญ
มากระทบฤทัย บัดนี้
ฤาจิตจะพิการ คลุ้มคลั่ง ไปแฮ
บ่มิเคยแต่กี้ ฉนี้หนอ
๏ พอได้สติกริ้ว โกรธา
เหม่ๆไกเกยี โหดร้าย
เจ้ารามและเราหา ผิดบ่ มีเลย
ไฉนจะหาโทษบ้าย บัดสี
๏ หล่อนนี้เปนลูกท้าว ขัตติยา
เราจึ่งรับตัวเชิด ซุบเลี้ยง
บัดนี้เปิดโปงมา เห็นถนัด
แสนอุบาทว์พ่างเพี้ยง งูดิน
๏ ภูมินทร์เกรี้ยวกราดแล้ว กลับวอน
กล่าวกล่อมด้วยคำหวาน ว่าง้อ
แต่นางบ่โอนอ่อน ลงสัก นิดเลย
นั่งแต่สอดพลอดพ้อ ร่ำไป
๏ ภูวนัยสุดสิ้น ปัญญา
ที่จะให้นงคราญ กลับจิต
ก็ทรงพระโศกา อุระแทบ พังแฮ
ประหนึ่งจะมอดมิด ชีพลง
๏ เห็นองค์ขัตติยะเจ้า จาบัลย์
ปวงพระสนมพลอย โศกเศร้า
สอึกสอื้นศัลย์ พิลาป
ต่างหมอบลงซบเกล้า กำสรวล
๏ โหยหวลครวญคร่ำโอ้ โศกี
ทศรถรำพรรณ ร่ำไห้
ไกเกยิเทวี ดื้ออยู่
บ่มิยอมให้ไท้ ถอนคำ ฯ

ร่าย

๏ ทศรถร่ำโศกา กล่าววาจาวิงวอน งอนง้อแต่โดยดี ไกเกยีดื้อดัน ไม่ผ่อนผันสักนิด บพิตร์อยู่เรือนหลวง จนลุล่วงราตรี สุริย์ศรีส่องหล้า ฝ่ายว่าพระวสิษฐ ปุโรหิตวิเศษ มานิเวศน์ทรงธรรม์ พบสุมันตร์สารถี ยึนอยู่ที่ทวาร พระอาจารย์จึ่งว่า อ้านายสารถี บัดนี้เวลาควร ภูมิศวรจะฟื้น ตื่นจากที่ไศยา อย่าช้ากล่าวสรรเสริญ อัญเชิญไท้ทรงธรรม์ ฝ่ายสุมันตร์รับคำ เริ่มทำตามน่าที่ เปนกรณียะ ประเพณีโบราณ [๔๖] ทูลภูบาลจอมขันฑ์ ด้วยฉันทพากย์ไพเราะ แสนเสนาะสรรเสริญ เยินยอเกียรติไพศาล ฝ่ายภูบาลทศรถ ฟังพจน์แห่งสุมันตร์ พลันดำรัสตอบไป อ้าฉันใดจึ่งมา กล่าววาจาสรรเสริญ ยอเกียรติเกินควรไป กูไซร้แสนอาภัพ พังศัพท์เจ้ากล่าวฉันท์ อันถ้อยคำกล่าวมา ปานศัสตราเหลือแหลม มาเหน็บแนมดวงใจ ให้โศกบ่มิส่าง พ่างเพียงวอดชีวัน สุมันตร์พังดำรัส มิรู้ชัดเหตุผล ก็จนใจยืนนิ่ง บ่มิติงกายา ฝ่ายว่าไกเกยี กล่าววาทีไปว่า อ้าสุมันตร์ฉลาด ภูวนาถมัวทรง จำนงแน่วหฤทัย ในพระปิโยรส ทรงยศลืมเฃ้าที่ ดังนี้ภูมิศวร จึ่งประชวรลมไป ไวๆเถิดไปตาม พระรามขึ้นมาเฝ้า พระผ่านเผ้าบัดนี้ สารถีทูลว่า ฃ้าจะไปฉันใด เพราะท้าวไทยทรงรัช ยังไม่ตรัสใช้ฃ้า ราชายินเช่นนั้น ก็พลันมีบัญชา อ้าไปเถิดไวๆ ไปเถิดรีบไปตาม เจ้ารามขึ้นมาหา อย่าช้ากูอยากพบ สุมันตร์นบคำนับ รับโองการท่านไซร้ ก็รีบไปตำหนัก ที่พักองค์พระราม ทูลความพอสรรพเสร็จ เชิญเสด็จโดยพลัน ครานั้นยามผ่านไป ในทางหว่างวิถี ราชธานีโสภณ ประชาชนมุงมอง แซ่ซร้องโห่อวยชัย ด้วยใจสวามิภักดิ์ รักพระรามนักหนา พากันรีบตามกรู ไปสู่พระนิเวศน์ ยืนรอบเขตกำแพง แห่งวังหลวงฦๅสาย ฝ่ายพระรามครั้นถึง บ่มิพึงพักผ่อน รีบจรขึ้นไปเฝ้า พระผ่านเผ้าโดยพลัน เห็นทรงธรรม์กรรแสง บ่มิแจ้งเงื่อนเค้า จึ่งระยอบนอบเกล้า ทูลไป ฯ

โคลง ๓

๏ อ้าไฉนพระจอมเกศ ชลเนตร์จึ่งย้อย
ฃ้าบาททำผิดน้อย ฤมาก ฉันใด
๏ อยากทราบกราบเทวี ไกเกยีนั่นแล้ว
ทูลว่านาเรศแก้ว โปรดฃ้า หน่อยเทอญ
๏ พระบิดาพิโรธ โทษฃ้ามากฤน้อย
ขอโปรดเพียงแต่ข้อย ทราบเหตุ บ้างนา ฯ

โคลง ๒

๏ อัคเรศตอบวากย์เว้า แม่จะบอกแก่เจ้า
โดยจริง ลูกเอย ฯ  

โคลง ๔

๏ พระมิ่งมกุฎเกล้า นรชน
ทรงพระกรุณา ลูกน้อย
จึ่งไม่ตรัสยุบล ซึ่งอาจ
ยังจิตลูกละห้อย โศกศัลย์
๏ ฉนั้นแม่จะบอก ความใข
จอมเกศประทานพร แม่แล้ว
ขอลูกจุ่งตั้งใจ สงวนสัตย์
ของพระทูลเกศแก้ว จอมปราณ
๏ สาบาลเถิดว่าถ้อย ปฏิญญา
ซึ่งพระบิตุรงค์ โปรดให้
เจ้ารามจะรักษา มั่นดุจ กันแล
จึ่งจะบอกเรื่องไซร้ สิทธิ์ถวิล
๏ ยินคำพระแม่เจ้า ตรัสมา
รามนบนอบทูลไป บัดนั้น
ลูกจะรับรักษา ความสัตย์
ทุกสิ่งทุกขีดขั้น อย่าแหนง
๏ นางแถลงเรืองยุทธ์ โบราณ
ระหว่างเทพและแทตย์ ถี่ถ้วน
อีกที่ช่วยภูบาล พ้นมฤต
โดยภักดีเลิดล้วน ควรชม
๏ บรมกษัตร์ตรัสว่า ยามไหน
อยากจะได้พรอัน เลิดแล้
และออกปากขอใด ท้าวจะ
ประสาทให้แม่นแท้ ทันที
๏ บัดนี้จึ่งแม่ได้ ขอพร
ให้ภรตได้เปน ยุวราช
อีกให้พ่อรามจร จากถิ่น
รีบออกไปประพาส ไพรสณฑ์
๏ จนกว่าจะครบสิบ สี่ปี
จึ่งค่อยประเวศคืน แด่นด้าว
ถ้าแม้จิตภักดี แด่พระ พ่อฤา
จงช่วยรักษ์ถ้อยท้าว ประทาน
๏ ฟังสารพระแม่เจ้า ตรัสมา
รามนอบเศียรประณต นบไหว้
ตูฃ้ารับรักษา คำสัตย์
ของพระนรนาถไท้ ทุกอัน
๏ โปรดพลันดำรัสใช้ เฃาไป
ตามภรตกลับเวียง อย่าช้า
ตูฃ้าจะรีบไคล เฃ้าสู่
แดนป่าดังเจ้าหล้า ประสงค์
๏ ตรงออกจากที่เฝ้า ด่วนมา
ยังพระตำหนักทอง ผ่องแผ้ว
ขึ้นเฝ้าพระมารดา บังเกิด เกศแล
ทูลเรื่องแด่นางแก้ว ฉับพลัน
๏ เกาศัลยาทราบแล้ว กำสรวล
โอ้อกแม่จะพัง แน่แล้ว
ลูกเอยลูกบ่ควร พรากจาก แม่เลย
จำพรากจากลูกแก้ว อยู่ใย
๏ อยากใคร่กลั้นจิตม้วย ลงบัด นี้แล
หวังจะได้ชมบุญ ลูกน้อย
โอ้โอ๋จะต้องพลัด พรากจาก กันฮือ
ราวอกแตกตั้งร้อย ภาคพัง
๏ ฟังคำพระแม่เจ้า รำพรรณ
รามก็แสนโศกแต่ อดไว้
ปลอบพระแม่จอมขวัญ ด้วยพจน์
อันอ่อนผ่อนผันให้ คลายครวญ
๏ กราบนวลนาเรศแก้ว ทูลลา
ไปสู่วังสถาน ที่พัก
เล่าเรื่องแด่สีดา ดวงสวาท
จำจากเจ้ายอดรัก สู่ไพร
๏ อรไทยนอบเกล้า ทูลเสนอ
พระเสด็จแดนดง เริดร้าง
ขอไปอยู่บำเรอ รองบาท พระเอย
ขอทุกข์สุขอยู่ฃ้าง บาทบงสุ์
๏ องค์พระราฆพห้าม ชายา
อ้าแม่อย่าไปเลย นะน้อง
กลางไพรสิยากสา หัสละ แม่เอย
แม่จงยั้งอยู่ห้อง หอคำ
๏ จำใจจำจากเจ้า จำลา
ใช่ว่าพี่นี้วาย เสน่ห์น้อง
เพราะตั้งจิตรักษา คำพระ พ่อแล
พี่จึ่งจำจิตต้อง จากสมร
๏ พี่จรแล้วน้องจุ่ง ประติบัติ
พระแม่ของพี่แทน พี่ด้วย
อย่าให้พระข้องขัด ใดสัก อย่างเลย
บุญพี่ยังไม่ม้วย ชีพลง
๏ คงจะได้กลับห้อง เชยชม
ชื่นจิตสนิทนาง แน่งน้อย
จากนานจะยิ่งรมย์ เริงรัก มากแม่
อยู่นี่อย่าละห้อย โหยหา
๏ สีดาทูลตอบถ้อย สวามี
อันจะให้ฃ้าคง อยู่นั้น
ฉันใดเล่าจะมี ยามสุข
มีแต่โศกหลายชั้น ทับถม
๏ อกกรมตรอมจิตเฝ้า โศกา
ประหนึ่งบ่มีวัน ส่างไข้
กว่าพระจะกลับมา คงมอด ม้วยแฮ
ไหนจะทนอยู่ได้ กราบกราน
๏ เยาวมาลย์เฝ้าตรัส รำพรรณ
จนพระภัสดายอม อนุญาต
ให้ตามเสด็จผัน ผายสู่ พงแล
นางก็กราบแทบบาท ภัสดา
๏ ครานั้นอนุชเจ้า ลักษมัณ
มาสู่ตำหนักพระ พี่เจ้า
ทราบว่าแม่นวลจันทร์ ผิวผ่อง
จะเสด็จตามเฃ้า สู่ไพร
๏ ไหว้พลางทางกล่าวถ้อย ทูลวอน
ขอพระพี่เมตตา อนุชบ้าง
ขอไปกับทรงศร สู่ป่า
นำเสด็จณแดนว้าง เวอกพง
๏ ตกลงกันเสร็จแล้ว องค์ราม
จึ่งตรัสใช้ลักษมัณ พระน้อง
จงไปและเที่ยวตาม พวกทวิช
จะฝากเคหาสน์ห้อง ฉับพลัน ฯ

ร่าย

๏ ลักษมัณรับบัญชา แห่งเชษฐารีบไป ไม่ช้าถึงที่บ้าน อาจารย์ผู้นักธรรม์ นามสุยัญญ์ดาบส โอรสพระวสิษฐ จึ่งแจ้งกิจที่ไป นักธรรมได้ทราบพลัน ผายผันจากเคหา รีบมาเฝ้าราฆพ เธอเคารพพ่อพราหมณ์ ตามตำหรับโบราณ แล้วอวยทานทักษิณา ของมีค่ายกให้ แล้วใช้ลักษมัณตาม พราหมณ์นักบวชคณะ ไตต์ติริยะนิกาย ทั้งหลายบรรดาที่ พระชนนีนงคราญ ทรงอุปการนานมา แจกทักษิณามากมวล ควรที่พราหมณ์ประสงค์ แล้วทรงมอบตำหนัก ที่พักอันงอนงาม ให้พวกพราหมณ์รักษา กว่าจะกลับคืนกรุง ให้บำรุงฃ้าไท อย่าให้อนาทร เดือดร้อนอย่างใด ๆ แล้วทรงชัยตรัสชวน นวลนางผู้ชายา อีกอนุชาเพื่อนยาก เสด็จจากที่วัง ตรงไปยังนิเวศน์ ที่ทรงเดชประทับ เพื่อคำนับนอบลา ฝ่ายประชาชาวเมือง ได้รู้เรื่องแล้วไซร้ ต่างเสียใจโศกา พากันคอยเรียงราย ถวายกรกราบไหว้ ร่ำไห้อาไลยรัก รามทรงศักดิ์สุริยวงศ์ สงสารองค์สีดา จะต้องคลาคลาดเต้า เฃ้าแรมในไพรสัณฑ์ อีกลักษมัณฦๅสาย ก็เสียดายเหลือล้น พ้นที่จะประมาณ การรื่นเริงทั้งหมด ต่างก็งดโดยด่วน ต่างชวนกันโศกา กล่าววาจารำพรรณ ปรับทุกข์กันทั่วไป ในนครเขตกว้าง เสียงแต่โศกรอบฃ้าง ไป่มี สุขเลย ฯ

โคลง ๓

๏ ถึงที่นิเวศน์พลัน พบสุมันตร์สุดเศร้า
จึ่งพระราฆพเจ้า ตรัสไป
๏ ทูลทรงชัยนาถา ว่าฃ้ามาเพื่อเฝ้า
ทูลลาพระผ่านเผ้า สู่ดง ฯ  

โคลง ๒

๏ ฝ่ายองค์ทศรถไซร้ ทราบเหตุจึ่งตรัสใช้
สารถี  
๏ เชิญเทวีเสด็จพร้อม ทั้งกำนัลแวดล้อม
บาทา ฯ  

โคลง ๔

๏ ครั้นมากันพรั่งพร้อม ดังตรัส
จึ่งเบิกพระราฆพ สู่เฝ้า
ฝ่ายพระมกุฎรัช เสด็จลุก
ไปกอดพระลูกเจ้า โศกศัลย์
๏ ทรงธรรม์กำสดล้ำ เหลือทน
สิ้นพระสติลง สลบไซร้
พระรามกับนิรมล มหิ ษีแล
เฃ้ารับพระองค์ไว้ ทั้งสอง
๏ ประคองพระขึ้นสู่ แท่นบรร ทมนา
เรียกแพทย์ประกอบโอ สถแก้
จนองค์พระทรงธรรม คืนกลับ
สมฤดีได้แล้ ไปนาน
๏ กราบกราบแทบบาทแล้ว พระราม
จึ่งกล่าวทูลลาจร จากด้าว
อีกขอประทานความ กรุ ณาแล
แด่พระบิตุร์ท้าว เทอดธรรม์
๏ ลักษมัณอนุชผู้ ภักดี
ขอกราบทูลลาไป กับฃ้า
สีดามิ่งนารี จงรัก
ก็มิยอมอยู่ว้า วังขัง
๏ ฟังคำพระลูกแก้ว กลอยใจ
ตรัสว่าอ้าเจ้าราม ลูกรัก
อันพ่อนี้หลงไหล เหลือโฉด ลูกเอย
หลงเสน่ห์ทุรลักษณ์ นารี
๏ ไกเกยีหลอกให้ อวยพร
พ่อก็ยอมให้ตาม หญิงโหด
บ่ควรครอบนคร ครองรัฐ
พ่อผิดขอรับโทษ บัดใจ
๏ ขอให้ถอดพ่อนี้ ทันที
และลูกจงขึ้นครอง ครอบด้าว
บำรุงประชาสี่ วรรณะ
เหมือนศักระเทพท้าว ครองสวรรค์
๏ บัดนั้นราฆพก้ม เกศี
ทูลว่าขอพระจอม จักรกว้าง
เถลิงถวัลย์อีกพันปี ผาสุก
พระเกียรติ์เกรอกรอบฃ้าง ต่อไป
๏ ฃ้าไซร้ขอด่วนเฃ้า พงพี
ฃ้าบ่อยากจะครอง ครอบด้าว
เมื่อครบสิบสี่ปี จะกลับ
มากอดพระบาทท้าว บิตุรงค์
๏ องค์ทศรถไซร้ จนใจ
จึ่งประสาทพระพร ผ่องแผ้ว
ไปเถิดและอยู่ใน แนวป่า
ภัยพิบัติคลาดแคล้ว ลูกยา
๏ จงผาสุกสวัสดิ์ทั้ง สามคน
ตั้งมั่นในสัตย์ธรรม เที่ยงแท้
แล้วกลับจากไพรสณฑ์ โดยสวัสดิ์
ตามที่กำหนดแล้ สิทธิ์สรรพ์ ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายสุมันตร์สารถี อัญชุลีอย่างงาม แต่ด้วยความโกรธา กล่าววาจาทูลไป แด่นางไกเกยี ว่าเทวีนั้นผิด บ่คิดถึงพระคุณ การุญแห่งภรรดา เห็นว่าเปนบาปแท้ แล้วแลกล่าวลำเลิก เบิกประวัติอันมี เรื่องเทวีโสภา ผู้เปนมารดาไซร้ แห่งนางไกเกยี ว่ามีลักษณะชั่ว กลั้วกมลอยู่มาก จนต้องพรากภัสดา [๔๗] มาถึงบัดนี้ไซร้ ขอวอนไกเกยี ให้นึกดีอย่าเปน เช่นพระมารดานั้น แล้วรำพรรณวิงวอน ให้บังอรคล้อยตาม ความประสงค์ราชา ผู้ภัสดาฦๅสาย แล้วโฉมฉายเองไซร้ จะได้เปนที่รัก นับถือนักทั่วตน ทุกคนในธานี ดังนี้เฝ้าทูลวอน แต่บังอรคงดื้อ ถือทิฏฐิไป่ยอม ประนอมตามเฃานั้น ฝ่ายทรงธรรม์ราชา เผ่าอิกษวากุไซร้ หฤทัยแสนโทร์มนัส จึ่งตรัสสั่งสุมันตร์ จงจัดสรรพ์เสนา จาตุรงค์งอนงาม ตามราฆพเฃ้าป่า อีกจัดพาณิชผู้ รู้จักหาสินค้า นานาเนกไปด้วย หานางสรวยโสภา นาฏะกานักรำ อีกทั้งส่ำเสวี ที่เคยเปนฃ้าเฝ้า ไปกับเจ้านายตน ทุกคนให้ประทาน ทรัพย์ศฤงคารนานา อย่าให้ขาดแคลนได้ อีกให้ชาวนาคร จรตามในกระบวน หาพรานล้วนชำนาญ ในการจับสิงห์สัตว์ อีกสมบัตินานา บรรดามีในคลัง ขนไปยังแนวป่า เผื่อลูกฃ้าประสงค์ จำนงอวยทักษิณา แด่ทวิชาดาบส ทรงพรตอยู่พงพี เมื่อมีกิจการยัญ จะได้ปันสินให้ ตามใจลูกปราถนา อันว่าสมบัติผอง ของกูบรรดามี กูนี้แสนเต็มใจ ยกให้เจ้ารามหมด ขอโอรสจอมขวัญ รับสรรพะราชธน ขนเฃ้าป่านั่นไซร้ ส่วนอโยธยาให้ ภรต ครองเทอญ ฯ

โคลง ๓

๏ ฟังพจน์พระภูมี ไกเกยีเดือดร้อน
พักตร์บึ้งสบัดค้อน ทูลไป
๏ ฉันใดพระทรงยศ ให้ภรตลูกฃ้า
ครองแต่เวียงว่างว้า หมดดี
๏ มีเหลือแต่เปลือกนอก ซึ่งปอกทิ้งทอดไว้
ฃ้าบาทยอมมิได้ แน่นอน ฯ

โคลง ๒

๏ ภูธรตรัสว่าอ้า เมื่อเธอได้ข่มฃ้า
ลงไป แล้วแฮ  
๏ ฉันใดตามจ่อจี้ ด้วยประตักเช่นนี้
จัญไร ยิ่งนา  
๏ไกเกยีตอบไท้ ว่าท้าวสคะระไซร้
ต้นวงศ์ พระแล  
๏ ก็ทรงขับลูกท้าว เธอเองนั้นจากด้าว
เขตขัณฑ์  
๏ อสมัญช์นั่นแล้ ก็เปนลูกใหญ่แท้
เช่นราม นี่เอง ฯ  

ร่าย

๏ ฟังความพระชายา ยกอุทาหรณ์ฉนั้น บรรดาพวกฃ้าเฝ้า ต่างก้มเกล้าหน้าบึ้ง จึ่งสิทธรรถอมาตย์ ผู้ฉลาดมีวัย ขัดใจทูลเทวี ไกเกยีบัดนั้น ว่าอสมัญช์ดุร้าย จับเด็กหลายสิบคน ทีวิ่งวนเล่นอยู่ จู่ลากตัวเอาไป ผลักลงในนที ศรีสรยุเชี่ยวคว้าง พลางสำรวลสำราญ ยามกุมารจมน้ำ ส่ำสาธุชนเห็น เช่นนั้นแสนแค้นใจ พากันไปเฝ้าองค์ พระบิตุรงค์ทูลฟ้อง ร้องทุกข์ตามเหตุการณ์ ฝ่ายภูบาลกริ้วกราด จึ่งขับราชโอรส ให้จรดจากขัณฑ์ สู่อรัญดงดอน ภูธรสคะระ พระทรงธรรมเที่ยงแท้ แม้โอรสเอ็งไซร้ เมื่อได้ประพฤติบาป ก็กำราบปราบปราม อันพระรามมีโทษ โหดร้ายสิ่งใดเล่า พระนางเจ้าจึ่งจะ ทูลขอพระสุริย์วงศ์ ให้ลงอาญาเธอ เสมออสมัญช์ ฉนั้นขอเทวี บัดนี้ทรงดำริห์ ผิมิยอมถอนถ้อย ชนจะชังใช่น้อย สุดทราม แน่แล ฯ

โคลง ๓

๏ ฝ่ายพระรามราฆพ นบนอบศิระไหว้
ทูลพระชนกไท้ ราชา ฯ

โคลง ๔

๏ เทวะฃ้าบาทนี้ ไป่จง
ความสุขทางโลกยอม ละล้วน
ขอเฃ้าสู่ไพรพง นอนร่ม พฤกษ์แล
กินอยู่ณป่าถ้วน ทุกสถาน
๏ บริวารจะต้อง ประสงค์ ดังฤา
ผู้ที่เต็มใจแจก คชแล้ว
ยังจะมุ่งจำนง ห่วงกูบ ฉันใด
ฤาแจกสังวาลย์แก้ว ห่วงสาย
๏ พลกายอย่าให้ ตามไป ด้วยเลย
อันทรัพย์สมบัติปวง สละหมด
ขอเพียงพระทรงชัย โปรดประ ทานเทอญ
พัสตระแบบดาบส บวชชี ฯ

โคลง ๓

๏ ไกเกยีหยิบผ้า คากรองมาเสร็จแล้ว
ตรัสว่านี่ลูกแก้ว ครองอย่า ช้าเลย
๏ ราฆพรับผ้าพลัน บัดนั้นครองเสร็จถ้วน
ทีประเสริฐเลิดล้วน ลออตา
๏ ฝ่ายว่าพระลักษมัณ ก็พลันผลัดพัสตร์บ้าง
แล้วไปอยู่ชิดฃ้าง เชษฐา
๏ สีดารับภูษิต ประหวั่นจิตพิศผ้า
ยื่นนิ่งจำเพาะหน้า สวามี
๏ บัดนี้ราฆพพลัน ช่วยแจ่มจันทร์ห่มแล้ว
ทั้งสามงามผุดแผ้ว ผ่องศรี ยิ่งแล ฯ

