เวตาลปกรณัม
๏ นมัตถุเดชพร้องสนองสาร ตามบุราณบุรภาคเนิ่นนาน ตั้งวิถาร (ฉบับลบ) พระบุรี บรมขัติยามหากษัตริย์ พรหมทัตบดินทร์เกษมศรี บำรุงเรืองนัคเรศอุดมปรีดิ์ โดยรียาวรอบพระภารา โดยกว้างแปดโยชน์เปนมหันต์ อเนกอนันต์จัตุรงคสังขยา ร้อยเอ็ดออก (ฉบับลบ) มาบุบผาภาชนน้อมประนมไท มีพระอรรควิลัยบรรเจิดพักตร อัน (ฉบับลบ) พิสมัย เพียงอับสรนางฟ้าสุราสัย ในนามมิได้แจ้งแต่เดิมมา ประดับด้วยแสนสุรางคนางสนม น้อมประนมนบนิ้วเหนือเกศา ได้หมื่นหนึ่งโดยคณนามา บำรุงราชวราธเรศตรี องค์บรมพรหมทัตนฤเบศร เรืองพระเดชทรงกำลังดังราชสีห์ ทรงขรรค์ทีฆาวุธชาญกระวี ให้เทียบคชหัดถีเสมอกัน แล้วผยองเผ่นทยานด้วยชาญอาวุธ พระองค์ยุดเยื้องฟาดด้วยพระขรรค์ ขาดกระเด็นดิ้นระด่าวระดายัน ลงพร้อมกันทั้งสิบคเชนทร
๏ ปางนั้นยังมีอสุเรศ สถิตเขตเนาพนมเนินสิงขร ครองปรางมรกฎอันบวร เพียงพิมานอมรดุสิดา ไร้อนงคที่ประสงค์สวาทรัก ขจรศักดิ์ด้วยกำลังอันมหา เปนข้าบาทเบื้องมุลิกา อิศราสรราชบรมยูร กายพิลึกพูลฤทธิ์ดำกล นามชื่อตนกุมกาจอสูร แต่พากเพียรเวียนเฝ้าเปนประมูล ก็พูนชาภิรมย์สำราญบาน เวลาเช้าเฝ้าไทอิศเรศ สุริเยศส่องคมนาสถาน บังคมจอมเจษฎางคจุฑาประธาน คมนาการเด็จเด้าตามจร พอพบบุษมาลีลอองบาท ลไมพักตรวิลาสล้ำอับสร มาแอบบานทวาเรศงามงอน ก็กางกรโอบอุ้มสัมผัสนาง นางปัดป้องมิให้ต้องระคายองค์ จิตต์อนงค์มิได้รักสมัคหมาง กระกรีดร้องก้องอึงคนึงปราง ทราบพระกรรณเจษฎางคโอรังการ นางน้อมศิโรเพศประนตทูล ว่ากุมกาจอสูรทำห้าวหาญ ลอบประโลมปฏิพัทธสัมผัสพาล ก็บันดาลขุ่นเคืองพระหัทยางค์ ดำรัสว่าดูกรหินชาติ เองประมาทหมิ่นโฉดฤทัยหมาง จงวัฒนารักษาตำแหน่งปราง สถิตกลางไพรพฤกษ์พนมวัน โดยปริมณฑลได้สามโยชน์ เปนเขตของรากโษสที่ไพรสัณฑ์ มนุษยจรกระเจิงหลงดงจรัล จงพกผันเปนภักษเสบียงกาย
๏ อสูรน้อมศิโรสนองสาร ว่าสาบาลตราบใดจะพลันหาย จึงบรรหารพลันตอบสุนทรทาย คลายโทษต่อองค์บรมจร เมื่อใดองค์จักรพัตราธิราช มาประพาสพื้นพนมสิงขร ประหารหักด้วยจักรคทาธร จึงถาวรเปนเทพเทวไท กุมภกาจอภิวาทบรมเดช จากประเทศถึงพื้นพนมไศล เข้าไสยาสน์เหนืออาสน์อำไพ ทุกข์ฤทัยแทบจะทำลายวาย ค่อยถนอมชนม์ชีพด้วยความสัตย์ ห่อนวิบัติพ้นเขตประมาณหมาย จนนานช้าค่อยอุสาหะสบาย เทวษวายอารมณ์ฤๅดีมี
๏ ยังมีองค์อสุรราชผู้หนึ่งหาญ นามชื่อเวตาลยักษี เปนข้าบาทบรมเรืองวราชี สถิตที่เชิงพระเมรุตำแหน่งเนา ลำพองถเกิงกำลังพาล โดยประมาณสามเวรแต่ขาดเฝ้า หลงละเลิงถเกิงเล่นจนมัวเมา โดยลำเนาพฤกษ์พร้อมพระเมรุธร จึงบรรหารให้หาเวตาลยักษ์ ยังสำนักไกรลาสผกาสร แล้วสาบสั่งว่าจงตั้งใจจร ด้วยอาวรณ์สวาทเล่นพนมชม ไปสถิตยังยอดกัลปพฤกษ์ จึงสำนึกอาตมาให้สาสม จงให้ผิดจริตรูปโดยนิยม แต่ปฐมปางนี้ไปคุ้งวาย จงมีปีกแลเท้าดังคิชฌา แต่พักตราอย่าให้เพี้ยนเปลี่ยนสลาย ห้อยเศียรเปลี่ยนบาทขึ้นบนปลาย จงกำจายฤทธิกล้ากำลังวัง โดยปริมณฑลนั้นสามโยชน์ จงปราโมทย์อาศรัยพฤกษสาขัง สรรพสัตวจรเดิรในเนินพนัง จงจิรังปริโภคเปนโภชา เมอใดจักรพรรดิบรเมศร มาประเวศพบพักตรกับยักษา ได้รองเบื้องยุคลบาทวรา พานมหาสี่ทวีปสำราญบาน จึงให้ส่งขึ้นนภากาศ จงสามารถที่เองมุ่งผดุงสมาน เปนนิกรทวยเทพดาการ แล้วประทานพระตำหรับให้โดยบรรพ์ ว่าตำหรับนี้เวทบรมจักร ศุภลักษณ์เลิศล้ำสรวงสวรรค์ พรกูผนึกแผ่นสุวรรณ ให้ตั้งพิธีพลันสำรวมใจ เปนฤๅษีประสิทธิสาผล จำเริญมนต์อย่าประมาทพิธีไสย จะเกิดสองมุจลินทอำไพ ชลใสเปี่ยมปริ่มสำเริงเปรม สระหนึ่งชลเขียวดังนิลรัตน์ ชื่อมุจลินทอินทปัทม์อันเกษม ก็ใสสดรสหวานปานชะเอม สำเริงเปรมสำหรับชุบเวตาลมัน ให้กระด้างดุจตรึงด้วยเหล็กกราด โดยอำนาจอินทปัทม์อันมหันต์ หนึ่งน้ำมณีรัตน์จินดานั้น ขาวสำคัญดุจดวงมณีดี สำหรับชุบเวตาลให้ชาญฤทธิ จึงสถิตพาลพักยักษี จะเกิดต้นทับทิมริมวารี มีผลไม้นั้นเปนเนาวรัตน์ เกิดมหาภูตสุวรรณขึ้นทั้งสอง กุมกระบองเริงร่าด้วยสาหัส คอยประหารพิธีประดิพัทธ์ ซัดมนุษยเข้าในถเกิงกาลา ให้พูลเพิ่มบริโภคทั้งสองสรรพ์ กระบัดพลันสูญสิ้นอวสาน์ แล้วทรงพาหนะเวตาลพา ผ่านมหาสีขเรศภิรมย์พลัน ท่านจงพาพระตำราไปประสาท ให้กุมภกาจรักษาจงกวดขัน เวตาลฉลองบาทยุบลพลัน ข้าบาทเกรงอันตรายการ เกลือกจะมีผู้วิทยาเดช มาประเวศยังเวิ้งสิงขรสถาน แล้วลวงไล่ไปกระทำลำพังพาล ประมาณการจะมิเกิดด้วยกายกำ ขอประทานพระพรบรเมศร ไปประเวศคุ้มทุกข์ให้สุขำ จึงประทานวโรอุตโมประจำ ท่านนำนิทานธรรมทศเด แม้นใครมากุมจับจงไถ่ถาม สนองความแล้วกายสยายเส ให้หลุดลื่นดุจลมไม่สมคเน จงเรืองเดโชฤทธิอย่าเกรงใคร ต่อแท้เปนองค์บรมจักร จงกระหนักนึกพรั่นฤทัยไหว อันบรมจักรพรรดิเรืองชัย จะเกิดในพาราณสิยา เมืองนั้นชะตากษัตริย์ตก ใครป้องปกมิได้ถึงเจ็ดวะสา แต่ตั้งสิ้นชนม์สูญประยูรมา กว่าร้อยพันองค์แต่ล่วงไป อสุรเวตาลรับตำรา ประนมลาพระศุลีเปนใหญ่ ลีลาสล่องด้วยกำลังถเกิงไว ก็ถึงในปรางมาศกุมภกาจ์ สนิทอยู่ในแท่นเนาวรัตน์ ปลุกกระบัดก็ตื่นฟื้นผวา ทั้งสองทรงเสร็จสารวัจนา ก็น้อมรับตำราศิโรกราน แล้วเวตาลล่วงลาครรไล ถึงไศลเหลี่ยมพระเมรุโดยบรรหาร ก็กลายองค์เปนคิชฌาสุราชาญ ทยานหกเศียรห้อยกัลปพฤกษ์ ร้ายกาจโดยกำลังแรงกำเลาะ จำเพาะสามโยชน์คนองก้องกึก สรรพสัตวสัญจรพรั่นพลึก ก็โหมฮึกหักประหารเอาเปนภักษ์ คณาเทพนิกรก็อ่อนย่อ ระทวยท้อเมรุผาเพียงป่าหัก ด้วยกำลังยุพยิ่งสกุณยักษ์ รักษาชีพโดยเรืองนิรันดร
ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤบาล อำมาตย์กรานก้มเกล้าอยู่สลอน ประพฤติด้วยกิจจาสถาวร เหนือบัญชรสิงหวโรงการ ว่าดูกรอำมาตย์คณามุข จำเนียรทุกเพียงฟังเราบรรหาร กูเรืองเดชวรากำลังราญ ประมาณพันคเชนทรช้างจำลอง ยังมีผู้เรืองวิทยาเวท กำลังเดชดุจเราเสมอสอง กำแหงหาญปานเราผู้เรืองรอง หรือจะต้องมีแต่อ่อนศิโรมา ต่างอำมาตย์ประนมตอบชงคาสดับ สนองศัพท์สิ้นราชเสวสา ในเบื้องบรรพ์สี่ทวีปอ่อนระอา ใครห่อนฝ่าฝืนฤทธิกำลังแรง ปางนั้นตุมพราราชเสวก ประนตศิโรน้อมประนมแถลง อย่าประมาทอาจหวังกำลังแรง จะขอแจ้งแต่โดยจริงมาบรรยาย อันมนุษยมิได้สุดฤทธิเวท ยังเรืองเดชดูถเกิงกำลังหลาย กว่าพระองค์ผู้ทรงคนาทาย จะนับหลายแสนเท่าทวีมี องค์กษัตริย์เสวนาบุราสนอง ให้เคืองข้องแค้นขัดนราศรี บรรหารตอบขอบถ้อยวราชี เราปรีดีจะใคร่ดูผู้เรืองฤทธิ ท่านจงนำไปสำนักนิโดยบรรพ์ แม้นพบพันเราจะให้ปกาสิต ฝากแต่องค์สมรพวงดวงชีวิต เราประสิทธิให้ท่านครองทั้งบุรี แม้นไม่สมนึงจิตต์ที่คิดหมาย จะวายชีพด้วยพระขรรค์ชัยศรี เสด็จกลับยังแท่นประโลมมี ศรีสุวรรณราชกานดา เจ้าผู้ดวงเยาวราชประสาทสมร พี่จะจรจากห้องเสนหา แถลงความตามเรื่องบรรยายมา รักษาสัตย์แม่อย่าโศกจะเสียนวล แม้นพบผู้วิทเยศวิเศษสรรพ จะคืนกลับแนบน้องประคองสงวน สั่งอนงค์แล้วทรงพระขรรค์ควร เสด็จด่วนยาตรเต้าสัญจรไป ว่าดูกรเสนาเสนาะพจน์ ท่านจงปลดสวาทเปลื้องพิสมัย ดำเนิรนำมรคาครรลาไคล จงเร็วไวอย่าได้แวะทำอลวล อำมาตย์รับวโรงการฉลองบาท ออกจากราชนิเวศน์เข้าไพรสณฑ์ สังเกตพ้นนิเทศสถานคน ดลลุสิงขเรศพนมราย สะพรั่งพฤกษ์พร้อมระบือระบัด บ้างกลีบกลัดบานแย้มเกสรขยาย สะเดาตุ่มเกลือเดื่อกำจาย โหมมะหาดหิงหายกระแบกกระเบา