ปางที่ ๕ วามนาวตาร

[๑๖]ร่าย

๏ ขอใขความตามต่อ พอเปนเรื่องแสดง แถลงปางที่ห้า ตามสืบมาได้จาก ภาคะวัตปุราณ มีตำนานกล่าวว่า เดิมอสุราตัวดี ชื่อพลีฤทธิรุท บุตร์วิโรจน์เรืองยศ ผู้โอรสประหลาท ซึ่งประกาศประวัติ ถนัดในปางสี่ ขุนพลีนี้ไซร้ ได้ไปช่วยเทวา ครากวนเกษียรสมุท ที่สุดได้อมฤต สมดังคิดมุ่งไว้ แต่มิได้ดื่มกิน เช่นถวิลหวังทุกตน เพราะเสียกลเทวา ดังเล่ามาก่อนไซร้ ในตำนานปางสอง บ่สมปองจึ่งพลัน ประยุทธกันหนักหนา อสุราปราชัย พลีไซร้วายชนม์ อสุรพลพาศพ หลบหนีพ้นแดนสวรรค์ พลันกลับสู่บาดาล แล้วหมู่มารไปตาม คณะพราหมณ์ภาร์ควะ อสูรวอนพราหมณ์ไซร้ ให้ชุบชีพพลี คณชีโดยพลัน กอบการยัญบมิหึง จึงพลีกลับฟื้น คืนชีพได้ดังเดิม แล้วเริ่มกิจพิธี อันมีคุณวิเศษ เสริมฤทธิ์เดชแทตย์ไซร้ หลายฉนำจึ่งได้ ดั่งประสงค์ ฯ

โคลง ๒

๏ สมจำนงแน่แล้ว พลีก็ผ่องแผ้ว
กมล  
๏ เกณฑ์พลแทตย์ทั่วท้อง ถิ่นอธึกกึกก้อง
เขตมาร ฯ  

โคลง ๓

๏ เลือกล้วนหาญการเศิก เออกเกรอกฤทธิ์กลั่นกล้า
เคยชำนะทั่วหล้า แต่เพรง
๏ ล้วนเก่งล้วนกำยำ ล้วนกายล่ำใหญ่แท้
ศัสตราอาวุธแปล้ ไปล่มือ
๏ เสียงอื้ออหังการ พวกพลมารกึกก้อง
ต่างคนต่างโห่ร้อง เอาชัย ฯ

