เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๑

วันที่รัชกาล ๗๗๑๒ วัน ๑ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๒ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้า ๕ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จออกมาหล่อพระพุทธรูปที่โรงพิธีเสรจแล้ว เสด็จขึ้นไปเลี้ยงบนพระที่นั่งโมกขปราสาทแล้วเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เจ้าพนักงานได้จัดรถมาคอยรับเสดจที่น่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทตามเคย ด้วยเป็นวันกำหนดพระราชทานเพลิงศพพระเจ้าบวรวงษเธอพระองค์เจ้าภาณุมาศ พระองค์เจ้าหญิงถนอม} ที่พระเมรุวัดสะเกษ แต่พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวทรงสงไสยว่า พระศพพระองค์เจ้าถนอมประชวรพระโรคปัจจุบันสิ้นพระชนม์ เจ้าพนักงานเชิญพระศพไปฝังไว้วัดสะเกษ ครั้นถึงเวลาจะขุดพระศพเชิญเข้าพระโกษตามธรรมเนียม เจ้าพนักงานจำที่ฝังศพหาแน่ไม่ นำไปขุดหลายแห่งจึงได้พระอัฏฐิ เป็นการเคลือบแคลงอยู่จึงหาได้เสด็จไม่ แต่ผ้าไตรสดับปกรณ์ของหลวงวันละ ๕ ไตร สองวัน ๑๐ ไตร ผ้าสบงวันล ๕๐ ผืน สองวัน ๑๐๐ ผืน ย่ามวันล ๕๐ ย่าม สองวัน ๑๐๐ ย่าม ทั้งสองพระศพเสรจแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษศิลปาคมทรงจุดไฟหลวงทั้งสองพระศพ มีต้นกัลปพฤกษ ๒ ต้น ๆ ละ ๕ ตำลึง แต่เงินทรงโปรย ๑๐ ตำลึง นั้นไม่เสดจ เจ้าพนักงานต้องเอากลับคืนมา พระศพชักเข้าพระเมรุเวลาวานนี้

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น เลิกประชุม.

วันที่รัชกาล ๗๗๑๓ วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๒ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสดจพระราชดำเนินออกประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเสศไชยศรี} เสดจทอดพระเนตรพระเมรุท้องสนามหลวงทั่วแล้ว เสดจพระราชดำเนินลงมาประทับพลับพลายก ทรงพระราชทานเสื้อสักลาดกับนายด้านทำพระเมรุเสรจแล้ว เสดจโดยพระราชยานกลับมาประทับแต่เกยน่าพระที่นั่ง แล้วเสดจพระราชดำเนินขึ้นทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระยาไกรโกษานำโต๊ะมาจากยุโรป เชิงแลกรอบทำด้วยทองเหลืองก้าไหล่เงินแต่กลางนั้นทำด้วยไม้แก่นเพชร ถวายที่น่าพระทวารกลาง ประทับทอดพระเนตรไต่ถามพอสมควร แล้วเสดจพระราชดำเนินมาประทับที่ออกขุนนาง พระบรมวงษาข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามเคย

พระมนตรีพจนกิจนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาสุริยเดชข้าหลวงเมืองหนองคายความว่า พระไกรสิงหนาทมีหนังสือส่งช้างมาให้พระธาสุริยเดชข้าหลวง ๆ ได้เอาเงินส่วย ๘ ชั่งซื้อช้างพลายไว้แล้ว ได้จัดให้คนคุมช้างไปส่งพระยาสุริวงษา ข้าหลวงเมืองเชียงขวางแล้ว

ฉบับ ๒ มีความว่า พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษศิลปาคม เมื่อประทับอยู่เมืองหนองคายนั้น รับสั่งให้พระศรีเสนาเร่งเงินส่วยเมืองหล่มศักดิ์เมืองเลยเมืองแก่นท้าวได้เงิน ๕๐ ชั่ง ๘ ตำลึง ๓ บาท มอบให้พระยาสุริยวงษาไว้แล้วพระยาสุริยวงษาไปรักษาราชการอยู่เมืองพวน เจ้าเมืองกรมการได้นำเงินไปส่งพระยาสุริยวงษาอีก รวมเป็นเงิน ๑๒๑ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง พระยาสุริยวงษาได้ซื้อสเบียงอาหารจ่ายเงินเดือนทหาร กับใช้ราชการต่าง ๆ ตั้งแต่ปีกุนถึงปีชวดสิ้นเงิน ๑๐๗ ชั่ง ๕ บาท

ฉบับ ๓ ส่งต้นหนังสือพระยาสุริยวงษาฉบับหนึ่ง ความว่า ได้เอาเงินส่วยซื้อเข้าเปลือกที่เมืองพวน ๘๘๗๓ ถัง กับเงิน ๒๗ ชั่ง กับเข้าพระยาสุริยเดชเมืองหนองคายส่งมา ๕๘๓๖ ถัง เจ้าเมืองโพนพิไสยส่งมา ๓๕๐๐ ถัง เข้าเปลือกทำนาได้ ๑๕๑๕ ถัง ได้จ่ายให้ข้าหลวงไปราชการแลได้จ่ายให้พวกครัวซึ่งอยู่ในเมืองเชียงขวางตั้งแต่ปีกุนถึงปีชวด พระยาสุริยวงษาเหนว่าซึ่งเอาเงินหลวงจัดซื้อเข้าเลี้ยงไพร่พลเป็นการเปลืองเงินมาก พระยาสุริยวงษาจึงเอาเงินออกจัดซื้อกระบือพู่เมียสี่สิบสามกระบือ เงินหกชั่งหนึ่งตำลึง เพิ่มให้ราษฎรทำนาต่อไป

พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาอมรินทรฤๅไชยเมืองราชบุรี ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม มีความว่า พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราษีเมศจนถึงราษีเมถุน ฝนตก ๑๔ ครั้ง รองน้ำฝนได้ ๑๐ นิ้ว ๔ ทสางค์ มากกว่าน้ำฝนปีชวด ๔ นิ้ว ๗ ทสางค์ น้ำท่าราษีเมถุนปีฉลู มากกว่าน้ำท่าราษีปีชวด ๔ นิ้ว แต่ยังหาเข้าทุ่งนาของราษฎรไม่ ราษฎรทำนาได้ประมาณ ๓ ส่วน แล้วไป ๒ ส่วน ยังเหลืออีกส่วน ๑ ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยถัง ๒๐ ทนาน ๑๐๐ เป็นเกวียน ๆ ละ ๗ ตำลึงกึ่ง

ฉบับที่ ๒ บอกพระยาสุรินทรฤๅไชยเมืองเพชรบุรี ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคมมีความว่า พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราษีเมศ จนถึงราษีกรกฎ ฝนตก ๒๔ ครั้ง รองน้ำฝนได้ ๘ นิ้ว ๕ ทสางค์ น้ำฝนในราษีกรกฎปีฉลู มากกว่าน้ำท่าราษีกรกฎปีชวด ๒ นิ้ว ๖ ทสางค์ น้ำท่าราษีกรกฎปีฉลูมากกว่าน้ำท่าในราษีกรกฎปีชวดศอก ๑ เข้าไปนาราษฎรประมาณ ๔ ส่วน ทำได้ส่วน ๑ ยังค้างอยู่ ๓ ส่วน ราคาเข้าเปลือกเกวียนละ ๙ ๑๐} ตำลึงบ้าง เข้าสารถังละบาท ๔ อัฐ ฉบับที่ ๓ บอกพระยาพิทักทวยหารเมืองประทุมธานี ลงวันที่ ๑๘ กันยายน มีความว่า พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราษีเมศจนถึงราษีกรกฎ ฝนตก ๒๓ ครั้ง รองน้ำฝนได้ ๒๐ นิ้ว ๙ ทสางค์ น้ำฝนในราษีกรกฏปีฉลูน้อยกว่าน้ำฝนในราษีกรกฎปีชวด ๙ ทสางค์ น้ำท่าในราษีกรกฎปีฉลูน้อยกว่าน้ำท่าในราษีกรกฎปีชวด ๒ นิ้ว เข้าในนาราษฎรทำได้ประมาณ ๓ ส่วน ยังเหลืออยู่อีกส่วนหนึ่งราคาเข้าตวงด้วยสัด ๒๕ ทนาน เกวียนละ ๘ ตำลึงกึ่ง

พระยาสุรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหม ฝ่ายพระราชวังบวร ขึ้นกราบบังคมทูลฉบับ ๑ มีความว่า พระศิริธรรมบริรักษ์ ปลัดผู้รักษาเมืองนครศรีธรรมราช ได้จัดเครื่องบรรณาการฝ่ายพระราชวังบวร ฯ จำนวนรัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ เทียนพนมหนักต้นละบาทพันเล่ม ผ้าขาวยาว ๕๐ ศอก ๑๐ พับ เสื่อลวด ๑๕ ลวด เข้ามาส่ง จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้หลวงธนศักดิ์เอาเงิน ๑๐ ชั่งมาพระราชทานพระยาศรีสิงหเทพ ช่วยในการสร้างพระอารามวัดกบไชย ริมที่ประทับท้องพรหมมาศแขวงเมืองลพบุรี พระยาอิศรานุภาพกราบถวายบังคมลาเข้าพิธีตรียัมพวาย แล้วมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ ให้สั่งพานทองพระราชทานพระยาไกรโกษาอธิบดีกรมท่าฝ่ายพระราชวังบวรแล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรข้าราชการ ๕ นาย ให้หม่อมราชวงษ์เปียในพระวรวงษเธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์เป็นหลวงไพศาลศิลปสาตรในกรมศึกษาธิการ ถือศักดินา ๘๐๐ ให้นายแพเปรียญเป็นขุนประเสริฐอักษรนิติ์ในกรมศึกษาธิการ นา ๕๐๐ ให้นายเทศเปรียญเป็นขุนประสิทธิ์อักษรศาตร ในกรมศึกษาธิการ นา ๕๐๐ ให้นายศุขเปรียญเป็นขุนประสาสน์อักษรการ นา ๕๐๐ ให้นายเสงี่ยมบุตรพระยาอัพภันตริกามาตย์เป็นขุนประสารอักษรพรรณในกรมศึกษาธิการ นา ๕๐๐ จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเบี้ยหวัดตามงบที่ถวายฝ่ายพระราชวังบวร ฯ เป็นงบที่ ๓ สิ้นเงิน ๑๗๘ ชั่ง ๙ ตำลึง เวลาทุ่มเสศเสดจขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเสดจลงประชุมปฤกษาราชการประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสดจขึ้นเลิกประชุม

วันที่รัชกาล ๗๗๑๔ วัน ๓ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๔ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกห้องไปรเวตองค์ด้านตวันออก พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการเสนาบดีว่าการต่างประเทศ นำมิสเตออาเทอเกิดซัลล์ กงซุลออสโทรฮังการี เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชปฏิสัณฐานด้วยพอสมควร กงซุลออสโตรฮังการีก็ถวายคำนับออกมาจากที่เฝ้า

แล้วมิสเตอเออเนสต์ คอนเนอ กงซุลเยเนราลเบลเยียมที่เมืองสิงคโปร์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กราบถวายบังคมลาออกไปรักษาราชการเมืองสิงคโปร์ จึงมีพระราชปฏิสัณฐานด้วยพอสมควร กงซุลเยเนราลเบลเยียมก็ถวายคำนับออกมาจากที่เฝ้า

แล้วมองสิเออ ออคุสเต ปาวี คอมมิสแซร์ มองสิเยอเลอฟิบร์ ปองตาลีส์ แอตเตเชคอมมิสชัน ฝรั่งเสศ ๒ นายเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชปฏิสัณฐานด้วยพอสมควร ชาวฝรั่งเสศทั้งสองก็ถวายคำนับออกมาจากที่เฝ้าแล้วมิสแวกเกอแมน ผู้แทนพวกหญิงที่ประชุมกันสั่งสอนให้เว้นเสพสุรา มิสสิส เรเวอเรนด์ เอส ยิ แมกฟ้าแลนด์ ทั้ง ๓ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชปฏิสัณฐานพอสมควร มิสแวกเกอแมนกับหญิงทั้งสองก็ถวายคำนับออกมาจากที่เฝ้า

