๓๐

บู๊สงว่า ข้อที่หนึ่งอย่าได้อยู่ที่ตำบลนี้ต่อไป ข้อที่สองเงินทองสิ่งของและคนทั้งปวงที่แย่งชิงเขาไปว่ากล่าวนั้น จงกลับคืนให้คนเก่าตามเดิม ข้อที่สามนั้น ผู้ใหญ่ซึ่งค้าขายอยู่ในตำบลนี้ จงไปบอกให้รู้ทั่วกันว่า การงานและของทั้งปวงนั้น กลับคืนเจ้าของเดิมแล้ว ให้คนเหล่านั้นมาอ่อนน้อมเสียก่อน ตัวเจ้ากับพวกพ้องจงไปในวันนี้ ท้าแม้นขืนอยู่เราจะตีเสียให้ตายเหมือนกับเสือใหญ่ที่ตำบลเก็งเอียงก๋ง เจียตงได้ฟังก็แจ้งว่าบู๊สงที่ตีเสือตายได้เป็นขุนนางฝีมือเข้มแข็งก็ยิ่งเกรงกลัว จึงพูดว่าข้าพเจ้าหาขัดขืนไม่ ท่านว่ากล่าวประการใดก็จะเชื่อฟัง พอซิอินมาถึงเห็นเจียตงถูกตีโลหิตไหล ได้ฟังว่ายอมคืนสิ่งของให้ก็ยินดี บู๊สงให้เจียตงนำไปโรงแล้วเรียกบรรดาผู้ใหญ่ที่ค้าขายมาพร้อมกัน เจียตงก็มอบเงินทองสิ่งของต่างๆ คืนให้ซิอินว่ากล่าวตามเดิม เจียตงรวบรวมสิ่งของพร้อมบุตรภรรยาครอบครัวออกจากโรงเตี๊ยมไปในเวลาวันนั้น บรรดาคนที่ตำบลอัวะหลิมแจ้งว่าบู๊สงชิงโรงเตี๊ยมกับการงานทั้งปวงกลับคืนมาให้ซิอินว่ากล่าวก็ดีใจ ชักชวนกันมาคำนับซิอินกับบู๊สงฝากตัวจะได้ทำมาหากินสืบไป

ฝ่ายบิดาซิอินแจ้งความดังนั้นก็ยินดี มาที่ตำบลคาอัวะหลิมสรรเสริญบู๊สงว่าฝีมือเข้มแข็งนักจึงได้ทรัพย์สิ่งของกลับคืนมา แล้วให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงบู๊สงพูดจาสนทนากันเป็นที่สบาย ตั้งแต่นั้น บู๊สงก็อยู่กับซิอินสืบมา

ฝ่ายเจียตงพาครอบครัวเดินทางไปก็มีความโกรธแค้นยิ่งนักคิดจะฆ่าบู๊สงแย่งชิงเอาโรงเตี๊ยมที่ตำบลคาอัวะหลมกลับคืนมาอีก ก็ตรงไปบ้านเตียทวนเลียนผู้เป็นนาย แจ้งความซึ่งบู๊สงชิงโรงเตี๊ยมแล้วไล่ตัวเสียให้ฟังทุกประการ เตียทวนเลียนก็ขัดเคืองคิดจะฆ่าบู๊สงเสียให้ได้ จึงให้เจียตงอาศัยอยู่ที่บ้าน เตียทวนเลียนก็ไปหาเตียมงฮวงผู้เป็นขุนนางที่โตวก๊วน ได้ว่าฝ่ายทหารเป็นใหญ่กว่าเตียทวนเลียน ครั้นไปถึงก็เล่าความซึ่งบู๊สงทำกับเจียตงให้ฟังทุกประการ เตียมงฮวงได้ฟังก็โกรธแค้นยิ่งนัก จึงพูดว่าเจ้าอย่าวิตกเลย เราจะคิดอุบายกำจัดบู๊สงเสียให้จงได้ จึงตรึกตรองหาอุบายต่างๆ อยู่ทุกเวลา

