คำอ่านปัจจุบัน ตำราช้าง ฉบับรัชกาลที่ ๑

วันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๔ ปีขาลจัตวาศก จำลองแล้วทานแล้ว

ศุภมัสดุ อันนี้กล่าวในพระศิวกรรม เมื่ออาทิสรรค์บังเกิดช้างพังพลาย จึ่งพระพรหมบังเกิดช้างพังพลายจำพวกหนึ่ง ชื่อพรหมพงศ์ พระพิษณุบังเกิดช้างพังพลายจำพวกหนึ่ง ชื่อพิษณุพงศ์ พระอิศวรเป็นเจ้าบังเกิดช้างพังพลายจำพวกหนึ่ง ชื่ออิศวรพงศ์ พระเพลิงบังเกิดช้างพังพลายจำพวกหนึ่ง ชื่ออัคนิพงศ์ เป็นอำนวยพงศ์ช้างทั้ง ๔ ประการ มีสงสถานรูปพรรณต่างๆ ในตัวช้างนั้น

อันว่าพรหมพงศ์นั้นไซร้ ช้างนั้นสงสถานแห่งตัวช้าง มีขนงอกขึ้นเป็นสองเส้นคู่กัน แลขนนั้นยาว มีตนอันน้อย แลยาว มีกระดุจดอกกรรณิการ์ มีงาอันงามแต่ต้นถึงปลาย มีเอ็นอันเล็ก มีเสียงศัพท์ดุจเสียงวัวผู้ มีพรรณเหลืองขาวแลเขียวพรายดุจขนนกยูงเห็นขาวในอก มีงาใหญ่ แลตางามดุจแก้ว ทั้งนี้ว่าจะให้จำเริญโภไคยไอยศุริยสิริสมบัติแล

อันว่าพิษณุพงศ์นั้นไซร้ มีสงสถานแห่งตัวช้างนั้น มีลักขณะคอนั้นสั้นแลอกใหญ่แลตัวสั้นแลงามใหญ่ มีกระชั้นควาญอันงาม มีเสียงอันคำครึม หูนั้นมีพรรณแดง กระหมวดหัวงามแลใหญ่สมบูรณ์ มีกระละเอียด มีเดชอาจให้มีชัยชำนะทุกเมื่อแล

อันว่าอิศวรพงศ์นั้นไซร้ มีสงสถานตัวช้างนั้นเกลี้ยง แลมิได้หม่นหมอง มีกระประดับเสมอแลงาม งานั้นยาวเสมอกัน หูใหญ่แลอ่อน กระบอกตานั้นใหญ่แลงาม มีเดชกล้าแข็งบ่มิได้หวั่นไหว มีชัยชำนะทุกเมื่อแล

อันว่าลักขณะช้างอันชื่ออัคนิพงศ์นั้นไซร้ มีกระอันเล็กเสมอแลงาม มีตาดุจพรรณน้ำผึ้งรวงเส้นขนกลมแลงาม มีพรรณละเอียด หูนั้นแดง ปากแดง งาแดงสำไล่ มีประการดุจไฟป่าและอาจชนะยุทธทุกเมื่อแล

มโหทโร มหากาโย คชพักโตร มหัพพโล นาโค นาคยชโย โหติ ศิวบุตโตร มหิทธิโก คชธโร คชสิทธิ ภวันตุ เต

เอกทันตบรมรังโส นาคาภรณภูสิโต กรรมธาโร กรรมธาโร กรรมสิทธิ ภวันตุ เต

โอม เห เห เห คชลักษเตเชน ชคโชคช สวาหับ

เมื่อถึงคราวให้นึกถึงพระเจ้านี้แล้ว แลอ่านมนตร์นี้ ๓ คาบเป็นคัชเชิงช้างตัวอื่นแล พระเจ้านี้ชื่อ ศิพบุตรพิฆเนศวร ลูกพระเพลิง ผิผู้ใดจะทรงคชศาสตร์นี้ไซร้ให้ไหว้ให้บูชาคุรุบาทิยาย จึงจะสิทธิจำเริญแห่งช้างนั้นแล

อันนี้อาทิสรรค์ให้เป็นช้างตัวผู้เกิด อันนี้อาทิสรรค์ให้เป็นช้างหนมือขวา ตัวเมียหนมือซ้าย

พระพิฆเนศวรนี้คือพิฆ ชื่อโกญจนาทเนศวร (เป็น) ชื่อ ศิวบุตร

มโหทโร มหากาโย ศิวบุตโตร มหิทธิโก
หัตถาธาโร หัตถชโยฉจาหิ จ บาศธโร
นาคปาโส นาคพันโธ คชรักโส จ อาไจ
สัพพเตช จ ทเวราชา ตูรียเทวา จ เมสิทธิ

โอม เห เห ติษจหนยเดเชน อไส สฺวาหาย สฺวาผัด

มนตร์นี้๑๐ อ่าน ๓ คาบ คัดบาศถูกย่อมลุ้ยแล

สิทธิสวัสดิ์ จตุรมุกโข คชภักโตร๑๑ ฉพาโห จตุบโท จ

อัฏฐเนโตร อัฏฐกรรณา รักตามภรณสิต
มหากาโย มหาทโร คชรักโส มหาพโล
บุบพธารา นาคชาตา บุบผวรรณา คชปภา
เทว อิติ จ ตริเทพดา มหาเดช จ มุหิทธกา
กรโกณหัตถิ คชา ขยา หัตถาจริยา
ดิพบุตรา มหาเดชา อิทธิมันโตยสัตสิโส
คชพันโท คชบาโล คชพรรณวิกสิโต
เอเตณ คชเคเชน คชโสตถิ ภวันตุ เม๑๒

