๏ จักดำเนินตำนาน ตามโบราณคัมภีร์ อันมีนามภาคะวัต จัดเปนตำหรับเลิด กล่าวกำเนิดวิษณู ผู้ผดุงโลกนี้ มีข้อความกล่าวชัด ว่าเมื่อปัทมะกัปป์ ลับล่วงลงแล้วนั้น อันเทวะพรหมา เหนื่อยกายาใคร่นิทร์ เพื่อบพิตร์ผ่อนกาย หมายให้กำลังมี คงคืนดีดังเดิม แล้วจะเริ่มเทวะกิจ ประดิษฐ์โลกขึ้นใหม่ ดังนั้นไซร้พรหมา ก็นิทราหลับไหล บัดนั้นไตรโลกสลาย สัตว์มลายวายชนม์ ทั่วสากลระทม จมอยู่ในมหรรณพ กว่าจะครบกำหนด ปรากฎพรหมะราตรี เมื่อนั้นมีอสุรา ผู้เปนทานพราช สามารถฤทธิเรืองราม มีนามว่าหัยครีพ ยังชีพอยู่ในสมุท ผุดขึ้นจากมหรรณพ พบองค์พระพรหมา นิทราสนิทแน่ แลกระแสรพระเวท วิเศษล้ำโลกัย หลั่งไหลจากโอษฐท่าน ขุนยักษ์หาญสมปอง รองรับพระเวทไว้ จบเสร็จสำเร็จได้ สิทธิ์สรรพ์ ฯ
โคลง ๓
๏ กุมภัณฑ์แสนเปรมใจ |
ได้พระเวทเลิดล้ำ |
จึ่งรีบประดาน้ำ |
กลับพลัน ฯ |
โคลง ๔
๏ ปางนั้นหริราชเจ้า |
โลกา |
ทราบกิจทานพทำ |
ชั่วไซร้ |
พระทรงพระเมตตา |
แต่สัตว์ |
หวังอนุเคราะห์ให้ |
สุขสานต์ |
๏ อวตารทรงรูปแม้น |
มัตสยา |
คือศะผะริตน |
ตีบน้อย |
แหวกสายว่ายคงคา |
คอยท่วง ทีแฮ |
เมื่อถับโอกาศคล้อย |
ถูกกาล ฯ |
ร่าย
๏ ในสถานถิ่นชน มณฑลทระวิระ ณสมัยกาลนั้น มีทรงธรรม์ทรงราชย์ นามประกาศปรากฎ สัตยพรตราชา ลูกสุริยาทิตย์ไท้ ได้ฉายาเรียกกษัตร์ ไววัสวัตจอมภพ ธเคารพนารายน์ มุ่งหมายในทางธรรม บำเพ็ญตะบะฌาณ บ่ใฝ่การโลกีย์ บ่มีโลภโกรธหลง ทรงสันโดษมักน้อย บ่เสื่อมถอยศรัทธา เปนมหามหาตม์ล้ำ เสวยแต่น้ำทุกวาร เปนอาหารเนืองนิตย์ บพิตร์กอบยัญญการ เชี่ยวชาญปานเทวา ราชาจึ่งได้นาม ตามปรากฎประกาศ ว่าศราทธะเทพเจ้า เปนนาถะร่มเกล้า ชนานันท์ ฯ
โคลง ๓
๏ วันหนึ่งธอยู่ยัง |
ฝั่งกฤตะมาลากว้าง |
หวังจะชำระล้าง |
บาปปวง |
๏ พระจ้วงวักธารา |
ในหัตถากอบไว้ |
พอพระพินิจไซร้ |
จึงเห็น |
๏ เปนปลาศะผะรี |
อันกายีกระจ้อย |
ธก็ปล่อยปลาน้อย |
สู่ธาร ฯ |
โคลง ๒
๏ ภูบาลยินมัจฉะน้อย |
กล่าวเสนาะเพราะถ้อย |
ดุจคน ดั่งนี้ ฯ |
|
โคลง ๔
๏ จุมพลกษัตร์โอ้ |
ฉันใด |
พระย่อมเมตตาปวง |
สัตว์แล้ |
จึ่งจะปล่อยฃ้าไป |
