เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๕๑

วันที่รัชกาล ๗๖๘๓ วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๓ พฤษจิกายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๔ โมงเสศเสดจลงประชุมประทับจนเวลา ๕ โมงเสศเสดจขึ้นเลิกประชุม

อนึ่งในเวลาวันนี้มีพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ๑๐ รูป ที่ตำหนักพระเจ้าลูกเธอ ซึ่งประสูตร วันที่ ๒ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ แต่เจ้าดารารัศมี ในการขึ้นพระอู่

เวลาทุ่มเสศเสดจออกขุนนาง พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามเคย มีพระบรมราชโองการดำรัสถามพระยาจ่าแสนบดี ว่ามีราชการสิ่งใดบ้าง พระยาจ่าแสนบดีกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ราชการในกรมมหาดไทย วันนี้ไม่มีสิ่งใด

แล้วดำรัสถามพระราชเสรฐ ด้วยหนังสือโกหร่านอักษรภาษาอาหรับอ่านได้ฤๅไม่ได้ พระราชเสรฐกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ได้เรียนโกหร่านแต่คำภีร์เดียวพออ่านได้

จึงดำรัสถามพระยานรินทรราชเสนีว่ามีราชการสิ่งใดบ้าง พระยานรินทรราชเสนีกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า มีใบบอกเข้ามากราบบังคมทูล ๒ ฉบับ

ฉบับที่ ๑ บอกพระยาอมรินทรฤๅไชยเมืองราชบุรี ว่าด้วยมีตราพระคชสีห์ ถึงพระยาอมรินทรฤๅไชยว่าขุนนครเสมาน้องภาพมาแจ้งความว่า อ้ายนวม อิเนียม } ทาษภาพค่าตัว ๒ ชั่ง ๘ ตำลึง ภาอ้ายชุด อิเจิง } บุตรทาษหนีไปอยู่กับพระยาเสนาภูเบศ ข้าหลวงเสนาให้พระยาอมรินทรฤๅไชย มีหมายไปถึงพระยาเสนาภูเบศ ให้ส่งตัวทาษมาพิจารณายังศาลากลาง พระยาเสนาภูเบศทราบหมายแล้ว ได้เอาเงินค่าตัวอ้ายนวม อิเนียม } ๒ ชั่ง ๘ ตำลึง ไปมอบให้พระยาอมรินทรฤๅไชย ๆ ได้หาตัวภาพมารับเงินภาพหายอมรับไม่ จะเอาเงินค่าของหายกับกระเศียรอายุลูกทาษ พระยาเสนาภูเบศหายอมส่งตัวทาษให้มาพิจารณาไม่ ได้คัดค้นหนังสือพระยาอมรินทรฤๅไชย พระยาเสนาภูเบศ } ส่งเข้ามาด้วยแล้ว

ฉบับที่ ๒ บอกพระยาสุรินทรฤๅไชย เมืองเพชรบุรี มีความว่าหรุ่นมารดาพระยาสุรินทรฤๅไชย ถึงแก่กำม์ จะทำศพวันที่ ๖ ธันวาคม ขอรับพระราชทานหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ

จึงดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนี ให้มีตราไปถึงพระยาเสนาภูเบศให้ส่งตัวทาษไปให้พระยาอมรินทรฤๅไชย พิจารณา

แล้วดำรัสสั่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ ให้ทำสัญญาบัตรให้พระราชเสรฐี เป็นที่พระยาจุฬาราชมนตรีเจ้ากรม กรมท่าชวา

แล้วดำรัสถามพระราชเสรฐีว่า เจ้าเกิดปีไร พระราชเสรฐีกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ช้าพระพุทธเจ้าเกิดปีวอก ๑๒๑๐ จึงดำรัสว่าแก่กว่าพระชนม์พรรษาหลายปี ควรจะเป็นได้

แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรทหาร ๕ นายในกรมทหารบก พระบวรราชนุรักษ์ เป็นนายพันตรี นายร้อยตรีหม่อมราชวงษ์คัดเป็นนายร้อยโท ขุนราชโอสถ ผู้ช่วยนายแพทยเป็นนายแพทย นายสิบเอก นายดำ นายจ่าสิบ นายดิด } เป็นนายร้อยตรี เวลายามเสศเสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๖๘๔ วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๔ พฤษจิกายน รัตนโกสินทร ๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้าเลี้ยงพระที่ตำหนักพระเจ้าลูกเธอที่ประสูตร แต่เจ้าดารารัศมี เวลา ๒ ทุ่มเสศ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ใหญ่เข้าไปที่ตำหนักในการสมโภช พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจลงสมโภช เป็นอย่างไทยตามธรรมเนียม แล้วจึ่งสมโภชอย่างลาวมีบายศรีอย่างเมืองเชียงใหม่สำรับหนึ่ง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษศิลปาคม จัดบายศรีโต๊ะเงิน เงินอย่างลาวพุงขาวเติมขึ้น อิกสำรับหนึ่ง เงิน ทอง} ซึ่งเป็นของญาติพระวงษ ถวายสมโภชนั้น ก็จัดวางไว้ตามธรรมเนียมแต่ก่อน ของพระราชทานสมโภชสำหรับลงพระอู่ทองคำหนัก ๕ ตำลึง เงินราง ๖ แท่ง เงินวางข้างพระอู่ ๑๐ ชั่ง ขันลงยาสำรับหนึ่ง กาทองคำกาหนึ่ง แต่เงินร้อย ๑๐๐ ชั่งนั้น เคยงดไว้พระราชทานวันอื่น ครั้งนี้ทรงพระราชดำริห์ว่าพระญาติพระวงษของพระเจ้าลูกเธอ มาพรักพร้อมเป็นการครึกครื้น จึงโปรดพระราชทานเติมขึ้นอีก ๑๐๐ ชั่ง เป็น ๒๐๐ ชั่ง ได้โปรดให้ทำชื่อเงิน ทอง นาก } อย่างลาว พระราชทานผูกข้อพระหัตถ์ข้างละ ๓ ข้อ พระบาทข้างละ ๓ พระบรมวงษานุวงษ์ฝ่ายน่าฝ่ายใน} ทรงผูกพระหัตถ์สมโภชเหมือนอย่างเจ้านายเมืองเชียงใหม่แล้วเจ้าดารารัศมีก็ผูกข้อพระหัตถ์ทำขวัญตามธรรมเนียมข้างฝ่ายเหนือ แล้วพระราชทานพระนามว่า พระลูกเจ้าเธอพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี แปลว่าผู้ประเสริฐไม่มีมลทิลของเมืองเชียงใหม่ เวลายามเสศเสรจการสมโภช วันนี้หยุดประชุม

วันที่รัชกาล ๗๖๘๕ วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๕ พฤษจิกายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้า ๕ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราชเสดจออกเลี้ยงพระที่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์กลาง พระสงฆ์ที่เป็นพระบรมวงษานุวงษ์ ซึ่งยังทรงผนวชจะได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดวันนี้ คือพระบรมวงษเธอกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวชิรญาณวโรรศ พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร เปนปตนะ แลหม่อมเจ้าหม่อมราชวงษอิก ๑๐ รูปนั้น เสรจแล้วเสดจขึ้น

เวลาบ่าย ๓ โมงเสศ เสดจออก ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระยาโหราธิบดีจึ่งเข้าไปจุดเทียนโต๊ะเครื่องสังเวยมีบายศรีเงินทอง}บวงสรวงเชิญเทพยดา อาลักษณ์อ่านประกาศเสรจแล้ว เสดจทรงพระสุหร่ายประพระสยาม ๑ เทวรูป ๔ ต้นภูเขาทอง ๓ ภูเขาแทนทองคำกับเงินพระราชทานเบี้ยหวัด ทรงประพระสุหร่ายเสรจแล้ว เสดจทรงเจิมตั้งแต่พระสยาม จึงถึงเงินที่จะพระราชทานเบี้ยหวัด แล้วพระยาโหราธิบดีจึ่งเข้าไปเจิมทุกอย่างเหมือนพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิม พราหมณ์ก็ตามไปให้น้ำสังข์เสรจแล้ว

พระยาศรีสุนทรโวหารจึงนำใบกระดาษเบี้ยหวัดเข้าไปถวาย เสดจทรงประเคนตั้งแต่พระบวรวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เปนต้นไป เสรจแล้วเสดจกลับมาประทับที่พระโธรน พระก็ถวาย ยถา สัพพีแล้วถวายพระพรลา

จึงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรกับข้าราชการ ๓ นาย ให้ขุนประสิทธิอักษรสาคร เลื่อนเป็นหลวงประสิทธิอักษรสาตร ผู้ช่วยราชการในตำแหน่งอักษรพิมพ์การ นา ๖๐๐ ให้หลวงพรหมภักดียกรบัตรเมืองไชยนาทคนเก่า เปนที่ขุนสุนทรลิขิต ผู้ช่วยราชการในกรมอาลักษณ์ นา ๖๐๐ ให้นายแจ้งเปนหมื่นพิทักษเทวาวาศผู้ช่วยราชการวัดพระนามบัญญัติ นา ๓๐๐

แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานเบี้ยหวัด เจ้าพนักงานจึ่งแจกเบี้ยหวัดพระเปนฤกษก่อนแล้วจึงแจกต่อไป ตามงบที่ถวาย ๖ กรม สิ้นเงิน ๒๓๗ ชั่ง ๖๔ บาท เวลาย่ำค่ำเสศเสดจขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๖๘๖ วัน ๓ ๑ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๖ พฤษจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสดจออกพระราชทานเบี้ยหวัด พระบรมวงษานุวงษข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย} เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน

จึงมีพระราชดำรัสสั่งเจ้าพระยารัตนบดินทรที่สมุหนายกว่า เมืองนครเชียงใหม่ นครพนม} จะเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทถวายต้นไม้เงินทอง}นั้นคอยเฝ้าพร้อมกัน กับราชทูตอังกฤษในวันที่ ๒๙ พฤศจิกาน แล้วมีพระราชดำรัสถามถึงราชการในกรมมหาดไทยต่อไป

เจ้าพระยารัตนบดินทรกราบทูลพระกรุณาว่า มีใบบอกเข้ามากราบทูลพระกรุณา ๔ ฉบับ

ฉบับที่ ๑ บอกพระยามหาเทพข้าหลวงเมืองนครเชียงใหม่ มีความว่านายร้อยตรีหม่อมหลวงต่วน นายร้อยตรีนายคุ้ม}เป็นไข้จับถึงแก่กรรม ขอรับพระราชทานหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ

ฉบับ ๒ บอกพระพิเรนทรเทพ ข้าหลวงเมืองนครราชสีหมา มีความว่า นายพิสารยุทธกิจ (ดัด) บุตรเจ้าพระยายมราชป่วยเป็นโรคริดสีดวง ถึงแก่กรรม ขอรับพระราชทานหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ

ฉบับที่ ๓ บอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดา เมืองลพบุรี มีความว่าน้ำฝนในราษีสิงห ปีรัตนโกสินทรศก ๑๐๘ นี้ มากกว่าน้ำฝนในราษีสิงหปีชวดสัมฤทธิศกศอก ๔ นิ้ว นาลุ่มฦกศอกเสศนาดอนน้ำยังไม่ถึงต้นเข้า ประมาณเข้าในนาที่ทำได้ ๓ ส่วน ยังอยู่อีกส่วน ๑ ราคาเข้าตวงด้วยสัด ๒๕ ทนาน ๆ ๔๓๐ เกวียนละหกตำลึงสองบาท

ฉบับที่ ๔ บอกหลวงนาผู้รักษาเมืองนครนายก มีความว่า วันที่ ๑๐ กันยายน เวลาดึก ๒ ยามเสศ มีอ้ายผู้ร้าย ๑๗ ๑๘} คน ปล้นบ้านบุงกระแขวงเมืองนครนายก เก็บเอาทรัพย์ สิ่งของ ทองรูปพรรณ กับเงินตรายี่สิบหกชั่ง ของขุนอภัยไป ขุนอภัยกับบุตรเอาปืนยิงถูกอ้ายผู้ร้ายตาย ๒ คน ป่วย ๑ คน หลวงนาได้ให้หลวงกลางไปพลิกศพอ้ายผู้ร้าย ได้หาตัวราษฎรมาดูจำหน้าได้รู้จักชื่อคน ชื่ออ้ายยิ้ม หลวงนาได้แต่งให้คนออกสืบจับจับพวกเพื่อนยังหาได้ไม่

พระสุรินทรมาตยนำบอกในกรมกระลาโหมกราบบังคมทูลพระกรุณา ๔ ฉบับ

ฉบับที่ ๑ บอกพระอนุรักษ์โยธา ข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก มีความว่า ได้เก็บเงินผลประโยชน์เมืองภูเก็จ จำนวนปีชวดสัมฤทธิศก เงิน ๑๒๑๓๐ เหรียญ ๒ เซน} ส่งหลวงทวีปสยามกิจกงสุลสยามฝากแบงก์ที่เมืองปีนังแล้ว

ฉบับที่ ๒ มีความว่า พระอนุรักษโยธาได้เก็บเงินภาษีผลประโยชน์เมืองกลาง จำนวนปีชวดสัมฤทธิศก เงิน ๔๐๐๐๐ เหรียญ ส่งหลวงทวีปสยามกิจฝากแบงค์เมืองปีนัง

ฉบับ ๓ มีความว่า พระอนุรักษโยธาได้เก็บเงินภาษีผลประโยชน์คอเวอนแมนต เมืองภูเก็จ จำนวนรัตนโกสินทรศก ๑๐๘ เงิน ๒๕๙๓๐ เหรียญ ๒๕ เซนส่งหลวงทวีปสยามกิจฝากแบงค์เมืองปีนังแล้ว

ฉบับที่ ๔ หนังสือบอกพระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษาเมืองตานี กราบเรียนท่านเจ้าพระยาพลเทพที่สมุหพระกระลาโหมมีความว่า เก็บเพชรฑูรกับสายสร้อยทองคำของหลวงได้เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเมืองตานี จึงให้แจะอู่น้ำเข้ามาส่ง

แล้วเจ้าพระยาพลเทพ จึงให้พยานรินทรราชเสนีเข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวายทรงรับมาทอดพระเนตรแล้วดำรัสว่าเป็นของข้างในตกที่เมืองตานี ภายหลังได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินให้แก่ผู้ที่เก็บเพชรได้ ๑ ชั่ง กับพระราชทานบรมรูปทรงเครื่องแก่พระยาวิชิตภักดี เจ้าเมืองตานีพระรูป ๑ เป็นรางวัล โปรดเกล้าให้เจ้าพระยาพลเทพจัดส่งออกไปพระราชทาน แล้วพระยาศรีสิงหเทพนำพระนิเวศวิสุทธิ

นายจำรัสมหาดเล็ก บุตรหลวงอุทยานาธิกรณ์ กราบถวายบังคมลาขึ้นไปรักษาราชการเมืองเชียงขวาง โปรดเกล้า ฯ พระราชทานหมวกแลเสื้อผ้าสำหรับยศตามสมควร

แล้วพระราชทานเบี้ยหวัดตามงบที่ถวาย ๑๐ กรม สิ้นเงิน ๑๑๖ ชั่ง

วันที่รัชกาล ๗๖๘๗ วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๗ พฤษจิกายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสด็จออกพระราชทานเบี้ยหวัด พระบรมวงษานุวงษ ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามตำแหน่ง มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง พระยาพิพิธโภไคยสวรรย ให้นำเงินสิบชั่งมาพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากรในการที่จะรับตำแหน่งเป็นกรม แล้วมีพระดำรัสถามพระยาราชวรานุกูลว่าราชการในกรมมหาดไทยมีสิ่งใดบ้าง พระยาราชวรานุกูลกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระยาเทภาธิบดีเมืองพิจิตรบอกลงมา ๒ ฉบับ ฉบับ ๑ มีความว่า วันที่ ๒๐ เมนายน เวลาสองยามเสศ อ้ายขุนพรม อ้ายกั๋ง} กับพรรคพวก ๑๔ ๑๕} คนปล้นเรือ นายยิ้ม นายหริ่ม} บ้านท้ายน้ำ แขวงเมืองพิจิตร เก็บเอาทรัพย์สิ่งของทองรูปพรรณเป็นเงินสามชั่ง พระยาเทภาธิปได้เอาตัวอ้ายกั๋ง อ้ายทูม} มาถาม ให้การรับเป็นสัตย์ซัดถึงอ้ายมีชื่อ ๑๓ คน ได้แต่งกรมการออกสืบจับได้อีก ๕ คนกับของกลาง พระยาเทพาธิบดีจึงให้คุมอ้ายผู้ร้าย ๖ คน ลงมาส่งยังกรุงเทพ ฯ พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ๒ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาเดชานุชิตผู้กำกับดูแลผิดชอบราชการ พระยาพิพิธภักดีผู้ว่าราชการเมืองกลันตัน มีความว่า จีนหลงจ่าวัง จีนปุรบาซอ จีนปีคุนมุดอ จีนปิกันบาร จีนหวังจ่างวิ่ง} ๕ คน มารับหนังสือสัญญาจะขอทำแร่ดีบุกธับแร่ต่างๆ ที่เมืองกลันตันพระยาเดชานุชิต พระยาพิพิธภักดี} จึงมอบให้พระโยธีประดิยุทธรับทำหนังสือสัญญามีข้อความในหนังสือสัญญานั้น ๔ ข้อ ข้อ ๑ ว่าผู้ที่รับทำเหมืองแร่ดีบุกแลแร่ต่าง ๆ ในรหว่างทำหนังสือกันนี้ ๕๐ ปี ข้อ ๒ ว่าถ้าคนในนี้สัญญาจะขายเหมืองแร่ดีบุกแลแร่ต่าง ๆ ให้ขายได้แต่คนในเมืองกลันตัน ข้อ ๓ ถ้าผู้ใดเป็นคนในสัญญานี้ทำไม่มีกำไรจะขอออก ก็ให้ปฤกษากับพระโยธีประดิยุทธแลคนที่อยู่ในสัญญานี้พร้อมกัน ถ้ายอมให้ออกก็ออกได้ ข้อ ๔ ว่าถ้าผู้หนึ่งผู้ใด} นอกจากในหนังสือสัญญานี้ ซึ่งจะเข้าส่วนทำเหมืองแร่ดีบุกแลแร่ต่าง ๆ ต้องปฤกษากับพระโยธีประดิยุทธแลคนในสัญญาพร้อมกัน เมื่อยอมให้เข้าส่วนก็เข้าได้ ทูลบอกจบแล้วมีพระราชดำรัสสั่งให้พระสุรินทรามาตย คัดต้นบอกส่งเข้าไปถวายทอดพระเนตรอีกครั้งหนึ่ง แล้วพระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ ๑๓ นาย คือให้นายร้อยเอกยิเชาเป็นหลวงศัลลวิยานนิเทศ พระราชเศรษฐี เป็นพระยาจุฬาราชมนตรี หลวงอาวุธอัคนีเป็นพระนราธิราช นายสุดมหาดเล็ก เป็นหลวงอาวุธอัคนี หลวงจตุรงค์วิไชยเป็นพระมหาสงคราม ขุนบัญชาพลเป็นหลวงนรายน์ฤทธา ขุนศรจำนงเป็นหลวงเทพเดชะ ขุนศรีสมบัติ เป็นหลวงนราธิกรณฤทธิ ขุนนเรนทรภักดีเป็นหลวงศรีมหาราชา หมื่นพิทักษอักษรเป็นขุนศรจำนง หมื่นศรีรักษาเป็นขุนบัญชาพล หมื่นชำนาญชลสินธุเป็นขุนนเรนทรภักดี หลวงยกรบัตรเป็นพระชินดิฐบดีเมืองท่าตะกั่ว แล้วมีพระราชดำรัสให้ประทานเบี้ยหวัด ตามงบที่ถวายสิ้นเงิน ๒๐๙ ชั่ง ๖๘ บาท เวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น วันนี้หยุดประชุม