ร่าย

๏ บัดนี้เหล่าสุรางค์ สงสารนางสีดา ก็โศกาจาบัลย์ พากันกล่าวถ้อยว่า อ้าอย่าเลยอย่าให้ ทรามวัยไปสู่พง ถึงแม้องค์พระราม ต้องไปตามคำมั่น ให้แจ่มจันทร์อยู่วัง ฃ้าทั้งหลายจะพร้อม กันถนอมจอมขวัญ ให้ลักษมัณเรืองชัย ไปเปนเพื่อนยากเถิด อันโฉมเฉิดเช่นนาง จะแรมกลางไพรสณฑ์ กรำแดดฝนไป่ควร จะหมองนวลข้องจิต จึ่งวสิษฐดาบส เผยพจน์กล่าวคำไป แด่นางไกเกยี อ้าเทวีใจบาป หยาบทำลายกิติคุณ แห่งสกุลเกกัย ช่างมีใจชั่วช้า หลอกภรรดาให้หลง จงทราบบัดนี้ว่า สีดาดวงสมร จะไม่จรจากเวียง เนียงจะอยู่ในวัง เฝ้าบัลลังก์เรืองมาส แทนพระราชสามี เพราะผู้ที่สมรส ปรากฎเหมือนเปนหนึ่ง จึ่งสมควรแล้วที่ เปนราชินีครอง ผองพวกเราทั้งหลาย แทนฦๅสายสวามี หากเทวีจะไป จงได้สู่ไพรสัณฑ์ เช่นนั้นเราทุกตน นรชนชาวเวียง จะตามเนียงสู่ป่า อันว่าปวงสมบัติ สรรพัตก็จะขน เฃ้าไพรสณฑ์ด้นตาม องค์พระรามทั้งหมด แม้ภรตแขงขลัง ทั้งศตรุฆนะคง ทั้งสองทรงคากรอง และปองไปอยู่ป่า กับเชษฐาทรงธรรม์ ดังนั้นพระนางเจ้า จงอยู่เฝ้าเวียงร้าง อยู่อ้างว้างลำพัง นั่งในถิ่นเงียบนี้ อันกรุงศรีซึ่งพราก จากสมเด็จพระราม จะสูญนามหมดสิ้น อันถิ่นดงประพาส แห่งรามราชฦๅสาย จะกายเปนมหา อาณาจักร์ประเสริฐ เชื่อเถิดองค์ภรต ยงยศจิตกำแหง คงไม่แย่งนคร ของบิดรแน่แท้ แม้เธอเปนบุตร์ดี ผู้มีกตัญญู คงไม่ยอมอยู่เวียง เคียงฃ้างพระชนนี ดังนี้หวังจะปลุก พระลูกให้ใหญ่ยิ่ง กลับเปนสิ่งทำให้ เธอนั้นไซร้ขุ่นข้อง หมองจิตอย่าสงสัย ฝ่ายนางไกเกยี ฟังมุนีว่ากล่าว ยิ่งร้อนร้าวหฤทัย ผินพักตร์ไปเสียพลาง นางไม่ตอบดาบส แม้ทศรถทรงช่วย ว่าอีกด้วยก็ยัง ไม่ยอมฟังวรพจน์ ไม่ยอมลดยอมละ มากมานะดันดื้อ ถือทิฏฐิบ่จาง เห็นนางเปนเช่นนั้น ครั้นจะรอต่อไป ก็ไร้ประโยชน์งาม จึ่งพระรามบังคม องค์บรมกษัตริย์เจ้า และเผยวัจนะเว้า วากย์ทูล ฯ

โคลง ๔

๏ นเรนทร์สูรอยู่เกล้า เกศา
ฃ้าบาทนี้จำจร จากบาท
ขอฝากพระมารดา ยอดรัก
แด่พระชนกนาถ เถลิงถวัลย์
๏ อันองค์พระแม่เจ้า จอมขวัญ
นับก็ทรงชรา มากแล้ว
ทุกเมื่อกอบพระมรร ยาทเรียบ ร้อยแล
อีกภักดีผ่องแผ้ว บ่จาง
๏ ปางเมื่อจำจักไร้ ลูกยา
พระจะทรงโศกศัลย์ วิโยค
ขอพระกรุณา โปรดช่วย
ทรงระงับดับโศก เวทนา
๏ อ้าพระผู้เปรียบแม้น มหินทร์ เทพเฮย
จงโปรดพระมารดา ลูกไซร้
อย่าให้มิ่งนารินทร์ จรสู่
ยมโลกเพราะไร้ ลูกยา
๏ ราชาตรัสว่าโอ้ ลูกชาย
อันลูกมากล่าวฝาก แม่เจ้า
พ่อเองและจะตาย ไปก่อน
ไหนจะทนโศกเศร้า อยู่ไหว
๏ ทรงชัยก็สอื้น โศกี
แขงพระหฤทัย เปล่งถ้อย
สุมันตระตัวดี ไปด่วน
ผูกราชรถน้อย รีบมา
๏ แล้วพาทายาทแก้ว กลอยใจ
กับลักษมณ์และสีดา ทรามสวาท
ไปส่งณที่ไกล แค่ขอบ
เขตแห่งโกศลราษฎร์ เลิดขัณฑ์
๏ สุมันต์รับพระราช โองการ
ก็รีบไปจัดราช รถน้อย
ผูกอัศวะไพศาล สมศักดิ์
งามประเสริฐเพริดพร้อย เพราพรรณ
๏ ครั้นพร้อมราฆพเจ้า กราบบาท
สมเด็จพระบิดา เทอดเกล้า
อีกกราบพระบาทราช มาตุ
กล่าวพจน์ทูลลาเฃ้า สู่พง
๏ ชวนองค์เมียมิ่งทั้ง ลักษมัณ
เดินประทักษิณจอม จักร์แก้ว
กับพระแม่จอมขวัญ ตามแบบ
ตำหรับโบราณแล้ว เลิดดี
๏ บัดนี้จำต้องจาก ลีลา
ทศรถจึ่งจร แนบฃ้าง
สมเด็จพระลูกยา ยูรยาตร์
ยังมุขปราสาทสล้าง โสภณ
๏ อีกหนรามนอบเกล้า กราบบาท
ลาสองกษัตริย์ทรง เกิดเกล้า
แล้วขึ้นสู่รถราช เรืองรัตน
สารถีขับเต้า ต่อไป
๏ ทรงชัยทศรถโอ้ จาบัลย์
ทอดพระเนตรรถจน ลิบลับ
แล้วหันสู่เกาศัล ยายอด เสน่ห์แล
ยืนพระหัดถ์ขวาจับ หัดถ์นาง
๏ ปางนั้นจึ่งแม่เจ้า ไกเก ยีแฮ
เฃ้าจะพยุงองค์ ภาคซ้าย
พระตวาดว่าเหม่ มาจับ กูใย
หญิงชั่วใจโหดร้าย กาลี
๏ แต่นี้อย่าบังอาจ คลอเคลีย อีกเลย
กูไม่ยากประสบ พบหน้า
ไม่นับว่าเปนเมีย ฤามิตร์
อีกอย่าให้บ่าวฃ้า ไปมา
๏ อันว่ามือที่จับ จูงกัน
ประทักษิณอัคนี นั่นแล้ [๔๘]
อีกปวงสิ่งผูกพันธ์ มึงกับ กูฮือ
ปลิดปลดหมดดังแก้ หลุดพลัน
๏ จัญไรใครจะเลี้ยง ตัวมึง ได้นอ
ใจกาจอิสสาทราม ชั่วหนัก
กูตายก็อย่าพึง เผาศพ กูเลย
เพราะว่ามึงปานยักษ์ หยาบคาย
๏ ฝ่ายเจ้าภรตนั้น หากเห็น
ชอบณกิจแม่มัน คิดไซร้
กูก็ไม่นับเปน ลูกต่อ ไปเลย
กูจะสั่งมิให้ เผากู [๔๙]
๏ ภูธรธกราดกริ้ว จบลง
จูงพระเกาศัลยา กลับเฃ้า
สู่ตำหนักแห่งองค์ อัคเรศ
ยิ่งสุดกรรแสงเศร้า โศกศัลย์
๏บรรทมเหนือแท่นแก้ว โศกา
ครวญคร่ำร่ำหาราม ลูกแก้ว
เทวีจับหัดถา พลางจูบ
ทูลปลอบหวังให้แผ้ว จาบัลย์
๏ ปางนั้นนาเรศเจ้า สุมิตรา
ไปสู่ตำหนักจันทร์ นั่นไซร้
เห็นสองขัตติยา พิลาป
จึ่งช่วยทูลปลอบให้ คลายหมอง
๏ สององค์สดับถ้อย นงพงา
รำลึกได้สติ สักน้อย
ว่าโฉมสุมิตรา ก็พราก บุตร์แล
ค่อยระงับละห้อย โหยครวญ บ้างนา ฯ

ร่าย

๏ กล่าวถึงมวลมหา ชนที่มาคอยอยู่ นอกประตูวังนั้น ครั้นได้เห็นพระราม กับนางงามผ่องพรรณ อีกลักษมัณฤทธิรงค์ ล้วนทรงผ้าคากรอง ครองแบบผู้บวชชี ก็มีความอาลัย ต่างร่ำไห้โศกา แล้วพากันตามรถ บทจรจากเวียง เพียงกระแสร์ธารา ไหลบ่าตามถนน จรดลเต้าตาม ราฆพห้ามเท่าใด บ่มิได้หยุดยั้ง ต่างคนตั้งจิตมั่น พร้อมกันตามรถทรง ครั้นว่าองค์พระราม จะตรัสห้ามอีกไซร้ ก็เกรงใจนักหนา ดังนั้นมากระทั่ง ถึงฝั่งตมะสา จึ่งพระราฆพสั่ง ให้หยุดยั้งพักผ่อน นอนแห่งนี้คืนหนึ่ง จึ่งสุมันตร์แก้ม้า พาลงกินน้ำพลัน ชนานันต์ที่ตาม พระรามมาจากกรุง ก็ต่างมุ่งหาที่ พักอินทรีย์พอควร เพราะทั้งมวลเหน็จเหนื่อย เมื่อยล้าทั้งขาแขน แต่เพราะแสนจงรัก ภักดีต่อพระราม จึ่งสู้ตามมาได้ พอรำไพลงลับ ต่างก็หลับก็นอน เตรียมตัวจรต่อไป ในเวลารุ่งเช้า มุ่งตามเฃ้าสู่ป่า ฝ่ายพระราฆพนั้น ครั้นเห็นทวยนรชน ทุกตนหลับสนิท บพิตร์สั่งสุมันตร์ ให้พลันผูกรถทรง สามองค์ขึ้นทรงยาน จรจากธารนั้นแล แต่ในกลางราตรี ดังนี้เมื่อรุ่งสาง สว่างจึ่งชนตื่น ฟื้นกายแลบเห็น หน่อนเรนทร์แล้วไซร้ บ้างเดินไปเที่ยวหา ทางที่ม้ารถจร จนอ่อนใจจำงด บ่จรดต่อไป พร้อมใจกันกลับหลัง ยังกรุงอโยธยา ต่างโศกากำสรวล ครวญถึงรามราฆพ ผู้เลิดลบกษัตริย์ บุรุษรัตน์ฦๅเดช ปิ่นเกศชาวโกศล อีกทุกตนติโทษ โกรธนางไกเกยี ว่าเทวีใจหยาบ บาปเหมือนเจตนา ฆ่าองค์พระสามี เพราะเหตุที่จำพราก จากพระปิโยรส ทรงยศย่อมจะโศก วิโยคยิ่งใหญ่หลวง คงเปนห่วงลูกยา ราชาอาจประชวร ส่วนพระชนม์มากแล้ว อาจไม่แคล้วมฤตยู หากพระภูธรดับ ลับโลกสู่สวรรค์ จะทั่วกันเปล่าใจ ไร้ที่พึ่งร่มเย็น เปนที่รักปักเกล้า ดังนั้นเฃาทั้งหลาย จึ่งบ่คลายครวญคร่ำ ในยามย่ำสนธยา ในภาราก็เงียบ เปรียบประหนึ่งเที่ยงคืน บ่ครึกครื้นเช่นเก่า เฃาบ่เลี้ยงดูกัน อันว่าการสังคีต ดีดสีร้องลำนำ อีกฟ้อนรำปวงงด หมดซึ่งความเฮฮา สิ้นผาสุกครึกครื้น มีแต่เสียงสอื้น อกอา ดูรแล ฯ

โคลง ๓

๏ กล่าวถึงราฆพทรง รถตรงผ่านย่านกว้าง
โกศลเกษตร์สล้าง ไพศาล
๏ ผ่านลำเวทะศรุตี และโคมะดีน่านน้ำ
อีกสยานทิกะล้ำ เลิดดี
๏ ถึงนทีคงคา ให้พักม้าอยู่ใต้
ต้นอิงคุทิไม้ มิ่งงาม ฯ

โคลง ๒

๏ รามชวนเทวิเจ้า กับพระอนุชเฃ้า
ฉายา  
๏ ร่มพฤกษาใหญ่ล้ำ รื่นรมย์ริมฝั่งน้ำ
คงคา  
๏ หวังนิทราที่นี้ ต่อรุ่งจึ่งจะลี้
ลาศไป ต่อนา ฯ  

โคลง ๔

๏ ในแดนนิษาทนั้น ราชา
ชื่อคุหะผู้มี ฤทธิ์ล้ำ [๕๐]
ทราบว่าพระรามรา ฆพเสด็จ
ถึงซึ่งฝั่งแม่น้ำ คงคา
๏ พาพวกอมาตย์พร้อม พรั่งกัน
ไปรับเสด็จพระ ราฆพ
พระรามและลักษมัณ ต้อนรับ
คุทะก็เคารพ กราบกราน
๏ ทูลสารสมเด็จไท้ รามินทร์
ฃ้าบาทมุ่งจิตจะ รับใช้
ขอมอบซึ่งแดนดิน ฃ้าครอบ ครองแล
แด่พระองค์เพื่อให้ ทรงครอง
๏ เรียกของเครื่องต้นรส โอชา
มาจัดตั้งถวาย บัดนั้น
เชิญเสวยซึ่งโภชนา ทุกอย่าง
ที่ผจงเลือกฟั้น เอกมา
๏ อ้าเชิญพระครอบด้าว แดนดิน
ทั่วถิ่นบริบูรณ เลิดหล้า
ชาวนิษาทจักยิน ดีหนัก พระเอย
เพราะจะได้เปนฃ้า บาทบงสุ์
๏ องค์พระราฆพเจ้า ตรัสตอบ
ว่าที่ท่านรับรอง เลิดแล้
เราปลื้มและขอขอบ ใจเพื่อน
เห็นว่าเปนมิตร์แท้ แน่ใจ
๏ เราได้ตั้งจิตแล้ว จะบวช
นุ่งห่มคากรองและ หนังสัตว์
อิกโภชนะปวงชวด นอกจาก
ของป่าสารพัต ผลาหาร
๏ หากท่านโปรดให้หญ้า อย่างดี
อีกเมล็ดสาลีแก่ มิ่งม้า
ก็จะถูกฤดี เรายิ่ง
โปรดช่วยเถิดอย่าช้า สหาย
๏ ฦๅสายตรัสดั่งนั้น คุหะ
พลันสั่งพวกตนพลัน ทอดหญ้า
อีกหาซึ่งธัญญะ โดยด่วน
ให้แด่สองมิ่งม้า มโนมัย
๏ ในเมื่อราฆพเจ้า บรรทม
กับแม่สีดานง นิ่มน้อง
คุหะนะโรดม จงรัก
นั่งตื่นอยู่คอยป้อง ภยัน
๏ ครั้นรุ่งสุริยแจ้ง เวหา
จึ่งพระราฆพตรัส แด่ไท้
ผู้นิษาทราชา ขอช่วย
จัดซึ่งเรือเพื่อได้ ฃ้ามธาร
๏ ไป่นานเรือเทียบพร้อม คนพาย
จึ่งคุหะทูลเชิญ เสด็จฃ้าม
เรือจะเทียบหาดทราย ตรงฟาก โน้นแล
บ่มิต้องทรงคร้าม กระแสร์ชล
๏ จุมพลถึงท่าแล้ว ตรัสสั่ง
ขุนสุมันตร์ผู้จง รักแล้
ว่าท่านจุ่งกลับยัง อโยธ ยาเทอญ
ไปอีกบ่ควรแท้ แน่หนอ
๏ ขอจงรีบกลับเฝ้า บรม นาถนา
ทูลเถิดว่าเรามา เรียบร้อย
และขอกราบบังคม แทบบาท
ขออย่าทรงละห้อย โหยหา
๏ สีดาและฃ้าอีก ลักษมัณ
บ่มิได้มีทุกข์ โรคเร้า
อีกสิบสี่ปีพลัน จะผ่าน ไปนา
แล้วจะกลับไปเฝ้า บาทบงสุ์
๏ ทูลองค์พระแม่เจ้า เกาศัล ยาแล
ว่ากราบบังคมแทบ พระบาท
ไปดีเถิดสุมันตร์ ผู้มิตร์
โดยสดวกถึงราช ธานี
๏ สารถีกราบแล้ว โศกา
ครวญคร่ำว่าพิไร ละห้อย
ฝ่ายองค์พระรามรา ฆพปลอบ
จนค่อยคลายโศกน้อย หนึ่งนา
๏ ราฆพชวนอัคเรศ ลงนา วาแฮ
พระลักษมัณตามลง เสร็จแล้ว
เรือแล่นผ่านคงคา ไหลเชี่ยว
โดยสวัสดิ์ผาดแผ้ว พหุภัย
๏ ขอบใจคุหะแล้ว สามกษัตริย์
ยุรยาตร์เลียบลำ แม่น้ำ
ผ่านป่าผ่าทุ่งลัด สู่ป่า อีกนา
เลียบฝั่งคงคาล้ำ เลิดชล
๏ จนถึงมะเดื่อต้น โตกลม
เห็นว่าพออาศัย ร่มได้
จึ่งหยุดพักบรรทม คืนหนึ่ง
จนรุ่งสว่างไซร้ สบาย
๏ ฦๅสายเดินตัดเฃ้า เขตป่า
ไป่เนิ่นก็ถึงแทบ ฝั่งน้ำ
อันชื่อยมุนา ประเสริฐ
ไหลเชี่ยวเปรียวปราดล้ำ เลิดงาม
๏ เดินตามแม่น้ำนี่ ไป่นาน
ถึงที่ยมุนา ใหญ่กว้าง
ไหลลงระคนธาร วิเศษ
คือพระคงคาสล้าง เลิดดี
๏ ที่ตรงสามแพร่งนั้น ปรากฎ
ชื่อเรียกประยาคแต่ เมื่อโน้น
เปนที่พระดาบส ภรัท วาชแฮ
สถิตณภาคโพ้น ปราศเข็ญ
๏ พอเย็นถึงกุฎเจ้า ฤษี
สามกษัตริย์เฃ้าไป นอบน้อม
ดาบสก็เปรมปรีดิ์ ต้อนรับ
จัดโภชนาพร้อม เลี้ยงดู
๏ ชวนอยู่ณที่นั้น ด้วยกัน
แต่พระราฆพตอบ ขัดข้อง
เกรงคนอยู่ถิ่นนั้น รู้เรื่อง
ก็จะมาแซ่ซ้อง รำคาญ
๏ อาจารย์จึ่งตอบถ้อย ทรงยศ
ว่าระยะสิบโยชน์ จากนี้
ยังมีหนึ่งบรรพต งามนัก
จิตรกูฎชื่อชี้ นามกร
๏ ทรงศรใคร่ประทับ วิเวก
ที่นั่นแหละเห็นเหมาะ แน่แท้
สำราญเลิดอย่างเอก ควรอยู่
ดาบสเคยอยู่แล้ มากหลาย
๏ ฦๅสายเคารพเจ้า ฤษี
และพักแรมตำบล ประยาค
อยู่เพียงหนึ่งราตรี หายเหนื่อย
พอรุ่งก็ลาจาก นั่นไป
๏ ครรไลลัดป่ากว้าง ทางรก
สู่ฝั่งยมุนา น่านน้ำ
ผ่านไม้ใหญ่ใบดก บังแดด
ถึงแทบนทีล้ำ เลิดดี
๏ ที่นี้ราฆพกับ ลักษมัณ
จึ่งตัดขอนทำแพ เพื่อฃ้าม
ผูกกระชับเถาวัลย์ มั่นเหมาะ
บ่มิต้องครั่นคร้าม โพยภัย
๏ ฃ้ามไปสดวกแล้ว เดินดง ต่อแฮ
เลียบฝั่งนทีศรี ใต่เต้า
เดินพลางนิ่มอนงค์ ช่างตรัส
ชวนพระภัสดาเจ้า เจรจา
๏ เพลินตาชมมิ่งไม้ ในดง
อีกนกโบกบินตาม ยอดไม้
ชมหมู่วิหคหงส์ เล่นหาด
เดินจึ่งสดวกได้ ไป่ระอา
๏ อีกราตรีหนึ่งต้อง แรมกลาง ทางแฮ
พอรุ่งออกเดินต่อ อีกไซร้
เดินชมพฤกษาพลาง งามยั่ว ใจนอ
เสียงนกอเนกได้ เสนาะกรรณ
๏ มิทันจะเมื่อยล้า ก็ถึง
เฃาจิตรกูฎงาม เลิดแล้ว
ยิ่งแลยิ่งตลึง แลอยู่
สุดประเสริฐเพริดแพร้ว พิศวง
๏ สามองค์ตรงเฃ้าสู่ อาศรม
แห่งพระวาลมีกิ ดาบส
มุนีก็ชื่นชม ต้อนรับ
สามกษัตริย์ทรงยศ อย่างดี
๏ ที่นี้จึ่งจัดสร้าง อาศรม
พอเป็นที่สามองค์ อยู่ได้
เป็นสุขอภิรมย์ แรมป่า
วิเวกสงบไร้ โศกศัลย์ ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายสุมันตร์สารถี ถึงกรุงศรีแล้วไซร้ รีบไปเฝ้าภูบาล ผู้ผ่านภพโกศล ทูลยุบลข้อความ ตามที่รามสั่งไป แต่ภูวนัยทศรถ บ่มิงดลดโศก วิโยคปิยบุตร์ สุดแสนจะอาดูร พูนเพิ่มโศกบ่วาย จนพระกายซูบผอม ตรอมพระราชหฤทัย ไม่เปนอันสรงเสวย เลยบรรทมได้น้อย ถอยพระกำลังลง ฝ่ายองค์เกาศัลยา เคียงราชาใกล้ชิด จงจิตพยาบาล ให้สำราญวรกาย โฉมฉายสุมิตรา ก็มาช่วยเปลี่ยนกัน เฝ้าทรงธรรม์สวามี ด้วยภักดียิ่งใหญ่ แต่ไกเกยีนั้น ทรงธรรม์ตรัสห้ามเฝ้า มิได้เฃ้าถึงองค์ คงแต่ฟังฃ่าวไข้ ในไม่ช้าภูธร พระโรครอนรานร้าว ท้าวเธอบ่ทุเลา เทราซุดลงทุกที บ่มีทางแก้ไข พระโรคไซร้กำเริบ เติบหนักขึ้นบ่ลด ทรงยศมีแต่ซุด ในที่สุดภูบาล ลมปราณจรจากสกนธ์ สิ้นพระชนม์เพราะโศก วิโยคปิโยรส ทั่วทั้งหมดวังใน เสียงพิไรไห้โหย โดยเหตุนี้ชาวเวียง ทราบโดยเสียงโศกา ว่าพระจอมนรินทร์ สิ้นพระชนม์แล้วฉนั้น ก็จาบัลย์ทั่วเวียง เสียงพิไรร่ำรัก พระทรงศักดิ์ทั่วไป ที่ในราชธานี ฝ่ายมนตรีผู้ใหญ่ พร้อมใจกันจัดการ งานพระศพพร้อมมวล ถ้วนตามประเพณี บัดนี้จึ่งนาคร จรสู่ราชวัง ดังกระแสร์ธารา พร้อมกันมาฟังข่าว ด้วยท้าวผู้ทรงธรรม์ เสด็จสวรรค์แล้วไซร้ ใครจะครองขอบขัณฑ์ ป้องกันภัยยายี จึ่งมุนีวสิษฐ ผู้กราบกิจอันควร ทั้งมวลประเพณี จึ่งมีคำสั่งใช้ ให้ทูตไปบัดนั้น เร็วพลันให้จรจู่ สู่ราชคฤห์ธานี ที่สถิตจอมรัช อัศวบดีไท้ เชิญพระภรตให้ กลับมา ฯ

