๑๑๙

ฝ่ายชาจินตั้งแต่ปลอมเป็นคออินเข้าสามิภักดิ์ ฮองละยกนางกิมกีกงจู๊บุตรหญิงให้เป็นภรรยา ภายหลังฮองละให้คออินไปตั้งรักษาอยู่ ณ ถ้ำปังง่วนตัง คออินนั้นคอยหาช่องทุกเวลาก็ยังไม่ได้ทีต้องรอมาช้านาน ครั้นเวลาวันนั้นฮองละหนีไปถึงถ้ำปังง่วนตัง ปรึกษาการที่จะสู้รบกับกองทัพซ้องกั๋งอยู่ คออินฮู่ม้าเห็นได้ทีก็เข้าคำนับฮองละแล้วแจ้งว่า ท่านอย่าวิตกเลยข้าพเจ้าจะอาสายกออกไปรบกับทหารแผ่นดินซ้องให้เต็มฝีมือสักครั้งหนึ่ง ทหารแผ่นดินซ้องคงจะปราชัยพ่ายแพ้เพราะบุญบารมีท่านคราวนี้เป็นแน่ ฮองละได้ฟังก็ยินดีด้วยไม่รู้ว่าอุบายปลอมจึงสั่งให้คออินฮู่ม้ากับฮวงเกียดคุมทหารหมื่นหนึ่งยกออกจากถ้ำ ซ้องกั๋งแจ้งความก็ยกกองทัพออกจากค่าย คออินก็ขับม้าขึ้นหน้า ซ้องกั๋งเห็นคออินฮู่ม้าจำได้ว่าชาจินก็ยินดีจึงให้ฮวยหยงเข้ารบพอเป็นทีอย่าให้ทหารของฮองละสงสัย ฮวยหยงขับม้าตรงไปแล้วร้องตวาดว่าผู้ใดบังอาจมาป้องกันพวกกบฏแผ่นดินไว้ ชาจินร้องตอบว่าเราชื่อคออินชาวเมืองซัวตังเป็นบุตรเขยฮองละฝีมือเข้มแข็งชื่อเสียงปรากฏทั้งแผ่นดิน ร้องตอบดังนั้นก็ชักม้าตรงเข้ารบกับฮวยหยงหลายเพลง ชาจินถอยห่างทหารออกไปแล้วบอกฮวยหยงว่าน้องจงทำแพ้ไปแจ้งซ้องกั๋งให้ล่าถอยกองทัพเสียก่อนรุ่งขึ้นเช้าจึงคิดการต่อไป ฮวยหยงได้ฟังก็ขับม้าหนีไปแจ้งแก่ซ้องกั๋งตามคำชาจินสั่ง คออินนั้นแกล้งร้องว่าเราไม่รุกไล่ผู้ใดมีฝีมือเข้มแข็งก็มารบกันอีก ซ้องกั๋งสั่งให้กวนเส็งออกรบกับชาจินประมาณได้สิบเพลง กวนเส็งก็แกล้งขับม้าหนี จูตงตรงมารบกับคออินอีกสิบเพลง จูตงทำแพ้ขับม้าหนีเข้ากระบวนรบ คออินฮู่ม้าคุมทหารรุกไล่กระชั้นมา ซ้องกั๋งล่าถอยกองทัพไปประมาณทางได้สิบลี้ก็ตั้งค่ายมั่นลงไว้ คออินฮู่ม้าจึงคุมทหารกลับมาถ้ำแจ้งความซึ่งได้ชัยชนะให้ฮองละฟัง ฮองละมีความยินดีพูดว่าบุตรเขยเรามีฝีมือเข้มแข็งนักไม่มีผู้เสมอเหมือน ถ้ากองทัพซ้องกั๋งแตกบิดาได้กลับคืนเข้าเมืองจะชุบเลี้ยงให้เจ้ามียศศักดิ์ใหญ่ยิ่งขึ้น การบ้านเมืองทั้งหลายจะให้สำเร็จเด็ดขาดทั้งสิ้น คออินฮู่ม้าว่าท่านอย่าวิตกคงจะตีหักเอาบ้านเมืองกลับคืนให้จงได้ เวลาพรุ่งนี้เชิญท่านออกไปดูอยู่บนเนินเถิด ข้าพเจ้าจะยกเข้าฆ่าทหารแผ่นดินซ้องเสียให้สิ้น