โคลง ๔

๏ ได้ฤกษ์เลิกทัพด้วย โกลา หลแฮ
ยกจากแดนบาดาล ต่ำใต้
ทยานผ่านเมฆา เหิรเห็จ
ไป่เนิ่นเดินทัพได้ ถับถึง
๏ จึ่งเทพผู้เที่ยวท้อง ธาตรี
เห็นทัพอสูรมา แค่แล้ว
รีบเหาะสู่่คีรี เมรุมาศ
ทูลพระผู้ถือแก้ว ฉับพลัน
๏ อันท้าววัชริได้ ฟังสาร
รีบเรียกชุมนุมพล เทพเจ้า
จัดแจงแต่งปราการ คูค่าย
ต่างเร่งต่างรุกเร้า เร่งงาน
๏ มินานทัพแทตย์ร้าย มาถึง
อมราวดี นั่นไซร้
พลันโห่อธึกอึง โจมจู่
ครั้งแรกหักมิได้ เวียงอินทร์
๏ อมรินทร์กำชับให้ รักษา มั่นแฮ
แล้วรีบไปสำนัก เทพเถ้า
พฤหัสบดีอา จารย์เอก
เคารพนบศิระเกล้า กราบลง
๏ อ้าองค์คุรุเจ้า เทพา จารย์นา
จงโปรดช่วยดับทุกข์ เดือดร้อน
อันแทตย์ที่ยกมา แรงฤทธิ์
สุดที่จะตีต้อน แตกไป
๏ ฟังใขจึงเทพเจ้า พฤหัส บดีแฮ
เล็งทิพยญาณเห็น แจ่มแล้ว
ตอบว่าพระทรงพัช ระแกว่น
ถูกเคราะห์เหมาะไม่แคล้ว คลาดภัย
๏ แทตย์ไซร้มีเดชล้ำ โลกา
เพราะเหตุอำนาจยัญ แน่แท้
แห่งภาร์ควะคณา พราหมณ์ช่วย
อิทธิฤทธิ์จึ่งแปล้ ไปล่ดี
๏ พลีจะครอบด้าว แดนสวรรค์
อีกมนุษยะโลก ถิ่นท้อง
ต่อไปพลีนั้น อิ่มอิทธิ์
ดูหมิ่นพราหมณ์จะต้อง เสื่อมศรี
๏ บัดนี้เคราะห์เทพร้าย แรงหนัก
ถึงจะสู้ก็คง จักแพ้
ขอเทวะราชศักร์ ทิ้งถิ่น เสียเทอญ
แล้วจึ่งค่อยคิดแก้ ต่อไป
๏ เสียใจเปนยิ่งพ้น พรรณนา
จึ่งมัฆวานถาม คุรุเถ้า
จะได้กลับคืนอา นุภาพ ฉันใด
ขอโปรดท่านแนะเค้า คติความ
๏ ฟังถามจึ่งเทพเจ้า ปุโรหิต ตอบแฮ
เห็นอยู่ก็แต่ทาง หนึ่งไซร้
คือท่านจุ่งวอนวิษ ณุนาถ
ให้โปรดช่วยจักได้ ดั่งถวิล
๏ องค์อินทร์จึ่งกราบท้าว เทพครู
ลากลับสู่วิมาน ก่องแก้ว
ชุมนุมเทพทุกผู้ แถลงฃ่าว
จำจะต้องคลาดแคล้ว ถิ่นไป
๏ ทันใดศักระนั้น จำแลง
เปนมยุรปักษี เตร็จฟ้า
ทวยเทพก็ล้วนแปลง กายหมด
แล้วต่างตนบ่ายหน้า จากสถาน
๏ ทัพมารยามยกปล้น ธานี อีกฮา
เห็นบ่มีผู้ใด อยู่แล้ว
โห่เออกเกรอกแดนตรี สนั่น
ตรูสู่บุระแก้ว เกษตร์สวรรค์
๏ ครานั้นพลิเจ้า ทานพ
ตั้งอภิเษกการ พรั่งพร้อม
ขึ้นเปนราชครองภพ สามสง่า
บริวารแวดล้อม สุขสันต์
๏ กอบยัญญะกิจก้อง ฉลองชัย
อีกเพื่อผดุงอา นุภาพ
แต่นั้นครอบครองไตร ภพทั่ว
ทุกถิ่นเกรงเดชราบ บ่ทนง สู้เลย ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายองค์ท้าวศักระ กับเทวะคณา คลาไคลเร็วเร่งรี่ สู่คีรีเหมกูฎ วิสูทธ์อาศรมรัตน์ แห่งกัศยปมุนี ประชาบดีทรงพรต เฃ้าประณตนมัสการ แล้วมัฆวานทูลว่า อ้าพระเทพบิดร ฃ้าเดือดร้อนเหลือแสน ทวยสุรแมนลำเค็ญ เห็นแต่พระบิดา และมาตุทรงศรี จะเปนที่พึ่งได้ บัดนี้ไซร้พลี แทตยบดีเหิมหาญ ยกไปราญรบเมือง มันกระเดื่องเดชา ฃ้าทั้งหลายพ่ายมัน จึงต้องผันพรากมา จากอมราวดี ทั้งนี้แสนเดือดร้อน พระบิดรมารดา โปรดเมตตาลูกด้วย ช่วยหาทางชำนะ จึ่งองค์พระอทิติ วิสุทธิเทพมารดร ประนมกรอัญชลี ทูลสวามีทรงญาณ ฃ้าสงสารลูกยา อ้าประชาบดี ครานี้โปรดรำพึง คำนึงหาหนทาง ช่วยลูกบ้างสักครา ฝ่ายประชาบดี ฟังเทวีวิงวอน เทพบิดรเมตตา จึ่งตรัสว่าดูก่อน หล่อนเองจงตั้งจิต อธิษฐานทันใด น้อมใจวอนวิษณู ผู้เปนเจ้าเลี้ยงโลก เผื่อบุญโศลกเทพไท้ จะโปรดประทานให้ อุบาย ฯ