โคลง ๓

๏ ครานั้นราชบุรุษ รีบรุดขับควบม้า
จากบุรีไม่ช้า ด่วนไป ฯ

โคลง ๒

๏ ถึงเกกัยจึ่งเฃ้า เฝ้าพระภรตเจ้า
ทูลแถลง  
๏ แจ้งเพียงว่ารับใช้ มาเชิญเสด็จให้
กลับพลัน  
๏ อันข่าวพระพ่อไซร้ สิ้นพระชนม์บ่ได้
เผยพจน์ เล่าเลย ฯ  

โคลง ๔

๏ พระภรตไป่ทราบ ความสัตย์
จึ่งตรัสตอบยินดี จักได้
กลับเฝ้าพระปิ่นรัช บิตุเรศ
เพราะห่างพระบาทไท้ คิดถึง
๏ จึ่งขึ้นไปเผ้าพระ อัยกา
ทูลว่าเฃามาเชิญ กลับด้าว
ขอกราบพระบาทลา จรจาก
จำจิตต้องจากท้าว กลับขัณฑ์
๏ แล้วพลันจรจากแคว้น เกกัย
รีบกลับอโยธยา สุดสล้าง
เมื่อเฃ้าสู่เวียงใหญ่ หลากจิต
เหงาเงียบดังเมืองร้าง ผิดใจ
๏ เฃ้าในนิเวศน์แล้ว รีบจร
สู่พระตำหนักจันทร์ เพื่อเฝ้า
กราบองค์พระมารดร เกิดเกศ
หวังจะได้ทราบเค้า คดี
๏ เทวีถามข่าวพระ บิดา
พระภรตทูลตอบ เสร็จแล้ว
ถามถึงพระราชา จอมกษัตริย์
อีกพระรามพี่แก้ว อยู่ไหน
๏ อรไทยตอบถ้อย ภรต
ว่าพระบิตุรงค์ มอดม้วย
เหตุด้วยพระทรงยศ ชราภาพ
อีกมีพระโรคด้วย ดับขันธ์
๏ ครานั้นภรตไห้ โหยครวญ
และทอดพระองค์ลง เกลือกกลิ้ง
ทูลกระหม่อมมิควร จะดับ ขันธ์เลย
โอ้เสด็จสวรรค์ทิ้ง ลูกไป
๏ ไกเกยีว่าอ้า ลูกชาย
ธรรมะดาบังคับ แน่แท้
อันเกิดแก่เจ็บตาย ใครจัก
อาจรอดพ้นได้แล้ ไป่มี
๏ ภูบดีได้ครอบ ครองแดน
เกียรติกระเดื่องเดชะ อะคร้าว
ได้ทำพลีแมน มวลมาก
ถึงที่แล้วจึ่งท้าว เสด็จสวรรค์
๏ ครานั้นภรตตอบ เทวี
ว่าลูกนี้อาภัพ มากแท้
ยามองค์พระภูมี เสด็จสู่ สวรรค์แฮ
จึ่งมิได้เห็นแม้ พระองค์
๏ มิได้สรงศพไท้ ทูลหัว
เหมือนหนึ่งมิใช่โอ รสไท้
โอ้ลูกนี่เป็นตัว อาภัพ ยิ่งนา
อยากจะทุบอกให้ อาสัญ
๏ อันองค์ราเมศผู้ เชษฐา
ธเสด็จอยู่ไหน บัดนี้
ลูกอยากใคร่วันทา แทบบาท
จูบพระหัตถ์ดังกี้ ก่อนมา
๏ ฟังวาทะลูกไซร้ ทูลถาม
จึ่งพระนางจำเป็น เล่าให้
รู้เรื่องตลอดตาม ความสัตย์
เหลือที่จะพรางไว้ ต่อไป
๏ ฟังใขคติเค้า ความจริง
พระภรตตอบพระ แม่เจ้า
โอ้หวังจะพึ่งพิง พระพ่อ
และพระพี่ร่วมเกล้า เกศา
๏ มาเสียสองนาถเจ้า พร้อมกัน
เพราะพระแม่ก่อการ กาจล้ำ
เหมือนทรงสับเสี่ยงฟัน ลูกเหวอะ
แล้วแหละมิหนำซ้ำ เกลือโรย
๏ โอยโอยแสนเจ็บแม้น ทรวงมลาย
พระแม่ผลาญพระบิ ตุราช
และขับพระพี่ชาย ยอดรัก
ราวตัดหัวลูกขาด จากกาย
๏ เคราะห์ร้ายเปนลูกผู้ อาธรรม์
ให้เกิดแล้วผลาญเอง ดั่งนี้
พระแม่รีบไปพลัน จากแห่ง นี้นา
ผิดมากแล้วจงลี้ หลีกไป
๏ ใยอยู่ดูลูกต้อง อดสู เฃาฤๅ
อัประยศหมดเกียรติ เริดไร้
หากหวังจะได้ดู อภิเษก
แห่งลูกนี้อย่าได้ นึกหมาย
๏ เหลือร้ายนี่มิใช่ ธิดา
องค์อัศวบดี ธรรมราช
นี่นางอสุรา ปลอมเกิด
มาผจนผลาญญาติ กุลวงศ์
๏ จงรู้เถิดว่าฃ้า จะตาม
ไปแทบพนาดร แดนชัฎ
อัญเชิญพระพี่ราม เสด็จกลับ
สู่นครทรงรัช ต่อไป
๏ ครรไลออกที่หน้า ปราสาท
อมาตย์มนตรีอยู่ พรั่งพร้อม
ภรตตรัสประกาศ ดังแด่ เฃาแล
ล้วนที่มาแวดล้อม ทั่วกัน
๏ อันเราพึ่งทราบเค้า ความจริง
ว่าพระมารดาเรา ผิดมาก
คิดผิดทุกทุกสิ่ง แสนผิด
จะพูดก็มิอยาก พูดเลย
๏ ท่านเอยจงเชื่อถ้อย เราสรรพ
เรามิได้เห็นชอบ สักน้อย
และเรามิขอรับ รองสัก อย่างเลย
เห็นพระแม่ผิดร้อย พันทวี
๏ บัดนี้พระแม่เจ้า เกาศัล ยาแฮ
ทราบว่าพระภรต กลับแล้ว
ก็เสด็จผายผัน มาสู่
ปราสาทวิสุทธแก้ว กาญจนา
๏ ครานั้นภรตได้ เห็นนาง
ก็รีบลงไปรับ กราบไหว้
กอดบาทพระแม่พลาง แสนโศก
สอึกสอื้นไห้ จาบัลย์
๏ เกาศัลยาตรัสพ่อ พาที
เออภรตใยเธอ ร่ำไห้
เธอสิน่ายินดี เปนหนัก หนาแฮ
ที่พระแม่เธอได้ อุดหนุน
๏ ค้ำจุนให้ได้ผ่าน พิภพ
โดยปราศจากผู้ใด ขัดข้อง
เพราะให้ขับราฆพ จากเขต แล้วฤๅ
ก็มิอาจแย่งน้อง ครองขัณฑ์
๏ ตัวฉันกับน้องสุ มิตรา
ก็ขับเสียจากเวียง เถิดเจ้า
ฉันใคร่ออกไปป่า อยู่กับ
ลูกรักดีกว่าเศร้า อกตรม
๏ บังคมแทบบาทแล้ว ภรต
ทูลว่าโอ้พระแม่ อยู่เกศ
ฉันใดพระเผยพจน์ เผด็จลูก
ราวกับแผลงศรเดชน์ ปรุใจ
๏ ลูกไซร้ขอตั้งสัตย์ สาบาล
หากว่าเห็นชอบด้วย แม่ฃ้า
ขอฝีพิษฝีกาล ร้ายกาจ
ผลาญชีพลงอย่าช้า ฉับพลัน
๏ อันองค์ราฆพเจ้า จอมเกศ
ประหนึ่งพระบิดา เกิดเกล้า
ลูกขบถต่อเชษฐ์ ขอจุ่ง
ยมราชเปนเจ้า ฉุดไป
๏ ใจลูกจะฃาดแล้ว ทูลหัว
ยิ่งคิดยิ่งทรวงโทรม ละห้อย
แม่ผิดจึ่งพลอยมัว หมองบาป
โปรดเมตตาสักน้อย อย่าแหนง
๏ กรรแสงสอื้นโอด โอยครวญ
เศียรซบแทบบาทนาง ดักดิ้น
ทอดกายกับดินหวล โหยหนัก
จนแทบจะถึงสิ้น สมฤดี
๏ เทวีวิลาศเจ้า เกาศัล ยาแฮ
ฟังภรตสาบาล เชื่อถ้อย
ตรัสปลอบตอบรับขวัญ พลางกอด
อ้าลูกอย่าละห้อย หนักเลย
๏ ลูกเอยแม่เชื่อแล้ว บ่แหนง
ว่าลูกรักเชษฐา แน่แท้
นิ่งเถิดอย่ากรรแสง มากนัก ลูกเอย
อันเหตุสุดที่แก้ ที่ใข
๏ ลุกไปเถิดด้วยแม่ จะจัด
ให้ลูกสรงเสวย โภชน์บ้าง
ว่าพลางพระจูงหัดถ์ ภรต
พาสู่ตำหนักฃ้าง ฝ่ายใน
๏ ให้สรงทรงลูบไล้ สุคนธ์
แล้วจึ่งชวนเสวย ศุภโภชน์
อีกให้ผทมบน แท่นรัตน์
เลี้ยงอย่างลูกที่โปรด ทุกสถาน
๏ สำราญกายแต่เศร้า แสนกรม จิตแฮ
พระภรตบ่วาย โศกเศร้า
แม้เฃ้าที่บรรทม บ่หลับ
จนกระทั่งรุ่งเช้า บ่นิทร์ สนิทเลย ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายวสิษฐมุนี ผู้เปรื่องปรีชาญาณ ท่านทูลเตือนภรต ให้ละลดโศกบ้าง พลางดำริตริการ งานพระบรมศพ โดยเคารพตามควร ทั้งมวลตามที่มี ประเพณีแบบบรรพ์ ดังนั้นจึ่งเริ่มเกณฑ์ ทำพระเมรุโสภิต พระจิตระกาธาร ตามโบราณตำหรับ เสร็จสรรพทุกสิ่งถ้วน ตามควรแก่จุมพล นิมนตน์พระมุนี ผู้มีชื่อฦๅคุณ เปนนักบุญวิเศษ สวดพระเวทคาถา ตามตำราไสยศาสตร์ บ่มิฃาดสิ่งใด ได้กำหนดวันครบ เชิญพระศพประดิษฐ เหนือจิตระกาธาร อาจารย์สวดมนตรา นานาสาธยาย แล้วถวายพระเพลิง เถลิงแรงแสงรุม สุมไว้ในคืนหนึ่ง แล้วจึ่งเก็บอังคาร ของภูบาลห่อผ้า พาไปยังฝั่งน้ำ สรยุล้ำเลิดงาม พราหมณ์ลอยอังคารไป ในกระแสร์วารี แล้วมีศราทธพรต กำหนดเจ็ดวาระ บ่ลดละสิ่งใด อันมีในตำหรับ ทุกสิ่งสรรพเสร็จถ้วน โดยประเสริฐเลิดล้วน ทุกสถาน ฯ

โคลง ๓

๏ ครั้นเสร็จงานพระศพ ปรารภการรักษ์ด้าว
อมาตย์ทูลลูกท้าว จอมขัณฑ์
๏ อันอาณาจักร์ราช ปราศจากผู้ครอบแล้ว
เกรงว่าจะไม่แคล้ว พหุภัย
๏ ขอเชิญไท้ขึ้นทรง ดำรงซึ่งจักร์กว้าง
เพื่อประเทศไม่ร้าง ราชัน ฯ

โคลง ๒

๏ ครานั้นภรตเจ้า ตอบอมาตย์ที่เฝ้า
ฉับพลัน  
๏ อันองค์พระพี่ฃ้า คือผู้ควรครอบหล้า
แหล่งงาม นี่นอ ฯ  

ร่าย

๏ ฟังความภรตตรัส สารพัตถูกต้อง ผองอมาตย์มนตรี ยินดีต่างวันทา เปล่งวาจาสรรเสริญ เยินยอยกเกียรติครัน ภรตพลันบัญชา ว่าอย่าช้าเกณฑ์พล เพื่อจรดลด่วนไป สู่เขตไพรลึกลับ ที่ประทับเชษฐา ทางภาราให้ปัน น่าที่กันจัดแจง แต่งถนนไว้พลาง เพื่อเปนทางนฤเบศร์ ประเวศราชธานี ถึงดิถีกำหนด จึ่งภรตเพ็ญพิริยะ ศตรุฆนะร่วมใจ ชวนกันไปเฟี้ยมเฝ้า พระแม่เกาศัลยา สุมิตราเทวี เชิญมารศรีเสด็จ จากนิเวศน์วังใน ฝ่ายนางไกเกยี บัดนี้ก็วิงวอน ขอจรไปป่าด้วย เพื่อจะช่วยกล่าววอน ด้วยสุนทรวาทะ ให้พระรามเธอกลับ เพื่อรับครอบครองขัณฑ์ สืบสันตติวงศ์ ฝ่ายองค์เกาศัลยา กรุณายอมให้ ไกเกยีไปพง สามองค์ราชนารี จึ่งลีลาจากวัง มาที่ตั้งกระบวน เวลาควรแล้วไซร้ ภรตให้ยาตรา จากภาราพรรณราย ฝ่ายสุมันตร์ตัวดี รู้วิถีทางอยู่ จึ่งเปนผู้นำทาง เดินอย่างเช่นครั้งก่อน จรจวนถึงคงคา ฝ่ายราชาคุหะ ทราบว่ากระบวนทัพ สรรพแสนยามาใกล้ ก็แค้นใจหนักหนา สำคัญว่าภรต คิดคดต่อพระราม ยกทัพตามมาจอง ปองร้ายองค์เชษฐา จึ่งพญาคุหะ กะเกณฑ์พลโดยด่วน ประมวลพลนิษาท ผู้กาจแกล้วการยุทธ์ รีบรุดยกออกกั้น ทางอันทัพจะจร หมายรานรอนต่อสู้ ผู้ประทุษทุรยศ ฝ่ายภรตทราบว่า คุหะมาเช่นนั้น ใช้สุมันตร์ออกไป ให้เชิญคุหะมา เจรจาโดยดี ดังนี้คุหะเฃ้า ไปเฝ้าพระภรต พระเผยพจน์ปราไสย ด้วยไมตรีเล่าความ ตามที่ยกพลมา เพื่อเชิญราฆพเจ้า คืนเฃ้าสู่กรุงไกร ขอให้คุหะช่วย บอกด้วยว่าราฆพ จะประสบหนไหน คุหะไขขานว่า บริวารฃ้ามีอยู่ ที่รู้จักทางจร ในดงดอนแดนไกล ฃ้าจะใช้ล่วงหน้า ไปค้นหาจนพบ ที่ราฆพสถิต ส่วนบพิตร์ฃ้าขอ จงโปรดรออยู่กว่า ฃ้าจะจัดหาเรือ เพื่อรับพลฃ้ามฟาก จากนี่สู่ฝั่งไกล พูดแล้วให้บริวาร หาอาหารสเบียง เลี้ยงไพรพลจงทั่ว ทุกตัวตนอย่าฃาด ใช้อมาตย์รีบรัด ไปจัดโภชนา อันโอชาสารพัต ถวายกษัตริย์ทั้งห้า อีกหาบรรณาการ ถวายท่านตามควร ทั้งมวลให้พร้อมสรรพ ต้อนรับอย่างดีเลิด ประเสริฐทุกสิ่งงาม ตามโบราณวิสัย ทัพพักในแว่นแคว้น แดนนิษาทสโมสร บ่เดือดร้อนน้อยเลย เสบยบ่ข้องขัด ทั้งกษัตริย์ห้าองค์ ทั้งจัตุรงค์ทวยหาญ ทั้งบริวารแวดล้อม แสนสุขทุกสิ่งพร้อม เพริดดี สิ้นแล ฯ

โคลง ๔

๏ ราตรีหนึ่งได้พัก แรมผา สุกแฮ
พอรุ่งเตรียมการฃ้าม แม่น้ำ
คุหะจัดนาวา นับกึ่ง พันเฮย
พร้อมพวกฝีพายล้ำ เลิดแรง
๏ จัดแจงรับทัพฃ้าม คงคา
ปราศจากอันตราย สักน้อย
เรือรับส่งฃ้ามคลา จนหมด
ทั้งกระบวนเรียบร้อย เสร็จดี
๏ บัดนี้เดินเลียบน้ำ ลำงาม
อีกลัดตัดพงไพร พฤกษ์สล้าง
เดินทางที่พระราม เดินก่อน แล้วแล
เสียงสนั่นม้าช้าง กระบวน
๏ ด่วนเดินบ่ช้าถับ ประยาค
ที่ภรัทวาช อยู่ไซร้
ให้บริวารมาก ค่อย ๆ ตามแล
โดยคิดเพื่อมิให้ อัดแอ
๏ แต่พระภรตทั้ง ศตรุ ฆนะนา
รีบเสด็จด่วนจร ล่วงหน้า
ขับม้ารีบบรรลุ ที่สถิต
ดาบสบ่มิช้า หยุดลง
๏ ตรงเฃ้าไปไหว้พระ มุนี
และแถลงแจ้งการณ์ หมดแล้ว
ดาบสก็ยินดี ต้อนรับ
ทั้งกระบวนพลแกล้ว ที่มา
๏ ดาบสเฃ้าสู่กุ ฎาคาร
ร่ายเวทวอนเทวา เลิดฤทธิ์
ขอโปรดจัดอาหาร เอมโอช
ทุกสิ่งก็ประสิทธิ์ เสร็จสม
๏ นมสดนมเปรี้ยวอีก เนยใส
รวงเต่งแห่งผึ้งเต็ม จุน้ำ
น้ำตาลรสชื่นใจ หวานฉ่ำ
ธัญญะขั้วเลิดล้ำ พิศวง
๏ ห้าองค์กษัตริย์ทั้ง บริพาร
พระมุนีท่านสั่ง ศิษย์เลี้ยง
อเนกโภชนาหาร ไป่ขาด แคลนเลย
บริบูรณทั่วเพี้ยง อยู่กรุง
๏ บำรุงด้วยโภชน์แล้ว ท่านจัด
ที่ผ่อนพักผทม เรียบร้อย
กระบวนก็บ่ขัด ที่พัก
จึ่งทุกผู้ใหญ่น้อย รมยา
๏ นอนราตรีหนึ่งแล้ว ลาจร
เดินต่อตามมรรคา ป่ากว้าง
จนถึงซึ่งสิงขร จิตรกูฎ
แลประเสริฐสุดสล้าง สลับศรี
๏ บัดนี้จึ่งแบ่งย้าย แยกกัน
เพื่อเที่ยวค้นหาที่ สำนัก
แห่งราฆพราชัน ทรงยศ
ใครพบพระทรงศักดิ์ บอกกัน
๏ อันพระภรตค้น ไป่นาน
พบที่พระอาศรม สถิตไท้
รีบเรียกศตรุฆน์ผ่าน ไพรด่วน
ไปเคารพนบไหว้ เชษฐา
๏ โศกาพลางกล่าวถ้อย ทำนูล
ถึงพระราชบิดา มอดม้วย
กรุงไร้นเรนทร์สูร ทรงรัช
เชิญเสด็จกลับด้วย อนุชา
๏ ราฆพทราบเหตุแล้ว กำสรวล
อัคเรศแลลักษมัณ ร่ำไห้
ทั้งสามก็คร่ำครวญ แสนโศก
ถึงทศรถไท้ เทอดธรรม์
๏ สุมันตร์ผู้ใหญ่ได้ ตามไป ด้วยแล
จึ่งปลอบห้ากษัตริย์พอ ดับโศก
แล้วทูลแนะนำให้ ทำศราท ธพรตนา
อุทิศแด่จอมโลก ดั่งควร
๏ ชวนกันสู่ฝั่งน้ำ ใสสอาด
จึ่งพระราฆพลง สู่น้ำ
ทำกิจพิธีศราท ธะพรต
สัมฤทธิ์กิจอย่างล้ำ เลิดดี [๕๑]
๏ บัดนี้ราฆพเจ้า จึ่งพา
พระมเหษีอีก พระน้อง
กลับคืนสู่พระอา ศรมสถิต
ประทับพักณห้อง กุฎสบาย
๏ ฝ่ายพระวสิษฐ์ผู้ ทรงพรต
ทราบที่สถิตรา ฆพแล้ว
เชิญสามอัคเรศจรค ไปสู่
ที่พระอาศรมแผ้ว ผ่องงาม
๏ พระรามก็ต้อนรับ ตามควร
ต่างเมื่อเห็นที่รัก ร่ำไห้
ต่างองค์ต่างก็ครวญ คร่ำบ่น
ถึงทศรถไท้ ฦๅสาย
๏ พอวายความโศกแล้ว ภรต
จึ่งกราบทูลพระรา ฆพเจ้า
อัญเชิญพระทรงยศ เสด็จกลับ
เปนกษัตริย์ผ่านเกล้า อยุธยา
๏ แต่พระราฆพนั้น คงขัด อยู่แล
ใครจะทูลเท่าใด แด่ไท้
ก็คงมุงรักษ์สัตย์ บิตุราช
พระลั่นวาจาไว้ ไป่คืน
๏ พระยืนคำเช่นนี้ ภรต
จึ่งหยิบรองพระบาท เครื่องต้น
ขอองค์พระยิ่งยศ ทรงหน่อย หนึ่งเทอญ
เพื่อสวัสดีเลิดล้น ต่อไป
๏ จะได้ประดิษฐไว้ ด้วยดี
บนภัทระบิฐแทน นาถไท้
ยามสั่งกิจกรณีย์ ก็จะ
ได้กราบบังคมไหว้ ทุกครา
๏ ราฆพฟังน้องกล่าว ทูลองค์
เห็นว่าจะขัดคำ ก็ผิด
รับรองพระบาททรง ครู่หนึ่ง
พอสิทธิสมจิต อนุชา
๏ ครานั้นภรตก้ม เกศกราน
แล้วถอดรองพระบาท เชิดไว้
เหนือเศียรกล่าวสาบาล ต่อพักตร์
ดาบสอันที่ได้ พร้อมมา
๏ ว่าฃ้าภรตผู้ ภักดี
ในพระบาทบรม นาถเจ้า
รามราฆพจอมศรี อยุธเยศ
จักรพรรดิผ่านเผ้า โกศล
๏ กมลมั่นอยู่เผื้อ ปกครอง
ทวยราษฎร์พศกแทน ท่านไท้
ขอเดชะฉลอง พระบาท
ดลจิตฃ้าบาทให้ เที่ยงธรรม
๏ จบคำแล้วกราบไหว้ ทูลลา
พาพระแม่สามองค์ กลับด้าว
ยกรองพระบาทรา ชะเชษฐ
ทูลเกศแล้วเดินก้าว ประทักษิณ
๏ รามินทร์ประสาทให้ พระพร
แด่พระภรตน้อง ท่านแล้ว
ภรตธก็จร ไปสู่
ที่พญาช้างแก้ว หมอบคอย
๏ ค่อยวางรองพระบาท บนเกศ คชแล
ให้พนักงานผูก มั่นไว้
แล้วภรตทรงเดช จึ่งตรัส
เชิญพระแม่สามให้ คืนกรุง
๏ มุ่งตรงสู่นิเวศน์ วังใน
และส่งถึงตำหนัก เสร็จแล้ว
ทูลลาพระแม่ไคล คลาจาก
กรุงอโยธยาแก้ว ฉับพลัน
๏ ครั้นถึงซึ่งถิ่นต้น มรรคา
มีชื่อนันทิคราม ปรากฎ
ตรัสเรียกพศกมา พร้อมอยู่
แล้วพระจึ่งกล่าวพจน์ แด่เฃา
๏ ตัวเรารับพระราช โองการ
เชิญฉลองพระบาท คู่นี้
มาแทนพระผู้ผ่าน แผ่นภพ
ทรงราชย์ดังแบบกี้ ก่อนมา
๏ กิจจาเราประศาสน์ เสร็จสรรพ์
ก็จะสั่งเหมือนฃ้า บาทไท้
ดังนี้จุ่งพร้อมกัน เคารพ
รองพระบาทนี่ไซร้ แทนองค์
๏ ทรงวางรองพระบาท บนบัล ลังก์แล
ใต้เศวตะฉัตร์กาง เพริดแพร้ว
แต่นั้นทุกๆ วัน ภรต
เฝ้าฉลองบาทแก้ว ยศยง
๏ องค์ภรตอีกทั้ง ศตรุ ฆนะแล
ทรงผนวชครองคา มุ่นเกศ
อีกทรงรักษาสุ ศีลวัตร์
คอยท่าพระทรงเดช เชษฐา ท่านนา ฯ [๕๒]