ฮองละได้ฟังก็ดีใจ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าจึงชวนขุนนางออกจากถ้ำขึ้นไปดูฮู่ม้าสู้รบอยู่บนเนิน คออินก็คุมทหารตรงมา ซ้องกั๋งแจ้งว่าชาจินล่อลวงให้ฮองละออกจากถ้ำมา จึงสั่งพวกพ้องทั้งปวงว่าเวลาวันนี้ช่วยกันรบให้เข้มแข็งจับตัวฮองละเสียให้ได้ สั่งดังนั้นก็ยกกองทัพออกจากค่ายไปถึงหน้าถ้ำ ทัพทั้งสองก็เข้าปะทะกัน กวนเส็งขับม้าเข้ารบกับฮวงเกียดได้สิบเพลงยังไม่แพ้ชนะ ฮวยหยง ลิเอง จูตงก็ขับม้าตรงมาจะเข้าล้อมฮวงเกียด ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจขับม้าหนี กวนเส็ง ฮวยหยง ลิเอง จูตงก็ขับม้าไล่ คออินเห็นได้ทีก็ขับม้าตรงมาทำทีจะเข้าช่วยฮวงเกียด ฮวงเกียดมิได้สงสัยเห็นคออินตรงมาสำคัญว่าจะเข้าช่วยจึงไม่ระวังตัว คออินตรงเข้าใกล้เอาทวนแทงถูกฮวงเกียดตกม้าตายแล้วไล่ฆ่าทหารของฮองละตายอยู่สับสน ฮองละดูอยู่บนเนินเห็นคออินฮู่ม้าฆ่าฮวงเกียดตายก็แจ้งว่าไส้ศึกเสียใจยิ่งนัก ครั้นจะกลับเข้าถ้ำก็ไม่ทันจึงรีบลงจากเนินรีบหนีเข้าป่าไป คออินรุกไล่ฆ่าฟันทหารเมืองกังหนำไปพลางร้องประกาศด้วยเสียงอันดังว่า ตัวเรานี้ชื่อว่าชาจินทหารแผ่นดินซ้อง ถ้าผู้ใดจับฮองละมาได้จะปูนบำเหน็จรางวัลให้เป็นอันมาก ทหารเมืองกังหนำเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวแตกหนีไปสิ้น บ้างก็ยอมสามิภักดิ์กับชาจิน ซ้องกั๋งก็คุมทหารหนุนตามชาจินมาพากันเข้าไปในถ้ำนางกีมกีกงจู๊แจ้งว่าเสียทีแก่ข้าศึกก็ผูกคอตาย เอียนเช็งนั้นปลอมตัวมากับชาจินด้วยกันคอยท่วงทีอยู่ในถ้ำ ครั้นแจ้งว่าฮองละหนี นางกิมกีกงจู๊ผูกคอตายก็ตรงเข้าไปข้างในเก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของเงินทองได้ไว้เป็นอันมาก พวกทหารซ้องกั๋งกรูกันเข้าจับภรรยาของฮองละได้หลายสิบคน อวนเซียวชิดตรงไปเอาเครื่องแต่งตัวของฮองละสวมใส่พร้อมขึ้นม้าออกจากถ้ำมา พวกทหารซ้องกั๋งเห็นก็สำคัญว่าฮองละกรูกันมาจะจับตัว ครั้นเข้าใกล้เป็นอวนเซียวชิด เตียวถำ เฮงปินก็ด่าว่าหน้าตาเช่นนี้จะเป็นฮองละด้วยหรือ อวนเซียวชิดได้ฟังจึงตอบว่าเราเห็นเป็นพวกพ้องถ้าผู้อื่นก็จะฆ่าเสีย เตียวถำ เฮงปินก็โกรธจะเข้าสู้รบกับอวนเซียวชิดให้ได้ อูเอียนเจียกเห็นดังนั้นก็ห้ามปรามไว้ทั้งสองฝ่าย ซ้องกั๋งแจ้งความตรงมาด่าอวนเซียวชิดแล้วให้ถอดเครื่องแต่งตัวของฮองละออกเสียพักกองทัพอยู่หน้าถ้ำปังง่วนตังเกลี้ยกล่อมให้ราษฎรทำมาหากินเป็นปกติเรียบร้อย ปิดหนังสือให้ผู้คนทั้งปวงทราบว่า “ถ้าผู้ใดจับตัวฮองละมาส่งได้จะปูนบำเหน็จรางวัลเป็นอันมาก” แล้วจัดให้ทหารไปเที่ยวติดตามจับตัวฮองละในป่า

ฝ่ายหลวงจีนลูตีซิมสู้รบกับแฮโฮวเส็งเมื่อครั้งเนินโอวเล่งเหนีย แฮโฮวเส็งสู้ฝีมือหลวงจีนลูตีซิมไม่ได้ขับม้าหนีเข้าป่า หลวงจีนลูตีซิมก็ไล่ตามแฮโฮวเส็งไป ไม่รู้จักทางหลงอยู่ในป่าพอพบหลวงจีนผู้เฒ่ารูปหนึ่งพาหลวงจีนลูตีซิมไปที่วัดร้าง บอกว่าเสบียงอาหารมีพร้อมจงพักอยู่วัดนี้ก่อน ถ้ามีผู้ใดหนีมาทางนี้จงจับตัวไว้ แล้วก็คงกลับไปพบพวกพ้องหรอก บอกดังนั้นแล้วหลวงจีนผู้เฒ่าก็หายไป หลวงจีนลูตีซิมพักอยู่ที่วัดร้างสืบมา