แล้วพระยาอนุกูลสยาม กงซุลสยามที่เมืองสิงคโปร์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กราบถวายบังคมลา ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๗๑๕ วัน ๔ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๕ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาย่ำรุ่งแล้วพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกทางทวารพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสดจประทับเกยทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีข้าราชการมาส่งเสดจตามสมควร แล้วเสดจลงประทับเรือพระที่นั่งสุริยมณฑล เวลาเช้าโมง ๑ กับ ๒ มินิต พระชลยุทธโยธินทร์สั่งให้ใช้จักรออกเรือพระที่นั่งตามลำน้ำขึ้นไป เวลาเช้า ๒ โมง ๒๙ มินิตถึงปากเกร็ดแล้วเข้าเกร็ดไป ๙ มินิตออกปากเกร็ดข้างเหนือ เวลาเรือเดินในเกร็ดนั้นใช้จักรเดินช้า ๆ เวลาเช้า ๔ โมง ๕๒ มินิตถึงเกาะใหญ่ข้างใต้ เวลาเช้า ๕ โมง ๑๕ มินิตพ้นเกาะใหญ่ เวลาเช้า ๕ โมง ๓๔ มินิตถึงด่านบางไทร เวลาย่ำเที่ยงถึงเกาะเกิด เวลาย่ำเที่ยงแล้ว ๓๕ มินิตถึงพระราชวังบางปอิน เรือพระที่นั่งเทียบท่าตพานลอย คิดระยะทางเรือเดิน ตั้งแต่ออกจากท่าราชวรดิฐ จนถึงเทียบท่าตพานลอยพระราชวังบางปอิน ๕ ชั่วโมง ๓๓ มินิต แล้วเสดจขึ้นประทับพระที่นั่งวโรภาศพิมานมุขด้านใต้ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าไชยันตมงคลคอยรับเสดจอยู่ที่นั้น พระยาไชยวิชิตผู้รักษากรุงเก่าแลกรมการกรุงเก่าพร้อมกันทูลเกล้า ฯ ถวายกิมฮวยอั้งติ๋วแลผ้าพื้นบุหรี่ฝรั่งแลสิ่งของอื่นๆ ด้วย ดำรัสกับพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตร และพระยาไชยวิชิต ถึงเรื่องที่จะแห่เทวรูปขึ้นศาลใหม่เปนต้น แล้วเสดจขึ้นข้างในไปประทับพระที่นั่งอุทยานภูมเสถียนตามเคย เวลาบ่ายเสดจลงทอดพระเนตรการที่พระที่นั่งเวหาศจำรูญ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอหลายพระองค์ไปเฝ้าที่นั้น เวลาย่ำค่ำเสดจออกทางพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เสดจพระราชดำเนินข้ามตพานสระไปที่ศาลที่พักเทวรูป ข้าราชการนำตามเสดจพอสมควร แล้วเสดจไปที่ศาลเหมมณเฑียรเทวราชทอดพระเนตรการครู่หนึ่ง เสดจกลับมาทางเดิม ประทับที่พระที่นั่งวโรภาศพิมาน ณ มุขด้านใต้ครู่หนึ่ง แล้วเสดจเข้าไปประทับที่ห้องถัดต่อมุขเข้าไป ดำรัสอยู่กับพระบรมวงษานุวงษ์ด้วยเรื่องที่ทรงพระราชดำริห์จะสร้างวังใหม่ที่ตำบลตึกดิน เปนที่ประทับเพื่อสำราญพระราชหฤไทยอย่างเช่นวังสราญรมย์ จนเวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๗๑๖ วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๖ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๔ โมงเสศ เสดจประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทรงทอดพระเนตรการ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอหลายพระองค์ไปเฝ้าเหมือนเวลาวานนี้ วันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

วันที่รัชกาล ๗๗๑๗ วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๗ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๔ โมงเสศ เสด็จลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลออง เข้าเฝ้าไปทางประตูอนงค์ในจรจรัล เฝ้าพร้อมกันโดยลำดับแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร จัดเสื้อกุยเฮง เสื้อตั้วตั๋ง} แพรแลป่านสีต่างต่าง พระราชทานแก่พระเจ้าน้องยาเธอ แลข้าราชการที่เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่นั้น เมื่อได้รับพระราชทานแล้ว ก็สรวมถวายตัว ณ ที่เฝ้านั้น แล้วพระยาวุฒิการบดีนำพระครูอุตรคณารักษ์ พระครูสุวรรณมุนี} เข้าเฝ้า พระครูอุตรคณารักษ์ถวายกล้องกัลปังหา ๑ ป้านอย่างสีสอาด ๑ } พระครูสุวรรณมุนีถวาย ป้านแดง ๑ กระโถนขนาดกลางลายมังกร ๕ เล็บ ๑ } โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาวุฒิการบดีนำพระครูทั้ง ๒ ไปเที่ยวดูบนพระที่นั่งเวหาศนั้นทั่วไป แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระราชลัญจกรงา ๒ องค์ แก่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ รูป ๔ เหลี่ยมเป็นอักษร “จ.ป.ร.” รูปไข่อักษร “สยาม” กับตลับงาสำหรับชาต ๑ หลัง ตลับอักษร “จ.ป.ร.” ไว้สำหรับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ แล้วพระครูญวนครองผ้าสรวมหมวก ถือตาลปัตยศแลถือกระจกเงาเข้าไปยืนสวดคาถาเบิกพระเนตรพระภูม กระจกนั้นสำหรับส่องฉายรูปพระภูมๆ นั้นคล้ายรูปตุกตาจีนปิดทองคำเปลวทั้งองค์ พระครูญวนเอาชาดเจิมที่เงาพระภูมในกระจกแล้วเจิมไนยตา คิ้ว } จมูก ปาก } ที่รูปพระภูม สมมุติว่าเบิกพระเนตรพระภูม แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระสวัสดิวามดิฐ จัดพู่กันแลหมึกกระดาษแดงพับคล้ายสมุดไทยกว้างประมาณคืบ ๑ สำหรับเซ็นชื่ออย่างจีน โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์กำกับตรวจพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลออง ที่ได้รับพระราชทานเสื้อนั้น เซนพระนาม เซนชื่อ} ตามลำดับกันจนหมด

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๗๑๘ วัน ๗ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๘ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๔ โมงเสศ เสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลออง เข้าเฝ้าพร้อมกันเหมือนเวลาวานนี้ วันนี้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท ทูลเกล้า ฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน กิมฮวยอั้งติ๋วขวดปักดอกไม้ กระถางปลูกจุ้ยเซียนก่อภู่เขาแลอื่นๆ หลายอย่างเป็นของจีนโดยมาก แล้วพระยาวุฒิการบดีนำพระอุดมญาณ ๑ พระครูพจนโกศล ๑ พระครูปัญญารัตน ๑ พระหรุ่มวัดสะเกษ ๑ เข้าเฝ้า พระอุดมญาณถวาย พระแก้วเล็ก ๑ ไม้เท้ากัลปังหา ๑ } พระครูพจนโกศลถวายป้านแดงชมพู่ ยี่ฮ่งซวยเต๋ง } ๑ พระครูปัญญารัตนถวายป้านรูปลำพูดำ ๑ พระหรุ่มถวายป้านลูกแก้วแดง ๑ เขากวางจอมปราสาท ๑ } แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระยาวุฒิการบดีนำพระสงฆ์ ๔ รูป ไปเที่ยวดูบนพระที่นั่งที่ทรงประทับนั้นทั่วไป โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร จัดเสื้อกั๊กแพรสีสองชั้นพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ เสื้อกุยเฮง เสื้อตั้วตั๋ง } พระราชทานข้าราชการที่ยังไม่ได้รับพระราชทาน ผู้ที่ได้รับพระราชทานแล้ว สรวมเสื้อถวายตัวทั่วกันเหมือนเวลาวานนี้ แล้วเสดจขึ้นไปประทับชั้นบนที่พระที่นั่งนั้น โปรดเกล้า ฯ ให้ข้าทูลลออง, ไปเที่ยวดูชมบนพระที่นั่งเวหาศนั้นทั่วไป ข้าทูลลออง, ที่ได้รับพระราชทานเสื้อวันนี้ เซนชื่ออย่างจีนตามลำดับกันเหมือนเวลาวานนี้ แล้วเสดจลงชั้นกลางประทับพระที่นั่งโธรนอย่างจีน ดำรัสกับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ, ถึงเรื่องพระราชทานไตร ย่าม พัด } แก่พระสงฆ์ในการเฉลิมพระราชมณเฑียรนั้น ให้พระสงฆ์รับที่พระที่นั่งวโรภาศพิมาน กับทรงพระราชดำริห์ว่า ข้าราชการที่จะมารับพระราชทานเลี้ยงโต๊ะนั้นที่นั่งจะไม่พอจะไม่ได้รับพระราชทานทั่วถึงกัน ให้เจ้าพนักงานดูแลให้ดีอย่าให้ขาดไปได้ แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เป็นพนักงานที่จะรับเข้าต้มจากโรงครัวไปถวายพระสงฆ์ให้ฉันเช้าในเวลางานให้ทั่วไป แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรที่เลี้ยงน้ำร้อนที่เจ้าหมื่นไวยวรนารถจัดแต่งตั้งไว้เฉลียงด้านตวันตกของพระที่นั่งนั้น แล้วเสดจมาประทับที่พระที่นั่งโธรน เวลา ๒ ทุ่มเสศ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๑๙ วัน ๑ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๙ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญพระบรมวงษานุวงษ์แล้วข้าทูลลออง, ไปทางประตูนงคราญประเวศ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท วันนี้ฝ่ายเจ้านาย พระเจ้าราชวรวงษ์เธอกรมขุนเจริญผลพูนสวัสดิเปนปธาน ฝ่ายขุนนาง เจ้าพระยารัตนบดินทร์, เปนปธาน ผู้ที่ยังไม่ได้ถวายดอกไม้ธูปเทียนก็ทูลเกล้า ฯ ถวายกิมฮวยอั้งติ๋วแลเครื่องโต๊ะลายครามขวดปักดอกไม้ใหญ่เล็ก} กล้องไม้ไผ่จีน ไม้ท้าวแลของอื่น ๆ หลายอย่างต่างๆ กัน ผู้ที่ยังไม่ได้เซนพระนามเซนชื่อ} ก็เซนพระนามเซนชื่อ} อย่างจีนเหมือนเวลาวานนี้ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตร, จัดเสื้อกุยเฮงเสื้อตั้วตั๋ง} แพรแลป่านสีต่าง ๆ พระราชทานผู้ที่ยังไม่ได้ เมื่อได้รับพระราชทานแล้วก็สรวมถวายตัว ณ ที่เฝ้า แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอดิศร, นำกรมขุนเจริญผล, แลพระเจ้าน้องยาเธอ, หลายพระองค์เสดจไปเที่ยวทอดพระเนตร เที่ยวชมบนพระที่นั่งเวหาศนั้นทั่วไป แล้วพระยาวุฒิการบดีนำพระสงฆ์เข้าเฝ้าไปทางประตูนงคราญประเวศ ฝ่ายพระธรรมยุติกนิกาย พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าพระอรุณ, หม่อมเจ้าพระราชาคณะพระครูถานา, ปเรียญ ฝ่ายพระมหานิกาย หม่อมเจ้าพระพุทธุบบาทปิลันธ์ ธรรมเจดีย์ พระธรรมวโรดม หม่อมราชวงษพระราชาคณะ พระครูถานา, ปเรียญ รวมพระธรรมยุติพระมหานิกาย } ๔๙ รูป พระธรรมวโรดม ถวายพระแก้วขาว ๑ พระรามัญมหาเถรถวายป้าน ๖ เหลี่ยม พระครูสุนทรศีลวัตรถวายป้านแมงดาญวนสีสวาด ๑ เจ้าอธิการแจ้งวัดนิมมานรติถวายป้านลำพูแดง ๑ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาวุฒิการบดีนำพระสงฆ์ที่มาเฝ้านั้น ไปเที่ยวดูเที่ยวชมบนพระที่นั่งเหมือนพระสงฆ์วานนี้ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ กำกับพระสงฆ์เซนพระนามเซนชื่อ} อย่างจีนเหมือนพระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าราชการเซนพระนามเซนชื่อ} แต่วันก่อน ๆ มาก็ทรงกำกับตรวจให้เซนพระนามเซนชื่อ}ตามลำดับทุกวัน ครั้นพระสงฆ์ที่มาเฝ้าเซนพระนามเซนชื่อ} แล้ว เสดจมาทอดพระเนตรที่พระสงฆ์เซนพระนามเซนชื่อ} เวลา ๒ ทุ่มเสศ พระสงฆ์ถวายพระพรลา พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการ ออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๒๐ วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๐ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมง เสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลออง, เฝ้าพร้อมกัน ไปทางประตูอนงค์ในจรจรัส เวลาวันนี้ฝ่ายเจ้านายเปนปธานเหมือนวานนี้ ฝ่ายขุนนางเจ้าพระยาภาณุวงษเปนปธาน ผู้ที่ยังไม่ได้ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนกิมฮวยอั้งติ๋วก็ทูลเกล้าฯ ถวาย บางท่านบางนาย}ก็ทูลเกล้าฯ ถวายสิ่งของอื่น ๆ เป็นของจีนทำโดยมาก พระชลยุทธโยธินทร์ทูลเกล้า ฯ ถวายโคมแขวนใหญ่คู่ ๑ โปรดเกล้า ฯ ให้จุดโคมแขวนขึ้นในเวลาเสดจประทับอยู่นั้น ดำรัสว่าโคมฝรั่งแสงสว่างดีกว่าโคมจีน แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตร, จัดเสื้อพระราชทานผู้ที่ยังไม่ได้ก็พระราชทานทั่วกัน แล้วดำรัสให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นดำรงราชานุภาพนำเจ้าพระยาภาณุวงษ, พระศรีสรราชไปเที่ยวดูเที่ยวชมบนพระที่นั่งเวหาศ,นั้นทั่วไป ผู้ที่ยังไม่ได้เซน พระนามเซนชื่อ} ก็เซนตามลำดับกันจนหมด ทรงพระราชดำริห์กับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร, ว่าเจ้านายแลขุนนางข้าราชการที่จะมารับพระราชทานเลี้ยงโต๊ะนั้น ให้ปันเปน ๒ เวลา คือเวลาเช้า เวลาเย็น} จึงจะทั่วถึงกัน แล้วเสดจพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรหลินเซียนเป็นอักษรจีนบ้าง อักษรไทยแผลงเปนอักษรจีนบ้าง เปนคำถวายไชยมงคลในการเฉลิมพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ที่พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลลออง, ทูลเกล้าฯ ถวายแล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตร, จัดแขวนตามเสาพระที่นั่งเวหาศจำรูญนั้นเปนคู่ ๆ ฝ่ายข้างในที่เปนหม่อมพระบรมวงษานุวงษ์ แลภรรยาข้าราชการก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาททูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนกิมฮวยอั้งติ๋ว แลสิ่งของอื่น ๆ หลายอย่างต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ๒๘ ๒๙ ๓๐ } ธันวาคมนี้ทุกวัน วันนี้ไม่มีพระสงฆ์เข้าเฝ้า เวลา ๒ ทุ่มเสศพระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท ออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๒๑ วัน ๓ ๑๐ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๓๑ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