วันที่รัชกาล ๘๖๘๘ วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๘ พฤษจิกายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสด็จออกพระราชทานเบี้ยหวัด พระบรมวงษานุวงษ แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน

มีพระบรมราชโองการดำรัสถามพระยาราชวรานุภูลว่าราชการในกรมมมหาดไทยวันนี้มีสิ่งใดบ้าง

พระยาราชวรานุกูลกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า จ่าเร่งงานรัดรุด ข้าหลวงเมืองพิไชยมีบอกลงมา ๓ ฉบับ

ฉบับที่ ๑ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

ฉบับที่ ๒ มีความว่า ครูที่จะสอนหนังสือไทยเมืองพิไชยหามีไม่ ขอรับพระราชทานครูในกรมศึกษานาย ๑

ฉบับที่ ๓ มีความว่า ทำเนียบที่พักสำหรับเมืองไม่มี ข้าหลวงขึ้นล่องครั้งใด ก็ต้องเกณฑราษฎรปลูกรับได้ความเดือดร้อนเนือง ๆ จึงพร้อมกันทำ ๆ เนียบขึ้นสองหลัง ศาลากลางหลัง ๑ ออฟฟิซหลัง ๑ รวม ๔ หลัง ได้พร้อมกันออกเงินซื้อไม้ และขอแรงราษฎรช่วยทำการยังหาสำเร็จไม่ ถ้าจะขาดเงินมากน้อยอีกเท่าใด รอรับพระราชทานเงินหลวงออกจ่ายทำการกว่าจะแล้ว

พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหม กราบบังคมทูลพระกรุณา ๙ ฉบับ คือ บอกเมืองพัทลุง ๕ ฉบับ เมืองนครศรีธรรมราช ฉบับ ๑ เมืองสงขลา ๓ ฉบับ

ฉบับที่ ๑ บอกพระยาวรวุฒิไวยผู้กำกับดูแลผิดชอบราชการ พระยาอภัยบริรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองพัทลุง มีความได้จัดต้นไม้เงินทอง} ๑๒ ต้น หนักต้นลบาทเสร็จแล้ว

ฉบับที่ ๒ มีความว่า ได้ผูกปี้ข้อมือจีน ๙๑ คน เงิน ๔ ชั่ง ๖๗ บาท ๔๘ อัฐ เสร็จแล้ว

ฉบับที่ ๓ ว่าได้ส่งเงินแทนทองคำสร่วย จำนวนปีกุนนพศกเลข ๒๓ คน เงิน ๑ ชั่ง ๔๘ บาทเสร็จแล้ว

ฉบับที่ ๔ ว่าได้ส่งเงินแทนดินปสิวจำนวนปีกุนนพศกเงิน ๓๗ ชั่ง ๔๐ บาท

ฉบับที่ ๕ ว่าด้วยได้ส่งเงินแทนส่วยกระดาน จำนวนปีกุนนพศก เลข ๖๓๓ คน เงิน ๕๑ ชั่ง ๔๐ อัฐ

ฉบับที่ ๖ บอกพระศรีธรรมบริรักษปลัดผู้รักษาเมืองนครศรีธรรมราช มีความว่าได้จัดก้นไม้เงินทอง} ๑๒ ต้น หนักต้นลบาทเสร็จเล้ว

ฉบับ ๗ บอกพระยาสุนทรานุรักษ เมืองสงขลามีความว่า ได้ส่งทองคำส่วย จำนวนปีชวดสัมฤทธิศก จีน ๑๘๓ คน คนละสลึงเฟื้องเสร็จแล้ว

ฉบับที่ ๘ มีความว่า ได้ส่งเงินแทนส่วยกระดานจำนวนปีชวดสัมฤทธิศก เลข ๑๒๓๗ คน เงิน ๘๗ ชั่ง ๕๖ บาท ๓๒ อัฐ ส่วยสรรพเหตุ ๓๔ คน เงิน ๒ ชั่ง ๓๖ บาท รวมเงิน ๙๐ ชั่ง ๑๓ บาท ๓๒ อัฐ เสร็จแล้ว

ฉบับที่ ๙ ว่าด้วยได้จัดผลกระวานหนัก ๒ หาบ กันแชงเปียะ ๒๐ ผืน เข้ามาส่ง

มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งแก่พระยาศรีสิงหเทพว่า ให้ทำท้องตราขึ้นไปถึงจ่าเร่งงานรัดรุด ข้าหลวงเมืองพิไชย ว่าให้เลิกเกณฑขอแรงราษฎรทำ ๆ เนียบนั้นเสีย เพราะราษฎรถูกขอแรงบ่อย ๆ แล้ว

จึงพระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ ๔ นาย คือ ให้พระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ เป็นพระยาวิเสศโภชนา นายสุดจินดา เป็นหลวงวิสูตรสาลี ให้ขุนสุวรรณอักษร เป็นหลวงโภชากร หลวงดำรงธรรมสาสน์ เป็นหลวงญาณประกาศ

แล้วมีพระราชดำรัสสั่งให้พระราชทานเบี้ยหวัด ตามงบที่ถวาย สิ้นเงิน ๒๔ ชั่ง ๑๒ ตำลึง เวลาทุ่มเสศ เสด็จขึ้น วันนี้หยุดประชุม

วันที่รัชกาล ๗๖๘๙ วัน ๖ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๙ พฤษจิกายน รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์ด้านตวันออก พระบรมวงษานุวงษ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย}ฝ่ายทหารพลเรือนแต่งตัวเต็มยศเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน

พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษศิลปาคมเสนาบดีว่าการกรมวัง พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงเทววงษวโรประการเสนาบดีว่าการต่างประเทศนำกับตันโยนราชทูตอังกฤศ มิศเตอกูล กงสุลอังกฤศ มิสเตอแปลก ผู้รับราชการในที่ว่าการราชทูต เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กับตันโยนกราบบังคมทูลพระกรุณา แสดงความยินดีที่ได้เข้ามาเป็นราชทูต แล้วถวายพระราชสาสน์ เรียกมิสเตอชาเตาทูตเก่ากลับฉบับ ๑ ตั้งกับตันโยนเป็นทูตใหม่ฉบับ ๑ แล้วดำรัสตอบ ทรงแสดงพระราชหฤไทยยินดีที่ได้รับราชทูต แลตั้งพระราชหฤไทยจะรักษาทางพระราชไมตรีให้เจริญ แลดำรัสเป็นพระราชปฏิสัณฐารตามสมควร แล้วราชทูตนำมิสเตอแปลกเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท รับสั่งไต่ถามบ้างเล็กน้อย แลพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงเทววงษวโรประการ นำมิสเตอกูลกราบถวายบังคมลาไปประเทศยุโรป รับสั่งปราไสตามสมควรแล้วราชทูตแลผู้ที่มาด้วยกราบถวายบังคมลาออกจากที่เฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

แล้วเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์กลาง ประทับพระแท่นภายใต้พระมหาเสวตรฉัตร พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย} ฝ่ายทหารพลเรือน เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน

พระยาศรีสิงหเทพกราบบังคมทูลเบิก เจ้าสุริย เจ้าไชยสงคราม เจ้าสิงคำ}เมืองนครเชียงใหม่ ผู้นำต้นไม้เงิน ทอง} หนัก ๑ ชั่ง ๑ ชั่ง} กับเครื่องราชบรรณาการเมืองนครเชียงใหม่ คือ ดาบด้ำงาสลักโปร่งอย่างพม่า ๑ เจ้าราชบุตร ดาบปลอกฝักด้ามหุ้มทองคำ ๕ บั้ง ๔ เล่ม รวม ๕ เล่มด้วยกัน ท้าวพรหม ท้าวสีหราช เมืองนครพนม ผู้นำต้นไม้เงิน ทอง} หนักต้นละ ๙ บาท กับเครื่องราชบรรณาการ เมืองนครพนมคือ ขี้ผึ้ง ๑๐๐ ปึก ดีบุก ๒๐๐ แท่ง เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

มีพระบรมราชโองการดำรัสถามถึงเจ้านายท้าวพระยาที่ลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทครั้งนี้ มีความสบายทั่วกันอยู่ฤๅ พระยาศรีรับพระบรมราชโองการถามแล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เดชะพระบารมีปกเกล้าฯ มีความศุขสบายทั่วกัน แล้วดำรัสว่า ซึ่งพระเจ้าเชียงใหม่แลเจ้าเมืองนครพนมจัดต้นไม้เงิน ทอง} เครื่องราชบรรณาการมาถวายตามปีนั้น เปนความดีของพระเจ้าเชียงใหม่แลเจ้าเมืองนครพนมอยู่แล้ว ให้พระเจ้าเชียงใหม่แลเจ้าเมืองนครพนม กับญาติพี่น้องท้าวพระยามีความศุขสบายทั่วกัน แล้วเสด็จขึ้น วันนี้หยุดประชุม.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๐ วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๓๐ พฤษจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

