๖๘

ฝ่ายตวนเก็งจู๊กับเอียหลิม เจียะย้ง ซึ่งซ้องกั๋งใช้ให้ไปจัดซื้อม้าข้างทิศเหนือ ได้ม้าดีสองร้อยก็คุมกลับมาถึงเขตแดนเมืองเช็งจิว พบโจรพวกหนึ่งประมาณสามร้อยเศษ ตัวนายชื่อหยกเปาสี เรียกว่าเฮียมเตาสิน คุมบริวารออกสกัดแย่งชิงม้า ตวนเก็งจู๊ เอียหลิม เจียะย้งสู้รบต้านทานไม่ได้ก็แตกหนีกระจัดกระจายไป พวกโจรจึงคุมม้าสองร้อยไปให้พวกจันเถาฉี ตวนเก็งจู๊เที่ยวตามเอียหลิมกับเจียะย้งไม่แจ้งว่าจะหลีกหนีไปข้างไหน ตวนเก็งไม่รู้ที่จะคิดประการใดก็รีบกลับมาทั้งกลางคืนกลางวันมิได้หยุด

ฝ่ายกวนเส็งยกมาถึงตำบลเขาเนียซัวเปาะ พร้อมกับกองทัพลีขุยก็ลงเรือข้ามไปถึงด่านกิมซัวทัว พอตวนเก็งจู๊ลงเรือข้ามไป ลิมชองเห็นตวนเก็งจู๊ถามว่า น้องกับเอียหลิม เจียะย้งไปซื้อม้าข้างทิศเหนือ เหตุใดจึงทำท่วงทีเหมือนหนีมา ตวนเก็งจู๊ก็แจ้งความตามเรื่องให้ฟังแล้วพูดว่า เอียหลิมกับเจียะย้งนั้นพลัดกันไม่ทราบว่าจะไปข้างไหน ลิมชองกับพวกพ้องได้ฟังก็ชวนกันตรงมายังที่ตงงิตึงที่ชุมนุม กวนเส็งก็นำตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กเข้าไปคำนับซ้องกั๋งกับพวกพ้องที่อยู่แล้วพูดจาไต่ถามกัน ลีขุยจึงแจ้งความตั้งแต่หนีไปฆ่าฮั่นแป๊ะเหล็ง แล้วพบกับเจียวเทงและเปาหยก ชวนกันตีเมืองเล่งจิวแตกให้ฟังตั้งแต่ต้นจนปลาย ซ้องกั๋งก็มีความยินดีนัก ตวนเก็งจู๊ก็เล่าความซึ่งมีผู้แย่งชิงม้าไปให้ซ้องกั๋งฟังทุกประการ

ซ้องกั๋งจึงพูดว่า พวกจันเถาฉีบังอาจนัก เดิมชิงม้าไปครั้งหนึ่งแล้วซํ้ายิงเตียวไก่ตายก็ไม่ได้ไปแก้แค้น คราวนี้ยังมาชิงม้าไปอีกทำข่มเหงเหลือเกิน แม้นไม่ยกกองทัพไปปราบปรามคนทั้งปวงก็จะหัวเราะได้ โงวหยงซินแสว่าฤดูนี้ไพร่พลรบพุ่งกันไม่สบาย จำจะต้องให้ซิเซียนไปสืบข่าวดูสักครั้งหนึ่ง ถ้ากลับมาจึงปรึกษาการที่จะยกกองทัพไป พูดแล้วก็ให้ซิเซียนไปยังตำบลจันเถาฉี

ฝ่ายเอียหลิมกับเจียะย้งพลัดกันกับตวนเก็งจู๊ แจ้งว่าโจรเอาม้าไปให้พวกจันเถาฉี ก็ไปสืบข่าวรู้ความแล้วกลับมายังตำบลเขาเนียซัวเปาะบอกแก่ซ้องกั๋งว่า ซือบุนเกียงครูของพวกจันเถาฉีพูดด้วยคำหยาบช้าต่างๆ แล้วว่าจะยกมาสู้รบกับพวกเรา ซ้องกั๋งได้ฟังก็โกรธสั่งให้จัดกองทัพจะยกไปปราบพวกจันเถาฉี โงวหยงซินแสว่าคอยให้ซิเซียนกลับมาก่อน ซ้องกั๋งก็ไม่ฟังจะยกกองทัพไปให้ได้จึงใช้ให้ไตจงรีบไปสืบข่าวอีก ไตจงไปถึงตำบลจันเถาฉีสืบรู้ถี่ถ้วนแล้วก็กลับมาถึงก่อน แจ้งกับซ้องกั๋งว่า บัดนี้พวกจันเถาฉีทำค่ายไว้ในตำบลสำหรับจะป้องกันอันตรายเป็นหลายแห่ง ค่ายที่วัดฮวบฮัวซีนั้นที่ชุมนุมกว้างขวางประมาณทางหลายร้อยลี้

พอซิเซียนกลับมาแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ข้าพเจ้าเล็ดลอดเข้าไปในตำบลจันเถาฉีสืบข่าวว่า พวกแซ่จันปลูกค่ายขึ้นในตำบลห้าแห่งที่ต้นทางนั้นมีไพร่พลสามพัน ค่ายใหญ่ที่ชุมนุมนั้นซือบุนเกียงครูที่หนึ่งว่ากล่าวการทั้งปวง ค่ายข้างทิศเหนือจันโถวบุตรที่หนึ่งกับโซเตี้ยครูที่สองอยู่รักษาค่ายทิศใต้ จันมิดบุตรที่สองอยู่รักษาค่ายทิศตะวันตก จันซกบุตรที่สามอยู่รักษาค่ายทิศตะวันออก จันคุยบุตรที่สี่อยู่รักษาค่ายกลาง จันเซ็งบุตรที่ห้ากับจันเซียงเจียผู้เป็นบิดาอยู่ป้องกัน ยกเปาสีโจรที่เมืองเช็งจิว รูปร่างสูงใหญ่แย่งชิงเอาม้าไปเลี้ยงไว้ที่วัดฮวบฮัวซีเป็นอันมาก โงวหยงได้ฟังก็ชุมนุมพวกพ้องมาพร้อมกันปรึกษาว่า เราจะจัดกองทัพเป็นห้ากองแยกไปคนละทาง เข้าตีค่ายทั้งห้าให้พร้อมกัน

