ประวัติ

นางจงกลณี โสภาคย์ สกุลเดิมเอมะสิทธิ์ เป็นบุตรีพันโท พระวิธานสรเดชและนางวิธานสรเดช (บัว) เกิดที่ตำบลบางขุนพรหม จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๔๗๒ เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนคำเที่ยงอนุสรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ สำเร็จชั้นเตรียมอุดมศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท พระนคร แล้วเข้าศึกษาในแผนกฝึกหัดครูมัธยม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ได้รับวุฒิปริญญา ป.ม. และ อ.บ. ตามลำดับ นางจงกลณีเริ่มเข้ารับราชการในตำแหน่งครูโรงเรียนวัดโสมนัสวิหาร สังกัดกองการประถมศึกษา กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๙๔ และโอนมารับราชการในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กองเผยแพร่การศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๐๑

ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานการสมรสระหว่าง นายแพทย์ปราโมทย์ โสภาคย์ และนางสาวจงกลณี เอมะสิทธิ์ และในปีต่อมานางจงกลณีก็ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการไปศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยเทมเปิล สหรัฐอเมริกา ได้รับปริญญาโททาง Communications นางจงกลณีมีบุตรีเพียงคนเดียว เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานนามว่า “แก้วจงกล”

ในระยะเวลารับราชการ นางจงกลณีได้ทุนไปดูงานและร่วมการประชุมในต่างประเทศหลายครั้ง อาทิ ได้รับทุน เอ. ไอ. ดี. ไปดูงานวิทยุและโทรทัศน์ ณ ประเทศในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น และได้รับทุนจากรัฐบาลไทยไปร่วมประชุมเกี่ยวกับงานวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษาที่ประเทศฟิลิปปินส์ นางจงกลณีได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย

นางจงกลณีมีโรคประจำตัว คือ โรคกระเพาะอาหารและโรคหัวใจ แต่ก็ไม่ปรากฏอาการรุนแรงนัก นายแพทย์ปราโมทย์ โสภาคย์ ก็ได้เอาใจใส่ในสุขภาพของนางจงกลณี มีการตรวจรักษาอาการของโรคอยู่เป็นระยะๆ ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๓ นางจงกลณีได้รับอนุญาตจากกระทรวงให้ไปดูงานวิทยุและโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันและสหรัฐอเมริกา ขณะเดินทางกลับแวะพักแรมที่ฮ่องกง ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ในคืนวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๓ โดยที่มิได้ปรากฏอาการอันน่าวิตกมาก่อน รวมอายุได้ ๔๒ ปี

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์โปรดเกล้า ฯ ให้รับศพนางจงกลณีกลับพระนครโดยทางเครื่องบิน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ รับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นเวลา ๗ วัน พระราชทานพวงมาลาของหลวงและของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันบำเพ็ญกุศลครบ ๗ วัน และในการพระราชทานเพลิงศพ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์อีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