โคลง ๓

๏ ฟังอภิปรายสวามี เทพชนนีนบเกล้า
แล้วเริ่มบูชิตเจ้า ไวกูณฐ์
๏ พูนเพิ่มพลีการ นงคราญพร่ำกล่าวถ้อย
เชิญพระพิษณุคล้อย เคลื่อนมา
๏ อ้าองค์เทวฤทธิ์ สิทธิสรวงศรีแกล้ว
หริราชะแผ้ว มฤตยู
๏ เอาขุนงูเปนแท่น แกว่นกลืนดินอีกฟ้า
เอาครุฑมาขี่อ้า เอกขลัง
๏ มือถือสังข์จักร์สง่า คทาธรณิสล้าง
พีระเดชะล้าง เศิกมลาย ฯ

โคลง ๒

๏ เชิญนารายน์เทพไท้ เสด็จมาเถิดให้
บูชา  
๏ ลูกฃ้าทุกข์โศกเศร้า เชิญพระหริเจ้า
ดับเข็ญ ด้วยเทอญ ฯ  

โคลง ๔

๏ พระเปนเจ้าทราบด้วย ทิพยญาณ
จึ่งเรียกขุนเวนไตย แกว่นแกล้ว
ขึ้นทรงเสด็จผ่าน นภากาศ
มาสู่เหมกูฎแก้ว บัพพตา
๏ มายังถิ่นที่ตั้ง พลีการ
ตรัสแก่อทิติ แม่เจ้า
เราสดับคำหวาน วอนแห่ง ท่านนา
จงจิตจะแก้เศร้า โศกศัลย์
๏ อันเราไม่ช้าจะ อวตาร
มาเกิดเปนโอรส ท่านแล้
และช่วยดับรำคาญ แห่งบุตร์ ท่านนอ
โดยคิดอุบายแก้ โศกหาย
๏ โฉมฉายจงหมั่นเฝ้า สวามี
ประติบัติบำเรอ ท่านไท้
อีกหมั่นสมาธี นึกแน่ว
ณที่ตูฃ้าไซร้ ทุกวัน ฯ

ร่าย

๏ ตั้งแต่นั้นต่อมา จึ่งกัลยาบำเพ็ญ เปนนิตย์ดังหริสั่ง ตั้งหฤทัยเสมอ บำเรอพระมุนี บ่ให้มีอนาทร ร้อนหฤทัยสักน้อย คอยประติบัติบำรุง ปรุงโภชนากระยาหาร รสหอมหวานเค็มมัน สรรแต่สิ่งโอชา อีกกัลยาระวัง นั่งอยู่คอยรับใช้ ช่วยก่อไฟในกูณฑ์ พร้อมมูลไม่ละเลย เครื่องสังเวยแต่งตั้ง พร้อมพรั่งดังประสงค์ ฝ่ายองค์พระมุนี ประชาบดีทรงญาณ มินานท่านรู้ชัด ว่าอมรรตยะราช หรินาถกำแหง แบ่งภาคพระนารายน์ มาสู่กายถนัด จึ่งกัศยปยินดี ปรีดีเปรมปราโมทย์ ที่เทพโปรดปรากฎ เพิ่มพูนยศแด่เธอ ให้เลิดเลอล้ำกว่า ประชาบดีใด เพราะจะได้เปนพระ ชนกแห่งนารายน์ สมหมายมุ่งปราถนา อยู่มาจนบรรจบ คำรบทศมาศแล้ว จึ่งนางแก้วอทิติ สิริล้ำเลิดเลอ เธอประสูติกุมาร รูปตระการโสภา สรรพลักษณาผ่องผุด ดุจรัตนะมณี วรรณฉวีโอภาส ผ่องพิลาศมฃาวงาม เกศาครามปานเมฆ เอกอุดมทั่วไป แต่ร่างไซร้ย่อมกว่า ชนธรรมดาสักน้อย แช่มช้อยน่ารักครัน ครานั้นกัศยปไท้ ให้นามบุตร์เสนหา ว่าวามนสมทรง เพราะพระองค์นั้นเตี้ย สิ่งเสียอื่นบ่มี ท่วงทีน่าเอ็นดู ตรูตราน่ารักใคร่ ปัญญาไซร้แหลมหลัก หมั่นนักชอบการเรียน เพียรในทางศึกษา มิช้าเรียนรู้จบ ครบวิทยาใหญ่น้อย รู้ระเบียบเรียบร้อย ทุกสถาน ฯ