โลวจุนหงีจึงว่า ท่านทั้งปวงมีจิตช่วยข้าพเจ้ามาอยู่ด้วยกันนั้นพระคุณเป็นที่ยิ่ง ยังไม่ได้แทนคุณเลย จะขออาสาเป็นทัพหน้า ยกไปตีตำบลจันเถาฉีสักครั้งหนึ่ง โงวหยงซินแสว่าท่านเศรษฐีเพิ่งจะมาใหม่ยังไม่เคยทางจะยกกองทัพไปครั้งนี้สูง ๆ ต่ำ ๆ เดินลำบากนัก ถ้าท่านตั้งใจจะช่วยก็จงคุมไพร่พลไปซุ่มอยู่ริมตำบลจันเถาฉี ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาจุดขึ้นเมื่อไรก็ให้คุมไพร่พลเข้าช่วยตีกว่า

ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบด้วย โงวหยงจึงให้โลวจุนหงีกับเอียนเช็งคุมไพร่พลห้าร้อยไปซุ่มอยู่ตามที่คิดไว้ ให้ฉินเหม็ง ฮวยหยง เบ๊หลิน เต็งฮุยคุมไพร่พลสามพันยกไปตีค่ายใหญ่ที่ตำบลจันเถาฉีข้างทิศใต้ ให้หลวงจีนลูตีซิม บู๊สง ขงเม่ง ขงเหลียงคุมไพร่พลสามพันยกไปตีค่ายทิศตะวันออก ให้เอียจี้ ซือจิน เอียชุน ตันตัดคุมไพร่พลสามพันยกไปตีค่ายทิศเหนือ ให้จูตง ลุยเหง โจวยุนคุมไพร่พลสามพันยกไปตีค่ายทิศตะวันตก ให้ซ้องกั๋ง กงซุนสิน กับโงวหยงซินแส ลือฮวง กวยเส็ง เกยเตียน เกยโป ไตจง ซิเซียนคุมไพร่พลห้าพันยกไปตีค่ายกลางที่ชุมนุม ให้ลีขุย ฮวนสุย หังชอง ลีกุนคุมไพร่พลยกตามไปคอยช่วย จัดการเสร็จแล้วซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสก็ยกกองทัพออกจากเขาเนียซัวเปาะไป

ฝ่ายม้าใช้ลาดตระเวนตำบลจันเถาฉีแจ้งว่าซ้องกั๋งยกกองทัพมาก็รีบไปแจ้งความกับจันเซียงเจียเจ้าของตำบล จันเซียงเจียจึงเชิญซือบุนเกียง โซเตี้ยผู้เป็นอาจารย์มาปรึกษาว่า บัดนี้พวกโจรตำบลเขาเนียซัวเปาะยกกองทัพมาท่านจะคิดอ่านประการใดดี ซือบุนเกียงว่าต้องคิดอุบายขุดหลุมขุดบ่อไปคอยจับพวกโจรดีกว่าคิดอุบายอย่างอื่น จันเซียงเจียได้ฟังก็เห็นชอบจึงให้ไปขุดหลุมไว้ที่หน้าค่ายกลางตำบล และค่ายข้างทิศเหนือด้วยเป็นอันมาก แล้วจัดไพร่พลไปซุ่มไว้คอยสู้รบต้านทานกับพวกโจร

ฝ่ายซ้องกั๋งกับโงวหยงยกกองทัพเดินทางมา ให้ซิเซียนไปสืบดูที่ตำบลจันเถาฉีก่อน ซิเซียนก็รีบไปสืบดูได้ความแล้วกลับมาแจ้งกับซ้องกั๋งและโงวหยงว่า พวกจันเถาฉีคิดอุบายขุดหลุมและบ่อไว้ตามแถวหน้าค่ายคอยกองทัพพวกเรา โงวหยงซินแสได้ฟังก็หัวเราะแล้วยกกองทัพเดินไปใกล้จะถึงตำบลจันเถาฉี เห็นทหารผู้หนึ่งขี่ม้าเที่ยวตรวจตราอยู่ กองทัพหน้าก็จะไล่ตาม โงวหยงห้ามไว้แล้วหยุดกองทัพ ตั้งค่ายมั่นขุดคูปักขวากเหล็กไว้แน่นหนา คอยอยู่ถึงสามวันก็ไม่เห็นพวกจันเถาฉียกออกมารบ โงวหยงมีความสงสัยจึงให้ซิเซียนปลอมเป็นไพร่ลอบเข้าไปสืบดูว่า พวกแซ่จันขุดหลุมและบ่อไว้ข้างทิศเหนือและทิศใต้ ไกลค่ายมากน้อยเท่าไรก็ให้จดหมายมาจนสิ้น

ซิเซียนรับคำสั่ง ออกจากค่ายตรงไปตำบลจันเถาฉีสืบดูรู้ถี่ถ้วนถูกต้องแล้วก็รีบกลับมาค่ายชี้แจงให้โงวหยงและซ้องกั๋งฟังทุกประการ โงวหยงซินแสก็จัดให้ทัพหน้าแยกเป็นสองกองเอาเกวียนที่ใส่เสบียงอาหารบรรจุหญ้าฟางและดินปืนทั้งร้อยเล่มลอบไปซุ่มอยู่หลังเขา ถ้าถึงกำหนดก็ให้คุมเกวียนเข้าสกัดทางจุดไฟขึ้นให้หลวงจีนลูตีซิม บู๊สง จูตง ลุยเหงคุมไพร่พลแยกเป็นสองกอง เข้าตีค่ายทิศตะวันออก ให้เอียจี้ ซือจินคุมไพร่พลไปตั้งขบวนรบอยู่หน้าค่ายใหญ่ ถ้าถึงกำหนดให้ตีกลองโห่ร้องทำทีจะบุกรุกเข้าไป นายทหารทั้งหกก็คำนับลาแยกกันไปทำการตามสั่ง ครั้นรุ่งขึ้นเช้าซ้องกั๋งกับพวกพ้องก็ยกไพร่พลเป็นกองหนุนเข้าไปตีค่ายพร้อมกัน