ไม่เสดจออก เวลายามเสศทรงเครื่องใหญ่.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๑ วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย เจ้าพนักงานได้จัดการที่วังพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าวรวรรณากร ตั้งพระแท่นมณฑลแลที่สรง กรมพระอาลักษณ์แห่พระสุพรรณบัตร แลเครื่องราชอิศริยาภรณ์ไปเข้าที่มณฑลด้วย

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระสงฆ์ราชาคณะ ๑๐ รูป คือกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เปนประธานสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์

เวลา ๒ ทุ่มเสศ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมาทรงรถพระที่นั่ง โดยกระบวนออกประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเสศไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกร ไปตามถนนเจริญกรุง ประทับวังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย มาประชุมพร้อมกันประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศ เสด็จกลับ

อนึ่ง ในเวลาบ่าย ๕ โมงวันนี้ มีพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ๗ รูป สมโภชเดือนพระเจ้าลูกเธอ ซึ่งประสูตรในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ที่ตำหนักจอมมารดาแส.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๒ วัน ๒ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้า ๕ โมงเศส พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าวรวรรณากรถวายอาหารบิณฑบาตรพระสงฆ์ราชาคณะ ๑๐ รูป ซึ่งมาสวดพระพุทธมนต์ กับเครื่องบริกขารตามสมควร เจ้าพนักงานก็มาจัดการไว้รอเสด็จ

เวลาย่ำเที่ยงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องราชอิศริยาภรณ์มหาจักรกรีบรมราชวงษ์ เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มาทรงรถพระที่นั่ง พร้อมโดยกระบวนออกประตูพิมานไชยศรี ประตูวิเสศไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกร ไปตามถนนเจริญกรุง ถึงวังพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าวรวรรณากร เสด็จขึ้นเกย แล้วทรงพระราชยานแต่ประตูน่าวังมาตามถนน ถึงเกยน่าท้องพระโรง ประทับพระราชยาน ลงจากเกย เสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนท้องพระโรง พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือนแต่งตัวเต็มยศ คอยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน พอได้เวลาฤกษเที่ยงแล้ว ๒๙ นาที พระองค์เจ้าวรวรรณากร ทรงผลัดผ้าทรงแลพระสพักขาวเสด็จสู่ที่สรง ทรงสระพระเกษาก่อน แล้วพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ ในพระเจ้าศิลาจารึกอักษร พระเต้าศิลาอีก ๒ องค์ พระมหาสังข์ พระเต้าทอง ของ ๕ อย่างนี้ เป็นส่วนภูษามาลาถวาย ส่วนสนมถวายนั้นพระเต้าเงิน ๑ ทอง ๑} พราหมณ์ก็ถวายน้ำสังข์ พระสงฆ์สวดถวายไชยมงคล พระบรมวงษานุวงษ ฝ่ายน่าฝ่ายใน} ที่มีพระชนม์ยิ่งกว่าฝ่ายพระสงฆ์ คือกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร กับอรรคมหาเสนาบดีผู้ใหญ่ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ต่อไปโดยลำดับเสร็จแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าวรวรรณากร ทรงผลัดผ้าทรงสีเหลืองอ่อนฉลองพระองค์เยียระบับพื้นขาวตามสีวันจันทร์ พระเจ้าอยู่หัวประทับพระที่นั่งโธรน พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศตามกระแสพระบรมราชโองการที่โปรดเกล้า ฯ สฐาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมเสร็จแล้ว พระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการดำรัสเรียกให้พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าววรวรรณากรเสดจไปน่าพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำสังข์แล้วทรงเจิม ขุนศรีราชอักษรจึงเชิญพานพระสุพรรณบัตรเข้าไปถวายพระราชทาน มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัตรว่า พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นนราธิปประพันธพงษ์ ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ แล้วทรงสรวมเครื่องราชอิศริยาภรณ์มหาจักรกรีดวง ๑ เครื่องราชอิศริยาภรณมงกุฎสยามชั้นที่ ๑ ดวง ๑ พระยาอุไทยธรรมเข้าไปถวายพระมาลาเส้าสเทิน ๑ ฉลองพระองค์อย่างเทศ ๑ เจียรบาท ๑ พระสุวรรณภักดีเข้าไปถวายประคำทอง มีสายทองคำ ๑ พระหีบทองคำลงยา ๑ กาน้ำเสวยมีถาดรองทองคำ ๑ พระยาอาวุธภัณฑ์ผด็จเข้าไปถวายพระแสงยี่ปุ่นฝักถม ๑ พระราชทานเสรจ เสดจมาประทับพระเก้าอี้ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ ทูลเกล้า ฯ ถวายต้นไม้เงิน ทอง} ดอกไม้ธูปเทียน เสรจแล้วเสด็จมาประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ เวลาบ่าย ๓ โมงเสศเสด็จกลับ

อนึ่งเวลาเช้า ๕ โมงวันนี้ มีถวายบิณฑบาตรพระสงฆ์ ๗ รูป แลของเครื่องไทยธรรมตามสมควร ที่ตำหนักในพระบรมมหาราชวัง ภูษามาลาทรงเครื่องพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าหญิงตามขัติยราชประเพณี เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบรมวงษานุวงษ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ เจ้าพนักงาน เข้าไปสมโภชพอสมควร พระเจ้าอยู่หัวเสดจลงสมโภช พระราชทานพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าหญิงอะภันตรีปะชา แปลว่าบังเกิดที่เกาะ เวลายามเสศเสรจการสมโภช

วันที่รัชกาล ๗๖๙๓ วัน ๓ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๓ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาทุ่มเสศ เสด็จลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง ไม่มีราชการอันใด เช้าวันนี้ชักพระศพ พระเจ้าบรมวงษเธอกรมหลวงวรศักดาพิศาล ไปเข้าเมรุวัดสเกษ ไม่ได้เสด็จพระราชดำเนิน.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๔ วัน ๔ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๔ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องขาวเสรจเสดจออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มาทรงรถพระที่นั่งโดยกระบวนออกประตูพิมานไชยศรี วิเศสไชยศรี} เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกรไปตามถนนเจริญกรุง ประทับพลับพพลาวัดสะเกษน่าพระเมรุ ทรงโปรยผลมะนาว ๑๐ ตำลึง กัลปพฤกษทิ้ง ๔ ต้น ๆละ ๕ ตำลึง ผลฉลากนั้นส่วนเจ้าภาพถวายทรงโปรยพระราชทานพระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการเสรจแล้ว เสดจพระราชดำเนินเข้าไปประทับในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตร สังเคตเอก ๓ ไตร สังเคตโท ๑๔ ฉลากพระ ๑๐๐ ผล เป็นส่วนของเจ้าภาพถวาย ส่วนของหลวงนั้น ไตรเกณฑ์ใช้สามสิบไตร สองวันรวม ๖๐ ไตร ด้วยในวันที่ ๓ เชิญพระศพหาได้เสดจไม่ สบง ๒๐๐ ผืน ย่ามผ้า ๒๐๐ ย่าม พระราชาคณะพระครูถานานุกรม สดับปกรณ์เสรจแล้ว เสดจพระราชดำเนินกลับออกมาประทับพลับพลา เวลาย่ำค่ำทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้วเสดจกลับ

เวลา ๒ ทุ่มเสศ พระวรวงษ์เธอพระองค์เจ้าสายสนิทวงษ์กับหม่อมราชวงษ์สุวพรรณ หม่อมราชวงษ์เปีย ทั้ง ๓ กลับมาจากเมืองยุโรป เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทข้างใน แล้วเสดจลงที่ประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศเสดจขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๕ วัน ๕ ๑๓ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๕ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องขาวเสรจเสดจออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มาทรงรถพระที่นั่งโดยกระบวนอย่างวันที่ ๕ ไปประทับพลับพลาวัดสเกษ เสดจพระราชดำเนินเข้าในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ตฉลากพระตามจำนวนเหมือน วันที่ ๔ แต่ของหลวงนั้นไตรเกณฑ์ใช้ ๓๐ ไตร สบง ๑๐๐ ผืน ย่ามผ้า ๑๐๐ ย่าม แล้วเสด็จขึ้นไปพระราชทานเพลิง พระศพพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาลเสรจแล้ว เสดจพระราชำเนินกลับออกมาประทับพลับพลา ทรงโปรยผลมนาว ผลสลาก} พระราชทานพระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการ แลต้นกัลปพฤกษสี่ต้นเหมือนวันที่ ๔ ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเสศ ทรงจุดดอกไม้เพลิง แล้วเสด็จกลับ

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสดจขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๖ วัน ๖ ๑๔ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๔๑

วันที่ ๖ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลายามเศส เสด็จออกหอธรรมสังเวช ในการทำบุญบันจบร้อยวันพระเจ้าลูกเธอ ที่สิ้นพระชนม์ ทรงจุดเทียนนมัศการ แล้วพระโพธิวงษ์ พระครูถานานุกรม ๑๕ รูป สวดพระพุทธมนต์จบ ทรงทอดผ้าไตรสดับปกรณ์ของหลวง ๑๐ ไตร โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรทอดผ้าไตรของเจ้าภาพ ๕ ไตร พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากรถวายเทศน์ธรรมจักรกัณฑ์หนึ่ง พระครูถานานุกรมสวดตามเทศสี่รูป เป็นกัณฑ์ของหลวง ทรงถวายผ้าไตรแลเครื่องบริกขารตามสมควรกับมูลค่าห้าตำลึง บรรพชิตฝ่ายญวนสวดกงเต๊ก แล้วนำเอาธงขึ้นไปเชิญพระวิญญาณ์ที่น่าพระศพพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์ ให้มาประทับอยู่ในธงฟังพระสวดแลธรรมเทศนา