ร่าย

๏ อยู่มามิช้านาน คณาจารย์ตนหนึ่ง จึ่งได้ทูลเล่าความ แต่พระรามฤษี ว่ามีอสูรหนึ่ง ซึ่งมักชอบรังแก แผ่อำนาจรุกราญ ล้างกิจการพลี ของฤษีชีป่า บรรดาที่อาศัย ในเขตชนสถาน มารชื่อพญาขร ฤทธิรอนแขงขัน น้องทศกัณฐ์ราชา คณาจารย์เตือนไท้ ให้ระวังบังอร เพราะขุนขรร้ายกาจ อาจทำร้ายนางได้ แต่นั้นไซร้ราฆพ เคารพคำโยคี มีแต่คอยระวัง ตั้งจิตป้องกันภัย แต่หฤทัยไม่ช้า เบื่อพระอาศรมสถิต ที่จิตรกูฎนั้น เพราะทรงธรรม์บ่วาย หายคำนึงถึงครา พบทั้งห้ากษัตริย์ นึกขัดข้องหมองศรี ชวนเทวีสีดา อีกอนุชาคู่ใจ ไปเสียจากกุฎี จรลีดั้นดง ตรงไปยังกุฏิ แห่งอัตริมหา พราหมณ์ประชาบดี ไหว้โยคีองค์ขลัง ทั้งอนะสูยา ผู้โสภามหิษี มุนีและชายา เปรมปรีดาไม่น้อย กล่าวถ้อยคำสั่งสอน อีกอวยพรศรีสวัสดิ์ สามกษัตริย์ลาจร เฃ้าดงดอนเดินไป ในไม่ช้าก็พ้น แดนที่ชนอาศัย ดำเนินในไพรสาณฑ์ ภูบาลคอยระวัง ตั้งตามองเสมอ ไม่เผอเลอเหม่อเดิน ไม่เพลินชมนกไม้ ยามแรมไพรก็สอง พระพี่น้องผลัดกัน องค์หนึ่งบรรทมหลับ องค์หนึ่งรับตื่นอยู่ คอยดูเมื่อภัยพาล ดังนี้ผ่านป่าไป ได้หลายวันเรียบร้อย ปราศภัยทั้งใหญ่น้อย ปลอดสรรพ์ ฯ

โคลง ๔

๏ วันหนึ่งพระจึ่งได้ พบยักษ์
กายใหญ่ดังภูผา เด่นด้าว
เสียงดังอีกทั้งพักตร์ น่าเกลียด ยิ่งนา
นุ่งห่มหนังเสือห้าว เหิมรอน
๏ กรกุมหอกใหญ่ด้าม แทนคาน
คอนสัตว์ที่ตัวมัน ฆ่าได้
สามสิงห์สี่เสือหาญ สิบมฤค
หมาป่าอีกคู่ไซร้ ใส่แซม
๏ ยังแถมหัวคชพร้อม งาคง อยู่แฮ
เลือดหยดแปะๆตาม รอยบาท
พอแลพบสามองค์ เดินแต่ ไกลฤา
ยักษ์ก็ร้องตวาด ถามไป
๏ เหวยใครหนอหนุ่มน้อย บังอาจ
พาสัตรีผ่านมา ที่นี้
ตัวกูชื่อวิราธ เรืองฤทธิ์ [๕๓]
มึงอย่าคิดหลีกลี้ หลบเลย
๏ เฮ้ยกูนี้แหละชอบ กินพราหมณ์ นักฮา
มึงก็คงต้องเปน เหยื่อแท้
ส่วนนางวิไลยงาม ก็จะ
เปนคู่กูนี่แล้ เลิดงาม
๏ พระรามฟังก็กริ้ว ตรัสสั่ง
พระอนุชายิง ยักษ์ร้าย
ลักษมัณจับศรขลัง แผลงฉับ พลันแล
เร็วรวดรุมศรคล้าย ห่าฝน
๏ ชอบกลวิราธนั้น บ่ตาย
ดูดั่งกายหุ้มเกราะ เพ็ชร์ไว้
พระราฆพมุ่งหมาย ทรงช่วย
พระอนุชหน่อไท้ ฤทธิรงค์
๏ ทรงแผลงศรสาดซ้ำ ประหาร
แต่วิราชก็ยัง ไม่ม้วย
กลับวิ่งรี่มาราน รอนต่อ
รวบสองกษัตริย์ด้วย สองกร
๏ ทรงศรสองพี่น้อง ชักดาพ
ฟันแขนอสุรพลัน ขาดหวิ้น
ครานั้นจึ่งยักษ์หยาบ เจ็บยวด
ล้มกับแผ่นดินดิ้น ดักไป
๏ เหยียบไว้แน่นแล้วจึ่ง ราฆพ
สั่งอนุชขุดหลุม ใหญ่กว้าง
จะเอายักษ์ฝังกลบ กลางป่า
อาวุธมิอาจล้าง ชีพมัน
๏ บัดนั้นวิราธร้าย แลดู
องค์พระรามราฆพ ถนัดแล้ว
ด้วยเสียงอ่อนทุลภู วนาถ
อ้าพระวีระแก้ว สุริย์วงศ์
๏ ความหลงบังเนตร์ไว้ จึ่งฃ้า
บ่มิรู้จักองค์ ท่านไท้
พระคือพระรามรา ฆพเลิด
ใครจะสู้พระได้ ไป่มี
๏ ยินดีได้เฝ้าบาท ยุคล
เพราะกุเวรราชเธอ สาปไว้
ได้เฝ้าจึ่งให้พ้น โทษสาป
กลับสู่สวรรค์ได้ โดยมรณ
๏ ชาติก่อนเปนคนธรรพ หรรษา
บริวารกุเวร ราชเจ้า
ฃ้าลอบรักรัมภา โสภิต
เวสสะวัณทราบเค้า โกรธา
๏ สาปฃ้าเปนรากษส รูปทราม
ท่องเที่ยวอยู่ในดง ทัณฑัก
จนกว่าจะพบราม ราฆพ
พระฆ่าแล้วจึ่งจัก พ้นกรรม
๏ ฟังคำวิราธร้าย กราบทูล
ราฆพเร่งขุดหลุม ใหม่แล้ว
จึ่งฝังวิราธพูน ดินกลบ
ยักษ์ดับชีพและแผ้ว สาปพลัน ฯ

ร่าย

๏ ต่อนั้นจึ่งสามองค์ ดั้นดงเดินต่อไป ในหนึ่งโยชน์คณนา ก็ถึงอาศรมสถาน ที่สำราญฤดี แห่งมุนีผู้ขลัง คือศรภังค์ดาบส ทรงยศเห็นศักระ กับเทวะคณา มาพร้อมอยู่ที่นั้น แต่ครั้นเมื่อเฃ้าใกล้ ทวยเทพไซร้เหิรเห็ด เตร็จฟ้าไปเสียพลัน บัดนั้นสามกษัตริย์ จึ่งรีบรัดเฃ้าไป ไหว้ศรภังค์มุนี ฤษีปรีดานัก รับทรงศักดิ์และแถลง แจ้งเหตุที่เทวา มาอาศรมนั้นไซร้ ว่าได้มาเพื่อเชิญ เธอนั้นเหิรสู่สวรรค์ ชั้นพรหมอันสูงสุด เพราะวิมุติกิเลส วิเศษได้โดยฌาณ ท่านบอกมรรคาชัด เพื่อกษัตริย์เดินไป แล้วทันใดทูลลา คลาเฃ้าสู่กองเพลิง เถกิงแรงแสงฉาน ผลาญเผาองค์มุนี หมดอินทรีย์บ่นาน วิญญาณก็จรจู่ สู่พรหมโลกโดยพลัน [๕๔] ครานั้นพวกบริวาร เห็นอาจารย์มรณา ก็ต่างมาแวดล้อม ห้อมราฆพทรงศร ทูลวอนให้ทรงศักดิ์ อารักษ์ตนต่อไป ภูวนัยรับคำ พวกนักธรรมปรีดา พาสามองค์เสด็จ เตร็จต่อไปในดง ตรงสู่ที่อาศรม อันเปนรมณีย์ แห่งฤษีบรรฦๅ มีชื่อสุตีกษณะ [๕๕] พระราฆพจึ่งพา สีดาและลักษมัณ เฃ้าไปอัญชลี ฤษีชวนเธอให้ พักอยู่ในที่นั้น แต่ทรงธรรม์ขอลา ว่าอยากใคร่ชมดง อีกจำนงช่วยพราหมณ์ ปราบปรามรากษสหาญ ที่เที่ยวราญรุกร้าย ทำลายกิจพิธี ดังนี้แรมคืนหนึ่ง แล้วจึ่งลานักพรต จรดต่อในป่า ฝ่ายว่าคณพราหมณ์ ตามเสด็จไปด้วย ช่วยระวังดูภัย ดังนั้นไซร้สามองค์ เดินในดงทัณฑัก พักบางคราวกลางป่า บางคราพบอาศรม รมณีย์อาศัย แห่งชีไพรบางเหล่า ก็เฃ้าอาศัยบ้าง บางทีอยู่น้อยวัน บางแห่งนั้นสบาย ก็อยู่หลาย ๆ เดือน เปนเพื่อนพวกโยคี ดังนี้พราหมณ์คณะ อรัญญะวาสี พึ่งบารมีร่มเย็น เปนสุขทั่วกันหมด รากษสบ่อาจหาญ รุกรานรังแกเล่น เช่นที่เคยแต่ก่อน ภุธรเที่ยวอยู่ไป ในทัณฑักอรัญ จนเวลาล่วงไป ได้ถึงสิบพรรษา จึ่งเวียนมาที่เก่า เฃ้าอาศรมองค์พระ สุตีกษณะพราหมณ์ พระรามถามสิทธา ว่าองค์พระอคัสตย์ รัตนพรหมฤษี ที่สถิตหนไหน ฤษีไซร้จึ่งแจ้ง แถลงทางให้เดิน ไปสู่เนินบรรพต ที่ดาบสอยู่ยัง ดังนั้นสามกษัตรา ลาสุตีกษณ์ดั้นดง มุ่งตรงสู่อาศรม แห่งพระพรหมฤษี ถึงที่นี้ไป่ช้า เห็นกุฏิอยู่หน้า เนินงาม ฯ

โคลง ๓

๏ บัดนั้นสามกษัตริย์ รีบรัดไปนอบเกล้า
กราบอคัสตยะเจ้า ฤษี ฯ [๕๖]

โคลง ๔

๏ มุนีต้อนรับด้วย เต็มใจ
สรรพโภชนาหาร จัดเลี้ยง
ผลาผลที่ใน แนวป่า
เอมโอชรสเลิดเพี้ยง แต่งปรุง
๏ มุ่งจิตคิดรักไท้ รามราช
หวังช่วยเธอบำราบ รากษส
ฤษีจึ่งประสาท อาวุธ
วิเศษสุดสมยศ เกียรติฦๅ
๏ หนึ่งคือธนูแก้ว แกมกาญจน์
ซึ่งวิศวกรรมา แต่งแล้ว
ถวายวิษณุชาญ ชัยสิทธิ์
เพื่อปราบรากษสแกล้ว กาจไกร
๏ หนึ่งให้พรหมาสตร์เอก ศรศักดิ์
อีกแร่งอันบ่มี พร่องได้
อีกแสงดาพเอกฝัก กุดั่น
ประสาทพรพร้อมให้ ชัยศรี
๏ ยินดีรับเสร็จแล้ว พระราม
กราบพระดาบสโดย เรียบร้อย
ประนมพระหัดถ์ถาม ถึงที่
พอปลูกอาศรมน้อย เนาศานต์
อาจารย์ตอบถ้อยพระ ภูมี
ว่ารูปเห็นที่ควร วิเวก
คือปัญจะวฏี ริมฝั่ง
แห่งนทีนามเอก โคทา
๏ ราฆพลาเจ้า ฤษี
เดินต่อไปในดง ทัณฑก
ใกล้ปัญจะวฏี ที่มุ่ง ไปนา
พระจึ่งแลเห็นนก มหิมา
๏ พญาวิหคนั้น ทูลความ
ว่าดนูเปนมิตร์ บิตุราช
ฃ้านี้แหละมีนาม ชฎายุ [๕๗]
ประเสริฐในเชื้อชาติ เวนไตย
๏ เพราะได้เปนมิตร์ท้าว ทศรถ
ฃ้าก็อยากเปนมิตร์ ลูกไท้
คราใดพระทรงยศ มีกิจ
ฃ้าก็จะช่วยให้ สมถวิล
๏ ยินดีราฆพตอบ ขอบใจ
แล้วก็ลานกจร ไปถับ
ถึงธารนทีใส สีสอาด
จึ่งเลือกที่ประทับ ต่อไป
๏ ให้พระอนุชปลูก อาศรม
เลือกที่อันเหมาะใน ร่มไม้
ดูน่าเสวยรมย์ วิเวก
สามกษัตริย์อยู่ได้ กลางพน นั่นแล ฯ

ร่าย

๏ อนุสนธิ์ข้อความ ตามมีในดำนาน มีนางมารตนหนึ่ง ซึ่งหยาบช้าแสนทราม นามศูรปะนฃา น้องราชาทศกัณฐ์ ผายผันผ่านอาศรม ที่รมณียะ แห่งพระราฆพไซร้ ได้เห็นรูปเรืองรอง ของพระรามฤทธิ์ ยักษิณีนึกรัก ชมทรงศักดิ์แต่ไกล ไม่พอใจใคร่เฝ้า จึ่งเฃ้าสู่อาศรม บังคมทูลปราไสย ไท้ก็ตอบโดยดี ยักษีอภิปราย โดยหมดอายแก่ใจ ขอให้พระสุริยวงศ์ ทรงรับตนไว้เปน เช่นชายาเคียงคู่ ภูธรตอบเชิงเย้า ว่าเรามีภรรยา มาอยู่ด้วยที่นี้ มิควรที่รับรอง นางเนื้อทองผ่องพรรณ แต่ลักษมัณน้องยา มาผู้เดียวเปลี่ยวใจ แม้ได้ชิดเชยเจ้า เหมาะไม่เบาแน่นา นางอสุราฟังท่าน คลานไปเฝ้าลักษมัณ พลันกล่าวคำเล้าโลม ชมโฉมงามเฉิดฉาย แล้วถวายตัวฉับ ขอพระรับเปนคู่ พระลักษมณ์ผู้ช่างตรัส จึ่งตอบขัดข้องไป ว่าฃ้าไซร้เปนทาส รองบาทพระเชษฐา กัลยาจะพลอย ต้อยต่ำศักดิ์ด้วยฃ้า ถ้าให้ดีควรเปน เช่นชายาองค์ใหม่ ในพระรามและดี ยักษิณีกลับไป เฝ้าทรงชัยราฆพ ประจบและทูลง้อ ขอให้ทิ้งสีดา แต่ราฆพกล่าวขัด แน่ชัดไม่ยินดี ยักษิณีแสนโกรธ ทลึ่งโลดไปทาง นางสีดาตบตี เทวีซวนซบ สลบลงโดยพลัน ครานั้นราฆพราช กริ้วยักษ์กาจหนักหนา สั่งอนุชาให้พลัน ลงโทษมันจงหนัก ลักษมัณรับบัญชา มาหยิบดาพโดยพลัน ฟาดฟันเฉี่ยวไปถูก จมูกหูนางยักษ์ นางอัประลักษณ์ร้องลั่น พลันหนีไปบ่ช้า ร้องอึงประหนึ่งบ้า ตลอดทาง ฯ

โคลง ๓

๏ นางถึงชนะสถาน ก็ลนลานรีบเฃ้า
ไปถับถึงที่เฝ้า เชษฐา ฯ

โคลง ๔

๏ พญาขรฤทธิ์ร่าย แลเห็น
ศูรปะนะฃามา ร่ำไห้
ตรัสถามว่าน้องเปน ไรจึ่ง
โลหิตแปดเปื้อนไล้ จมูกหู
๏ ทูลภูธรด้วยพจน์ มุสา
ว่าถูกรามและลักษณ์ พี่น้อง
รังแกและพูดจา หยามหยาบ เกี้ยวแฮ
เพราะมิปลงจิตต้อง ถูกฟัน
๏ ดังนั้นจงช่วยน้อง แก้เผ็ด
หาไม่มนุษจะ กำเริบ
ต้องทำเพื่อฃามเข็ด ฤทธิ์ยักษ์
มันจะได้ไม่เอิบ อิ่มใจ
๏ ขรใช้สิบสี่ยักษ์ เสนี
ไปเพื่อแก้แค้นแทน พระน้อง
ให้ลงโทษฤษี บังอาจ
แม้ต่อสู้ก็ต้อง ประหาร
๏ นางมารพายักษ์สิบ สี่ตน
ไปที่พระราฆพ ธสถิต
พอรุกเพื่อจะรณ รอนท่าน
ราฆพยิงศรปลิด ชีพมลาย
๏ นางร้ายรีบกลับเฝ้า ขุนขร
ทูลแถลงแจ้งเหตุ ที่แพ้
และเร้าเร่งให้จร ไปรบ
เพื่อจะได้รับแก้ แค้นพลัน
๏ กุมภัณฑ์ถูกน้องยั่ว ยวนจิต
จึ่งสั่งเกณฑ์กองทัพ อะคร้าว
พลหมื่นสี่พันฤทธิ์ แรงรบ
โห่ลั่นสนั่นด้าว พนา
๏ พญาทูษณะน้อง ขุนขร
รับน่าที่ขุนพล ทัพหน้า
ตรีเศียรฤทธิรอน ผู้ช่วย
คุมทัพเดินไป่ช้า ถับถึง
๏ จึ่งให้พลล้อมรอบ อาศรม
แล้วพญาทูษณ์จึ่ง กล่าวท้า
ฝ่ายพระนโรดม ยินศัพท์
ก็เสด็จออกหน้า กุฎี
๏ ภูมีแผลงเดชน์ล้ำ เลิดฤทธิ์
ไปประหารพวกพล วอดสิ้น
แล้วแผลงซึ่งศรสิทธิ์ ยิงแม่น
ถูกพญาทูษณ์ดิ้น ดับขันธ์
๏ พลันตรีเศียรไล่ต้อน พลมาร
เฃ้าปะทะอีกแทน ที่ม้วย
พระราฆพก็ผลาญ มอดหมด
แม่ทัพก็ตายด้วย ในสมร
๏ ขุนขรเห็นทัพหน้า กระจาย
กริ้วโกรธดังอัคคี พลุ่งไหม้
ต้อนพยุห์พลกาย ราญรุก
สั่งจับรามจงได้ ทั้งเปน
๏ เห็นยักษ์ยกมากเฃ้า รานรอน
ราฆพก็ทรงปืน ผาดเปรี้ยง
ถูกรถพญาขร ขับขี่
พินาศบัดนั้นเพี้ยง อสุนี
๏ บัดนี้ขุนยักษ์ร้าย ดุ่มมา
แกว่งคทาเพ็ชร์สุด สามารถ
หวังสู้รบกับรา ฆพราช
ตัวต่อตัวโดยกาจ เก่งไกร
๏ ทรงชัยทรงชักเดชน์ พรหมาสตร์
พาดพิษณุธนู เหนี่ยวน้าว
เล็งเหมาะพระก็ผาด แผลงลิ่ว
ไปปักกลางอกท้าว ขรพาล
๏ ขุนมารก็ล้มแทบ ดินดอน
พิษศรดังพิษเพลิง สุดกาจ
โดยด่วนจึ่งขุนขร มลายชีพ
อยู่ท่ามกลางศพกลาด เกลื่อนวัน
๏ ครานั้นทวยเทพพร้อม ได้เห็น
ขรทูษณ์และตรีเศียร มอดม้วย
ก็เปรมกมลเปน ที่สุด
พร้อมส่งเสียงชมด้วย คำฉันท์
๏ ชวนกันพร้อมจิตฟ้อน รำงาม
โปรยทิพยบุบผา เกลื่อนด้าว
ชมฤทธิ์แห่งพระราม สามารถ
ปราบอสูรแสนห้าว หมดมลาย
๏ ฝ่ายว่าคุณเจ้า ฤษี
ทราบข่าวว่าขุนขร มอดม้วย
ไปเชิญพระมุนี อคัสตย์
นำคณไปด้วย ฉับพลัน
๏ พร้อมกันไปเฝ้าพระ ราฆพ
กล่าวพจน์โมทนา แด่ไท้
แต่นี้จะประสบ ศานติ
กอบกิจยัญญะได้ สุขสบาย ทั่วนา ฯ

โคลง ๓

๏ มีหนึ่งนายกุมภัณฑ์ อกัมปันชื่ออ้าง
ยามขรถูกมล้าง ชีพมรณ
๏ หนีจากสมรรอด เล็ดลอดพ้นไม่ช้า
แล้วจึ่งขึ้นสู่ฟ้า เหาะตรง
๏ ยังลงกานคร รีบร้อนสู่ที่เฝ้า
ทศเศียรราชเจ้า ลงกา ฯ