การเฉลิมพระราชมณเฑียร แลยกพระมหาเสวตฉัตรที่พระราชวังบางปอิน

เจ้าพนักงานจัดแต่งพระที่นั่งวโรภาศพิมาน ณ ท้องพระโรงกลางแห่งพระที่นั่งเสวตรฉัตรริมผนังด้านเหนือรหว่างกลาง ซ้าย ขวา } ตั้งโต๊ะมีพานทอง ๒ ชั้นเบิกพุ่มดอกไม้สด ถัดลงมาเปนชั้นอัฒจันท์ ๕ ชั้น ตั้งขวดปักดอกไม้ ตั้งพานทองปักพุ่มดอกไม้สด แลตั้งเชิงเทียนเงิน ทอง } ด้านตวันออกวางปืนชื่อ มหาไชย ๑ มหาปราบ ๑ } ด้านตวันตกวางปืนชื่อ มหาฤกษ ๑ มหาจักร ๑ } สำหรับที่จะยิงเวลายกพระมหาเสวตรฉัตร ถัดออกมารหว่างกลางตั้งม้าหมู่จำหลักปิดทอง เชิญพระไชยประจำรัชกาล ๕ พระองค์ขึ้นประดิษฐาน รัชกาลที่ ๑ อยู่ด้านตวันออกเรืองต่อ ๆ กันมาด้านตวันตกผินพระภักตร์มาด้านใต้ ที่ม้าหมู่ตั้งพระไชยนั้นตั้งพานทองปักพุ่มดอกไม้สดตั้งเชิงเทียนเงิน ทอง } ต่อม้าหมู่ออกตั้งพระแท่นทรงกราบบนพระแท่นนั้น ตั้งม้าถมตะทองมีเครื่องนมัสการเครื่อง ๕ พานทอง ๒ ชั้นปักพุ่มเข้าตอก พุ่มดอกไม้ } เชิงเทียนอยู่ ด้านตวันออกริมผนังออกมาตั้งพระที่นั่งสำหรับประทับผินมาด้านตวันออกพระที่นั่งที่ประทับมารหว่างพระแท่นเครื่องนมัสการนั้น วางพระมหาเสวตรฉัตรมีไม้พันผ้าขาวตั้ง ๓ ๔ } ขาสำหรับวางพระมหาเสวตรฉัตรนอนยอดไปข้างหน้าที่ประทับ ด้านตวันตกริมผนังตั้งอาศนสงฆ์ ๒ แถว ถัดออกมาข้างซ้ายอาศนสงฆ์ตั้งม้าวาง ย่าม พัดรอง ไตร } สำหรับทรงประเคน

อนึ่งที่ริมทางที่ข้ามตพานไปด้านเหนือระหว่างศาลที่พักเทวรูป, กับศาลเหมมณเฑียรนั้น ริมน้ำปลูกโรงใหญ่ ๕ ห้องเฉลียงรอบ หลังคาดาษผ้าแดงผ้าขาว} เสาพันผ้าแดง ผินน่าโรงไปตวันออก สำหรับเปนที่สวดมนต์ เลี้ยงพระในวันแรก แลเปนโรงกงเต๊กต่อไปวันน่า ในวันแรกนี้เจ้าพนักงานจัดแต่งตั้งม้าหมู่ข้างด้านเหนือ เชิญพระพุทธรูปลอยถาดไปประดิษฐานผินพระภักตร์ไปด้านใต้ พระพุทธรูปองค์นี้เปนพระที่ทรงสร้างอุทิศส่วนพระราชกุศล ถึงพระเจ้ารามาธิเบศร์ปราสาททอง เชิญมาจากวัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งพระแท่นทรงกราบมีเครื่องนมัสการทองทิศเครื่อง ๕ ด้านตวันตกตั้งอาศนสงฆ์ ด้านตวันออกตั้งพระที่นั่งสำหรับที่ประทับ ด้านใต้ตั้งเทวรูปพระเจ้าปราสาททอง

อนึ่งในพระที่นั่งเวหาศจำรูญมุขด้านใต้ชั้นบนนั้น เจ้าพนักงานจัดแต่งตั้งตู้จีน ๒ ชั้นชั้นกลางมีห้อง ๓ ห้อง ชั้นบน ๑ ห้อง เชิญพระไชยเนาวโลหะขึ้นประดิษฐานชั้นบน พระแก้วจีนชั้นล่างข้างขวา พระแก้วหยกอยู่กลาง พระคันธารราษฎร์จีนข้างซ้าย ผินพระภักตร์ไปด้านใต้ ตั้งเครื่องมนัสการอย่างจีน ตั้งเก้าอี้จีนเปนอาศนสงฆ์ พระสงฆ์นั่งองค์ละเก้าอี้บ้าง ๓ ๔ } องค์เก้าอี้ ๑ บ้าง ในพระแท่นบันทมห้องตวันออก ตั้งที่จีนเชิญพระไชยวัฒนทองคำองค์น้อย ขึ้นประดิษฐานกลางพระแท่นพระบันทม ซึ่งเปนที่พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์

ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสดจออกทางพระทวารพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เสดจพระราชดำเนินข้ามตพานไป ข้าราชการแห่นำตามเสดจพอสมควร ไปประทับศาลเหมมณเฑียรเทวราชทอดพระเนตรการคู่หนึ่ง แล้วเสดจกลับมาประทับโรงที่พระสงฆ์จะได้สวดมนต์วันนี้ ทรงประเคนผ้าไตร ย่าม พัด } แพงต่วนพื้นเหลืองแก่ ลายหงษ์จีนแก่พระสงฆ์ ๑๐ รูป พระมงคลเทพเปนปธานพระสงฆ์ครองผ้าแล้วมานั่งที่ตามลำดับ ทรงจุดเทียนเครื่องมนัสการแล้วพระสงฆ์เริ่มสวดพระพุทธมนต์สัตปริต แล้วเสดจกลับทางเดิม ประทับพระที่นั่งวโรภาศพิมาน ณ ท้องพระโรงกลาง พระสุวรรณวิมลศิลถวายอากาศช้าง ๑ พระมหายานถวายป้านเท้าปุ่มตอม่อแดง ๑ แล้วทรงประเคนไตรผ้าสลับแพร ย่าม พัด } แพรต่วนพื้นแดงลายหงษจีนแก่พระสงฆ์ ๒๐ รูปที่จะสวดมนต์ ณ พระที่นั่งนี้ พระธรรมวโรดมเปนปธาน กับพระสงฆ์ที่จะสวดมนต์ ณ พระที่นั่งเวหาศจำรูญ ๔๕ รูป พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรสเปนปธานาธิบดีสงฆ์ พระสงฆ์ ๒๐ รูปครองผ้าแล้วมานั่งตามลำดับ แล้วทรงจุดเทียนเครื่องมนัสการ พระธรรมวโรดมถวายศีลทรงศีลแล้ว พระยาศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศเทพดาเปนคำร่ายจบแล้ว พระปริยัติวงษาจาริย์ถวายขัดตำนานพระสงฆ์เริ่มสวดพระพุทธมนต์สัตปริต แล้วเสดจขึ้นข้างในไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์ที่จะสวดมนต์พระที่นั่งเวหาศนี้ ๔๕ รูป เข้าไปทางประตูเทวราชครรไลย แต่แยกสวดในที่บันทม ๕ รูป พระวรวงษ์เธอพระองค์เจ้าพระอรุณ, เปนปธาน พระสงฆ์นั่งที่ตามลำดับ แล้วทรงจุดเทียนนมัสการทั้ง ๒ แห่ง พระราชานุพัทธมุนีถวายขัดตำนานข้างนอก พระอริยมุนีถวายขัดตำนานในที่ห้องพระบันทม พระสงฆ์เริ่มสวดพระพุทธมนต์สัตตปริตทั้ง ๒ แห่ง ครั้นสวดมนต์จบแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ถวายอดิเรกถวายพระพรลากลับทางเดิม แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจลงมาชั้นกลาง ประทับพระที่นั่งโธรนอย่างจีน เจ้านายแลข้าราชการเข้าเฝ้าไปทางประตูเทวราชครรไลย ที่ยังไม่ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนกิมฮวย อั้งติ๋ว ก็ทูลเกล้า ฯ ถวาย โปรดเกล้า ฯ ให้แจกเสื้อเหมือนอย่างทุกวัน แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร, พระยาโชฎึก, จัดเลี้ยงโต๊ะอย่างจีน โต๊ะเจ้านายจัดที่ชั้นกลางด้านตวันตก ๔ โต๊ะ โต๊ะหลวงถัดออกมาระหว่างกลางพระที่นั่ง ๑ โต๊ะ เปน ๕ โต๊ะ ฝ่ายข้าราชการจัดชั้นลดลงมา ๙ โต๊ะ ข้าราชการที่ได้รับก๊าดเชิญก็ไปรับพระราชทาน ฝ่ายขุนนางวันนี้เจ้าพระยาภาณุวงษเปนปธาน ฝ่ายเจ้านายพระเจ้าราชวรวงษ์เธอกรมขุนบดินทร, เปนปธาน โต๊ะหลวงที่เสดจประทับเสวยนั้น สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอทั้ง ๒ พระองค์ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงเทวะวงษ์ พระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงษ

ฝ่ายข้างในท่านผู้หญิงเปลี่ยนจัดโต๊ะเลี้ยงอย่างจีนเหมือนกัน จัดตั้งที่ชั้นบนพระที่นั่งเวหาศ, แลเฉลียงด้านตวันออก สมเดจพระนางเจ้าบรมราชเทวีเปนปธานาธิบดี แลพระเจ้าพี่นางเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ สมเดจพระเจ้าลูกเธอ หม่อมเจ้าลูกเธอ พระเจ้าบวรวงษเธอ

ท้าวนาง, ท่านผู้หญิง, หม่อม, ภรรยาข้าราชการ, หม่อมเจ้า, แลเจ้าจอมมารดา เมื่อประทับโต๊ะเสวย แลขุนนางรับพระราชทานอยู่นั้น มโหรีมหาดเล็กวงหลวงตีเปนเพลงจีนข้างด้านตวันตก วงหลวงผู้หญิงอยู่ด้านตวันออกตีเปนเพลงจีน แลขับร้องประสานเสียงซอครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว เวลา ๒ โมงเสศ พระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการออกจากที่เฝ้า

วันนี้เวลาค่ำมีการเล่นฉลองเทวรูป งิ้ว ๑ โรง ตั้งที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งวโรภาศ, หนังไทย ๒ โรงตั้งที่ริมน้ำใต้เก๋งเหมมณเทียร ๑ ด้านตวันออก ๑ โรงผินน่าจอ, มาด้านตวันตก.