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๗ วัน ๗ ๑๕ ๑ ค่ำ บีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๗ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้าโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรออกมาเลี้ยงพระ แล้วมีเทศนา ๑ กัณฑ์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาถวายเทศน์พยากะตาพยากะตะวัตถุ ถานานุกรมสวดตามเทศน์ ๔ รูป เป็นของเจ้าภาพ สดับปกรณ์ของหลวง วัดสุทัศน์เทพวราราม ๑๐๐ หนึ่ง ของเจ้าภาพนั้นวัดราชบุรณ ๑๐๐ หนึ่ง

เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จลงที่ตำหนักพระเจ้าบรมมไหยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร พระราชทานเงิน ๒๐ ชั่ง ในการมงคลสมัยเฉลิมพระชนม์พรรษา นับโดยสุริยคติกาลบันจบรอบ ๗๑ พรรษาบริบูรณ ในวันที่ ๘ ธันวาคม พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปประชุมพร้อมกัน โปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะ ธรรมยุติกา ๒๘ มหานิกาย ๓๒ ฝ่ายรามัญ ๑๒ รวม ๗๒ รูป มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นประธานสงฆ์ ทรงประเคนผ้าไตร แทนพระเจ้าบรมมไหยิกาเธอกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ตั้งแต่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ถึงพระหม่อมราชวงษ์ พระราชพงษ์ธุประพัทธ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอกรมพระทั้งสองพระองค์ประเคนต่อไป พระสงฆ์ครองผ้าไตรแล้วเจริญพระพุทธมนต์จบ พระสงฆ์ถวายพระพรลากลับ

เวลายามเสศเสดจขึ้น แล้วเสดจออกหอธรรมสังเวช ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการเสรจ พระอมรเมธาจาริย์ พระครูถานานุกรม ๑๕ รูป สวดมนต์จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตรของหลวงสดับปกรณ์ ๑๐ ไตร โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรทอด ๕ ไตรของเจ้าภาพ พระญวนสวดกงเต๊กตามเคย มีทรงธรรม ๑ กัณฑ์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจาริย์ถวายเทศนาอนัตลักขณสูตร พระครูถานานุกรม ๔ รูปสวดตามเทศน์ เป็นกัณฑ์ของหลวง ทรงถวายไตรแลเครื่องบริกขารมูลค่า ๕ ตำลึง เวลา ๕ ทุ่มเสศเสดจขึ้นฯ

วันที่รัชกาล ๗๖๙๘ วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๘ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรออกมาเลี้ยงพระที่หอธรรมสังเวชเสรจแล้ว พระอริยมุณีถวายเทศนาธรรมนิยามสูตรกัณฑ์ ๑ ถานานุกรมสวดตามเทศน์ ๔ รูป เปนของเจ้าภาพ แล้วสดับปกรณ์ของหลวงร้อยหนึ่ง วัดอรุณราชวราราม ของเจ้าภาพ ๑๐๐ หนึ่งวัดสเกษ

อนึ่งในเวลาเช้าวันนี้มีเลี้ยงพระแลของเครื่องไทยธรรมตามสมควรที่ตำหนักพระบรมมไหยิกาเธอกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จออกพลับพลายกน่าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในการบรรพชิตฝ่ายญวนทำพิธีกงเต๊กค่ามตะพาน ตามลัทธิมีความว่า นำพระวิญญานของพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์ไปบังเกิด แล้วมีเงินเฟื้องทรงโปรย ๕ ตำลึง เสรจแล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจออกหอธรรมสังเวช ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว พระคุณวงษ พระครูถานานุกรม ๑๕ รูป ฝ่ายรามัญสวดมนต์จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตรของหลวงสดับปกรณ์ ๑๐ ไตร โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรทอดผ้าไตรของเจ้าภาพ ๕ ไตร มีเทศนาของหลวงกัณฑ์หนึ่ง พระธรรมวโรดมถวายเทศนาอาทิตปริยายสูตร พระครูถานานุกรมสวดตามเทศน์ ๔ รูป ทรงถวายผ้าไตรกับเครื่องบริกขารแลมูลค่า ๕ ตำลึง เวลา ๔ ทุ่มเสศเสดจลงจากหอธรรมสังเวช

พระยานรินทรราชเสนี นำพระอนันตสมบัติผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ซึ่งตามเสด็จพระวรวงษเธอพระองค์เจ้าสายสินิทวงษ์ไปราชการประเทศยุโรปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วนำพระชินดิฐบดีผู้ว่าการเมืองท่าตะกั่ว กราบถวายบังคมลาไปบ้านเมือง มีพระราชดำรัสด้วยพระอนันต์สมบัติ แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานเครื่องยศ ถาดเงิน คนโทเงิน แลผ้านุ่งห่มแก่พระชินดิฐบดี ตามธรรมเนียม แล้วเสดจขึ้น เสดจลงตำหนักพระเจ้าบรมมไหยิกาเธอกรมสมเดจพระสุดารัตนราชประยูร สมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ถวายเทศนามงคลวิเสศ ๑ กัณฑ์ พอได้เวลาพระฤกษ ๕ ทุ่มเสศ พระเจ้าบรมมไหยิกาเธอกรมสมเดจพระสุดารัตนราชประยูรสรงน้ำพระพุทธมนต์ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์ถวายน้ำสังข์เสรจแล้ว เวลา ๒ ยามเสศเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๖๙๙ วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๙ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ พ.ศ. ๒๔๓๒

เวลา ๕ โมง โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรออกมาเลี้ยงพระ เสรจแล้ว หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตถวายเทศนาสาราณิยธรรมสูตรกัณฑ์หนึ่ง ถานานุกรมสวดตามเทศน์ ๔ รูป เป็นกัณฑ์ของเจ้าภาพ มีสดับปกรณ์ของหลวงวัดมหาธาตุ ๑๐๐ หนึ่ง ของเจ้าภาพวัดชะนะสงคราม ๑๐๐ หนึ่ง

อนึ่งพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าชายสมัยวุฏฐิวโรดม พระชัณษาปีหนึ่งกับ ๒ เดือนยี่สิบเจ็ดวัน เป็นพระเจ้าลูกเธอที่ ๖๕ แลเป็นที่ ๓ ของเจ้าจอมมารดาพร้อม ณ เดือนตุลาคมประชวรมีพระอาการให้พระองค์ร้อน หลวงกุมารแพทย์ประกอบพระโอสถถวาย พระอาการทุเลาแลทรงอยู่ ครั้น ณ เดือนพฤศจิกายน พระอาการทรุดหนักลง พระสุขุมาลบริหารประกอบพระโอสถถวายพระอาการหาคลายไม่ หมอจ๋ายจึ่งถวายพระโอสถต่อไป พระอาการทรุดหนักลง จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้ประชุมหมอหลวงแลหมอชะเลยสักหลายคนประกอบพระโอสถถวายพระอาการหาคลายไม่ ถึง ณ วันที่ ๙ ธันวาคมวันนี้เวลาย่ำรุ่งแล้ว ๕๒ นาทีสิ้นพระชนม์

เวลาบ่ายโมงเสศ สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอกรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ แลเจ้าพนักงานเข้าไปที่ตำหนักพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์ สรงน้ำชำระพระศพ แต่ไม่เสดจลง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสรงน้ำหลวง เจ้าพนักงานทรงเครื่องพระศพตามประเพณี แล้วเชิญพระศพลงลองในตั้งเหนือเสลี่ยงหิ้วแห่ออกมาทางประตูพรหมศรีสวัสดิ เชิญขึ้นหอนิเพธพิทยา ประดิษฐานเหนือแว่นฟ้า ๓ ชั้น จึ่งประกอบพระโกษมณฑปประดับนอกเสรจแล้ว รายด้วยเครื่องสูงตามประเพณี มีกลองชนะประโคมทั้งกลางวันกลางคืน} ๑๐ คู่ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ พระสงฆ์สวดอภิธรรม ๑๖ รูป เมื่อพระศพขึ้นที่แล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราชเสดจออกมาทอดผ้าไตร ๓๐ ไตร ผ้าขาว ๖๐ พับ พระราชาคณะ พระครูถานานุกรมสดับปกรณ์เสรจแล้ว

เวลาบ่าย ๔ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราช เสดจออกพลับพลายกน่าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท บรรพชิตฝ่ายญวนทำพิธีกงเต๊กเผาเครื่องกระดาษในวิธีของเขาว่าฝากพระให้นำไปถวายพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์

เวลาย่ำค่ำเสศ พระเจ้าอยู่หัวเสดจที่พลับพลายก ทรงโปรยผลมนาวอย่างละสลึง ๒๐๐ อย่างละเฟื้อง ๒๐๐ ฉลากสิ่งของต่าง ๆ ๕๐๐ ผลมนาวต่าง ๆ ๕๐๐ กับพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการ บรรพชิตฝ่ายญวนก็เผาเครื่องกงเต๊ก เวลาทุ่มเสศเสดจขึ้น

อนึ่งได้มีดอกไม้เพลิง พุ่ม ๑๕ พุ่ม ระธา ๘ ระธา ดอกไม้กะถาง ๘ กะถาง ฝนแสนห่าแปดต้น เพนียง ๒๐ เพนียง ตั้งแต่คืนที่ ๗ จนคืนที่ ๙ ครบ ๓ คืน เสร็จการร้อยวัน