ในน่าน น้ำนอ |
ฃ้าอ่อนคงต้องแพ้ |
พ่ายเฃา |
๏ เอารสสุริยะไท้ |
ยินสาร |
ศะผะริกล่าวพ้อ |
เช่นนั้น |
จึ่งช้อนมัจฉ์จากธาร |
โดยด่วน |
เอาใส่ในหม้อหมั้น |
เหมาะดี |
๏ ราตรีล่วงลับแล้ว |
เพียงหนึ่ง |
จอมภพเห็นมัจฉา |
นั่นไซร้ |
กายาเติบโตผึ่ง |
เต็มภาชน์ |
แสนประหลาดบ่ได้ |
นึกฝัน |
๏ คราวนั้นมัตสยะร้อง |
ทูลไท |
ฃ้าอยู่หม้อนี้คับ |
แคบแท้ |
ขอจอมภพฦๅชัย |
จงโปรด |
ให้ที่อยู่ใหญ่แล้ |
เหมาะตน |
๏ จุมพลธก็ช้อน |
ศะผะรี |
ไปใส่ลงในอ่าง |
ใหญ่กว้าง |
ภายในเขตนาที |
ห้าสิบ |
ปลาก็โตติดฃ้าง |
อ่างศรี |
๏ ศะผะรีร้องว่า |
ราชะ |
พระก็ทรงการุณย์ |
มากไซร้ |
แต่อ่างนี้แสนจะ |
คับแคบ จริงนอ |
ขออยู่ที่ใหญ่ให้ |
เหมาะใจ |
๏ ภูวนัยมากด้วย |
เมตตา |
นำมัตสยะสู่สระ |
ใหญ่ล้ำ |
แต่ว่ามินานปลา |
โตเติบ |
เต็มติดขอบสระน้ำ |
จุขัง |
๏ เสียงดังสนั่นจ้า |
ปลาท๔ล |
อ้าพระผู้ทรงธรรม |
เที่ยงแท้ |
สระที่นเรนทร์สูร |
ให้อยู่ |
บ่มิพอเพื่อแม้ |
ว่ายวน |
๏ จอมคนจงโปรดฃ้า |
อีกครา |
ให้ดนูได้มี |
ที่กว้าง |
เพื่อว่ายแหวกในธา |
ราเล่น |
เปนสุขสนุกบ้าง |
เถิดหนอ |
๏ พอฃาดคำว่าเว้า |
แห่งปลา |
องค์พระสัตยพรต |
ผ่านเผ้า |
ก็ตรัสสั่งเสวกา |
มาช่วย |
ช้อนมัตสยะนำเต้า |
ตะบึง |
๏ ครั้นถึงซึ่งฝั่งกว้าง |
ทเล สาปแฮ |
วัดรอบขอบชลธี |
โยชน์ร้อย |
จึ่งตรัสสั่งให้เท |
ปลาปล่อย |
แต่บัดนั้นปลาน้อย |
มหิมา |
๏ ราชาบมิท้อ |
ถอยใจ |
นำมัตสยะสู่ชาย |
สมุทกว้าง |
พอปล่อยถับที่ใน |
คลื่นสมุท |
มัตสยะก็ลอยคว้าง |
อยู่ดี |
๏ แล้วมีวาทะพ้อ |
ราชา |
อ้าสมุทสาคร |
นี่ไซร้ |
มีนาคและเหรา |
เที่ยวท่อง |
สามารถพิฆาฎได้ |
สุดชีว์ |
๏ อ้าวีระราชเจ้า |
ทรงศร |
ขึ้นชื่อว่าเมตตา |
เลิดล้ำ |
ทิ้งฃ้าณสาคร |
ณบัด นี้ฤา |
พหุภัยในน้ำ |
มากมี ยิ่งนา ฯ |
โคลง ๓
๏ ภูบดีถูกปลา |
ลวงหลอกมามากไซร้ |
ธระลึกนึกให้ |
ฉงน ฯ |
โคลง ๒
๏ จุมพลอยากใคร่รู้ |
จึงตรัสแก่มัจฉ์ผู้ |
มหิมา ฯ |
|
ร่าย