ขานางเภกาขนุนพิกุลกุ่ม กระทุ่มกระทกรกฟ้าจำปาเสลา เฉลิมต้นชลูดฉลวยตรวยกันเตรา ไข่เน่าน้ำดอกไม้ทั้งอำพัน บ้างทรงผลผดุงพวงระย้าแย้ม มะลิแกมสุกกรมนมสวรรค์ สาวหยุดพุทิชาติมลิวัลย์ บุษบันเบิกแบ่งกระการบาน หอมหวนดุจหอมสุคนธรส ปรากฎเปรียบดุจปรางสุรางคสมาน กิ่งชอ้อนซ้อนดอกกระการบาน แสนสำราญชื่นชมภิรมย์เสบย ภุมราร่อนฉาบเข้าอาบรส จรดเผดียงดังพี่เคียงประคองเขนย มะตูมต้องดังพี่ต้องสุดาเชย แก้วลายดังพี่เลยสละนาง วิหคหันบ้างก็ห้อยพฤกษาหวน กระสาสรวลจับกระสังบังสล้าง พระยาเสวยเข้าระคนกับฝูงยาง อิโก้งกางปีกป้องกระใบปน อิลุ้มคุ่มค้อนคาบแสวงเหยื่อ ไปเพิ่มเผื่อป้อนลูกแล้วไซ้ขน ศาริกากระลิงแก้วกระทาชน กระเรียนรนคู่ร่อนพาวนเวียน โพระโดกโงกงั่วนกเค้าโมง ยูงโยงฟ้อนหางดูอย่างเขียน กางเขนหันผันหางอยู่กลางเตียน ดูวนเวียนเคล้าคู่ประกอบกัน พาลมฤคถึกกระทิงถเกิงฤทธิ บ้างไล่ขวิดสิงขเรศสนั่นลั่น พยัคฆปีบปานมฤคเริงครัน ลมั่งสมันเม่นหมูเปนคู่เคียง กิเลนเลียงผาโคคชมหิงส์ พิลึกพิงกาษก้อนประกาศเสียง กุญชรชาติสิบหมู่อยู่พร้อมเพรียง พิลึกเพียงป่าลั่นทำลายลง สามปีแต่ประเวศพนมพฤกษ์ ชมมฤคหมู่ไม้ไพรระหง พรหมทัตตรัสถามคำตำรง เมื่อใดจะได้พบองค์อิศรา
๏ ปางนั้นยังมีกฎุมพี สถิตที่สองสมเสนหา ล้ำชนเปนคนบุราณมา อาศรัยอยู่ในเชิงบรรพตัง เพลาเช้าเทียมโคเปนคู่ไถ ผัวไปเมียเฝ้าสถานหลัง หุงเข้าปิ้งจี่ด้วยจีรัง หับทวังไว้แล้วก็ไวมา ตามวิสัยมาเสพอาหาร สองสำราญกายเพียงภูผา พรหมทัตทอดฤๅดีตำเนิรคลา ตุมพราอำมาตย์ประมวลทูล ขอพระองค์เรืองอิศราเดช นับอเนกโดยพระเนตร์บดินทร์สูร คนโตใหญ่เติบเท่าสิงขรพูล หาบมูลเข้าสุกมาครามครัน ข้างหนึ่งช้างพะแนงตัวถนัด พรหมทัตยุรยาตรผาดผัน จึงบรรหารว่าหาบเข้าสุกครัน ข้างนั้นนับกี่กระบุงยาย เฒ่าสนองคดีเสนอยุบลถาม ตามความที่แคลงระแวงหาย เกวียนหนึ่งเข้าสารนะหลานชาย ไปส่งให้ตากินที่ไถนา พรหมทัตตอบถ้อยอนุสนธิ์ สักกี่คนทำไร่อยู่ในป่า กินเข้าเกวียนกับช้างพะแนงมา ดูระอาสุดอกกำลังเจียว ยายตอบว่าหามีผู้ใดไม่ เอกากายแต่ตาผู้เดียวเปลี่ยว สดับยายเห็นสมอารมณ์เจียว ก็หลีกเลี้ยวตามบาทบทจร ครั้นยายถึงก็วางเสบียงเฒ่า ตาก็มากินเข้าสโมสร ไม่ปลดไถไว้ท่าคาวีจร ก็เพิ่มพอนบริโภคด้วยพอแรง ฝ่ายบรมพรหมทัตกับอำมาตย์ เลี้ยวลีลาสตามละเมาะเกาะแฝง ชงคาตรัสว่าจริงเหมือนท่านแจ้ง เราไม่แคลงยุบลเคลือบแต่โดยธรรม์ จะคอยดูคนเดียวกินเข้าเกวียน จะเตียนเลี่ยนหรือจะเหลือไฉนนั้น ประภาษพลางทางรีบจรจรัล มาถึงคันนาที่เทียมโค ด้วยละเลิงจะใคร่ลองกำลังไถ กุมงอนแล้วไล่กระหึมโห่ โคโลดถเถิงไปขี้ไถโต ก็เอนโอ้ทับไว้ทั้งสองชาย ตานั่งกินเข้าก็แลเห็น เขม้นมองมิเมินอารมณ์หมาย นั่งกินเข้าสิ้นกับช้างพลาย ไฉนนายสองน้อยไม่เห็นมา ก็เต้าตามมรคันไม่ทันสับ กลับก้อนขี้ไถก็เห็นหน้า สองล้มจมเวทนาตา ก็พาคืนเข้าตำแหน่งพลัน พรหมทัตถึงทอดทฤษฎี เข้าสาลีช้างหมดดังกรดผัน จึงตรัสว่าตุมพราจงจรัล ไปเขตคันขึ้นครอบบุรีครอง จงเปนธรรมเหมือนเมื่อเกียรติกูยัง อย่าโมหังราชกิจอย่าลำผอง อย่าควรทำแล้วจำให้ควรปอง จงตรึกตรองให้สำราญในการกรุง ทั้งทวยหาญประชาให้ผาสุก จับอุรุคอย่าจับหางหมางสดุ้ง ดูมนตรีที่ตรงคงผดุง จิตต์บำรุงใจแกล้วณรงค์รณ ผู้ใดดีจงอย่าสูญสวาทรัก สงวนศักดิ์จงประมาณแต่พอผล ชังไพร่ ๆ มักจะเมินตน ราษฎรทำวลประเวณี จงบรรทมเหนือบรมยี่ภู่เถิด ท่านอย่าเกิดมโนแหนงระแวงหนี พระสนมร้อยพันบันดามี จงร่วมรสฤดีรื่นทุกเพรางาย ฝากแต่องค์สมรมิตรของเราด้วย อย่าให้ม้วยชีพมิ่งสมรหาย อย่าเลียมล่วงประดิพัทธ์สัมผัสกาย เราวายชีวาตม์แล้วไม่คืนวัง ถ้าสมคิดแล้วจะคุงบำรุงภพ ให้ลือลบขจรเลื่องกว่าปางหลัง อำมาตย์รับโอวาทขัติยัง หลั่งชลเนตรคลอนัยนา โอ้พระจอมจุฑาบรเมศร์ ละนิเวศนอับสรราชเสนหา พระเคยเปนปิ่นปักนัครา ข้าบาทจะขออยู่มิคืนไป พรหมทัตสดับถ้อยคดีความ แม้นมิปรามไม่ละสละได้ จำจะขู่ตะคอกความให้ขามใจ โบกพระหัดถ์ให้เร่งลีลาคลา แม้มิไปกูไม่ไว้ชีวาสัญ จะประหารเสียให้สิ้นสังขาร์ เงื้อพระขรรค์ทีฆาวุธวรา ชี้หัดถาว่าเจ้าจงคืนจร อำมาตย์โอนศิโรรับวราสั่ง บังคมคั่งคับจิตต์สมรถอน ก็หนีตัดลัดคืนเข้านคร มิได้เสื่อมคดีสอนสวาทไท ตามในวโรงการกำชับตรัส ห่อนวิบัติครองธรรมพิสมัย ฝ่ายบรมพรหมทัตนาถไกร สำราญในสำนักนิเทศตา วันหนึ่งสองบุราณกาถาม ไฉนความจากนิเวศนนิวาสา ประสงค์สิ่งใดแสดงแต่เติมมา จึงบัญชาตรัสโดยคดีการ ข้าจากนครสัญจรมา แสวงหาพหลห้าวกำแหงหาญ จงโปรดด้วยช่วยชี้ในเชิงการ คืนสถานจะมาแทนพระคุณตา สนองตอบขอบถ้อยมโนตรัส เรามนัสมิได้มุ่งที่ศึกษา ไม่เรียนเพียรผลเพิ่มวิชาปรา แต่ไถนามานั้นก็ช้านาน แต่ยังมีผู้เรืองวราฤทธิ์ สถิตในพนมพนาสถาน นามชื่อกุมภกาจอสูรมาร ผ่านปรางมรกฎถเกิงกำลัง จะนำเนาถึงสถานนั้นไม่ได้ เราเกรงภัยอสุราอารมณ์หวัง แต่นี้ไปเก้าโยชนานัง ถ้าบุญยังก็จะยิ่งในสกล สดับสารวานว่าช่วยพาพัก ชี้สำนักสถิตเนาพนาสณฑ์ แม้นสูญสิ้นชีพไปไม่ทำวล ยังยืดชนม์จะได้ชื่นภิรมยา บุราณกาสดับพจน์แล้วคลาไคล ประเวศไพรพนมพฤกษสาขา ดลปริมณฑลบมิคลา ยกหัดถาชี้แจ้งตำแหน่งปราง แต่นี้ไปทางไกลถึงสามโยชน์ จงปราโมทย์ฤทัยมุ่งอย่าเมินหมาง สั่งแล้วลีลามาตามทาง ฝ่ายบรมวรางก็คลาไคล เพลานั้นกุมภกาจสนิทหลับ พระกรรณตรับนึกพรั่นฤทัยไหว ประนมหัดถ์ประดิพัทธ์ด้วยเกรงภัย ถึงบันไดขึ้นโดยทวารา สงัดเงียบไอจามไม่กริบกรอบ ค่อยเมียงหมอบแอบบังผนังฝา เห็นองค์อสุรราชกุมภกาจ์ นิทรานิ่งดังตรึงไว้ตรงกาย ดูพิลึกพึงกลัวด้วยตัวเติบ เหื่อเอิบไหลอาบดังชลสาย ไม่แจ้งว่าบาทเบื้องทุบงปลาย ไม่แน่หมายดุจเศียรสกลชน ค่อยจรลีพินิจจนถึงพักตร ก็นั่งหนักฤทัยนิ่งกมลฉงน ครั้นกุมภกาจสูบลมขึ้นเบื้องบน ก็ลุดลเข้าในนาสิกพลัน สะดุ้งฟื้นตื่นติดในนาสา ยกหัดถาคว้านควักขมีขมัน อะไรผิดติดจะมูกกูคัน ๆ พรหมทัตนั้นติดเล็บมือมา ประนมนั่งเหนือนิ้วให้นึกพรั่น กุมภัณฑ์ถามตามข้อที่กังขา เออนี่ไยอาจองค์บเกรงอา นุภาพวราฤทธิไกร จึงหาญหักเข้ามาในปราสาท อันชีวาตม์ท่านจะคืนอย่าสงสัย อสูรนาคยักษ์ครุฑมนุษยใด มาไยบอกยุบลอย่าเบือนพราง พรหมทัตแจ้งอรรถคดีไข แต่จากในพระนครด้วยเบื่อหมาง หวังจะเพียรเรียนเวทวิธีทาง จึงลุปรางปราโมทย์มโนปรีดิ์ ขอเปนศิษย์สืบสนองจนสมนึก ดำริห์ตรึกไตรเพทเกษมศรี ไม่รักชีพจงช่วยให้ชาญกระวี อสุรีเสนาะพจน์ก็คลายราน จึงวางองค์ลงเหนือปัจฐรณ์ ท่านอาวรณ์จะใคร่ลุกำลังหาญ เราไม่รู้เรืองเวทวิชาการ นอนมานานนิ่งอยู่ทุกเวลา มีแต่พระตำหรับบรมโลก สำหรับโภคสมบัติจะศึกษา เปนองค์บรมจักรพัตรา แล้วเชิญพระตำรามาทันใด พรหมทัตประนมหัดถ์สนองรับ หวังสดับตรึกนึกสมไฉน พนาสูรสั่งสรรพกำชับไป บรมไทจะตั้งพิธีการ ไปแทบใกล้กรุงพาราณสี แต่นี้สิบแปดโยชน์จึงถึงสถาน อุสาหะอย่าให้เนิ่นเสน่ห์นาน จะลุลานบรมปิ่นในชมพู พรหมทัตประนมรับมากับหัดถ์ ลากระบัดไต่เต้ามาตามผลู สะพรั่งพร้อมพฤกษาเปนน่าดู หมู่การเกดแก้วพิกุลการ สิงขรเขตชะโงกเงื้อมชะง่อนชะงัก ดังจะหักดุจห้อยบนหินหาร เปนเพิงเวิ้งฉวากวุ้งกระหง่านทยาน ปานปัทมราชเรืองพราย เขียวสลับดูสลอนดังเมฆพัส ขาวจำรัสดังจินดามณีฉาย ที่ดำดูดุจนิลพรรณราย เหลืองขจายดุจแสงทับทิมดี บ้างก็พร้อยเพริศเพ็ชรเบญรงค์ ชลลงไหลซาบกระแสศรี ซ่านกระเซ็นกระเด็นวารีทวี บ้างก็ปรี่สายฟุ้งเปนฝอยฟอง มัจฉามังกรกระพากเพียน กระแหเวียนว่ายวู่เปนคู่สอง ดุกโดดละเลิงถเกิงคนอง ลำพองพาพวกรื่นภิรมย์ไคล เดียรดาษตามหมู่ดูสลอน ตามสิงขรภูผาวนาไศล เข้าบังใบบุษบงระบัดใบ งามไสวดอกแย้มเรณูโรย ภุมเรศร่อนประเวศขจรกลิ่น แล้วโบกบินเที่ยวแสวงตำแหน่งโหย บ้างสอดใส่เสาวคนธเบียดโบย พระพายโรยรื่นรสอารมณ์สบาย ชลสายดุจแสงมณีส่อง สว่างต้องอารมณ์เหนื่อยค่อยคลายหาย หยุดสำราญแต่พอให้ฤทัยคลาย ทรงชำระกระสายกระแสชล