พระศีพกรรมเมื่ออาทิสรรค์ช้าง พญาสองพี่น้องผู้พิไลไปไหว้สิลาบาทที่นั่งพระผู้เป็นเจ้าสหัส๑๓บงกชบัวเผือก อันมีพันกลีบอันเทพดาเอาบูชาพระเจ้า พระหัสบดีสรรค์เกษร ให้กลายเป็นช้างตัวผู้เก้าสิบหกหนขวาสิลาบาท กลายเป็นช้างตัวเมียหกสิบเก้าเบื้องซ้ายสิลาบาท เมื่อนั้น พญาผู้พี่ใคร่ปรารถนาแก่นางช้าง ก็ให้ไปไหว้พระบดิวบุตร จึ่งท่านนิมนต์เทพดาแปดองค์ อีกพญาสิบแปดองค์ให้มาผสมเป็นตัวช้าง จึ่งเทพดาทั้งหลายนั้น ต่างตนต่างเป็นองค์ เป็นหัว เป็นตาเป็นงวง๑๔ เป็นงา เป็นเพลาสมา เป็นหู เป็นหางทุกแห่ง ดุจอันมีชื่อเทพดาทั้ง๑๕หลาย ในตำรับอันดีชั่วช้างอัฏฐคชนี้แล จึ่งพญาผู้น้องนั้นไปเห็นช้างทั้งหลาย อีกช้างอัฏฐคชไปอยู่ไปกินในป่าพระหิมพานต์ แล้วไปอยู่ไปนอนในฉันทันต์สระ พญาก็มีใจปรารถนาแก่ช้างทั้งหลาย ก็ไปไหว้พระฤาษีทูลพาศ แลขอบาศพันธ์แต่ฤาษี แลฤาษีชุบเอานาคบาศมาประสิทธิ์ให้แก่พญาผู้น้องนั้น แลจึ่งประสิทธิ์ให้เป็นพฤฒิบาศ แลจึ่งมาประสิทธิ์ราชฤาษีตนเป็นหัตถาจารย์แล

อัญขยมประนมบังคม พฤทธิภักตรสูรยศีพบุตรอุตดมพระจักรี เทพชาประถมดสมนดพยดพแนก พระเทพทันตุ สุโลกบาลราชพลุก

พระอาทิตย์เป็นหัว พระจันทร์เป็นคอ พระอังคารเป็นธุรพาศ พระพุธเป็นชงฆ์ทั้งสี่ พระพฤหัสบดี๑๖เป็นหัวใจ พระศุกร์เป็นท้อง พระเสาร์เป็นลึงค์ พระราหูเป็นลิ้น พระเกตุเป็นหัวอก พระจักรีเป็นตา ทั้งซ้ายขวา พระเทพทันธิเป็นงาขวา พระกาลเป็นงาซ้าย พระกลี๑๗เป็นเล็บ นาคราชเป็นงวง กัลเหียงคงคาเป็นแก้ม พระพายเทพดาเป็นหู มงคลนาคราชเป็นหาง ฤาษีกรรมเป็นท่านพรัต เบญจเทพเป็นสีข้าง กุมฤแดงภาสุเทพเป็นประชันขวาน ฤาษีธรณีอยู่ทุกแห่ง เป็นสมบูรณ์ เป็นหนัง เป็นขนตา เป็นมูลมูตร เป็นเนื้อ เป็นสรวมในองค์พระดำเริยนั้นแล

จักกล่าวถึงลักษณะช้าง ไตรตรึงษดีราช ซึ่งฤาษีโคดมเรียนมาแต่ฤาษีชีพล ก็สืบมาแก่ฤาษีอัคนีเพศ แลฤาษีหัศบดีมลยะกรุงโรมบาท แลพญาองคดีรักษแลฤาษีสิทธิ์ทั้งหลาย กล่าวมาให้พฤฒิบาศหัษดาจารย์หมอเฒ่า แลหมอทั้งปวงรู้จักลักขณะช้างดั่งนี้จงแท้ให้ปรากฏลักขณะคุณแลลักขณะโทษ จักกล่าวอภิปรายถึงช้างทั้งหลายอันดีแลร้าย แลลักขณะช้างอันดี ซึ่งเกิดในกระกูลพรหมพงศ์แลพิษณุพงศ์ แลอิศวรพงศ์ แลอัคนิพงศ์ อันดีมีกระกูลใหญ่น้อยทั้ง ๔ จำพวก มีพรรณในลักขณะสมบูรณ์๑๘สงสถานต่างๆ ทั่วสรรพางค์บริสุทธิ์ปราศจากโทษในตัว มีกำลังแลฤทธิ์เดชานุภาพ องอาจห้าวหาญนัก ราชาทรงเสด็จ๑๙ไปปราบไตรจักรแดนฟ้าครอบก็จะได้ มีเดโชชัยชนะราชศัตรูแลกษัตราธิราชทั้งปวงเกรงกลัวทุกทิศสรรพสิทธิ์เป็นศิริสวัสดิ์อาจสุขศุภผล เป็นมิ่งมงคลทั้งนี้ถ้าได้ช้างเผือกก็ดี ช้างเนียมก็ดี ช้างโคบุตร๒๐ก็ดีแลจะมีแต่สิ่งหนึ่งไซร้ ได้พระนามว่าเป็นพระบรมมหาจักรพัตราธิราชเจ้า ถ้าจะได้แต่ช้างดีนอกนี้สีต่างๆ นั้นเป็นมงคลแต่พระมหากษัตราเจ้า ยิ่งกว่าพระกษัตราทุกทิศแล ถ้ามิได้ช้างดัง๒๑กล่าวมานี้ ได้แต่เมืองขึ้นต่างประเทศมาขึ้นไซร้ ได้พระนามว่าพระมหากษัตราธิราชเจ้า ถ้าหาเมืองขึ้นมิได้ไซร้ ได้พระนามว่าพระมหากษัตริย์แล พระอาจาริยะเจ้ากล่าวไว้เป็น ๓ สถานดั่งนี้

อันว่าช้างดีนั้นท่านจัดออกไว้ ๕ เหล่า ๘๐ ช้างในนี้ เป็นข้างอัฏฐิ๒๒มงคลเหล่าหนึ่ง เกิดในกระกูลพรหมพงศ์อันใหญ่ ๘ ช้าง แลเป็นช้างอัฏฐคชาธารเหล่าหนึ่ง เกิดในกระกูลอิศวรพงศ์ ๘ ช้าง แลเป็นช้างศุภลักษณ์มงคลเหล่าหนึ่ง เกิดในกระกูลอัคนิพงศ์ ๔๒ ช้าง แลเป็นช้างอำนวย เกิดในกระกูลอัฏฐิมงคลเหล่าหนึ่ง ๑๔ ช้าง คือ ช้างอัฏฐมงคล อัฏฐีคช อัฏฐคชาธาร สรรพลักขณะมงคล อำนวยอัฏฐมงคล ๕ เหล่า เป็นช้าง ๘๐ ช้าง แลช้างบาปลักขณะรู้ปากฤติเกิดในอัคนิพงศ์ อันมีโทษพิการในพรรณลักขณะต่างๆ ทั่วสรรพางค์อันมิดี ถ้าได้ช้างประการนี้ มิควรให้เอาไว้ ให้เอาไปไว้จงไกลพระมณเฑียรนอกกรุง แลซึ่งมีโทษหนักควรให้เอาไปปล่อยเสียในป่านั้น ท่านจัดออกไว้เหล่าหนึ่ง ๘๐ ช้าง สิริผสมคชลักษณ์อัฏฐีมงคล อัฏฐีคช อัฏฐีคชาธาร ศุภลักขณะมงคลอำนวยอัฏฐมงคล ซึ่งมีกระกูลอันดี แลคชลักษณ์รู้ปากฤติมีโทษพิการอันมิดีเข้ากันเป็น ๖ เหล่า เป็นช้าง ๑๖๐ ช้างในนี้ แต่คชลักษณ์อัฏฐีมงคล อัฏฐีคช อัฏฐีคชาธาร ศุภลักษณะมงคล อำนวยอัฏฐีมงคล ซึ่งมีกระกูลอันดี ๕ เหล่า ๘๐ ช้างในนี้ แลรูปคชลักษณ์อัฏฐีมงคลเหล่าหนึ่ง ซึ่งเกิดในกระกูลพรหมพงศ์อันใหญ่ ๘ ช้างในนี้