ฝ่ายบู๊สงอยู่กับซิอินที่ตำบลคาอัวะหลิมได้เดือนเศษ บู๊สงเสพแต่สุรามึนเมาอยู่เสมอมิได้ขาด เวลาวันนั้น เตียมงฮวงคิดเห็นอุบายอย่างหนึ่งแล้วเรียกคนใช้มาสั่งว่า เจ้าจงเอาม้าไปรับบู๊สงที่ตำบลคาอัวะหลิม บอกว่าเราอยากรู้จักให้มาหาสักหน่อยเถิด คนใช้รับคำสั่งขึ้นม้าตรงมาถึงโรงเตี๊ยม เห็นซิอินนั่งอยู่ก็เข้าไปแจ้งว่า เตียมงฮวงให้เชิญบู๊สงไปสนทนากัน ซิอินครั้นจะขัดขืนไว้ก็ไม่ได้ด้วยบิดาอยู่ในอำนาจเขา จึงบอกบู๊สงว่าเตียมงฮวงนายทหารให้คนมารับท่านไปหา บู๊สงพูดว่าท่านให้มารับก็ต้องไป คนใช้เอาม้าให้บู๊สงขี่ตรงมายังเมืองเม่งจิวบ้านเตียมงฮวง บู๊สงเข้าไปคำนับแล้วถามว่าท่านให้ข้าพเจ้ามาด้วยธุระสิ่งไร เตียมงฮวงก็ทำเป็นดีใจพูดว่า เราได้ยินเขาเล่าลือมาว่าเจ้ามีฝีมือเข้มแข็งตีเสือใหญ่ที่ตำบลเก็งเอียงก๋งตาย ได้เป็นที่โตวเถาขุนนาง ชื่อเสียงปรากฏทั้งแผ่นดิน เรามีความยินดีนัก รู้ว่าเจ้ามาอยู่กับซิอินจึงให้คนไปรับมาหมายจะชุบเลี้ยง จงมาอยู่ที่บ้านเราด้วยกันเถิด บู๊สงเป็นคนซื่อไม่รู้เท่าทันสำคัญว่าจริงจึงพูดว่า ท่านเมตตาจะชุบเลี้ยงแล้วก็จะอยู่ด้วย เตียมงฮวงสั่งให้จัดโต๊ะเสพสุรามาเลี้ยงบู๊สงเป็นอันดี แล้วจัดที่ให้อยู่ตามสบาย เตียมงฮวงให้คนใช้ไปเอาสิ่งของบู๊สงที่ตำบลคาอัวะหลิม ซิอินก็ให้มาโดยดีมิได้คิดสงสัย ครั้นคิดถึงบู๊สงจะไปเยี่ยมเยือนก็แจ้งว่าบู๊สงอยู่ชั้นในไปหากันยาก ตั้งแต่นั้นก็เลยมา เตียมงฮวงครั้นล่อลวงบู๊สงอยู่ด้วยแล้วก็ทำเป็นรักใคร่ จัดเครื่องนุ่งห่มให้พร้อมบริบูรณ์ ถ้ามีผู้ใดเอาเงินทองแพรพรรณมาเป็นของกำนัลก็ยกให้บู๊สงทั้งสิ้น บู๊สงมีความยินดีซื้อหีบมาใส่เงินและแพรสีต่างๆ ไว้ อยู่ได้เดือนเศษคิดถึงซิอินจะไปเยี่ยมก็ไม่ได้ ด้วยเตียมงฮวงเรียกมาพูดจาอยู่ทุกวัน ครั้นถึงกลางเดือนแปดสารทจีนเวลาค่ำ เตียมงฮวงจัดโต๊ะไว้ข้างในเรียกบู๊สงเข้าไปกินโต๊ะเสพสุรากับภรรยาด้วยกัน บู๊สงเห็นภรรยาเตียมงฮวงนั่งอยู่ก็กลับออกมา เตียมงฮวงพูดว่าเราไม่ถือสิ่งใดดอกอย่ากลัวเกรงเลย