ฝ่ายซือบุนเกียง จัดการคิดจะล่อลวงพวกพ้องซ้องกั๋ง พอได้ยินเสียงประทัดสัญญาจุดขึ้นพวกซ้องกั๋งก็ตีหักประดังเข้าไป หลวงจีนลูตีซิมกับบู๊สงคุมไพร่พลเข้าตีค่ายทิศตะวันออก จูตง ลุยเหงเข้าตีค่ายด้านทิศตะวันตก พวกแซ่จันก็รีบมาบอกซือบุนเกียง ๆ จึงจัดไพร่พลให้ยกไปช่วย จันซก จันคุย ซือบุนเกียงก็ไม่ออกมาสู้รบปรารถนาจะให้พวกซ้องกั๋งตีหักเข้าทางหน้าค่ายจะได้ตกบ่อและหลุมลง ไพร่พลของซ้องกั๋งที่ไปซุ่มอยู่หลังเขาได้ยินเสียงประทัดสัญญาก็แยกกันเป็นสองกอง อ้อมมาทางหลังค่าย รุกไล่พวกแซ่จันที่ซุ่มอยู่ริมหลุมกระชั้นมาจนถึงหน้าค่าย แล้วขับเกวียนที่บรรทุกเครื่องไฟออกสกัดไว้ โงวหยงซินแสคุมไพร่พลตีกระทบเข้ามาทางหลังค่าย พวกแซ่จันไม่รู้จะหนีไปทางไหน ถอยไปหน้าค่ายก็พลัดตกลงในหลุมของตัวทั้งสิ้น โงวหยงก็ให้จุดไฟติดเกวียนขึ้นทั่วกัน ซือบุนเกียงคุมไพร่พลเหล่านั้น จะออกมาสู้รบก็ไม่ได้ กงซุนสินยืนอยู่หน้าขบวนทหารก็อ่านมนต์คาถาเป็นลมพายุ หอบเอาไฟไปติดหอรบข้างทิศใต้ไหม้ขึ้น ซ้องกั๋งได้ชัยชนะก็ยกกองทัพกลับไปค่าย ซือบุนเกียงจึงให้ไพร่พลซ่อมแซมหอรบและประตูกำแพงแต่ในเวลากลางคืนจนแล้วเสร็จ

จันโถวจึงปรึกษากับซือบุนเกียงว่า พวกโจรมีใจกำเริบมากต้องยกออกไปรบฆ่าเสียให้เบาบางจึงจะได้ พูดแล้วก็แต่งตัวขึ้นม้าคุมไพร่พลออกจากตำบลไปท้าชวนรบ ซ้องกั๋งแจ้งความก็ให้ลือฮวง กวยเส็งคุมไพร่พลออกไปรบกับจันโถวได้สามสิบเพลงสู้ฝีมือจันโถวไม่ได้ก็ชักม้าหนี ฮวยหยงยืนอยู่หน้าค่ายกลัวจะเสียทีก็ขับม้าตรงไปยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกแขนขวาจันโถวพลัดตกจากหลังม้าลง ลือฮวง กวยเส็งก็เข้าฟันจันโถวตาย พวกไพร่พลเห็นนายตายก็ตกใจ แตกหนีไปแจ้งความกับจันเซียงเจียผู้บิดาทุกประการ จันเซียงเจียได้ฟังก็ร้องไห้เสียดายจันโถวยิ่งนัก

ฝ่ายจันเซ็งฝีมือเข้มแข็งมีปวยต๋อมีดวิเศษอยู่สองเล่ม ครั้นแจ้งว่าจันโถวผู้พี่ตายก็โกรธ สั่งไพร่พลให้จัดม้าจะยกออกไปแก้แค้น จันหลังผู้เป็นบิดาห้ามก็ไม่ฟัง ขึ้นม้าตรงมาหน้าค่ายใหญ่ ซือบุนเกียงก็ออกห้ามจันเซ็งว่าท่านอย่าเพิ่งยกออกไปสู้รบก่อน พวกซ้องกั๋งนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก ถ้าแต่ลำพังเราเห็นจะสู้พวกโจรไม่ได้ ท่านจงบอกข้อราชการเข้าไปเมืองหลวง กราบทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงขอกองทัพยกแยกมาช่วยตำบลจันเถาฉีพวกหนึ่ง ยกไปตีตำบลเขาเนียซัวเปาะพวกหนึ่ง โจรเหล่านี้แจ้งว่ามีกองทัพหลวงมาก็คงกลับไปเอง เราจึงยกกองทัพไปไล่ติดตามซ้ำเติมเอาคงสมความปรารถนา

ขณะนั้นโซเตี้ยครูที่สองก็มาห้ามจันเซ็งว่า ขอท่านจงอยู่รักษาค่ายของเราไว้ดีกว่าด้วยโงวหยงซินแสมีสติปัญญาคิดอุบายต่างๆ จะยกออกสู้รบในขณะนี้เห็นจะไม่ได้ รอคอยให้กองทัพยกมาช่วยจึงค่อยคิดอ่านต่อไป

จันเซ็งว่าพวกโจรฆ่าพี่ชายเราตายจะไม่แก้แค้นยังไงได้ ช้าไปพวกโจรก็จะมีกำลังมากขึ้น ซือบุนเกียง โซเตี้ยห้ามปรามสักเท่าไรจันเซ็งก็ไม่ฟังถือทวนขึ้นม้าคุมไพร่พลไปถึงหน้าค่ายซ้องกั๋งก็ชวนให้ออกรบ ซ้องกั๋งสั่งให้ฉินเหม็งนายทัพหน้าคุมไพร่พลออกจากค่าย ลีขุยถือขวานสองมือตรงเข้าไล่รุกพวกแซ่จันไป

จันเซ็งเห็นจึงถามไพร่พลว่าทหารที่ไล่ฆ่าฟันพวกเรามานั้นผู้ใด ที่รู้จักก็บอกว่าชื่อลีขุย จันเซ็งแจ้งดังนั้นก็ให้ยิงเกาทัณฑ์ระดมมา หังชอง ลีกุนก็เอาโล่ป้องกันลูกเกาทัณฑ์ไว้ ลีขุยนั้นออกรบครั้งใดก็ไม่ได้ใส่เสื้อเกราะ ลูกเกาทัณฑ์ถูกต้นขาลีขุยล้มลง ไพร่พลของจันเซ็งกรูกันออกมาจะจับตัว ฉินเหม็ง ฮวยหยงเห็นก็ขับม้าเข้าช่วยป้องกันลีขุยไว้ เบ๊หลิน เต็งฮุย ลือฮวง กวยเส็งก็พยุงเอาลีขุยกลับมาค่าย จันเซ็งเห็นพวกซ้องกั๋งมากก็ไม่อาจจะไล่ตามก็คุมไพร่พลกลับเข้าค่าย