๏ ปางนั้นนางมณีเมขลา ว่ายฟ้าจากพโยมเวหาหน สำราญร่อนมากลางทิฆัมพน ลุดลแดนด้าวสีขริน ลงลีลาสตามลเมาะชะม้อยเนตร์ เห็นภูวเรศสระสรงกระแสสินธุ์ งามชะอ้อนเอวองค์ธิบดินทร์ นางจินตนานึกคนึงครวญ กำเริบราคร้อนรุ่มกลุ้มอุระ มิอาจที่จะดำรงพระองค์สงวน จึงออกจากพนมพฤกษ์ด้วยรัญจวน ทำชมสวนสำราญรื่นมโนใน ทอดพระกรกรายกระหยับมาเด็ดดวง แล้วชูพวงผลผกาอันสุกใส ลีลาสเล่นแล้วก็เหลือบแลไป จนแทบใกล้ภูวราชธเรศตรี พงศ์กษัตริย์ทอดทัศนฤดีสมร ให้อาวรณ์หวังสวาททวีศรี ด่วนเสด็จเต้าตามนางเทวี จึงมีมธุรสบัญชานวล ไยสมรเสมอชีพมาชมพนัส หรือวิบัติบุรีภาคภิรมย์สงวน หรือพลัดคู่เพื่อนขัดกมลครวญ ขอเชิญนวลนุชนั่งพระไทรพลาง สุดาสดับสุรถ้อยชม้อยพักตร์ ชำเลืองลักเนตร์ค้อนให้คมหมาง จึงพร้องตอบขอบรสพจนวรางค์ สมสำอางดิเรกพักตร์ประมาณการ ใช่ยุบลที่จะแข่งคดีบท สนองพจน์ป่วยข้อรำคาญสมาน พลางกรีดกรกระหยับลีลาลาน ทอดกรเด็ดก้านผกาแกม นิจจานุชหรือมานิ่งคนึงหมาง ไฉนจางคดีถามงามแฉล้ม จะฝากชีพไว้กว่าชนม์นิราแรม เจ้างามแจ่มจรัสพักตร์จงปราณี พลางสัมผัสประจงต้องพระพาหา พระหัดถาถูกพุ่มประทุมศรี นางสบัดมิให้ต้องพระอินทรีย์ พระยิ่งทวีวอนจงเอนดู นางสนองน้องใช่โสเภณี พนาลีหรือจะลองประคองคู่ ทำดูหมิ่นเห็นว่าไร้ผู้ช่วยชู ลอมลูประโลมเล่นแล้วจักจร ดำรัสว่างามเสงี่ยมชะอ้อนพักตร์ จำเริญรักพี่ไม่ร้างห่างสมร สักกี่เมื่อพี่จะจากพงางอน ยกกรประทับแทบอุระมา นางปัดหัดถ์มิให้สัมผัสพระองค์อิง ยิ่งผันผิ้งนำแนบกับนาสา เบือนพักตร์มิให้พาดกับพักตรา เบือนอุราก็ยิ่งเอื้อมสัมผัสองค์ ยิ่งเบือนเนตรก็ยิ่งนำพระเนตรหมาย กระหยับกายก็ยิ่งหน่วงนวลหงส์ ยิ่งเบือนเพลาก็ยิ่งทับพระเพลาชงฆ์ ก็ซุดองค์อ่อนเศียรศิโรกราน สองภิรมย์สมสวาทสมพาสทิพย์ ดังลอยลิบล่องคัคณานต์สถาน จุมพิตน้องต้องเต้าประทุมมาลย์ บานกลีบรสรื่นภิรมยา ก็มัวหมอกหม่นเมฆวะวาบกลับ กระหยับวับแวมทั่วทั้งเวหา อัศจรรย์เหลือการจะคณนา ก็มิคลานาคเลิกพังพานทะยาน อับแสงศศิธรอันไขไถง เมรุไกรเพียงพังลำพองหาญ พิรุณปรายฝอยฟองลอองมาลย์ ก็เบิกบานรวิวารสว่างไตร สองเกษมสำราญเริงบรรเทิงรส ยังไม่ปลดเชยชิดพิสมัย เพลาล่วงยุคันธรครรไลไคล กริ่งฤทัยเกรงจะพรากภูธรจร จึงน้อมเศียรสนองพจน์บรเมศร์ ลาประเวศยังพระเมรุสิงขร สุดน้องที่จะนิ่งเสน่ห์นอน พลางสะท้อนทุกขแทบอุระทลาย ชงคาสนองพร้อมพร่ำรำพรรณพจน์ เรียมจรดมิได้มุ่งเมินขยาย ไฉนน้องจึงมาข้องให้เรียมระคาย เสียดายนุชดุจดวงสุมณฑา ดังของสวรรคมาเสวยบวายโศก หรือวิโยคเยาวยอดนิราสา เชิญสนิทอยู่ด้วยพี่สักเวลา วิบากแล้วจำคลาก็ตามที สนองตอบสุดแต่ตามพระทัยท้าว อุระเผ่าเพียงเพลิงมาสุมศรี เพลาเฝ้าอิศวรวราชี ชุลีแล้วลีลาสมาด้วยพลัน สองเนตร์นองชลนาล่อ แต่รีรอมิใคร่จะผายผัน หักฤทัยเหาะขึ้นโพยมบรรพ์ ก็ดั้นเมฆมาดลพิมานพราย พงศ์กษัตริย์พูลเทวษฤทัยหวาม เธอแลตามนุชน้องจนนางหาย ก็จัดองค์ทรงเครื่องพรรณราย แสนเสียดายยังไม่วายวาง เสด็จจากรุกขไทรบันเทาเทวษ สังเกตมุ่งพิธีท้าวบเมินหมาง เจ็ดวันแต่เดิรมาตามทาง กระทั่งเขตพาราณสีพลัน เธอสถิตแทบใกล้พระภารา รัถยาวันหนึ่งถึงสถาน สู้สร้างศาลาพรหมจรรย์ ก็เปลื้องพรรณบริโภคกษัตรา ทรงจัมวาสีห่อเกล้า ไม้เท้าขอคานสอยพฤกษา สมาทานใต้รุกขฉายา เปนสิทธาประเสริฐกาลากูณฑ์ ตามตำหรับบรเมศร์มิได้ประมาท รักษาศาสตร์ไตรเพทไม่เสื่อมสูญ พากเพียรจำเนียรนานมามากมูล ก็เพิ่มพูลลืมอรรคชายา
๏ ปางนั้นสมเด็จมนทะเสน นฤเบนทรจอมโลกคะมหา ปิ่นขัติยกษัตริย์ธวรา พาราณสีเวทลือขจร โดยปริมณฑลสิบหกโยชน์ พลโสดจัตุรงค์สลับสลอน สล้างเหลี่ยมปราการฉะงอน ซอนซุ้มทวาเรศเรืองราย ถเถิงกำแพงเพียงสิบแปดศอก ประตูออกแปดทิศทวารหมาย มีปราสาทสุวรรณพรรณราย ปลายจัตุรมุขพักตรพรหมาน เรืองอำมาตย์หมู่มุขมนตรี เสนีน้อมศิโรเพศในสถาน พระสนมนับหมื่นประจำงาร อนงค์พาลวิลัยพักตรสุดาพงา สามอรรคมเหษีเพียงอับสร งามชะอ้อนบำรุงรสเสนหา เปนประถมนามจันทสุดา ตระกูลกษัตราวราชี พระองค์สองทรงนามศุภลักษณ์ ตระกูลศักดิ์สุริวงศ์เศรษฐี พระองค์สามนามเกศสุมาลี องค์นี้อำมาตย์ประมวลมูล บำรุงรสรองบาทบทเรศ นฤเบศรบดินทร์นรินทรสูร ครองไอศวรรยาภิรมย์ยูร พูลสุขพิพัฒนมงคล เจริญสามพระวะสาแต่ครองภพ เลิศลบลือเลื่องทุกแห่งหน สองอรรคมเหษีนฤมล เจริญผลศีลสร้างก็ทรงครรภ์ แต่เจ้าจันทสุดาผู้เอกนาฎ ยังว่างราชโอรสเกษมสันต์ อุสาหะพยายามศีลาจรรย์ ก็บันดาลถึงเทพบรมญาณ
๏ ปางพระจอมจุโลงโลกมเหศวร สำราญรวนยิ่งยวดมหาสถาน คำนึงถึงกุมภกาจแลเวตาล ไปทรมานประมวลทุกข์ทุกเพรางาย เกือบจะเกินกำหนดสาบสิ้นเทวษ จึงให้หาเทวเรศมาสั่งสาย ตามกระแสสุนทรทำนายทาย จงนำกายจุติจากสวรรยา กำเนิดสุริวงศ์มนทเสน บริเวณมอบภพสังขยา ในครรภ์นางจันทสุดา จะเปนจักรพัตราอันเรืองไตร สุตันตะเทวบุตรประนมบาท ประนอมราชรับพรมิช้าได้ คมนาลอยล่องลีลาไคล ใกล้เรืองอรุณรุ่งรวีวร ก็วางชีพจุติจากพิมานมาศ อากาศผ่องแผ้วสโมสร โชติช่วงดังดวงศศิธร ด้วยพรพระบรมทรงธรรม์ ฝ่ายจันทสุดาบรรทมสถิต หลับสนิทเนาแท่นสุวรรณฝัน ว่าได้ดวงศศิธรอันพรายพรรณ ประคองถันน้องแทบอุระพา พอสว่างกระจ่างแจ้งจำรัสไข พระสุริยใสรุ่งโรจพระเวหา เหาะเหิรหาวชมดวงดารา ล่องมหาสี่ทวีปอันไพฑูร คณาเทพธิดาสุรารักษ ประนมนิ้วนัขน้อมประนมสูร กลับหลังคงยังปราสาทจรูญ พอเรืองบูรศศิผ่องสว่างพลัน สรงพักตร์ประจงผัดลอองผง ระยับยงเยื้องเฝ้านรังสรรค์ เกษมสามมเหษีบังคมคัล จันทสุดาน้อมประนมชุลี สนองนิมิตรโดยบรรยายมา วโรงการ์ดำรัสตามกระแสศรี พฤฒาทายดูให้รู้โดยกระวี จะร้ายดีจงทูลอย่าเกรงภัย โหรารับวโรงการแก้นิมิตร ประจักษ์จิตต์เสนอถ้อยแถลงไข จะทรงครรภ์บุญเลิศประเสริฐไตร ครองในภพโลกคธาตรี จะผ่านทวีปเปนบรมจักรพรรดิ์ ล้ำกษัตริย์ประเสริฐพาราณสี จะได้พรอิศวรวราชี มีพระชันสาถ้วนถึงพัน ทูลแล้วประนตธุลีบาท ทรงพระราชทานทรัพย์อเนกสรรพ์ สรรพสิ่งมิ่งม้าโคครัน ผ้าพรรณนุ่งห่มสำราญบาน ให้รักษาครรภ์สามมเหษี ทุกราตรีพูลสุขเกษมสานต์ ศุภลักษณ์ยุพยอดยุพาพาล ประมาณทศมาสถ้วนสิบเดือนตรา สะพรั่งพร้อมญาติวงศ์เข้าแนบข้าง ประคองนางโฉมฉายทั้งซ้ายขวา ถ้วนทั้งหมอนวดแลหมอยา พอเพลาก็ประสูติสำราญกาย พระสนมอุ้มแนบให้อาบสรง ชำระองค์บริสุทธิประเสริฐฉาย ลออพักตร์พริ้มเพียงมณีพราย เปนชายเหมือนองค์พระบิดร ฝ่ายองค์นางเกศสุมาลี ก็ป่วนปั่นนาภีศรีสมร พิชัยโยควาตาก็เตือนจร จากอุทรเทียมดวงสุวรรณครัน แฉล้มแช่มเปนชายประหลาทโฉม พระบิตุรงค์ทรงโสมนัสสันต์ แสนสวาทสองสมรเสมอกัน