บู๊สงว่าท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่จะให้ข้าพเจ้ามากินโต๊ะเสพสุราด้วยไม่ควร เตียมงฮวงว่าไม่เป็นไรจึงชวนบู๊สงกินโต๊ะเสพสุราด้วยกัน บู๊สงเสียไม่ได้ก็นั่งเสพสุรา เตียมงฮวงชักพูดจาถึงคนฝีมือเข้มแข็ง บู๊สงก็เล่าความซึ่งได้ฝึกหัดเพลงอาวุธต่างๆ ให้ฟังทุกประการ เตียมงฮวงสรรเสริญว่า เจ้านี้ชาติชายทหารแท้ใจคอซื่อตรงนัก ถ้าผู้ใดข่มเหงกดขี่ข้างเดียวก็เจ็บร้อนแทน เราจึงมีจิตเมตตาเป็นอันมาก พูดแล้วก็เรียกนางเง็กลันสาวใช้ออกมาว่า เวลาค่ำวันนี้เป็นสารทใหญ่ เจ้าจงร้องเพลงชมเดือนให้บู๊สงฟังเล่นสักหน่อยเถิด นางเง็กลันก็ร้องเพลงให้ฟังจนจบ เตียมงฮวงว่าสาวใช้คนนี้มีวิชาเย็บปักก็ทำได้ทุกอย่างเราจะยกให้เป็นภรรยาเจ้าก็กลัวเจ้าจะไม่ชอบใจ บู๊สงว่าท่านพูดเท่านี้ก็บุญคุณนักหนาแล้วแต่ตัวข้าพเจ้าไม่ควรจะรับไว้ เตียมงฮวงให้คนใช้เอาชามใหญ่ใส่สุรามาให้อีก บู๊สงเสพสุราสิ้นหลายชามก็มึนเมาพูดถึงแต่เรื่องฝีมือเข้มแข็งห้าวหาญ เตียมงฮวงเห็นบู๊สงเมาก็ให้คนพาไปนอนในห้อง เตียมงฮวงเรียกนางเง็กลันมาสั่งความลับแล้วก็คำนับลาไป บู๊สงครั้นไปถึงห้องนอนไม่หลับเห็นเดือนหงายแจ่มสว่างก็เดินออกมาชมสวนดอกไม้ ด้วยกำลังเมาก็รำเพลงอาวุธต่างๆ จนดึกสามยามจึงกลับไป

ฝ่ายนางเง็กลันมาจัดการไว้พร้อมแล้ว พอเห็นบู๊สงมาก็ร้องว่าผู้ร้ายลักสิ่งของแล้วเดินไปในสวน บู๊สงได้ยินดังนั้นก็สงสัยว่า เมื่อเดินมานั้นก็ไม่เห็นผู้ใด เหตุไฉนข้างในจึงร้องดังนี้อัศจรรย์ใจนัก จึงเดินไปดูในสวนดอกไม้ ไม่เห็นผู้ใดก็กลับออกมา ถึงประตูมีม้าตั้งขวางอยู่ตัวหนึ่ง บู๊สงเมาสุราโดนม้าล้มลง นางเง็กลันร้องว่า ผู้ร้ายอยู่ที่นี่ พวกทหารที่มาซุ่มอยู่ก็ตรูกันเข้าจับบู๊สงได้เอาตัวไปแจ้งความแก่เตียมงฮวงว่า บู๊สงเป็นผู้ร้ายเข้าไปลักของข้างใน ข้าพเจ้าร้องให้ทหารจับได้ตัวมา แล้วเตียมงฮวงทำเป็นโกรธร้องตวาดว่า เสียแรงเรารักใคร่ไม่ทันไรก็มาลักทรัพย์สิ่งของ ๆ เราไปเป็นอันมาก บู๊สงว่าข้าพเจ้าได้ยินเสียงข้างในร้องว่าผู้ร้ายก็เดินเข้าไปดู ไม่เห็นผู้ใดก็กลับออกมา ถูกม้าดีดล้มลงแล้วถูกจับเอาตัวมาว่าเป็นผู้ร้ายซึ่งทำการข่มเหงกดขี่ข้าพเจ้า