๏ อ้ามัตสยาเรืองฤทธิ์ ฃ้านี้คิดสงสัย โดยท่านไซร้จำแลง แปลงรูปได้หลากเหลือ เผือบ่ได้เคยเห็น หรือยินเช่นมัตสยา อันมหิมาโตใหญ่ เต็มในทเลนั้น อันวัดรอบบ่น้อย กว่าร้อยโยชน์ปรากฎ ในกำหนดวันเดียว ฃ้าเฉลียวใจตรึก นึกว่าท่านมั่นคง เปนองค์พระภคะวัต มาถนัดต่อหน้า ตูฃ้าบาทบัดนี้ อ้าหะรีเรืองฤทธิ์ ผู้สถิตเหนือคลื่นสมุท จัตุรภุชนารายน์ พระกลับกายแปลงมา เปนมัตสยาเรืองเดช เพราะเมตตาฃ้าบาท อีกนรชาติทั้งหลาย ฃ้าถวายบังคม บุรุโษดมสยมภู ผู้เปนพรหมธาดา สร้างโลกาสัตวชาติ เปนหรินาถยศยง ผู้ทรงเลี้ยงโลกตรี เปนศีวะมเหศวร ล้างมวลสิ่งมลทิน พระเปนปิ่นเทวา ทรงมหามหิทธิศักดิ์ เปนที่รักภักดี ปรียะของฃ้าเจ้า ผู้เอาใจใฝ่จง รักพระองค์ทุกกาล ทรงอวตารครั้งใด มาในโลกแห่งนี้ ย่อมมีประโยชน์สานต์ บันดาลบังเกิดสุข รำงับทุกข์นานา บัดนี้ฃ้าใคร่รู้ พระสยัมภูเหตุใด จึ่งครรไลเสด็จลง ทรงรูปมัตสยานี้ อ้าหะรีราชะ กมะเลกษณะน่านิยม ฃ้าบังคมแทบบาท แห่งเทวราชทรงคุณ เกื้อการุณย์ทั่วผู้ ขอประทานรั่วรู้ สักครา ฯ
โคลง ๓
๏ พระมหาโลกนาถ |
ฟังนรราชกล่าวไซร้ |
จึ่งตอบพจนะไท้ |
ปุจฉา ฯ |
โคลง ๔
๏ อ้าสัตยะพรตเจ้า |
ประชา |
เราเสด็จอวตาร |
บัดนี้ |
เพื่อกู้ซึ่งโลกา |
ไว้เพื่อ เธอแล |
อีกช่วยแนะนำชี้ |
ช่องทาง |
๏ ระวางแต่นี้ |
เจ็ดวาร |
จะเกิดอุทกภัย |
ท่วมท้น |
ทั่วไตรโลกสถาน |
มิดหมด |
บ่มิมีใครพ้น |
รอดภัย |
๏ เธอไซร้ผู้อาจล้าง |
อรี |
จงมุ่งมองดูใน |
คลื่นครื้น |
เราจะส่งนาวี |
ลำใหญ่ |
มารับเธอจากพื้น |
หาดทราย |
๏ ฦๅสายจงเก็บต้น |
โอสถ |
อีกพืชพรรณพฤกษา |
ใหญ่น้อย |
ชวนสิทธะทรงพรต |
ทั้งเจ็ด ตนแล |
ทั้งพวกบริพารคล้อย |
สู่เรือ |
๏ และเพื่อเพาะสัตว์ไว้ |
ต่อไป |
จงจัดเดรัจฉาน |
จุ่งได้ |
อย่างละคู่ครรไล |
ลงสู่ เรือนา |
แล้วและบำรุงไว้ |
เพศพรรณ |
๏ อันนาวาใหญ่นั้น |
จะพา |
เธออีกบริพาร |
รอดพ้น |
จากอันตะรายา |
น่าสยด |
แห่งอุทกถั่งท้น |
แน่นอน |
๏ จะจรณน่านน้ำ |
ชลธี ใหญ่นา |
ปราศจากตวันเดือน |
มืดแท้ |
คงมีแต่รัสมี |
เปล่งปลั่ง |
แห่งพระฤษีแล้ |
เจ็ดตน [๗] |
๏ เมื่อยลเรือใหญ่นั้น |
สั่นคลอน |
เพราะถูกมหาวา |
ยุกล้า |