ประคองขวัญถวายนามตามพระวงศ์ พระเชษฐาบุตรนางศุภลักษณ์ ประไพพักตร์ผิวผ่องระเหิดระหง พระท้าวให้ชื่อชัยสุริวงศ์ พระองค์น้อยบุตรเกศสุมาลี ถวายนามตามพรวราพุฒ ชื่อชัยนุรุทธนรังสี จัดพี่เลี้ยงสาวสรรค์กันดี ทุกราตรีกราบนบบวายวัน ส่วนจันทสุดามเหษี พระนาภีหวาดเสียวฤทัยหวั่น พี่เลี้ยงเคียงประคับประคองครรภ์ สาวสรรค์พร้อมแซ่ผดุงผดา กษัตริย์เสด็จเต้าตำแหน่งสมร ด้วยอาวรณ์แสนสวาทขนิษฐา อุดมโชคพร้อมโยคฉายา ก็คลาเสร็จลีลาสอร่ามงาม เมฆลั่นคนึงเคลื่อนวลาหก อิสิตกเต็มถ้วนท้องสนาม เมขลาชูดวงมณีวาม รามสูรเงื้อขวานประหารโครม สกุณีแซ่ซ้องประสานเสียง เผดียงดุจดุริยางค์ประโคมโฉม สามนาฬิกามืดมัวพโยม จำรัสดาวดุจโคมประทีปเทียน สมุทร์หวาดสุธาไหวไพรพิลึก อึกธึกลั่นหล้ารำพาเหียร ภูม.... (ต่อไปนี้ต้นฉบับขาดหายแต่เนื้อความก็คงไม่มีอะไรนอกจากแสดงเหตุอัศจรรย์กับการประคับประคองรักษาพระราชกุมาร ความต่อตรงตั้งชื่อทีเดียว) ชื่อพระอภัยสินสุริยากร แสนสนมสรรค์ตระกูลประเสริฐศักดิ์ ลออพักตร์พริ้งเพียงอับสรสมร ประคองอุ้มถนอมสรงพระสาคร บรรจงป้อนถันก็พลันไว พระชันสาสามขวบประหลาทโฉม เล่ห์โลมสวาทพ้อพิสมัย งามเอี่ยมเทียมอินทรอำไพ บิตุราชบำรุงในบำเรอนวล สามกษัตริย์บพิตรมิหน่ายแหนง ไม่ระแวงฉันทาเกษมสรวล ต่างรักร่วมชีพประมวลชวน สองสำรวลสามกษัตริย์เปรมปรีดี เฝ้าองค์บิตุเรศนิราสสนาม มาน้อมสามมาตุรงค์เกษมศรี สามนางบมิหมางกมลมี ดังชีวีรักร่วมทุกวันวาร ฝ่ายบรมมนทะเสนบิตุเรศ ครองนิเวศนถ้วนเจ็ดวะสาสาร ก็ล่วงชีพทิวงคตชีวาลาญ สามกุมารปลงศพพระบิดา ต่างโศกต่างวิโยคคนึงสมร ต่างอาวรณ์มิได้เว้นเสนหา จะลือเลื่องเครื่องศพบรรยายมา ก็เต็มตาทุกนิเทศนิทานนาน ศพกษัตริย์จัดตามประเพณี จะนำคดีก็จะป่วยการสมาน เสร็จกลับสุมพระธาตุโดยประมาณ ให้แต่งการเจดีย์ประจุพลัน สามกษัตริย์ฉลองถวายบุบผา มาลาเจดีย์เลิศประเสริฐสรรพ์ จนพระอภัยสินสุริยัน พระชันสาได้ห้าปีปลาย ส่วนมหาอำมาตย์ประชุมกัน ปรึกษาสันจะภิเษกให้เรืองฉาย เศวตฉัตรนั้นจะอันตรธานกลาย เกลือกว่าชายชาติทุรพลพาล พร้องเสร็จประพฤติพระองค์กษัตริย์ พร้อมมนัสนั่งหน้าพระลานสถาน จะเษกพระชัยสุริวงศ์องค์กุมาร ให้ผ่านภพผดุงโลกสนององค์ พระราชกุมารสมานตอบ ไม่ควรครอบบุรีครองผิดประสงค์ ด้วยมารดรตามเรื่องสกุลวงศ์ เปนแต่พงศ์เศรษฐีไม่บังควร อำมาตย์สดับแล้วเผดียงพระขนิษฐ์ พระพี่ผิดไม่รับประคองสงวน จะเษกพระชัยนุรุทธเข้าประมวล ขอเชิญชวนพระองค์รับประเพณี พระกุมารตอบพจน์อำมาตย์สนอง เราไม่ครองแผ่นภพบุรีศรี ด้วยมารดรใช่ตระกูลธเรศตรี เปนที่มาตยาไม่ควรครอง สดับพจน์กุมารทั้งสองสวัสดิ์ แต่แขงขัดมิได้เข้าระบอบสนอง จึงประนมนัขน้อมมโนปอง สองพระองค์มิได้เอื้ออาลัยการ ขอเชิญเสด็จพระอภัยสินครอง จงจำนองเนาในนิเวศน์สถาน เปนปิ่นปักนัคราจุฑาธาร พระกุมารสนองถ้อยคดีมี เราไซ้มิได้เกรงจะขืนขัด สามารถจะบำรุงบุรีศรี แต่งดรอขอผัดสักสามปี จะไปเฝ้าพระศุลีประทานพร อยู่ภายหลังพระพี่ทั้งสองสุข จงดับทุกข์ว่าราชกิจก่อน น้องจะลาเจียรจากนครจร ถ้าได้พรแล้วจะคืนมาบุรี อำมาตย์โอนศิโรรับชงคาตรัส ต่างมนัสชื่นแช่มมโนศรี สามกษัตริย์เสร็จกลับปรางมณี กราบชุลีสามราชมาตุรง พระอภัยสินผู้เปนน้อง ถวายพร้องพร้อมกันทั้งสามประสงค์ พระพี่ไม่รับครองทั้งสององค์ กระหม่อมฉันรับลงประเทืองวัง จะมอบเวรอำมาตย์ไว้สามวะสา ไปขอพรอิศราให้สุขัง ทั้งสามบาทมาตุรงค์จงครองวัง ตั้งแต่พรุ่งนี้ลูกจะกราบลา สามแม่สดับหมางกมลสมร ต่างอาวรณ์ลูกรักเปนนักหนา โอ้พ่อคู่ชีวันของมารดา แก้วตาแม่จะต้องรำคาญนาน พระชันสาห้าขวบยังน้อยจ้อย จะเศร้าสร้อยไกลจากนิเวศน์สถาน พระบาทช้ำใครจะช่วยพยุงกราน เลื่อยล้าแล้วจะลาญชีวาลง โอ้กำพร้าหรือจะพรากแม่เคยพร้อง ใครจะสนองอาบอุ้มให้สระสรง ใครจะป้อนของเสวยให้อิ่มองค์ ใครจะผจงปลอบเจ้าเมื่อเพรางาย ยามบรรทมใครจะนั่งระวังพัด ใครจะซัดมักสาให้คลายหาย สกุณก้องเจ้าจะร้องกระวนกระวาย ใครคลายเข้ามากลั้วอยู่เกลียวกัน เคยไสยาสน์พระยี่ภู่เขนยหนุน แม่แอบอุ่นเจ้าชะอ้อนแล้วอมถัน อำมาตย์เฝ้าเคียงเคยบังคมคัล หรือจะผันจากแม่ให้จำไกล สละพี่ทั้งสองเสมอชีพ จะเร่งรีบเอกาเข้าป่าใหญ่ ได้ยินเสียงสกุณก้องประกาศไพร ตกพระทัยแล้วเจ้าจะจาบัลย์ เมื่อไรเลยพ่อจะลุถึงไกรลาส สามารถหมายมุ่งเข้าไพรสัณฑ์ จะครองกรุงผดุงเดชในเขตคัน จงเปลี่ยนกันทั้งสามกษัตรา น้อมศิโรตม์รองรับพระเสาวนี พระคุณทวีนบเหนือพระเกศา เกิดเปนกายย่อมจะม้วยประลัยลา ใช่จะคงชีวาเปนนิรันดร์ ย่อมประกอบด้วยทุกข์แลโทมนัส จำกระจัดญาติวงศ์ทุกสิ่งสรรค์ ลูกเปนชายตระกูลเลิศประเสริฐครัน มิได้เกรงซึ่งอันตรายกาย ถึงกรรมแล้วจำบรรลัยชีพ แม้นครองทวีปจะม้วยก็ง่าย ๆ ประทานพรเถิดลูกจะลาคลาย ถวายบังคมห้ากษัตรา ห้ากษัตริย์เสาวนาเสนาะพจน์ ช่างแบ่งบทเบือนพรากเสนหา รับขวัญพร้องเจ้าช่างพร่ำรำพรรณลา มารดาสุดจะห้ามจะหวงองค์ ห้ากษัตริย์โทมนัสสนองสั่ง เจ้าระวังให้แม่ว่างสวาทหลง มาจะสอนเจ้าอย่าสูญประยูรวงศ์ อย่าทนงว่าเปนเชื้อกษัตรา ที่กลัวแล้วจงกลัวระมัดผิด อย่าคบพาลมาเปนมิตรเสนหา อย่าละเลิงหลงรสวาจา ธรรมาสัตรีมีเจ็ดประการ หญิงโสเภณีอย่าควรสนอง ไม่ควรครองอย่าร่วมสมัคสมาน หนึ่งตรุณนารีพึ่งรุ่นพาล ยังไม่ดาลระดูรู้อย่าควรปอง หนึ่งหญิงระดูเดือดคดีโลก ยังร้อนโรคเจ้าอย่าร่วมจะมัวหมอง หนึ่งแก่ทุพลภาพอย่าพานครอง หญิงลำพองเสน่ห์ผัวถึงสามชาย ไม่ควรคบเจ้าจงหลบสวาทละ อย่าเคล้าคละหลีกเลี่ยงลีลาขยาย หนึ่งหญิงไม่แจ้งตำแหน่งระคาย ไม่แน่หมายแห่งห้องว่าเรือนใด เจ้าอย่าคบสมาคมภิรมย์รัก จะเสื่อมศักดิ์สุริวงศ์เราเปนใหญ่ หญิงร้ายอย่าได้ร่วมฤทัยใน นานไปก็จะเอื้อมขึ้นเกินองค์ หนึ่งหญิงพิกลจริตใบ้บ้า พระลูกยาเจ้าอย่าจำนงค์ประสงค์ จักเดิรไพรเจ้าจงพร่ำระวังองค์ หนึ่งจำนงอย่าได้นึกจะนอนใน เห็นศาลาเจ้าอย่าหลงเข้าสนิท เกลือกจริตอสูรแสร้งให้อาศรัย จะจับจอมสมรแม่ให้บรรลัย ผลไม้ไม่เคยเสวยอย่าควรปอง พบองค์ฤๅสิทธิจงเสพถาม จะสืบความแผ่ผลเพิ่มสนอง ในสามปีจงให้สมอารมณ์ปอง กลับมาครองไพร่ฟ้าประชาชี ห้ากษัตริย์จะชวนกันคอยขวบ แม้นประจวบแล้วจงคืนบุรีศรี ไม่เห็นเจ้ากลับคืนมาธานี แม่กับพี่จะเข้าสู่พระเพลิงพราย ประนมรับวโรสั่งสนองตอบ คืนครอบบุรีครองให้สมหมาย สามกษัตริย์แต่งเครื่องให้ลูกชาย สำหรับรายสิ่งของแต่พอแรง พอย่ำรุ่งได้ฤกษ์สำราญจิตต์ ทักษิณทิศสามรอบพอเรืองแสง ถวายบังคมห้ากษัตริย์แสดง หมายตำแหน่งนิเวศนออกจากวัง ห้ากษัตริย์ตามส่งจนสุดเนตร แสนเทวษคลอชลนาหลั่ง ค่อนอุระเพียงราญด้วยรักรัง สนมประดังแซ่เสียงด้วยโศกา มนตรีพร้อมสวาทให้รำจวนครวญ จงเทพชวนกันช่วยให้สุขา ต่างพร่ำรำพรรณพร้องนานา จนไกลตากลับเต้ายังบุรินทร์ สงัดเงียบเหงาจิตต์แสนวิโยค ไม่วายโศกถึงพระอภัยสิน เสด็จเดียวเปลี่ยวปลีกแต่ภูมินทร์ จินตนานึกถึงพระมารดร พระพี่ทั้งสองจะนองเนตร ภูวเรศมิได้ลืมพระแม่สอน จากถิ่นนัคราสถาวร ก็ลุดอนไพรดารพนมเรียง เสลายอดผกาเรณูย้อย บ้างจับห้อยร้องขานสนั่นเสียง บ้างขันคูเข้าคลอเปนคู่เคียง บ้างก็เมียงหมายจิกผกากิน หอมรสรื่นรวยรำเพยหวล กลิ่นรำจวนจรุงรื่นฤทัยถวิล กระลำพักนมนางลอออิน