เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๕๑
วันที่รัชกาล ๗๖๐๗ วัน ๑ ๑๔ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๘ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านใบบอกเมืองนครราชสีห์มา ๑ ฉบับ เมืองฉเชิงเทรา ๒ ฉบับ กราบบังคมทูลพระกรุณา
ในใบบอกเมืองนครราชสีห์มาว่าได้แต่งกรมการคุมเงินแทนส่วยลงมาทูลเกล้า ฯ ถวาย
ในใบบอกเมืองฉเชิงเทราฉบับหนึ่งว่าด้วยป้อมกำแพงปืน ฉบับหนึ่งว่าด้วยจับน้ำสุราเถื่อน
กรมพระกระลาโหมอ่านใบบอกเมืองกาญจนบุรี กราบบังคมทูล ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งว่าด้วยได้รับพระราชทานหีบศิลาน่าเพลิงไปปลงศพ พระผลกะดิฐบดี เมืองท่ากระดานเสรจแล้ว ขอพระราชทานให้หลวงปลัดเป็นที่พระผลกะดิฐบดี ว่าราชการเมืองท่ากระดานฉลองพระเดชพระคุณต่อไป
ฉบับหนึ่งว่า พระสุวรรณไพรสานฑ์จางวางส่วยทอง ถึงแก่กรรม ยังหามีตัวไม่ ขอพระราชทานให้หลวงชำนาญนพคุณเปนที่พระสุวรรณไพรสาณฑ์ จางวางส่วยทอง รับราชการฉลองพระเดชพระคุณต่อไป
แล้วพระสุรินทรามาตย์นำหลวงปลัดเมืองท่ากระดาน หลวงชำนาญนพคุณ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้า ฯ ถวายขี้ผึ้งหนักคนละ ๓๐ ชั่งจีน
พระยานรินทรราชเสนีกราบบังคมทูลว่า ฯพณฯสมุหพระกระลาโหม ขอพระราชทานให้หลวงชำนาญนพคุณเปนที่พระสุวรรณไพรสาณฑ์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปน
แล้วนำหลวงธานินทรนิพัทธ กราบถวายบังคมลากลับไปเมืองไทรบุรี มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้แจ้งความแก่พระยาไทรบุรี ด้วยเรื่องที่จะพูดราชการกับคนต่างประเทศให้พร้อมด้วยข้าหลวง
แล้วพระยาราชวรานุกูลนำนายสุดใจ ซึ่งจะเปนที่พระภักดีณรงค์นรินทร ผู้ว่าราชการเมืองนางรอง เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ทูลเกล้า ฯ ถวายผ้าพื้น ๓๐ ผืนมีพระบรมราชโองการถามว่า นายสุดใจคนนี้ฤๅที่พระพิเรนทรเทพ ข้าหลวงมีใบบอกขอมา
พระยาราชวรานุกูลกราบบังคมทูลว่า คนนี้แล้วพระราชทานสัญญาบัตรให้นายสุดใจเปนที่พระภักดีศรีณรงค์นรินทร ผู้ว่าราชการเมืองนางรอง ขึ้นเมืองนครราชสีห์มา
เสรจราชการแล้วเสดจขึ้น
วันที่รัชกาล ๗๖๑๐ วัน ๔ ๒ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๑๑ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
เพลาเช้า ๒ โมงเสศ เสดจออกหล่อพระชนม์๑ ที่น่าพระที่นั่งดุสิทธิมหาปราสาท
ครั้นเพลา ๔ ทุ่มเสศเสดจออกสวดมนต์ ฉลองพระชนมพรรษา
วันที่รัชกาล ๗๖๑๓ วัน ๗ ๕ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๑๔ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัว เสดจออกพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทด้านตวันตก ประทับพระแท่นออกขุนนาง พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ตามตำแหน่งเจ้าพนักงาน กรมมหาดไทย กรมกลาโหม กรมท่า } นำใบบอกแลศุภอักษรมาอ่านทูลเกล้า ฯ ถวายคือ กรมมหาดไทย ศุภอักษร ๒ ใบบอก ๓ } ๕ ฉบับ
ที่ ๑ ศุภอักษรเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าเมืองน่าน ว่าด้วยการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒสัตยานุสัตยปีใหม่พร้อมด้วยพระยาพิไชยชาญฤทธิข้าหลวง
ที่ ๒ ศุภอักษรเมืองน่าน ว่าด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานศิลาน่าเพลิงเผาศพเจ้าอุปราชแลของไทยธรรม ได้ทำการเสรจแล้ว ถวายพระราชกุศล