ฝ่ายฮองละหนีเข้าป่าไปผู้เดียวอ่อนหิวเต็มทีเห็นมีวัดร้างอยู่ข้างหน้าก็รีบเข้าไปจะขออาหารรับประทาน หลวงจีนลูตีซิมนั้นนั่งอยู่ในวัดเมื่อเวลาเห็นไฟติดขึ้นข้างหน้าก็สงสัยไม่แจ้งว่าไฟไหม้ที่ตำบลใดนั่งดูอยู่ พอฮองละหนีตรงไปในวัดจะขออาหารรับประทาน หลวงจีนลูตีซิมไต่ถามแจ้งว่าฮองละก็เอากระบองตีล้มลง ตรงเข้าจับฮองละได้คุมตัวออกจากวัดข้ามเนินไปข้างทิศไฟติดนั้นพบทหารซ้องกั๋งเที่ยวตามจับฮองละอยู่ในป่า หลวงจีนลูตีซิมมีความยินดีชวนกันมาค่ายเอาตัวฮองละไปส่งให้ซ้องกั๋ง ๆ จึงถามหลวงจีนลูตีซิมว่าไปอยู่ที่ไหนจึงจับตัวฮองละมาได้ หลวงจีนลูตีซิมก็แจ้งความครั้งรบที่เนินโอวเล่งเหนียรุกไล่แฮโฮวเส็งไปในป่าตั้งแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ

ซ้องกั๋งจึงว่าหลวงจีนผู้เฒ่าเห็นจะเป็นผู้วิเศษ แต่ท่านจับฮองละได้ครั้งนี้มีความชอบมาก ถ้ากลับไปถึงเมืองตังเกียต้องกราบทูลให้ทรงทราบคงเลื่อนยศศักดิ์ให้เป็นแน่

หลวงจีนลูตีซิมตอบว่าข้าพเจ้าไม่อยากเป็นขุนนาง ขอแต่โปรดให้ไปอยู่วัดกว่าจะหาชีวิตไม่ดีกว่า ซ้องกั๋งกับพวกพ้องทั้งปวงได้ฟังหลวงจีนลูตีซิมพูดก็ไม่มีความสบาย จึงสั่งให้เอาตัวฮองละมัดขึ้นบรรทุกเกวียนจัดการพร้อมเสร็จก็ยกกองทัพใหญ่ออกจากตำบลถ้ำปังง่วนตังกลับมาเมืองมกจิวก็พักกองทัพหยุดอยู่ ซ้องกั๋งเข้าไปคำนับเตียเจียวท้อกับเล่ากองสีที่เป็นที่โตวต๊กและท่องคูมิดแล้วก็แจ้งความตามซึ่งปราบข้าศึกเรียบร้อยจับตัวฮองละได้ให้ทราบ

เตียเจียวท้อมีความยินดีจึงพูดว่าท่านปราบปรามแขวงเมืองกังหนำเรียบร้อยครั้งนี้มีความชอบมากชื่อเสียงก็จะปรากฏสืบไปเพราะบุญวาสนาของท่าน ซ้องกั๋งได้ฟังก็ร้องไห้ตอบว่าข้าพเจ้ายกกองทัพมาทำศึกครั้งนี้พี่น้องร้อยแปดคนล้มตายลงกว่าครึ่ง จะกลับไปดูหน้าบิดามารดาและญาติทั้งปวงอย่างไร เตียเจียวท้อพูดว่าการตายนั้นสุดแต่วาสนาฟ้าและดินบัญญัติไว้ พวกท่านกลับไปครั้งนี้ก็คงมีความสุขทั่วกันทุกนายจะเศร้าโศกทำไมไม่ต้องการ จงเตรียมกองทัพยกกลับไปเมืองตังเกียเถิด

พูดดังนั้นก็สั่งให้เอาตัวพวกข้าศึกที่จับมาไปฆ่าเสียทั้งสิ้น แต่ฮองละนั้นเอาตัวเข้าไปเมืองหลวง ซ้องกั๋งก็จัดกองทัพพร้อมจะยกออกจากเมืองไป พอมกหองกับพวกซ้องกั๋งอีกสี่นายป่วยตายลงในขณะนั้น ซ้องกั๋งมีความอาลัยถึงพวกพ้องที่ตายยิ่งนัก จึงจัดการฝังศพตามยศศักดิ์แล้วสวดกงเต๊กทำบุญให้ทานเป็นการใหญ่ ปรารถนาจะให้พี่น้องที่ตายไปเกิดที่ชอบ จัดการเสร็จซ้องกั๋งกับเตียเจียวท้อและขุนนางนายทั้งปวงก็ยกกองทัพออกจากเมืองมกจิวตรงมาถึงเมืองฮั่งจิวก็ยกกองทัพคอยฟังรับสั่ง ซ้องกั๋งนั้นไม่มีความสบาย ด้วยพี่น้องร้อยแปดนายตายเสียเป็นอันมากก็นั่งเป็นทุกข์อยู่