ช้างสีเงินยวง ๒ ตัว รูปพระคชลักษณ์องค์นี้ทรงนามชื่อ พญาฉัททันต์ มีฉวีมางษสรรพศิริโส มีกายอันขาวงามบริสุทธิ์ ดั่งสีเงินยวงประกอบด้วยศุภลักษณ์อันบริบูรณ์ มีฤทธิ์เดชมหิมาแม้นจะเหาะไปโดยนพภากาศก็ได้ ถ้าจะไปโดยรัถยาปกติไกลได้สามล้านหกแสนหมื่นสามร้อยห้าสิบโยชน์ ไปแต่เพลาอรุโณทัย๒๓ แล้วกลับมาถึงที่อยู่เล่า มิทันถึงสามนาที มิได้ถอยกำลังจะเปรียบด้วยกำลังแห่งพญาช้าง อันชื่ออุโบสถนั้น ๑๐ ตัวจึงเท่ากำลังพญาฉัททันต์แล อันว่าพญาช้างชื่อว่าฉัททันต์ทั้งหลาย เกิดแทบริมฉัททันต์สระ

อันว่าพญาช้างอันชื่อว่า อุโบสถ ก็ย่อมเอาธิดาทั้งสองอันมีศุภลักษณ์ฉวีวรรณนพคุณ มาให้เป็นภรรยาซ้ายขวา แห่งพญาช้างฉัททันต์ อันว่าพญาช้างฉัททันต์นั้น มีนางช้างเป็นบริวาร ๗ จำพวก คือ เสตหัตถีนางช้างสีขาวบริสุทธิ์ ๑๐๐๐ มีเศษจำพวกหนึ่ง โลหิตหัตถีนางช้างอันแดงดั่งสีโลหิต ๑๐๐๐ มีเศษจำพวกหนึ่ง ปิตหัตถีมีนางช้างอันสีเหลืองแก่นั้น ๑๐๐๐ มีเศษจำพวกหนึ่ง ดามพหัตถีมีนางช้างสีดั่งทองแดง ๑๐๐๐ มีเศษจำพวกหนึ่ง ปิงคลหัตถี มีนางช้างสีเหลืองอ่อนดังสีตาแมว ๑๐๐๐ มีเศษจำนวนหนึ่ง นิลหัตถี มีนางช้างสีเขียว ๑๐๐๐ มีเศษจำพวกหนึ่ง กาลหัตถี มีนางช้างสีดำล้วนบริสุทธิ์ ๑๐๐๐ แลนางช้าง ๗ จำพวกหนึ่ง สิริเป็นนางช้าง ๗๐๐๐ เป็นสนมบริวารแห่งพญาฉัททันต์ แล้วมีหมู่ช้างพลาย หมู่ช้างพังอันลักษณะสีต่างๆ เป็นยศบริวารจะนับมิถ้วน

แม้นว่าพญาฉัททันต์จะไปในสถานที่ใดก็ดีอันว่าช้างชื่อ กาลหัตถี ก็มาปัดแผ้วหนามตอชำระหนทางซึ่งจะไปนั้น เมื่อพญาฉัททันต์ลงอาบน้ำนั้น ฝูงนางช้างทั้งปวงก็เก็บเอาดอกไม้และดอกบัวมาประดับกายพญาฉัททันต์นั้น ๆ ก็ทัดทรงซึ่งดอกอุบลแลดอกบุปผาทั้งปวง แล้วขึ้นมายืนอยู่ยังร่มไม้ไทรอันใหญ่ งามมหึมา๒๔ดูประดุจเขาไกรลาศ อันว่าหมู่ช้างทั้งหลาย ก็ลงไปอาบน้ำโดยลำดับกันแล้วจึ่งช้างกาลหัตถี ก็ลงอาบน้ำต่อภายหลังช้างทั้งหลาย แล้วเก็บเอารากบัวเหง้าบัวมาชำระเสีย ให้หมดเปือกแลตม แล้วเอามาส่งให้แก่ช้างอันชื่อว่า นิลหัตถีๆ ส่งให้แก่นางช้างทั้งหลายสืบกันขึ้นไป โดยอันดับจนถึงนางช้างอันชื่อว่า เสตหัตถีๆ ก็เอารากบัวเหง้าบัวนั้นถวายแก่พญาช้างฉัททันต์ ให้บริโภคตามยถาสุขนั้นแล

ทีนี้ช้างทอง ๓ ตัว๒๕ รูปพระคชลักษณ์องค์นี้มีนามชื่อ พญาช้างอุโบสถ ใหญ่สูงงามสรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานฉวีวรรณรังสี ดั่งสีสุวรรณมาศทรงฤทธิ์กำลังแรงมหึมา แม้นจะไปทางไกลสามล้านหกแสนหมื่นสามร้อยห้าสิบโยชน์ ไปแต่เพลาอรุโณทัยแล้วกลับมาถึงที่อยู่แต่ในเพลาเที่ยง บ่มิได้หย่อนกำลัง ถ้าจะไปโดยทางอากาศก็ได้ แต่ว่าฤทธิ์กำลังน้อยกว่าพญาช้างฉัททันต์ต่อถ้วนถึง ๑๐ ตัว จึ่งเท่ากำลังพญาฉัททันต์ตัวหนึ่ง แลพญาช้างอุโบสถทั้งหลายอยู่ในพระหิมภาป่าไม้กรรณิการ์ ใกล้ภูเขาทองมีช้างปิตวรรณหัตถี คือช้างสีเหลืองทั้งปวงเป็นช้างบริวารมากนัก ยอมนำเอาธิดามาให้เป็นภรรยาแก่พญาช้างฉัททันต์สืบๆ มา แลควรเป็นพาหนะแห่งพระมหาจักรพัตราธิราชเจ้าแล