กระทุ่มถินท้อนเนกขนนทรี มะทรางไทรไตรตรวยระทวยทอด บ้างยื่นยอดผลหลีกผกาศรี พึ่งเบิกแบ่งบานกลีบสุมาลี บ้างก็คลี่ขยายเคลื่อนเรณูคลาย ผลสุกสกุณซ้องกันเซงแซ่ บ้างห่ามแก่งอมร่วมขจายหลาย เตงแตวเกดแก้วกำจายราย สล้างกล้วยสลายพรายพรัน หล่นดาษเดียรดูสล้างต้น อำพลห่ามสุกดิบดังแกล้งสรรค์ บ้างอ่อนห่อปลีห้อยลงครามครัน ดูอนันต์อเนกคณาใน ชมพลางยุรยาตรเข้าดงหลวง บังดวงสุริเยศไขไถง ชอุ่มเย็นสำราญรื่นฤทัยใน ล่วงไปลุด้าวสีขรินทร์ สูงตระหง่านเปนฉง้อนง้ำชะโงก บ้างก็โตรกตรวยเวิ้งกระแสสินธุ์ บ้างสูงเลี่ยนสีลาดดังอาสน์อินทร์ ดุจนิลวัตถาพรรณราย สลับแสงบ้างเปนซุ้มทวาเรศ แต่ล้วนเขตสิงขรประเสริฐฉาย บ้างก็เด่นดุจเพ็ชร์ประเทืองพราย บ้างก็คล้ายทับทิมกระจ่างดวง บ้างพรายแสงระยับพร้อยดังพลอยรัตน์ กระจ่างจรัสเทียมบุศราร่วง บ้างผ่องศรีดุจแสงมณีพวง บ้างก็ช่วงสว่างโชติกุดั่นดี หมู่มฤคหลายพรรณอเนกหลาย พังพลายคชสารราชสีห์ สุริเยศเยี่ยมยอดยุคันธรี อ่อนรัศมีพรายลงชายไพร ชนีเพรียกเสียงพร่ำกำสรดโศก เงื้อมชะโงกเหนี่ยวไม้มิ่งไศล ด้วยเห็นสุริฉายก็หมายใจ สำคัญได้ว่าโลหิตระหัสลง เพราะวิบากให้วิบัติมันฆ่าผัว ด้วยมืดมัวเมถุนสิ่งประสงค์ จึงจองร้ายกลายเปนชนีดง จิตต์พะวงเห็นว่าเลือดสวามี ครั้นพลบค่ำจันทรเธอทรงกลด เมฆหมดมลทินจำรัสศรี ดาวดาดสล้างล้อมพระจันทรี พระนึกถึงชนนีที่อยู่เวียง เคยสถิตเหมือนอยู่กับพระแม่ สนมแซ่ซ้องขับประสานเสียง กับพี่สองราเราเคยเคียง พี่เลี้ยงเหล่าขันทีประจำงาร ชมพลางเปลื้องผลัดพระภูษา เอนพระองค์ไสยาสำราญสมาน ไม่วายคนึงนึกถึงชนมาน ก็สำราญหลับม่อยลงฉับพลัน ระวังองค์ไม่สู้หลับสนิทนัก รักษาคำมาตุเรศรำพรรณสรรค์ เดชเทพเจ้าในไพรวัน คุ้มอันตรายไว้จนรุ่งราง สรงพักตร์บริโภคแล้วบทจร ตามสิงขรพนาเขาสล้าง แรมไม้หลายวันมาโดยทาง ถึงอาศรมเจษฎางค์พระมุนี แปดองค์ทรงผนวชในอรัญ พรหมจรรย์เปนบรมฤๅษี สร้างพรตประพฤติพิธีมี ก็เข้าน้อมชุลีประนมกร ฤๅษีทอดทัศนาพักตร์ จำเริญรักถามราชกุมารสมร ถนอมอุ้มโอบองค์พระภูธร จำเริญพรไยพรากบุรีมา บิตุรงค์มาตุเรศนามไฉน พระชนม์ได้สักกี่พระวะสา ประสงค์สิ่งไรจงบอกตา มุ่นพระเกศวราแล้วชมพลาง ศิโรน้อมสนองพจน์พระมุนี ให้คลายที่ฤๅสิทธิยังแคลงหมาง อยู่พาราณสีสวรรยางค์ ข้าละร้างพระนิเวศน์เวียงมา จะไปเฝ้าสมเด็จบรมนาถ อิศวรราชจอมโลกนาถา ขอพรเพิ่มพระชนม์ให้วัฒนา ด้วยภารานั้นแรงชตาครัน ผู้ครองนัคเรศไม่จำเริญ เนิ่นนักสักเจ็ดวะสาสรรค์ บิตุเรศข้าครองก็เปนธรรม์ เจ็ดปีก็จรัลครรไลไป อำมาตย์ซ้องจะเษกข้าให้ครองภพ ฉันปรารภจึงพรากจากกรุงใหญ่ ข้าได้ห้าขวบจงแจ้งใจ นักสิทธิได้สดับพจน์พระกุมาร นิจจาเอ๋ยน่าเอนดูดวงสวาท มานิราสมาตุรงค์น่าสงสาร เจ้ายังเด็กหรือมาเดิรในดงดาร ตารำคาญเจ้าช่างเข้าพนมไพร จงยับยั้งอยู่นี้ด้วยตาก่อน อย่าเพ่อจรเข้าพนมวนาไศล มรคานั้นตาจะบอกไป แล้วแต่งให้ภูธรบรรทมพลาง นอนเถิดพ่ออย่าถอนฤทัยทุกข์ จำเริญสุขพ่ออย่าเศร้าจะหมองหมาง จงแสนคนึงนึกถึงว่านอนปราง กางกรวีพัดสัมผัสองค์ ผลัดเวรมิให้ว่างประคองกล่อม ถนอมโอบอุ้มเที่ยวไปสระสรง ปั้นป้อนผลไม้ด้วยใจจง อย่าพะวงคิดถึงพระมารดา แต่อยู่นั้นนานเนิ่นด้วยมุนี ชุลีกราบประนตเหนือเกศา จงแบ่งบอกมรคันจะขอลา พระสิทธาสะท้อนทุกข์เพียงวายชนม์ ไปเถิดทิศนี้สิบหกโยชน์ จงปราโมทย์หมายแนวพนาสณฑ์ จะพานพบฤๅษีจำเริญมนต์ แสวงผลพากเพียรจำเนียรกาล พระเนตรเปนไฟประลัยกัลป์ ผันพักตร์ต้องใครเปนอวสาน หลับเนตรคนึงนิ่งสำรวมฌาณ ถึงสถานค่อยลอบระวังฟัง เหยาะย่องเข้าใกล้แล้วโอบองค์ ส่งเสียงให้แจ้งอารมณ์หวัง ให้ประจักษ์กระหนักว่าเสียงชนัง จักรู้เรื่องจนกระทั่งพระอิศรา องค์พระอภัยสินสดับพจน์ น้อมประนตกราบเกล้าด้วยหรรษา ยุรยาตรจากนิวาสพระสิทธา พระไอยกาตามส่งทั้งแปดองค์ รับขวัญแล้วประคองพระหัตถ์ชี้ ไปทิศนี้นะพ่ออย่าลืมหลง ลีลาสจากนิวาสเข้าแรมดง จิตต์พะวงคิดถึงพระไอยกา ลัดพนมไพรพนัสพนาเถิน ก็มุ่งเมินมิ่งไม้ใบหนา จรล้ำลึกหลายรัถยา บัลลุอาศรมเวศย์มุนีพลัน กระหยับเยี่ยมเห็นองค์พระนักสิทธิ สำรวมกิจสังเกตหลับเนตรมั่น ค่อยย่องมิให้เกรียบไปถึงกรรณ เวียนองค์พลันเข้าข้างปฤษฎางค์ ร้องโดยสำเนียงเสนาะพจน์ พระทรงยศโปรดด้วยอย่าเมินหมาง ร้องพลางทางเอื้อมพระกรกาง ก็วู่วางโถมกอดพระมุนี สดับเสียงลืมเนตรเห็นมนุษย ก็สิ้นสุดเปนจุณไม่เห็นผี สังเวชจิตต์อนิจจาน่าปราณี ไม่พอที่เลยจะวายชีวาไป จึงตั้งกูณฑ์ถเกิงเวทที่แว่วเสียง เผดียงโอมอ่านชุบมิช้าได้ ก็เพิ่มพูลบริบูรณ์พริ้งประไพ วิลัยเลิศดังวิเศษวิเชียรพราย พักตร์พริ้งดุจเพริศบรรจงพร้อม ก็น้อมค้อมศิโรเข้าประสานสาย กราบประนตฤๅสิทธิแล้วบรรยาย ถวายเรื่องตามราวแต่หลังมา สดับรสพจนาทกุมารสนอง ประคองอุ้มแอบแนบพระพาหา ช่างหาญจิตต์หวลจงเจตนา อยู่กับตาก่อนเถิดจึงค่อยไป บำรุงเลี้ยงถนอมรักประคองอุ้ม พิทักษ์ฟูมปลอบเสวยแล้วสรงให้ ฝนจันทน์กระลำพักปราโลมไท กล่อมไกวเวช้าให้นอนนาน แต่คลึงเคล้าทุกเพลาเปนหลายเดือน ก็คลาเคลื่อนคลายคลาดจากสถาน ช้านักพระแม่จะวายปราณ ประมาณกาลว่าไว้แต่สามปี พระดาบสพร่ำสั่งเจ้าฟังสอน แต่นี้จรเจ็ดโยชน์โดยวิถี จะพบห้วยละหารชลธี มีฤทธิเปนกรดประลัยลาญ แต่นั้นเจ็ดร้อยโยชน์ไปถึงเพลิง ถเกิงฤทธิเปนกรดประหัดหาร แต่นั้นเจ็ดร้อยโดยประมาณ ถึงลมพานกรดพัดเปนจุณไป ไปอิกเจ็ดร้อยถึงกรดทราย ตามบรรยายอย่าพรั่นหวั่นไหว รอดตากูแล้วไม่เปนไร ไม่ช้าแปดโยชน์จะถึงพลัน จนโยกขรณีสี่เหลี่ยม เต็มเปี่ยมน้ำเขียวเกษมสันต์ กว้างลึกโยชน์หนึ่งประมาณครัน ใต้นั้นตาลมณีมี อยู่ตรงบัญชรพระอิศวร พิเคราะห์ครวญดูเถิดให้ถ้วนถี่ แต่เพลาสองยามประเพณี ต้นตาลทวีขึ้นมาตามชล พอรุ่งก็ถึงพระบัญชร สถาวรเยี่ยมเมฆเวหน องค์บรมอิศราภูวดล ก็เยี่ยมบนพระแกลบันเทิงใจ สรงพักตร์แล้วหักเอาก้านตาล สีพระทนต์ภูบาลตามวิสัย ครั้นบ่ายชายแสงอโณทัย ทันใดตาลต่ำแต่นั้นมา ครั้นพลบแสงก็สูญไปสุดยอด ระทวยทอดตามเคยไม่เห็นหา ยามสองยอดเยี่ยมพระคงคา แต่ฉนี้เปนนิรานิรันดร์วัน หลานไปจงหมายกำลังมุ่ง เมื่อใกล้รุ่งเรืองแสงกุกกุฏขัน ยอดตาลเสมอขอบสระสุวรรณ จงพลันโถมให้ถึงด้วยเรืองแรง จงกอดกิ่งตาลมณีให้จงมั่น จะพาผันขึ้นเฝ้าเมื่อเช้าแสง ฟังตานะพ่ออย่าเคลือบแคลง รับแสดงลาเข้าพนาลี โดยละเมาะมุ่งหมายตามสังเกต ฤทัยหวังสังเวชทวีศรี เทพย่นมรคาด้วยปราณี ถึงที่น้ำกรดกระเด็นนอง ดูพิลึกพลุ่งพล่านแล้วผันโผน โจนประจวบกันบนเวหาห้อง เปนระลอกกระฉอกฉ่าฉานคนอง กระเด็นต้องสิ่งใดประลัยพลัน ยกพระกรถวิลหวาดฤทัยทบ ไม่เคยเห็นมาพบก็พรั่น ๆ เดชคุณบิตุเรศช่วยป้องกัน คุณแม่คุ้มอันตรายกาย คุณพระไอยกาจงโปรดเกศ ให้ล้ำเขตคุ้งถึงอย่าวายหาย คณาเทพถ้วนทุกพิมานพราย ก็ถาโถมโจนสายนทีมา เดชด้วยกำลังจักรพรรดิ ห่อนวิบัติให้ชีพดับสังขาร์ เฉื่อยสบายดังมาบนสุธา ล่วงมหานทีแล้วจรไป แรมทุเรศไพรพฤกษ์พนมกว้าง ประมาณทางเจ็ดร้อยโยชน์โดยวิสัย ก็ล่วงล้ำเพลิงกรดครรไลไคล ก็ลุได้ถึงโบกขรณี สมนึกเหมือนคเนคนึงแน่ ตามกระแสสมเด็จพระฤๅษี จวนเย็นสุริยาลงทันที ตาลจมชลธีลงไป วันนี้จำจะหยุดอยู่ดูก่อน ด้วยอาวรณ์เหนื่อยนักไม่แน่ได้ กำลังชื่นจึงจะฟื้นโจนไกล