ฃ้าจะแหวกสาคร |
มาถับ |
เธอจุ่งไว้ใจฃ้า |
อย่ากลัว |
๏ คร่าห์ตัวนาคน้ำจาก |
สาคร |
ปลายหนึ่งผูกหัวเรือ |
มั่นไว้ |
ปลายหนึ่งผูกที่หงอน |
เราเถิด |
เราจะจูงเรือให้ |
ปลอดภัย |
๏ เราไซร้จะอยู่ใกล้ |
จอมนรา |
จนหมดพรหมราตรี |
นั่นแล้ว |
บัดนั้นแหละราชา |
จักทราบ |
ชัดว่าเราศรีแกล้ว |
สิทธิสรวง |
๏ ปวงข้อที่ท่านท้าว |
สงสัย |
เมื่อนั่นแลจงถาม |
ถี่ถ้วน |
เราจักตอบคำใข |
ครบเสร็จ |
เธอจะรอบรู้ล้วน |
สิ่งสรรพ์ แน่นา ฯ |
โคลง ๒
๏ ครั้นตรัสเสร็จคติเค้า |
องค์พระหริเจ้า |
เสด็จหาย |
|
๏ ฦๅสายสัตยพรตไท้ |
นัขทศประณตไหว้ |
มัตสยา |
|
๏ ทอดหญ้าคาเพริดแพร้ว |
ปรายสู่บุรพะแล้ว |
นั่งลง |
|
๏ จงจิตสมาธิหมั้น |
ณพระหรินั้น |
ไป่ลด เลยนา ฯ |
|
ร่าย
๏ ครั้นกำหนดถับถึง ซึ่งกัลปะประลัย อันคลื่นในสาคร สูงสลอนเร็วรวด ใหญ่ยวดยิ่งเคยมา ซัดซ่า ๆ สู่ฝั่ง ดังพิลึกกึกก้อง ฟู่ฟองชลล้นหลั่ง ถั่งท้นท่วมหาดทราย แผ่สยายขึ้นฝั่ง จนกระทั่งทุ่งดอน สาครคว้างกว้างใหญ่ บ่ได้มีฝั่งฝา สุดสายตาแลไป บ่มิได้เห็นดิน ปัถพินทั่วไป มิได้มีที่แห้ง บางแห่งลึกหลายวา นานาสัตว์สยดสยอง ทั้งผองก็ตรีตรู ขึ้นสู่โขดเฃาเนิน ปีนเขาเขินหนีไป หวังให้พ้นอุทก บ้างก็ตกภูผา กายากลิ้งลงน้ำ เหราซ้ำคร่าห์ไป อีกทั้งในกาลนั้น อันมหาเมฆลอย ทั้งใหญ่น้อยในฟ้า บังสุริยามืดมล อนธะการทั่วภพ จบทั่วแคว้นแดนดิน สิ้นแสงสว่างใด ๆ ในไม่ช้าวลาหก ก็ตกลงพสุธา หลายโกฎิห่าบ่มิหาย บ่มิวายว่างเว้น เปนที่น่าสยดสยอน สัตว์บนดอนสท้าน คลานเฃ้าหาที่ร่ม ทั้งกลัวจมน้ำทเล กลัวฝนเทถูกหนาว อกราญร้าวทั่วกัน เมื่อนั้นสัตว์นานา หากลัวกันเองไม่ ต่างตนใฝ่หนีพ้น กระแสชลฉ่าฉาว กวางดาวนอนแนบสิงห์ เสือสมิงเคียงโค ช้างตัวโตเคียงหมี หนูอยู่ดีกับแมว นกแก้วเนาแนบเหยี่ยว กระจอกเปรียวเคียงแร้ง สุนักแฝงกับคน ปะปนกันทั่วไป เพื่อพ้นภัยพิบัติ อันประหัดโดยพลัน บ่มิทันรู้ตัว ความกลัวภัยใหญ่หลวง ปวงลืมภัยส่วนตน ต่างสับสนอลหม่าน พลุกพล่านหนีขึ้นดอน บ้างนอนในคูหา บ้างขึ้นค่าคบไม้ สุดแท้แต่จะได้ ทางหนี ฯ
โคลง ๓