วันที่รัชกาล ๗๗๒๒ วัน ๕ ๑๑ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

กระบวนแห่เทวรูปพระเจ้าปราสาททอง

เวลาเช้าเจ้าพนักงานเชิญเทวรูปพระเจ้าปราสาททองจากโรงที่สวดมนต์เหนือเก๋งเหมมณเฑียรนั้น เชิญขึ้นบนเสลี่ยงโถงมีสัปทนจีนกั้น ไปประดิษฐาน ณ บุษบกเรือครุธที่เจ้าพนักงานจัดไว้คอยรับเทียบท่าอยู่ตพานใต้โรงก๊าดนั้น แล้วเจ้าพนักงานจัดกระบวนเรือแห่เทวรูป กระบวนน่าเรือดั้ง ๑ คู่มีกลองชนะจ่าปี่จ่ากลอง เรือกันยา ๑ มีพิณพาทย์แลกลองแขก เรือไปรสนียบุรุษสัมปั้นพายคนเดียวประมาณ ๒๐ ลำ เรือเล่าโก๊เรือกลองแขก เรือเล่าโก๊สองลำ เรือกลองแขก เรือญวณแจวแต่งเปนทหารถือง้าวและหอกเรือไปรสนียเลหลัง เรือลครเล่นเรื่องไกรทอง เรือทอดแห เรือลครมีพิณพาทย์ เรือกลไฟจูงเรือเล่าโก๊ เรือรูปกวางน้ำ เรือคนแต่งเป็นเถรกวาดติดจั่น เรือเล่าโก๊มีเครื่องโต๊ะบูชา เรือเล่าโก๊ เรือกลไฟเล่นยี่เก ถึงกระบวนหลวง เรือดั้งคู่ ๑ เรือครุธลำทรงเทวรูปมีเครื่องสูงขาว ๗ ชั้น ๕ ชั้น บังแทรกพัดโบก แตรงอน แตรฝรั่ง สังข์ กระบวนหลังเรือกราบเขียนมีพิณพาทย์แลธงมังกร เรือข้าราชการ เรือสิงหโต เรือเล่าโก๊ ๓ ลำ เรือกลไฟจูงเรือมังกรใหญ่ เรือทหารถือมังกรธงตขาป เรือพิณพาทย์ เรือกลองยาว เรือเล่าโก๊ เรือกลไฟทำเป็นรูปม้าจูงเรือสำเภาใหญ่ เรือเล่าโก๊ เรือรูปกวางมีคนสีสะล้านชนกัน เรือราษฎรสัมปั้นพายคนเดียว ถือธงมังกรตขาป ประมาณ ๒๐๐ ลำ เรือขุนนางเจ้าภาษีอากร ๒ แจว ๓ แจว } และเรือพายแซงกระบวนนำ หลัง } หลายสิบลำ

เวลาเช้า ๔ โมงเสท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งวโรภาษพิมาน เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพลับพลาริมน้ำด้านใต้ตพานท่าเสด็จ ทอดพระเนตรกระบวนแห่เทวรูป ฝ่ายใน สมเด็จพระนางเจ้า พระนางเจ้า พระอรรคชายาเธอ เสด็จประทับพลับพลานี้ทั้งสิ้น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษศิลปาคม สั่งให้เดินริ้วกระบวนแห่ขึ้นตามลำน้ำไปน่าพลับพลา กระบวนน่าเดินเลยขึ้นไป เรือลำทรงเทวรูปเทียบท่าตพานเสด็จ เจ้าพนักงานนำธูปเทียนไปถวายทรงจุด แล้วออกเรือเดินกระบวนต่อไปสุดเกาะแล้วเลี้ยวอ้อมน่าวัดชุมพลนิกายาราม ลงมาด้านตวันออกสุดเกาะข้างใต้ แล้วเดินกระบวนข้ามไปอ้อมเกาะวัดนิเวศธรรมประวัติขึ้นไปตามลำน้ำใหญ่สุดเกาะข้างบน แล้วอ้อมลงมาเทียบที่ตพานวัดชุมพลนิกายารามด้านตวันตก แล้วเจ้าพนักงานเชิญเทวรูปขึ้นประดิษฐานบนเสลี่ยงโถงมีบุษบกผ้าขาว ๔ เหลี่ยม ๕ ชั้น เครื่องสูงขาว ๗ ชั้น ๕ ชั้น พัดโบก บังแทรก กลดกำมลอ ๑ สัปทนจีนคู่ ๑ เชิญขึ้นมาตั้งไว้ชาลาวัดด้านตวันตกริมน้ำ มีปรำดาษผ้าขาวตั้งโต๊ะเครื่องสังเวย ขุนโชติพรหมาอ่านคำสังเวยเทพดา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรกระบวนแห่เทวรูป แล้วเสดจทรงพระราชยาน ข้าราชการแห่นำตามเสดจพอสมควร เสดจข้ามตพานไปประทับโรงที่พระสงฆ์สวดมนต์เวลาวานนี้ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วทรงประเคนอาหารบินฑบาตรแก่พระสงฆ์ ฉันแล้วเสด็จกลับทางเดิมมาประทับพระที่นั่งวโรภาษพิมาน ณ ท้องพระโรงกลาง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระธรรมวโรดมถวายศีล ทรงศีลแล้วทรงประเคนอาหารบิณฑบาตรแก่พระสงฆ์ที่สวดมนต์เวลาวานนี้ แล้วเสด็จขึ้นข้างในไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์เข้าทางประตูเทวราชครรไลยไปนั่งที่ตามลำดับแล้ว ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วทรงประเคนอาหารบิณฑบาตรแก่พระสงฆ์ที่สวดมนต์เวลาวานนี้ พระสงฆ์ที่สวดมนต์ในที่พระบันทมมารับพระราชทานฉัน ณ ที่นี้ด้วย พระสงฆ์ฉันที่นั่งเก้าอี้โต๊ะเลี้ยงอย่างจีน ครั้นรับพระราชทานฉันแล้ว โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้เจ้าอธิการฟักวัดธรรมมิกราชแขวงกรุงเก่าเปนพระครูธรรมมิกาจารคุณขึ้นคณะกรุงเก่า พระราชทานตาลิปัตรพุดตาลทองแผ่ลวดฉลกบาตรสักลาดย่ามสักลาด พัดรองโหมดกระโถน กาน้ำ ลายคราม ร่ม รองเท้า ผ้าขาวพับเปนเครื่องยศ แล้วทรงประเคนไทยทานแก่พระสงฆ์ทั้งปวง คือเครื่องที่ชาลายคราม ป้านคู่ ๑ ถ้ำชาลายคราม ๑ ชาหีบ ๑ กาต้มน้ำร้อน ๑ พัดด้ามจิ้ว ๑ เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์ที่ฉันอยู่พระที่นั่งวโรภาษนั้นไปรับเครื่องไทยทานด้วย พระสงฆ์ที่ฉันอยู่โรงเหนือเก๋งเหมมณเฑียรนั้นเล่าก็ไปรับแต่ไทยทานตามธรรมเนียม เครื่องไทยทานนี้พระยาภาสกรวงษ์ที่เกษตราธิบดีเป็นผู้จัดแบ่งเป็นวัน ๆ ถวายกว่าจะหมดของที่จัดไว้ ครั้นทรงประเคนไทยทานแล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก ถวายพระพรลากลับทางเดิม แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาชั้นกลาง ประทับพระที่นั่งโธรนอย่างจีน พระบรมวงษานุวงษ์และข้าทูลลอองไปทางประตูเทวราชครรไลย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร พระยาโชฎึกจัดโต๊ะเลี้ยง เสด็จประทับเสวย พระบรมวงษานุวงษ์เสวยพร้อมกัน ณ ชั้นกลาง ขุนนางข้าราชการที่ได้รับก๊าดเชิญก็รับพระราชทานชั้นลดลงมา เมื่อเสด็จประทับเสวยอยู่นั้น มโหรีมหาดเลกวงหลวงตีเพลงจีนเหมือนเวลาวานนี้ ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว เวลาบ่ายโมงเสด็จเจ้านายแลข้าราชการออกจากที่เฝ้า เวลาบ่ายวันนี้ เจ้าพนักงานจัดกระบวนแห่เทวรูปกระบวนน่าตั้งแต่ประตูเทวัญสถิตย์ กระบวนหลังอยู่ชาลาวัดชุมพลนิกายาราม กระบวนน่าทหาร แตรวง ๑ กระบวน เจ้านายแลข้าราชการขี่รถควงชามแลเดินเท้า เล่าโก๊เดกชาถือธงช้างทำเปนมดตะนอยใหญ่ไต่กันขันคู่ ๑ ตาแก่ไว้ผมแกละขี่เปลหาม แขกฮินดูเล่นลครแต่งเปนพม่าขี่แคร่แลเดินเท้า ในระหว่างกระบวนถือธงมังกรจระเข้ขึ้นเปนล้อลาก แต่งเปนเถรกวาดติดจั่นควงกระบอง เก๋งทำด้วยไม้ขีดไฟ เดกถือกิ่งไผ่แต่งเป็นจีนถือธงตะขาบ พิณพาทยไทยแต่งเปนญวนถือธง เสือจริง ๆ คนจูงแต่งเปนลคร มีฤๅษี ศีศะล้านนอนเปล ศีศะล้านชนกัน แต่งเปนพม่าแทงเสือ ทำเปนรูปควายขึ้นล้อลาก รำมนาแขก สิงโตใหญ่คู่ ๑ มังกรใหญ่คู่ ๑ เล่าโก๊ ลคร ยี่เก แต่งเปนจีนไหหลำ สรวมน่ากากแต่งเปนงิ้ว ถือธงมังกรธงตะขาบ } มโหรีจีน เล่าโก๊ กระบวนหลวง ธงนำริ้ว ๒ ธงตะขาบ ๖๐ ธงมังกร ๖๐ เกี้ยวเทวดา ๓ มีกระถางธูป ธง ๕ ชาย ๑ กลองแขกวง ๑ กลองชะนะคู่ ๑ จ่าปี่จ่ากลอง ๒ แตรงอน ๔ แตรฝรั่ง ๔ สังข์ ๒ เครื่องสูงขาว { ๗ ชั้น ๒ ๕ ชั้น ๖ บังแทรก ๔ เสลี่ยงโถงทรงเทวรูป บังสูริย์ พัดโบก คู่เคียง ๑๖ เครื่องสูงขาว { ๗ ชั้น ๒ ๕ ชั้น ๔ บังแทรก ๒ คู่ แห่หลัง ๕๐ ธง ๓ ชาย ๒ ธงมังกร ๔๐ ธงตะขาบ ๔๐ พิณพาทย์ไทย เทวดา กระบวนข้าราชการแต่งเป็นขุนนางจีน ยี่เก เป็นงิ้วถือธงมังกร ธงตะขาบ } ทำเป็นรูปมังกร ลครเรื่องพระรถ ทหารเรือถือธงมังกร ธงตะขาบ ทำเป็นเรือสำเภา สรวมงอบถือเคียวถือรวงเข้าร้องเพลง เล่าโก๊วงใหญ่ เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งวโรภาษพิมาน ประทับพระที่นั่งโธรน ณ มุขด้านใต้ ทรงทอดพระเนตรกระบวนแห่เทวรูปฝ่ายในอยู่ด้านตวันออก มีม่านกั้น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์สั่งให้เดินริ้วกระบวนแห่ลงมาทางริมน้ำด้านตวันตก แล้วเลี้ยวมาน่าพระที่นั่ง กระบวนหน้าเดินข้ามตะพานสระไปเก๋งเหมมณเฑียร เสลี่ยงทรงเทวรูปเทียบหน้าพระที่นั่ง ทรงจุดเทียนบูชาแล้วเดินกระบวนต่อไป ถึงเก๋งเหมมณเฑียรแล้วเจ้าพนักงานเชิญเทวรูปขึ้นประดิษฐานไว้ในคูหาเก๋งมณเฑียรนั้น ผินพระภักตร์มาข้างด้านตวันตก ที่ชาลาเก๋งเหมมณเฑียรในกำแพงแก้วนั้น ทำปรำคาดผ้าขาวข้างซ้าย ขวา} สำหรับตั้งโต๊ะบูชาอย่างจีน แลตั้งโต๊ะเครื่องสังเวยสำหรับโหราจาริย์จะได้อ่านคำสังเวยเทพดา กระบวนการแห่เวลาบ่ายนี้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานแจกเงินคนละเฟื้องเป็นเงินตรา ๓ ชั่ง ๒๖ บาท ๓๒ สลึง รวมกระบวนแห่ ๒๑๓๒ คน ครั้นทรงทอดพระเนตรเทวรูปแล้ว เสด็จมาประทับ ณ ท้องพระโรงกลาง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว สมเด็จพระพุฒาจาริย์ถวายศีล ทรงศีลแล้วอาลักษณอ่านคำประกาศเทพดาเปนคำร่าย จบแล้ว พระญาณไตรโลกธถวายขัดตำนาน พระสงฆ์เริ่มสวดพระพุทธมนต์ทวาทศปริต แล้วเสด็จทรงพระราชยาน ข้าราชการแห่นำตามเสด็จพอสมควร เสด็จข้ามตามตะพานสระไปประทับเก๋งเหมมณเฑียร ทอดพระเนตรเจ้าพนักงานเชิญเทวรูปเข้าประดิษฐานไว้ในศาลแล้ว ทรงจุดธูปเทียนสังเวย หลวงโลกทีปอ่านคำสังเวยเทพดาเปนคำร่าย แล้วพระยาสวัสดิวามดิฐจุดประทัด สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับทางเดิม เสด็จขึ้นข้างในไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์ไปทางประตูเทวราชครรไลย พระสงฆ์นั่งที่ตามลำดับ ทั้ง ๒ แห่งแล้ว ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระราชานุพัทธมุนีถวายขัดตำนานข้างนอก พระอริยมุนีถวายขัดตำนาน ในที่พระบันทมเหมือนเวลาวานนี้ พระสงฆ์เริ่มสวดพระพุทธมนต์ทวาทศปริตทั้ง ๒ แห่ง พระสงฆ์สวดมนต์พระที่นั่งเวหาศ พระที่นั่งวโรภาษ ๒ พระที่นั่งนี้ผลัดเปลี่ยนกันบ้างคงอยู่บ้าง แต่ในที่พระบันทมนั้นคงที่สำรับเดียว พระสงฆ์สวดมนต์จบแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณถวายอติเรกถวายพระพรลากลับทางเดิม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาชั้นกลาง พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองไปทางประตูเทวราชครรไลย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกันโดยลำดับ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตร พระยาโชฎึกก็จัดโต๊ะเลี้ยงอย่างจีน เสดจประทับเสวย พระบรมวงษานุวงษ์เสวยพร้อมกัน ข้าทูลลอองที่ได้รับก๊าดเชิญก็รับพระราชทานเหมือนเวลาเช้านี้ ฝ่ายข้างในท่านผู้หญิงเปลี่ยน๑๐เป็นผู้จัดโต๊ะเลี้ยงอย่างจีนเหมือนคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคมนั้น พวกมโหรีมหาดเลกวงหลวงแลมโหรีวงหลวงฝ่ายในก็ตีเพลงจีนแลขับร้องประสานเสียง ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว เวลา ๒ ยามเสศ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้าทางประตูเดิม อนึ่งเวลาค่ำวันนี้พระครูญวนแลหลวงจีนได้มีการพิธีกงเต๊กตามธรรมเนียมอานัมสมณนิกายที่โรงเหนือเก๋งเหมมณเฑียร การเล่นหนังไทย ๒ โรง หนังตลุง ๑ งิ้ว ๑ หนังจีน ๑ ลครไทย ๑ ลครชาตรี ๑ ไม้ลอย ๑ ญวนหก ๑ สิงโต มังกร รำกระถาง ดอกไม้เพลิงพุ่ม ๕ ชั้น ๒๐ พุ่ม รธา ๘ รธา กระถาง พเนียง ๓๐ กระบอก ฝนแสนห่า ๒ กงเหียน กงหัน ๑ ตู้ ๒ ตู้ พ้อม ๑

