๑๑
๑๑) เวตาลทูลแถลงนิทานท้าว นิยายกล่าวแต่บุราณสืบมาว่า ยังมีโจรหนึ่งเรียนวิชา แกล้วกล้าเหี้ยมหาญชำนาญไพร รู้มนต์จังงังกำบังตา ชาวบ้านนอกออกระอาไม่สู้ได้ ครั้นภรรยาสิ้นชีวาบรรไลย ก็ออกไปอยู่ป่าพนาดอน เข้าอาศรัยในถ้ำข้างคิรี สองคนกับบุตรีศรีสมร ถึงเวลาจะเที่ยวตีหาบคอน ประนมกรร่ายเวทผูกทวาร ละให้อยู่คูหาธิดาเดียว แต่ตัวเที่ยวเตร่ไปในไพรสาณฑ์ แต่ฉนี้เนืองนิจกาลนาน จนอายุพาลรุ่นสาววิลัยวรรณ ปางนั้นมีราชกุมารหนึ่ง พึ่งจำเริญรุ่นโฉมเฉิดฉัน แจ้งข่าวเยาวเรศอยู่อรัญ เร่งป่วนปั่นหฤทัยไม่สบาย จึงใช้ให้ยายเถ้าผู้หนึ่งฉลาด ไปพูดจานุชนาฎให้สมหมาย หญิงชรามาถึงจึงบรรยาย แม่ดวงสายสมรมิ่งวิมลมาลย์ มาอยู่เดียวเปลี่ยวใจในคูหา บิดาเดียวไปสู่ไพรสาณฑ์ ถ้าแม้นมีเหตุเภทพาล บรรไลยลาญในดงพงพี ทวาราบิดาก็ปิดมิด ด้วยเวทวิทยามนต์พระฤๅษี ใครจะมาแก้ได้นั้นไม่มี เห็นชีวีเจ้าจะม้วยไปด้วยกัน แม่จงเรียนมนตราบิดาไว้ แม้นได้แล้วแม่อย่าพึงพรั่น พอบ่ายชายแสงสุริยัน โจรนั้นกลับมาเบิกทวาร ยายซ่อนตัวอยู่ในคูหา โจรมาโลมลูกสงสาร เที่ยวป่าเหนื่อยมาก็นอนนาน ยายคลานจากถ้ำออกไป ฝ่ายโจรตื่นนอนแล้วล้างหน้า ลุกคดเข้าปลามาให้ กินอยู่ภูวายสบายใจ ธิดาวอนไหว้จะเรียนมนต์ บิดาบอกวิทยาแก้ทวาร ทั้งมนต์ผูกใบบานไม่ขันสน ครั้นจวนเวลาก็จรดล อ่านมนต์ผูกประตูเข้าสู่ไพร ฝ่ายยายเชิญองค์กุมารมา แอบพุ่มพฤกษาใบไสว จึงร้องเรียกเบาเบาเข้าไป พอนางได้สดับออกรับพลัน ยายถึงที่สำนักชักพูดจา แล้วล่วงลีลาผายผัน บอกกุมารให้สวนเข้าไปทัน ก็ลดเลี้ยวเกี้ยวพันเปนไมตรี สองรุ่นสองเริ่มจำเริญงาม สองทรามภิรมย์สมศรี สองราร่วมรสฤดี สองศรีมีความสุขสนุกใจ แต่ลอบลักสมสู่เปนชู้กัน จนอนงค์ทรงครรภ์เติบใหญ่ บิดาดูไม่รู้กลใน จึงโลมไล้ล่อถามธิดา ไยแม่มาทำทุจริต ใครชิดชมสมเสนหา บอกความแต่ตามสัจจา พ่อไม่ว่าให้ช้ำระกำใจ นางผู้บุตรีทำกริ้วโกรธ ยกโทษโทษามาเสือกใส่ ข้ามีครรภ์นี้ก็เพราะใคร ช่างใส่ไคล้ยอกย้อนเจรจา บิดาฟังดังเพลิงผลาญเผา ไฉนเจ้าจึงแสร้งแกล้งมารษา ใส่โทษให้พ่ออายขายหน้าตา อนิจจากูจะอยู่ ไปไยมี จะซ่อนซนด้นไปตายเสียดีกว่า แล้วลีลาละลูกสาวศรี ร้องไห้เดิรดั้นพนาลี มาถึงที่ท่าชลาไลย ปางนั้นยังมีมานพ เจนจบศาสตร์เวทวิธีไสย เคยพาภรรยาออกชมไพร อมไปด้วยฤทธิมนตรา ฝ่ายมิ่งเมียรักสมัคชู้ ลอบลักสมสู่เสนหา นางจำมนต์ได้ด้วยปรีชา เสกชู้อมพาไปแกมกล ชายผัวไม่รู้แยบคาย