วันที่รัชกาล ๗๗๐๐ วัน ๓ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๐ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสดจออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มาทรงรถพระที่นั่งโดยกระบวนออกประตูพิมานไชยศรี วิเสศไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกรไปตามถนนเจริญกรุง ประทับพลับพลาวัดสเกษ ทรงโปรยผลมนาว ๑๐ ตำลึง แค่ต่ลากนั้นแปนของเจ้าภาพถวาย มีต้นกัลปพฤกษ ๕ ต้น ๆ ละ ๕ ตำลึง แล้วเสดจพระราชดำเนินเข้าในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร ย่าม ๒๐๐ ย่าม ผ้าสบง ๒๐๐ ผืน ด้วยเวลาวานนี้เชิญพระศพหาได้เสดจไม่ จึ่งรวมมาทอดในวันนี้ด้วย พระราชาคณะ พระครูถานานุกรม สดับปกรณ์พระศพพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าอนงค์นพคุณเสรจเสด็จกลับออกมาประทับพลับพลา ทรงจุดดอกไม้เพลิงและทอดพระเนตรรำโคมประทับอยู่จนเวลาทุ่มเสศเสด็จกลับ

วันที่รัชกาล ๗๗๐๑ วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๑ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสดจออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมาทรงรถพระที่นั่งโดยกระบวนอย่างวันที่ ๑๐ ไปประทับพลับพลาวัดสเกษ เสดจพระราชดำเนินเข้าในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตรของหลวง ๑๐ ไตร (ย่าม ๑๐๐ ย่าม ผ้าสบง ๑๐๐ ผืน ทอดก่อนแล้ว) กรมหมื่นวชิรญาณเปนประธานสงฆ์ แล้วพระราชทานผ้าขาวไปสดับปกรณ์ศพหม่อมเจ้าหญิงสุพรรณพิมพ์ บังสกุลศพหม่อมแจ่มในกรมหมื่นประจักษศิลปาคม หม่อมเจ้าหญิง ผ้าขาว ๒ พับ เงิน ๑๐๐ เฟื้อง ศพหม่อมแจ่มผ้าขาว ๑ พับ เงิน ๕๐ เฟื้อง เสรจแล้วเสดจขึ้นไปพระราชทานเพลิง พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอนงค์นพคุณเสรจ เสดจกลับออกมาประทับพลับพลา ทรงจุดเทียนเครื่องสมาศพแล้ว ทรงฝักแคพระราชทานเพลิงทั้งสองศพ มีทรงโปรยผลฉลาก ผลมนาว} กัลปพฤกษ ๔ ต้นตามเคย ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเสศ จุดดอกไม้เพลิงแล้วเสด็จกลับ.

วันที่รัชกาล ๗๗๐๒ วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๒ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เสดจออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสดจโดยพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่ง ออกประตูพิมานไชยศรี วิเสศไชยศรี แล้วทรงประทับพระราชยาน เสด็จลงพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรพระเมรุท้องสนามหลวง เสดจขึ้นบนพระเมรุทอดพระเนตรทั่วแล้ว เวลาย่ำค่ำฝนตก เสด็จกลับ

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสด็จลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๗๐๓ วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วัน ๑๓ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๒๔๓๒

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระเจ้าอยู่หัวทรงขาวเสรจแล้ว เสด็จพระราชดำเนินออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มาทรงรถพระที่นั่งโดยกระบวนตามเคย ไปประทับพลับพลาวัดสเกษ เสด็จพระราชดำเนินเข้าในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตรสดับปกรณ์ พระศพพระบวรวงษ์เธอชั้นที่ ๒ พระองค์เจ้าหญิงประทุมเมศผ้าไตรวันละ ๕ ไตร สองวัน รวมเป็น ๑๐ ไตร สบงวันละ ๕๐ สองวันรวมเป็น ๑๐๐ ผืน ย่ามผ้าวันละ ๕๐ สองวันรวมเป็น ๑๐๐ ย่าม พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าประดิฐวรการพระราชทานผ้าไตรย่ามสบงสดับปกรณ์เหมือนกัน แล้วพระราชทานผ้าขาวไปสดับปกรณ์ศพหม่อมเจ้าร้ายในพระไปยิกาเธอ กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ ผ้าขาว ๒ พับ เงิน ๑๐๐ เฟื้อง เสรจแล้วเสด็จขึ้นไปพระราชทานเพลิงพระองค์เจ้าประทุมเมศ พระองค์เจ้าประดิฐ ทั้งสองพระศพ แล้วเสดจพระราชดำเนินกลับออกมาประทับพลับพลา ทรงจุดเทียนเครื่องสมาศพ แล้วจุดฝักแคพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าร้าย มีทรงโปรยผลมะนาว ๑๐ ตำลึง ต้นกัลปพฤกษ ๒ ต้นตามเคย เวลาย่ำค่ำเสศเสดจกลับ พระศพทั้งสองชักไปพระเมรุวันที่ ๑๒

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสดจลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๗๐๔ วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๔ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสด็จลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่ม เสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๗๐๕ วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๕ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาทุ่มเสศเกิดเพลิงไหม้ที่บ้านอำแดงสร้อยลาวพวนหลังวังสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระภาณพันธุวงษ์วรเดช ในคำให้การเพลิงว่า อำแดงสร้อยจุดธูปบูชาพระแล้วก็ปิดประตูเรือนเข้านอน ไฟธูปตกลงมาลามไหม้ขึ้นเรือนอำแดงสร้อยหลังหนึ่ง เรือนผู้อื่นอีก ๒๐ หลัง รวมเป็น ๒๑ หลัง เวลา ๒ ทุ่มเสศจึงดับได้

พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทอดพระเนตรไฟที่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท แล้วเสด็จโดยพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่งไปประทับหอนิเพธพิทยา ในการบันจบ ๗ วันพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าสมัยวุฏฐิวโรดม ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ธรรมเจดีย์เป็นประธานสงฆ์ กับพระครูถานานุกรมรวม ๑๕ รูป สวดพระพุทธมนต์จบแล้วทรงทอดผ้าไตรของหลวง ๑๐ ไตร โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย ทอดผ้าไตรสดับปกรณ์ของเจ้าภาพ ๕ ไตร เสรจแล้ว พระศรีสมโพธิถวายเทศนาธรรมนิยามสูตร ๑ กัณฑ์ เป็นกัณฑ์ของหลวงทรงถวายไตรเครื่องบริกขารตามเคย แล้วมหาจ่ายวัดมหาธาตุถวายเทศนาสังเวควัดถุกัณฑ์หนึ่งของเจ้าภาพเสรจแล้ว เวลายามเสศเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๗๐๖ วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๖ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้าพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลย} เสด็จออกมาเลี้ยงพระเสรจ มีสดับปกรณ์ของหลวง วัดราชบูรณ ๑๐๐ หนึ่ง ของเจ้าภาพ ๕๐ วัดมหาธาตุ

เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามเคย มีพระบรมราชโองการดำรัสถามเจ้าพระยาพลเทพที่สมุหกรมพระกระลาโหม ด้วยเรื่องจีนถวายฎีกากล่าวโทษพระยาสตูน เจ้าพระยาพลเทพกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าได้มีตราสั่งออกไปแล้ว

เจ้าพระยารัตนบดินทร จึ่งนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ข้าหลวงซึ่งจะออกไปเปลี่ยนพระยามหาอำมาตยเมืองนครจำปาศักดิ์นั้น เห็นแต่หลวงพิศณุเทพ จึ่งมีพระราชดำรัสว่า ให้หลวงพิศณุเทพออกไปเปลี่ยนพระยามหาอำมาตย์ แต่พอเข้ามาเยี่ยมบ้าน แต่ยังคงเป็นข้าหลวงอยู่ แล้วให้กลับไปรับราชการดังเก่า

พระมนตรีพจนกิจ จึ่งนำใบบอกขึ้นกราบบังคมทูล ๙ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาราชเสนาข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี มีความว่าได้พร้อมกันกับเจ้าราชบุตรท้าวเพี้ยกรมการทำการเฉลิมพระชนม์พรรษา เสรจแล้ว ขอถวายพระราชกุศล ฉบับ ๒ มีความว่า พระยาราชเสนากับเจ้าเมืองท้าวเพี้ยกรมการได้พร้อมกันในพระอุโบสถวัดหลวงรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒสัตยาตามพระราชพิธีสารทเสรจแล้ว ฉบับ ๓ มีความว่า ซึ่งมีตราพระราชสีห์ โปรดเกล้า ฯ ไปถึงพระยาราชเสนาว่านายร้อยเอกขุนพิสนท์ยุทธการกับทหารมีชื่อ ๙ นาย จะขึ้นไปรับราชการกับหลวงพิทักษ์นรินทร์ นายพันตรีเมืองพินเมืองตะโปนเมืองนองนั้น ให้พระยาราชเสนาเอาเงินส่วยจัดซื้อม้าให้ทหารนายไพร่ขึ้นไป พระยาราชเสนาได้จัดซื้อม้าส่งขุนพิสนท์ยุทธการนายไพร่ไปยังพระยามหาอำมาตย์แล้ว ฉบับ ๔ พระยาราชเสนาได้ส่งต้นหนังสือหลวงพิทักษนรินทร์มีไปถึงองโดยใจความว่า องโดยจะให้ท้าวเพี้ยกรมการมาประชุมที่เมืองจันแต่ลำพังนั้นหาชอบไม่ ฉบับ ๕ พระยาราชเสนาส่งต้นหนังสือขุนพรพิทักษ์กับเจ้าเมืองท้าวเพี้ยกรมการเมืองนอง ได้ทำการเฉลิมพระชนม์พรรษาเสรจแล้วขอถวายพระราชกุศล ฉบับ ๖ บอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดาเมืองลพบุรีมีความว่า ซึ่งมีตราพระราชสีห์ส่งผ้าไตรกระฐิน โปรดเกล้าฯ ไปถึงพระยาพิสุทธิธรรมธาดา ให้นำผ้าไตรกระฐินไปทอดวัดกระวิศราราม วัดเสาธงทอง วัดมณีชลขันธ์ พระยาพิสุทธิธรรมธาดาได้ทอดแล้ว ขอถวายพระราชกุศล ฉบับ ๗ มีความว่า เจ้าอธิการเดชขอที่ผูกพัทธเสมาวัดมหาสอนแขวงเมืองลพบุรี ยาว ๔ วา ๒ สอกคืบ ๖ นิ้ว กว้าง ๑๑ สอกคืบ ฉบับที่ ๘ มีความว่า วันที่ ๑๕ ตุลาคมพระอาทิตย์ยกขึ้นราษีกุมภ์ ฝนตก ๘ ครั้ง รองได้ ๓ นิ้ว ๘ ทสางค์มากกว่าน้ำฝนปีชวด ๒ นิ้ว ๘ ทสางค์ เข้าในนาบริบูรณเสมอกัน ราคาเข้าตวงด้วยสัต ๒๕ ทนานเกวียนละ ๖ ตำลึง ฉบับ ๙ มีความว่า พระยาพิสุทธิธรรมธาดาได้ตัวนายกองมาเร่งเงินแทนทองคำส่วยเงิน ๕ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๑ บาท คิดราคาทอง ๑๔ หนักลงมาส่ง