ครั้นรุ่งขึ้นจันเซ็งคิดจะยกออกสู้รบแก้แค้นแทนพี่ชายอีก จึงให้ซือบุนเกียงออกไปช่วยรบ ซือบุนเกียงไม่รู้ที่จะคิดก็ต้องยอม จึงแต่งตัวถืออาวุธขึ้นม้าเจียวแมเง็กไซจือเบ๊ที่แย่งชิงของตวนเก็งจู๊ไปแต่ครั้งก่อน คุมไพร่พลออกมาท้าทาย ซ้องกั๋งกับพวกพ้องก็คุมไพร่พลออกจากค่ายตั้งเป็นขบวน เห็นม้าที่ซือบุนเกียงขี่ก็ยิ่งมีความแค้นเคืองสั่งให้พวกพ้องออกรบกับซือบุนเกียง ฉินเหม็งขับม้าตรงเข้าต้านทานประมาณยี่สิบเพลงสู้กำลังและฝีมือซือบุนเกียงไม่ได้ก็ขับม้าหนี ซือบุนเกียงเห็นได้ทีก็ขับม้าไล่ตามทัน เอาทวนแทงถูกต้นขาฉินเหม็งตกม้าลง ลือฮวง กวยเส็ง เบ๊หลิน เต็งฮุยก็กรูกันเข้าช่วยฉินเหม็งไว้ ไพร่พลของซือบุนเกียงก็รุกไล่ฆ่าฟันไพร่พลซ้องกั๋งล้มตายลงเป็นอันมาก ซ้องกั๋งจึงสั่งให้ถอยทัพไปห่างประมาณสิบลี้พักไพร่พลหยุดอยู่ แล้วจัดเกวียนบรรทุกฉินเหม็งไปรักษาที่เขาเนียซัวเปาะ สั่งให้บอกกับกวนเส็ง ซือเหล็ง ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กสี่นายยกมาช่วยโดยเร็ว ไพร่พลก็คำนับลานำเกวียนกลับไป

ซ้องกั๋งมีความวิตกจุดธูปเทียนอธิษฐาน จับยามกางตำรับออกบอกให้โงวหยงซินแสรู้ว่าเวลาค่ำนี้จะมีข้าศึกมาปล้นค่าย โงวหยงว่าท่านอย่าวิตกข้าพเจ้าจะจัดการเอง พูดแล้วก็สั่งให้พวกพ้องแยกไปรักษาค่ายตะวันตกและตะวันออก เกยเตียน เกยโป นั้นให้คุมไพร่พลไปซุ่มอยู่สองข้างซ้ายขวา ตามบรรดาพวกพ้องไพร่พลทั้งปวงจัดการเตรียมไว้ตามคำของโงวหยงซินแสทุกประการ

ฝ่ายซือบุนเกียงได้ชัยชนะก็คุมไพร่พลกลับเข้าค่าย เวลากลางคืนเดือนหงายแจ่มจึงพูดกับจันเซ็งว่า กองทัพโจรปราชัยเจ็บป่วยไปสองคนคงมีความเกรงกลัว ถ้าเรายกไปตีปล้นค่ายซ้ำเติมเอาก็คงได้โดยง่าย จันเซ็งได้ฟังก็เห็นชอบจึงให้ไพร่พลไปบอกกับโซเตี้ยผู้รักษาค่ายทิศเหนือ จันมิดผู้รักษาค่ายใต้ จันซกผู้รักษาค่ายตะวันตก ให้คุมไพร่พลมาสมทบกันจะยกไปปล้นค่ายในสองยามเศษ

พอผู้รักษาค่ายทั้งสามคุมไพร่พลมาที่ค่ายใหญ่พร้อมกันทั้งห้านายได้เวลาก็ยกตรงไปถึงค่ายซ้องกั๋ง เห็นไม่มีผู้คนก็ตกใจรู้ว่าถูกอุบายพวกโจร จึงชวนกันถอยกลับออกมา เกยเตียน เกยโปคุมไพร่พลซุ่มอยู่ริมค่ายสองข้างซ้ายขวาก็กรูกันออกไล่ฆ่าฟันเป็นตะลุมบอน จันซกหนีไม่ทันหลบเข้าไปในที่มืด พบเกยเตียนเอาขอเหล็กสามง่ามแทงถูกจันซกตายแล้วจุดไฟขึ้น พวกซ้องกั๋งที่ซุ่มอยู่ค่ายตะวันตกและตะวันออกก็รุกไล่ไปช่วยกันฆ่าฟันไพร่พลพวกแซ่จันล้มตายลงเป็นอันมาก ซือบุนเกียงรวบรวมไพร่พลกลับเข้าตำบล ซ้องกั๋งกับพวกพ้องก็ยกกลับเข้าค่าย ซือบุนเกียงกับโซเตี้ยและจันเซ็งจันมิดกลับมาถึงค่ายแจ้งความตามซึ่งเสียทีแก่ข้าศึก และจันซกตายในที่รบให้จันเซียงเจียผู้บิดาฟังทุกประการ

จันเซียงเจียก็ร้องไห้เศร้าโศกยิ่งนัก จึงปรึกษากับซือบุนเกียงว่า จะทำหนังสือยอมสามิภักดิ์แก่พวกโจรดีหรือไม่ ซือบุนเกียงก็เห็นชอบด้วยและมีความเกรงกลัวซ้องกั๋งอยู่เหมือนกัน จึงแต่งหนังสือมอบให้คนใช้ที่สนิทถือไปถึงค่าย ซ้องกั๋งได้แจ้งก็ให้ผู้ถือหนังสือเข้าไปแล้วฉีกผนึกออกอ่านใจความว่า “ข้าพเจ้าจันเซียงเจียเจ้าของตำบลจันเถาฉี คำนับมายังท่านซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ เดิมทีบุตรของข้าพเจ้ามีความกำเริบมากไม่รู้จักการ ไปแย่งชิงเอาม้าของท่านข้าพเจ้ามิได้ทราบ ครั้นเตียวไก่ไต้อ๋องยกกองทัพมาไพร่พลของข้าพเจ้าบังอาจยิงเกาทัณฑ์ถูกเตียวไก่ตายโทษผิดมากนัก บัดนี้บุตรข้าพเจ้าตายถึงสองคน ขอท่านจงเอ็นดูได้เลิกแล้วแก่กันเชิญยกกองทัพกลับไปเถิด ที่แย่งชิงม้านั้นจะคืนให้และจะจัดเงินทองแพรพรรณไปรางวัลไพร่พลของท่านด้วย อย่าได้ถือโทษพวกข้าพเจ้าเลย” ซ้องกั๋งแจ้งความก็โกรธแลดูโงวหยงซินแสแล้วพูดว่า ฆ่าพี่เราตายยังจะมาว่ากล่าวให้เลิกกันนั้นเราไม่ยอม จำเป็นจะต้องปราบปรามตำบลจันเถาฉีให้ราบเสียก่อนจึงจะกลับไป พูดแล้วก็ฉีกหนังสือทิ้งเสีย