โคลง ๓

๏ ถึงกาลควรผนวช ก็บวชตามแบบไซร้
สมสกุลสิทธิได้ ดังถวิล
๏ ยินกิติศัพท์มี ว่าพลีแทตย์ไท้
เตรียมยัญญะกิจไว้ จะทำ ฯ

โคลง ๒

๏ อำลาบิตุร์เจ้า อีกมาตุเกิดเกล้า
จากไป  
๏ ครรไลบมิยั้ง จนถับถึงที่ตั้ง
กิจยัญ ฯ  

โคลง ๔

๏ เมื่อนั้นพราหมณ์ผู้เผ่า ภฤคู
ตั้งกิจพิธียัญ เลิดล้ำ
ประชุมประกอบบู ชาเทพ
ริมฝั่งแห่งแม่น้ำ นรรมะทา
๏ วามนจรเฃ้าสู่ มณฑล
จึ่งพลีราชา แทตย์ไท้
ฉวยหม้อและหลั่งชล ชำระ
พระบาทแห่งท่านไซร้ สอาดดี
๏ พลีรองน้ำซึ่ง ชำระ บาทแล
รดเกศของตนเสร็จ จึ่งไหว้
เอื้อนโอษฐว่าพรหมะ จาริ [๑๗]
จะประสงค์ใดไซร้ กล่าวมา
๏ อ้าพราหมณะบุตร์ผู้ มาดี
ท่านจะขอสิ่งใด จุ่งเว้า
โคหรือสุพรรณมี ค่าเอก
ฤาจะขอซึ่งเหย้า อยู่ยง
๏ ประสงค์บริโภค สิ่งใด
ฤาประสงค์พราหมณี แน่งน้อย
ฤาคามเขตอาศัย เกษมสุข
ฤาแสะสารรถร้อย เศษคัน
๏ ขอพลันฃ้าจะให้ ดังถวิล
อีกจะคิดขอบคุณ ท่านมาก
เพราะฃ้าจะสมจิน ดามั่น
ว่าจะบริจาค ไป่หวง
๏ ปวงสินทรัพย์แห่งฃ้า มวลมูล มากนา
เต็มจิตจะให้พราหมณ์ แน่แท้
ท่านรับจะเพิ่มพูล ปีติ ฃ้าแฮ
ขอเถิดจะให้แม้ มากมาย
๏ นารายน์ฟังแทตย์ท้าว กล่าวความ
ยืนนิ่งและสำรวม หลับเนตร์
ครู่หนึ่งจึ่งตอบถาม ขุนยักษ์
ด้วยอุบายวิเศษ เสกสรร
๏ อันบพิตร์ตรัสให้ ทรัพย์สิน
ทุกสิ่งที่อาตมะ อยากได้
จนที่สุดแดนดิน ยอมยก
ประสาทประสิทธิ์ให้ หากปอง
๏ อันของต้องจิตผู้ คนผอง
ฃ้ามิขอบพิตร์ แทตย์ท้าว
อันอาตมะปอง ที่สัก น้อยนา
รวมเขตเพียงสามก้าว บทจร
๏ ภูุธรจะให้อีก เท่าใด
อาตมะมิขอรับ กว่านั้น
เพราะผู้ฉลาดไซร้ รู้จัก
เสงี่ยมเจียมทราบชั้น แห่งตน ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายจุมพลทานพ ฟังความจบแล้วไซร้ ตอบไปด้วยวาจา อ้าท่านพรหมจารี มีความมักน้อยแสน ฃ้ามิแหนหวงดิน หากถวิลกว้างใหญ่ เท่าใดก็คงยอม พร้อมใจยกให้ท่าน การที่ขอไม่กว้าง เพียงสามย่างนั้นไซร้ ขอยกให้โดยพลัน แล้วกุมภัณฑ์จับเต้า เอามาเพื่อหลั่งน้ำ ทำกิจตามตำรา ครานั้นจึ่งศุกระ ผู้เปนพระอาจารย์ ร้องทัดทานห้ามไว้ ว่าทรงชัยตริก่อน อย่าเร่งร้อนให้เกิน อ้าอย่าเพลินเพลิดหลง แม้พระองค์ยกดิน สิ้นสามย่างให้แล้ว คงไม่แคล้วฉิบหาย ฦๅสายจะไร้ถิ่น ที่แดนดินครอบครอง จะต้องไร้หมดแท้ แม้ที่ดินปลูกเรือน ฃ้าขอเตือนราชา อย่ายกให้โดยดาย ผลร้ายมากคงดล ถึงตนเธอแน่นอน อ้าภูธรเชื่อครู ผู้อาจรู้โดยญาณ ทายเหตุการณ์ล่วงน่า อันว่าพรหมจารี ผู้ที่ขอนั่นไซร้ มิใช่พราหมณ์สามัญ ทรงธรรม์อย่าประมาท อาตมะนี้ทูลห้าม ปรามเธอเพื่อภักดี พรหมจารีนี้ไซร้ เปนใครฃ้าพอเดา พอเฃ้าใจอยู่แล แต่มิอาจจะทูล จอมอสูรโดยตรง แต่ขอจงเชื่อฃ้า อย่ายอมยกแดนดิน สิ้นสามย่างนั้นให้ ถึงแม้ได้ปฏิญญา ราชาจงคืนคำ ทรงธรรมจงเชื่อข้อย ผู้แถลงแห่งถ้อย ภักดี แน่นา ฯ