ฝ่ายหลวงจีนลูตีซิมกับบู๊สงครั้นมาถึงเมืองฮั่งจิวแล้วก็ชวนกันไปพักอยู่ ณ วัดลักฮั่วยี่ เวลาคืนกันนั้นหลวงจีนลูตีซิมนอนอยู่ได้ยินเสียงน้ำในที่นั้นร้องก็ตกใจ สำคัญว่าข้าศึกยกมารบอีก ฉวยได้กระบองเหล็กจะออกจากวัด หลวงจีนในวัดจึงถามหลวงจีนลูตีซิมว่า ท่านถือกระบองเหล็กรีบออกมาจะไปข้างไหน หลวงจีนลูตีซิมตอบว่า เสียงอื้ออึงนั้นชะรอยข้าศึกยกมาหักค่ายซ้องกั๋งที่เมืองมกจิว เราจึงถือกระบองเหล็กจะไปรบกับข้าศึก หลวงจีนเหล่านั้นได้ฟังก็หัวเราะบอกว่าไม่ใช่ข้าศึกยกมาดอก แม่น้ำเตียซินร้องท่านอย่าไปเลย หลวงจีนลูตีซิมก็ถามว่าเหตุผลประการใดจึงได้เรียกว่าแม่น้ำเตียซิน หลวงจีนเหล่านั้นก็แจ้งว่าซึ่งแม่น้ำนี้มีกำหนด ถ้าถึง ณ วันเดือนแปดขึ้นสิบห้าค่ำน้ำนั้นร้องสองครั้งทุกปีจึงเรียกว่าแม่น้ำเตียซิน หลวงจีนลูตีซิมแจ้งความก็รำลึกขึ้นได้ว่าเดิมทีจินเจียงเล้าอาจารย์ให้คำโคลงไว้ใจความว่า “ถ้าพบแฮกับละให้จบ ถ้าได้ยินเสียงเตียและเห็นซินจะอี๋กับซอก” ครั้งนี้เราจับแฮโฮวเส็ง ฮองละได้เหมือนกับคำโคลงตอนต้นแต่ตอนปลายนั้นว่าถ้าได้ยินเตียเห็นซิ่นจะอี๋กับซอก บัดนี้ก็ได้ยินได้เห็นเตียซินคือน้ำร้องซึ่งอี๋และซอกนี้จะว่าอย่างไร คิดดังนั้นก็ถามหลวงจีนเหล่านั้นว่า อี๋กับซอกนั้นคือสิ่งใด

หลวงจีนทั้งปวงตอบว่า อี๋กับซอกนี้ว่าถึงกาลแล้วแต่จะได้เป็นเซียน หลวงจีนลูตีซิมได้ฟังก็หัวเราะว่า อี๋กับซอกนั้นถึงไม่ใช่ถึงที่ตายดอกหรือ ถ้ากระนั้นก็ได้กับตัวเราเอง จึงให้หลวงจีนเหล่านั้นไปต้มน้ำเอาเครื่องหอมใส่มาหลวงจีนลูตีซิมก็ชำระกายเอาเสื้อกางเกงใหม่สวมใส่ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ สั่งหลวงจีนเหล่านั้นว่า ถ้าเราดับสูญไปแล้วจงบอกให้ซ้องกั๋งทราบด้วย สั่งดังนั้นก็จุดรูปเทียนบูชาเอาเท้าซ้ายก่ายเท้าขวาก็ดับสูญอยู่บนเก้าอี้ หลวงจีนเหล่านั้นก็รีบไปแจ้งความให้ซ้องกั๋งทราบ