วันที่รัชกาล ๗๗๒๓ วัน ๕ ๑๒ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้า ๕ โมง เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาษพิมาน ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วประเคนพระสงฆ์ฉัน ๒๐ รูป แล้วเสด็จไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์ไปนั่งที่ตามลำดับ แล้วทรงประเคนพระสงฆ์ฉันเครื่องเกาเหลาเหมือนเวลาวานนี้ วันนี้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนิมนต์พระครูญวน ๑๐ รูป หลวงจีน ๒ รูป ไปฉันเจในพระที่นั่งเวหาศจำรูญด้วย แต่ฉันอยู่ชั้นล่าง ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้วทรงประเคนเครื่องไทยทาน พระสงฆ์ซึ่งฉันที่พระที่นั่งวโรภาษพิมานนั้น เจ้าพนักงานนำเข้าไปรับด้วย เครื่องไทยทานวันนี้ กาน้ำลายคราม ๑ กระโถนลายคราม ๑ ตะเกียงสำหรับสูบยาแดง ๑ กล้องสูบยาแดง ๑ ยาแดงห่อ ๑ ครั้นทรงประเคนแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณ แลพระสงฆ์ทั้งปวงถวายอนุโมทนา ถวายอติเรก พระพรลากลับทางเดิม แล้วเสด็จลงมาชั้นกลาง พระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าทูลลอองเฝ้าพร้อมกันโดยลำดับ แล้วพระราชทานไตร ผ้ากราบกำมหยี่ตีพิมพ์ ๑ พัดรองคันสั้นแพรลายมังกร ๑ ย่ามแพรลายมังกร ๑ แก่พระครูญวนแลหลวงจีน รวม ๑๒ รูป ที่เข้าไปฉันเจนั้นเป็นเครื่องบริกขารในการทำพระราชพิธีกงเต๊ก แล้วพระราชทานสัญญาบัตรพระครูญวนแลหลวงจีน ๑๒ รูป คือให้พระครูบริหารอนัมพรต วัดสมณานัมบริหาร เป็นพระครูคณาจาริย์ พระราชทานตาลิปัตรคันสั้นเปลวเยียระบับ กับบาตร ๑ หมวก ๑ ยูอี ๑ เป็นเครื่องยศ ๏ ให้องสุตบทบวร ปลัดซ้ายวัดอุภัยราชบำรุง เป็นพระครูบริหารอนัมพรต พระราชทานตาลิปัตรเปลวเยียระบับแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้หลวงจีนคณาณัติจิณพรต ปลัดวัดเลงเนยยี เป็นพระอาจาริยจิณวังษสมาธิวัตร พระราชทานตาลิปัตรงาจำหลักปรุแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้องสรพจนสุนทรวัดอนัมนิกายาราม เป็นองสุตบทบวร ปลัดซ้าย พระราชทานตาลิปัตรพุดตาลเยียระบับแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้หลวงจีนไหล วักเลงเนยยี เป็นหลวงจีนคณาณัติจิณพรต ที่ปลัดคณาจารย์ พระราชทานตาลิปัตรอัตลัด แลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้องพจกรโกศล รองปลัดซ้ายวัดสมณานัมบริหาร เป็นองสรพจนสุนทร รองปลัดขวา พระราชทานตาลิปัตรอัตลัดแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้องอนนทสรภัญธ์ ผู้ช่วยรองปลัดซ้าย วัดตี๊หง่านเป็นองพจกรโกศล รองปลัดซ้าย พระราชทานตาลิปัตรแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้องกรีลิน วัดอนัมนิกายาราม เป็นองอนนทสรภัญธ์ ผู้ช่วยรองปลัดพระราชทานตาลิปัตรแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ครั้นพระราชทานแล้ว หลวงญวนแลหลวงจีนก็ถวายอนุโมทนา ถวายอติเรกพระพรณาตามภาษาญวน แล้วเจ้าพนักงานก็จัดโต๊ะเลี้ยงตามเคย เสด็จประทับเสวยพระบรมวงษานุวงษ์ก็เสวย ข้าทูลลอองธุลีพระบาทที่ได้รับก๊าดเชิญก็รับพระราชทานเหมือนคืนนี้ มโหรีก็ตีเพลงไปตามเคย ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว เวลาบ่ายโมงเสศพระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จออกพระที่นั่งวโรภาษพิมานพระยาวุฒิการบดี๑๑นำพระกระวีวงษ์ ๑ พระอูอาติสสะมหาเถร (มังภูตา) อยู่วัดกัลยาณีวิหารเมืองมัณฑเลนคร ๑ เข้าเฝ้า พระกระวีวงษ์ถวายพระแก้วผลึก ๑ พระอูอาดิสสะมหาเถรถวายพระเจดีย์นิเกล ๒ องค์ๆ ใหญ่บรรจุพระเขี้ยวแก้วอรหันตธาตุ ๒ พระองค์ ๆ เล็กบรรจุพระสารีริกธาตุ ๕ พระองค์ นายเปรื่องปเรียญเป็นล่าม กราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงพระราชดำรัสปฏิสัณฐารพอสมควรแล้วเสด็จทรงพระราชยาน ข้าราชการแห่นำตามเสด็จพอสมควร เสด็จข้ามตพานสระไปประทับเก๋งเหมมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนสังเวยแล้วครู่หนึ่งเสด็จกลับทางเดิมประทับพระที่นั่งวโรภาษพิมาน ณ ท้องพระโรงกลาง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีล ทรงศีลแล้วอาลักษณ์อ่านคำประกาศเทพดาเหมือนวานนี้ อ่านจบแล้วพระสงฆ์เริ่มสวดพระพุทธมนต์ธรรมจักกับปวัตนสูตรมหาสมยสูตร แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญที่พระสงฆ์จะสวดมนต์ทั้งสองแห่งนั้น เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์เข้าทางประตูเทวราชครรไลยไปนั่งที่ตามลำดับแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ ข้างนอกสมเด็จพระพุฒาจาริย์เริ่มสวดพระพุทธมนต์ธรรมจักกับปวัตนสูตร มหาสมยสูตร ในที่พระบันทมพระวรวงษเธอพระองค์เจ้าอรุณ๑๒สำรับ ๕ องค์เดิมเริ่มสวดพระมหาสมยสูตร พระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วสมเด็จพระพุฒาจาริย์ถวายอติเรก ถวายพระพรลากลับทางเดิม แล้วเสด็จลงมาประทับชั้นกลาง พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองเข้าทางประตูเทวราชครรไลย เฝ้าพร้อมกันเหมือนเวลาเช้านี้ เสด็จประทับเสวย ขุนนางข้าราชการที่ได้รับก๊าดเชิญก็รับพระราชทาน มโหรีก็ดีเพลงจีนตามเคย ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว เวลา ๒ ยามเสศ พระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า

อนึ่ง พระครูญวนทำพิธีกงเต๊ก แลการเล่นดอกไม้เพลิงก็มีเต็มที่เหมือนเวลาวานนี้

วันที่รัชกาล ๗๗๒๔ วัน ๖ ๑๓ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๓ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้า ๓ โมงเสศ หม่อมเจ้าผอบออกมาสั่งเจ้าพนักงานให้เลี้ยงพระสวดมนต์ เวลาคืนนี้ที่พระที่นั่งวโรภาษพิมานเสียก่อน เวลาเช้า ๔ โมงเสดจออกพระที่นั่งวโรภาษพิมาน ณ ท้องพระโรงกลาง ทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว ได้พระฤกษ์ ๔ โมงกับ ๑๔ นาที พระยามหามนตรี๑๓ พระสุริยภักดีก็ยกพระมหาเสวตรฉัตรขึ้นประดิษฐานที่เจ้าพนักงานทำที่ไว้สำหรับเจ้าพนักงานก็ตีฆ้องไชยแตรสังข์บัณเฑาะพิณพาทยขึ้นพร้อมกัน กองแก้วจินดาก็ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาไชย มหาปราบยุค มหาจักร ๒๑ นัด พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณแลพระสงฆ์ทั้งปวงก็ถวายไชยมงคลขึ้นพร้อมกัน ครั้นยกพระมหาเสวตรฉัตรเสร็จแล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาตามเคย แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์ที่สวดมนต์เวลาวานนี้เข้าไปนั่งที่ตามลำดับ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงประเคนพระสงฆ์ฉันเครื่องเกาเหลาเหมือนเวลาวานนี้ พระสงฆ์ฉันแล้วทรงประเคนเครื่องไทยทาน พระสงฆ์ฉันที่พระที่นั่งวโรภาษพิมานนั้น เจ้าพนักงานนำเข้าไปรับเครื่องไทยทานด้วย เครื่องไทยทานวันนี้ คนโทน้ำเย็น ๑ ถ้วยน้ำเย็น ๑ เสื่อไม้ไผ่จีน ๑ หมอนหนังจีน ๑ ร่ม ๒ สี ๑ พัดหางปลา ๑ โหล นี้ส่วนทรงประเคนของไทยทานที่ต้องเบิกต่อเจ้าพนักงานนั้น กระบุงเข้าสาร มีของฉันต่างๆ ๑ ขวดน้ำตาลทราย ๑ ถังใส่เข้าสาร ๑ ปิ่นโตใส่สิ่งของฉันต่างๆ ๑ ตะกร้าจีน{ใหญ่ ๑ เล็ก ๑ ใส่ของ{คาว หวาน กระโล่จีนใส่ของ{คาว หวาน ๒ กระจาดใส่น้ำตาลทราย ๑ ไหใส่น้ำมันหมู ๑ อั้งโล่จับเจี๋ยว ๑ กระทะดินจีน ๑ กาลายครามถ้วยน้ำร้อน ๑ พระสงฆ์ที่รับของไทยทานที่กล่าวเป็นสิ่งของมาแต่วันที่ ๑ ๒ ๓ มกราคมนี้ จำนวน{ สวดมนต์ ฉัน ในการยกพระมหาเสวตฉัตร ๒๐ ในการเฉลิมพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ๔๕ รวม ๖๕ รูปที่ { สวดมนต์ ฉัน ในการฉลองเทวรูปพระเจ้าปราสาททอง ๑๐ รูปได้รับไทยทานแต่วันที่ ๑ มกราคม ไปแล้ว พระสงฆ์รับไทยทานเสร็จแล้วถวายอนุโมทนา พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายอติเรกถวายพระพรลากลับทางเดิม เป็นเสร็จการ { สวดมนต์ ฉัน เพียงเท่านี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงมาชั้นกลาง พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกันโดยลำดับ เจ้าพนักงานก็จัดโต๊ะเลี้ยงอย่างจีนตามเคย ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว เวลาบ่ายโมงเสศพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า ครั้นถึงเวลาบ่าย ๕ โมง ๒๑ นาที ๔๐วินาทีได้พระฤกษ์ เสดจขึ้นประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญตามธรรมเนียมเปนแบบอย่างขึ้นพระที่นั่งใหม่ ครั้นเวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระบาท ฉลองพระองค์พระมาลาอย่างจีน โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์ทรงฉลองพระบาท ฉลองพระองค์มาลาอย่างจีนที่พระราชทาน ข้าทูลลอองก็สรวมเสื้ออย่างจีนที่พระราชทานนั้นพระยาสวัสดิวามดิฐแต่งตัวอย่างขุนนางจีน เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกันโดยลำดับ แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือกสยามชั้นที่ ๓ ชื่อนิภาภรณ์แก่พระยาสวัสดิวามดิฐ (ฟัก) ๑ แล้วพระราชทานสัญญาบัตร ๒ นาย ให้จีนยมบุตรพระยาภิสณฑ์ (ยิ้ม) เปนหลวงสาทรราชายุกด์ มีตำแหน่งราชการในกรมท่าซ้ายถือศักดินา ๔๐๐ ให้จีนจิ๋วเปนหลวงโภคานุกูล มีตำแหน่งราชการในกรมท่าซ้าย ถือศักดินา ๔๐๐ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร พระยาโชฎึกจัดโต๊ะเลี้ยงอย่างจีน ชั้น บน กลาง ล่าง } มีเก้าอี้นั่ง ที่เฉลียงด้านตวันออกนั้นนั่งกับพื้น ชั้นบนโต๊ะหลวงแลพระบรมวงษานุวงษ์แลขุนนางยศเสมอเจ้าพระยาแลพระยา ชั้นกลางพระ หลวง ชั้นล่างแลเฉลียงเลี้ยงข้าทูลลอองธุลีพระบาทที่ควรรับพระราชทาน เมื่อเสด็จประทับเสวยแลรับพระราชทานนั้นมโหรีก็ตีเพลงจีนไปตามเคย ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้ขุนนางข้าราชการเฝ้าถวายตัวเดินเรียงกันตามลำดับ ถึงน่าพระที่นั่ง ถวายคำนับครั้งหนึ่งแล้วเดินออกไปด้านตวันตกจนหมด แล้วพระยาโชฎึกราชเศรษฐี พระยาสวัสดิวามดิฐ ถวายคำนับแบบจีนคนละ ๙ ครั้ง เวลา ๒ ยาม พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า อนึ่งพิธีกงเต๊กแลการเล่นกลางวันกลางคืน} แลดอกไม้เพลิงก็มีเต็มที่เหมือนเวลาวานนี้