จึ่งพระยานรินทรราชเสนีนำบอกขึ้นกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ

ฉบับที่ ๑ บอกพระมหาสิงคิคุณเมืองกำเนิดนพคุณมีความว่าได้ส่งเงินค่านาจำนวนปีจออัฐศก ปีกุนนพศก } รวมนา ๑๖๓๔ ไร่ ๑ งาน } รวมเงิน ๔ ชั่ง ๘ ตำลึง ๒บาท ๓ สลึง ๔๐๐ ไพ เข้ามาส่ง

ฉบับที่ ๒ บอกพระพิไชยชลสินธุ์เมืองประจวบคิรีขันธ์ มีความว่า ได้ส่งเงินค่านาจำนวนปีจออัฐสก ปีกุนนพศก} รวม ๕๕๔๗ ไร่ รวมเงิน ๑๒ ชั่ง ๓ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง เข้ามาส่ง

จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งเจ้าพระยารัตนบดินทร เจ้าพระยาพลเทพ} ว่าตำแหน่งที่จะออกไปเป็นข้าหลวงหัวเมืองนั้น ในกรมมหาดไทยให้จัดเอาตำรวจภูธรขวา ซ้าย} กับฝ่ายพระราชวังบวรสมทบด้วยเป็นตำแหน่งข้าหลวง ในกรมพระกระลาโหมนั้นให้จัดเอากรมอาษา ๖ เหล่า กับฝ่ายพระราชวังบวรสมทบด้วย ให้จัดเป็นตำแหน่งข้าหลวง แล้วพระราชทานสัญญาบัตรข้าราชการ ๑๐ นาย ให้นายช้างเป็นหลวงนนทเกษในกรมท่าขวานา ๘๐๐ ให้นายฉ่ำเป็นหลวงศรียศประเทศมนตรีในกรมท่าขวา นา ๘๐๐ ให้หม่อมราชวงษ์เหมาะ เป็นหลวงประสิทธิปฏิมาปลัดจางวางกรมช่างหล่อ นา ๕๐๐ ให้ขุนโลหกรรมพิจิตร เป็นหลวงอินทรพิจิตรบรรจงเจ้ากรมช่างหล่อซ้าย นา ๕๐๐ ให้หมื่นจิตรวิจารณ์ เป็นขุนโลหกรรมพิจิตรปลัดกรมช่างหล่อซ้าย นา ๓๐๐ ให้ขุนอภิบาลสาลี เป็นหลวงพิทักษ์สาลี ในกรมเกษตราฝ่ายพระราชวังบวรฯ นา ๓๐๐ ให้หลวงพิไชยชาญยุทธยกรบัตร เป็นพระอินทราษาผู้ว่าราชการเมืองพนัสนิคม นา ๓๐๐๐ ให้นายชลอบุตรพระยาธรรมจรันยา เป็นหลวงพิไชยชาญยุทธยกรบัตรเมืองพนัศนิคม นา ๕๐๐ ให้จีนเทียนจิ้น บุตรพระประเสริฐวานิช เป็นพระปรานีจีนประชาปลัดฝ่ายจีนเมืองตราด นา ๖๐๐ แต่พระอินทราษา เป็นพระนิคมนครินทร์จางวางเมืองพนัศนิคม นา ๓๐๐๐ ตัวชราเข้ามารับสัญญาบัตรหาได้ไม่ พระราชทานให้พระยาพิพัฒโกษาส่งออกไปพระราชทาน

แล้วดำรัสสั่งให้พระราชทานเบี้ยหวัดตามงบที่ถวายเป็นงบที่ ๕ สิ้นเงิน ๑๘๕ ชั่ง ๔ บาท เวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๗๐๗ วัน ๓ ๑๐ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๗ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก (พ.ศ. ๒๔๓๒)

พระยานรินทรราชเสนีนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาเพชรกำแหงสงครามเมืองชุมพรมีความว่า พระยาเพชรกำแหงสงครามได้ทำทางสายโทรเลข ตั้งแต่ออฟฟิศคลองท่าตะเภาเมืองชุมภร ถึงเมืองกำเนิดนพคุณเป็นทาง ๒๑๔๗ เส้นเสา ๑๓๖๔ ต้น มีสเตชั่น ๔ แห่ง ตั้งแต่เมืองกำเนิดนพคุณถึงเมืองหลังสวนทาง ๕๐๔ เส้น เสา ๒๓๖ ต้น มีสเตแช่น ๒ แห่ง ครั้นเดือนสามปีชวดสัมฤทธิศก พระวรวงษเธอพระองคเจ้าปฤษฎางคเสด็จออกไปตรวจทางสายโทรเลขรับสั่งให้ปลูกโรงสเตแช่นแต่เมืองกำเนิดนพคุณถึงเมืองหลังสวนเติมอีก ๓ แห่งรวมเปน ๕ แห่ง แต่ทางสายโทรเลขแยกขึ้นไปเมืองกระบุรีทาง ๗๕๐ เส้น ได้ถางทางโค่นไม้ได้ ๔๐๐ เส้น ยังถางอยู่อิก ๓๕๐ เส้น จะถึงท่าสร้านต่อเมืองกระบุรี อนึ่งมีตราพระคชสีหถึงพระยาเพชรกำแหงมีความว่า จะขอเลขหมวดใดกองใดรักษาสายโทรเลขให้มีใบบอกเข้ามากรุงเทพฯ พระยาเพชรกำแพงเหนว่ากองหลวงไตรเมืองนครศรีธรรมราช กองหลวงศรีสมบัติเมืองสงขลา กองขุนวิชิตเมืองพัทลุง กองหลวงโยธาเมืองพังงา กับบุตรหลวงขุนหมื่นกรมการนอกราชการ ซึ่งไม่มีนายอยู่ในเมืองชุมภร ฉบับที่ ๒ ขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพพระเทพไชยบุรินทร ผู้ว่าราชการเมืองท่าแซะ พระยาศรีสิงหเทพกรมมหาดไทยนำพระอักขระต่างใจจ่าราชมหาดไทย หลวงสิทธิศรยกรบัตร หลวงทรบุรี ท้าวสุวรรณสาร ท้าวศรีวรราช ท้าวอิน ท้าวสุริย ท้าวเขียว ท้าวพรหมบุตร เมืองพนมราชบุตรเมืองเรณูนครอรรคหาดเมืองอากาศอำนวย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาพิพัฒโกษานำพระยาไกรโกษาตำแหน่งราชทูตฝ่ายสยาม ๑ หลวงชาญภูเบศรผู้ช่วยราชการ ๑ มิสเตอซาเวียล่ามราชทูต ๑ ซึ่งไปรับราชการเมืองฝรั่งเสศ อิตาลี สเปน โปรตุเกศ ๔ พระนคร กลับเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสถามพระยาไกรโกษาถึงความเจ็บไข้ทุกข์ศุขพอสมควร แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ราชการ ๙ นาย ให้หม่อมราชวงษ์สนิทเปนหลวงนวกิจโกศล ในกรมธรรมการ ถือศักดินา ๘๐๐ ให้หลวงกำจัดไพรินทรปลัดกรมกองแก้วจินดาเปนหลวงธนผลพิทักษในกรมธรรมการ นา ๘๐๐ ให้นายสรรบุตรพระธาจุฬาราชมนตรี เป็นหลวงราชเศรฐีในกรมท่าขวา นา ๘๐๐ ให้นายเปลงเป็นหลวงรัตนาญัติในกรมท่ากลาง นา ๖๐๐ ให้นายนินบุตรพระยาสัมภาหบดีเป็นขุนองครักษาปลัดกรมหมอนวดขวา นา ๘๐๐ ให้ขุนเทพกุมารเป็นขุนกุมารประเสริฐปลัดกรมหมอกุมารขวา นา ๔๐๐ ให้หมื่นทิพกุมารเป็นขุนกุมารประสิทธิปลัดกรมหมอกุมารซ้าย นา ๔๐๐ ให้หลวงนิกรภักดีเป็นพระธัญญาภิบาลในกรมเกษตราธิการฝ่ายพระราชวังบวร นา ๔๐๐ ให้ขุนอภิบาลสาลีเปนหลวงพิทักษสาลีในกรมเกษตราธิการฝ่ายพระราชวังบวร นา ๓๐๐ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานเบี้ยหวัด งบที่ ๑ ฝ่ายพระราชวังบวรตามงบที่ถวายสิ้นเงิน ๙๐ ชั่ง เวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จลงประชุมปฤกษาราชการเวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้นเลิกประชุม

วันที่รัชกาล ๗๗๐๘ วัน ๔ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๘ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลา ๒ ทุ่มเสศ เสด็จลงประชุมประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศเสดจขึ้น วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง ไม่มีราชการอไร.