โคลง ๒

๏ ทูลกิจจาแด่ไท้ ทุกสิ่งตามที่ได้
เกิดการณ์ ฯ  

ร่าย

๏ ขุนมารราพณาสูร ฟังคำทูลเมื่อนั้น ก็พลันกริ้วโกรธา ตรัสว่าต้องแก้แค้น แทนพระน้องจงได้ แท้จริงใจขุนยักษ ผู้มักมากในกาม ฟังความเล่าถึงนาง ผู้สรรพางค์พิไลย อยากใคร่ครองสีดา จึ่งบัญชาทันที สั่งสารถีผูกรัด จัดเตรียมล่อเลอสรร [๕๘] ครั้นรุ่งแสงอุษา จากลงการีบจร ดั้นอัมพรตะบึง ยังซึ่งอาศรมสถาน ที่สำราญรมยา แห่งมารีจฦๅยศ โอรสตาฑะกา ซึ่งมาผนวชแต่ เมื่อพ่ายแพ้พระราม ตามที่ได้เล่ามา เจ้าลงกาเฃ้าไป ไหว้มารีจเชิญช่วย ด้วยในการแก้แค้น แทนทูษณ์ขรที่ตาย บอกอุบายคิดว่า จะลักพานางงาม เมียพระรามจากกัน เพื่อลงทัณฑ์สาใจ มารีจได้สดับ สรรเสร็จเรื่องบรรยาย ทูลฦๅสายสิบพักตร์ ว่าทรงศักดิ์เชื่อเถิด จะเกิดการราญร้าว พลอยให้ชาวลงกา ทั่วอาณาจักร์ร้อน คิดดูก่อนจงดี พระรามนี้สำคัญ แขงขันเชิงชิงชัย กษัตริย์ในโลกนี้ บ่ได้มีเทียมเท่า เขานั้นแสนสามารถ อาตมะเคยเข็ดขาม ฤทธิ์พระรามวีระ อันจะลักเมียเฃา เท่ากับยั่วเฃาตาม ทำสงครามยุทธ์แย้ง แย่งชายาคืนไป อันนางในลงกา รูปโสภาหน้านวล มากมวลมีแล้วไซร้ ท้าวไทจงกลับเวียง เลือกเนียงชมสมจิต สนิทร่วมเสนหา รมยาไร้ภยัน ทศกัณฐ์ฟังคำ มารีจร่ำเตือนจิต คิดเห็นชอบหนักหนา จึ่งลากลับกรุงไกร ไม่คิดทำเช่นหมาย ฝ่ายศุูรปะนฃา เห็นเชษฐาทูษณ์ขร ม้วยมรณด้วยศรราม ก็เหาะฃ้ามสมุท รีบรุดสู่ลงกา มาถึงพระโรงคัล พลันเฃ้าเฝ้าขุนราพณ์ กราบทูลความทุกข้อ แสร้งกล่าวพ้อพาที เพื่อให้มีมานะ อีกรู้พระหฤทัย ว่าฝักใฝ่ทางกาม จึ่งใขความชมโฉม น่าประโลมลานแล แห่งหม่อมแม่สีดา นางยักษาเจ้าเล่ห์ เสรแสร้งใช้อุบาย โยกย้ายคำเจรจา ว่าพ้อบ้างยั่วบ้าง พลางชมนางน่ารัก จนจอมจักร์ลงกา แสนละล้าละลัง ยิ่งฟังยิงนึกแค้น อีกแสนใคร่ใฝ่ครอง นางเนื้อทองโสภา จึ่งบัญชาสั่งไป ให้ผูกรถอีกครั้ง ขี่ไปยังกุฎี ที่อยู่มารีจนั้น แล้วพลันเฃ้าไปหา แจ้งกิจจาขอช่วย ด้วยในการปราบปราม พระรามและอนุชา อีกเพื่อพาเมียเฃา เฃ้ามาสู่กรุงไกร มารีจได้ทราบความ ห้ามขุนมารอีกครั้ง เธอบ่ฟังกลับโกรธ พิโรธแรงนักหนา ว่าจะฆ่าให้หมด พวกขบถทั้งวงศ์ องค์มารีจฟังตรัส ครั้นจะขัดต่อไป ภัยจะถึงครอบครัว ทั้งตัวจะพินาศ จึ่งตอบราชบรรหาร ว่าภูบาลจะใช้ ฉันใดก็จะยอม พร้อมเพื่อรับบัญชา พญาราพณ์แถลง แจ้งอุบายคิดไว้ ให้มารีจแปลงกาย เปนกวางฉายเฉิดงาม เดินไปตามในป่า หน้าพระอาศรมพอ ล่อตายั่วยวนใจ ให้อรไทยจำนง ประสงค์กวางทองนั้น แล้วให้พลันรีบหนี รี่นำรามเฃ้าป่า ไกลจากอาศรมศรี นอกนี้ตัวขุนมาร จะทำการต่อไป มารีจได้สดับ รับบัญชาแล้วทูล จอมอสูรว่าฃ้า รู้แน่ว่ากิจนี้ อันผลดีคงไร้ จะได้แต่ผลร้าย ฃ้าคงตายด้วยมือ พระผู้ฦๅเกียรติไกร ราฆพไซร้สามารถ ปานยมราชแรงหาญ พระคงผลาญชีวา พระราชาแน่แท้ แต่จะขัดก็เห็น ไม่เปนผลยันใด ฃ้ายอมไปป่าด้วย ช่วยพระองค์ตามที่ มีปัญญาสามารถ อสูรราชรื่นรมย์ ชมมารีจมากมาย ว่าเปนชายชาญเลิด ประเสริฐล้ำอสุรา แล้วพาไปขึ้นรถ จรดล่องเวหน ด้นสู่ดงทัณฑัก เห็นสำนักทรงพรต เลื่อนรถลงป่ากว้าง บ่มิไกลจากฃ้าง กุฎี นั่นแล ฯ

โคลง ๒

๏ ภูมีจึ่งสั่งให้ พญามารีจไซร้
แปลงกาย  
๏ เดินกรายไปแทบหน้า อาศรมนั้นเถิดฃ้า
จะตาม ไปนอ ฯ  

โคลง ๓

๏ นึกคร้ามในดวงจิต มารีจคิดอัดอึ้ง
ครั้นขัดก็จะขึ้ง ขัดใจ
๏ แต่ไปคงไม่รอด ปลอดกลับมาแน่แท้
แขงจิตจำจิตแล้ ร่ายมนตร์ ฯ

โคลง ๔

๏ สกนธ์กลายจากรูป ยักษา
เปนสุวรรณมฤค เลิดแล้ว
ปลายเฃากอบรัตนา นิลเอก
ที่พักตร์ดำด่างแพร้ว ปนฃาว
๏ พรายพราวพยับแก้ว แต่งกรรณ
ปิหรูดแกมทับทิม พิลาศ
สร้อยคอรัตนะพรรณ แพรวเพริด
หนังเรื่อปะทุมชาติ จับตา
๏ ยาตราผ่านหน้าพระ อาศรม
ชายเนตร์ดังนางงาม แช่มช้อย
สีดาสบเนตร์ชม ชอบจิต
นางจึ่งกราบกล่าวถ้อย ทูลไป
๏ แม้ไท้ยังโปรดเกล้า หม่อมฉัน
ขอประทานกวางทอง เอกแล้
แต่องค์พระลักษมัณ ทูลขัด
นี่มิใช่กวางแท้ ธรรมดา
๏ เกรงว่ารากษสแสร้ง แปลงกาย
มาล่อลวงให้หลง เล่ห์แล้ว
จะก่อเหตุแรงร้าย เปนแน่
ขืนจับจะไม่แคล้ว คลาดภัย
๏ แต่ใจนางแก้วสุด ไหลหลง
จึ่งมิยอมฟังคำ พระน้อง
เผ้าทูลออดแด่องค์ พระภัส ดาแล
ขอมฤคทองที่ต้อง ประสงค์
๏ องค์พระราฆพเจ้า เหลือขัด
จึ่งฝากสีดากับ อนุช
จับอาวุธคู่หัดถ์ โดยด่วน
แล้วเสด็จรีบรุด ไล่กวาง
๏ ไปกลางดงใหญ่แล้ว จึ่งทัน
ราฆพก็แผลงศร ถูกต้อง
บัดนี้จึ่งกุมภัณฑ์ เจ้าเล่ห์
ส่งศัพท์เสียงโรทร้อง หวนโหย
๏ โอยช่วยด้วยเถิดเจ้า สีดา
ช่วยพี่เถิดลักษมัณ พี่ม้วย
เสียงเหมือนพระรามรา ฆพเรียก
แล้วดับชีวิตด้วย พิษศร
๏ ม้วยมรณรูปมฤคนั้น พลันหาย
กลายกลับเปนอสูร ศพกลิ้ง
รามจึ่งทราบอุบาย ยักษ์หลอก
พระเสด็จรีบทิ้ง ศพไป
๏ เฃ้าในดงนั้นเพื่อ หากวาง
อีกหนึ่งซึ่งยิงแทน เสร็จได้
หวังนำเพื่อให้นาง แทนมฤค ปลอมแล
รีบกลับนำมฤคให้ โฉมฉาย
๏ ฝ่ายนวลนาเรศแก้ว สีดา
ยินศัพท์สำเนียงมาร เรียกร้อง
มิรู้ว่ามายา ลวงหลอก
จึ่งตรัสเร่งพระน้อง รีบไป
๏ ไวๆไปช่วยพระ เชษฐา
ครั้นพระลักษมณ์กราบทูล ทัดไว้
นางก็กลับโกรธา พ้อตัด
จนลักษมณ์ทนมิได้ จำลา
๏ ครานั้นจึ่งท้าวราพณ์ ฤทธิแรง
เห็นเหมาะแล้วว่ามี โอกาศ
จึ่งร่ายเวทจำแลง กายะ
เปนฤษีลีลาศ เฃ้าไป
๏ ทรามวัยก็ต้อนรับ โดยดี
ขุนราพณ์ยิ่งดูนาง ยิ่งรัก
กล่าวชวนมิ่งนารี นงรัตน
ไปถิ่นประเทศยักษ์ ด้วยกัน
๏ แจ่มจันทร์หลากจิตตอบ วาจา
ใยพระมุนีกล่าว เช่นนี้
เปนพราหมณ์บ่ควรมา เปนสื่อ
ชวนชักเมียให้ลี้ จากผัว
๏ จะมัวพูดอ้อมอีก ต่อไป
เกรงจะเสียท่วงที แน่แท้
ขุนราพณ์จึ่งกล่าวใข ความสัตย์
ว่าดนูนี้แล้ ราพณ์ขลัง
๏ เพราะหวังเปนคู่น้อง เสนหา
จึ่งอุส่าห์มาจาก แว่นแคว้น
ขอเชิญชื่นใจมา ด้วยพี่ เถิดแม่
คงจะเปนสุขแม้น ไปสวรรค์
๏ แจ่มจันทร์พลันกล่าวถ้อย ตัดรอน
บ่มิยอมไปกับ ขุนยักษ์
เมื่อองค์พระทรงศร ทรงทราบ
คงเผด็จผู้ลัก มหิษี
๏ บัดนี้จึ่งราพณ์ร่าย ขัดใจ
กรตวัดกัลยา โอบอุ้ม
ออกจากกุฎีไป โดยด่วน
ไปสู่แห่งที่สุ้ม รถทรง
๏ อุ้มองค์อัคเรศขึ้น รถพลัน
แล้วขับขึ้นตรงสู่ ฟากฟ้า
แล่นลิ่วละล่องผัน อากาศ
มุ่งสู่ลงกาหล้า แหล่งมาร
๏ ผ่านต้นไม้ใหญ่ล้ำ ในดง
ที่ชฎายุหาญ อยู่ไซร้
สีดานิ่มอนงค์ เรียกนก
อ้ามิตร์ช่วยลูกให้ พ้นภัย
๏ นกใหญ่ยินศัพท์แล้ว บินมา
ร้องทักราพณ์ว่าเออ พระน้อง
ฉันใดเล่าจึ่งพา เมียมิตร์ ไปฮือ
ทำผิดแล้วจะต้อง ส่งคืน
๏ ขัดขืนจะต้องขัด ใจกัน
มาส่งสีดามา อย่าช้า
แต่ท้าวราพณ์โมหัน หาญตอบ
ถ้อยหยาบเปนเชิงท้า ฤทธี
๏ ปักษีพิโรธเพี้ยง เพลิงผลาญ
บินรี่เฃ้าโจมรถ ราพณ์ร้าย
ต่างฝ่ายต่างแรงหาญ ประหัด
เสียงสนั่นลั่นคล้าย ลมแรง
๏ ยุทธ์แย้งสามารถทั้ง สองรา
ที่สุดขุนมารชัก ดาพแก้ว
ฟันถูกปีกชฎา ยุฃาด
หล่นแทบแผ่นดินแล้ว สลบไป
๏ มีชัยแล้วราพณ์ดั้น เวหา
เร็วรีบสู่นคร อะคร้าว
นางสิ้นสุดปัญญา ที่จะ
พ้นจากเงื้อมมือท้าว ทศกัณฐ์
๏ ดังนั้นนางจึ่งเปลื้อง อาภรณ
ทีละสิ่งทิ้งลง พิภพ
เผื่อว่าพระทรงศร ตามติด
พระอาจได้ประสบ สิ่งของ
๏ สมปองถึงแล้วที่ ลงกา
ทศกัณฐ์เฝ้ากล่าว พจน์เกี้ยว
นางบ่มินำพา สักนิด หนึ่งเลย
ใยจะพูดลดเลี้ยว ไป่ฟัง
๏ จะขังนาเรศไว้ ในวัง
เกรงจะหมองนวลเพราะ วิโยค
ท้าวราพณ์จึ่งตรัสสั่ง ให้จัด
ให้อยู่สวนอโศก นอกเวียง
๏ จัดเนียงรากษสให้ อยู่คุม
ให้คิดหาโอกาศ ค่ำเช้า
ช่วยกันนั่งล้อมรุม โลมจิต
ให้รักองค์พระเจ้า ลงกา
๏ สีดาพิลาปเพราะ วิโยค
จำพรากจากสวามี อยู่เกศ
อยู่สวนชื่ออโศก โศกห่อน หายเลย
จนอ่อนใจอัคเรศ เพราะศัลย์
๏ ครานั้นเทวะเจ้า พรหมา
ทรงทราบเหตุทั้งปวง ทั่วด้าว
วิตกว่าสีดา จะดับ ชีพนอ
จึ่งตรัสใช้ท่านท้าว อมรินทร์
๏ ไปถิ่นทวีปแคว้น ลงกา
นำทิพยะภักษา ประเสริฐ
ไปให้แม่สีดา บริโภค
พอช่วยนงลักษณ์เชิด ชีพคง
๏ องค์อินทร์ถึงแล้วจึ่ง สกดยักษ์ หลับแฮ
นำทิพยะภักษา ส่งให้
สีดานิ่มนงลักษณ์ เสวยเสร็จ
จึ่งค่อยส่างโศกได้ ชั่วคราว หนึ่งนา ฯ

ร่าย

๏ กลับกล่าวถึงพระราม ตามกวางไปจนฆ่า มารีจได้สำเร็จ รีบเสด็จย้อนทาง มาในกลางดงใหญ่ หฤทัยไม่ผ่อง ตรองถึงกลอุบาย แห่งยักษ์ร้ายแสร้งทำ จำต้องรีบกลับพลัน ครั้นดำเนินไม่ช้า พบอนุชากลางทาง ต่างถามข่าวแก่กัน ลักษมัณแถลงเหตุ ติทรงเดชอนุชา ว่าไม่ควรทอดทิ้ง มิ่งมหิษีไว้ แล้วรีบไคลคลากลับ ถับถึงอาศรมสถาน เรียกเยาวมาลย์ยาใจ ไม่เห็นนางออกมา เฃ้าค้นหาไม่พบ ราพก็แสนโศก วิโยคมหิษี ภูมีร่ำพิไร ถึงอรไทยเสนหา สั่งอนุชาไปยัง ฝั่งโคทาวารี เผื่อเทวีจะใฝ่ ไปเก็บบัวริมฝั่ง ดังนั้นอนุชา รีบไปหาทรามวัย บ่ได้พบนางแก้ว หาทั่วทุกถิ่นแล้ว ไป่เห็นนางเลย ฯ

โคลง ๔

๏ เช่นนั้นราฆพเจ้า โศกา
ธเสด็จไปยัง ฝั่งน้ำ
ส่งศัพท์เรียกสีดา ทรามสวาท
อ้าแม่เมียมิ่งล้ำ อยู่ไหน
๏ ฉันใดแม่น้ำพระ โคทา
จึ่งบ่ตอบคำถาม สักน้อย
หากชนกถามหา พระลูก ท่านฤา
ฃ้าจะทูลตอบถ้อย ฉันใด
๏ อยู่ไหนนางผู้เลิด ภักดี
ตามภัสดายามถูก นิรเทศ
ผัวเปนแต่ฤษี ชีป่า
นางก็ตามสู่เขต อะรัญ
๏ อันตูฃ้าไร้ญาติ และมิตร์
ยังกลับเสียเมียรัก อีกซ้ำ
โอ้นอนจะนอนคิด ถึงมิ่ง เมียเอย
ตลอดคืนจะน้ำ ตาพรู
๏ ดนูขอเที่ยวค้น เทวี
ทั่วเขตชนะสถาน ใหญ่กว้าง
ทั่วทุกโขดคีรี สูงต่ำ
ทุกถิ่นธารท่อน้ำ หลั่งริน
๏ ผินพักตร์พบมฤคอยู่ ริมธา ราแล
ราฆพก็ตรัสถาม หมู่เนื้อ
เพื่อนบอกหน่อยสีดา หล่อนอยู่ ไหนนอ
บอกหน่อยนงอะเคื้อ อยู่ไหน
๏ เนื้อไพรก็ลุกขึ้น พร้อมกัน
แหงนพักตร์และตามอง ทิศใต้
จึ่งสองกษัตริย์ผัน พักตร์สู่
ทิศทักษิณนั้นไซร้ บทจร
๏ ภูุธรพลางโศกไห้ โหยครวญ
ถึงอนงค์ชายา คู่จิต
เห็นใดก็ล้วนชวน ให้โศก
ทุกสิ่งชวนให้คิด ถึงนาง
๏ กลางทางพบซึ่งแก้ว แหวนทรง
ต่างพระกรรณกำไล กอบแก้ว
ของที่นิ่มอนงค์ ทิ้งหล่น
พระเก็บของขึ้นแล้ว กำสรวล
๏ คลายครวญราฆพเกิด โกรธา
จับพระแสงศรเตรียม มั่นไว้
หากไม่พบสีดา ดวงจิต
เอาเถิดคงจะได้ เห็นกัน
๏ อันภพนี้หากไร้ ดวงสมร
เหมือนหมดสิ่งดีเหลือ แต่กาก
ตัวเราจะแผลงศร พรหมาสตร์
ล้างโลกนี้ให้คราก ครืนสลาย
๏ ฦๅสายตรัสแล้วจึ่ง ลักษมัณ
ทุลว่าอ้าพระผู้ ผ่านเกล้า
พระเคยเมตตาสรร พะสัตว์
โปรดดับพิโรธเร้า หัทยา
๏ อย่าให้บาปซึ่งผู้ เดียวทำ
เปนเหตุผจนตรี โลกแล้
อันผู้ที่ก่อกรรม ประทุษ
นั่นแหละควรกริ้วแท้ ถูกทาง
๏ หานางวิสุทธิ์ผู้ ชายา
จงทั่วธรณี อย่าเว้น
แล้วจับซึ่งคนพา ละชั่ว
ทำโทษสาหัสเค้น ฆ่าฟัน
๏ ทรงธรรม์ฟังพระน้อง กราบทูล
ได้พระสติดับ โทษะ
แล้วจึ่งนเรนทร์สูร เดินต่อ
ค้นทั่วบ่ลดละ ถิ่นใด
๏ ค้นในทุกถ้ำทุก หูบผา
ค้นทุกลำละหาน น่านน้ำ
ค้นทุกพุ่มพฤกษา ใบดก
ค้นป่าค้นดงซ้ำ ทั่วไพร ฯ

โคลง ๓

๏ จึ่งไปพบพญา ชฎายุดักดิ้น
เลือดเลอะเปรอะเกือบสิ้น ชีวา
๏ ราฆพรีบหามิตร์ ทรงฤทธิ์ถามเพื่อนไซร้
เกิดเหตุใครจุ่งได้ บอกมา
๏ ปักษาทูลแถลง แจ้งเหตุที่รบเร้า
หวังชิงพระแม่เจ้า จากมาร
๏ ยักษ์พาลตัดปีกจึ่ง ตกลงถึงแผ่นหล้า
แล้วราพณ์ก็บ่ายหน้า เหาะหนี
๏ ปักษีทูลทำนาย ว่าฦๅสายจะได้
พระอัคเรศไซร้ คืนมา
๏ พญาราพณ์นั้นพึง ถึงพรหมลิขิตแล้ว
แน่ละจะไม่แคล้ว ศรรา ฆพเลย ฯ

โคลง ๒

๏ เจรจาพอเสร็จสิ้น จึ่งชฎายุดิ้น
ดับชนม์  
๏ จุมพลเผาศพไซร้ ทำศราทธะพรตให้
พระสหาย  
๏ แล้วฦๅสายจึ่งเต้า ตามวิถีต่อเฃ้า
สู่พง อีกนา ฯ  

ร่าย

๏ ดั้นเดินดงต่อไป ในไม่ช้าก็ผ่าน ชนะสถานออกไป ได้สามโยชน์ก็ถึง ซึ่งป่าโกญจะวัน ในนั้นพบคูหา และหน้าถ้ำนั้นไซร้ ได้เห็นยักษิณี อินทรีย์มหิมา หน้าตาแสนดุร้าย ร่างกายก็น่าชัง ทั้งเสียงดังหนวกหู มันยืนอยู่แห่งนั้น เห็นลักษมัณเดินหน้า มันอ้าแขนชวนเธอ เออหนุ่มสรวยสุดทั่ว มาเปนผัวฃ้าเถิด ฃ้าประเสริฐแสนงาม นามอโยมุขี [๕๙]ในป่านี้เปนใหญ่ คงได้อยู่เกษมสันต์ ลักษมัณขัดเคืองนัก ชักพระแสงดาพคม ฟันถูกนมยักษ์ขาด ฟาดฟันซ้ำไปถูก จมูกหูวิ่นไป นางจัญไรก็ลี้ หนีเฃ้าซ่อนกายา ในคูหาโดยพลัน สองราชันเดินต่อ พอไปอีกมินาน ยินเสียงปานฟ้าร้อง กึกก้องในย่านไพร สององค์ไซร้เที่ยวค้น จนพบอสุรา กังก้าขวางกลางไพร รูปมันใหญ่ปานผา แลดูน่าพึงกลัว หัวมันหามีไม่ มีปากใหญ่ที่ท้อง ส่งเสียงก้องแนวป่า กลางอุรามันไซร้ มีตาใหญ่ดวงหนึ่ง ซึ่งสีแดงดังไฟ และมันไร้ซึ่งขา แต่ว่าแขนยาวถึง โยชน์หนึ่งจึ่งสามารถ กวาดต้อนบรรดาสัตว์ สารพัตเฃ้าไป ได้จนถึงปากมัน อันอสูรตนนี้ มีเวทมนตร์เรียกสัตว์ บัดดลเฃ้าถึงกร ต้อนเฃ้าปากถนัด เมื่อกษัตริย์สององค์ ดั้นดงมาพบมัน ยังมิทันรู้กาย ยักษ์ร้ายก็ยื่นหัดถ์ รวบรัดได้ทั้งสอง ปองกินเปนภักษา แต่ว่ายังมิทัน ถึงปากมันก็สอง พี่น้องชักดาพพลัน ต่างฟาดฟันแขนขาด หล่นกลาดแทบฟัถพี อสุรีโรทร้อง กึกก้องทั่วถิ่นป่า แล้วถามว่าเออสอง พี่น้องคือใครหนอ ขอทราบบ้างเปนไร ทันใดพระลักษมัณ พลันตรัสตอบข้อความ แล้วย้อนถามยักษา ว่าตัวมึงคือใคร ฉันใดรูปเช่นนี้ อสุรีตอบว่า ตูฃ้าแสนดีใจ ที่ได้พบพระองค์ สมประสงค์ของฃ้า อันชื่อว่ากะพนธ์ [๖๐] เดิมสกนธ์ฃ้าไซร้ วิไลยแม้นศักรินทร์ ผู้เปนปิ่นเทวา แต่ฃ้าชอบแปลงกาย กลายเปนยักษ์เที่ยวหลอน พราหมณ์นิกรให้กลัว ปล่อยตัวเหลิงเหลือดี จนมุนีหนึ่งไซร้ สาปให้คงรูปร้าย มิให้กลายเช่นเดิม ฃ้าเริ่มก่อการยัญ ครั้นสมปรารถนา พรหมาประทานพร ตามฃ้าวอนนานมา ให้อายุยืนยง สมประสงค์อิ่มเอิบ กำเริบจิตจึ่งท้า อมราธิราช บังอาจเฃ้าต่อกร จอมอมรข้องขัด ขว้างวัชระถูกหัว จมเฃ้าตัวทันใด ทั้งขาไซร้ก็ซ้น ร่นเฃ้าอยู่ในกาย ฃ้าขอตายทันที แต่วัชรีตรัสไว้ ถ้าเมื่อใดรามา และอนุชากษัตริย์ ตัดแขนขาดแล้วไซร้ จะได้ตายสมจินต์ ราฆพยินคำยักษ์ ทรงศักดิ์ชวนลักษมัณ ชวนกันหาฟืนกอง รองรับกายกะพนธ์ ยกตนขึ้นทันใด เอาไฟจุดพลันเผา จากเท่าและอังคาร แห่งมารรูปอัปรีย์ บัดนี้เทพบุตร์ ผุดขึ้นพลันวันทา แล้วทูลราฆพไท้ ว่าท่านไซร้ประสงค์ ได้องค์อัคเรศ ผู้ขวัญเนตร์คืนมา จงไปหาวานร ชาญสมรบรรฦๅ ชื่อสุครีพฤทธิรุท แล้วเทพบุตร์แจ้ง แถลงทางเพื่อจร พบวานรชาญชัย ครั้นได้ชี้มรรคา เสร็จจึ่งลาราฆพ โดยเคารพเลิดแล้ว เหาะสู่สุวภพแผ้ว สาปสรรพ์ ฯ

โคลง ๓

๏ ราชันเดินในป่า ถึงปัมปาย่านน้ำ
คือทเลสาปล้ำ เลิดดี
๏ พบศวรีนางพราหมณ์ เห็นพระรามจึ่งไหว้
และชำระบาทไท้ ทั้งสอง
๏ ถามว่าปองสิ่งใด นางทูลไท้ว่าฃ้า
คอยเฝ้าพระผ่านฟ้า ราเมนทร์
๏ ได้บำเพ็ญซึ่งฌาณ มาช้านานนักแล้ว
บัดนี้ก็ผ่องแผ้ว เกลศสรรพ์
๏ ทรงธรรม์ตรัสถามทาง นางก็ชี้แด่ไท้
แล้วเคารพนบไหว้ ทูลลา
๏ คลาเฃ้ากองอัคคี เผาอินทรีย์หมดไหม้
วิญญาณนางนั่นไซร้ สู่สวรรค์ ฯ