วันที่รัชกาล ๗๗๒๕ วัน ๗ ๑๔ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๔ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาน พระยาวุฒิการบดีนำพระอูอาดิสสะมหาเถรเฝ้าถวายพระพรลากลับมาที่พัก ณ วัดสุทัศนเทพวราราม พระราชทานเงิน ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง แก่พระอูอาดิสสะมหาเถรเปนรางวัลที่ได้ถวายพระเจดีย์ ๒ องค์ แต่วันที่ ๒ นั้น แล้วเสด็จประทับพระเก้าอี้ ณ มุขด้านใต้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจนำไพร่หลวง ๔ ตำบล คือบ้านเลนเหนือ บ้านเลนใต้ } บ้านรั้วใหญ่ บ้านท้ายเกาะที่เข้าเดือนรับราชการรักษาพระราชวังบางปอิน ที่เป็นชายทั้งผู้ใหญ่เด็กบรรดารับราชการทั้งสิ้นมารับพระราชทานฉลากแจกคนละ ๒ ผล จำนวนฉลากพิเศษฉลาก ๑ เปนเครื่องนาคู่โคเตมสำรับ คือ มีโคคู่ ๑ ไถกับโกกสำรับ ๑ ผ้าเสื้องอบ ๒ สำรับ เสียม ๑ จอบ ๑ เคียว ๑ พร้าหวด ๑ เหลียน ๑ ปตัก ๑ ไม้คาน ๑ หลาว ๑ ไม้ขอฉาย ๑ ไม้หัวโยค ๑ ไม้ลูกทุบ ๑ เครื่องหาบ ๑ คราด ๑ พลั่ว ๑ กระบายหว่านเข้ามีตัวอย่างเข้าด้วย กับนา ๒๕ ไร่ เงินตรา ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง เปนทุนปลูกโรงนา ของเหล่านี้รวมกันเป็นฉลากพิเศษฉลาก ๑ ฉลากเอก ๕๙ ฉลาก คือ เกวียน ๑ กระบือ ๒๒ กระบือ โค ๓๕ โครหัด ๑ ฉลากนอกนั้นเป็นฉลากคละ ของดีบ้างเลวบ้าง เปนจำนวนสิ่งของหลายอย่าง ๆ ละมากบ้างน้อยบ้าง คือ เลื่อน คราด เคียว พร้าหวด เหลียน จอบ เสียม พลั่ว สากเข้า ไม้ลูกทุบ ไม้ขอฉาย ไม้คานหลาว ไม้หัวโยค ปตัก ตะพด กระบายหว่านเข้ามีตัวอย่างเข้า กับเครื่องแต่งตัวคืองอบ เสื้อผ้าเขียวคราม เครื่องไถนา คืย หัวหมู หางยาม คันชัก แอกใหญ่ แอกน้อย ผาล โกก ทาม เชือกเคร่า เชือกตะพาย เชือกชัก เครื่องหาบ คือ กระบุง สาแหรก ไม้คาน ของเหล่านี้คละกันเป็นฉลาก ๑๔๕๐ ฉลาก เมื่อได้รับพระราชทานฉลากแล้วก็ไปขึ้นที่โรงฉลาก ที่เจ้าพนักงานจัดแต่งตั้งไว้ ณ โรงปรำริมสระนั้น ผู้ที่ได้ฉลากโคกระบือแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้จูงแลขี่ผ่านมาน่าพระที่นั่ง ครั้นพระราชทานฉลากเสร็จแล้ว ทรงโปรยมนาวบรรจุเงินสลึงบ้าง เงินเฟื้องบ้าง} เปนจำนวนมนาวที่ทรงโปรยผลละสลึง ๒๐๐ ผลเฟื้อง ๒๐๐ รวม ๔๐๐ ผล ทรงโปรยเสร็จแล้วกรมวังนำขุนเทพสิทธาวงศ์กรมการเมืองพิจิตรทูลเกล้า ฯ ถวายขันลงยาอย่างญี่ปุ่น ขันลงยานี้สันนิฏฐานได้ว่าเป็นของเก่าแก่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม เดิมเป็นของนายนวม ซึ่งเป็นพี่น้องกับขุนเทพสิทธาวาศ นายนวมได้รับมรฎกของบิดามารดาต่อมา ของนี้ว่าขุดได้ที่กรุงเก่า จะเปนที่ใดหาปรากฏไม่ ครั้นนายนวมขัดสนลงจึ่งเอาขันนี้มาขาย ขุนเทพสิทธาวาศซื้อไว้ได้ประมาณปีเสศ จึ่งได้มาทูลเกล้า ฯ ถวาย พระราชทานเงินตรา ๓ ตำลึงเปนรางวัล แล้วเสด็จไปประทับที่ห้องถัดต่อมุขเข้าไป พระยาวุฒิการบดีนำพระธรรมราชานุวัตร ๑ พระครูอดุลคุณารักษ์ ๑ พระมหายาน ๑ เข้าเฝ้า พระธรรมราชานุวัตรถวายจานลายมังกรใหญ่ ๑ เล็ก ๑} พระราชทานถาดที่ชาป้านคู่ ถ้วยชุดชีโบ ๑ พระครูอุดรมหาญาณก็พระราชทานเหมือนกัน เพราะได้ถวายป้านไว้แต่วันก่อน ๆ แล้ว เวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น อนึ่งเวลาวันนี้มีงิ้วโรง ๑ เล่นที่สนามหญ้า การเล่นต่าง ๆ แลดอกไม้เพลิงนั้นเลิก โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงิน ๒ ตำลึง แก่ลครที่เล่นวันที่ ๑ ๒ ๓ มกราคม ในการสมโภชเทวรูปพระเจ้าปราสาททอง งิ้วเล่นในการเฉลิมพระที่นั่งเวหาศจำรูญ เล่นวันกับคืน ๑ พระราชทานเงิน ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง ๓ บาท หุ่นจีนเล่น ๒ วัน ๒ คืน} พระราชทานเงิน ๑ ชั่ง รวมเงิน ๔ ชั่ง ๕ ตำลึง ๓ บาท

วันที่รัชกาล ๗๗๒๗ วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๔๑

วันที่ ๖ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาย่ำค่ำแล้วเสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลลอองเข้าเฝ้า สรวมเสื้ออย่างจีนที่พระราชทานนั้น ไปทางประตูอนงค์จรจรัล วันนี้ กรมวังนำพวกญวนเฝ้าหลายนาย ทูลเกล้า ฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนกิมฮวยอั้งติ๋วแลสิ่งของอื่นหลายอย่าง โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตรแจกเสื้ออย่างจีนแก่พวกญวนเหล่านั้นคนละเสื้อ แล้วดำรัสกับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ว่า ผู้ที่หยากจะเล่นลครถวายทอดพระเนตรในการเฉลิมพระที่นั่งเวหาศจำรูญนี้มีมากหลายคน คือพระองค์เจ้าดวงประภา หม่อมเจ้าขาว พระยาพิศาล เห็นจะต้องเล่นชั้นต่ำที่ออกขุนนางนี้ก็เล่นได้ ชั้นกลางเป็นส่วนข้างในเล่นวันที่ ๘ เวลาค่ำก็ได้ แล้วดำรัสกับพระยาพิศาลว่า เรื่องวงษ์เทวราชเปนกระไรเล่นได้ฤๅไม่ พระยาพิศาลกราบทูลพระกรุณาว่าเล่นฉลองพระเดชพระคุณ}ได้ แล้วดำรัสกับพระยาอนุชิต พระยามหามนตรี} ว่า ใครจะกลับไปดูงานพระเมรุบ้างก็ไป แต่ต้องผลัดเปลี่ยนกันไปมาอย่าไปเสียหมด แล้วดำรัสกับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงว่าจะตั้งพระสงฆ์นั้นมีการฉันเช้าด้วยฤๅ กรมหมื่นดำรงกราบทูลพระกรุณาว่าไม่ต้องฉันก็จะได้เสด็จออกเวลาเยน พระราชทานสัญญาบัตรทีเดียวเห็นจะได้ เวลาทุ่มเสศขุนนางข้าราชการออกจากที่เฝ้า แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอหลายพระองค์แลข้าราชการบางนายขึ้นไปชั้นบนพระที่นั่งเวหาศจำรูญ จัดแต่งตั้งใหม่ให้เรียบร้อย เวลาสี่ทุ่มเสศพระเจ้าน้องยาเธอ แลข้าราชการบางนายออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๒๘ วัน ๓ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๗ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาค่ำแล้วเสด็จลงพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ประทับพระที่นั่งโธรนอย่างจีน โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองเข้าเฝ้าเหมือนเวลาวานนี้ ดำรัสกับพระยาศรีสิงหเทพว่า มาเสียข้างนี้หมดใครอยู่ออฟฟิศกรมมหาดไทย พระยาศรีกราบทูลพระกรุณาว่า หลวงพจนวิลาศเสมียนตราอยู่ออฟฟิศ พระมนตรีพจนกิจกราบถวายบังคมลาลงไปแล้ว ดำรัสถึงเจ้าสุริยวงษ์ว่าถ้าจะกลับไปเมืองนครเชียงใหม่ ให้กราบถวายบังคมลาที่พระที่นั่งวโรภาศพิมานนี้ก็ได้ เปนการออกแขกเมืองเตี้ย ๆ เพราะมีพระมหาเสวตรฉัตรแล้ว พระราชทานสัญญาบัตรเสียทีเดียว ครั้นจะไปถึงเดือน ๓ เล่า ฤกษ์จะไม่สู้ดี เดือนยี่นี้เห็นจะดี แต่เครื่องยศนั้นเจ้าราชบุตรที่จะเปนเจ้าราชวงษ์เห็นจะยังไม่ได้ส่งคืน จะต้องมีตรากรมมหาดไทยนำ แล้วดำรัสกับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ว่าการพระเมรุนั้นจะแล้วทันในเดือน ๓ ฤๅไม่ทัน กำหนดวันชักพระศพแล้วฤๅยัง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์กราบทูลพระกรุณาว่า การพระเมรุนั้นแล้วทันในเดือน ๓ แต่วันชักพระศพนั้นยังไม่กำหนดวันลงเปนแน่ แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ ทูลเกล้า ฯ ถวายหนังสือที่ได้ทรงกำหนดวันชักพระศพไว้ โปรดเกล้า ฯ เปนตกลงวันแห่พระบรมธาตุแลพระบรมอัฐิออกสู่พระเมรุนั้นวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ วันที่ ๒ แห่กลับ วันที่ ๔ ชักพระศพสู่พระเมรุ วันที่ ๖ พระราชทานเพลิง วันที่ ๙ เชิญพระอัฐิกลับ วันที่ ๑๑ ๑๒} ทำบุญ ๗ วัน ต่อไปชักพระศพพระองค์ศรี ฯ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ชักพระศพ วันที่ ๑๖ พระราชทานเพลิง วันที่ ๑๗ เชิญพระอัฐิกลับ ทรงกำหนดไว้อย่างนี้ เวลาทุ่มเสศข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอแลข้าราชการบางนายขึ้นไปชั้นบนพระที่นั่งเวหาศจำรูญเหมือนเวลาวานนี้ จัดแต่งตั้งสิ่งของเสียใหม่ให้เรียบร้อย เวลา ๕ ทุ่มเสศ พระเจ้าน้องยาเธอแลข้าราชการบางนายออกจากที่เฝ้า.