ก็ผันผายพาเที่ยวไพรสณฑ์ ถึงท่าที่ฝั่งสาชล ก็คายมิ่งนฤมลเมียวางไว้ แต่ตัวไปชำระกายา ยังมหามุจลินท์น้ำใส นางคายชู้ออกชมภิรมย์ใจ มิให้ผัวรู้กลมารยา โจรนั้นด้อมดูรู้ตระหนัก เห็นหญิงรักชู้ร่วมเสนหา สัตรีชั่วมัวมืดกามา ไม่คิดว่าเวรจะติดตัวไป สวามีเปนที่สนิทพักตร ความรักหนักหน่วงห่วงใหญ่ ถนอมชมอมพามาเที่ยวไพร ยังใส่ไคล้ซ้อนกลพรางชาย อมชู้มาชมถึงกลางป่า เหมือนลูกยากูทำระส่ำระสาย ไม่ควรกูจะสู้ซุกซนตาย จะจับระแบบแยบคายให้แจ้งใจ เห็นลูกกูจะซ่อนชู้ไว้เชยชม เหมือนอารมณ์ลูกคิดหาผิดไม่ มันสุดแสนมารยาพิราใน แสร้งใส่ไคล้ให้พ่อได้อับอาย นิ่งนึกตรึกตรองความอยู่ มองดูสองสมสมัคหมาย นางเชยชมชื่นชู้ชาย สำเร็จร่ายเวทอมชู้ไปสู่ธาร อาบน้ำชำระมลทิน ทาแป้งแรงกลิ่นหอมหวาน ผัวพาภรรยามาจากธาร ก็โอมอ่านอาคมอมเมียไป เที่ยวเล่นตามเหล่าลำเนาพนม เชือนชมฉ้อชั้นเชิงไศล โจรนั้นเห็นมาก็ดีใจ จึงปราไสถามทักกระทาชาย สองนั่งสั่งสนทนากัน ก็ผูกรักสมัคมั่นเปนมิตรสหาย โจรนั้นยังไม่กล่าวให้ระคาย ก็นำนายมานพดำเนิรมา ครั้นถึงถ้ำคิรีที่อาศรัย จึงชวนเกลอเข้าไปในคูหา จึงสั่งลูกน้อยนงค์พงา ให้ตกแต่งโภชนาสารพรรณ จงจัดแจงแบ่งออกหกสำรับ ทั้งแกล้มกับปิ้งจี่ทุกสิ่งสรรพ์ บุตรีโต้ตอบบิดาพลัน สหายนั้นคนเดียวดูเอกา จะให้ทำสำรับถึงหกแห่ง ลูกแคลงอยู่ไม่สิ้นที่กังขา พ่อจึงตอบว่าให้แต่งโภชนา เสร็จแล้วบิดาจะให้ดู เสร็จสำรับยกมาตั้งเรียงราย ฝ่ายโจรจึงว่าเกลออย่าอดสู คายเมียออกมาอย่าอำตู เรารู้แน่ตระหนักประจักษ์ใจ กระทาชายคิดอายแต่จนจิตต์ อิดเอื้อนอยู่มิใคร่จะคายได้ แต่เตือนเติมลองซ้ำกระหน้ำไป ก็ให้ภรรยาออกมา นางจากปากผัวแล้วนั่งไหว้ โจรจึงปราไสขนิษฐา แม่รักชู้นี้ไฉนไม่นำพา จะบริโภคโภชนานั้นอย่างไร เมื่อมาสองสิน้องจะให้อด เจ้ากำหนดฉนี้เห็นดีไฉน อย่าอดสูคายชู้ออกเร็วไว เรารู้ไส้สิ้นแล้วอย่าพรางกัน นางสดับโดยยุบลหม่นหมองพักตร แสร้งเยื้องยักแยบคายคมสัน ผัวสมัครักข้าไม่อาธรรม์ เพียงนั้นฉันมิให้ระคายอาย โจรสนองเสนอตอบอนงค์นาฎ ไม่ประมาทให้ช้ำสล่ำสลาย ใช่ว่าเห็นผัวรักแกล้งทักทาย เราเปนชายสามารถฉลาดครัน เชิญสมรแม่อย่าพักทำหนักหน่วง จะหวงชู้ไว้ไยไฉนนั่น จะได้ชวนกินเล่นเห็นยังวัน แต่ขยั้นอยู่มิใคร่จะคายมา นางฟังดังเพลิงถเกิงผลาญ มิอาจทานทนถ้อยที่อิจฉา ก็แขงขืนคายชู้ชายมา โจราเรียกเร่งบุตรี อย่าช้าจงเชิญชู้ชาย มาสบายบริโภคเกษมศรี