๏ เมื่อนี้สัตยพรต |
รำลึกพจน์เทพไท้ |
ธจึ่งบ่มิได้ |
สยอน |
๏ ภูธรนั่งภาวนา |
ด้วยศรัทธาแน่นแฟ้น |
จนนาวิใหญ่แหล้น |
ถับถึง ฯ |
โคลง ๔
๏ ธจึ่งให้เก็บต้น |
โอสถ |
อันอาจบำบัดปวง |
โรคล้วน |
อีกพฤกษะพืชหมด |
มวลมาก |
ทุกๆชนิดถ้วน |
ถิ่นไผท |
๏ อีกให้เฃาจัดต้อน |
เดรัจ ฉานแฮ |
อย่างละคู่ครันครบ |
หมดแล้ว |
สั่งเสวกต้อนสัตว์ |
โดยด่วน |
ลงสู่นาวาแก้ว |
เสร็จสรรพ์ |
๏ ทรงธรรม์จึ่งนอบน้อม |
วันทา |
เชิญพระสัปตะฤษี |
เกียรติก้อง |
ลงสุระนาวา |
ลำใหญ่ |
แล้วแล่นออกสู่ท้อง |
สมุทไท |
๏ แลไปณพ่างพื้น |
ดินดอน |
เห็นอุทกขึ้นเร็ว |
รวดแท้ |
ปลายพฤกษะชาติสลอน |
แลสลับ |
ไป่ช้าก็มิดแม้ |
สุดปลาย |
๏ แลหลายคีริเงื้อม |
แง่งอน |
สูงตระหง่านปานยวน |
ยั่วฟ้า |
ครู่เดียวก็สาคร |
ท้นท่วม |
ถึงยอดไศละอ้า |
อนาถใจ |
๏ แลในน่านน้ำฟ่อง |
ฟองฟู |
เห็นศพคนสัตว์ลอย |
เกลื่อนแล้ |
ราชาธยิ่งดู |
อ่อนอก พระเอย |
โอ้สุดสงสารแท้ |
สุดทน |
๏ ทั้งคนทั้งสัตว์สิ้น |
โลกา |
วายชีพเพราะอุทก |
ท่วมท้น |
เหลือแต่ดนูมา |
แสนเปลี่ยว |
แทบมิอยากรอดพ้น |
อุทกภัย |
๏ เหลือบในนาวินัน |
แลเห็น |
บริวารมาเพื่อน |
แต่น้อย |
โอ้อุระลำเค็ญ |
ระคายจิต |
ยิ่งคิดยิ่งละห้อย |
โศกศัลย์ ยิ่งนา ฯ |
โคลง ๓
๏ ครานั้นสัปตะฤษี |
เห็นภูมีละห้อย |
จึ่งกล่าวสุนทรถ้อย |
กะถา |
๏ ราชะจงคำนึง |
ถึงพระเกศพไท้ |
เพื่อพระเทวะได้ |
เสด็จพลัน |
๏ ช่วยทรงธรรม์นฤนาถ |
ปราศจากภัยปลอดพ้น |
อันตรายะล้น |
หลากหลาย ฯ |
โคลง ๒
๏ ฦๅสายก็สร่างเศร้า |
นบพระสิทธะเจ้า |
เจ็ดตน |
|
๏ กะมลธแน่วน้อม |
อีกพระกายะค้อม |
นมัสการ |
|
๏ ภูบาลยอหัตถ์ไหว้ |
วอนพระพิษณุไท้ |
เทพทรง ศักดิ์แล ฯ |
|
โคลง ๔
๏ อ้าองค์สิทธิแกล้ว |
กลางสวรรค์ |
แผ้วผาดมฤตยู |
กาจกล้า |
เอางูใหญ่เปนบรร |
ยงก์โอ่ |
กลืนหมดทั้งฟากพ้า |
และดิน |
๏ ปิ่นเอาครุฑขี่ดั้น |
อัมพร |
กรสี่สำแดงเดช |
อะคร้าว |
สังข์จักรคทาธร |
ธรณิ |
กุมเหมาะพระหัดถ์ท้าว |
ตระการ |
๏ ประทานความสุขทั้ง |
ดับทุกข์ |
พระสุขุมสุขุม |
เลิดล้น |