โงวหยงซินแสทำเป็นห้ามซ้องกั๋งว่า ท่านพูดดังนั้นไม่ถูกต้องจงตรึกตรองการงานก่อน บัดนี้จันเซียงเจียเจ้าของตำบลให้ถือหนังสือมาว่ากล่าวขอเป็นไมตรีกันนั้นก็ควรอยู่แล้ว ท่านมาโกรธขึ้งดังนี้ก็จะเสียความสัตย์ไม่ต้องการ พูดแล้วก็ทำหนังสือตอบมอบให้คนที่มากับเงินสิบตำลึง ผู้ถือหนังสือก็คำนับลากลับไปยังตำบลจันเถาฉี ส่งหนังสือให้จันหลังกับซือบุนเกียงรับมาฉีกผนึกออกอ่านมีความว่า “ซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะ เดิมก็ไม่มีสาเหตุสิ่งใดต่างคนต่างอยู่รักษาตำบลของตัว บัดนี้พวกตำบลจันเถาฉีคิดการไม่ดีจึงได้มีข้อขัดเคืองกันขึ้น ถ้าแม้นจะให้เลิกแล้วเป็นไมตรีดีต่อกัน จงเอาม้าที่แย่งชิงไปสองครั้งนั้นคืนให้ กับเอาตัวหยกเปาสีที่แย่งชิงม้ามาส่งด้วย แล้วให้นำเงินทองทรัพย์สิ่งของมาให้เหมือนกับที่พูดเราจึงจะยอม ถ้าไม่ประพฤติตามเราก็คงจะได้เห็นกัน” จันหลังกับซือบุนเกียงแจ้งความก็กลัวอยากจะยอมแต่ระแวงว่า ซ้องกั๋งจะพลิกแพลง

ครั้นรุ่งขึ้นเช้าจันเซียงเจียจึงให้คนใช้มาแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ซึ่งท่านจะเอาตัวหยกเปาสีนั้นข้าพเจ้าก็ยอมทำตามแต่ขอพวกพ้องของท่านมาไว้เป็นจำนำสักคนหนึ่ง ซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสได้ฟังปรึกษากันให้ซิเซียน ลีขุย ฮวนสุย หังชอง ลีกุน ห้านายไปเป็นจำนำ โงวหยงจึงเรียกซิเซียนมากระซิบสั่งความลับแล้ว ซิเซียนกับพวกพ้องสี่คนออกจากค่ายตรงไปยังตำบลจันเถาฉี

ฝ่ายกวนเส็ง ซือเหล็ง ตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊กอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ครั้นพวกไพร่พลพาเอาฉินเหม็งไปถึงจึงบอกกวนเส็งและคนทั้งสามว่า ซ้องกั๋งให้เชิญท่านทั้งสี่ไปช่วย กวนเส็งกับพวกสามคนก็ชวนกันออกจากเขาเนียซัวเปาะรับมาถึงค่ายเข้าไปกำกับซ้องกั๋งกับพี่น้องทั้งปวง ซ้องกั๋งก็มีความยินดี

ฝ่ายซิเซียนกับพวกสี่คน ครั้นมาถึงตำบลจันเถาฉีก็เข้าไปคำนับจันเซียงเจียงแล้วพูดว่า ซ้องกั๋งใช้ให้ข้าพเจ้านำลีขุยและคนทั้งสามมาเป็นจำนำ ซือบุนเกียงได้ฟังก็มีความสงสัยจึงพูดกับจันหลังว่า โงวหยงซินแสใช้ให้คนทั้งห้ามาคงจะมีอุบายสิ่งใดอย่าเพิ่งเชื่อฟังจงตรึกตรองดูก่อน ลีขุยได้ฟังดังนั้นก็โกรธตรงเข้าทุบตีซือบุนเกียง จันเซียงเจียก็ห้ามปรามไว้ทั้งสองข้าง

ซิเซียนจึงพูดว่าลีขุยนี้เป็นคนมุทะลุโทโสมากไม่รู้จักผิดและชอบ แต่เป็นคนรักใคร่สนิทของซ้องกั๋ง จึงได้ใช้ให้มาท่านอย่าได้เคลือบแคลงสงสัยเลย จันเซียงเจียอยากจะให้ดีเป็นไมตรีกันมิได้เชื่อฟังซือบุนเกียง จึงจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงคนทั้งห้าคน แล้วให้ไปพักอยู่ที่ค่ายวัดฮวบฮัวซีจัดไพร่พลห้าร้อยล้อมรักษาไว้ แล้วจันเซียงเจียก็จัดเงินทองกับม้าที่แย่งชิงมาทั้งสองครั้งด้วยแล้วให้จันเซ็งผู้บุตรคุมหยกเปาสีกับสิ่งของมายังค่าย นำเข้าไปคำนับซ้องกั๋ง ซ้องกั๋งเห็นหยกเปาสีกับสิ่งของทั้งปวงพร้อมแต่ม้าตัวดีไม่ได้เอามา จึงถามว่าม้าตัวดีที่ตวนเก็งจู๊เอามาแต่ครั้งก่อนนั้นเหตุใดจึงไม่เอามาด้วย จันเซ็งว่าม้าตัวนั้นซือบุนเกียงควบขี่อยู่จึงไม่ได้นำมาให้ท่าน ซ้องกั๋งว่าท่านจงมีหนังสือไปเอาม้าตัวนั้นมาให้เสียโดยดี จันเซ็งก็เขียนหนังสือให้คนใช้ถือไปบอกกับซือบุนเกียงให้นำม้านั้นมา ซือบุนเกียงแจ้งความก็พูดบิดเบือนจะไม่ให้ม้าแล้วให้คนใช้มาแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ถ้าจะต้องการม้าตัวนี้ของเราให้ได้ ก็ขอให้ถอยกองทัพกลับแล้วจึงจะนำไปให้ท่าน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ปรึกษากับโงวหยงซินแส ๆ หน่วงเหนี่ยวเอาตัวจันเซ็งไว้