ขอท่านได้โปรด เตียมงฮวงว่าเจ้าเป็นคนต้องโทษเนรเทศมาเรารู้อยู่ พวกทหารไปค้นดูที่ในห้องบู๊สงว่าจะมีสิ่งใดก็คงได้เห็นจริงกัน ทหารไปค้นได้เงินทองแพรพรรณในหีบเป็นอันมากเอามาให้ดู เตียมงฮวงเห็นสิ่งของก็ทำเป็นหัวเราะว่าจะทุ่มเถียงอย่างไร เราจับได้ของกลาง แล้วสั่งให้เอาตัวบู๊สงจำขังไว้พรุ่งนี้จะเอาตัวไปส่ง ทหารก็เอาตัวบู๊สงไปทำตามสั่ง บู๊สงจึงคิดว่าเราไม่รู้เท่าทันคนจึงได้ถูกอุบายดังนี้ ถ้าแม้นไม่ตายคงจะเห็นดีกันครั้งหนึ่ง

ฝ่ายเตียมงฮวงครั้นรุ่งขึ้นเช้า ก็จัดเงินทองไปเดินเหินที่ผู้รักษาเมืองเม่งจิวและกรมการเสร็จแล้ว จึงเอาตัวบู๊สงกับของกลางไปส่ง ผู้รักษาเมืองและกรมการเอาถ้อยคำของเตียมงฮวงออกดูแจ้งความแล้วถามบู๊สงว่าเตียมงฮวงรักใคร่เจ้าเป็นนักหนา เหตุไฉนจึงมาทำดังนี้ คิดประการใดจงรับเสียตามจริง บู๊สงว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้ร้าย จึงเล่าความเดิมให้ฟังทุกประการ แล้วพูดว่า การเรื่องนี้กดขี่ข้าพเจ้าเปล่าๆ ขอท่านได้โปรดเถิด ผู้รักษาเมืองและกรมการเหล่านั้นได้เงินทองของเตียมงฮวงก็พากันพูดว่า บู๊สงคนนี้เป็นโทษต้องเนรเทศมา เตียมงฮวงเห็นฝีมือเข้มแข็งก็รักใคร่จึงเอาไปเลี้ยงจะให้ดี ครั้นเห็นเงินทองมากใจคอก็เป็นอื่น จงรับเสียโดยดีเถิด บู๊สงไม่รับ ร้องอยู่ว่าข่มเหงข้าพเจ้าจริงๆ ผู้รักษาเมืองกรมการก็โกรธ สั่งให้ทหารเฆี่ยนบู๊สงจนสาหัส บู๊สงเจ็บเหลือทนจึงคิดว่าถ้าไม่รับก็คงตาย จำจะต้องรับให้พ้นอันตรายเสียก่อนจึงค่อยคิดอ่านต่อไป บู๊สงก็รับเป็นสัตย์ ผู้รักษาเมืองสั่งให้เอาตัวจำคุกไว้คอยปรึกษาโทษ แล้วจึงจะได้ฆ่าเสีย

ฝ่ายซิอินอยู่ตำบลคาอัวะหลิม ครั้นแจ้งความว่าบู๊สงต้องโทษก็ตกใจ มาปรึกษากับบิดาว่าบู๊สงต้องโทษอีกจะทำประการใดดี นายคุกใหญ่บิดาซิอินจึงพูดว่า การเรื่องนี้เห็นจะเป็นเตียทวนเลียนนายของเจียตงเที่ยวเดินเหินเสียเงินทองคิดจะฆ่าบู๊สงแก้แค้น ตามบรรดาขุนนางที่คิดร้ายบู๊สงต่างก็เป็นใหญ่กว่าเรา ผู้รักษาเมืองรู้ว่าเรากับบู๊สงชอบพอกันไม่ให้ว่ากล่าวจะทำประการใด