ทีนี้ช้างสีเหลืองแก่ ๔ ตัว๒๖ รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ เหมหัตถี ใหญ่สูงงามสรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐาน คือ ตัวเหลืองดั่งสีทอง มีเดชพหลกำลังมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวาร แต่กำลังน้อยกว่าพญาช้างอุโบสถ ต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่าพญาช้างอุโบสถตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างสีตัวอังชัน ๕ ตัว๒๗ รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ มงคลหัตถี ใหญ่สูงงามสรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีตัวดั่งนิลาอังชัน มีฤทธิ์กำลังกล้าหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างเหมหัตถี ต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่ากำลังเหมหัตถีตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างสีตัวดั่งไม้กฤษณา ๖ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า คันธหัตถี ใหญ่สูงงามสรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีตัวดั่งไม้กฤษณา กลิ่นตัว มูตรและมูลหอมดั่งกลิ่นสุคนธรสมีฤทธิ์กำลังเดชานุภาพห้าวหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างมงคลหัตถี ต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่ากำลังพญาช้างมงคลหัตถีตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างสีเหลืองอ่อนดังสีจักษุวิฬาร์ ๗ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า ปิงคัลหัสดินทร์ ใหญ่สูงงาม สรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีตัวเหลืองอ่อนดั่งสีจักษุวิฬาร์ มีฤทธิ์กำลังเดชานุภาพห้าวหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้ง๒๘เป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างคันธหัตถี ต่อถึง ๑๐ ตัว จึ่งเท่ากำลังพญาช้างมงคลหัตถีตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างสีทองแดง ๘ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ ดามพหัตถี ใหญ่สูงงามสรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีดั่งทองแดง มีฤทธิ์กำลังเดชานุภาพห้าวหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างปิงคัลหัตถี ต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่ากำลังปิงคัลหัสดินทร์ตัวหนึ่งแล.

ทีนี้ช้างสีตัวดั่งเขาไกรลาส ๙ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ บัณฑรนาเคนทร์ ใหญ่สูงงาม สรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีตัวดั่งเขาไกรลาส มีฤทธิ์กำลังเดชานุภาพห้าวหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างดามพหัตถี ต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่ากำลังพญาช้างดามพหัตถีตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างตัวดั่งอุทกวารี ๑๐ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า คังไคยนาเคนทร์ ใหญ่สูงงาม สรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีตัวดั่งสีอุทกวารี มีฤทธิ์กำลังเดชานุภาพห้าวหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างบูรณาเคนทร์ต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่ากำลังพญาช้างบูรณาเคนทร์๒๙ตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างคงวุทวารี ๑๑ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า กาลวกะหัตถี๓๐ ใหญ่สูงงาม สรรพศุภลักษณ์สมบูรณ์ มีสัณฐานสีตัวดังสีปีกกา มีฤทธิ์กำลังเดชานุภาพห้าวหาญมหึมา มีหมู่ช้างทั้งหลายเป็นยศบริวารเป็นอันมาก แต่ว่ากำลังน้อยกว่าพญาช้างคังไคยต่อถึง ๑๐ ตัวจึ่งเท่ากำลังพญาช้างคังไคยตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างสีเมฆ ๑๒ ตัว

ทีนี้ช้างอัฏฐทิศ รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ ไอยราพต๓๑ มีพรรณลักษณะสงสถานตนนั้นใหญ่สูงดุจภูเขา และสีตัวนั้นดุจสีเมฆ เท้าหน้าทั้งสองกลมดุจฉัตร แลเท้าหลังทั้งสองแลเล็บนั้นเสมอกัน แลหางบังคลอง แลงาทั้งสองใหญ่ยาวขึ้นเบื้องขวา แลงวงดั่งนาคราช แลตาใหญ่ดุจดาวประกายพรึก แลปลายหูทั้งสองนั้นยาว เมื่อปรบไปเบื้องหน้าเนื้องหลังนั้น ปลายหูถึงกันเบื้องหน้าเบื้องหลัง แลหลังราบงามประดุจหนึ่งกงธนู แลกระหมวดศีรษะทั้งสองสูงงาม เมื่อร้องเสียงนั้นประดุจเสียงสังข์ และสงสถานประดุจชานันสิงห์ มีนามชื่อว่าไอยราพตอยู่ทิศบูรพา๓๒แล

ทีนี้ช้างสีดอกบัวหลวงอันขาวบริสุทธิ์ ๑๓ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ บุณฑริก มีพรรณลักษณะสมบูรณ์สงสถาน สีตัวนั้นดุจสีดอกบัวหลวงอันขาวบริสุทธิ์กว่าดุจสีเถ้าไม้หลัวก็ว่า กลิ่นนั้นหอมประดุจดอกสัตตบุษย์เหี่ยวก็ว่า แลมีศีรษะใหญ่แลงาใหญ่งาสั้นดุจสีโคก็ดี ดุจผ้าขาวอันงามบริสุทธิ์ก็ดี เล็บงามแลผนดท้องนั้นดุจฝนครำยวรเมฆ มีทำนองดุจเมฆกำลังห้าวหาญได้ชื่อว่าบุณฑริก อยู่ทิศอาคเนย์แล๓๓

ทีนี้ช้างสีตัวดุจดั่งโลหิต ๑๔ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า พราหมณะ๓๔ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นใหญ่ต่ำ แลสีตัวนั้นแดงงามบริสุทธิ์ดุจสีโลหิต แดตานั้นงามคองาม แลเมื่อร้องเสียงนั้นดังดุจเสียงกาหล๓๕คือ เสียงแตร มีกำลังมหึมาห้าวหาญนักอาจชนะทุกเมื่อแก่ช้างทั้งหลาย ได้ชื่อว่าพราหมณะ อยู่ทิศทักษิณแล

ทีนี้ช้างสีดอกกระมุท ๑๕ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ กุมุท มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นฆเสรียบสูง แลสีตัวนั้นดุจสีดอกกุมุทอันงามบริสุทธิ์แลมีงางอนดุจวงเดือนขึ้นสามค่ำ แลมีหูอันอ่อน แลเมื่อร้องนั้นเสียงดั่งเสียงแตรห้าวหาญนัก ได้ชื่อว่ากุมุท อยู่ทิศหรดีแล

ทีนี้ช้างสีอังชัน๓๖แลเขาเขียว ๑๖ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า อังชัน๓๗ มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานสีตัวนั้นเขียวดุจสีทองอังชันงามบริสุทธิ์ก็ดี ดุจสีเขาเขียวอันงามบริสุทธิ์ก็ดี มีศีรษะอันใหญ่ดุจเมฆสนิท แลมีงาอันใหญ่ชื่อสะดวก แลเมื่อทรหิมเสียงนั้น ดุจเสียงลมพัดเข้าในรูไม้ไผ่ ดังไพเราะนัก มีกำลังห้าวหาญ ได้ชื่อว่าอังชัน อยู่ทิศปัจจิมแล