โคลง ๒

๏ สองราชันเลิดล้ำ เสด็จฃ้ามแม่น้ำ
ปัมปา  
๏ ยาตราพลางหน่อไท้ ชมพรรณะมิ่งไม้
ในดง  
๏ สององค์เดินไม่ช้า ก็เสด็จถึงหน้า
คีรี  
๏ ศรีฤษยะมูกไซร้ จึ่งสองพระหน่อไท้
พักผา สุกแล ฯ  

โคลง ๔

๏ พญาสุครีพเจ้า จอมวา นรแฮ
เห็นหน่อกษัตริย์เสด็จ ใต่เต้า
เกรงว่าพญาพา ลีพี่
ได้ส่งศตรูเฃ้า มาผลาญ
๏ หนุมานผู้เอก เสนี
ทูลว่ามิจำเปน หวาดแท้
อำนาจแห่งพาลี บ่อาจ แผ่เลย
ถึงโขดมลัยแล้ แน่นอน
๏ ฟังสุนทรพจน์แผ้ว หฤทัย
แต่ก็ยังฉงน อยู่บ้าง
สุครีพจึ่งตรัสใช้ วายุบุตร
ไปสืบดูเหตุฃ้าง โน้นมา
๏ วายุบุตร์เหาะรวด เร็วพลัน
ใกล้จึ่งแปลงเปนวา นะปรัสถ์ [๖๑]
ไปเฝ้าพระราชัน ก้มกราบ
แล้วกล่าวสุนทรวัจน์ ฃ่าวถาม
๏ ทราบความว่าหน่อไท้ เธอมา
โดยมุ่งจิตไมตรี เพื่อพบ
และขอพญาวา นรช่วย
เพื่อคิดตามประสบ มหิษี
๏ กะบี่เห็นท่าเจ้า นายตน
อาจจะได้คืนครอง สมบัติ
กลับกลายรูปวิมล ดังเก่า
แล้วกราบหน่อกษัตริย์ ทูลเชิญ
๏ สู่เนินเพื่อพบท้าว สุครีพ
เชิญเสด็จสองทรง บ่าแล้ว
พาเหาะระเห็จรีบ ไปสู่
เขามาลัยเพริดแพร้ว สิขร
๏ จรลงตรงพักตร์เจ้า กะบี่
หนุมานทูลเหตุ แด่ไท้
สุครีพสุดเปรมปรี ดีรับ
สองกษัตริย์และไหว้ บาทบงสุ์
๏ องค์พระราฆพเจ้า ยินดี
จับหัตถ์สุครีพฉัน ชอบจิต
ต่อหน้าพระอัคนี สบถ
เปนมหามิ่งมิตร์ สัมพันธ์
๏ ครั้นถามทราบเหตุแล้ว สิ้นสรรพ์
ที่สุครีพถูกขับ จากแคว้น
ราฆพก็รับพลัน จะช่วย
พระมิตร์และแก้แค้น แทนสหาย
๏ ฦๅสายเสด็จพร้อม พานร
สู่กีษกินธาถึง ไม่ช้า
ยืนอยู่น่าบวร ทวารรัตน์
จึ่งสุครีพร้องท้า เฃ้าไป
๏ เสียงใสกระทบโสต พาลี
ทลึ่งลุกขึ้นจาก แท่นรัตน์
แม้มิ่งมหิษี ห้ามบ่ ฟังเลย
โทษะเร่าร้อนจัด รีบมา
๏ ถึงปราการรีบออก นอกเวียง
เห็นสุครีพยืนทำ ท่าท้า
พาลีก็โกรธเพียง เพลิงลวก
โลดออกประจันหน้า ฉับพลัน
๏ รบกันสองพี่น้อง เริงแรง
ต่างว่องต่างไวต่าง เก่งกาจ
ต่างตนต่างกำแหง หาญหัก
แย้งยุทธ์อย่างสามารถ ทนง
๏ ฝ่ายองค์ราฆพผู้ แฝงกาย
เห็นว่าโอกาศเหมาะ มั่นแล้ว
ศรพรหมาสตร์พาดสาย เล็งแม่น
แผลงเดชน์ไปบ่แคล้ว พาลี
๏ กะบี่ตายแล้วจึ่ง รามินทร์
ยกสุครีพผู้เป็น พระมิตร์
ขึ้นครองเขตกีษกิน ธารัฐ
แต่งอภิเษกสิทธิ์ ศุภการ
๏ แล้วผ่านไปสถิตถ้ำ ระโหฐาน
บนไหล่ปรัศระวัณ บรรพต
เพราะเหตุธสาบาล จะอยู่
ในป่าบำเพ็ญพรต มั่นคง
๏ ทรงรออยู่แห่งนั้น หลายเดือน
แต่สุครีพบ่มา แห่งนั้น
ลักษมัณรับไปเตือน กบี่ราช
และรีบเสด็จดั้น ดงไป
๏ ถึงในนิเวศน์แล้ว ตรัสเตือน
สุครีพระยอบยอม รับผิด
มั่วเพลินเพลิดจึ่งเชือน แชอยู่
ขอแต่พระมิ่งมิตร์ เมตตา
๏ บัญชาเกณฑ์ทัพแกล้ว ณรงค์
พอระดมไพร่พล พรั่งพร้อม
ไปที่ประทับองค์ ราฆพ
ก้มกราบพระบาทน้อม อัญชลี
๏ ภูมีขอให้ช่วย ค้นหา
พระมหิษีซึ่ง ยักษ์ร้าย
บังอาจลอบลักพา ไปจาก
ขอจุ่งให้แยกย้าย ออกแสวง
๏ แจ้งประสงค์จึ่งท่าว สุครี วะแฮ
สั่งพวกนายพานร เรืองเดช
แบ่งทัพออกเปนสี่ กองแยก
ไปเที่ยวค้นทุกเทศ ทุกขัณฑ์
๏ อันพวกไปเที่ยวค้น บุรพา
อีกอุดรและตวัน ตกไซร้
ไม่พบก็กลับมา แจ้งข่าว
ยังแต่กองทิศใต้ แหละหาย ไปนา ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายกองทัพทักษิณ ซึ่งกะบิลองคท โอรสท้าวพาลี เปนเสนีย์คุมไป พร้อมผู้ใหญ่ฤทธิแรง คือกำแหงหนุมาน ชามพะวานจอมหมี นีละลูกพระเพลิง ล้วนเริงรณชำนาญ อีกทหารกะบี่ มีชื่ออีกหลายคน รีบร้นไปในป่า ฝ่าดงดอนด้นดั้น เลียบเชิงบรรพตา ฃ้ามชลาลัยหลาย หมายให้พบนงคราญ ผ่านวินธยะคีรี ที่นี้พบคูหา ซึ่งพากันเฃ้าไป หวังจะได้พอผ่อน พักร้อนอีกหวังได้ พบน้ำใสสักน้อย แต่พอคล้อยเฃ้าถ้ำ อันลึกล้ำมหิมา มืดนักหนาน่าสยอน วานรต่างตกใจ รีบเดินไปตะบึง ถึงถิ่นหนึ่งงามเลิด ต่างชมเพลิดเพลินพลัน ในนั้นพบนางชี บัดนี้หนุมาน กล่าวคำหวานถามไป ว่าท่านไซร้ใครหนอ ขอจงโปรดแถลง อีกเจ้าแห่งเมืองนี้ มีอยู่หรือคือใคร นางฃานใขตอบว่า เมืองมายานี้ไซร้ มัยอสูรจอมช่าง สร้างขึ้นแสนวิจิตร์ สถิตอยู่สำราญ แต่ขุนมารสู่รู้ ลอบทำชู้ลักพา นางเหมาเทวี มาทีนี้หวังชม สุโรดมทราบความ ตามมาผลาญขุนมัย บัลลัยแล้วพรหมา กรุณามอบเวียง ให้แก่เนียงผู้นั้น อันนางชีเปนมิตร์ จึ่งเต็มจิตมาอยู่ ดูแลแทนเหมา อันว่าตัวนางชี ผู้ที่เล่านั้นฤา ชื่อสวยัมประภา แล้วถามว่าวานร จะจรไปหนไหน ครั้นได้ทราบนางชี ก็ชี้ทางให้จร พ้นนครนั้นได้ [๖๒] ตรงไปยังสาคร แต่ครั้นจรถึงฝั่ง ต่างนั่งลงอ่อนจิต สิ้นคิดหมดทางไป ไม่รู้ว่าจะค้น ตำบลใดอีกแล้ว เพื่อประสบนางแก้ว สีดา ฯ

โคลง ๓

๏ ครานั้นขุนปักษี สัมปาตีอยู่ถ้ำ
ยินพวกกะบี่ผร้ำ บ่นกัน
๏ บัดนั้นโผล่ออกมา เจรจาถามข่าวได้
ทราบเหตุทุกสิ่งไซร้ กำสรวล
๏ ครวญถึงอนุชา โอ้ชฎายุน้อง
มิควรที่จะต้อง ดับขันธ์
๏ แค้นทศกัณฐ์ก่อการ เปนพาลใหญ่เช่นนี้
จึ่งรับจะช่วยชี้ มรรคา
๏ รับพญาวานร ขี่หลังจรสู่ฟ้า
บอกทางที่อยู่หน้า ต่อไป
๏ ตรงใต้คือลงกา อาณาจักร์ยักษ์ร้าย
อยู่กลางสมุทคล้าย เมฆดำ นั่นแล ฯ

โคลง ๒

๏ นกนำส่งพ่างพื้น กะบี่ค่อยชุ่มชื้น
หัทยา  
๏ ปฤกษากันควรให้ หนุมานนั่นไซร้
รีบรุด ไปนา ฯ  

โคลง ๔

๏ วายุบุตรรับด้วย ยินดี
ขึ้นสู่ยอดมเหนทร์ บรรพต
ถีบยอดสิขรศรี สู่เมฆ
บ่มิได้เลี้ยวลด ลู่ทาง
๏ ที่กลางสมุทนั้น ไปพบ
สิงหิกาผีเสื้อ สมุท
วายุบุตร์รุดหลบ เฃ้าปาก นางแล
แหวะอุทรนางผุด ออกมา
๏ ไคลคลาโดยปราศจาก ภัยพาล
ถึงซึ่งกรุงลงกา นั่นแล้ว
แฝงกายอยู่นอกทวาร จนค่ำ คืนนา
จึ่งมุดเฃ้าเวียงแก้ว สดวกดาย
๏ ภายในได้พบเสื้อ เมืองมาร
มีรูปเปนนางยักษ์ ที่นั้น
ต่อสู้รบบ่นาน นางพ่าย
จึ่งหลีกทางบ่กั้น กีดขวาง
๏ ปางนั้นกะบี่เต้า ต่อไป
ทั่วนครลงกา เที่ยวค้น
ในนิเวศน์วังใน ทั่วทุก
ตำหนักบ่ได้พ้น ตาไป
๏ มิได้พบซึ่งแก้ว กานดา
หนุมานนึกหมอง จิตเศร้า
แต่เพียรเที่ยวค้นหา ไปอีก
จนกระทั่งรุ่งเช้า จึ่งจร
๏ จากนครโลดฃ้าม ปราการ
ไปสู่สวนอโศก สุดสล้าง
งามรุกขะชาติปาน นันทนะ
ผลิผกาดื่นบ้าง ออกผล
๏ ขึ้นบนอโศกต้น หนึ่งแล
เห็นพระตำหนักหลัง หนึ่งน้อย
เห็นนางนิ่มนวลแข นอนนิ่ง
ดูทำทางละห้อย โศกศัลย์
๏ สุริยันเยี่ยมฟ้า ส่องโลก
จึ่งราพณาสูร ท่านไท้
มาสวนมิ่งอโศก ตรงสู่
ตำหนักหวังจะได้ เปรมใจ
๏ เฃ้าไปและกล่าวเกี้ยว สีดา
ออดอ่อนวอนให้ยอม ร่วมรัก
แต่ไมถิลีนา รีรัตน์
บ่มิยอมสมัค สมร
๏ ภูธรสิบพักตร์กริ้ว โกรธา
ดุคณานางยักษ์ อยู่เฝ้า
มึงไม่ช่วยพูดจา เอาจิต
ไม่ช่วยกันโลมเล้า มารศรี
๏ เทวีจึ่งไม่รัก ตัวกู
เอาเถิดคราวนี้ยอม ยกโทษ
ต่อไปหากเฉยอยู่ ไม่รัก กูฤา
กูจะฆ่าทั้งโคตร์ พวกมึง
๏ ตะบึงกลับเฃ้าสู่ วังสถาน
จึ่งพวกรากษสี โหดเหี้ยม
พร้อมกันแวดเยาวมาลย์ พลางขู่
หนอยแน่นั่งเอี้ยมเฟี้ยม อวดดี
๏ เช่นนี้อยากใคร่ห้ำ หั่นกาย
กินกรอบต่างข้าวเกรียบ กรุบกร้วม
รอช้าไผ่ผอมหาย อร่อย
กินแต่ยังท้วมท้วม เถิดนา
๏ ตรีชฎาผู้เฒ่า [๖๓] จึ่งปราม
ว่าอย่าทำนารี รัตน์นี้
ฃ้าเกรงว่าพระราม ในไม่ ช้านา
จะเสด็จยกรี้ พลมา
๏ ครานั้นหากท่านรู้ ว่าเรา
ทำข่มเหงชายา ท่านไซร้
คงลงโทษทัณฑ์เอา ถึงชีพ
ไหนเล่าท่านจะไว้ ชีวา
๏ คณานางยักษ์ร้าย จึ่งงด
บ่ประทุษองค์นา เรศแก้ว
รอดูหมู่รากษส จนกว่า
จะหลับกันหมดแล้ว สีดา
๏ จึ่งคลาสู่มิ่งไม้ อโศก
ต้นใหญ่ที่วานร อยู่ด้วย
โดยเหตุที่วิโยค พระภัส ดาแล
ใคร่ผูกศอให้ม้วย ชีวัน
๏ ครานั้นวายุบุตร์ ใจหาญ
เกรงหม่อมแม่สีดา จะม้วย
จึ่งเริ่มแถลงสาร ทูลเล่า
เรื่องพระราฆพด้วย คำงาม
๏ นงรามยินถ้อยจาก พฤกษา
เงยพักตร์เห็นพานร นั่นไซร้
นางนึกพรั่นวิญญา กระเถิบ
ถอยห่างจากต้นไม้ ตระการ
๏ หนุมานโดดจาก ที่แฝง
ประณตนางสีดา แน่งน้อย
แล้วทูลข่าวแถลง เรื่องทุก อย่างแล
ถวายพระธำมรงค์พร้อย เพริดมณี
๏ เทวีวินิศพระ ธำรงค์
รู้แน่ว่าของพระ ผ่านเผ้า
เพราะเห็นธเคยทรง นิ้วหัดถ์
ยิ่งพิศก็ยิ่งเศร้า กรรแสรง
๏ กำแหงวายุบุตร์ จึ่งทูล
ฃ้ารับอาสาเชิญ เสด็จได้
ถึงที่นเรนทร์สูร ประทับ
ตลอดรอดฝั่งไร้ อันตราย
๏ โฉมฉายตรัสว่าอ้า ฉันใด
ขุนกะบี่กล่าวชวน เช่นนี้
จะพาเหาะฃ้ามไป ในฟาก ฟ้าฤา
ฃ้าบ่เคยแต่กี้ ก่อนมา
๏ ฃ้าเกรงเปนแน่แท้ เวียนหัว
แล้วก็จะตกยัง น่านน้ำ
อีกหนึ่งจะยอมตัว ท่านโอบ อุ้มนอ
จะผิดแบบเก่าล้ำ เลิดดี
๏ นารีสมรสแล้ว ฤาควร
ให้บุรุษอื่นมา แตะต้อง
ใครรู้ก็จะชวน กันติ
นี่แหละจึ่งขัดข้อง อยู่นา
๏ แต่วานรจุ่งได้ รีบกลับ
ไปกราบพระราฆพ นาถไท้
เชิญพระเสด็จรับ เราเถิด จะดี
อีกประหารราพณ์ให้ วายปราณ
๏ แล้วนงคราญเปลื้องศิ ราภรณ
ยื่นส่งหนุมาน สั่งให้
นำสู่พระทรงศร สวามิศร์
อีกสั่งทูลแด่ไท้ คิดถึง
๏ จึ่งวายุบุตร์รับ อาภรณ
ทูลเกศกราบบังคม แม่เจ้า
บัดนั้นจึ่งบังอร จรกลับ
ตำหนักเสด็จเฃ้า และบรร ทมนา ฯ

ร่าย

๏ ครานั้นขุนกะบี่ พอเทวีคลาพ้น กมลมุ่นโกรธา ดุจจะบ้าคลั่งไคล้ ร่ายไม้หักพฤกษา นานาในสวนขวัญ พวกกุมภัณฑ์เฝ้าสวน ชวนกันออกไล่จับ วานรกลับไล่ตี วิ่งหนีลนลานไป ที่ในเวียงลงกา เฃ้าหาขุนประหัสต์ บัดนั้นขุนพลขลัง จึ่งสั่งบุตร์ของตู ชื่อชมพูมาลี ให้ทันทีออกไป ปราบลิงไพรเหิมหาญ เสนีมารรีบไป ไล่จับขุนวานร รานรอนเปนสามารถ บ่มิอาจกุมจับ กลับสุดสิ้นชีวา ครานั้นจึ่งประหัสต์ รีบรัดเฃ้าไปทูล จอมอสูรให้รู้ ภูธรจึ่งบัญชา ลูกยาอินทรชิต เจ้าเรืองฤทธิ์ฦๅชัย จงไปจับลิงหาญ อักษะกุมารไปด้วย ช่วยพี่ยาครานี้ สองอสุรีรีบไป ถึงที่ในสวนขวัญ ครานั้นอักษะกุมาร เฃ้ารอนรานวายุบุตร์ ประยุทธ์อย่างสามารถ แต่พอพลาดท่าลง วานรปลงชีพมลาย เห็นน้องชายพ่ายแพ้ แลสุดสิ้นชีวิต อินทรชิตโกรธนัก จับศรศักดิ์นาคบาศ ผาดแผลงไปถนัด มัดตัววานรได้ นำเฃ้าไปถวาย ฦๅสายผู้บิดา ฝ่ายพญาราพณ์โกรธ ให้ลงโทษประหาร พิเภษณ์ทานทัดไว้ ว่าไม่ควรฆ่าฟัน ลงทัณฑ์อย่างอื่นได้ จึ่งท่านไท้ทศพักตร์ ส่งพวกยักษ์เสนา เอาผ้าชุบน้ำมัน พันหางวานรเฃ้า แล้วให้เอาไฟจุด เพื่อหางกุดประจาร พวกมารก็พลันทำ ตามคำขุนบัญชา ฝ่ายขุนวายุบุตร์ พอเฃาจุดไฟหาง ก็โลดผางโผนเผ่น ขึ้นวิ่งเล่นสมใจ เอาไฟจุดปราสาท ราชมณเฑียรสถาน อีกทุกบ้านน้อยใหญ่ ในลงกาธานี อันอัคคีลวกลาน อลหม่านทั่วเวียง เพียงศึกติดธานี กะบี่ลีลาลับ ดับอัคคีที่หาง พลางระเห็จเวหา กลับมายังองคท เผยพจน์เล่าเหตุการณ์ แล้วหนุมานก็ชวน กันด่วนกลับไปพลัน เฝ้าทรงธรรม์ราฆพ หนุมานนบบาทบงสุ์ ส่งอาภรณผ่องแผ้ว ของพระนาเรศแก้ว ฝากถวาย พระแล ฯ

โคลง ๓

๏ ฦๅสายรับอาภรณ ของบังอรยิ่งเศร้า
กำสรดอุระเร้า โศกศัลย์
๏ ต่อนั้นตรัสบัญชา แด่ราชากะบี่ไซร้
จะยกทัพออกได้ วันไหน
๏ ได้ฟังพระพาที กระบี่ราชนอบเกล้า
ทูลว่าฃ้าจะเร้า เร่งพลัน ฯ

โคลง ๒

๏ พอพลขันธ์พรั่งพร้อม สุครีพประณตน้อม
นอบเชิญ เสด็จแล ฯ

โคลง ๔

๏ กองเดินตรวจลู่นั้น นิลนำ
ทัพน่าคชะขุน กปิแกล้ว
คะวัยกะบี่กำ ยำอีก
คะวากษ์ทหารแก้ว คุมคลา
๏ ปีกขวาฤษภผู้ แขงขัน
คันธะมาทน์เปนนาย ปีกซ้าย
แซงไปเพื่อป้องกัน ในป่า
บ่มิให้ยักษ์ร้าย จู่ทลวง
๏ กองหลวงสุครีพเจ้า คุมจร
ราฆพทรงพาหา ใหญ่กว้าง
แห่งขุนเอกวานร วายุบุตร์
ลักษมณ์ขี่องคทฃ้าง องค์ขลัง
๏ ทัพหลังนั้นจัดให้ สุเษณ คุมแฮ
เวคะทรรศีไป ช่วยไซร้
อีกชามพะวานเปน เจ้าแห่ง หมีแล
กำกับเตือนตักให้ ระวัง
๏ สพรั่งสพรึบพร้อม พลหาญ
เดินจากปรัศระวัณ สู่ใต้
ต่างมุ่งจะปราบมาร ม้วยมอด
เพื่อช่วยราฆพได้ นางคืน
๏ ครึกครื้นสนั่นเร้า เริงสมร
เดินทัพตะบึงไป ไป่ยั้ง
จนถึงฝั่งสาคร สุครีพ
จึ่งหยุดพลจัดตั้ง พลับพลา พักแฮ ฯ

ร่าย

๏ หว่างเวลานี้ไซร้ ที่ในเมืองลงกา ราพณาสูรคลั่ง คั่งแค้นจิตพ้นไป เหตุที่ได้เสียที กะบี่ผลาญนคร ภูธรตรัสปรึกษา เหล่าเสนาอมาตย์ รากษสราชคิดแต่ จะแก้แค้นอย่างเดียว ไม่เฉลียวคำนึง ถึงผิดชอบใด ๆ ใครจะทูลทัดทาน ขุนมารโกรธา เช่นพญาพิเภษณ์ สังเกตเห็นลางร้าย หลายอย่างมีปรากฎ ทูลทรงยศเชษฐา ว่าอย่าทรงขัดขืน โปรดคืนสีดาไป ให้แก่รามสามี บางทีจะตัดการ สงครามหาญหักได้ แต่ท้าวไททศกัณฐ์ พลันขับอนุชา จากลงกาธานี ดังนี้พิเภษณ์จึ่ง ตะบึงฃ้ามสมุท รีบรุดเฃ้าไปหา ราชากะบี่ศรี ขอภักดีเป็นฃ้า พระรามาธิราช สุครีพยาตร์ไปทูล นเรนทร์สูรทราบพลัน ทรงธรรม์ให้ไปพา พิเภษณ์มาที่เฝ้า ผ่านเผ้ารับอสุรี ถามคดีเสร็จสิ้น ภูมินทร์ได้ฟังคำ เห็นเที่ยงธรรมสุจริต ทรงฤทธิ์จึ่งตรัสว่า ถ้าท่านนี้จงรัก ภักดีตลอดกาล เมื่อเสร็จงานศึกไซร้ จะให้ผ่านธานี บุรีรมย์ลงกา อสุราสาบาล อธิษฐานถวายสัตย์ บัดนั้นราฆพพลัน สั่งลักษมัณไปจ้วง น้ำจากห้วงสาคร พระภูธรอภิเษก อสูรเอกยงยศ สมมตเปนราชา จอมลงกาอุดม บรมอาณาจักร์ ทรงศักดิ์ประสาทพร ให้ภูธรอสุเรนทร์ เปนสุขสวัสดิ์ยศยง ให้ฤทธิ์คงคู่ฟ้า ให้เดชน์กระเดื่องหล้า แหล่งตรี ฯ