โคลง ๔

๏ พลีฟังถ้อยแห่ง อาจารย์
ตอบว่าฃ้าเปนจอม จักร์กว้าง
ออกปากจะอวยทาน ถอนพจน์
เหมือนหนึ่งทำลายล้าง เกียรติคุณ
๏ การุญจงอย่าห้าม ศิษย์คราว นี้เลย
จงโปรดให้ฃ้าคง พจน์ไว้
พราหมณ์น้อยจะย่างยาว เยิ่นหนัก
จนหมดแดนดินได้ ฉันใด
๏ ขัดใจว่าห้ามศิษย์ บ่ฟัง
พระศุกร์จึ่งหายตน บัดนั้น
ลงสิงณเต้าขัง อุทก
จงจิตคอยปิดกั้น สายสินธุ์
๏ แทตย์รินน้ำบ่ได้ หลั่งไหล
ดูอุทกก็เต็ม เปี่ยมเต้า
เขย่าสักเท่าใด บ่หยด ออกเลย
หลากจิตบ่รู้เค้า เหตุการณ์
๏ อวตารว่าฃ้า จะทำ
ให้อุทกหลั่งไหล ออกบ้าง
จึ่งเด็ดยอดคาตำ ในปาก เต้าแฮ
ถูกเนตร์พระศุกร์ฃ้าง หนึ่งเปิง
๏ เสียเชิงเจ็บปวดสุด จะทน
พระศุกร์ก็จำออก จากเต้า
แล้วจึ่งพระวามน แบหัดถ์
รับอุทกแทตย์เจ้า หลั่งริน
๏ สมถวิลแล้วจึ่ง สำแดง
ฤทธิ์เดชประจักษตา บัดนั้น
ย่างหนึ่งเหยียบทั่วแหล่ง สุรภพ
อีกย่างเหยียบหมดชั้น ชนสถาน
๏ ขุนมารมองเนตรค้าง เจียวฮือ
คอผากลิ้นแขงพูด บ่ได้
ลงนั่งประนมมือ นิ่งอยู่
ได้แต่ยกหัดถ์ไหว้ ลนลาน
๏ อวตารกลายรูปไท้ ทันตา
เปนพระหริองค์ อคร้าว
เป่าสังข์เรียกเทวา มาหมด
ทวยเทพมาเฝ้าท้าว บมิหึง
๏ จึ่งพระพิษณุแจ้ง เหตุการณ์
และตรัสแก่องค์อินทร์ เทพไท้
ท่านจงกลับขึ้นผ่าน สุรภพ
ทวยเทพทั้งหมดไซร้ จงเกษม
๏ เปรมจิตทวยเทพซร้อง สรรเสวริญ
บาระมีนารายน์ หริรักษ์
โห่ลั่นณแนวเนิน เมรุมาศ
อีกประกาศจิตภัก ดีครัน
๏ ครานั้นจึงครุฑราช ปักษี
เฃ้าจับขุนทานพ มัดไว้
ทูลถามพระจักรี ทรงฤทธิ์
จะโปรดดำรัสให้ ทำไฉน
๏ เทพไทจึ่งตรัสพ้อ อสุรา
เจ้ายกแผ่นดินสาม ย่างให้
เพียงสองย่างยาตรา หมดเขต
จะย่างที่สามไซร้ แห่งใด
๏ เจ้าไซร้ทำผิดพจน์ ปฏิญญาณ