งามดังตวันสุก |
แสงแจ่ม |
พระเปรียบปัทมะพ้น |
บุษบา |
๏ อ้าพระพฤษภผู้ |
เก่งกาจ |
เปนภพนี้รวมกับ |
ภพหน้า |
เอาพฤษภเปนอาสน์ |
โสภิต |
แสนฉลาดเลิดหล้า |
แหล่งไตร |
๏ ใหญ่ยิ่งรากษสทั้ง |
หมู่ยักษ์ |
เทเวศร์กำเนิดหลาย |
ชาติแล้ว |
ใหญ่เหนือเทพทรงศักดิ์ |
นับโกฎิ |
โรจน์ณอัมพรแพร้ว |
เฉิดฉัน |
๏ สิ่งสรรพ์รวมอยู่พร้อม |
ในองค์ |
สถิตณจิตโยคี |
ดุจถ้ำ |
พระเวทวิเศษทรง |
รู้รอบ |
เสริมศรัทธาเที่ยงล้ำ |
เลิดบุญ |
๏ เปนสุนทรเทพเจ้า |
รณการ |
ศรีวัตสะเด่นกลาง |
อกไท้ |
พระมีซึ่งธนสาร |
มวลมาก |
กลายกลับพระรูปได้ |
หลากเหลือ |
๏ อ้าเผือประณตท้าว |
ปรพรหม |
ผู้อภิรมย์สุข |
ใหญ่แท้ |
พระบ่มินิยม |
โลกียะ |
เปนพระอีศะแล้ |
เลิดไกร |
๏ ไท้วาสุเทพผู้ |
พีระ |
พระอภิรมย์ศรี |
เสริฐหล้า |
งามเลิดพระนัยนะ |
ปานรัตน์ |
เปรมจิตเปนนิตย์อ้า |
เอกโฉม ฯ |
โคลง ๓
๏ หริโอมเทวเทพ |
เสพย์พรหมาณฑ์ใช่น้อย |
เปนที่ควรกล่าวถ้อย |
ประณาม ฯ |
โคลง ๒
๏ ขอความบำราศแผ้ว |
อันตรายาแคล้ว |
คลาดปวง ภัยเทอญ ฯ |
|
ร่าย
๏ ฝ่ายจอมสรวงทรงสดับ ศัพท์ราชาทูลวอน ก็เสด็จจรโดยด่วน ทเลป่วนเปนคลื่น ระลอกครื้นเครงดัง ราวน้ำคลั่งขรม ราวลมคึกๆพัด เปนมหัศจรรย์เหลือ ชนในเรือไม่ช้า เห็นมัตสยาแล่นล่อง ฟ่องฟองฟูเฟื่องฟ้า จำแจ่มกลางสาคร งอนงามน่าพิศวง องค์ดังทองเนื้อเก้า ครีบนั้นเล่าเปล่งปลั่ง ดังราชาวดี แหวกชลธีว่องว่าย น้ำกระจายราวเพ็ชร ตละเม็ดพราวพรรณ อันกายาปลาไซร้ ใหญ่ยาวราวล้านโยชน์ เยี่ยมยิ่งโขดเขาหลวง ทั้งปวงในโลกนี้ อีกมีหงอนมหิมา ชูร่าเหนือฟองสมุท สูงสุดยิ่งต้นยาง ตั้งอยู่กลางศิระ จึงพระเจ้าสัตยพรต ประณตพระมัตสยา แล้วพลันคร่าห์เอานาค ขึ้นมาจากสาคร ภูธรเอาฃ้างหัว แห่งนาคตัวใหญ่เหลือ ผูกหัวเรือมั่นไว้ ฃ้างหางไซร้ภูธร ผูกกับหงอนมัตสยา ครานั้นพระอวตาร ท่านก็จูงเรือใหญ่ ลิ่วแล่นไปในสมุท บมิหยุดละลด ฝ่ายสัตยพรตภูมี ปรีดีเพราะพ้นภัย ไหว้องค์พระภควัต ประนมหัดถ์ราชา เล่ามนตราสรรเสริญ เยินยกเกียรติเทวราช ประกาศเกียรติอีกครั้ง ทั้งท่องสหัสสนาม เต็มตามแบบครบพัน