ทีนี้ช้างสีตัวดั่งสีหงสบาท ๑๗ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า บุษปทันต์๓๘ มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานสีตัวนั้นดุจหงสบาทอันละเอียดงามบริสุทธิ์ แลกระหน้าใหญ่ แลมีงาอันน้อยงอนขึ้นเบื้องขวา ขาวงามบริสุทธิ์ดุจสีสังข์ก็ดี ดุจสีดอกกุมุทอันงามบริสุทธิ์ก็ดี เมื่อร้องเสียงนั้นประดุจดั่งเสียงฟ้าร้อง และเมื่อพระวัสสากาลคะนอง แลกล้าหาญอาจบำราบศัตรู ได้ชื่อว่าบุษปทันต์ อยู่ทิศพายัพแล

ทีนี้ช้างสีหญ้าแพรกอันอ่อน ๑๘ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า สารวภูม มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นยาวกลมดุจใส่เสื้อ และสีตัวนั้นเขียวงามบริสุทธิ์ ดุจสีหญ้าแพรกอันอ่อน มีหน้านั้นใหญ่ แลสีกระนั้นแดงงามบริสุทธิ์ มีงาอันน้อยยาวงาม ตาดำ เมื่อร้องเสียงดังเสียงนกกระเรียน กล้าหาญนักได้ชื่อว่า สารวภูม อยู่ทิศอุดรแล

ทีนี้ช้างสุประดิษฐ์ดั่งสีเมฆเมื่อสนธยา ๑๙ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่าสุประดิษฐ์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์สงสถาน สีตัวนั้นประดุจสีดอกบัวหลวงแดงบริสุทธิ์ก็ดี แลผนดท้องดุจดั่งท้องงู แลมีงาอันขาวแลซื่องามดีขึ้นขวา แลมีขนปากอันยาว แลอัณฑโกสอ่อน มีสำเนียงดุจเมฆอาจให้มีชัยชำนะ ชื่อว่าพญาสุประดิษฐ์ อยู่ทิศอีสาน

สิริรูปพระคชลักษณ์อัฏฐีมงคล ซึ่ง๓๙เกิดในสกุลพิษณุพงศ์อันดีเหล่าหนึ่ง ๘ ช้าง ในนี้

ทีนี้ช้างพัง ๒๐ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า สังขทันต์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์สงสถานสีตัวนั้นเหลืองงามบริสุทธิ์ ดุจดั่งสีทองคำเนื้อนพคุณนั้น แลมีงาอันน้อยขาวงามบริสุทธิ์งอนขึ้นเบื้องขวา แลเมื่อร้องนั้นเสียงดุจไก่ขันก็ดี ดุจเสียงอึ่ง ดุจเสียงเวสันปัดก็ดี ได้ชื่อว่าสังขทันต์ อยู่กลางทิศแล

ทีนี้ช้างสีทองแดง ๒๑ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า ดามพหัสดินทร์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานสีตัวนั้นแดงงามบริสุทธิ์ ดุจสีทองแดง ห้าวหาญนัก ได้ชื่อว่า ดามพหัสดินทร์แล

ทีนี้ช้างชมลบ๔๐ ๒๒ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อว่า ชมลบ ลักขณะสมบูรณ์ สงสถาน ปลายหูซ้ายขวาข้างบนนั้นยาว เมื่อปรบไปเบื้องหน้าปลายหูถึงต้องกันเบื้องหน้า ชมลบแล

ทีนี้ช้างลบชม๔๑ ๒๓ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ ลบชม มีพรรณลักขณะสมบูรณ์สงสถาน ปลายหูซ้ายขวาข้างบนนั้นยาว เมื่อปรบไปเบื้องหลังถึงต้องกัน ชื่อว่าลบชมแล

ทีนี้ครบกระจอก ๒๐ เล็บ ๒๔ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ ครบกระจอก มีพรรณสมบูรณ์สงสถานกีบแลเล็บนั้นมีเท้า แล ๕ เล็บทั้ง ๔ เท้าครบเป็น ๒๐ เล็บ หูหางงามสรรพชื่อว่าครบกระจอกแล

ทีนี้ช้างพลุกสดำ๔๒ ๒๕ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ พลุกสดำ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์สงสถานงานั้นงอนขึ้นเบื้องขวา ชื่อว่าพลุกสดำแล

ทีนี้ช้างสังขทันต์งาขวา๔๓ ๒๖ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อว่า สังขทันต์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตัวนั้นดำบริสุทธิ์ แลมีงาอันขาวละเอียดงามบริสุทธิ์ ดุจสีสังข์อันขาวบริสุทธิ์แลงามครบ ได้ชื่อว่าสังขทันต์แล

ทีนี้ช้างโคบุตรหางกลม ๒๗ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า พญาโคบุตร มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ เป็นอำนวยแห่งนางโค ๆ นั้นใหญ่สูง ๔ ศอก ไปรับพระราชทานเชือกเขาหัตถีลัดดาที่ช้างเผือกอยู่นั้นมิได้ขาด อยู่มานางโคนั้นประเทืองอยู่สามปีจึงตกอำนวยเป็นช้าง ได้นามชื่อโคบุตร ๆ นั้น สงสถานหางนั้นกลมประดุจหางโคมีโรมจามรอบ สมประกอบมีงาอันงอน มีผิวหนังอันเหลือง มีเสียงดังโคอุสุภราชผู้ เป็นอันไพเราะนักแลช้างนั้นมีฤทธานุภาพห้าวหาญ เป็นมหามงคลอาจผจญจังไร๔๔กันภัยทั้งปวงในแผ่นดินมอดม้วยศัตรู ท่านผู้เป็นเจ้าแผ่นดินได้พบเห็นไซร้ประเสริฐศรีจำเริญนัก จะได้ยศบริวารเป็นอันมากนักหนาแล

สิริรูปคชลักษณ์อัฏฐี เหล่าหนึ่ง ๘ ช้าง รูปคชลักษณ์อัฏฐีคชาธาร ซึ่งเกิดในตระกูลอิศวรพงศ์อันดีเหล่าหนึ่ง ๘ ช้าง

ทีนี้ช้างงาอ้อมงวงงาข้างซ้ายสั้น ๒๘ ช้าง รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อว่า อ้อมจักรพาล มีพรรณสงสถานสมบูรณ์ งาข้างขวานั้นยาวอ้อมงวงไปทับปลายงาข้างซ้ายน้อยหนึ่ง แลงาข้างซ้ายนั้นสั้นชื่อว่าอ้อมจักรพาลและกล้าหาญนักแล