อันลั่นไว้แต่พราหมณ์ แม่นแล้
จงไปอยู่บาดาล ต่ำที่ สุดเทอญ
เพราะผิดมากแน่แท้ เสื่อมศรี
๏ พลีนอบน้อมเกศ ทูลเฉลย
โปรดเหยียบบนศีรษะ เถิดไท้
บาดาลบ่กลัวเลย เกรงแต่
ความเสื่อมเกียรติไซร้ มากมาย
๏ นารายน์ตรัสว่าเจ้า เหิมหาญ
กูจึงต้องลงมา ปราบเจ้า
จงไปสู่บาดาล แดนลึก สุดแฮ
อย่าตอบวาทิเว้า ต่อไป
๏ ไหว้บาทหริแล้ว พลี
จรสู่ถิ่นบาดาล ต่ำใต้
ฝ่ายองค์พระจักรี จรกลับ
สู่ถิ่นไวกูณฐ์ไท้ อยู่สราญ ฯ

ร่าย

๏ ฝ่ายขุนมารประหลาท อสูรราชผู้ปู่ รู้เหตุว่านัดดา ผู้กั่นกล้าทนง ถูกขับลงไปลึก ก็นึกสุดสงสาร ไปเยี่ยมหลานแล้วว่า อ้านัดดาเมื่อเริ่ม เหิมอหังการไซร้ ปู่ก็ได้เตือนจิต ว่าอย่าคิดพยาบาท อย่าใจกาจอวดเก่ง เตือนให้เกรงกลัวเดช ปรเมศนารายน์ แต่หลานชายบ่ฟัง ดังนี้จึ่งรับผล ที่ตนคิดการชั่ว ตัวจึงต้องระกำ ลำบากอยู่เช่นนี้ ฝ่ายพลีวันทา ตอบอัยกาว่าหลาน คิดการเพลินเกินกาจ มุ่งพยาบาททวยเทพ เพราะชวดเสพย์อมฤต ตั้งจิตเพียงบำราบ ปราบศักระราชา กับเทวาบริวาร แต่หลานบ่มีเลย ที่จะเคยหลบหลู่ พระพิษณุเปนเจ้า เพราะทราบเกล้าอยู่ดี ว่าพระมีศักดา อานุภาพยิ่งใหญ่ ตั้งใจนิตย์อภิวาท จึ่งประหลาทขุนยักษ์ ว่าหริรักษ์จักรี พระองค์มีศักดิ์เลิด ประเสริฐคุณพิลาศ บ่อาฆาฎจองเวร แม้ทรงเห็นผู้ผิด กลับจิตรู้สึกโทษ พระก็โปรดกรุณา ยกโทษาผ่อนผัน ฉนั้นหลานอย่ายั้ง จงตั้งจิตบูชา พระนารายน์จักรี อีกพระศรีกัลยา โลกมาตาเปนใหญ่ ให้พระโปรดการุญ คิดถึงคุณท่านนา ทุกทิวาราตรี พลีรับคำปู่ ผู้สั่งสอนดีนั้น ก็กอบยัญญะกิจ ตั้งจิตน้อมพร้อมภักดิ์ ณหริรักษ์จักรี และพระศรีแม่เจ้า สรรเสริญทุกค่ำเช้า บ่วาย วันเลย ฯ