เจ้าจงเอาเงินไปเดินเหินเสียก่อน เมื่อบู๊สงเบาบางพ้นจากความตายจึงค่อยคิดต่อภายหลัง ซิอินว่าขุนนางเหล่านั้นก็ไม่รู้จักผู้ใด เห็นอยู่แต่คังเจียดคิบคนหนึ่งซึ่งรักใคร่กันมานานแล้ว ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวดูเห็นจะไม่เป็นไร จึงเอาเงินทองร้อยเหรียญใส่ห่อผ้าตรงมาที่บ้าน เล่าความเรื่องบู๊สงให้ฟังตั้งแต่ต้นจนปลายทุกประการ คังเจียดคิบจึงบอกกับซิอินว่าเจียตงหนีมาซ่อนอยู่ในบ้านเตียทวนเลียนผู้นาย เตียทวนเลียนกับเตียมงฮวงนั้นได้สาบานเป็นพี่น้องกันมาแต่เดิม เตียมงฮวงคิดจะฆ่าบู๊สงแก้แค้นแทนเจียตง เอาเงินมาให้ผู้รักษาเมืองและกรมการคิดจะฆ่าบู๊สงเสียให้ได้ เอียบขงมกเป็นขุนนางสัตย์ซื่อไม่เห็นแก่ผู้ใดพูดคัดค้านไว้ อันบู๊สงนี้ถ้าเป็นผู้ร้ายจริงโทษก็ไม่ถึงตาย ผู้รักษาเมืองและกรรมการทั้งปวงก็รวนเรไม่อาจจะทำจึงเอาตัวบู๊สงจำขังไว้ ซึ่งการในคุกนี้ตกพนักงานข้าพเจ้าเอง จะลดหย่อนผ่อนให้เบาบางได้ แต่นอกกว่านั้นท่านจงไปหาเอียบขงมกเดินเหินเสียโดยเร็วเถิด ซิอินได้ฟังก็ยินดีเอาเงินให้คังเจียดคิบร้อยเหรียญแล้วก็ลาไป คังเจียดคิบได้เงินก็ลดหย่อนผ่อนให้บู๊สงเบาบางขึ้นกว่าแต่ก่อน ซิอินจึงให้พวกพ้องเอาเงินไปเดินเหินที่เอียบขงมก ๆ ก็รับว่าไม่เป็นไร เอียบขงมกจึงคิดว่า บู๊สงนี้เป็นคนสัตย์ซื่อฝีมือเข้มแข็งไม่มีความผิด จำเราจะช่วยไว้ จึงเอาคำปรึกษาโทษบู๊สงมาแก้ไขให้เบาบาง ครบกำหนดจึงจะเอาไปให้ผู้รักษาเมืองและกรมการทั้งปวงดู

ฝ่ายซิอินจัดสิ่งของกับเงินทองบ้างเล็กน้อย ออกจากบ้านมาหาคังเจียดคิบให้พาไปเยี่ยมบู๊สงที่คุก ซิอินเล่าความว่าเจียตงกับเตียทวนเลียนไปหาเตียมงฮวงให้คิดอุบายฆ่าท่านเสีย ข้าพเจ้าได้ให้คนไปเดินเหินที่เอียบขงมกแล้ว ท่านอย่าวิตกเลย เห็นจะไม่ตาย จึงเอาเงินกับสิ่งของออกให้ บู๊สงรับไว้แต่ใจนั้นคิดอยู่ว่าจะหนี ยังไม่ได้ท่วงทีจึงมีความวิตก ครั้นซิอินเอาเงินทองมาเดินเหินให้ค่อยมีความสบาย ถ้าแม้นออกได้ คนที่ทำร้ายเราคงจะเห็นฝีมือกัน คิดดังนั้นก็คลายความวิตกมิได้คิดหนี เอาอาหารมากินเสร็จแล้วซิอินก็กลับมาจัดหาสิ่งของไปให้อีกสองครั้ง