วันที่รัชกาล ๗๗๒๙ วัน ๔ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๘ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เจ้าพนักงานตั้งม้าหมู่แลพระแท่นทรงกราบที่พระที่นั่งวโรภาศพิมาน ณ ท้องพระโรงกลาง บนม้าหมู่นั้นตั้งพานทองลายจำหลักเทพนม เชิญพระไชยนวโลหะขึ้นประดิษฐาน บนพระแท่นทรงกราบนั้นตั้งม้าจำหลักปิดทองสำหรับตั้งเครื่องนมัสการทองทิศเครื่อง ๕ ด้านตวันตกตั้งอาศน์สงฆ์ ๓ แถว ท้ายอาศน์สงฆ์ออกมาระหว่างกลางตั้งพระที่นั่งโธรนสำหรับทรงประทับ เวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาณ ณ ท้องพระโรงกลาง เจ้าพนักงานนำพระสงฆ์ ๑๐ รูป พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสเปนประธานกับพระสงฆ์ ๑๙ รูป ที่จะได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนยศเปนพระราชาคณะแลพระครูนั้น ไปนั่งที่ตามลำดับแล้ว ดำรัสกับพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณ พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าอรุณ หม่อมเจ้าพระพร้อมครู่หนึ่งแล้ว (วันนี้ไม่ได้ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ) โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้พระครูเขมาภิมุขธรรม วัดเขมาภิรตาราม เปนพระอริยกระวีที่พระราชาคณะไปอยู่วัดเมืองอุบลราชธานี เจ้าคณะใหญ่นิตยภัตรเดืยนละ ๔ ตำลึง พระราชทานไตรแพร ๑ ตาลิปัตรแฉกพื้นกำมะหยี่ ๑ ฉลกบาตร ๑ ย่าม ๑ เข้มขาบ พัดรองโหมด ๑ ขันน้ำ ๑ กระโถน ๑}ใหญ่ถมปัก ร่ม ๑ รองเท้า ๑ ผ้าขาวพับ ๑ เปนเครื่องยศ ให้พระมหาสอนเปรียญ ๓ ประโยค วัดเทพศิรินทราวาศเปนพระครูศีลสังวร ไปอยู่วัดวงษมูล นิตยภัตรเดือนละ ๒ตำลึง พระราชทานไตรผ้า ๑ ตาริปัตรพุดตาลพื้นกำมหยี่ ๑ เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระครูสังฆวิสุทธิคุณไปอยู่วัดนวนนรดิฐนิตยภัตรเดือนละ ๒ ตำลึง พระราชทานไตรผ้า ๑ ตาลิปัตรพุดตาลพื้นกำมหยี่ ๑ เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระครูอมราธิบดีวัดบ่อเปนพระครูอินทมุนีเจ้าคณะเมืองนนทบุรี นิตยภัตรเดือนละ ๒ ตำลึง พระราชทานไตรผ้า ๑ ตาลิปัตรแฉกพื้นสักลาด ๑ ฉลกบาตร ย่าม} เข้มขาบเลว เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระครูปลัดปทุมะ วัดสังลาน เปนพระครูนนทมุนี เจ้าคณะรอง เมืองประทุมธานี นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานไตรผ้า ๑ ตาลิปัตรแฉกเปลวพื้นสักลาด ฉลกบาตร ย่าม} เข้มขาบเลว เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้เจ้าอธิการจิตรวัดตาล เป็นพระครูอุดมธิรคุณ ไปอยู่วัดศรีสุริยวงษาราม นิตยภัตรเดือนละ ๒ ตำลึง พระราชทานไตรผ้า ๑ ตาลิปัตรพุดตาลพื้นกำมหยี่ ๑ เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระวอน วัดปรไมยิกาวาศ เปนพระครูอมราธิบดี เจ้าคณะรอง ไปอยู่วัดเมืองนนท์รามัญ นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานไตรผ้า ๑ ตาลิปัตรแฉกเปลวพื้นสักลาด ๑ เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระบุญมี วัดปรไมยิกาวาศ เปนพระครูธรรมวิจารณ์ เจ้าคณะรอง ไปอยู่วัดเมืองนนท์รามัญ นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานไตร ติลาปัตรแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระสมุห์สิงวัดสวนม่วงเปนพระครูปทุมเถรสฐาน เจ้าคณะรองเมืองประทุมธานี นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานไตร ตาลิปัตรแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้เจ้าอธิการจัน วัดศรีประวัติเปนพระครูศิลานุโลมคุณ พระราชทานไตรผ้า ติลาปัตรพุดตาลพื้นอัตลัด พัดรองโหมด ฉลกบาตรสักลาด ย่ามเข้มขาบเลว กาน้ำ กระโถน } ลายคราม ร่ม รองเท้า ผ้าขาวพับเป็นเครื่องยศ ๏ ให้เจ้าอธิการกลึง วัดคู้ยาง เปนพระครูธรรมาธิมุตมุนี เจ้าคณะเมืองกำแพงเพชร์ พระราชทานไตรผ้า ตาลิปัตรเปลวทองแผ่ลวดพื้นสักลาด เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้เจ้าอธิการทิมวัดนางพระยา เปนพระครูธรรมกิจจาภิบาล เจ้าคณะรองเมืองพิศณุโลก พระราชทานผ้าไตร ตาลิปัตรพุดตาลทองแผ่ลวดพื้นสักลาด เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ให้พระสมุห์อ่วม วัดนาวล เปนพระครูธรรมธาธมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองสรรคบุรี พระราชทานไตรผ้า ตาลิปัตรแฉกทองแผ่ลวดพื้นสักลาด เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระปลัดห้อง วัดช่องลม เปนพระครูอินทเขมา เจ้าคณะรองเมืองราชบุรี พระราชทานไตรผ้า ตาลิปัตรพุดตาลทองแผ่ลวดพื้นสักลาด เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระปลัดโพ วัดหลวง เปนพระครูอินทโมลี เจ้าคณะใหญ่เมืองพนัศนิคม พระราชทานไตรผ้า ตาลิปัตรแฉกทองแผ่ลวดพื้นสักลาด เครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระปลัดนุ่ม วัดขวิด เป็นพระครูอุไทยธรรมวินิต เจ้าคณะรองเมืองอุไทยธานี พระราชทานไตรผ้า ตาลิปัตรพุดตาลทองแผ่ลวดเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระปลัดแดงวัดบางตะโหนด เปนพระครูอินทโมฬี เจ้าคณะรองเมืองราชบุรี พระราชทานไตร ตาลิปัตร แลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้พระอธิการเขียว วัดวังหิน เปนพระครูศีละวิไชย เจ้าคณะรองเมืองไชยนาท พระราชทานไตร ตาลิปัตรและเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ๏ ให้เจ้าอธิการปั้นวัดตองปุกรุงเก่า เปนพระครูอุเทศธรรมวินัย พระราชทานไตร ตาลิปัตรแลเครื่องยศเหมือนองค์ก่อน ครั้นพระราชทานเสร็จแล้ว พระสงฆ์ออกมาครองผ้าแล้วกลับเข้าไปนั่งที่ตามลำดับ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณถวายอนุโมทนาถวายอติเรกพระพรลา พระสงฆ์ทั้งปวงออกจากที่เฝ้าแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณ ๑ พระองค์เจ้าอรุณ ๑ หม่อมเจ้าพระพร้อม ๑ ถวายพระพรลาไปพระพุทธบาท โปรดเกล้า ฯ พระราชทานวัตถุเปนมูลค่าแก่จตุปัจจัย ๒ ชั่ง มอบให้ปลัดกรมในกรมหมื่นวชิรญาณ เปนกัปปิยการกจัดถวายเมื่อเวลาที่ต้องประสงค์ในการที่ควรแก่สมณะ แล้วเสดจไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทรงทอดพระเนตรลคร พระเจ้าบวรวงษเธอพระองค์เจ้าดวงประภา เล่นเรื่องอุณรุท จับเรื่องตั้งแต่อุ้มสมไปจนถึงท้าวบรมจักกฤษณมาช่วยอุณรุท พิณพาทย์วงผู้หญิง โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองไปทอดพระเนตรดูลคร สรวมเสื้ออย่างจีน เข้าประตูอนงค์ในจรจรัล พระบรมวงษานุวงษ์อยู่ด้านตวันตก ข้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ด้านตวันออก ที่เสด็จประทับทอดพระเนตรลครนั้น ชั้นกลางเปนส่วนข้างในด้วย วันนี้ มีพระราชโทรเลขฉบับ ๑ ถึงเมืองเยอรมัน เปนการถามข่าวเอมเปรสออคัสตา พระไอยิกาสิ้นพระชนม์ เวลา ๔ ทุ่มเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร จมื่นสุรฤทธิ์จัดโต๊ะเลี้ยงพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองที่เฉลียงด้านตวันออก ครั้นเสวยและรับพระราชทานแล้ว มาทอดพระเนตรแลดูลครตามเดิม เวลา ๒ ยามเสศดำรัสให้ลครเลิก พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๐ วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๙ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาค่ำ นายพันเอกทิน อังกฤษ มาจากกรุงเทพฯ ขึ้นมาเฝ้ากับมิสเตอร์มอน ๑ ห้างยุเกอซิค พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษศิลปาคม เสนาบดีว่าการกรมวัง ทรงจัดรับรองอยู่ที่พระที่นั่งเวหาศจำรูญ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ อธิบดีออฟฟิศไปเวตสิเกรตารีหลวง นำนายพันเอกทิน มิสเตอร์มอนเข้าเฝ้า จมื่นจงรักษาองค์ซ้าย ๑ จมื่นสุรฤทธิพฤฒิไกรราชองครักษ์ ๑ พระชลยุทธโยธินทร์ ๑ พร้อมกันไปทางประตูเทวราชครรไล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ชั้นล่าง นายพันเอกทิน มิสเตอร์มอน เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำรัสปฏิสัณฐารกับนายพันเอกทิน มิสเตอร์มอน พอสมควรแล้วเสด็จขึ้น (นายพันเอกทินคนนี้เป็นคนที่สองของหัวน่าทำแร่บ่อทองเมืองกำเนิดนพคุณ ไม่มีกิจธุระในราชการอันใด เป็นแต่ขึ้นมาเฝ้าให้ทรงรู้จักเท่านั้น) แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ แลข้าราชการบางนายนำนายพันเอกทิน มิสเตอรมอนกลับทางเดิม

เวลาทุ่มเสศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทอดพระเนตรลครหม่อมเจ้าขาว เล่นเรื่องสุริวงษ์พรหมเมศร์ จับเรื่องแต่ สุริวงษ์พรหมเมศร์ยกทัพไปรบที่เมืองของบิดาเดิม โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทไปทอดพระเนตร ไปดู}เหมือนเวลาวานนี้ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตรแจกเสื้ออย่างจีน แพรบ้างสักลาดบ้าง แก่พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองที่ประจำซองอยู่เดิมอีกคนละเสื้อ เวลา ๔ ทุ่มเสศ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร จมื่นสุรฤทธิ จัดโต๊ะเลี้ยงเหมือนเวลาวานนี้ แต่วันนี้เลี้ยงขนมเบื้อง ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร ทูลเกล้าถวายหนังสือขอพระบรมราชานุญาตที่จะกราบถวายบังคมลากลับกรุงเทพ ฯ วันที่ ๑๐ มกราคม ๑๐๘ แล้วมอบราชการในพระองค์ท่าน ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยันต์ จมื่นสุรฤทธิว่าการแทนไปกว่าจะเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ

วันที่รัชกาล ๗๗๓๑ วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๐ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาทุ่มเสศเสด็จลงประทับที่พระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทอดพระเนตรลคร พระเจ้าบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าดวงประภา เล่นเรื่องมณีสุริยง โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าทูลลอองไปทอดพระเนตร ไปดู} เหมือนเวลาวานนี้ เวลา ๔ ทุ่มเสศ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล๑๔ จมื่นสุรฤทธิ์ จัดโต๊ะเลี้ยง วันนี้เข้าต้มกับหมู ครั้นเสวยแลรับพระราชทานแล้ว มาทอดพระเนตร มาดู}ลครคามที่ เวลา ๒ ยามเสศดำรัสสั่งให้ลครเลิก โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงิน เบี้ยเลี้ยง ๓ ชั่ง รางวัล ๑๑ ตำลึง} ๓ ชั่ง ๑๑ ตำลึง แก่พระองค์เจ้าดวงประภาเล่นลครถวายทอดพระเนตร ๒ เวลา คือวันที่ ๘ ๑๐} มกราคม เมื่อเวลาเล่นลครอยู่นั้นโปรดเกล้าฯ พระราชทานกิ่งไผ่มีเงินแผ่บางทำเป็นลูกโถแลมีธงแพรแดงจีน ๑ ธง ให้ทราบว่าผู้ที่เล่นลครถวายทอดพระเนตร ถ้าพระราชทานธงแดงแล้วลครผู้นั้นเล่นดีเป็นที่ชอบพระราชหฤไทย แล้วพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๒ วัน ๗ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๑ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาทุ่มเสศเสด็จลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญทอตพระเนตรลครหม่อมเจ้าขาว๑๕ เล่นเรื่องนรินทร์สุริวงษ์ จับเรื่องตั้งแต่เนาวภักตร์อยู่เมืองจักรวาฬ ยกทัพมาเมืองสุวรรณคีรี จะขอนางสร้อยสวรรค์ให้แก่ไวยวงษ์ผู้บุตร นรินทร์สุริวงษ์ทราบความแล้วไปแย่งได้นางสร้อยสวรรค์มาไว้ในถ้ำของวิทยาธรผู้สหาย โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองไปทอดพระเนตรไปดู} เหมือนวันก่อน ๆ พระองค์เจ้าไชยันตมงกล แลจมื่นสุรฤทธิ์ก็จัดโต๊ะเลี้ยงเหมือนอย่างทุกวันเวลา ๒ ยามเสศ ดำรัสสั่งให้ลครเลิก แล้วพระราชทานกิ่งไผ่ผูกผ้าแดงแลเงินเบี้ยเลี้ยง ๓ ชั่ง รางวัล ๑๐ ตำลึง } ๓ ชั่ง ๑๐ ตำลึงแก่หม่อมเจ้าขาว เล่นลครถวายทอดพระเนตร ๒ เวลา วันที่ ๙ ๑๐} มกราคม แล้ว พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๓ วันที่ ๑ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอ๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๒ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาทุ่มเสศเสด็จลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทอดพระเนตรลครพระยาพิศาลผลพานิชเล่นเรื่องวงษเทวราช โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองไปทอดพระเนตร ไปดู}เหมือนอย่างทุกวัน แล้วเจ้าพนักงานจัดโต๊ะเลี้ยงตามเคย เวลา ๒ ยามเสศ ดำรัสสั่งให้ลครเลิก แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานกิ่งไผ่ผูกผ้าแดงแลเงินเบี้ยเลี้ยง ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รางวัล ๑๑ ตำลึง} ๓ ชั่ง ๑ ตำลึง แก่พระยาพิศาลผลพานิช แล้วพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๔ วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๓ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสด็จออกทางพระที่นั่งวโรภาศพิมานแล้วเสด็จพระราชดำเนินลงตะพานลอย ประทับเรือพระที่นั่งเก๋งพายที่พระยามหามนตรีจัดประจำไว้นั้น เสด็จประทับท่าตะพานวัดนิเวศธรรมประวัติ เรือข้าราชการแห่นำตามเสด็จพอสมควร แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปในพระอุโบสถ นมัสการพระพุทธนฤมลธรรโมภาศ พระอมราภิรักขิต๑๖พระครูถานา เปรียญมาคอยรับเสด็จพร้อมกัน แล้วเสด็จไปนมัสการพระคันธารราษฎร์แลพระศรีมหาโพธิ พระนาคปรกติ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพระอารามทั่วไป แล้วเสด็จมาประทับในพระอุโบสถอีก ดำรัสกับพระอมราภิรักขิตตามสมควรแล้ว เสด็จกลับทางเดิม เรือพระที่นั่งประทับท่าตะพานลอย แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งวโรภาศพิมาน ราษฎรทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ๓ ฉบับ แล้วเสด็จไปประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทอดพระเนตรลครท้าวราชกิจวรภัตร เล่นเรื่องคาวี โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทไปทอดพระเนตร ไปดู} เหมือนอย่างทุกวัน เจ้าพนักงานก็จัดโต๊ะเลี้ยงตามเคย เมื่อทรงทอดทระเนตรการอยู่นั้น โปรดเกล้า ฯ พระราชทานกิ่งไผ่ มีธงแพรแดงแก่ท้าวราชกิจเหมือนวันก่อน ๆ เวลา ๗ ทุ่ม ดำรัสสั่งให้ลครเลิก แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินเบี้ยเลี้ยง ๒ ชั่ง รางวัล ๖ ตำลึง } ๒ ชั่ง ๖ ตำลึงแก่ท้าวราชกิจวรภัตร แล้วเจ้านายแลข้าราชการออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๕ วัน ๓ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๔ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาทุ่มเสศ เสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ทอดพระเนตรลครอำแดงปลื้มที่เปนกัมปนี เล่นเรื่อง ขุนช้างขุนแผน} จับเรื่องตั้งแต่แต่งงานหมื่นไวยๆเชิญขุนนางมาในการมงคล พวกตลกแต่งเป็นขุนนางขี่เปลแลขี่รถมาต่าง ๆ แล้วเลี้ยงโต๊ะขุนช้างเมาวิวาทกับหมื่นไวย จนถึงพระพันวัสสาออกตัดสินความ โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้านายแลข้าราชการไปทอดพระเนตร ไปดู} แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยันต จมื่นสรฤทธิ จัดโต๊ะเลี้ยงเหมือนอย่างทุกวัน เมื่อเวลาทอดพระเนตรลครอยู่นั้น โปรดเกล้า ฯ พระราชทานกิ่งไผ่มีธงแพรแดงแก่อำแดงปลื้มเหมือนอย่างทุกวัน เป็นการเล่นลครถวายทอดพระเนตรสนุกสนานดี เวลา ๗ ทุ่มเสศ ดำรัสสั่งให้ลครเลิก แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินเบี้ยเลี้ยง ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รางวัล ๑ ตำลึง ๑ บาท } ๓ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๑ บาท แก่อำแดงปลื้ม แล้วเจ้านายแลข้าราชการออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๖ วัน ๔ ๑๐ ๒ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๕ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เสด็จออกแขกเมือง

เวลาย่ำค่ำแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาน ณ ท้องพระโรงกลาง ประทับเหนือบัลลังก์ภายใต้พระมหาเสวตฉัตร พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกันโดยลำดับตามตำแหน่งแล้วพระยาศรีสิงหเทพนำเจ้าสุริยวงษ์เมืองนครเชียงใหม่ ซึ่งจะได้กราบถวายบังคมลาขึ้นไปบ้านเมือง แลจะได้รับพระราชทานตำแหน่งยศเปนเจ้าราชบุตรนั้นเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้เจ้าราชบุตรเลื่อนเปนเจ้าราชวงษ์เมืองนครเชียงใหม่ ให้กรมมหาดไทยมอบให้พระยานนทบุรี ซึ่งจะไปเปนข้าหลวง ณ เมืองนครเชียงใหม่ นำไปถวายพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต พระราชทานแล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้เจ้าสุริยวงษ์เปนเจ้าราชบุตรเมืองนครเชียงใหม่ แล้วพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกุฎสยาม ชั้นที่ ๓ ชื่อมัณฑนาภรณ์ กับ คนโท ถาดหมาก} ทองคำเปนเครื่องยศ แล้วพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่เจ้าสุริยวงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าราชบุตรว่า เจ้าราชบุตรซึ่งเปนเจ้าราชวงษ์ แลเจ้าสุริยวงษ์ ซึ่งจะเปนเจ้าราชบุตรนี้ ก็นับว่าเป็นเจ้านายผู้ใหญ่ จงช่วยเจ้านครเชียงใหม่คิดอ่านราชการบ้านเมืองแต่ที่เปนยุดิธรรมแลชอบด้วยราชการ อย่าให้ท้าวเพี้ยกรมการแลไพร่บ้านพลเมืองได้ความเดือดร้อน การที่ให้ไพร่บ้านพลเมืองได้ความเดือดร้อนนั้น ไม่เปนที่ชอบใจของเราเลย เพราะว่าเมืองนครเชียงใหม่เปนที่พอใจของเรามาก แล้วพระยาศรีสิงหเทพกราบทูลพระกรุณา นำเจ้าสุริยวงษ์ซึ่งเป็นเจ้าราชบุตรกราบถวายบังคมลาไปเมืองนครเชียงใหม่ โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงิน ๒ ชั่ง กับเสื้อผ้าตามธรรมเนียม แล้วพระราชทานพรพอสมควร แล้วเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๗๓๗ วัน ๕ ๑๑ ๒ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๖ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๑๒)

เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอหลายพระองค์ คือกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช กรมหมื่นประจักษศิลปาคม กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงษ์ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล ข้าราชการ คือ พระยาสวัสดิวามดิฐ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เจ้าหมื่นไวยวรนารถ พระดรุณรักษา พระบริบูรณโกษากร หลวงรำบาญปัจจามิตร หลวงราชดรุณรักษ์ เข้าไปที่พระที่นั่งเวหาศจำรูญ สิ่งของต่างๆ คือที่ชาถ้วยแลป้านเปนต้น ที่จะพระราชทานพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองที่ทูลเกล้า ฯ ถวายสิ่งของในการเฉลิมพระที่นั่งเวหาศจำรูญครั้งนี้ บาญชีจำนวนชื่อผู้ถวายของแลของพระราชทานนั้น โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอหลายพระองค์เป็นผู้ทรงจัดตามราคามากแลน้อย ให้พระเจ้าน้องยาเธอบางพระองค์เขียนชื่อแลจำนวนสิ่งของพระราชทานนั้นบ้าง แต่เขียนด้วยภู่กันอย่างจีน เขียนเสร็จแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ทูลเกล้า ฯ ถวายประทับพระราชลัญจกรสำหรับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ๒ องค์เปนสำคัญ เวลา ๕ ทุ่มเสศ พระเจ้าน้องยาเธอแลข้าราชการออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๓๘ วัน ๖ ๑๒ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๗ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสดจลงประทับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ แลข้าราชการบางนายเข้าไปจัดสิ่งของแลเขียนชื่อผู้ถวายของแลจำนวนสิ่งของพระราชทาน เขียนเสร็จแล้วทูลเกล้า ฯ ถวายประทับพระราชลัญจกรเหมือนเวลาวานนี้ เวลา ๕ ทุ่มเสศ พระเจ้าน้องยาเธอแลข้าราชการออกจากที่เฝ้า

วันที่รัชกาล ๗๗๔๐ วัน ๑ ๑๔ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๙ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เพลาเช้า ๔ โมงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทท้องพระโรงกลาง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระธรรมไตรโลกาจาริย์ ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว ทรงประเคนอาหารบิณฑบาตเครื่องเกาหลา พระสงฆ์ราชาคณะ พระครู ๒๐ รูป นั่งโต๊ะฉันอย่างจีนเหมือนครั้งเลี้ยงที่พระที่นั่งเวหาศจำรูญ ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ถวายอนุโมทนา ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระยาศรีสิงหเทพนำหนังสือบอกกราบบังคมทูลพระกรุณา ๓ ฉบับ

บอก พระยามหาเทพ พระราชวรินทร์ พระศรีเสนา} ข้าหลวงเมืองนครเชียงใหม่ฉบับ ๑ ที่ ๔๑ ลงวันที่ ๖ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีความว่า วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ได้เชิญพระบรมรูปขึ้นประดิษฐาน ณ ที่อันสมควรแลตั้งเครื่องบูชาตามธรรมเนียม ได้อาราธนาพระสงฆ์ ๑๐ รูปมาเจริญพระพุทธมนต์แลฉัน ได้ชักธงอาร์มแผ่นดินและสลูต ๓ เวลา แล้วได้พร้อมกันกราบถวายบังคมพระบรมรูปขอพระราชทานถวายพระราชกุศล

บอกพระราชเสนา ข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ฉบับ ๑ ที่ ๒๖ พฤศจิกายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีความว่า ในแขวงเมืองอุบลราชธานีแลเมืองเขมราษฎร์ฝนแล้ง ราษฎรทำนาได้ผลน้อยกว่าแต่ก่อน แลราคาเข้าที่ซื้อขายกันสัดละ ๒๕ ทนาน ๒ สัดต่อบาท ราษฎรทำนาก็น้อยลงไม่พอจะรับพระราชทานตลอดปี

บอกพระอินทรประสิทธิศร เมืองอินทร์บุรีฉบับ ๑ ที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีความว่า ไข้ทรพิศม์ในแขวงเมืองอินทรบุรีชุกชุม หมอที่มีอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองอินทรบุรีไม่สู้ชำนาญในทางไข้ทรพิศม์ ขอรับพระราชทานหมอแลพันธ์ผูกไข้ทรพิศม์ขึ้นไป เพื่อจะได้ปลูกไข้ทรพิศม์บุตรกรมการแลราษฎร แลฝึกหัดหมอในโรงพยาบาลเมืองอินทรบุรีต่อไป เพลาเช้า ๕ โมงเสศ เสดจขึ้น

เพลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จโดยทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพระเมรุท้องสนามหลวง เวลาทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วันที่รัชกาล ๗๗๔๑ วัน ๒ ๑๕ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๐ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เพลาเช้า ๔ โมง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ครั้นทรงศีลจบแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงประเคนอาหารบิณฑบาตเครื่องเกาเหลา พระสงฆ์ราชาคณะ พระครู ๒๐ รูป แลมีเครื่องพิณพาทย์จีนประโคมด้วย ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับ เวลาเช้า ๕ โมงเสด็จขึ้น

  1. 1. แพ ตาละลักษมณ์ ภายหลังเป็นพระยาปริยัติธรรมธาดา

  2. 2. หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ วัดระฆังโฆสิตาราม พระนามเดิมหม่อมเจ้าทัด เสนีวงศ์

  3. 3. ดูรูปที่พิมพ์ในหนังสือเล่มนี้.

  4. 4. พระธรรมวโรดม (แดง สีลวัฑฒโน) ต่อมาเลื่อนเป็นสมเด็จพระวันรัต วัดสุทัศนเทพวราราม

  5. 5. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ศรี อโนมสิริ) วัดประทุมคงคา

  6. 6. หลวงโลกทีป (คำ) เจ้ากรมโหรหลัง

  7. 7. พระยาสวัสดิวามดิฐ (ฟัก โชติกสวัสดิ) ภายหลังเป็นพระยาโชฎึกราชเศรษฐี

  8. 8. พระอริยมุนี ถึง ร.ศ. ๑๑๑ ได้เลื่อนเป็นพระเทพกระวีศรีวิสุทธินายก

  9. 9. พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เถียน โชติกเสถียร)

  10. 10. ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์

  11. 11. พระยาวุฒิการบดี (ม.ร.ว. คลี่ สุทัศน์) ภายหลังเป็นเจ้าพระยาวิชิตวงศวุฒิไกร

  12. 12. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร พระนามเดิม หม่อมเจ้ากระจ่าง ลดาวัลย์

  13. 13. พระยามหามนตรี (เวก ยมาภัย) ภายหลังเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์

  14. 14. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย

  15. 15. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัชรีวงศ์

  16. 16. พระอมราภิรักขิต (อมโร อ่อน โกมลวัฒนะ) ภายหลังลาสิกขารับราชการเป็นพระยาพฤฒาธิบดีศรีสัตยานุการ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