โคลง ๓

๏ ต่อนี้จึ่งโดยคำ แนะนำพิเภษณ์ไซร้
ราฆพธสั่งให้ แต่งงาน
๏ พลีการขอทาง ดำเนินหว่างน่านน้ำ
สู่แดนรากษสล้ำ แหล่งงาม
๏ พระรามตั้งพิธี สามราตรีเสร็จไซร้
แต่สมุทมิได้ ขึ้นมา เฝ้าเลย
๏ ราฆพพิโรธนัก ชักพรหมาสตร์กาจแกล้ว
ว่าจะแผลงเดชน์แก้ว ไปเผา
๏ เอาให้ถิ่นสาคร กลายเปนดอนเหือดแห้ง
เพราะพระสมุทแกล้ง กีดมรร คาแล
๏ ปางนั้นพระสมุท ผุดขึ้นมานบไหว้
องค์พระราฆพไท้ ทูลวอน
๏ ทรงศรโปรดเมตตา อันว่าธาตุสี่ไซร้
พระเจ้าประดิษฐไว้ ให้ยง อยู่แล
๏ อันพระองค์ขอฃ้า เปิดมรรคาสดวกไซร้
ฃ้าจึ่งทำมิได้ ดอกนา
๏ แต่ว่าหากจุมพล จองถนนใหญ่ฃ้าม
ฃ้านี้จะสั่งห้าม คลื่นลม หมดนอ ฯ

โคลง ๒

๏ บรมราฆพไซร้ จึ่งดำรัสสั่งให้
จองถนน  
๏ ให้นลกะบี่แกล้ว ลูกวิศวะกรรมแก้ว
ศิลปี  
๏ คุมกระบี่กลั่นกล้า จองถนนอย่าช้า
ฉับพลัน  
๏ นลขยันจัดสร้าง ถนนใหญ่สล้าง
แลงาม ยิ่งแล ฯ  

โคลง ๔

๏ องค์รามราฆพเจ้า โกศล
จึ่งสั่งยกโยธี เคลื่อนคล้อย
เดินตามถนนนล ประดิษฐ์
ฃ้ามสมุทเรียบร้อย ปลอดภัย
๏ ตรงไปณเขตแคว้น ลงกา
เร็วรวดตะบึงใน เกาะยักษ์
จนถึงแค่ภารา กรุงยักษ์
ฃ้าศึกบ่มีกั้น กีดเลย
๏ เสบยสดวกได้ ถึงเวียง
ให้จัดตั้งค่ายหลวง เลิดล้ำ
ริมโขดสุเวลเคียง ชายป่า
บริบูรณทั้งน้ำ อาหาร
๏ สั่งการแล้วขึ้นยอด สุเวล
ทอดพระเนตร์ลงกา เลิดแคว้น
บัดนี้จึ่งได้เห็น ขุนราพณ์
นั่งร่มฉัตร์ใหญ่แม้น ภูผา
๏ พญาสุครีพโกรธ ขุนยักษ์
จึ่งระเห็จเตร็จใน ฟากฟ้า
ถึงฉัตร์ก็พลันหัก ลานแหลก
แล้วจึ่งประยุทธ์ว้า วุ่นไป
๏ ได้ทีเอาเท้าคีบ มงกุฎ
ของทศเศียรพลัน เหาะกลับ
ดังวายุเร็วรุด ชั่วลัด นิ้วแฮ
ถึงที่รามประทับ ถวายกร
๏ ภูธรตรัสว่าอ้า สหาย
ท่านมิควรจะไป เช่นนั้น
พลาดทำหากท่านวาย ชนมชีพ
อันศึกที่ควรสั้น จะยาว
๏ ครานี้จึ่งตรัสใช้ องคท
เปนทูตไปสื่อสาร แด่ราพณ์
ขอคืนอนงค์สด ศรีกลับ
ก็จะตัดสภาพ สงคราม
๏ ยักษ์ครามบ่มิได้ ยินยอม
ราฆพจึ่งสั่งเตรียม ทัพไว้
ได้ฤกษ์จะเฃ้าล้อม เวียงยักษ์
หวังว่าศึกจะได้ เสร็จพลัน ฯ

ร่าย

๏ แต่นั้นพอได้ฤกษ์ พานรเกรอกเกรียงไกร โห่เอาชัยยกพล หวังเฃ้าปล้นลังกา อสุราออกรับ ประทะทัพกลางแปลง แย้งยุทธ์เปนโกลา ฝ่ายอสุราเสียที ถอยหนีเฃ้านคร วานรล้อมธานี บัดนี้อินทรชิต ผู้เรืองฤทธิ์ยกออก มารบนอกภารา ทำมายาลวงหลอน แล้วแผลงศรนาคบาศ มัดรามราชไว้มั่น เตียวลักษมัณไว้เหมาะ หลายเปลาะบ่เคลื่อนคลา จนพญาครุฑราช ปราดมาช่วยจึ่งฟื้น คืนดีได้โดยพลัน ทศกัณฐ์จึ่งใช้ ให้ธูมรากษ์เสนี ออกต่อตีลองแรง แต่กำแหงหนุมาน ฆ่าวายปราณกลางณรงค์ ราพณ์จึ่งส่งเสนา ผู้แกล้วกล้าบรรฦๅ ชื่อว่าเพ็ชระทนต์ ออกประจนประจัน องคทพลันฆ่าตาย ราพณ์ร้ายส่งกุมภัณฑ์ อกัมปันออกยุทธ วายุบุตร์สังหาร ขุนมารโกรธราวไฟ ใช้ขุนพลประหัสต์ ออกไปตัดสมร แต่วานรนิลกล้า ฆ่าประหัสต์เสนี ทศศีร์โกรธา ยกออกราวีเอง ประยุทธ์เก่งนักหนา ได้ท่าดีจึ่งซัด กะบิลพัสดุ์หอกใหญ่ ไปต้องพระลักษมัณ ราฆพพลันแก้ไข ให้อนุชคืนคง แล้วทรงศรแผลงไป ถูกรถชัยลานแลง แผลงอีกซ้ำทำลาย มงกุฎพรายเพ็ชร์รัตน์ ถนัดตกจากหัว ราพณ์แสนกลัวรีบร้น เฃ้าสู่นครพ้น ยุทธภัย ฯ

โคลง ๔

๏ ให้ไปปลุกพระน้อง กุมภกรรณ
ผู้หลับอยู่หลายเดือน นักแล้ว
เสนารีบผายผัน ไปจาก เวียงแฮ
เฃ้าสู่คูหาแก้ว ตระการ
๏ อาหารเตรียมไว้มาก มวลไป
จัดทอดไว้ฃ้างองค์ ขุนยักษ์
แล้วปลุกสั่นผลักใส เขย่า
กว่าจะตื่นยากนัก ยากหนา
๏ ครั้นว่าตื่นขึ้นแล้ว แลไป
เห็นภักษาหารกอง อยู่มาก
ก็เริ่มหยิบทันใด กินกรุบ กรุบฮา
แทบจะหยิบใส่ปาก ไม่ทัน
๏ ครั้นอิ่มแล้วจึ่งได้ ตรัสถาม [๖๔]
เหตุไฉนบังอาจ ปลุกฃ้า
พอได้ทราบข้อความ ก็ลุก
เดินดุ่มไปดั่งหล้า จะพัง
๏ เฃ้าวังสู่ที่เฝ้า จอมมาร
ทศเศียรยินดี ยิ่งแท้
แล้วจึ่งตรัสขอวาน น้องออก
ไปปราบศัตรูแล้ แหลกลาน
๏ ขุนมารว่าฃ้าอีก มนตรี มากนา
ได้กราบทูลตักเตือน ท่านแล้ว
พระองค์มุ่งฤดี รักบาป
เหตุฉนั้นไม่แคล้ว ทุรผล
๏ จุมพลประมาทฃ้าง ศตรู
เฃาจึ่งประชิดเวียง มั่นแล้ว
ถ้าหากว่าพระภู ธรอยาก
จะใคร่ทรงปลอดแผ้ว มฤตผลาญ
๏ ภูบาลจงเชื่อถ้อย พิเภษณ์
และส่งสีดาคืน นั่นแล้
ก็จะตัดต้นเหตุ แห่งศึก
ดีกว่าอื่นเปนแท้ แน่นอน
๏ ภูธรสิบพักตร์เว้า ว่าไป
เออจะเปนครูพี่ ฤน้อง
บัดนี้พี่จะใช้ ทำศึก
อันอนุชควรต้อง รับทำ
๏ ฟังคำพระพี่นั้น พาที
กุมภะกรรณก็ทูล รับใช้
มนุษและกะบี่ ทั้งหมด
จะรับสังหารได้ ลำพัง
๏ ตึงตังออกจากเฝ้า ดุ่มไป
ออกนอกทวารเวียง บัดนั้น
บั่นบุกรุกรานไล่ กะบี่
ยามจับได้ก็คั้น เลือดกิน
๏ กะบิลเก่ง ๆ ผู้ เปนนาย
ต่างผลัดกันเฃ้าไป ต่อสู้
แต่กุมภะกรรณร้าย แรงบ่ พ่ายเลย
ประกาศว่าจะกู้ ลงกา
๏ พญาสุครีพนั้น สุดหาญ
เฃ้าต่อฤทธิไกร กาจแท้
แต่ถูกศิลาผลาญ ล้มแทบ ดินแฮ
ยักษ์จับหนีบรักแร้ กลับไป
๏ เฃ้าในเวียงยักษ์ได้ ดังถวิล
ชาวนครต่างชม อธึก
สุครีพเมื่อยามยิน เสียงโห่
ก็บัดใจรู้สึก สรรพางค์
๏ ดิ้นพลางตีนถีบทั้ง ฟันกัด
กุมภะกรรณเลือดโทรม อาบฃ้าง
จำปล่อยกะบี่บัด นั้นแหละ
ลิงโลดกำแพงสล้าง ออกไป
๏ ขัดใจอีกเจ็บพ้น พันทวี
กุมภะกรรณหน้ามืด ดั่งบ้า
ผลุนออกนอกธานี บุกรุก
เมื่อพบใครขวางหน้า จับกิน
๏ ตีสิ้นไม่ว่ายักษ์ หรือวา นรแฮ
แล้วจับหักกินพลัน กรอบกรุบ
อีกดูดดื่มโลหิต ผู้ที่ ตายนา
เลียรูดดูดจ๊วบจุ๊บ น่าสยอน
๏ บทจรไปพบหน้า ลักษมัณ
พระก็ยิงศรโปรย ปรุอก
แต่กุมภะกรรณนั้น ทนนัก
ยืนอยู่ไม่ตระหนก ตกใจ
๏ ร้องไปว่าลูกสุ มิตรา
ท่านเลิดวีระเรา ย่อมรู้
แต่เรามุ่งจิตมา เอาชีพ
แห่งพระรามะผู้ เอกองค์
๏ ตรงไปยังหน้าพระ ราฆพ
แล้วก็ส่งเสียงดัง กล่าวท้า
มาเถิดนะมารบ กันบัด นี้เทอญ
และไม่ท่านก็ฃ้า จะตาย
๏ ฦๅสายตรัสตอบถ้อย ยักษ์หาญ
ว่าจะดีแต่ปาก ดอกน้อ
หากรักชีพขุนมาร จงนบ
กราบและกล่าวคำง้อ แต่ดี
๏ อสุรีโกรธเพี้ยง เพลิงผลาญ
โลดรุกเฃ้าประยุทธ์ ยิ่งห้าว
ราฆพก็ทรงชาญ เชิงยุทธ
บ่มิเกรงน้องท้าว ทศเศียร
๏ เจียนแขนขวาฃาดด้วย พายวาสตร์
เอนทราสตร์ตัดพา หะซ้าย
อีกสองตัดขาขาด ตัวซุด ลงแฮ
บ่อาจจะลุกย้าย ที่ไป
๏ ทันใดราฆพจับ เอนทราสตร์ อีกแล
เล็งเหมาะแผลงด้วยแรง ฤทธิ์น้าว
ถูกศอตัดเศียรขาด ตกแทบ ดินฮือ
เสียงสนั่นดั่งด้าว ดินไหว
๏ เศียรไปกระทบป้อม ซวนพัง
อีกประตูปราการ โค่นขว้ำ
ส่วนกายกระเด็นยัง สมุท
ทับมัจฉาในน้ำ แหลกลาน
๏ เมื่อมารผู้ที่ได้ เคยกวน
เกะกะมาตายลง ดั่งนั้น
ทวยเทพต่างก็ชวน กันโห่
ฮิ้วโห่ทุกช่วงชั้น แมนสรวง
๏ ปวงมาในฟากฟ้า ร้องรำ
โปรยกลีบบุบผาลง สู่พื้น
สรรเสริญพระทรงธรรม อธิราช
เสียงสนั่นครั่นครื้น คัคนานต์ ฯ [๖๕]

ร่าย

๏ ฝ่ายจอมมารทราบว่า อนุชามลาย แสนเสียดายนักหนา ราชาไตรตรองดู รู้สึกว่าตนผิด มิได้คิดทางไกล บัดนี้ได้สติ สิก็เกินเวลา ที่จะหาทางดี กับไพรีอีกแล้ว เห็นไม่แคล้วมรณา แต่ว่าต้องต่อสู้ ดูจนสิ้นฝีหัดถ์ จึ่งตรัสใช้บุตรา ผู้กล้าหาญสี่องค์ ทรงนามปรากฎมี หนึ่งตรีเศียรกล้าหาญ หนึ่งเทวานตัวขลัง ทั้งนรานตักแขง และกำแหงอติกาย ให้ผันผายยกพล ไปรอนรณลองที ทั้งสี่บังคมลา รีบลาจัดพลไกร แล้วยกไปยุทธนา แต่ไม่ช้าทั้งสี่ ม้วยชีวีกลางสมร ยักษ์รีบร้อนไปทูล จอมอสูรสิบหน้า ราชาจึ่งตรัสใช้ ให้อินทรชิตหาญ ออกไปรานไพร อีกทีให้พินาศ ยุพราชคำนับ รับบัญชารีบไป ให้จัดการพิธี พลีไหว้อมร และชุบศรพรหมาสตร์ เสร็จแล้วยาตราทัพ สรรพสพรั่งพลไกร ออกไปแล้วโรมรัน ครานั้นทั้งสองทัพ รบรับกันกำแหง แรงต่อแรงประชิต ฤทธิ์ต่อฤทธิ์ประชัน ต่างแขงขันเริงร่า ยุพราชาดูที เห็นเหมาะดีจึ่งผาด แผลงพรหมาสตร์ไปรอน พลวานรนายไพร่ ไปต้องสองกษัตริย์ ถูกถนัดทั้งสอง พี่น้องล้มกับดิน และสิ้นสมฤดี ณที่ประยุทธ์กัน ครานั้นอินทรชิต ปลื้มจิตหัวเราะลั่น สำคัญว่าไพรี ม้วยชีวีด้วยศร สั่งนิกรกลับเวียง เสียงสนั่นลั่นโห่ ชโยเฃ้าลงกา [๖๖] พอเพลาพลบค่ำ สุริยย่ำยอแสง จึ่งกำแหงหนุมาน กับท่านท้าวพิเภษณ์ เที่ยวในเขตสนาม ถือคบตามกันไป ใฝ่ค้นหาตัวท่าน ชามพะวานจอมหมี พญานี้นอนนิ่ง บ่มิติงกายา สองราจึ่งเขย่า เร้าจนจอมหมีฟื้น คืนซึ่งสมฤดี บัดนี้จึ่งถามว่า จะมียาหนไหน ที่จะได้แก้พิษ ศรเรืองฤทธิ์แรงราน ชามพะวานบอกว่า ที่หิมาลัยสล้าง หว่างไกลาศเสิดลบ แลฤษภยอดทอง จะมองเห็นภูผา มีบรรดาโอสถ ทั้งหมดอันเลิดดี จากยอดนี้จงหา ต้นยาสี่วิสุทธิ์ [๖๗] วายุบุตรรีบไป ไวๆอย่ารอช้า วายุบุตร์ก็พลัน ผายผันทางอัมพร ถึงสิงขรสรรพยา แต่ว่าครั้นเที่ยวค้น ต้นโอสถทั้งสี่ โอสถหนีซ่อนเร้น เห็นว่าแม้รั้งรอ ต่อไปจะเสียการ หนุมานเรืองศักดิ์ จึ่งหักยอดคีรี ชลอรี่เร็วรีบ สู่ทวีปลงกา มาถึงที่รณยุทธ์ วายุบุตร์แรงเลิด เชิดชูโขดนั้นไซร้ ไว้ทางฃ้างเหนือลม คุณอุดมแห่งยา พระพายพาผ่านพัด ต้องกษัตริย์ทั้งสอง ทั้งผองพลพานร ศรก็หลุดจากสกนธ์ ทุกตนพื้นขึ้นพลัน อันบาดแผลเหือดหาย สุขสบายเช่นเก่า บัดนี้เล่ากะบี่ ต่างมีใจเคืองแค้น แล่นไปยังเวียงใหญ่ เอาไฟจุดเผาค่าย ระเนียดรายรอบเวียง เสียงอสูรโกลา เพราะว่าเพลิงลุกลาม วามวูถึงในเมือง เรืองโรจน์แรงแสงฉาน เรือนชานลุกลามไหม้ ทั้งเรือนใหญ่เรือนน้อย นับด้วยร้อยด้วยพัน อันนิเวศน์วังใน ไฟก็ลามเฃ้าถึง จึ่งอลหม่านทั่วไป ที่ในเวียงยักษา เพราะในราตรีนั้น กุมภัณฑ์มัวประมาท คาดว่าศตรูตาย มลายหมดครานี้ ครั้นอัคคีเกิดไหม้ จึ่งตกใจวุ่นนัก ยักษ์จึ่งต้องดับเพลิง อันเริงแรงนั่นไซร้ กว่าจะดับเสร็จได้ ก็นาน เจียวนอ ฯ

โคลง ๓

๏ พญามารเคืองขัด จึ่งสั่งจัดทัพให้
สองพระโอรสไซร้ ทรงคุม
๏ กุมภะพี่ประนอม พร้อมนิกุมภะน้อง
ยกพลยักษ์แซ่ซร้อง ออกไป
๏ ถึงในถิ่นสมร รบวานรกลั่นกล้า
แต่สองยักษ์ไม่ช้า ชีพมลาย ฯ

โคลง ๒

๏ ลูกชายสิ้นชีพไซร ทศเศียรจึ่งใช้
พระหลาน  
๏ ขุนมารมังกะรากษ์นี้ [๖๘] บุตร์ขรผู้ชื่อชี้
ชาญณรงค์  
๏ ยรรยงประยุทธ์กล้า เสียงสนั่นลั่นฟ้า
ดินไหว  
๏ รุกไล่กะบี่ว้า วุ่นใหญ่จนถับหน้า
รามินทร์  
๏ พระปิ่นพิภพน้าว ธนูแผลงเดชน์ห้าว
ฤทธิ์ขลัง  
๏ ถูกมังกะรากษ์ดิ้น กับพื้นพิภพสิ้น
ชีวัน ฯ  

โคลง ๔

๏ ครานั้นขุนราพณ์ใช้ ยุพราช
ให้ออกสู้ศัตรู อีกครั้ง
จึ่งอินทรชิตกาจ กราบรับ ใช้แล
แล้วรีบไปจัดตั้ง พิธี
๏ อัคนีโหตร์ล้ำ เลิดยัญ [๖๙]
ซึ่งเมื่อกระทำแล้ว สัมฤทธิ์
ก็ได้รถจากสวรรค์ เพื่อขี่
อีกพระเพลิงประสิทธิ์ ศิลป์ศร
๏ จึ่งจรโดยรถดั้น เมฆา
แฝงอยู่ในกลีบเมฆ เหมาะหมั้น
จึ่งแผลงซึ่งศรอา คเณยาสตร์
ต้องศตรูที่นั้น สดวกดาย
๏ บ้างตายบ้างเจ็บล้ม เกลื่อนกลาด
จึ่งลักษมันโกรธา ไป่ยั้ง
หยิบศรเอกพรหมาสตร์ ว่าจะ
แผลงฆ่าอสูรทั้ง โลกมลาย
๏ ฦๅสายราฆพห้าม อนุชา
ว่าอย่าเลยจะบาป มากนัก
พี่เองจะเข่นฆ่า จำเพาะ
ผู้ที่แสนอัปรลักษณ์ แอบยิง
๏ จริงนะศรพี่นี้ อย่ากลัว
คงจะค้นจนพบ จุ่งได้
อินทรชิตร้อนตัว รีบกลับ
บ่มิรออยู่ให้ ธประหาร
๏ ขุนมารนิมิตร์รูป มายา
ด้วยเวทมนตร์อันขลัง เสร็จได้
เหมือนรูปแห่งสีดา นงลักษณ์
เอาออกไปฆ่าให้ ลิงเห็น [๗๐]
๏ เช่นนี้กะบี่ท้อ ใจนัก
ถอยจากสนามยุทธ์ แห่งนั้น
อินทรชิตเรืองศักดิ์ สมมาตร์
จึ่งรีบขับรถดั้น จากสมร
๏ วานรไปเฝ้าพระ จอมโลก
ทูลว่ายักษ์ประหาร แม่เจ้า
ราฆพก็แสนโศก สุดเทวศ
อีกอนุชก็เศร้า โศกา
๏ พญาพิเภษณ์ผู้ ฉลาด
ทูลว่าความโศกจง โปรดยั้ง
อ้ายอินทรชิตกาจ ทำเล่ห์ ลวงนา
เพื่อหลบออกไปตั้ง พิธี
๏ ที่ตำบลทุ่งกว้าง กุมภิ ลาแล
เพื่อปลุกตัวให้แขง ดังเพ็ชร์
อาวุธศัสตราวิ เศษชุบ ด้วยนา
ต้องอย่าให้สำเร็จ สมถวิล
๏ ภูมินทร์จึ่งตรัสใช้ พระศรี อนุชแล
กับพิเภษณ์ให้ไป บัดนั้น
ล้างกิจนิกุมภี ลาเร่ง ไปเทอญ [๗๑]
เพราะว่ากาลกระชั้น อยู่นา
๏ น้องยารับพระราช โองการ
รีบยกพหลพล กลั่นกล้า
ถึงทุ่งที่ขุนมาร กอบกิจ
เฃ้าประยุทธ์ไป่ช้า ฉับไว
๏ ขัดใจจึ่งลูกท้าว ทศกัณฐ์
แผลงเดชน์ต่อสู้ศร อนุช
ต่างฝ่ายต่างแขงขัน สามารถ
จึ่งต่างสัประยุทธ์ อยู่นาน
๏ ศรราญศรรบสู้ ศรแรง
ศรต่อศรต้านศร ศักดิ์ห้าว
ศรประทะศรแผลง ศรรบ
ศรต่อศรลั่นด้าว แด่นดง
๏ องค์วีระราชน้อง รามินทร์
ยิงซึ่งเอนทราสตร์ ครั่นครื้น
ไปตัดศิระอิน ทรชิต
ขาดตกลงแทบพื้น ปัถพี
๏ บัดนี้เสียงแซ่ซร้อง สาธุการ
มาจากทวยเทพบน ฟากฟ้า
ฟ้อนรำขับลำสมาน ดุริยะ
โปรยบุษปะเกลื่อนหล้า กลิ่นหวาน ทั่วแล ฯ