และต่อมามีคนไปบอกแก่เจียตงว่า ซิอินมาส่งบู๊สงอยู่เป็นนิตย์ เจียตงก็ไปหาเตียมงฮวงเล่าความให้ฟังทุกประการ เตียมงฮวงจึงจัดเงินทองให้ผู้รักษาเมืองอีก ห้ามมิให้ผู้ใดไปส่งเสบียงอาหารบู๊สงได้ ผู้รักษาเมืองให้คนไปคอยดู ถ้ามีผู้ใดไปส่งเสียบู๊สงก็ให้จับตัวมา ซิอินแจ้งความตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนบู๊สงเลย แต่เอาสิ่งของไปให้ไว้ที่คังเจียดคิบมิได้ขาด

ฝ่ายเอียบขงมกยังไม่ถึงกำหนดทำเรื่องความบู๊สงก็ไปปรึกษาความอื่น เวลาวันนั้นเอียบขงมกพูดกับผู้รักษาเมืองว่า เตียทวนเลียนกับเตียมงฮวงคิดอุบายจะแกล้งฆ่าบู๊สงแก้แค้นแทนเจียตง บู๊สงเป็นผู้ร้ายจริงโทษก็ไม่ถึงตาย ผู้รักษาเมืองได้ฟังก็เห็นด้วยจึงคิดว่า ความเรื่องนี้เอียบขงมกก็ไม่ได้เงินทองของเตียมงฮวง แล้วความก็ไม่จริง จำเราจะนิ่งเสียอย่าเอาเป็นธุระ ทำไม่รู้ไม่เห็นเสียดีกว่า คิดดังนั้นก็ละเลยมาครบกำหนดสองเดือน

ครั้นรุ่งขึ้นเช้า เอียบขงมกก็เอาคำปรึกษาโทษบู๊สงออกมาอ่านว่า “ซึ่งบู๊สงเป็นผู้ร้ายมีโทษให้เอาตัวมาเฆี่ยนยี่สิบทีแล้วเนรเทศไปเมืองอินจิว” ผู้รักษาเมืองกรมการได้ฟังแล้วก็ให้ถอดคาบู๊สงออกมาจากคุก เฆี่ยนยี่สิบทีสักหน้าเอาคาใส่ให้ผู้คุมทั้งสองคุมไปเมืองอินจิว ผู้คุมรับคำสั่งพาตัวบู๊สงมาบ้านจัดสิ่งของพร้อมออกมาจากเมืองเม่งจิวเดินทางไป

ฝ่ายซิอินตั้งแต่ผู้รักษาเมืองให้คนไปคอยจับก็ไม่ได้ไปเยี่ยมบู๊สง เวลาวันนั้นออกมานั่งอยู่โรงเตี๊ยมตำบลคาอัวะหลิม แลเห็นเจียตงกับพวกเพื่อนหลายคนตรงมาจับซิอินทุบตีศีรษะแตกโลหิตไหล แล้วให้ไปบอกพ่อค้ามามอบโรงเตี๊ยมกับสิ่งของต่างๆ ให้เจียตงว่ากล่าวสืบต่อไป ซิอินสู้ไม่ได้ก็ยอมทำตาม ให้เจียตงเป็นใหญ่ในตำบลคาอัวะหลิม แล้วก็ไล่ซิอินไปเสียให้พ้น เจียตงให้คนไปขนของกับพาบุตรภรรยาพวกพ้องมาอยู่โรงเตี๊ยมนั้นเหมือนแต่ก่อน