อันองค์พระอวตาร ฟังภูบาลสรรเสริญ เพลิดเพลินเพราะเสนาะโสต พระปราโมทย์เบิกบาน บริหารชลพาหนะ แห่งองค์พระสัตยพรต อีกดาบสเจ็ดคน และสกลบริพาร พลางอวตารแถลง แสดงคติเลิด ประเสริฐสุนทรพจน์ ดังได้จดลงไว้ ในคัมภีร์นามถนัด เรียกมัตสยะปุราณะ แจ้งสังขยะวรวิท อันบพิตร์สัตยพรต โอรสสุริยะขลัง ผู้นั่งพร้อมฤษี เจ็ดตนมีฌาณกล้า ในนาวาล่องลอย สดับถ้อยหรินาถ ประศาสน์สอนให้รู้ ว่าสยัมภูแน่ชัด เปนมนัสซึ่งสิง อยู่ในสิ่งทั่วไป ให้ความสุขสวัสดี ในภพนี้ภพน่า ราชาค้อมคำนับ รับเทวะโองการ ประทานเหนือศิระเกล้า เพิ่มภักดิค่ำเช้า ไป่วายเลยนา ฯ
โคลง ๓
๏ ถึงปลายพรหมราตรี |
วารีซึ่งท่วมท้น |
ค่อยลดลงสู่ก้น |
สมุทไท |
๏ อันคลื่นในสาคร |
ค่อยหย่อนแรงลดบ้าง |
พายุที่พัดคว้าง |
ค่อยถอย ฯ |
โคลง ๒
๏ เรือลอยเฃ้าสู่ตื้น |
มิเนิ่นก็นั่งพื้น |
พสุธา |
|
๏ มัตสยาสั่งท่านไท้ |
คอยอยู่แห่งนี้ไซร้ |
เถิดหนอ |
|
๏ รออยู่อีกไม่ช้า |
เราจะกลับสู่หน้า |
ท่านพลัน ท่านเอย ฯ |
|
โคลง ๔
๏ ครานั้นตรัสเสร็จแล้ว |
อวตาร |
สลัดนาคที่พัน |
ศิระไว้ |
แล้วดำสู่ชลธาร |
ที่ลึก |
เพื่อจะกู็เวทได้ |
กลับคืน |
๏ ครืนๆสนั่นท้อง |
ชโลทร |
อวตารว่ายวน |
แหวกค้น |
จนพบที่เนานอน |
หัยครีพ |
พระก็ยินดีพ้น |
คณนา |
๏ มัตสยาตรงเฃ้าคาบ |
ขุนยักษ์ |
ซึ่งสดุ้งตื่นนอน |
บัดนั้น |
ยักษ์ดิ้นอยู่อะดัก |
อะเดิด |
แต่มัตสยะคาบหมั้น |
เหมาะจัง |
๏ ยักษ์ขลังก็ฟาดด้วย |
ตะบอง |
ตุบตึกอธึกใน |
น่านน้ำ |
สาครคลื่นฟูฟอง |
ยามต่อ กันแฮ |
ทั้งขบทั้งถีบปล้ำ |
มัตสยา |
๏ ฝ่ายปลาบ่ได้เจ็บ |
อินทรีย์ |
ฟันขบขุนยักษ์พลาง |
ฟาดซ้ำ |
มิใยยักษ์จะตี |
ตุบตุบ |
บ่มิได้เจ็บช้ำ |
ชอกกาย |
๏ ยักษ์ร้ายโลหิตโอ้ |
อาบองค์ |
อึดอัดดิ้นเท่าใด |
สุดดิ้น |
กำลังก็อ่อนลง |
เหลือที่ ทนนา |
ที่สุดก็สุดสิ้น |
ชีพพลัน |
๏ บัดนั้นพิษณุเจ้า |
อวตาร |
ค้นพระเวทอุดม |
เลิดไซร้ |
ได้ที่ศพยักษ์พาล |
ผู้พ่าย |
แล้วเทวะราชไท้ |
กลับพรรณ |
๏ พลันคืนพระรูปแม้น |
นารายน์ |
ไปสู่พระพรหมา |
นั่นแล้ว |
เชิญพระเสด็จผาย |