ทีนี้ช้างงาสองข้างกอดงวง๔๕ ๒๙ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อว่า คชลักษณ์กันหัศ มีพรรณสมบูรณ์ สงสถานงาข้างซ้ายนั้นอ้อมกอดงวงเข้าปลายงางอนขึ้น ตรงปากข้างขวาแลงาข้างขวานั้น อ้อมกอดงวงเข้ามาทับลงงาข้างซ้าย ปลายงานั้นงอนขึ้นตรงปากข้างซ้าย สิทธิชนะแก่สาตราวุธศัตรูทั้งปวง ห้าวหาญนัก ชื่อคชลักษณ์กันหัศแล

ทีนี้ช้างเอกทันต์งาเดียว ๓๐ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า เอกทันต์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานมีแต่งาเดียว งอกออกจากเพดานใต้งวงมาแต่กำเนิด ถ้ายกงวงไปข้างซ้ายงามาอยู่ข้างขวา ถ้ายกงวงไปข้างขวางามาอยู่ข้างซ้าย ช้างนั้นอยู่ในป่าวรรณวิหาร แลเทวดาชื่อคชนาถ เอาไปไว้ ณ ป่านั้น เหตุดังนี้จึ่งมิได้มาถึงเมืองมนุษย์นี้ ด้วยว่ามีฤทธิ์เดชนัก แลกำลังช้างทั้งปวง ๑๐๐ จึ่งจะเท่ากำลังเอกทันต์ตัวหนึ่ง แลกำลังช้างเอกทันต์ ๑๐๐๐ หนึ่งจึ่งเท่ากำลังช้างเอราวัณตัวหนึ่งแล

ทีนี้ช้างสีนิล ๓๑ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อว่า กาลหัตถีก็ว่า ชื่อกาลาวกะก็ว่า มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นนิลงามบริสุทธิ์ทั่วสรรพางค์ ห้าวหาญปราบศัตรูราบปลอดภัยทั้งปวง ชื่อพญากาลหัตถีแล

ทีนี้ช้างสี่งา ๓๒ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อว่า จัตุรศก๔๖อินทรา มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานงาข้างซ้ายสองงา ข้างขวาสองงา เป็นสี่งา ปราบสาตราวุธศัตรูราบด้วยอานุภาพชื่อว่าจัตุรศกพระอินทราแล

ทีนี้ช้างงาฝั้น ๓๓ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ พระทันตรมภาร๔๗ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์สงสถานต้นงาข้างขวามาทับต้นงาข้างซ้าย ต้นงาซ้ายขวาไขว้กันอยู่ ปลายงาข้างขวางอนไปขึ้นข้างซ้าย ปลายงาข้างซ้ายงอนไปขึ้นข้างขวา กล้าหาญนัก คุ้มโทษภัยทั้งปวงได้ นามชื่อว่าพระทันตรมภารแล

ทีนี้ช้างเท้าหน้าสูง ๓๔ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ สิงหะชงค์๔๘ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานแลเท้าหน้าสูงเท้าหลังต่ำ แข้งกลมเรียวชำนั้น นามชื่อว่าสิงหะชงค์แล

ทีนี้ช้างจุมประสาท ๓๕ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า จุมปราสาท มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานมีปลายงาซ้ายขวานั้นแดงดุจแสงแก้ว มีเดโชชัยสรรพสิทธิ์ ชื่อจุมประสาทแล

สิริรูปคชลักษณ์อัฏฐีคชาธาร ซึ่งเกิดในอิศวรพงศ์อันดี ๘ ช้าง

รูปคชลักษณ์ชื่อศุภลักษณ์มงคล ซึ่งเกิดในกระกูลอัคนิพงศ์เหล่าหนึ่ง ๔๒ ช้าง

ทีนี้ช้างยกงวงเดิน ๓๖ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า พระพัทจักรพาฬ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานเมื่อเดินย่อมชูงวงเดิน เรียกว่า บังเมฆ ชื่อพระพัทจักรพาฬแล

ทีนี้ช้างอกใหญ่ ๓๗ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ พระอุธรดุม๔๙มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานแลอกนั้นมีพรรณอันใหญ่ เรี่ยวแรงมีกำลังกล้าหาญหนักองอาจทรงเสด็จบรมกษัตริย์ไปปราบท้าวพญานานาประเทศทั้งปวงแล

ทีนี้ช้างปลายงาติดกัน ๓๘ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า รัตนกุมพล มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานปลายงาซ้ายขวานั้นเข้าจดประสานกัน ปลายงาข้างขวาขึ้นทับปลายงาซ้ายน้อยหนึ่ง ถ้าจะคล้องช้างบาปลักษณะโทษถึง ๑๐๐๐ ตัวก็ดี ครั้นคล้องถูกรัตนกุมพลก็บำบัดโทษร้ายสังหารสิ้นแล แต่ประสมโขลงแก้โทษได้ ๑๐๐๐ หนึ่ง ถ้าขี่รัตนกุมพลคล้องช้างบาปลักษณะหาโทษภัยจังไรมิได้เลย จะเกิดสรรพสมบัติทุกเมื่อ แลควรเป็นช้างทรงจักรพัตราธิราชเจ้าผลาญศัตรูใต้หล้าหมู่พวกไพรีแล

รูปพระคชลักษณ์เผือก ๓ ประการ ๓ ช้างในนี้

ทีนี้ช้างเผือกสีสังข์อัน (ขาว)๕๐ ๓๙ ช้าง รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า เศวตพระพร มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นใหญ่ ขาวงามบริสุทธิ์ประดุจสีสังข์อันขาวนั้น เป็นศรีสวัสดิ์อาจให้ศุภผลเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างเผือกโท ๔๐ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ ประทุมหัตถี มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานสีตัวนั้นดุจสีดอกบัวหลวงแดงโรยงามบริสุทธิ์นักเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างเผือกตรี ๔๑ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า เศวตพระคชราช มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานสีตัวดั่งสีใบตองอ่อนอันแห้ง งามบริสุทธิ์ จะว่าขาวกลับมิขาว จะว่าแดงกลับมิแดง แลชายเหลืองเป็นช้างมงคลแล

สิริรูปพระคชลักษณ์ช้างเผือก ๓ ประการ ๓ ช้าง

รูปพระคชลักษณ์ช้างเนียม ๓ ประการ ๓ ช้าง ในนี้

ทีนี้ช้างเนียม ๔๒ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า มณีจักรราชาเนียมเอก มีพรรณลักษณะ สงสถานตนนั้นสั้นก็สั้นกว่าเนียมโท และงานั้นเป็นจาวมะพร้าว ยารแต่สองนิ้วเข้ามาจนไพรปาก กล้าหาญนักทรงเสด็จราชา ชนะศัตรูทุกทิศแล