ใบบอกพระศรีพิทักษข้าหลวงเมืองขุขัน ๓ ฉบับ
ที่ ๑ ว่าด้วยกราบถวายบังคมลาจากกรุงเทพ ฯ ไปตามระยะทางจนถึงเมืองขุขัน
ที่ ๒ ว่าด้วยได้จัดการตั้งรักษาด่านทางตรวจโจรผู้ร้าย แลได้เรียกสารบบความผู้ร้ายเก่าใหม่ที่ค้างชำระอยู่ที่ผู้ว่าราชการเมืองมาพิจารณาตามพระราชกำหนดกฎหมาย
ที่ ๓ ว่าด้วยได้ปฤกษากับพระยาขุขันภักดีศรีนครลำดวน ผู้ว่าราชการเมืองแลกรมการเมืองขุขัน แต่งกรมการขุนหมื่นไพร่ออกสืบจับผู้ร้ายปล้นบ้านนายคำบ้านแซงได้ตัวมาชำระ ให้การสารภาพรับเปนสัตย ซัดพวกเพื่อนอิกหลายคน พรรคพวกที่ต้องซัดพากันอพยพหลบหนีไป ได้แต่งให้กรมการเที่ยวสืบจับยังหาได้ตัวมาพิจารณาไม่
ใบบอกกรมพระกระลาโหม ๓ ฉบับ
ที่ ๑ ว่าด้วยวันที่ ๓๐ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีผู้ร้ายปล้นอำแดงจีน ตำบลบางนกแขวก สืบจับได้ตัวผู้ร้ายมาชำระให้การสารภาพรับเปนสัตยซัดพวกเพื่อนอิกหลายคน แต่พวกที่ต้องซัดยังไม่ได้ตัวมาชำระ
ที่ ๒ ว่าด้วยเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีผู้ร้ายปล้นบ้านจีนอู๋บ้านบางแขยง แขวงเมืองราชบุรี ยังไม่ได้ตัวมาชำระ
อีกรายหนึ่ง วันที่ ๑๐ สิงหาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีผู้ร้ายปล้นบ้านนายฉุย บ้านคลองพันพูน แขวงเมืองราชบุรี จับได้ตัวบ้างยังไม่ได้ตัวบ้าง
เมืองเพชรบุรี ๑ ฉบับ ใบบอกพระยาสุรินทรฦๅชัย ผู้สำเรจราชการเมือง แลกรมการตอบรับตราพระคชสีห์ว่าด้วยราษฎรที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ฝั่งชายทเลเกิดโจรผู้ร้ายปล้นชุกชุม ให้พระยาสุรินทรฦๅไชยแต่งกรมการเข้ามารับเรือกลไฟ ณ กรุงเทพฯ ออกไปสำหรับจะได้ตรวจจับโจรผู้ร้ายชายทเล แขวงเมืองเพชรบุรี พระยาสุรินทรฦๅไชยแต่งให้ขุนทิพกรมการเข้ามารับ
มีพระบรมราชโองการดำรัสถามพระสุรินทรามาตย์ว่าเรือกลไฟนั้นได้รับไปแล้วฤๅยัง พระสุรินทรามาตย์กราบบังคมทูลพระกรุณาว่ายังไม่ได้รับพระราชทานไป
เวลายามเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๗๖๑๔ วัน ๑ ๖ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๑๕ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทด้านตวันตก ประทับพระแท่นออกขุนนาง พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ตามธรรมเนียมทุกน่าที่ เจ้าพนักงานกรมมหาดไทย กรมกระลาโหม กรมท่า } นำใบบอกหัวเมืองขึ้นตามกรม แลข้าหลวงที่ออกไปรักษาราชการเมืองประเทศราชแลหัวเมืองต่าง ๆ มาอ่านทูลเกล้าฯ ถวาย คือ
กรมมหาดไทย ๒ ฉบับ
ที่หนึ่ง บอกพระศรีเสนา ข้าหลวงหัวเมืองนครเชียงใหม่ ตอบรับตราพระราชสีห์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ขุนรักษโยธา เปนข้าหลวงเชิญสัญญาบัตรขึ้นไปพระราชทานเลื่อน พระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา เปนพระยามหาเทพกระษัตรสมุห เจ้ากรมพระตำรวจในซ้าย เลื่อนจมื่นไชยาภรณ์ ปลัดกรมพระตำรวจใหญ่ซ้ายเปนพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา พระศรีเสนาได้เชิญสัญญาบัตรถวายพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสภณบัณฑิตย์ ได้พระราชทานพระราชวรินทร์ จมื่นไชยาภรณ์ } ที่เมืองนครเชียงใหม่ ตามตราพระราชสีห์แล้ว
ที่ ๒ ใบบอกหลวงสัจพรรทคีรี ผู้รักษาการแขวงพระพุทธบาท ว่าเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ มีผู้ร้ายปล้นขุนพลกรมการเมืองพระพุทธบาท