ผันสู่ |
ยังทิพยะสถานแคล้ว |
คลาดภัย ฯ |
โคลง ๓
๏ แล้วพระไวกูณฐนาถ |
เหิรอากาศไป่ช้า |
เสด็จจำเพาะหน้า |
นฤบาล ฯ |
โคลง ๒
๏ มีโองการแด่ท้าว |
สัตยพรตอะคร้าว |
ต่อไป ดังนี้ ฯ |
|
โคลง ๔
๏ ภูวนัยนฤนาถเจ้า |
จอมภพ |
ผู้สัตยธรรมธร |
เที่ยงแท้ |
ท่านจงประเสริฐสบ |
สรรพะสุข |
ปวงศัตรูพ่ายแพ้ |
เศิกกษัย |
๏ เราให้พรท่านนี้ |
จงเปน |
พระมนูชนก |
โลกล้วน [๘] |
รำงับดับขุกเข็ญ |
ในโลก |
จงประดิษฐานถ้วน |
สิ่งสรรพ์ |
๏ เพาะพรรณพฤกษะพร้อม |
ไพบูลย์ |
เพาะผลาผลเอม |
โอชแล้ |
เพาะธัญญะพืชพูล |
เพิ่มเพียบ |
เพาะพืชโอสถแก้ |
โรคภัย |
๏ จงให้กำเนิดทั้ง |
หญิงชาย |
เพื่อช่วยผดุงดิน |
นี่ไซร้ |
ผสมสัตว์ทั้งหลาย |
มวลมาก |
เพื่อมนุษได้ใช้ |
สิทธิ์ถวิล |
๏ ภูมินทร์จงหมั่นตั้ง |
หฤทัย |
สอนเหล่าประชาชน |
ลูกท้าว |
ให้คงมั่นอยู่ใน |
ธรรมะ |
บำราบความก้าวร้าว |
แก่กัน |
๏ อันสันติสุขนั้น |
อยู่ดี |
โดยรักษาสัตย์ธรรม |
เที่ยงแท้ |
อีกสามัคคีมี |
ใจรัก กันนา |
อาจปลอดพิบัติแม้ |
อริราญ |
๏ การกุศลอย่าเว้น |
บำเพ็ญ |
กรณียะปวง |
อย่าค้าง |
ถึงแม้จะลำเค็ญ |
คับจิต |
ก็อย่าได้ราร้าง |
เริดงาน |
๏ โองการพอจบซ้ำ |
อวยชัย |
แด่พระมนูองค์ |
อะคร้าว |
แล้วเสด็จกลับไว |
กูณฐ์เทพย์ สถานแฮ |
ทวยเทพบำเรอท้าว |
จักรี |
๏ แต่นี้นฤนาถเจ้า |
มนู |
ไววัสวัตขึ้นทรง |
ราชย์เรื้อง |
ทั่วพื้นถิ่นชมพู |
ทวีปใหญ่ |
แสนสุขทุกข์ปลดเปลื้อง |
ปลอดเข็ญ |
๏ เย็นเพราะพระครอบคุ้ม |
ชนปวง |
ดุจะร่มโพธิ์ทอง |
ปกเกล้า |
พระเดชก็เด่นดวง |
ปรากฎ |
ดั่งบิตุราชเจ้า |
แจ่มสวรรค์ |
๏ ปางนั้นนับว่าตั้ง |
กฤตะยุค ใหม่แฮ |
นรชาติถือธรรม |
สัตย์หมั้น |
ทั่วทุกชาติอยู่สุข |
รมย์รื่น |
ราวกับอยู่ช่วงชั้น |
สิริสรวง |
๏ ปวงบาปสิ่งหยาบช้า |
ประลัย |
ยามเมื่อโลกสถาน |
ดับแล้ |
และโลกเกิดใหม่ใส |
บริสุทธิ์ |
สิ่งชั่วบ่กลัวแม้ |
เอกอัน |
๏ รำพรรณเรื่องพระเจ้า |
อวตาร |
เปนมัตสยะมาปาง |
ก่อนกี้ |
เพราะเพื่อบริหาร |
เลี้ยงโลก |
จบเรื่องเพียงเท่านี้ |
ดำนาน ท่านเอย ฯ |