ยั้งพระทัยแล้วทอดพระองค์ลง แสนสำราญดังได้ขึ้นเฝ้าแล้ว เหมือนน้ำแก้วหมื่นหม้อมาโสรจสรง ครั้นเวลาใกล้รุ่งพระสุริยง เนตรประจงคอยอยู่จะดูตาล แม่นมั่นเหมือนไอยกาตรัส โสมนัสปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ ใกล้รุ่งยอดเยี่ยมคัคณานต์ จักประมาณนับโยชน์นั้นยังไกล ด้วยสุดสูงไม่ล่องจักขุเห็น เปนแต่มืดมัวไม่ดูได้ ปรากฎแต่เสียงฆ้องประโคมใน พระทัยหวลดุจเห็นพระมารดา แม้นสามชนนีนี่มาด้วย จะรื่นรวยภิรมย์สุขหรรษา กับสองพี่จะชี้ชมผกา จะพากันผาสุกสำราญใจ ต้นไม้กระไรเลยแต่ล้วนแก้ว เปนทิวแถวพอเสมอสว่างไสว ไม่สูงต่ำล้ำเลิศอำไพ ไม่เล็กใหญ่ล้วนหย่อมผกาการ พร้อมดอกออกล้วนสุวรรณมาศ ผลดาษล้วนนิลดูสล้าง ระยับเขาพรายพร้อยอร่ามราง กระจ่างแจ่มแจ้งพกายพราย สลับแสงสุดจะร่ำพรรณา ให้วิถาร์แท้เที่ยงไม่ได้ง่าย แดงสลับขาวล้วนดำกระจาย เขียวระบายเบียดแซกเข้าปนกัน แสงส่องต้องสีพระอาทิตย์ พิศพริ้งเพริศพร้อมไม่นับสรรค์ ดังจะหยัดย้อยเยี่ยมลงมาพลัน บ้างกระเด็นเปนกุดั่นระดะดวง พระเพลินจำเริญหลงชมพนัส จนไตรตรัจบ่ายคล้อยคิรีหลวง ก็เยือกเย็นยามย่ำยิ่งหวาดทรวง เปนห่วงที่จะเฝ้าพระอิศรา บรรทมไม่หลับแต่สักนิด รำพึงคิดครวญละห้อยคอยท่า จนยามสามคอยตามเวลามา ก็จับจัดกายากระแบงองค์ พอยอดเยี่ยมเปี่ยมสระแล้วผาดโผน โจนยึดยอดได้ดังประสงค์ พระองค์แอบก้านมาโดยจง พอตรงหน้าบัญชรก็รุ่งราง
๏ องค์จอมโมลีบรมนาถ พระบาทฟื้นตื่นพอกระจ่างสาง เยี่ยมพระแกลสรงพักตรวรางค์ กางหัดถ์หักตาลสีพระทนต์ พระกุมารมิอาจเฝ้าได้ ก็พลิกไพล่บังกิ่งผกาผล สรงพักตร์แล้วหับบัญชรยล จรดลยังแท่นประเทืองพราย พร้อมคณาเทพน้อมประนมกราบ ศิโรราบตามตำแหน่งที่เคยหมาย สุราสุรเทพเรียงราย น้อมกายนาคครุฑวิชาธร ทรงสำราญในราชกมล ให้เผยห้องไพชยนต์สโมสร จัดล้วนสกรรจ์เทพนิกร มาฝ่ายฟ้อนร้องจับระบำรำ เผยฝาพระตำหนักน้อยใหญ่ มิให้เบียดบังเนตรแต่สิ่งสำ พระโรงทองห้องฝาเคยประจำ ให้เปิดทำโถงไว้ทุกแพร่งพราย สพรั่งพื้นดุริยางค์ปี่พาทย์ฆ้อง บันลือก้องเสนาะสนั่นเสนอถวาย สังคีตขับแล้วบังคมประนมราย ฝ่ายนางฟ้าฟ้อนระบำเวียน ละไมพักตร์พริ้งเพริศประเสริฐสนอง ตามทำนองบิดเคล้าพาเหียร ระทวยทอดกรีดกรประจงเวียน เปลี่ยนท่าเข้าทำปัดกระหยับกัน ฝ่ายคณาทวยเทพนิกรสมร สโมสรแสนสุขเกษมสันต์ ต่างพิศวาสพะวงสำราญครัน งามบรรพ์ระบำแบบระเบียบกระบวร ชูชื่นตื่นราคจรุงรส จึงมีพจนบรรหารมเหศวร ให้หยุดระบำฟ้าพาชวน ประคองนวลถนอมจับระบำไป ดำรัสว่าทวยเทพทั้งนี้ จงปรีดีดูเราอย่าเมินไม่ ตรัสพลางย่างเยื้องลีลาไคล ครั้นใกล้ก็จับระบำบรรพ์ ฝ่ายสุรางคนางที่ล่อผลัดท่า ผาลาชำเลืองเหลียวหลังผัน แต่ตีวงเวียนร่อนกระหวัดวัน เทพกันยาหลงละเลิงลาน ต่างงงงวยเนตร์ด้วยงามงอน สถาพรพิณพาทย์ประสงสาร ฝ่ายบรมราชกุมาร ก็สำราญบนยอดตาลมณี องค์อิศราเรืองดิเรกภพ อันเลิศลบทั่วสกลราศี สำราญราชฤทัยธเรศตรี พระกรสีสัมผัสด้วยกันยา กลับพระหัดถ์ไปกระทั่งจนพระกรรณ์ ก็ผกผันเฟือนพลัดตกผวา โดยกำลังเร็วฤทธิวรา พระบาทคว้าสอดใส่พระกรรณ์พลัน ฝูงเทพทั้งหลายละเลิงหลง พิศวงด้วยระบำนรังสรรค์ ไม่ทันเห็นแห่งองค์พระทรงธรรม์ เหล่ากันยาพร้อมระบำเพรา ก็ไม่ทันเห็นองค์พระอิศรา เอาบาทาหยิบแซมพระกรรณ์เข้า แต่องค์อภัยสินนงเยาว์ ทอดทัศนฤๅดีเต้าประจักษ์ใจ ฝ่ายองค์จอมโลกนาถา ให้หยุดพิณดุริยามิช้าได้ ก็เนานั่งยังหน้าพระลานชัย ไถ่ถามตามข้อคดีการ ใครยังเห็นเมื่อเราระบำบ้าง แม้นจริงจังแล้วอย่าพรางเสกสรรค์ จงบอกตามบรรยายแบ่งบรรพ์ ฝูงอนันต์นิกรเทพก็กราบทูล ข้าพระบาทไม่บังเบือนสัตย์ ไม่แจ้งระหัสแห่งเหตุบดีสูร ตรัสถามถึงสามอนุกูล ก็ประมูลยืนถ้อยทุกเทวา ฝ่ายพระอภัยสินสดับเหตุ ประนอมเกศร้องก้องมนัสา ประทานโทษโปรดพลพาธา ข้าบาทเห็นแจ้งไม่แคลงใจ สดับมธุรสประหลาทจิตต์ บพิตรพะวงสงสัย ตรัสสั่งสุรเทพทันใด ให้เร่งรีบค้นมนทิรา ต่างกราบประนตธุลีบาท พระราชนิเวศน์ข้างในหน้า ขอทูลตามเรื่องมุลิกา ข้าบาทไม่พบประสบพาน บรรหารให้ค้นบนอากาศ เทวารับราชบรรหาร ย้ายแยกทั่วทั้งคัคณานต์ บ้างก็ค้นดูบนตาลสุวรรณ พบองค์พระกุมารอันเรืองเดช เทวเรศอุ้มองค์ขมีขมัน ถึงจอมอิศเรศบังคมคัล บรรยายตามเรื่องอันพามา ปางนั้นพระปิ่นธราภพ จบสกลทั่วโลกนาถา พิศพักตร์อภัยสินสุริยา แจ้งโดยลักขณาชำนาญฌาน อุ้มองค์ประจงจูบแล้วพิศพักตร์ ไกลนักหรือเข้ามาถึงสถาน กี่วันแล้วแต่จากชนมาน จงแจ้งการโดยจริงอย่ากำบัง ซึ่งประสงค์จงแสดงแต่โดยสัตย์ อย่าวิบัติแบ่งเบือนมโนหวัง มาดินหรือโดยกำลังวัง หรือว่ายฟ้ามายังพิมานพราย นบบาทแล้วน้อมศิโรแถลง ไม่เคลือบแฝงคดีเฟือนเบือนขยาย แต่จากมาตุรงค์เข้าพงราย จนพบสายฤๅสิทธิ์แล้วสืบมา แล้วถึงสมเด็จพระตาไฟ ข้าบรรลัยสิ้นชีพสังขาร์ แต่นั้นพลันลาพระไอยกา ถึงมหาน้ำกรดแลเพลิงพราย ลมกรดทรายกรดก็ลุล้ำ กระทั่งถึงสระน้ำจนเหนื่อยหาย ใกล้รุ่งตาลเยี่ยมผยองปลาย ก็ผายผันโจนจับตาลสุวรรณ อันปิ่นจรรโลงโลกจับระบำ ข้าเล็งล้ำโดยเลิศประเสริฐสรรพ์ เมื่อจอนพลัดกระจัดจากพระกรรณ แล้วบรรยายแต่ต้นจนปลายมา เมื่อจากเมืองสามแม่กับสองพี่ สามปีสั่งไว้ให้ไปหา จะคอยขวบไม่ประจวบประจบคลา จะลาญลาล่วงชีพเข้าไฟตาย แต่นับมาเกือบสิ้นสามวะสา ร้อนอุราเพียงร้าวฉานฉลาย อีกเจ็ดวันไม่ประเวศบุรีพราย เห็นจะวายชีพห้ากษัตรา อันฉันซึ่งประสงค์มานบบาท ประทานราชโอวาทให้สุขา ค่อยยืนชนม์พันภัยพาธา มากกว่าเจ็ดปีสำราญบาน บัญชาตรัสว่าอย่าตรอมอารมณ์ทุกข์ จะให้สุขยืนสืบอวสาน อยู่ก่อนยังไม่เกือบทิวาวาร บรรหารให้สรงสุคนธา ล้วนทิพย์ลังการ์ให้อาบองค์ บรรจงเกล้าเกศทรงพระภูษา ล้วนโกไสยพัสตรอุทุมพรา อลังการ์เครื่องทิพย์สุวรรณพรรณ จัดสุรางคนางสนมประโลมกล่อม ถนอมอุ้มให้คลายที่โศกศัลย์ แต่เฟี้ยมเฝ้าเคล้าองค์พระทรงธรรม์ ก็ลุเจ็ดวันโดยคดีกาล พระอภัยสินทูลสนอง โดยปองข้าเนาในสถาน กับเดิรไพรแต่พรากภารานาน ประมาณเข้าวันนี้เปนสามปี แม้นล่วงเพลาเข้าย่ำฆ้อง แม่กับพี่ทั้งสองจะเปนผี ไหนเลยจะได้เห็นพระชนนี น่าที่ข้าน้อยจะบรรลัย จึงบัญชาว่าเจ้าจะคืนเมือง ไม่ขุ่นเคืองหน่อยหนึ่งจะส่งให้ ยังเช้าอยู่พ่ออย่าเพ่อไป อุ้มไว้จูบพักตร์สำราญบาน