นางไม่หาญทานทัดขัดวาที เชิญกุมารสามีมาฉับพลัน จึงประนอมน้อมนบบิดา พร้อมกินเข้าปลาเกษมสันต์ ครั้นกินโอชโภชนานั่งพร้อมกัน โจรจึงผันหน้าไปพาที เกลอรักเมียเกลอสุดรัก เขาด่วนหักหาญหน่ายเสน่ห์หนี ลูกเราเรารักร่วมชีวี ไม่ควรที่ทำเราให้เจ็บใจ เสียแรงรักเขาไม่รักสุจริต จะเคร่าครองชีวิตไปไฉน เกลอจะรักเมียอยู่ก็เลี้ยงไป ฉันตัวเรานี้ไม่รักชีวัน ว่าแล้วเหลียวหน้ามาสั่งบุตร แม่สายสุดสวาทพ่ออย่าโศกศัลย์ จงอยู่ครองถนอมน้ำใจกัน พ่อจะพลันล่วงชีพบรรลัยลา โจรจึงจับเชือกผูกคอมั่น ผูกพันกิ่งไม้ไว้แน่นหนา โลดลอยห้อยโหนโจนลงมา ธิดาวิ่งเข้ามากราบบาทมูล ร่ำพิไรไห้รักบิตุรงค์ พ่อมาปลงชีวิตดับสูญ หนีลูกบรรไลยไม่นุกูล เพราะพูลทุกข์ด้วยลูกไม่จริงใจ โอ้พระบิตุเรศล่วงลับแล้ว ลูกแก้วจะอยู่ไปไฉน แล้วกราบบาทพระกุมารพลางร่ำไร ขอลาบรรไลยชีวัน แม้นพระองค์จะคืนเข้าบุรี เชิญจรลีเถิดไม่เดียดฉันท์ ชาติหน้าจงใจให้พบกัน พลางทิ้งเถาวัลิมาไวไว ผูกศอโลดโผนโจนลง ปลดปลงชีพม้วยตักษัย พระกุมารสุดแสนอาลัย สอื้นไห้รักแก้วกุมารี จะหาไหนได้เหมือนพระนุชน้อง สิ่งใดมิให้หมองใจพี่ จึงผูกศอเสียสิ้นชีวี ตายตามนารีผู้ภรรยา ฝ่ายกระทาชายนั้นนั่งดู เห็นทั้งสามสู้ม้วยสังขาร์ หวลจิตต์คิดแค้นขึ้นมา จึงว่าเจ้าผู้ชอบชะตาชาย พี่รักเจ้าเท่าเทียมชีวิต หรือมาคิดลอบเล่นชู้หลาย จงบำรุงกันเถิดให้เพริดพราย กับด้วยชายชู้ชอบอัธยา ว่าแล้วโลดโผนขึ้นต้นไม้ เชือกผูกคอไขว้กับพฤกษา โดดลงปลงชีพชีวา ภรรยาเร่าร้อนระทวยทรง วิ่งเข้ากอดผัวพิไรร่ำ พ่อฟังคำนำเมียมาป่าระหง สิ่งใดมิให้หมองลอององค์ น้องไม่ตรงต่อพ่อจึงบรรลัย ครวญพลางนางนึกตรึกตรอง จะชื่นชู้อยู่ครองพิสมัย เขาจะรักเราสักเท่าไร อยู่ไยให้ทนเวทนานาน จึงสั่งชายชู้ว่าจะลาแล้ว จงผ่องแผ้วพูลสุขเกษมสานต์ สิ่งใดว่าให้เคืองคดีการ ขอประทานโทษาขมาภัย จึงขึ้นต้นไม้ผูกศอแล้วโลดโผน โจนลงมอดม้วยตักษัย ชายชู้อยู่เดียวเปลี่ยวใจ โอ้อาลัยคลองชีพไปไยมี ปีนขึ้นพฤกษาแล้วผูกศอ ไม่รั้งรอโจนลงม้วยเปนผี ขอพระองค์ผู้ทรงธรณี พิพากษาโทษที่เที่ยงธรรม์ สูญสิ้นชีวันทั้งหกคน ต้นกรรมนั้นใครเปนมหันต์ พระคิดได้ไม่แสดงคดีอัน พระเศียรนั้นจงแตกทำลายวาย พระตอบว่าเวรได้แก่ยายเถ้า ซึ่งลวงเยาว์ยุพเรศสมรหมาย ภายหลังทั้งหกจึงอันตราย บาปได้แก่ยายผู้ชักพา เวตาลก็ลุ่ยหลุดเลื่อน เคลื่อนจากพระหัดถ์ไปพฤกษา พระรีบกลับคืนจับอสุรา เสด็จมาในพนมพนาดอน