ร่าย

๏ ขุนมารญี่สิบหัดถ์ ทราบชัดว่าลูกยา ม้วยชีวาเช่นนั้น กุมภัณฑ์เศร้าโศกแรง กรรแสงร่ำกำศรวล ครวญถึงลูกคู่จิต แล้วกลับคิดพิโรธ โกรธกริ้วนางสีดา ว่าเปนสาเหตุให้ ลูกบรรลัยครานี้ อสุรีจวนคลั่ง ตึงตังออกไปสวน และเห็นนวลนงลักษณ์ ชักดาพเงื้อเพื่อฟัน แต่บัดนั้นมนตรี มีสติทูลห้าม ปรามพญาราพณ์ไว้ เตือนหฤทัยราชา ว่าหากฆ่านงคราญ ทั่วสถานแดนไตร ในฟากฟ้าแลดิน จะติฉินว่าบาป พญาราพณ์ฟังทัก ขุนยักษ์ได้สติ จึ่งบ่มิฆ่าฟัน ผายผันคืนเฃ้าวัง สั่งเตรียมทัพฉับไว ได้ฤกษ์ยกออกสู้ ศตรูที่กลางแปลง วานรแขงขันต่อ บ่มิลดถดถอย คอยคุมเชิงรบราน ทหารยักษ์ล้มกลาด ดาดดินกลางสมร มโหทรเสนา มหาปรรศวะยักษ์ วิรูปักษ์เสนี ทั้งสามนี้วายปราณ พญามารโกรธา ขับรถารุกไป เฃ้าชิงชัยโดยแรง แผลงศรหมายจะยิง มิ่งมกุฎโกศล แต่จุมพลทรงศักดิ์ กับลักษมัณกำแหง ก็แผลงศรไปต้าน ศรต่างหาญต่างเก่ง เล็งทำลายล้างกัน ครานั้นพิเภษณ์เกล้า ฝ่าพลมารรานรุก บุกไปใกล้รถทรง ขององค์ราพณ์ราชา เอาคทารานรอน ตีอัศดรเทียมรถ ล้มลงหมดไป่ช้า พญาราพณ์โกรธนัก ชักหอกใหญ่ไพศาล หมายพุ่งผลาญพิเภษณ์ แต่นเรศร์ลักษมัณ รีบเฃ้ากั้นกางไว้ ราพณ์ขัดใจจึ่งซัด หอกถนัดไปถูก ลูกนางสุมิตรา แล้วล่าคืนธานี บัดนี้รามทรงศร ถอนหอกจากพระน้อง บ่สมปองปรารถนา ก็โศกาจาบัลย์ บัดนั้นสุครีพทูล นเรนทร์สูรอยู่เกล้า ว่าผ่านเผ้าภูวนัย วิตกใยครานี้ โอสถมีแก้ได้ แล้วใช้วายุบุตร์ ให้รีบรุดเร็วไป มโหทัยบรรพต เอาโอสถเลิดดี อันมีคุณนั้นมา วายุบุตรีรับใช้ ทันใดรีบล่องฟ้า ถึงผามโหทัย ทันใดชลอเขา เอาทูลเกศกลับพลาง วางลงให้สุเษณ ผู้เปนแพทย์รอบรู้ สุเษณผู้ปรีชา เก็บต้นยาพร้อมสรรพ์ พลันบดแล้วไปทา องค์อนุชาราฆพ น้องจอมภพก็ฟื้น คืนดีได้ดังเก่า บัดนี้เล่าทศเศียร เปลี่ยนรถใหม่ออกมา ยุทธนาอีกที ฝ่ายพระศรีโกศล รณรงค์ทรงสู้ ดำเนินอยู่กับดิน ภูมินทร์เสียเปรียบมาก ลำบากทางยุทธนา เพราะคราใดยักษ์หนี ภูมีบ่อาจไล่ ไปได้ทันทีท่วง เหมือนถูกถ่วงอยู่ไซร้ จึ่งยังบ่อาจได้ ชัยศรี ฯ

โคลง ๓

๏ ฝ่ายศจีปะติ ดำริห์ดูเหตุแล้ว
ส่งเทวะรถแก้ว ลงมา [๗๒]
๏ จึ่งเทพสารถี มาตลีรีบเต้า
ถึงพื้นพิภพเฝ้า รามินทร์
๏ นรินทร์โสมนัส ขึ้นรถรัตน์ไป่ช้า
ให้ขับประชิดหน้า จอมมาร
๏ ต่างรานต่างรณรอน ต่างแผลงศรรอคร้าว
ในที่สุดจึ่งท้าว ทศเศียร
๏ บาดเจ็บเจียนทั่วตน จนสลบแน่แล้ว
ขุนรถขับรถแก้ว ถอยหนี ฯ

โคลง ๒

๏ ปางนี้อคัสตย์เจ้า ดาบสเล็งทราบเค้า
โดยญาณ  
๏ ว่าขุนมารโหดไซร้ ถึงที่กำหนดไว้
จะตาย  
๏ จึ่งผันผายเห็จฟ้า มาลงจำเพาะหน้า
จุมพล  
๏ ทูลสอนมนตร์ชื่อชี้ อาทิตยหฤทัยนี้
เลอสรร  
๏ ท่องมันตระหนี่แล้ว ยิงเถิดอาวุธแก้ว
ผลาญมาร แน่นา ฯ [๗๓]

ร่าย

๏ ฝ่ายผู้ผ่านลงกา ฟื้นขึ้นมาแล้วไซร้ ไล่พลรบรีบกลับ ประทะทัพวานร แผลงศรสู่ราฆพ รบกันใหญ่อีกคราว ท้าวราพณ์ถูกศรถนัด ตัดหัวขาดจากตัว แต่พอหัวตกไป หัวใหม่เกิดขึ้นแทน แสนสุดขลังดังเก่า ยิงอื่นเล่าหลายแห่ง ยักษ์กำแหงอยู่ยง คงชนม์อยู่บ่ตาย โยกย้ายยิงแห่งใด ก็บ่ได้วายชนม์ รณรงค์รบกัน ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ยักษ์ยังยืนยงอยู่ ภูธรออกระอา จนพระมาตุลี เตือนภูมีให้ใช้ แสงศรชัยพรหมาสตร์ ภูวนาถเล่าบ่น มนตร์อาทิตยหฤทัย พลางภูวนัยแผลงผาด พรหมาสตร์มุ่งไปรอน อันศรทรงตรงลิ่ว ฉิ่วไปดังลมพัด ปักถนัดกลางอก ขุนราพณ์ตกรถทรง ลงแทบปัถพี ครั้งนี้จะร่ายเวท วิเศษเช่นเคยมา ก็หาทันท่วงไม่ บรรลัยลงฉับพลัน พวกกุมภัณฑ์ร้องไห้ แตกหนีไปเร็วรา สู่ลงกาธานี ฝ่ายกะบี่รี้พล ทุกตนร้อนชโย โห่ถวายพระพร แด่ภูธรรามจันทร์ จากสวรรค์ยินเสียง สำเนียงร้องเสนาะ ดุริยางค์เพราะประสาน จากสถานเทวา ลมพัดพากลิ่นหอม มาอบออมอุรา กลีบบุบผาก็หล่น กล่นเกลื่อนภูมิสมร เสียงนิกรเทวัน สรรเสริญทั่วท้องฟ้า ว่าพระรามราฆพ ผู้เลิดลบแดนไตร เธอนี้ได้แก้แค้น แทนทวยเทพเรืองศรี ทั้งมุนีทรงพรต ที่ถูกทศกัณฐ์ มันข่มเหงมานาน ท่านได้มาทรงปราบ ราพณ์แรงร้ายตายลง ต่อนี้คงจะแสน สุขทุกข์แดนปรีดิ์เปรม เกษมสันติสงบ ขอราฆพชโย ครองโกศลเขตหล้า ชนมะยืนคู่ฟ้า คู่ดิน แม่นเทอญ ฯ

โคลง ๓

๏ อสุรินทร์พิเภษณ์ เห็นเชษฐามอดม้วย
ก็โศกสอื้นด้วย กำสรวล
๏ ครวญถึงคุณานันต์ อันเคยมีแต่กี้
มาดับชีพเช่นนี้ อาลัย
๏ พระภูวนัยตรัสปลอบ ว่าชอบแต่ท่านไซร้
จะรำพึงหน่อยให้ เสร็จสรรพ์
๏ อันเชษฐาวายชนม์ เวลารณยุทธแล้ว
สมแก่วีระแกล้ว กาจหาญ
๏ งานยุทธ์สุดสิ้นลง สมประสงค์เสร็จแล้ว
สภาพสันติแผ้ว ผ่องเผดิม
๏ จงเริ่มศราทธพรต สมเกียรติยศท่านท้าว
ผู้จอมรากษสด้าว ลงกา
๏ พญาพิเภษณ์ฟัง รับสั่งคลายโศกเศร้า
ประณตแทบบาทเจ้า จุมพล
๏ พอมณโฑทะรี มหิษีราพณ์ไซร้
มาจากนิเวศน์ได้ พร้อมกัน
๏ บัดนั้นเริ่มงานศพ ทำถูกครบแบบเค้า
ถวายเพลิงศพเจ้า ลงกา
๏ ราฆพให้ตั้งการ งานอภิเษกท้าว
พิเภษณ์ทรงรัชด้าว แดนมาร
๏ ประทานรดอภิเษก มงคลเอกเลิดล้ำ
โดยทรงหลั่งซึ่งน้ำ สาคร
๏ แล้วทรงศรคำนึง ถึงองค์อัคเรศแก้ว
ทราบเหตุคงจะแผ้ว ผ่องศรี
๏ ภูมีเรียกหนุมาน ท่านจงไปอย่าช้า
บอกมหิษีฃ้า ฉับพลัน
๏ ว่าลักษมัณสุครีพ คงชีพและราพณ์ม้วย
ขอหล่อนเปรมจิตด้วย เราเทอญ ฯ

โคลง ๒

๏ เชิญโองการใส่เกล้า วายุบุตร์รุดเฃ้า
สู่สวน  
๏ ทูลนวลนเรศแก้ว ตามที่ตรัสสั่งแล้ว
เสร็จสรรพ์ ฯ  

โคลง ๔

๏ ครานั้นพระแม่เจ้า สีดา
ทราบเหตุก็ปรีดี ยิ่งล้น
โสดสรงชำระกา ยาเสร็จ
ทรงเศวตภูษาพ้น พิศวง
๏ ขึ้นทรงวอช่อฟ้า ม่านทอง
ซึ่งพิเภษณ์จัดมา รับไซร้
ตำรวจยักษ์นำสอง สายเสด็จ
พร้อมพิเภษณ์ท่านไท้ ตามหลัง
๏ มายังค่ายหลวงเจ้า จอมคน
นางแหวกวิสูตร์ทอง ออกแล้ว
ลงกราบพระจุมพล สวามิศร์
เปรมหทัยผ่องแผ้ว เพียงจันทร์
๏ ครานั้นราฆพตรัส แก่ทราม สงวนแฮ
ว่ากรณีย์ฃ้า เสร็จแล้ว
ทำยุทธะสงคราม ชำนะ
ได้รับตัวนางแก้ว คืนมา
๏ อันว่าเกียรติยศ คืนคง
เพราะเหตุปราบอรี เสร็จได้
แต่ที่ประยุทธ์ยง สามารถ
จะเพราะรักหล่อนไซร้ ไม่เลย
๏ ทรามเชยเคยยักษ์อุ้ม โอบกาย
เคยอยู่ในเรือนราพณ์ นั่นแล้ว
ฉันใดจะมุ่งหมาย ให้รับ
กลับถนอมกล่อมแก้ว ดุจเดิม
๏ ใครเหิมก็อาจชี้ หน้าเรา
ว่าพระจอมโกศล ถ่อยแท้
รับหญิงที่เดนเฃา ปล้ำปลุก
เปนมหิษีแล้ ลงคอ
๏ พอได้ฟังตรัสไท้ ภรรดา
นิ่มอนงค์ตรัสแก่ พระน้อง
โอรสสุมิตรา ช่วยพี่ ด้วยเทอญ
เพราะพี่นี้จะต้อง จำตาย
๏ ฦๅสายธไม่เลี้ยง อยู่ใย พ่อเอย
จงรีบหาฟืนกอง อย่าช้า
พี่จะสู่กองไฟ เผาบัด นี้แล
สละชีพต่อหน้า ทรงธรรม์
๏ ลักษมัณฟังแล้วเหลือบ แลดู
เห็นพระจอมโกศล พักตร์บึ้ง
สุครีพพิเภษณ์ผู้ อื่นหมอบ นิ่งนา
เพราะว่าเกรงพระขึ้ง ขัดใจ
๏ สั่งให้กะบี่ตัด ฟืนมา
กองใหญ่ดังเทวี สั่งไซร้
แล้วหม่อมแม่สีดา ประณต
เดินประทักษิณไหว้ อัคนี
๏ บัดนี้ยกหัดถ์ไหว้ ประกาศ
อ้าพระอัคนีเดช อคร้าว
จิตฃ้าบ่เคยขาด สามิภักดิ์
ในพระราฆพท้าว ทรงศีร์
๏ อัคนีเทวะผู้ แรงจัด
เป็นพยานเห็นทุก สิ่งไซร้
หากฃ้ากล่าวความสัตย์ ขอจุ่ง
มาช่วยด้วยเถิดให้ ปลอดภัย
๏ อรไทยตรัสแล้ว จรดล
เฃ้าสู่กองอัคคี กาจกล้า
บัดนั้นจึ่งทุกตน ร้องร่ำ
สมเพชนาเรศหน้า นวลแข
๏ แต่บัดนี้ได้เกิด อัศจรรย์
และทุกผู้มองใน ฟากฟ้า
เห็นเทวะเทวัน มวลมาก
มาประชุมพร้อมหน้า สลับสลอน
๏ บิดรที่ล่วงลับ ไปนาน
มาอยู่ณกลางอา กาศนั้น
ท้าวเวสสะวัณท่าน จอมทรัพย์
ยมเทพเจ้าชั้น ใต้ดิน
๏ องค์อินทร์ปิ่นเทพไท้ พันตา
ทรงคชเอราวัณ เลิดล้ำ
วรุณเทพครองอา ณาจักร์
เปนใหญ่ในน่านน้ำ ธารา
๏ อีกมหาเทพผู้ ทรงโค
และพระพรหมาเอก อคร้าว
ทรงขุนห่านวโร ภาสผ่อง
ลอยอยู่เหนือแด่นด้าว พสุธา
๏ ครานั้นทวยเทพเจ้า ตรัสแก่ รามนา
อ้าพระองค์ผู้เปน โลเกศ
ผู้สร้างโลกหมดแท้ ไฉนจะ
ให้พระองค์อัศเรศ เฃ้าไฟ
๏ ฉันใดไม่รู้สึก พระองค์
ว่าพระคือเทวะ เทวะ
ฝ่ายรามพะวง งงอยู่
จึ่งตอบวัจนะ ว่าไฟ
๏ ฃ้าไซร้เปนมนุษ บุถุชน
เชื้ออิกษวากุลูก ทศรถ
ผู้ครองเขตโกศล ศรีสวัสดิ์
ขอยกมือประณต เทวา
๏ พรหมาตรัสว่าไท้ ฟังเถิด
ตัวท่านแหละนารายน์ เทพผู้
ปวงสัตว์ที่กำเนิด ในโลก
นอบเกศกราบเพราะรู้ จักดี
๏ ท่านนี้คือหริ ราชา
ผู้เมตตาผดุง โลกตั้ง
เธอนี่และคือว่า วิษณุ
ผู้อยู่ทั่วโลกทั้ง นอกใน
๏ ทรามวัยอันชื่ออ้าง สีดา นี่แล
คือพระลักษมีมาร ดาโลก
เพื่อปราบราพณ์พาลา พระเกิด
เปนพระรามบุญโศลก นรินทร์
๏ เสร็จสิ้นกิจที่ไท้ มุ่งมา ทำแล
รอนราพณ์ทุจริต มอดม้วย
ควรที่จะทรงปรา โมทย์ยิ่ง ใหญ่นอ
ทั่วโลกพลอยสุขด้วย เทียวหนอ
๏ พอฃาดดำรัสท้าว ธาดา
เปลวอัคคีก็แหวก ออกแล้ว
พระเพลิงจับหัดถา อัคเรศ
จูงออกพ้นไฟแผ้ว พหุภัย
๏ พาไปจำเพาะหน้า ภูบดี
และกล่าวพจน์รับรอง แด่ไท้
มลทินหมดบ่มี พาลพะ อีกเลย
ขอพระจงรับไว้ อย่าฉงน
๏ จุมพลตรัสตอบไท้ อคนี
ว่ามหิษีฃ้า สุดรัก
แต่มิอยากให้มี ใครติ ได้เลย
จึ่งทดลองประจักษ์ แก่ตา
๏ จิตฃ้าเองบ่ได้ สงสัย หล่อนเลย
เพราะเชื่อที่จิตนาง ยิ่งแก้ว
ตรัสพลางรับทรามวัย มากอด
ด้วยสิเนหาแผ้ว ผ่องศรี
๏ บัดนี้จึ่งเทพเจ้า มเหศร
ตรัสประทานพรรา ฆพไท้
แล้วชี้พระบิดา ทศรถ
ว่าพระมาด้วยไซร้ จงเห็น
๏ เช่นนั้นราฆพไหว้ บิดา
ทศรถเทพกอด ลูกแก้ว
ประสาทพระพรนา นาเนก
ให้ลูกทั้งสามแผ้ว พหุภัย
๏ ฝ่ายไท้เทเวศร์ผู้ ทรงวัชร์
ตรัสว่าเธอทำถูก จิตแท้
เธอขอพระพรบัด นี้อย่าง ใดฤา
เราจะให้แม่นแท้ ดั่งถวิล
๏ รามินทร์นอบเกล้ากราบ ขอพร
แก่พระเพ็ชระปา ณิไซร้
อันว่าพวกพานร สิ้นชีพ
ขอกลับคืนชีพได้ อย่านาน
๏ มัฆวานก็ให้ พรพลัน
กะบี่ที่ตายปวง กลับฟื้น
และฮิ้วโห่พร้อมกัน ขึ้นบัด นั้นแล
เสียงสนั่นครั่นครื้น พสุธา ฯ

ร่าย

๏ ครานั้นเสร็จสงคราม จึ่งพระรามราชา ตรัสลาท้าวพิเภษณ์ เพื่อประเวศเขตกรุง บำรุงราษฎร์สืบไป บัดนั้นไซร้ขุนมาร กราบภูบาลรีบเฃ้า ไปเอาบุษบกมาศ มายังราชมาลก ยกถวายภูวนาถ ทรงเปนราชวาหน จุมพลเปรมหฤทัย รับจะใช้ยานนั้น แล้วทรงธรรม์ตรัสลา ราชาพิเภษณ์มิตร์ บพิตร์จอมลงกา อีกลาสุครีวะราช ดิลกชาติวานร ภูธรตรัสขอบใจ ที่ได้ช่วยรำบาล รานรอนอริราช จนพินาศสมถวิล แต่อสุรินทร์เรืองเดช กับพานเรศเรืองฤทธิ์ โอนโมลิตบังคม องค์บรมจักรพรรดิ์ ประสานหัตถ์ทูลความ ขอตามเสด็จไป ถึงกรุงไกรอโยธยา เพื่อวันทาพระบาท ในวันราชพิธี ศรีราชาภิเษก เพื่ออดิเรกบุญญา บารมีครอบเกล้า เนาสราญสืบไป ภูวนัยประนอม ยอมให้ตามเสด็จ เตรียมการเสร็จพระองค์ ขึ้นทรงบุษบกมาศ พร้อมอัคระราชชายา และอนุชาทรงเดช ทั้งพิเภษณ์ตัวดี สุครีวะใจหาญ และบริพารพร้อมมูล ทั้งอสูรกะบี่ บัดนี้บุษบกทอง ฟ่องสู่ฟ้าคลาไป ในอากาศวิถี พระจักรีชวนนาง ชมทางวิถีเดิน ยามเหิรเห็จเตร็จไป ในอัมพรบ่ยั้ง รวดเร็วดังลมพา ไม่ช้าถึงอาศรม แห่งบรมดาบส ปรากฎนามถนัด ภรัทวาชมุนี ที่นี่จึ่งลอยลง องค์พระรามราฆพ เฃ้าไปนบดาบส แล้วเผยพจน์ตรัสใช้ ให้กำแหงวายุบุตร์ รีบรุดไปล่วงหน้า หาพญาคุหะ พระสหายทรงราชย์ เหนือนิษาททั้งหลาย นัดสหายให้คลา โดยมรรคาจรดล สู่โกศลด้วยไซร้ แล้วไปนันทิคราม ทูลความแด่ภรต ให้ทรงยศเตรียมทาง หว่างนั้นถึงกรุงศรี ทูลชนนีให้ทราบ เพื่อปลาบปลื้มหฤทัย รับใช้พระภูบาล จึ่งหนุมานทูลลา เหิรเวหาเหาะไป ไม่ช้าพบคุหะ บอกฃ่าวพระสหาย แล้วผายอากาศผัน ถึงนันทิครามเฃ้า ไปเฝ้าพระอนุชา ทูลกิจจาแถลง แจ้งเหตุทุกสิ่งไซร้ ตามพระราฆพไท้ สั่งมา ฯ

โคลง ๓

๏ ฝ่ายว่าพระภรต ฟังพจน์กะบี่แล้ว
หฤทัยผ่องแผ้ว เกษมสานต์
๏ สั่งการแต่งถนน สถลงามผ่องแผ้ว
สู่ทวาเรศแก้ว กรุงศรี
๏ เชิญชนนีสามรา มาคอยรับอยู่พร้อม
บริวารแวดล้อม คอยชม ฯ

โคลง ๒

๏ ลูกลมกลับสู่ไท้ ทูลการเตรียมเสร็จไว้
ทุกอย่าง แล้วนา ฯ  

โคลง ๔

๏ แถลงปางประเวศแคว้น โกศล
สมเด็จพระรามา ธิราช
ยาตราพยุหพล ชาวอยุธย์
พร้อมยักษ์กะบี่กาจ เกียรติไกร
๏ ภูวนัยพร้อมพระ มหิษี
ทรงบุษบกทอง ผ่องแผ้ว
ฝ่ายสามพระเทวี มาตุ
ทรงพระวอกอบแก้ว แกมทอง
๏ พระน้องทั้งสี่ขึ้น รถทรง
พิเภษณ์สุครีพขี่ มิ่งม้า
กระบวนแห่ห้อมองค์ จักรพรรดิ์
งามหมดทั้งหลังหน้า พาจร
๏ เฃ้านครอโยธ ยางาม
ชาวนครยินดี โห่ร้อง
ชโยโห่ด้วยความ ปลื้มจิต จริงฮา
เสียงสนั่นลั่นก้อง เกรอกกรุง
๏ มุ่งไปนิเวศน์ไท้ นาถา
ถึงเสด็จขึ้นยัง ปราสาท
พ่อพราหมณ์สวดมนตรา ไตรเพท
สมโภชมณเฑียรราช ไพศาล
๏ ภูบาลตรัสสั่งตั้ง พิธี
วรราชาภิ เษกไซร้
ได้ฤกษ์พระมุนี วสิษฐ
ทรงมกุฎถวายไท้ ราชา
๏ รามาธิราชครั้น เสร็จการ
จึ่งแจกบำเหน็จควร ทุกผู้
ทั้งนายไพร่ทหาร พิริยะ
ตามเสด็จไปสู้ เศิกกษัย
๏ ผู้ใหญ่ที่อยู่เฝ้า นคร
ก็รับบำเหน็จความ ชอบไซร้
อีกพศกนิกร ทั้งสี่ พรรณแล
ธก็บริจาคให้ ทั่วกัน
๏ ครานั้นงานใหญ่ตั้ง หลายวาร
ในอโยธยาแสน สนุก
ทุกเรือนก็มีงาน เริงรื่น
อีกประดับแต่งทุก เคหา
๏ ราชาภิเษกไซร้ เสร็จงาน
พิเภษณ์สุครีพลา นาถท้าว
พิเภษณ์สู่กรุงมาร ครองทวีป
สุครีพคืนครองด้าว กีษกินธ์
๏ ภูมินทร์ราเมศไท้ ทรงเมือง
ตามนิติธรรมตัง ก่อนกี้
พระฤทธิ์พระเดชเลื่อง ฦๅทั่ว ภพแฮ
เปนเยี่ยงกษัตริย์ชี้ เลิดคน
๏ โกศลศานติแม้น แดนสรวง
เพราะพึ่งบารมี ดั่งซุ้ม
ปลอดภัยพิบัติปวง พาลพะ
เพราะพระคุณท่านคุ้ม ประชา
๏ จึ่งนาครทั้งสี่ พรรณะ
ได้กอบกิจสดวก หมดได้
สมกรณียะ กำหนด
เพราะพระนรนาถไท้ การุญ
๏ ส่วนสุนทรราชเจ้า รามินทร์
เคียงคู่มหิษี ท่านไซร้
สุขแม้นพระวัชริน เสวยสุข
คู่ศจีจิตได้ เปรมปรีย์
๏ ภูมีธได้กอบ การยัญ
หลายอย่างตามตำหรับ พระเวท
ทุกการพลีธรรม์ สัมฤทธิ์
ผลพิสุทธิ์พิเศษ รับสม
๏ รื่นรมย์หลายสิบร้อย ฉนำ
บ่มิได้มีภัย พาดพ้อง
ทรงธรรมรักษาธรรม สุจริต
ไตรโลกรวมแซ่ซร้อง สาธุการ
๏ อวตารปางเจ็ดนี้ แถลงมา จบนอ [๗๔]
สังเขปเก็บความตาม เรื่องรู้
จากตำหรับรามา ยณะ
ใดพร่องอภัยผู้ แต่งเทอญ ท่านเอย ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