๏ ฝ่ายสามชนนีแลเชษฐา อยู่ในภาราพิศาลสมาน แต่พระอภัยสินสุริการ จากนานคอยเนิ่นทุกวันไป นับวันก็เคลื่อนเดือนก็แคล้ว ลูกแก้วของแม่จะเปนไฉน อกเอ๋ยเจ้าไม่เคยจะเดิรไพร แม่ได้ห้ามแล้วไม่ฟังคำ จนถึงสามปีเข้าวันนี้ อันจะคืนบุรีนั้นผิดส่ำ แม่ว่าไม่เชื่อนี่เนื้อกรรม มานำเจ้าเข้าไพรพนมวัน หรือพวกอสุรยักขินีผี มันทุบตีลูกข้าให้อาสัญ หรือพฤกษเทเวศดงจรัล พาขวัญเนตรแม่ไปเชยชม หรือจะเปนหัสดีอินทรีเล่า คาบเจ้าไปยังเขาพนมสม จะเฉี่ยวฉีกจิกยับโดยนิยม โอ้อารมณ์แม่ละเล้าละลุมใจ แม่ประคองถนอมครรภ์แต่น้อย ๆ จนค่อยวัฒนาเติบใหญ่ รักษามิให้ข้องฤทัย ไยพ่อจึงมาพรากพระมารดา พระรูปทรงของเจ้าแม่จำได้ เหมือนอยู่ในพระเนตรแม่ทั้งซ้ายขวา เจ้ามาไยเล่าเจ้าแม่อา มาแล้วแกล้งล่อให้หลงใจ แม่รักแล้วแกล้งเริศให้จำร้าง เจ้าคว่างองค์ลงเสียในป่าใหญ่ นี่เนื้อแกล้งทำห่วงหน่วงแม่ไว้ โอ้อาลัยแม่ไม่ละสวาทเลย เจ้าจะให้แม่แสนคนึงหา แม่จะนองชลนาเนตรเสวย ถึงจะสูญก็มาสั่งให้แม่เชย พิเปรยด้วยแม่แล้วจึงจากจร สุดที่แม่จะคิดคนึงหา พระสุริยาเบือนบ่ายชายสิงขร ผิดเวลาแล้วจะมาถึงนคร ไห้พลางค่อนทรวงรทวยองค์ ต่างไห้ต่างแสนพิไรร่ำ แสนระกำอกไหม้พระทัยหลง แสนวิตก (ฉบับลบ) สะท้อนทรง สลบลงทั้งห้ากษัตรา สนมแน่นเสนอพักตร์ (ฉบับลบ) องค์ แล้วพรมทรงสุคนธบุบผา ถนอมนวดประคองคั้นพระบาทา ก็ระบายวาตาบันเทืองคลาย พระเสาวนีให้หาโหราถาม ไฉนความลูกแก้วของเราหาย จะกลับมาหรือไม่มาให้เร่งทาย หรือสายสุดสวาทแม่จะมรณา พฤฒาเถ้าคำนวณแล้วทูลแถลง มิให้แคลงโดยคดีที่กังขา องค์พระอภัยสินสุริยา คงจะมาวันนี้ให้ถึงวัง บัดนี้อยู่ไศลไกรลาส พระอิศราธิราชสวาทหวัง จงสร่างโศกวิโยครึงรัง สติตั้งคอยองค์พระลูกยา ฟังโหรเห็นผิดทำนองนัก ว่าลูกรักอยู่ไพรพฤกษภูผา ตวันเย็นเห็นไม่กลับมาภารา จึงบัญชาให้ก่อกองไฟ หมู่อำมาตย์รับราชเสาวนี ก็ก่อกูณฑ์อัคคีกองใหญ่ ถเกิงแสงแรงพัดกระพือไฟ ห้ากษัตริย์โหยไห้มาชาลา จึงตั้งอธิฐานกาลไฟ ขอให้พบลูกเสนหา แล้วบรรจงตั้งเครื่องบูชา ห้ากษัตริย์โศกศัลย์พันทวี โหรเถ้าเข้าประนมบังคมทูล บดีสูรฟังข้าบทศรี ของดท่าโดยช้าแต่นาที บัดเดี๋ยวนี้พระกุมารจะพลันมา ทั้งห้าองค์ทรงฟังโหรเถ้าทัด ยังกลุ้มกลัดโศกแสนสหัสหา ข่มขืนพระทัยคอยเวลา ตามคำโหราที่ทักไว้ ฝ่ายองค์อภัยสินเห็นสุริเยศ ส่องแสงประเวศลับไศล จึงทูลองค์พระอวตารผ่านภพไตร ให้ท้าวไทแจ้งซึ่งกิจจา ว่าป่านนี้พระชนนีเจ้า จะโศกเศร้าเข้าไฟวายสังขาร์ พระกุมารอาวรณ์ชอ้อนลา เกศาซบเบื้องบาทมูล พระอิศราปลอบว่าชนนี ธิบดีเจ้านั้นไม่ดับสูญ จึงอวยพระพรอนุกูล ให้เพิ่มพูนผ่านพิภพภารา จงเปนจักรพรรดิจอมสากล สืบชนม์ยืนได้พันวสา แล้วบรรหารสั่งสารกุมารา อุส่าห์ศีลเคร่งบำเพ็ญทาน แล้วไปโปรดกุมภกาสูร อนุกูลให้พ้นสาปด้วยจักร์ผลาญ แม้นอสูรนั้นบรรไลยลาญ จงไปโปรดเวตาลส่งมา ตรัสแล้วโลมลูบจูบปราง ประคองอุ้มองค์พลางดำรัสว่า จะไกลเนตรพ่อแล้วนะแก้วตา จงลงไปครองประชาในแดนไตร จึงประจงองค์วางบนหัดถ์ขวา ร่ายทิพยมนตราอันมไห เป่าต้องกุมารปลิวไป ลงในพระนิเวศน์ภารา ฝ่ายห้ากษัตริย์แต่คอยคอย ตวันคล้อยชายบ่ายลงหนักหนา ไม่เห็นองค์อภัยสินลีลามา ก็น้อมนบวันทาพระเพลิงพราย โปรยบุบผาลาชธูปเทียน แล้วประทักษิณเวียนบูชาถวาย มิได้คิดชีวิตชีวาวาย มุ่งหมายจะเข้ากองพระเพลิงพลาม แสนสนมคมเคียมเข้ายุดบาท หมื่นอำมาตย์เศร้าโศกเข้าทูลห้าม ห้ากษัตริย์ทรงสดับไม่รับความ จะวู่วามวิ่งเข้าเพลิงพราย ต่างเข้าฉวยฉุดพระองค์ไว้ มิให้ลงกองเพลิงถเกิงฉาย พอพระอภัยสินผู้เลิศชาย ถึงถวายบังคมกษัตรา ห้าองค์ต่างองค์เข้าโอบอุ้ม แต่แม่ฟูมฟองเนตรละห้อยหา แต่หวนเห็นมิได้เว้นเวลา จนระอาอกแม่แต่คอยคอย ไฉนไปจึงเนิ่นนานวัน แม่สุดกลั้นโศกหาพระยอดสร้อย โหรเถ้าเฝ้าบอกยุบลตะบอย จึงบันเทาด้วยถ้อยคำโหรา ต่างแถลงเล่าคดีด้วยความโศก ต่างวิโยคเศร้าโทมนัสา พระอภัยสินสุริยา ก็พรรณาโดยเดิรพนมไพร ครั้นสร่างโศกเสร็จเสด็จขึ้นปราสาท พฤฒามาตย์สนมนางค่อยผ่องใส ห้ากษัตริย์แสนสำราญหฤทัย อยู่ในมนเทียรรูจี พระพี่เลี้ยงนางนมบังคมคัล สกิดกันชมโฉมพระโฉมศรี ที่รุ่นราวสาวพรหมจารี เข้าพัดวีถวายองค์พระกุมาร บ้างก็บังมุลี่ชำเลืองพักตร นรลักษณ์เพียงอับสรสมาน บ้างเมียงหมอบแลพระกุมาร บ้างอยู่งารถนอมนวดพระบาทา ครั้นรุ่งฤกษพาสถาวร พระมารดรจะเษกลูกเสนหา พร้อมหมู่พฤฒาพราหมณ์มาตยา ตั้งมหาเศวตฉัตรบนบัลลังก์ ราชวัตรรายรอบนครินทร์ ประโคมอินทเภรีแตรสังข์ โรงงารมหรศพรายรอบวัง แน่นประนังทวยราษฎรจร ประดับรถเทียมอัศวราช หมู่อำมาตย์แห่แหนแลสลอน มือถือบุบผาผกากร กลิ่นขจรตระหลบรัถยา พระทรงปรายมลิทองธรรมชาติ์ ประทานราษฎรโดยปราถนา เอาเงินทำเปนดอกสุมณฑา คณนานับพวงละตำลึง รายตามแถวทางที่ชักรถ กำหนดแต่นิเวศไปจนถึง แม้นใครปราถนาโดยคำนึง อย่าพรั่นพรึงจงเก็บเอาตามใจ ทหารแต่ล้วนขี่สินธพชาติ์ เกลื่อนกลาดเปนท่องแถวไสว สวมเสื้อใส่มวกแลวิไลย บ้างใส่เกราะกรองด้วยทองคำ แถวถัดขนัดพวกหัตถี พ่วงพีพิลึกกำยำล่ำ มือกุมขอเกราะกรายรำ บ้างประจำราชยานสีวิกา กลองชนะประโคมครึกครั่น เหล่าช้างเกาทัณฑ์สะพรั่งหน้า โตมรสลอนสลับกับปืนยา สามมารดาแต่งพระลูกล้วนสุวรรณ เครื่องทิพย์อลงการดิเรกงาม สามโลกย่อมสรรเสริญสันต์ เปนเครื่องทรงอิศเรศทรงธรรม์ ประทานให้เมื่อวันบังคมลา งามองค์งามทรงเครื่องทิพย์ ดังลิ่วลิบลอยเลื่อนพระเวหา งามสามพระราชมารดา งามสองพระเชษฐาทรงรถตาม งามแสนสุรางค์นางสนมนาฏ งามอำมาตย์คู่แห่แลหลาม งามกลดกลิ้งกันฉิ่งฉัตรงาม อร่ามวาม (ฉบับลบ) เสด็จคลา ประทักษิณรอบราชบุรีเรือง ชาวเมืองบังคมค้อมพร้อมหน้า พระโปรยปรายสุวรรณหิรัญตรา มาประทับเบ็ญจาจำเริญไชย ปโรหิตโหราพฤฒาจารย์ กราบกรานอำนวยพระพรให้ เสด็จเหนือเบ็ญจางคอำไพ งามวิไลยเลศล้ำอัมรินทร์ สนั่นเสียงดุริยางค์บำเรอบำรุง มาไลยฟุ้งขจรอบตระหลบกลิ่น แตรสังข์กังสดาลประสานพิณ เสร็จเษกพระสินสุริยา สามพระชนนีพระพี่สอง อวยพรสนองให้เปนสุขา หมู่อำมาตย์ชีพราหมณ์พฤฒา ทั้งนิกรคณาประชาชน อำนวยพรแซ่ซร้องสำเนียงถวาย จงกำจายศัตรูทุกแห่งหน พระเชษฐาเปนฝ่ายหน้าทั้งสองคน บำรุงหล้าประชาชนสวัสดี ทรงธรรม์แท้ทางราชานุวัตร เปนบรมจักรพรรดิเกษมศรี เกษมสันต์บรรเทิงฤทัยทวี ไพร่ฟ้าประชาชีได้ถาวร
๏ ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤเบศร์ ซึ่งทรงเพศเปนฤๅษีสโมสร อุส่าห์พยายามไม่นานนอน ก็เรืองพรเพิ่มฤทธิพิธีกาล บังเกิดสองมุจลินท์สระถนัด มีทับทิมเนาวรัตนริมสระสนาน ภูตทองสองเกิดเผ่นทยาน กุมกระบองเงื้อกระหง่านในกาลา พรหมทัตทอดทัศนาเห็น พิธีเปนอัศจรรย์สหัสา จึงพินิจในนิเทศพระตำรา ให้ไปเอาองค์พระยาเวตาล มาชุบลงในสระอินทปัทม์ จะพิบัติกายทองโดยบรรหาร แล้วจึงฆ่ามนุษย์ให้สุดปราณ ประทานสองภูตให้กินพลัน จึงเอาน้ำมณีจินดา รดกายาเวตาลขมีขมัน รูปเปนเพทยาธรจรจรัล ไปชมวันสี่ทวีปสำราญบาน ในตำราว่าบรมจักรพรรดิ จะอุบัติในธรณีอันพิศาล บัดนี้กูคนึงคเนการ กุมารครองภารานี้มีฤทธิ์ ขจรทั่วไกรกรุงฟุ้งเฟื่อง หมื่นเมืองมามอบอาญาสิทธิ์ ทั้งงามรูปราวเทพนฤมิตร ได้ไปเฝ้าบพิตรบรมญาณ จะต้องคำทำนายเปนจักรพรรดิ แน่ถนัดกูคงจะจงผลาญ จะลวงให้ไปล่อเวตาล ได้แล้วจึงประหารให้มรณา คิดแล้วไขว่ชลอมฉลาดเล่ห์ เก็บทับทิมเทใส่ด้วยหรรษา ก็เสร็จสมถวิลจินดา ทรงหนังพยัคฆาสำหรับชี ไม้ท้าวคอนชลอมลงจากกุฏิ รีบรุดเดิรโดยวิถี วันหนึ่งก็ถึงธานี เข้าหยุดยั้งอยู่ที่นอกเวียงไชย ครั้นค่ำสำนักนอนศาลา จนสุริยารุ่งรางสว่างไข จึงคอนผลทับทิมด้วยกริ่มใจ เข้าในพระนิเวศวังพลัน (ต่อนี้ไปฉบับขาดความไม่ต่อกัน)