ซ้องกั๋งกับขุนนางทั้งปวงชวนกันมาเห็นหลวงจีนลูตีซิมนั่งดับสูญอยู่บนเก้าอี้ก็พากันจุดธูปเทียนคำนับ ซ้องกั๋งนั้นมีความอาลัยนักจึงจัดเอาเงินทองส่วนของหลวงจีนลูตีซิมกับของ ๆ ตัวรวมกันเข้าให้หลวงจีนในวัดจัดการทำบุญให้ทานสามวันสามคืน ต่อหีบนั่งพอใส่ศพได้ลงรักปิดทองเสร็จยกศพหลวงจีนลูตีซิมลงนั่งในหีบ เชิญไต้ฮุยเซียงซือกับอาจารย์ใหญ่ทั้งปวงมาพาศพไปเผาที่หลังพระปรางค์ลักหัวถะเก็บกระดูกบรรจุในพระปรางค์เสร็จแล้ว บู๊สงจึงแจ้งกับซ้องกั๋งว่าน้องนี้ไม่อยากเป็นขุนนางจะบวชอยู่วัดนี้ แต่เงินทองที่หาได้ขอเพิ่มเติมไว้ในวัดจะได้ทำบุญสืบไป ซ้องกั๋งได้ฟังก็ไม่อาจขัดต้องยอมให้บู๊สงอยู่เอาเงินทองของบู๊สงมอบไว้ บู๊สงก็เล่าเรียนอยู่ที่วัดสืบมา เปียนบุนจิ้น ตันหลุย เล็กเจียว ทหารเมืองฮ่อปักปรึกษากันไม่ทำราชการจึงแจ้งกับซ้องกั๋งว่า ข้าพเจ้าทั้งสามขอลาท่านบวชอยู่ตามสบายไม่ขอไปเป็นขุนนางแล้ว ซ้องกั๋งก็ยอมให้นายทหารเมืองฮ่อปักทั้งสามบวชตามวิสัยแล้วก็เอาเงินทองของที่หาได้มอบให้ แล้วก็ชวนขุนนางนายทหารเหล่านั้นกลับมาค่าย ณ เมืองฮั่งจิว พักทหารอยู่ได้ประมาณครึ่งเดือน พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ทรงทราบว่าซ้องกั๋งปราบปรามแขวงเมืองกังหนำเรียบร้อยราบคาบยกกองทัพกลับมาพักอยู่ ณ เมืองฮั่งจิวจึงรับสั่งให้หาซ้องกั๋งกลับเข้าเมืองตังเกีย ซ้องกั๋งกับขุนนางเหล่านั้นแจ้งความก็เตรียมการจะยกกองทัพกลับ ลิมชอง เอียหยง ซิเซียนป่วยหนักตายลง ซ้องกั๋งกับพวกพ้องทั้งปวงพากันเศร้าโศกจัดการฝังศพลิมชอง เอียหยง ซิเซียนตามยศขุนนางนายทหารแล้ว ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพออกจากเมืองฮั่งจิว เอียนเช็งก็ตรงเข้าคำนับโลวจุนหงีแจ้งว่า ข้าพเจ้าขอบคุณที่ท่านชุบเลี้ยงมาหาที่เปรียบไม่ได้ ท่านมีความชอบมากคงได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าบ้านเมืองทุกวันนี้แปรปรวนไปต่างๆ เพราะขุนนางกังฉินมีอำนาจมาก ว่ากล่าวสิ่งใดก็เป็นไปตามปาก ท่านจงหลีกเลี่ยงไปหาความสุขสบายดีกว่า ถ้าจะทำราชการสืบต่อไปยังไม่แจ้งว่าดีร้ายประการใด โลวจุนหงีตอบว่า เราผู้พากเพียรมาช้านาน บัดนี้สมความปรารถนาบุตรภรรยาก็มีความสบาย ชื่อเสียงจะได้ปรากฏไป เหตุใดเจ้าจึงพูดดังนี้ เอียนเช็งได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่าซึ่งจะไปเป็นขุนนางนั้นไม่มีสุขดอก ท่านไม่ทราบหรือในแผ่นดินฮั่น ฮั่นสินมีความชอบมากไม่มีผู้เสมอยังต้องถูกตัดศีรษะเสียถ้าท่านไม่เชื่อนานไปก็คงเห็น แต่ข้าพเจ้าจะขอลาท่านไปก่อน โลวจุนหงีมิได้เชื่อฟังยอมให้เอียนเช็งไป เอียนเช็งคำนับลามาคิดว่าจะไปลาซ้องกั๋งทั้งจะได้พูดจาเกลี้ยกล่อมมิให้เข้าทำราชการก็คิดเห็นว่าซ้องกั๋งเป็นคนสัตย์ซื่อมาก ครั้นจะไปลาก็พูดจาหน่วงเหนี่ยวไว้จึงเขียนหนังสือให้คนถือไปให้ซ้องกั๋ง แล้วเอียนเช็งก็เก็บรวบรวมเงินทองสิ่งของขึ้นใส่หาบออกจากกองทัพไปหาความสุขสบาย ซ้องกั๋งได้รับหนังสือคลี่ออกอ่านใจความว่า “ข้าพเจ้าเอียนเช็งคำนับมาถึงท่านซ้องกั๋งผู้เป็นพี่ ด้วยคุณของท่านนั้นหาที่เปรียบไม่ได้ ซึ่งข้าพเจ้านี้เป็นแต่คนเล็กน้อยไม่ขอทำราชการหลีกเลี่ยงเข้าป่าหาความสุข ครั้นจะมาลาท่านเองก็เห็นว่าท่านเป็นคนรักพี่น้องโดยสุจริต จะพูดจาเกลึ้ยกล่อมหน่วงเหนี่ยวไว้ น้องก็จะไปไม่ได้จึงเขียนหนังสือมาคำนับให้ทราบ” ซ้องกั๋งแจ้งความในหนังสือแล้วก็เสียใจรีบเดินกองทัพไปถึงเมืองโซวจิวพักกองทัพหยุดอยู่ พอลี้จุนกองทัพเรือป่วยหนักให้คนมาแจ้งกับซ้องกั๋ง ๆ ว่าน้องนี้ป่วยมากขอให้ทองอุย ทองเม้งอยู่รักษาพยาบาลก่อน ถ้าหายดีแล้วจะติดตามไป ซ้องกั๋งก็ยอมให้ทองอุย ทองเม้ง อยู่พยาบาลลี้จุน ณ เมืองโซวจิวแล้วซ้องกั๋งก็ยกกองทัพตามเตียเจียวท้อไปเมืองตังเกีย ลี้จุนป่วยหายดีแล้วจึงปรึกษากับทองอุย ทองเม้งจะไม่ทำราชการ นายทหารทั้งสองเห็นพร้อมกันจึงมาพบเอียนเช็งเข้า สี่นายก็ชวนกันลงทะเลไปอยู่ที่เมืองอื่นหาความสุขสืบไป