ฝ่ายผู้รักษาเมืองเช็งจิวกับผู้รักษาเมืองเล่งจิว แจ้งว่าซ้องกั๋งมาตีตำบลจันเถาฉีก็จัดกองทัพให้ยกไปช่วย ฝ่ายม้าใช้สืบราชการของซ้องกั๋งแจ้งว่ากองทัพเมืองทั้งสองยกมาก็รีบไปแจ้งแก่ซ้องกั๋งทุกประการ

ขณะนั้นซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสนั่งปรึกษาการงานอยู่ ครั้นได้แจ้งความจึงพูดกับโงวหยงซินแสว่า บัดนี้มีกองทัพหัวเมืองยกมา ถ้าพวกแซ่จันรู้ก็คงจะคิดกลับใจ โงวหยงว่าข้อนั้นไม่เป็นไรท่านอย่าวิตกเลย แล้วจัดให้กวนเส็งกับตันเทงกุ้ย งุยเต็งก๊ก คุมไพร่พลยกไปสกัดกองทัพเมืองเล่งจิวไว้ กองทัพทั้งสองยกแยกกันไปแล้ว โงวหยงจึงเรียกหยกเปาสีไปที่ลับพูดจาเกลี้ยกล่อมด้วยถ้อยคำเป็นอันดีแล้วว่าถ้าท่านคิดช่วยเราครั้งนี้ จะชุบเลี้ยงตั้งให้เป็นตัวนายอยู่ตำบลเขาเนียซัวเปาะด้วยกัน โทษที่แย่งชิงม้าไปนั้นก็จะยกให้ไม่ผูกพยาบาทและจะสาบานรักใคร่เหมือนพี่น้องทั้งปวง เจ้าจะเห็นอย่างไรก็ตามใจเถิด

หยกเปาสีเห็นพวกซ้องกั๋งสัตย์ซื่อต้อนรับโดยสุจริต ประการหนึ่งแม้นว่าตำบลจันเถาฉีแตก พวกพ้องเราก็จะพากันตายทั้งสิ้น จำจะต้องยอมสามิภักดิ์เสียดีกว่า คิดแล้วจึงว่าข้าพเจ้าโทษผิดท่านไม่คิดล้างผลาญยังจะชุบเลี้ยงสืบไปพระคุณเป็นที่ยิ่ง ข้าพเจ้ายอมสามิภักดิ์ให้ท่านใช้มิได้ขัดขืน โงวหยงได้ฟังก็ยินดีแต่ยังไม่ไว้ใจจึงคิดซ้อนอุบายบอกกับหยกเปาสีว่า เจ้าจงทำเป็นหลบหนีกลับไปบอกซือบุนเกียงว่า ใจของซ้องกั๋งนั้นจะทวงม้าตัวดีให้ได้ การที่จะเลิกแล้วต่อกันซ้องกั๋งก็ไม่ยอม ถ้านำม้าไปส่งแล้วซ้องกั๋งคงกลับใจไปอีก บัดนี้กองทัพเมืองเช็งจิวเมืองเล่งจิวยกมาช่วยท่านเกือบจะถึงอยู่แล้ว ซ้องกั๋งมีความวิตก ถ้าคิดอุบายไปตีหักเอาค่ายก็คงสมความปรารถนา แม้นซือบุนเกียงเชื่อฟังเราจะได้คิดการต่อไป หยกเปาสีรับคำสั่งตรงไปยังตำบลจันเถาฉีแจ้งกับซือบุนเกียงว่า ข้าพเจ้าหลีกหนีมาแล้วเล่าความตามอุบายของโงวหยงซินแสสั่งสอนทุกประการ ซือบุนเกียงได้ฟังก็นำหยกเปาสีมาหาจันเซียงเจียผู้เป็นเจ้าของตำบล เล่าความซึ่งซ้องกั๋งจะพลิกแพลงไม่ยอมแล้วดีกันตามคำหยกเปาสี

จันเซียงเจียจึงว่าถ้าซ้องกั๋งพลิกแพลงไปก็ควรที่จะคิดการดังท่านว่า แต่บัดนี้จันเซ็งบุตรเราซ้องกั๋งหน่วงเหนี่ยวเอาตัวไว้ ถ้าคิดการเช่นนั้นขึ้นซ้องกั๋งก็คงฆ่าจันเซ็งเสีย เราจะคิดอ่านประการใดดี ซือบุนเกียงว่าเรายกเข้าตีค่ายก็คงช่วยจันเซ็งได้ แต่เวลาค่ำวันนี้ต้องยกไปช่วยกันทุกๆ ค่าย ตรงเข้าตีปล้นค่ายซ้องกั๋งก่อนก็คงได้ชัยชนะกลับมา จึงฆ่าลีขุยกับพวกสี่คนนั้นเสีย จันเซียงเจียว่าท่านคิดอุบายดังนี้ชอบแล้ว ก็สั่งให้โซเตี้ย จันคุย จันมิดตระเตรียมการไว้จะยกไปตีค่ายซ้องกั๋ง

ฝ่ายหยกเปาสี ครั้นเห็นพวกแซ่จันตระเตรียมไว้พร้อม ก็ลอบไปที่วัดฮวบฮัวซี บอกความซึ่งโงวหยงซินแสใช้มาให้ซิเซียนกับพวกสี่คนฟังแล้วว่าพวกแซ่จันจะไปตีปล้นค่ายในเวลาค่ำวันนี้แล้ว หยกเปาสีก็กลับมาค่ายซือบุนเกียงตามเดิม ซ้องกั๋งจึงพูดแก่โงวหยงซินแสว่าอุบายที่ท่านคิดไว้ไม่แจ้งว่าจะเป็นประการใด โงวหยงซินแสว่าถ้าหยกเปาสีไม่กลับมาก็คงสมกับอุบาย พวกแซ่จันคงยกมาปล้นค่ายเป็นแน่ พูดแล้วก็จัดให้หลวงจีนลูตีซิมกับบู๊สงคุมไพร่พลไปตีค่ายพวกแซ่จันข้างทิศตะวันออก ให้จูตง ลุยเหง คุมไพร่พลไปตีค่ายทิศตะวันตก ให้เอียจี้ ซือจินคุมไพร่พลไปตีค่ายทิศเหนือ ถ้าเห็นไฟติดขึ้นในตำบลเมื่อใดก็ให้ตีประดังเข้าไปทั้งสามด้าน พวกพ้องเหล่านั้นก็รับคำสั่งคุมไพร่พลแยกกันไปคอยท่าอยู่พร้อม โงวหยงซินแสกับซ้องกั๋งก็ยกกองทัพออกจากค่ายถอยไปซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทาง

ฝ่ายซือบุนเกียงกับโซเตี้ย จันคุย จันมิดตระเตรียมการไว้เสร็จแล้ว ครั้นถึงเวลากลางคืนเดือนมืดก็คุมไพร่พลออกจากค่าย ซือบุนเกียงกับโซเตี้ยนั้นไปหน้า จันคุยกับจันมิดกำกับไพร่พลมาข้างหลัง ครั้นถึงค่ายซ้องกั๋งพร้อมกันพังประตูเข้าไปไม่เห็นมีผู้คนเงียบสงัด แจ้งว่าถูกอุบายก็ตกใจรีบถอยกลับออกมา

ฝ่ายซิเซียน ครั้นถึงกำหนดนัด เห็นพวกแซ่จันยกไปปล้นค่ายแล้วก็ลอบขึ้นบนเหลาสูงในวัดฮวบฮัวซี จุดประทัดสัญญาและไฟติดขึ้นตามอุบายโงวหยงซินแสสั่ง พวกพ้องที่คุมไพร่พลไปคอยอยู่นั้นได้ยินเสียงประทัดทั้งเห็นไฟติดขึ้นก็ประดังกันเข้าตีหักเอาค่าย ลีขุย ฮวนสุย หังชอง ลีกุนสี่นายนั้นอยู่ในวัดฮวบฮัวซี ตรงเข้ารุกไล่ฆ่าฟันพวกแซ่จันขนาบออกมา

ฝ่ายซือบุนเกียงกับโซเตี้ย จันคุย จันมิด คุมไพร่พลยกไป ขณะนั้นมืดไม่ใคร่จะเห็นทาง ครั้นได้ยินเสียงประทัดและไฟติดขึ้นที่ตำบลก็รีบกลับมาโดยเร็ว

ฝ่ายจันเซียงเจียอยู่ในค่ายเห็นดังนั้นก็ตกใจนัก ครั้นเห็นว่าพวกซ้องกั๋งตีหักเข้าในตำบลได้ก็เสียใจผูกคอตายอยู่ที่นั่น จันมิดนั้นตรงไปช่วยค่ายตะวันตกพบจูตงก็เข้าสู้กัน จูตงเอาง้าวฟันถูกจันมิดตกม้าตาย จันคุยรีบไปช่วยค่ายตะวันออก ขณะนั้นไพร่พลม้าลากำลังแตกตื่น กองทัพซ้องกั๋งที่ถอยออกจากค่ายไปซุ่มอยู่ ครั้นได้ทีก็ไล่ตามไปทันเข้าฆ่าฟันเป็นตะลุมบอน จันคุยเสียทีพลัดตกลงจากหลังม้า ๆ เหยียบจันคุยตาย โซเตี้ยวิ่งเข้าไปช่วยในตำบล ครั้นเห็นไพร่พลซ้องกั๋งสู้รบแข็งแรงเหลือกำลังที่จะต้านทาน ก็คิดจะหนีเอาตัวรอดจึงออกมาทางประตูทิศใต้ แต่หน้าประตูนั้นเดิมขุดหลุมบ่อเรียงรายไว้เป็นอันมาก โซเตี้ยก็ตีหักออกมามิได้ หลวงจีนลูตีซิมกับบู๊สงไล่ฆ่าฟันตามหลังโซเตี้ยมา เอียจี้กับซือจินก็คุมไพร่พลสกัดหน้าโซเตี้ยไว้ยิงเกาทัณฑ์ระดมไป โซเตี้ยไม่รู้ที่จะหนีไปทางไหน ครั้นจะบุกรุกฟันฝ่าออกไปก็จะกลัวจะตกหลุมพลาง ไพร่พลพวกแซ่จันตกอยู่กลางศึกกระหนาบแตกตื่นกันระส่ำระสาย เอียจี้ ซือจินยิงเกาทัณฑ์ระดมไปถูกโซเตี้ยตกม้าตาย พอหลวงจีนลูตีซิมกับบู๊สงรุกไล่กระชั้นมาข้างหลัง ไพร่พลพวกแซ่จันแตกกระจายวิ่งหนีไปข้างเหนือพลัดตกลงในบ่อของตัวที่ขุดไว้ตายเสียเป็นอันมาก

ฝ่ายซือบุนเกียงรีบเข้ามาช่วยแลเห็นพวกซ้องกั๋งตีหักเข้าในตำบลจันเกาฉีได้ จันเซียงเจียกับจันคุย จันมิดตายก็ตกใจคิดจะหนีเอาตัวรอด จึงตีหักออกทางประตูทิศตะวันตกหนีไปประมาณทางได้ยี่สิบลี้ไม่แจ้งว่าถึงตำบลใด

ฝ่ายโลวจุนหงีกับเอียนเช็งคุมไพร่พลไปซุ่มอยู่ในป่าริมทางพอเห็นซือบุนเกียงขับม้ามาถึงก็จุดประทัดสัญญาตรูกันออกสกัดล้อมไว้ ซือบุนเกียงแลเห็นก็ตกใจ แต่ม้านั้นดีมีกำลังฝีเท้ารวดเร็วนัก ซือบุนเกียงขับโลดโผนวิ่งฝ่าไพร่พลหนีออกไปได้ ขณะนั้นเห็นเป็นปิศาจเตียวไก่เหาะลอยมาบนอากาศ ซือบุนเกียงไม่รู้ที่จะหนีไปไหนก็จนใจยืนงงอยู่ พอโลวจุนหงีกับเอียนเช็งไล่ตามมาทันร้องตวาดว่า เจ้าคนร้ายจะหนีไปข้างไหน ก็เอาง้าวฟันถูกต้นขาซือบุนเกียงตกม้าลง ไพร่พลก็กรูกันเข้าจับซือบุนเกียงมัดไว้ เอียนเช็งจูงเอาม้าซือบุนเกียงมาขี่ชวนโลวจุนหงีคุมตัวซือบุนเกียงกลับมาค่าย ซ้องกั๋งกับพวกพ้องไพร่พลได้ชัยชนะตีตำบลจันเถาฉีแตกก็มีความยินดี พอโลวจุนหงีกับเอียนเช็งคุมตัวซือบุนเกียงกับม้ามาถึง ซ้องกั๋งเห็นก็ยินดียิ่งนักจึงสั่งให้เอาตัวจันเซ็งที่กักขังไว้กับบุตรภรรยาญาติของจันเซียงเจียฆ่าเสียทั้งสิ้น แล้วเก็บรวบรวมเงินทองทรัพย์สิ่งของเสบียงอาหารขึ้นบรรทุกเกวียน เอาตัวซือบุนเกียงจำขังไว้คอยท่ากองทัพยกไปสกัดทัพหัวเมืองกลับมาจึงจะยกไป