โคลง ๓

๏ ฝ่ายพระโลกมาตา กรุณามากล้น
ประสงค์ให้แทตย์พ้น ทุกข์เข็ญ
๏ เห็นองค์พระสวามี เกษมศรีอยู่แล้ว
จึงพระเทวีแก้ว ทูลเสนอ ฯ

โคลง ๔

๏ พระเลอฤทธิ์เลิดล้ำ โลกีย์
ฃ้าบาทขอประทาน สักครั้ง
โปรดยกโทษพลี ผู้ผิด
ซึ่งบัดนี้เฃาตั้ง จิตตรง
๏ จงรักแต่พระแท้ อย่าแหนง พระเอย
แม้โปรดให้อภัย สักเทื้อ
ศรัทธาจะยิ่งแรง เสริมส่ง
ให้จิตเปนนิตย์เอื้อ บาทยุคล
๏ อันชนที่หยาบช้า สามาญ จริงฤา
จะกลับจิตกลายดี ยากแท้
แต่ขุนพลีหาญ เหิมจิต
รู้ผิดกลับจิตแล้ แน่นอน
๏ ฟังวอนแห่งแม่เจ้า เสนหา
จึ่งพระพิษณุตรัส ตอบถ้อย
ยอดรักหล่อนเจรจา จับจิต
พี่จะขัดสักน้อย หนึ่งไฉน
๏ ทรามวัยขอโทษอ้าย พลี
เอาเถิดพี่จะยอม ยกให้
ตรัสพลางพระจักรี เรียกจักร์
แล้วพระดำรัสใช้ จักร์ผัน
๏ ไปพลันสู่เขตแคว้น บาดาล
ตามพลีขึ้นมา อย่าช้า
จักร์รับพระโองการ รีบด่วน
ไปสู่แหล่งหล้า บาดาล
๏ บอกมารว่าพระเจ้า ให้หา
ขุนพลีดีใจ บัดนั้น
ออกจากสถานบา ดาลรีบ
เหาะระเห็จสู่ชั้น ไวกูณฐ์
๏ อสูรกราบแทบบาท ยุคล
เอาบาทนารายน์ทูล เทอดเกล้า
อีกกราบมิ่งนิรมล มาตุ โลกแล
กล่าวพจนะพากย์เว้า ว่ากลอน
๏ สุขะกรทุขะนุต หริโอม
อ้าสูกษุมาสูก ษุมะ
พระคือตวันโฉม ฉายเฉิด
ปัทมพฤษะภะ ราชา
๏ ปะราปรภพ รวมอยู่
ผู้สถิตหลังโค สิทธิศักดิ์
ธีระฉลาดรู้ ทุกสิ่ง
ใหญ่ยิ่งรากษสยักษ์ ทั่วไป
๏ พระไซร้ถึงแล้วซึ่ง แดนสรวง
กำเนิดแล้วหลายปาง ประโมทย์
โกฎิเทพทั้งปวง นอบเกศ
อ้าพระสิช่วงโชติ เขตสรวง
๏ เด่นดวงแสงส่องล้อม วรองค์ พระเอย
พระสิรวบรวมสิ่ง อเนก
พระโปรดสถิตอยู่ตรง ห้องจิต ชนแฮ
ผู้รอบรู้เลิดเอก กว่าใคร
๏ พระไซร้คือเวททั้ง สามศรี
พระประเสริฐสิทธิ์ใน พระเวท
ฝูงชนทุกเหล่ามี จิตศรัท ธาเฮย
พระกอบบุญวิเศษ สุดประสงค์
๏ พระองค์คือพระเจ้า รณการ
ศรีวัตสะกลางทรวง เด่นจ้า
เปนเจ้าแห่งทรัพย์สาร เหลือนับ
อวตารกู้หล้า ปลอดภัย
๏ พระไซร้คือพระเจ้า ปรพรหม