ทีนี้ช้างเนียมโท ๔๓ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า มณีจักรราชาเนียมโท มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นสั้นก็สั้นพร้อม สั้นกว่าเนียมตรี แลงานั้นเป็นรูปไข่ยาวพ้นไพรปากแต่ห้านิ้วเข้ามาจนสองนิ้ว กล้าหาญนักทรงเสด็จราชามีชัยชนะมากแล

ทีนี้ช้างเนียมตรี ๔๔ ตัวแล รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า มณีจักรราชาเนียมตรีเนียมเขม มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นสั้นก็สั้นพร้อมกว่าช้างทั้งปวง แลงานั้นเป็นรูปปลีกล้วย ยาวแต่หน้างวงเข้ามาห้านิ้ว กล้าหาญนัก ทรงเสด็จราชา ชนะแก่ราชศัตรูทุกเมื่อแล ถ้างายาวพ้นหน้างวงออกไป ๒ นิ้ว ออกไป ๔ นิ้วไซร้ มิได้ชื่อว่าเป็นช้างเนียมเลย

สิริรูปพระคชลักษณ์เนียม ๓ ประการ ๓ ช้าง

ทีนี้ช้างเก้าเท้า ๔๕ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า นพสุบรรณ๕๑ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานคือเท้าและงวงงาหางลึงค์ทั้งเก้าประการนี้ จรดดลทั้งเก้าประการเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างตัวเหลือง ๔๖ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า ปิตหัสดินทร์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานคือตนนั้นเหลืองงามบริสุทธิ์ แลมีงาอันขาวบริสุทธิ์ขึ้นเบื้องขวางามนักเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างงาเดียว ๔๗ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ หักกรมเทพาพระมหาวิเนก มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สัณฐานมีแต่งาเดียวข้างขวามาแต่กำเนิดเรียกว่า ทอก ได้นามชื่อว่า พระมหาวิเนก ถ้าตาขาวหางดอกด้วย ได้นามชื่อว่า มหาไพทูรย์ มีแต่งาเดียวฉะนี้เป็นเอกทันต์หนึ่งเดียว มีอานุภาพนัก ทรงเสด็จราชาถึงว่าศัตรูจะมาเป็นอันมากแลช้างประมาณ ๑๐๐๐ หนึ่งก็ดี เอกทันต์มีตัวหนึ่งก็มีชัยชนะแก่ราชศัตรู แลช้างนั้นจะให้ครอบครอง๕๒แผ่นพิภพทั่วสารนุทิศ จะให้จำเริญชนมายุสม์ จะบำบัดอันตรายทั้งปวงควรให้เอาไว้หน้าพระที่นั่ง ครั้นเพลารุ่งเช้าควรทอดพระเนตรเป็นนิจกาลช้างมงคลแล

ทีนี้ช้างงาเดียวซ้าย ๔๘ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า พระพิฆเนศวรมหาวินาย มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานหน้าแลงวงนั้นดุจพระพักตร์พระมหาวินาย มีแต่งาข้างเดียวมาแต่กำเนิดเรียกว่า ทอกซ้าย นั้น ได้เป็นเอกทันต์หนึ่งเดียว มีอานุภาพมากนัก ทรงเสด็จราชาถึงว่าศัตรูจะมาคนอันมากแลช้างประมาณ ๑๐๐๐ หนึ่งก็ดี เอกทันต์นี้ตัวหนึ่งก็มีชัยชนะแก่ราชศัตรู แลช้างนั้นจะให้ครอบครองแผ่นพิภพ ทั่วสารนุทิศจะให้จำเริญชนมายุสม์ จะบำบัดอันตรายทั้งปวงควรให้ไว้หน้าพระที่นั่ง ครั้นรุ่งเช้าควรทอดพระเนตรจงเป็นนิจกาลทุกวัน เป็นช้างศุภมงคลอันดีแล

ทีนี้ช้างงาดำ ๔๙ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า นิลทันต์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานงาซ้ายขวานั้นดำนิลงามบริสุทธิ์ทั้งสองข้าง กล้าหาญนักแล

ทีนี้ช้างตัวดำงาขาว ๕๐ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า นิลจักษุ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตัวนั้นดำนิลงามบริสุทธิ์ทั้งสองข้าง กล้าหาญนักเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้าง (๕๑ ตัว) รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อว่า นิลนขา๕๓ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์สงสถานเล็บทั้ง ๔ เท้านั้นดำนิลงามบริสุทธิ์เป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างงาเหลือง ๕๒ ตัว รูปพระคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ เหมทันต์ มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานงาทั้งสองนั้นเหลืองงามบริสุทธิ์เป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างตาเหลือง ๕๓ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ เหมจักษุ มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานตาทั้งสองข้างนั้นเหลืองงามบริสุทธิ์เป็นมงคล

ทีนี้ช้างเล็บเหลือง ๕๔ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้ นามชื่อ เหมนขา มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานเล็บทั้ง ๔ เท้านั้นเหลืองงามบริสุทธิ์เป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างแดง ๕๕ ตัว รูปคชลักษณ์นามชื่อ รัตจักษุ๕๔ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตาทั้งสองข้างนั้นแดงงามบริสุทธิ์ดุจแก้วอันแดงเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างเล็บขาว ๕๖ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้ นามชื่อ รัตนนขา มีพรรณลักษณะสมบูรณ์ สงสถานเล็บทั้ง ๔ เท้านั้น ขาวบริสุทธิ์ดุจแก้วอันขาวเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างเล็บแดง ๕๗ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ รัตนขา๕๕ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานเล็บทั้ง ๔ เท้านั้นแดงงามบริสุทธิ์ดุจแก้วอันแดงเป็นช้างมงคลแล

ที่นี้ช้างงาขาวทั้งสอง ๕๘ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ เศวตทันต์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานงาทั้งสองข้างนั้นขาวบริสุทธิ์ดุจสีสังข์อันขาวเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างตาขาว ๕๙ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้มีนามชื่อ เศวตจักขุ๕๖ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตาทั้งสองนั้นขาวบริสุทธิ์ดุจดั่งแก้วอันขาวเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างเล็บขาว ๖๐ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ เศวตนขา มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานเล็บนั้นขาวบริสุทธิ์ดุจดั่งสีสังข์เป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างสีเขาเขียว ๖๑ ช้าง รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ เทพคีรี มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานสีตนนั้นดั่งภูเขาเขียวงามนักเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างสีดั่งเขาขาว ๖๒ ตัว รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ จันทคีรี มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานสีตัวนั้นสีดั่งภูเขาอันขาวเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างสีดอกสามหาว๕๗ ๖๓ ช้าง รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ นิลหัสดินทร์ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นดำงามบริสุทธิ์ดุจนิลดั่งดอกสามหาวเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างปากดั่งปากนกแขกเต้า ๖๔ ช้าง รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ สุวโรจ๕๘ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานสีตนนั้นดุจสีปากนกแขกเต้า แลปากข้างล่างนั้นดุจปากนกแขกเต้าด้วยเป็นมงคลแล