ฝ่ายกวนเส็งกับฮวยหยงและพวกพ้องยกแยกกันไปสกัดกองทัพเมืองเซ็งจิวเมืองเล่งจิวถอยกลับไปแล้วก็คุมไพร่พลกลับมาถึง ซ้องกั๋งจึงเอาเงินทองออกรางวัลให้ไพร่พลทั้งปวงแล้วก็ยกกองทัพออกจากตำบลจันเถาฉีกลับไปยังเขาเนียซัวเปาะ ซ้องกั๋งจึงประชุมตามบรรดาพี่น้องทั้งปวงมาพร้อม ณ ตงงิตึงที่ชุมนุมนุ่งขาวห่มขาวทั้งสิ้นแล้วก็เอาตัวซือบุนเกียงมาตัดศีรษะผ่าเอาหัวใจออกเซ่นไหว้แก้แค้นให้เตียวไก่ไต้อ๋องแล้ว จึงปรึกษาการที่จะยกให้โลวจุนหงีเป็นเจ้าของเขาเนียซัวเปาะต่อไป

โงวหยงซินแสจึงว่ากับซ้องกั๋งว่า ตัวท่านต้องเป็นใหญ่ตั้งให้โลวจุนหงีเป็นที่สองจึงจะควร ซ้องกั๋งว่าเดิมเตียวไก่ได้พูดไว้ว่าถ้าผู้ใดจับตัวซือบุนเกียงมาแก้แค้นได้จะยกให้แก่ผู้นั้น ครั้งนี้โลวจุนหงีจับตัวซือบุนเกียงมาได้ ก็ต้องยกที่เจ้าของตำบล ให้โลวจุนหงีว่ากล่าวสืบไปจึงจะชอบและจะให้ข้าพเจ้าเป็นใหญ่นั้นไม่ควร

โลวจุนหงีจึงว่า ข้าพเจ้าวาสนาน้อยไม่ควรจะเป็นเจ้าของตำบลแต่ท่านตั้งให้เป็นตัวนายก็ดีอยู่แล้ว ซ้องกั๋งว่ามิใช่จะยกยอท่านเมื่อไร โลวจุนหงีได้ฟังซ้องกั๋งกล่าวเช่นนั้นจึงตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นแต่ขุนนางเล็กน้อยต้องโทษอยู่และขอบคุณที่พี่น้องทั้งปวงช่วยอุปถัมภ์ยกขึ้นเป็นใหญ่ก็รู้สึกว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้ว ซ้องกั๋งก็ตอบว่าตัวท่านนั้นเป็นเทือกเถาเหล่าเศรษฐี สติปัญญาดี ฝีมือเข้มแข็งมีกำลังมากสู้ได้ถึงหมื่นคน ควรที่จะเป็นเจ้าของตำบลเขาเนียซัวเปาะแม้นได้เข้าสามิภักดิ์ทำราชการเมื่อใด พวกพี่น้องทั้งปวงจะได้พึ่งบุญท่านต่อไป

โลวจุนหงีได้ฟังก็คุกเข่าคำนับซ้องกั๋งแล้วว่า ท่านพูดการงานอื่นๆ ก็จะเชื่อฟัง ซึ่งจะให้ยอมเป็นเจ้าของตำบลนั้นสู้ตายเสียดีกว่า โงวหยงซินแสจึงพูดกับซ้องกั๋งว่าควรที่ท่านจะเป็นใหญ่ ตั้งให้เศรษฐีเป็นที่สอง พี่น้องทั้งปวงก็ยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าขืนจะบิดเบือนไม่ยอมต่างจะมิเสียใจหรือ โงวหยงซินแสพูดดังนี้ ปรารถนาจะให้พวกพ้องช่วยกันอ้อนวอนให้ซ้องกั๋งเป็นใหญ่นั่นเอง

ลีขุยได้ฟังพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า ตั้งแต่ครั้งเมืองกังจิวมาเรามิได้คิดแก่ชีวิต ช่วยอุปถัมภ์พี่น้องทั้งหลายก็ย่อมรู้ยอมยกให้พี่เป็นใหญ่ จะมาเสือกไสให้ผู้อื่นหรือเกรงกลัวผู้ใดประเดี๋ยวนี้เราก็จะฆ่าฟันให้แตกกระจายกันเสียทั้งสิ้น บู๊สงได้ฟังดังนั้นแลพี่น้องทั้งปวงรู้ในทีก็เข้ามาคำนับซ้องกั๋งพูดขึ้นว่า บรรดาขุนนางนายทหารชวนกันสละเจ้านายยอมสามิภักดิ์ให้ท่านใช้เป็นอันมาก บัดนี้ท่านจะมายกที่ทางไว้กับผู้อื่นไม่ควร เล่าตงว่าเมื่อขณะข้าพเจ้าเข้าสามิภักดิ์ยอมยกให้ท่านขึ้นเป็นใหญ่ จะยกให้คนมาทีหลังก็ไม่ถูกต้อง หลวงจีนลูตีซิมว่า ถ้าท่านขืนจะทำให้มากความข้าพเจ้าก็จะขอลาต่างคนต่างไป

ซ้องกั๋งได้ฟังพี่น้องทั้งหลายว่ากล่าวอ้อนวอนดังนั้น จึงตอบว่าท่านทั้งปวงอย่าได้วุ่นวายไปเลย การอันนี้ก็จะต้องเทพยดาฟ้าดินจัดแจงจึงจะแน่นอน โงวหยงถามว่าท่านคิดเห็นอย่างไรเชิญชี้แจงให้ฟังเถิด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