ฝ่ายซ้องกั๋งยกกองทัพมาถึงเมืองตังเกียก็พักกองทัพหยุดอยู่นอกเมือง ตามบรรดาพี่น้องร้อยแปดนาย บ้างล้มตายแตกกระจัดกระจายไปเป็นอันมาก ยังเหลืออยู่อีกสามสิบเอ็ดนายคือซ้องกั๋ง โลวจุนหงี โงวหยง กวนเส็ง อูเอียนเจียก ฮวยหยง ชาจิน ลิเอง จูตง ไตจง ลีขุย อวนเซียวชิด จูบู๊ อึงซิน ซึงลิบ ฮวนซุย ปวยชวน เจียะเก็ง โตวเฮง ซ้องเซ็ง โจวยุน ชัวเค่ง เอียหลิม มกชุน นางโกวตัวซอ ถังเปียน ชุยกิม เบ๊เหล็ง ซึงงัก เลงจิ้น แต่ที่ตายกลางศึกนั้นคือ ฉินเหม็ง ซือเหล็ง ตังเผ็ง เตียเช็ง เล่าตง ซือจิน ซกเถียว เตียสุน อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา ลุยเหง เจียสิว เกยเตียน เกยโป ซองบาน เจียวเท้ง เอียวจงอ๋วง ฮั่นทอ เผ็งกี เฮงเตงลัก ซวนจั่น ขงเหลียง ซิอิน จิวทอง ตวนเก็งจู๊ เอียนสุน เบ๊หลิน ลือฮวง กวยเส็ง โตวเซียน เจียะย้ง จีตง หยกเปาสี เตียแช ลี้ลิบ ชัวฮก นางซึงยีเหนีย สามสิบเจ็ดกับทหารเมืองฮ่อปัก คึอบุนตงหยง มิเกียง พังเส็ง พัวซอก นางเก็งเอ็งกุนจู๊ เมียวเต็งเช็ง รวมกันเป็นทหารสี่สิบสามนาย แต่ที่ป่วยตายตามทางคือ ลิมชอง เอียจี้ เตียหวย มกหอง เอียหยง แป๊ะสิน จูบู๊ ซิเซียน แปดนายด้วยกัน ที่อยู่วัดลักฮั่วยี่ ณ เมืองฮั่งจิวคือหลวงจีนลูตีซิมที่ตาย กับบู๊สงแต่กงซุนสินกับเคียวเตาเช็งนั้นลาไปจำศีลถือเพศเป็นเซียนแต่ครั้งก่อน เอียนเช็ง ลี้จุน ทองอุย ทองเม้งสี่นายนั้นลาไปหาความสุข ที่รับราชการอยู่ในเมืองตังเกียนั้นคือ อันเตาฉวน ฮองโพ้วตวน กิมไต้เกียน เซียวเหยียง งักหัว ห้านาย ซ้องกั๋งให้จดบัญชีไว้พร้อม จึงนำพวกพ้องทั้งปวงคุกเข่าแล้วเอาบัญชีรายชื่อทหารขึ้นถวาย

พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ทรงทราบว่าพวกพ้องของซ้องกั๋งล้มตายลงกลางศึกเป็นอันมากก็ทรงพระอาลัยยิ่งนัก จึงตรัสว่านายทหารเอกที่ตายกลางศึกนั้นจะต้องเลื่อนยศศักดิ์ให้เป็นใหญ่กว่าแต่ก่อน ชื่อเสียงจะได้ปรากฏสืบไป ตรัสดังนั้นก็รับสั่งตั้งให้พวกนายทหารที่ตายในสงคราม ถ้าทหารเอกตั้งให้เป็นที่ตงบู๊หลัง ถ้าทหารรองตั้งให้เป็นที่งี่เจียกหลังขุนนางนายทหารใหญ่กับนายทหารรองแม้นมีบุตรและหลานให้เข้ามาเป็นขุนนางทำราชการแทนที่รับเบี้ยหวัดเงินเดือนตามจำนวน ถ้าบุตรหลานไม่มีก็ให้ปั้นรูปเขียนชื่อเชิญเข้าในศาลซื่อตรงสำหรับจะเซ่นไหว้สืบไป แต่เตียสุนนั้นตั้งให้เป็นที่กิมหัว หลวงจีนลูตีซิมที่สำเร็จนั้นตั้งให้เป็นที่เลียดเจียย้งเซียงซือคืออาจารย์ใหญ่ผู้สำเร็จ บู๊สงนั้นยังอยู่ที่วัดก็ทรงตั้งให้เป็นที่เจ็งตงเซียงซือกับพระราชทานเงินให้ไว้สำหรับใช้สอยอีกพันเหรียญ ทหารหญิงที่ตายนั้น นางโฮ้วซาเหนียตั้งให้เป็นที่ฮูหยิน คือเจ้าหญิง ไปสร้างศาลอยู่ ณ เมืองฮวมเอียงกุนให้ชื่อเสียงปรากฏต่อไป นางซึงยีเหนียตั้งให้เป็นที่เจ้าหญิงใหญ่กว่าฮูหยินชั้นหนึ่งอยู่ ณ เมือง เจ็งเต็งกุ้ย นางเก็งเอ็งกุนจู๊นั้นตั้งให้เป็นที่เซียดเต็กฮูหยิน คือเจ้าหญิงสัตย์ซื่อ

ครั้นจัดการตั้งให้นายทหารที่ตายเสร็จจึงตั้งให้ซ้องกั๋งแม่ทัพเป็นที่บูเต็กไต้ฮู้ ผู้รักษาเมืองฌ้อจิวกับได้ว่ากล่าวทหารในกองทัพด้วย ตั้งให้โลวจุนหงีแม่ทัพรองเป็นบูกงไต้ฮู้ ผู้รักษาเมืองโล่วจิวให้ช่วยว่ากล่าวทหารในกองทัพด้วย แต่ทหารเอกนั้นตั้งให้เป็นที่บู๊จัดเจียงกุนได้ว่ากล่าวทหารหัวเมืองทั้งปวงด้วย ตั้งให้ทหารรองเป็นที่บูเอ็กหลังได้ว่ากล่าวนายบ้านนายอำเภอหัวเมืองทั้งปวงด้วย โงวหยงเป็นที่บูเส้งกุนเซ็ง ซุนไซขุนนางนายทหารใหญ่ในกองทัพ ให้ทำราชการอยู่ ณ เมืองตังเกีย กวนเส็งเป็นที่จงก๊วนไปว่ากล่าวทหาร ณ เมืองไต้เม่งฮู้ อูเอียนเจียกเป็นที่จิฮุยไซอยู่ว่ากล่าวทหารที่ค่าย ณ เมืองตังเกีย ฮวยหยงเป็นที่โตวทงจี่ไปว่ากล่าวทหาร ณ เมืองเอ็งเทียนฮู้ ชาจินเป็นที่โตวทงจี่ว่ากล่าวทหาร ณ เมืองฮวยไฮ้กุ๋นกับเมืองซังจิวด้วย ลิเองเป็นที่โตวทงจี่ว่าทหารเมืองตงซัวฮูกับเมืองฮุ่นจิวด้วย จูตงเป็นที่โตวทงจี่ว่ากล่าวทหารเมืองโปเต๋งกุน ไตจงเป็นที่โตวทงจี่ไปว่ากล่าวทหารเมืองเท็กจิว ลีขุยเป็นที่โตวทงจี่ไปว่ากล่าวทหารเมืองตันกังกับเมืองยุนจิว อวนเซียวชิดเป็นที่โตวทงจี่ไปว่ากล่าวทหารเมืองไกเทียนกุ๋ย ทั่งเปียนเป็นที่โตวก้ำไปว่าทหารเม่งจิว ชุยกิมที่โตวก้ำไปว่ากล่าวทหารเมืองโซวจิว ซึงงักเป็นที่โตวก้ำไปว่ากล่าวทหารเมืองแซจิว