กรมพระกระลาโหม ๓ ฉบับ
ที่ ๑ ใบบอกพระทรงสุรเดช ข้าหลวงเมืองเพรชบุรี ตอบรับตราพระคชสีห์โปรดเกล้า ฯ ออกไปว่า ให้พระทรงสุรเดชส่งตัวพวกจีนลักต้มกลั่นน้ำสุราเถื่อนที่เจ้าพนักงานพาหลงจู๊จีนแดงกับทหารไปจับ พวกจีนต่อสู้ยิงทหารตายมา ณ กรุงเทพ ฯ
ที่ ๒ ใบบอกพระยาสุรินทรฦๅไชย ผู้สำเรจราชการเมืองเพชรบุรี ว่าด้วยเช่าเรือแลจ้างคนบันทุกเข้านาหลวงเมืองเพชรบุรี มาขึ้นฉางหลวง ณ กรุงเทพฯ
ที่ ๓ ใบบอกกรมการเมืองเขื่อนขันธ์ เปนรายงานส่งเงินค่านาแลข้าตราจองที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าหลวงกรมนาออกไปเดินรางวัดจำนวนปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐ เจดสิบห้าชั่งสิบแปดตำลึง
กรมท่า ๔ ฉบับ
ที่ ๑ ใบบอกพระวิชยาธิบดี ผู้ว่าราชการเมืองจันทบุรีว่าด้วยน้ำฝนต้นเข้าบริบูรณกว่าปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐ ราษฎรทำนาในเขตรแขวงเมืองจันทบุรี แล้วประมาณส่วนหนึ่ง ที่ยังกำลังทำอยู่ประมาณอิกส่วนหนึ่ง เข้าเปลือกราษฎรซื้อขายกันในพื้นบ้านเมืองตวงด้วยสัด ๒๐ ทนาน ราคาเกวียนตะสิบสองตำลึง
ที่ ๒ ใบบอกพระยาสุนทรบุรีศรีไชยสงครามแลกรมการเมืองนครไชยศรี ว่าด้วยน้ำฝนปีนี้มากกว่าปีชวดสัมฤทธิ์๒๑ศก ๑๒๕๐ เจดนิ้ว ต้นเข้าที่ราษฎรได้หว่านปักดำไว้งามบริบูรณดีกว่าปีชวด ๑๒๕๐ ราคาเข้าเปลือกที่ราษฎรซื้อขายกัน ตวงสัด ๒๕ ทนาน ราคาเกวียนละเก้าตำลึง
ที่ ๓ ใบบอกพระอินทราษาแลกรมการเมืองพนัศนิคม เปนรายงานส่งเงินค่านา ตราจอง} ที่ข้าหลวงกรมนาออก ไปเดินรางวัดจำนวนปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐ เก้าสิบชั่ง
ที่ ๔ ใบบอกพระยาสาครสงครามนิคมคามรักษา แลกรมการเมืองบางลมุง เปนรายงานส่งเงินค่านาแลค่าตราจองที่ข้าหลวงกรมนาออกไปเดินรางวัดจำนวนปีชวดสัมฤทธิ๒๑ศก ๑๒๕๐ หกสิบเจดชั่ง
พระยาศรีสิงหเทพ นำขุนรักษโยธาซึ่งกลับมาจากเมืองเชียงใหม่เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระบรมราชโองการดำรัสถามขุนรักษาโยธาว่าขึ้นไปมีความสุขสบายด้วยกันทุกคนฤๅ ขุนรักษโยธากราบบังคมทูลพระกรุณาว่าเดชะพระบารมีปกเกล้า ฯ มีความสุขสบายด้วยกันทุกคน
แล้วพระยาพิพัฒโกษานำหลวงสุริยานุวัตรกับหลวงอร่ามเรืองฤทธิ์ยกรบัตรเมืองสมุทสงคราม กราบถวายบังคมลาไปรับราชการทูตประเทศยุโรป หลวงสุริยานุวัตรไปรับราชการในราชทูตสยาม ณ กรุงเบอลิน หลวงอร่ามเรืองฤทธิไปรับราชการในราชทูตสยาม ณ กรุงปารีส พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ให้พระไพรัชพากย์ภักดีอยู่ มีพระบรมราชโองการดำรัสถามพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ๒ว่า หลวงอร่ามเรืองฤทธิเปนบุตรใคร พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า บุตรพระยามนตรีสุริยวงษ์ (ชุ่ม)
เวลายามเสศ เสดจขึ้น
วันที่รัชกาล ๗๖๑๗ วัน ๔ ๙ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๑๘ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจหอพระสมุดวชิรญาณประชุมกรรมสัมปาทิก ดำรัสด้วยการหอพระสมุดต่าง ๆ อยู่จนเวลายามเสศ เสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธรูปแลบูชาเทวดา พระสงฆ์ ๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์ เริ่มการเฉลิมพระชนมพรรษา แล้วเสดจขึ้น.