เสพย์สุขบมีวัน ลดละ
พระองค์บ่นิยม โลกิยะ สุขเลย
พระแหละองค์อีศะ ถนัดเห็น
๏ เปนสุขเพราะคู่เคล้า เคียงศรี
นัยนะจำรูญ จำรัส
เลิดยิ่งกว่าเทวี องค์อื่น
งามประเสริฐสรรพัต เพริดโฉม
๏ หรีโอมพระสถิต พรหมาณฑ์
เปนที่โยคีปวง นอบน้อม
ฃ้าขอมนัสการ บรมราช
ขอพระบารมีล้อม อย่าคลาย
๏ นารายน์ฟังแทตย์ซร้อง สรรเสริญ
ทรงพระเมตตาตรัส ตอบถ้อย
จงกราบพระศรีเทอญ ขุนแทตย์
เพราะพระนางแน่งน้อย ตรัสขอ
๏ กูหนอจึ่งโปรดให้ อภัย
ให้รอดจากบาดาล ต่ำใต้
กูเห็นแทตย์กลับใจ เกรงบาป
เอาเถิดกูจะให้ อยู่สราญ
๏ ขุนมารจงย้ายที่ อยู่พลัน
ไปอยู่แดนสุตล เขตแคว้น [๑๘]
เจ้าจงครอบครองขัณฑ์ ทรงราชย์
เปนสุขสนุกแม้น แดนสรวง
๏ ปวงทุกข์เบียฬเบียดทั้ง กายใจ
จงอย่ากระทบชาว เขตเจ้า
ความเหนื่อยระอาใหญ่ น้อยเหือด หายเทอญ
ปวงโรคและโศกเศร้า อย่ามี
๏ อยู่ดีและรักหมั้น สัตย์ธรรม์
อย่าคิดพยาบาท มุ่งร้าย
ประกอบกิจการยัญ ประเสริฐ
ประพฤติให้ละม้าย แบบพราหมณ์
๏ งดความเฟื่องเฟ้อ ใฝ่สูง
เกินศักดิ์ที่บังควร แก่เจ้า
กำเริบสิเครื่องจูง พินาศ
สันโดษและคอยเฝ้า ฝึกใจ
๏ ต่อไปเมื่อได้สะ สมบุญ
และกอบการกุศล มากแล้ว
กูจึ่งจะการุญ ประสาท
ให้ประสบผลแผ้ว ผ่องศรี
๏ ยามดีจะมอบให้ ครองสรวง
เปนที่พระอินทร์เอก อะคร้าว
เสพย์ทิพยะสุขปวง สมปราถ นาแฮ
เปนใหญ่ในภพด้าว สามแดน [๑๙]
๏ แสนโสมนัสปลื้ม เปรมจิต
จึ่งพลีประนม นอบเกล้า
สรรเสริญเกียรติพระพิษ ณุนาถ
อีกฝากตนแด่เจ้า โลกา
๏ สัญญาจะประพฤติ ตามโอง การแล
จะรักษาสัตย์ธรรม เที่ยงไว้
อีกตั้งจิตจรรโลง แหล่งสุ ตลนา
จนกว่าจะโปรดให้ เปลี่ยนสถาน
๏ กราบกรานแทบพระบาท ยุคล
อีกกราบพระศรีมาร ดาโลก
ทูลลาสู่สุตล ไปอยู่
เปนสุขไร้ทุกข์โศก สุดสบาย
๏ บรรยายเบญจมะ อวตาร
ทรงรูปเปนวามน แน่งน้อย
ช่วยทวยเทพได้ศาน ติสุข
จบเรื่องลงเรียบร้อย ดั่งแถลง นี่นา ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