จะอาบน้ำก็อาบบนเคหา ยังค่ำจะเห็นหน้าอย่าสงสัย ถึงมีงารการเล่นไม่เห็นไป แต่ใจเราหนุ่มๆ ก็นึกรัก สุดที่จะแต่งเล่ห์เพทุบาย เพราะพราหมณ์ผัวนั้นร้ายแล้วมีศักดิ์ คนผู้ดูแลระวังนัก จะหาญหักเข้าหาก็ยากใจ พี่เลี้ยงฟังแจ้งแถลงเล่า จึงว่าไว้ธุระเราจะแก้ไข แล้วลามิตรสหายคลาไคล เข้าไปเฝ้าจอมมิ่งกุมารา ทูลแถลงแจ้งข่าวตามราวเรื่อง ขออย่าเคืองขุ่นหมองมนัสา คงจะให้ได้สมพนิดา แล้วลาไปสั่งพลพร้อมกัน ให้จัดแจงสิ่งของอันโอชา ทันเวลาพรุ่งนี้ขมีขมัน ทั้งพิณพาทย์มโหรีมีครบครัน สั่งแล้วผันผยองขึ้นมา บอกแก่ชาวบ้านโดยนุสนธิ์ พระกุมารเสด็จดลมาถึงท่า จะอวยทานเลี้ยงพราหมณ์พฤฒา เวลารุ่งพรุ่งนี้ให้พร้อมกัน แล้วเผดียงพราหมณ์แพทย์ทั้งแปดคน จำเริญมนต่โดยเวทวิเศษสรรค์ เปนต้นเพราะเจ้าของรูปทองนั้น ครั้นแล้วแคล้วลงมาเภตรา พลบค่ำเข้าระดมกันเพียรพาก ให้เลื่อนลากสำเภาเข้าแทบท่า ระดมไพร่พร้อมกันดังสัญญา ขุดมหาอุมงค์ฉับพลัน ตลอดตรงถึงสถานพราหมณ์ ห้ามปรามมิให้อึงสนั่นลั่น เสร็จแล้วพอรุ่งรวิวัน จึงทูลสัญญาองค์พระกุมาร เชิญเสด็จดลโดยอุมงค์ชิด แล้วบังปิดปากปล่องอันไพศาล ข้าอยู่เภตราถ้าเสร็จการ จะประหารปืนใหญ่ให้สัญญา ถ้าได้ยินเสียงปืนจงคืนจร อย่าวอนไว้ความเสนหา อย่าให้พราหมณ์ตามทันวนิดา ครั้นเวลารุ่งราษราตรีกาล สี่พี่เลี้ยงกับเหล่าชาวพานิช ก็ตั้งติดแต่งเตียงอันพิศาล สำหรับแปดพราหมณ์พร้อมพฤฒาจารย์ ก็วงม่านมุลี่กั้นบรรจงทำ แล้วประโคมพิณพาทย์มโหรี อึงมี่รี่เรื่อยเฉื่อยฉ่ำ ชาวบ้านแต่งของมาท้องน้ำ ทำบุญด้วยราชกุมาร ฝ่ายพฤฒาเฒ่าก็แต่งตัว ขาวสลัวล้ำเลิศประเสริฐสาร พราหมณ์พร่ำสั่งเจ้าลำเภาพาน พี่ไปไม่นานจะกลับมา จึงหับห้องนอกในมิให้เผย อย่าเฉลยอยู่หลังฟังพี่ว่า กุญแจใส่ในนอกทวารา ฝูงข้าทั้งหลายไม่วางใจ ให้แต่งตัวตามหลังลงสำเภา จะอยู่เรือนเพื่อนเจ้าไม่เชื่อได้ มันสื่อชักจะหักกุญแจไป อยู่ในห้องแต่กันยา พอพราหมณ์ถึงนาเวศนิวาสสถาน สี่พี่เลี้ยงเชิงชาญแกล้วกล้า ก็จัดแจงแต่งเสร็จทันเวลา พฤฒานั่งพร้อมเพรียงเรียงกันไป จึงเบือนบอกกลพร้องสนองสาร พระกุมารหาสบายพระทัยไม่ นั่งท่าช้าสักครู่พอคลายใจ จึงจะได้รดน้ำจำเริญพร ฝ่ายองค์พระกุมารครั้นเช้าสาย พอผันผายลงอุมงค์สโมสร รีบบาทถึงปากอุมงค์จร พระกรายกรทอดทัศนาแล จากอุมงค์ตรงเข้าเคหาพราหมณ์ ตามพี่เสียงแนะความตระหนักแน่ ทวาราหน้าต่างใส่กุญแจ มีฉากกับลับแลตั้งบังกัน จึงร่ายมนต์ดลเสดาะฉะเพาะดาล เบิกบานเสนาะสนั่นลั่น พระย่างเยื้องชำเลืองเนตรเมียงมัน พอพบขวัญตานั่งบนเตียงพราหมณ์ พระลดองค์ลงเคียงประคองสวาท นุชนาฎนารีอย่าหนีหน่าย แต่พี่พบรูปสุวรรณพรรณราย ก็ทอดกายทุ่มทุกขถึงนงพงา จึงคิดการหาญหักไม่รักชีพ เร็วรีบร้อนเร่าเข้ามาหา พี่คือเยาวราชกุมารา หวังจะชวนวนิดาไปกรุงไกร เจ้างามเสงี่ยมเทียมเทพนฤมิตร จำเริญเนตรจำเริญจิตต์พิสมัย พี่จะเษกเปนราไชย ให้เปนใหญ่ในสนมสุรางค์นาง อย่าพะวงถึงพราหมณ์ผู้เพื่อนพ้อง ไม่ควรคู่สู่น้องจงเมินหมาง พลางพลอดพลางสอดสัมผัสพลาง จงประนอมพร้อมทางสำราญบาน สุดาสดับรับเนตรชำเลืองค้อน สบัดกรพลางสนองบรรหาร เห็นน้องยากประหากมาจังฑาล ไม่ควรการที่จะก่อเวรี พระองค์วงศกษัตริย์ขัติยา จะมิจฉาจารทำไม่พอที่ น้องไม่ยอมพร้อมในประเพณี นางแสร้งทำท่วงทีไม่อาวรณ์ แกะหัดถ์สบัดเบือนพักตร พระประคองขึ้นตักไม่วางสมร พระอุ้มแอบแนบนางพลางสุนทร ดวงสมรเสมอชีพชีวัน ความรักพี่แสนสุดรัก จะฟูมฟักนิ่มเนื้อถนอมขวัญ อย่าบากเบือนเลื่อนสวาทให้คลาดวัน เมตตากันเถิดนะน้องอนงค์นาง พระกรถูกปฤษฎางค์พลางพิศพักตร อย่าร้างรักผ่อนให้เชยสะเบยบ้าง จุมพิตชิดชมภิรมย์ปราง พระนุชนางจงประนอมประเพณี สุดาได้สัมผัสกำหนัดชาย แสร้งมารยาแยบคายดังหน่ายหนี พระอย่าหวลด่วนได้ดูไม่ดี น้องไม่มีจิตต์คิดจำนงองค์ ของดก่อนผ่อนพอสบายบ้าง แม้นไม่วางน้องที่ไหนจะสมประสงค์ พลางขยดเขยื้อนจะเลื่อนลง ทำวอนอ่อนองค์อัญชลี พระกุมารปรีชามารยาหญิง ก็หน่วงแนบแอบอิงบนอาสน์ที่ คลึงเคล้าเย้าหยอกยวนยี สองฤดีเดือดดิ้นแดดาล พะเอิญเมฆหมอกมัวไปทั่วทิศ บังปิดมิดแสงสุริย์ฉาน นาครเลื้อยเล่นชลธาร เลิกพังพานพ่นพิษนาคา ภุมรินบินว่อนร่อนลง ประจงรสสุคนธบุบผา กลีบขยายระบายเบิกผกา พิรุณฟ้าปรอยประปทุมาน สองสมภิรมยรสสังวาส แสนสวาทสุดรักสมัคสมาน สองบันเทิงเริงรื่นสำราญบาน ดังได้ผ่านพิภพเมืองอินทร์ ฝ่ายสี่พระพี่เลี้ยงสำเภา กับชายเชาพานิชทั้งสิ้น ครั้นสายแสงสุริยาเวลากิน ก็จัดพิณพาทย์ฆ้องประโคมไป พราหมณ์พฤฒก็พร้อมจำเริญมนต์ ยกของเลี้ยงขนมาเลี้ยงให้ พราหมณ์กินอิ่มหนำสำราญใจ พี่เลี้ยงไปยิงปืนครื้นสำคัญ ฝ่ายกุมารลาญโลมเจ้ารูปทอง อยู่ยังห้องเคหาเกษมสันต์ ได้ยินปืนครื้นเสียงสนั่นครัน ประคองขวัญพลางบอกยุบลพลาง โอ้สายสุดสวาทสมรพี่ เรียมรักราวกับชีวีไม่เมินหมาง พี่มุ่งมิตรคิดจะไว้ชีวาวาง แต่นี้จะร้างนิราคลา ค่อยอยู่เถิดดวงสมรชีพ เรียมจะรีบมิให้พราหมณ์มาพบหน้า พลางจุมพิตพิศพักตรพี่ขอลา อยู่ช้าไม่ได้จะเกิดความ สุดาสดับถ้อยแล้วทูลสนอง จะละน้องไว้ให้อยู่สู้เสี้ยนหนาม ถึงจะตายก็ให้ชื่อระบือนาม น้องจะตามเสด็จด้วยภูธรจร แม้นดำรงคงสัตย์อยู่กับพราหมณ์ ก็ยังงามรักแน่เหมือนแต่ก่อน นี่หลงลิ้นดิ้นตายด้วยภูธร แล้วจะย้อนรื้อรักกับพราหมณ์ไย แม้นพระมิพาน้องไปด้วย จะกลั้นใจให้ม้วยตักษัย พลางสท้อนถอนจิตต์ด้วยอาลัย สอื้นไห้ไหว้วอนกุมารา พระรับว่าอย่ากรรแสงเศร้า จะพาเจ้าไปสมเสนหา จะช้าไยใกล้พราหมณ์จะกลับมา จวนเวลาพี่จะรีบจรจรัล ว่าพลางจูงนางเลื่อนลง เดิรตามอุมงค์เกษมสันต์ รีบบาทยาตรามาเร็วพลัน ด้วยเกรงกริ่งพราหมณ์ทันวนิดา ฝ่ายชาวบ้านซึ่งไปช่วยเลี้ยงพราหมณ์แล้ว ต่างลีลาศคลาดแคล้วสู่เคหา พระกุมารถึงท้ายเภตรา ก็เชยชมพนิดาบานสบาย ฝ่ายพฤฒากลับมาถึงสถาน ไม่ยลพักตรดวงมาลย์สมรหาย ร้องไห้กลิ้งเกลือกเสือกกาย จนวางวายชีพม้วยมรณา พระกุมารก็ให้เคลื่อนนาวาประเวศ ถึงประเทศรูปทองกนิษฐา พระพี่เลี้ยงทูลแถลงแจ้งกิจจา พี่อุส่าห์พามาจนพบกัน จงภิรมย์สมสุขสถาวร โดยพรพี่ให้ประสิทธิสรรพ์ จะขอลาทำลายวายชีวัน ด้วยสัตย์ธรรมถวายองค์พระคงคา ทูลแล้วทั้งสี่พระพี่เลี้ยง เรียบเรียงเคียงบังคมก้มหน้า พร้อมกันโจนลงในธารา ก็มอดม้วยมรณาชีวาวัน พระกุมารเห็นสี่พี่เลี้ยงท้าว อุระผ่าวเพียงชีวาจะอาสัญ นิจจาพี่มีพระคุณน้องอนันต์ ฤๅมาพลันล่วงชีพบรรลัยลาญ ร่ำพลางตรัสแก่สมรมิ่ง เรียมรักยิ่งดวงเนตรเสมอสมาน พระพี่มีพระคุณสูญสิ้นปราณ จะขอลาญชีพตามไป เจ้าจงอยู่ภิญโญอย่ามีทุกข์ เกษมสุขนิราโรคาไข้ หรือจะคืนคู่พราหมณ์ก็ตามใจ พี่จะไกลลับเนตรวนิดา สั่งแล้วโดดโผนโจนลงน้ำ ละลอกซ้ำซัดสิ้นสังขาร์ ฝ่ายพระเยาวรูปวรรณกัลยา เห็นกษัตริย์ภัสดาบรรลัยลาญ ทอดองค์ลงพิลาปด้วยอาลัย ดั่งนางจะขาดใจวายสังขาร ร้างพราหมณ์ตามรักพระกุมาร เวรารานให้นิราสแรมลา จะคืนไปใครเขาจะเข้าชอบ นางนบนอบประนมหัดถา ขอตายไปได้พบพระภัศดา แล้วโดดลงคงคาสิ้นชีวัน ฝ่ายพลพานิชทั้งหลาย เห็นเจ้านายสิ้นชีพอาสัญ ต่างปรึกษาหารือกัน ไม่มีพรั่นพรั่งพร้อมจะยอมตาย ต่างโผนโจนลงคงคา เปนเหยื่อหมู่มัจฉาทั้งหลาย บันดาอยู่ที่สำเภาเหล่าไพร่นาย ชีพม้วยวางวายไม่เว้นคน เปนเหตุฉนี้เพราะรูปทอง กระดูกตายก่ายกองเกลื่อนกล่น บาปจะได้แก่ใครพระภูวดล เชิญเฉลยยุบลให้แจ้งใจ แม้นพระแก้ไม่ได้ในปฤศนา พระเกศาจะแตกตักษัย พระจึงตอบเวตาลทันใด ว่าบาปกรรมไซร้ได้แก่พราหมณ์นั้น ฝ่ายองค์เวตาลก็ลื่นหลุด ผลุดพลัดจากพระหัดถ์ผกผัน ขึ้นไปอยู่ยอดพนมวัน พระกุมารรีบจรัลติดตาม ฉวยฉับจับได้แล้วพามา อสุรานอนนบเคารพถาม พาข้ามาไยไม่แจ้งความ เร่งครั่นคร้ามขามตัวกลัวบรรลัย พระไม่วางหัดถ์แห่งเวตาลเลย ทำเชือนเฉยมิได้ตอบคดีไข อสุราล่อเล่านิยายไป ตั้งพระทัยฟังเรื่องบุราณนาน