วันที่รัชกาล ๗๗๐๙ วัน ๕ ๑๒ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๑๙ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องขาวเสร็จแล้ว เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มาทรงรถพระที่นั่งโดยกระบวนตามเคย ไปประทับพลับพลาวัดสะเกษจึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นพรหมวรานุรักษ์ เข้าไปทอดผ้าไตรของหลวงในพระเมรุสดัปกรณพระศพพระบวรวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้าหญิงบันเทิง ซึ่งเป็นพระชายาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงษเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าหญิงศิริวัฒนา ซึ่งเป็นพระบุตรีในพระองค์เจ้าบันเทิง ผ้าไตรของหลวงสดัปกรณพระศพล ๑๐ ไตร ผ้าพับน่าพระศพล ๑๐๐ ผืน ย่าม พระศพล ๑๐๐ ย่าม เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิงทั้งสองพระองค์เสร็จแล้ว ทรงโปรยผลมนาวผลลเฟื้อง ๑๐ ตำลึง มีต้นกัลปพฤกษ ๒ ต้น ๆ ล ๕ ตำลึงผลละเพื้อง เวลาย่ำค่ำเสศเสด็จกลับ

เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จลงประชุมปฤกษาราชการ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๗๑๐ วัน ๖ ๑๓ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอกศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๐ ธันวาคม รัตนโกสินทร๒๒ศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาย่ำค่ำเสศเสด็จออกพระราชเบี้ยหวัดงบที่ ๒ ฝ่ายพระราชวังบวร พระบรมวงษานุวงษข้าราชการเฝ้าทูลของธุลีพระบาทตามเคย

พระมนตรีพจนกิจนำบอก กรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาราชเสนาข้าหลวงเมืองอุบลราชธานีมีความว่า ข้าหลวงเชิญพระบรมรูปแลท้องตราออกไป พระยาราชเสนาข้าหลวงกับท้าวเพี้ยกรมการได้รับเชิญขึ้นประดิษฐานในที่อันควรแล้ว ฉบับ ๒ มีความว่า พระยาราชเสนาได้แต่งให้ข้าหลวงท้าวเพี้ยเชิญพระบรมรูปกับศุภอักษรขึ้นไปยังเจ้านครจำปาศักดิ์แล้ว ฉบับ ๓ บอกพระศรีพิทักษข้าหลวงเมืองขุขันธมีความว่า บัดนี้จับได้ตัวอ้ายขุนแก้วผู้ร้ายปล้นหลวงอาษาภูธรบ้านตรวย แขวงเมืองขุขันธ เอาปืนยิงเจ้าของทรัพยตาย ๑ ป่วย ๑ รวมผู้ร้ายปล้นตั้งแต่พระศรีพิทักษขึ้นไปเปน ๕ รายได้ตัวอ้ายผู้ร้าย ๑๘ คน พระศรีพิทักษยังจะสืบจับชำระเร่งเอาของกลางต่อไป ฉบับ ๓ ศุภอักษรเจ้ามหินธราเทพนิภาธร เจ้านครเมืองหลวงพระบางว่า โปรดเกล้า ฯ พระราชทานหีบศิลาน่าเพลิงสิ่งของเครื่องไทยธรรมการเผาศพเจ้าราชสัมพันธุวงษนั้น เจ้านครหลวงพระบางได้พร้อมกันกับพระยาสุรศักดิ์มนตรี รับของพระราชทานทำการเผาศพแสร็จแล้ว พระยานรินทรราชเสนีนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาสุนทรานุรักษผู้รักษาเมืองสงขลามีความว่า ฯพณฯ สมุหพระกระลาโหมมีหนังสือบัญชา ถึงพระยาสุนทรานุรักษ์ ให้หาตัวหลวงสุวรรณผู้รับทำบ่อทองเมืองระแงะมาเร่งทองคำส่วยปีกุนยักขาดหนักบาทสลึงไทย ปีชวดทองหนักสามสิบห้าตำลึงแขก บัดนี้พระยาสุนทรานุรักษ์ได้ส่งเข้ามาตามจำนวนแล้ว ฉบับ ๒ บอกพระยาวิชิตภักดีเมืองไชยามีความว่า มีตราพระคชสีหโปรดเกล้าฯ ไปถึงพระยาวิชิตภักดีให้ทำทางสายโทรเลขนั้น พระยาวิชิตภักดีได้ทราบแล้ว พระยาวิชิตภักดีได้ทำตั้งแต่บ้านภุมเรียงแขวงเมืองไชยา ถึงเมืองกาญจนดิษฐ์ ๒๓๕๕ เส้น ๑๗ วา เสา ๑๕๗๐ ต้น ตั้งแต่กาญจนดิษฐ์ถึงเมืองหลังสวนทาง ๒๓๕๕ เส้น ๑๗ วา เสา ๑๕๗๐ ต้นเสร็จแล้ว แต่เงินค่านาซึ่งขอเบิกไว้ ๒๕ ชั่ง ไว้ซื้อสเบียงจ่ายคนทำทางนั้น ยังเหลือแปดชั่งสองตำลึงกึ่ง พระยาวิชิตภักดีขอไว้จ่ายราชการอื่นต่อไป ฉบับ ๓ มีความว่า พระครูรัตนมุนีศรีสังฆราชาลังกาแก้ว วัดโพธารามเจ้าคณเมืองไชยาถึงแก่มรณภาพ ขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ พระยาสุรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมฝ่ายพระราชวังบวร ขึ้นกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ ฉบับที่ ๑ บอกพระยาสุนทรานุรักษผู้รักษาเมืองสงขลามีความว่า ส่งเงินส่วยดีบุกพตงการำภาษีเมืองยลา จำนวนปีชวดดีบุก ๗ ภารา ๆ ละชั่ง เป็นเงิน ๗ ชั่ง ฉบับ ๒ บอกส่งคำฉลองต่างต้นไม้เงิน ทอง } เครื่องราชบรรณาการจำนวนรัตนโกสินทรศก ๑๐๘ ทองคำหนัก ๗ บาทสองสลึง เทียนพนมหนักต้นลบาทพันเล่ม กันแซงเตยใหญ่ ๘ ผืนกันแซงเตยเล็ก ๑๖ ผืนใต้น่าช้างแปดดวง รางปืน ๑๐ ราง ไม้พลองคันขอ ๑๖๐ ท่อน หวายแส่มา ๑๖๐ เส้น หวายโป่ง ๑๖๐ เส้น ตลุ้มพันซิว แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง ๔ นาย สัญญาบัตรทหาร ๕ นาย ให้ขุนพินิจสรศักดิ์เป็นพระศรสำแดง เจ้ากรมกรมเกณฑ์หัดพระแสงปืนต้นซ้าย ถือศักดินา ๑๐๐๐ ให้หมื่นกุมศรยุทธเป็นหลวงเสน่หศรชิตเจ้ากรมเกณฑ์หัดพระแสงปืนต้นขวา นา ๔๐๐ ให้หมื่นอาวุธรักษาเป็นขุนราชสรสิทธิ์ปลัดกรมพระแสงปืนต้นขวา นา ๓๐๐ ให้หมื่นไกรสรยุทธเป็นขุนฤทธิสรไกรปลัดกรมพระแสงปืนต้นซ้าย นา ๓๐๐

สัญญาบัตรทหารบก นายพันโทหม่อมเจ้าวัฒนาเป็นนายพันเอก นายพันโทเจ้าหมื่นสรรพเพธภักดีเป็นนายพันเอก นายร้อยเอกหลวงสโมสรพลการเป็นนายพันตรี พระบวรวงษเธอพระองคเจ้ากัลยาณประวัติเป็นนายร้อยตรี หลวงประสิทธิราชศักดิ์เป็นนายร้อยตรี พระยาพิพัฒโกษานำพระอินทราษาผู้ว่าการเมืองพนัศนิคมหลวงพิไชยชาญยุทธยกรบัตรเมืองพนัศนิคม พระปรานีจีนประชาปลัดฝ่ายจีนเมืองตราด รวม ๓ นาย กราบถวายบังคมทูลลาไปรักษาราชการบ้านเมือง แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเบี้ยหวัดตามงบที่ถวายฝ่ายพระราชวังบวร เป็นงบที่ ๒ สิ้นเงิน ๑๐๐ ชั่ง เวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จลงประชุมประทับอยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๗๑๑ วัน ๗ ๑๔ ๑ ค่ำ ปีฉลู เอก๒๒ศก ๑๒๕๑

วันที่ ๒๑ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒)

เวลาเช้า ๕ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชออกเลี้ยงพระฉันขนมเบื้อง ที่พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พระสงฆราชาคณะถานานุกรม ๗๐ รูป มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสเป็นประธานสงฆ ฉันเสรจแล้วถวายพระพรลา เวลา ๒ ทุ่มเสส โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร พระองค์เจ้าหญิงประภาพรรณพิไลย ออกมาจุดเทียนที่พระที่นั่งโมขปราสาท ในการหล่อพระฉลองพระองค์ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายสมัยวุฏฐิวโรดมที่สิ้นพระชนม์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆราชาคณะ ๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์มีพระวิเชียรมุนีเป็นประธานสงฆ จบแล้วถวายพระพรลา

  1. 1. หม่อมราชวงศ์ สุวพรรณ (ใหญ่) สนิทวงศ์

  2. 2. หม่อมราชวงศ์ เปีย มาลากุล ภายหลังเป็นมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี

  3. 3. การไปเมืองยุโรปครั้งนั้น ได้นำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปถวายแก่ พระเจ้ากรุงเยร์มะเนียเอ๊าสเตรีย สวิเดน เดนมาร์ก และประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศส แล้วตรวจราชการในยุโรป เมืองพม่า และเมืองอินเดียด้วย

  4. 4. กรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