ครั้นพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ทรงตั้งซ้องกั๋งกับทหารทั้งปวงเป็นขุนนางตามตำแหน่งทั่วทุกนายแล้ว ซ้องกั๋งจึงกราบทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ว่าเจ้าโอวเล่งกุนที่เมืองมกจิวนั้นศักดิ์สิทธิ์นัก ครั้งนี้ก็บันดาลมาช่วยในการศึกมีความชอบมากแล้วทูลข้อความต่างๆ ให้ทรงทราบทุกประการ พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ได้ฟังจึงตั้งให้เจ้าโอวเล่งกุนเป็นที่ฮุยเล่งอ๋อง รับสั่งให้แปลงนามเมืองใหม่ เมืองมกจิวให้เรียกว่าเมืองเงียมจิว เมืองฮิมจิวเป็นเมืองฮุยจิว เมืองเซ็งเคยกุ้ยเป็นเมืองซุนอานกุ้ย ตำบลถ้ำปังง่วนตังนั้นให้ทำลายเป็นทางตลอดไปแขวงเมืองกังหนำ ราษฎรชาวเมืองที่ฮองละทำให้ได้ความเดือดร้อน ก็ให้ยกส่วยและภาษีอากรเสียสองปี ทหารของซ้องกั๋งที่เหลืออยู่นั้นถ้าผู้ใดสมัครทำราชการสืบไปก็พระราชทานเงินให้ร้อยตำลึงกับแพรสิบพับ ถ้าผู้ใดไม่สมัครจะกลับไปหากินตามภูมิลำเนาก็พระราชทานเงินให้สองร้อยตำลึงกับแพรสิบพับ ทหารทั้งหลายรับเงินกับแพรสีต่างๆ ของพระราชทานแล้วที่ไม่ทำราชการก็แยกย้านกันไป

ซ้องกั๋งกราบทูลว่า ข้าพเจ้าจะทราบถวายบังคมลากลับไปบ้าน ณ เมืองหุนเสียกุ้ยเยี่ยมเยือนบิดาและญาติทั้งปวง แล้วจึงจะกลับมารับราชการ ณ เมืองฌ้อจิว ฉลองพระเดชพระคุณสืบไป พระเจ้าซ้องฮุยจงต่องเต้ได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี จึงโปรดให้ซ้องกั๋งกลับไปบ้านแล้วรับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงขุนนางนายทหารทั้งปวงเสร็จกับเลื่อนยศให้เตียเจียวท้อ เล่ากองลี ท่องคูมิดเป็นใหญ่ขึ้นอีก รับสั่งให้เจ้าพนักงานเอาตัวฮองละไปตระเวนสามวันแล้วให้ฆ่าเสีย เจ้าพนักงานก็เอาตัวฮองละไปทำตามสั่ง ขุนนางนายทหารทั้งปวงก็ถวายบังคมลาออกจากพระราชวังแยกย้ายกันไป

ฝ่ายซ้องกั๋งกลับมาถึงค่ายตามบรรดาพวกพ้องเหล่านั้นได้เป็นขุนนางเตรียมการพร้อม คอยให้ถึงกำหนดก็จะไปว่าราชการตามตำแหน่ง ซ้องกั๋งกับซ้องเซ็งก็ลาพวกพ้องออกจากค่ายตรงไปเมืองหุนเสียกุ้ย ถึงตำบลบ้านซ้องเกชึง บรรดาพวกพ้องของซ้องกั๋งที่ตำบลบ้านนั้นแจ้งความก็ชวนกันมาต้อนรับเป็นอันดี และซ้องไทก๋งบิดาของซ้องกั๋งนั้นตายมาช้านานศพยังอยู่ที่บ้าน ซ้องกั๋งกับซ้องเซ็งก็จัดการฝังศพทำกงเต๊ก เอาศพบิดาไปฝังตามยศศักดิ์แล้ว ซ้องกั๋งเห็นว่าศาลเจ้าเฮียนนึ้งเหนียชำรุดทรุดพังก็จัดแจงซ่อมแซมขึ้นใหม่สำเร็จการแล้ว ซ้องกั๋งก็มอบเงินทองสิ่งของทั้งปวง ให้ซ้องเซ็งผู้น้องรักษาว่ากล่าวสืบไป ซ้องกั๋งก็ลาพี่น้องทั้งหลายออกจากบ้านซ้องเกชึง แขวงเมืองหุนเสียกุ้ยตรงมาถึงค่าย ณ เมืองตังเกีย พวกพ้องเหล่านั้นยังไม่ได้ไปว่าราชการ แจ้งว่าซ้องกั๋งกลับมาก็ออกต้อนรับเชิญเข้าไปในค่ายปรึกษาการที่จะยกแยกกันไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