วันที่รัชกาล ๗๖๑๘ วัน ๕ ๑๐ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๑๙ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
เวลายามเสศ พระเจ้าอยู่หัวเสดจวัดพระศรีรัตนสาศดาราม ทรงจุดเทียนนมัสการเหมือนวันก่อน แล้วเสดจกลับมาประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมวงบานุวงษแลข้าราชการเฝ้าอยูในที่นั้นด้วย พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการ พระสงฆ์ ๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์เสดาะเคราะห์ โหรบูชานพเคราะห์โดยไสยสาตรตามธรรมเนียม พระสงฆ์สวดมนต์แล้ว เพลา ๘ ทุ่มเสศ เสดจขึ้น.
วันที่รัชกาล ๗๖๑๙ วัน ๖ ๑๑ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลูเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๒๐ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
เวลาเช้า ๕ โมงเสศ พระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงประเคนอาหารบินฑบาตร พระสงฆ์ฉันในที่นั้น แลทรงจุดเทียนสังเวยเทวดา พอเวลาเที่ยงแล้ว เสดจขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสดจทรงพระราชยานพร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าราชการโดยเสดจพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนวัดพระศรีรัตนสาศดาราม ทรงจุดเทียนแล้ว เสดจกลับมาประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงประเคนผ้าไตรแก่พระสงฆ์ราชาคณะ ถานานุกรม เปรียญ ๖๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ แล้วเสด็จขึ้น.
วันที่รัชกาล ๗๖๒๐ วัน ๗ ๑๒ฯ ๑๐ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๒๑ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
เวลา ๕ โมง พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงประเคนอาหารบิณฑบาตรแก่พระสงฆ์แล้วเสดจไปประทับพระที่นั่งราชฤๅดี สู่ที่สรงพระมุรธาภิเศกสนาน พระโหราธิบดีชีพ่อพราหมณถวายอาเศียรพาทประโคมแตรสังข์ ดุริยดนตรีบันฦๅลั่น พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ถวายไชยพร้อมกันในที่นั้น ครั้นสรงเสรจเสดจมาทรงประเคนของไทยธรรมพระสงฆ์ แล้วเสดจขึ้นเวลาย่ำเที่ยงเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทพร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศตามตำแหน่ง กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ๓ กราบบังคมทูลถวายไชยมงคลแทนพระบรมวงษานุวงษทั้งปวงแล้ว ทูตอเมริกันถวายไชยมงคลแทนคอเวอนแมนต์ต่างประเทศ แล้วเจ้าพระยารัตนบดินทร๔ กราบบังคมทูลถวายไชยมงคลแทนข้าราชการทั้งปวง แล้วพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบคำถวายไชยมงคลตามสมควรแล้วเสด็จขึ้น แล้วเสด็จออกห้องไปรเวตพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระบรมวงษานุวาษ ข้าราชการแลคนต่างประเทศเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทถวายสิ่งของต่าง ๆ ในการเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินแลผ้าแก่ข้าราชการ ๑๙ คน แล้วเสดจขึ้น เวลาค่ำเสดจลงเรือไปทอดพระเนตรโคมไฟในลำน้ำ เสดจกลับแล้วเสดจขึ้น แล้วเสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ถวายไตรพระสงฆ์ ๓๐ รูป แล้วเสดจวัดพระศรีรัตนสาศดาราม สวดมนต์ถือน้ำแล้วเสดจมาประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย จนสวดมนต์จบเสดจขึ้น.
วันที่รัชกาล ๗๖๒๑ วัน ๑ ๑๓ฯ ๑๐ ค่ำ ปีขานเอก๒๒ศก ๑๒๕๑
วันที่ ๒๒ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)
เวลาบ่ายโมงเสศ พระเจ้าอยู่หัวเสดจวัดพระศรีรัตนสาศดารามประทับในพระอุโบสถ พระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน เข้าไปทำสัตยานุสัตรถือน้ำพระพิพัฒสัจจาถวายต่อน่า พระที่นั่งโดยความซื่อตรงกระตัญญูต่อพระเจ้าอยู่หัว ครั้นถือน้ำเสรจแล้วเสดจขึ้น
ครั้นเวลายามเสศเสดจออกทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวนทหารแวดล้อมเป็นทิวแถวดาษดา ทรงทอดพระเนตรตามทางสถลมารคอันประดับไปด้วยโคมไฟต่าง ๆ ดูสว่างไสวเป็นอันงาม แล้วเสดจกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง ไปประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีสารทต่อไป สวดมนต์จบแล้ว มีธรรมเทศนาในการเฉลิมพระชนมพรรษา ๒ กัณฑ์ แล้วเสดจขึ้น.