ทีนี้ช้างห่มเสื้อ ๖๕ ช้าง รูปคชลักษณ์ตัวนี้นามชื่อ ดำผงถนิม มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นดุจห่มเสื้อ เป็นมงคลแล

รูปคชลักษณ์ตัวนี้ ทีนี้กระ ๖๖ นาม ชื่อ สมผงถนิม มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานตนนั้นกระทั้งตัว เป็นกระกูลแห่งช้างเผือก เป็นมงคลแล

รูปคชลักษณ์ตัวนี้ ทีนี้ช้างกระหมวดสูง ๖๗ นามชื่อ กุมประสาท มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานขมวดศีรษะนั้นสูงงามนักเป็นมงคลแล

รูปคชลักษณ์ตัวนี้ ทีนี้ช้างแขนกลม ๖๘ นามชื่อ จตุรัมภา๕๙ มีพรรณลักขณะสมบูรณ์ สงสถานลำแขนกลมฝักบัวใหญ่ทั้ง ๔ เท้าดุจกลึง เป็นมงคลแล สิ้นฉบับแต่เท่านี้

  1. 1. นางสาวเอมอร เชาวน์สวน นักภาษาโบราณ ๕ จัดทำคำอ่านปัจจุบัน

  2. 2. ดูเพิ่มเติมในคำอธิบายศัพท์

  3. 3. คำ อันนี้ ต้นฉบับเขียนเป็น อนี้ ทุกแห่ง

  4. 4. คำ ดุจ ต้นฉบับใช้ ดูจ ทุกแห่ง

  5. 5. ต้นฉบับใช้ สมบรรณ

  6. 6. คำ มิ ต้นฉบับใช้ หมิ หรือ หมี ทุกแห่ง

  7. 7. ที่ถูกควรเป็น สวาหัม หรือสวาหูม

  8. 8. บทมนตร์คัดเชิง ดูเพิ่มเติมที่ หน้า ๖๔

  9. 9. ต้นฉบับเขียนเรียงประโยคเป็น พระพิฆเนศวรนี้ ตัวเมียหนมือซ้าย คือ พิฆ ชื่อโกญจนาทเนศวร ชื่อ ศิวบุตร

  10. 10. บทมนตร์คัดบาศ ดูเพิ่มเติมที่หน้า ๖๕

  11. 11. ต้นฉบับใช้ ภักไตรย

  12. 12. บทสวดบูชาในพิธีคชกรรม ดูเพิ่มเติมที่หน้า ๖๖

  13. 13. ต้นฉบับใช้ สหัสร เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า หนึ่งพัน

  14. 14. ต้นฉบับเขียนคลาดเคลื่อนเป็น งอง

  15. 15. ต้นฉบับเขียน ท้งง ทุกแห่ง

  16. 16. ต้นฉบับเขียน พระหัษบดี

  17. 17. ต้นฉบับใช้ กูลี

  18. 18. ต้นฉบับเขียน สมบรรณ

  19. 19. ต้นฉบับใช้ เดจ

  20. 20. ต้นฉบับเขียน ช้างโคบุตรฉ

  21. 21. ต้นฉบับเขียน ดงง

  22. 22. ต้นฉบับเขียน อัฏิ

  23. 23. ต้นฉบับเขียนเป็น อนุโรไทย

  24. 24. ต้นฉบับใช้ งามหึมา คือเขียน ม ตัวเดียวเป็นทั้งพยัญชนะตัวสะกดและพยัญชนะต้น

  25. 25. ต้นฉบับใช้ ชาวทองตัว ๓

  26. 26. ต้นฉบับใช้ ตัว ๔

  27. 27. ต้นฉบับใช้ ตัว ๕

  28. 28. น่าจะเขียนตกไป ที่ถูกควรเป็น ทั้งหลาย

  29. 29. ตรงนี้ ต้นฉบับเขียนบุรรณาเคนทร

  30. 30. ต้นฉบับเขียน กาลาวหถี จักรวาฬทีปนีใช้ว่า กาฬาวกหัตถี

  31. 31. จักรวาลทีปนีใช้ว่า เอราวัณ

  32. 32. ต้นฉบับเป็น ทิศบูรรณ

  33. 33. ข้อความในต้นฉบับ จบหน้าต้น และต่อจากนี้ขึ้นต้นหน้าปลาย

  34. 34. จักรวาฬทีปนี ใช้ว่า วามนะ

  35. 35. ต้นฉบับใช้ ภาหล

  36. 36. บางฉบับใช้อัญชัน

  37. 37. จักรวาฬทีปนี ใช้ว่า อัญชนะ

  38. 38. จักรวาฬทีปนี ใช้ว่า ปุปผทนต์

  39. 39. ต้นฉบับ เขียน ชื่อ

  40. 40. ต้นฉบับ เขียน ชมลพ ๒ แห่ง

  41. 41. ต้นฉบับเขียน ลพชม ๒ แห่ง

  42. 42. สดำ ภาษาเขมร แปลว่า ขวา

  43. 43. ที่ถูกน่าจะเป็น ขาว

  44. 44. ต้นฉบับใช้ รังไร

  45. 45. ต้นฉบับใช้ ที่นี้ช้างงากอดงวงสองช้าง

  46. 46. ต้นฉบับใช้ จัตรศก

  47. 47. ต้นฉบับใช้ พทันตระการ

  48. 48. ในหนังสือ ตำราลักษณะช้างคำโคลงใช้ สีหชงค์

  49. 49. ต้นฉบับใช้ อธรดุม

  50. 50. ต้นฉบับใช้ ศรีสังขอัน

  51. 51. ต้นฉบับใช้ นพสบรร

  52. 52. ต้นฉบับเขียนตกตัว ง เป็นครอบครอ

  53. 53. ต้นฉบับใช้ นักขา ทุกที่

  54. 54. ต้นฉบับเขียนเป็น รัตนจักษุ

  55. 55. ต้นฉบับเขียนเป็น รัตนนักขา

  56. 56. ต้นฉบับใช้ เสวจักข

  57. 57. ต้นฉบับใช้ สำหาว ทุกที่

  58. 58. ต้นฉบับใช้ สูวโรด

  59. 59. ต้นฉบับใช้ จัตุรภมุพ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