ฝ่ายซิอินครั้นมาถึงบ้านก็มีความโกรธแค้นเจียตงยิ่งนัก เวลาวันนั้นได้ยินข่าวว่าบู๊สงออกจากคุกได้ พรุ่งนี้จะเนรเทศไปเมืองอินจิวก็ยินดี จัดสิ่งของเงินทองเสื้อผ้าพร้อมมาคอยท่าอยู่ที่โรงขายสุราตามทาง บู๊สงกับผู้คุมทั้งสองไปถึงโรงขายสุรา ซิอินก็ออกมาเชิญบู๊สงเข้าไปแจ้งความว่า ข้าพเจ้าไปเยี่ยมท่านกลับมาแล้วจัดหาสิ่งของไปอีกก็มีผู้มาห้ามปรามคอยจับ จึงได้เอาสิ่งของไปฝากคังเจียดคิบไว้ให้ท่าน ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้ไปเลย ครั้นแจ้งว่าท่านต้องเนรเทศไปเมืองอินจิวจึงหาสิ่งของมาให้ จะได้เอาไปใช้สอยตามทาง บู๊สงเห็นซิอินเอาผ้าขาวโพกพันมืออยู่จึงถามว่า เหตุไฉนจึงทำดังนี้อีก ซิอินก็เล่าความซึ่งเจียตงกลับไปแย่งชิงโรงเตี๊ยมที่ตำบลคาอัวะหลิม แล้วตีจนศีรษะแตกให้ฟังทุกประการ บู๊สงก็ขัดเคืองยิ่งนักจึงพูดว่า ถ้าไม่ตายก็จะได้ให้เห็นกัน ซิอินเอาเงินทองสิ่งของออกให้บู๊สงแล้ว เรียกผู้คุมทั้งสองรับประทานอาหารด้วย ผู้คุมว่าบู๊สงเป็นผู้ร้ายรับประทานอาหารของเขาทำไม จงเร่งไปโดยเร็วเถิด ซิอินเห็นผู้คุมโกรธก็เอาเงินสิบตำลึงให้ ผู้คุมก็ไม่รับพูดว่า ถ้าไม่ไปโดยเร็วเราจะเฆี่ยน เราไม่เห็นแก่เงินของเจ้าดอก ซิอินเห็นผู้คุมเร่งรัดนักจึงบอกบู๊สงว่าผู้คุมทั้งสองนี้ท่านอย่าไว้ใจคงจะคิดร้ายอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นแน่ บู๊สงว่าท่านอย่าวิตกเลยข้อนั้นไม่เป็นไรเชิญกลับไปบ้านเถิด ซิอินก็ลากลับมา ผู้คุมพาบู๊สงเดินทางไปประมาณได้ห้าลี้เห็นมีชายสองคนถือกระบี่ยืนอยู่ พอผู้คุมทั้งสองเดินไปใกล้ขยิบตาพูดจากันแล้วก็เดินตามไป บู๊สงเห็นชอบกลก็แจ้งว่าคนเหล่านี้พวกเดียวกันจะตามไปทำอันตรายเราเป็นแน่ บู๊สงทำเฉยเสียเหมือนไม่รู้เท่า เดินทางไปเหน็ดเหนื่อยก็เอาของที่ซิอินให้ออกรับประทาน แต่ใจนั้นคิดฆ่าผู้คุมกับชายสองคนให้จงได้ ครั้นเดินไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งมีสะพานข้ามเห็นหนังสือสามตัว บู๊สงแกล้งถามว่า หนังสือนั้นเขาเรียกว่าอะไร ผู้คุมตอบว่า เจ้าไม่มีตาหรือดูเอาเองเป็นไร หนังสือสามตัวนั้นว่าฮุนอินโพ้ว บู๊สงว่าเรารับประทานของเปื้อนจะไปล้างมือสักหน่อย ชายสองคนที่ถือกระบี่เดินมากับผู้คุมได้ฟังบู๊สงพูดดังนั้นก็รีบเดินตามไป พอบู๊สงขึ้นสะพานชายสองคนนั้นแอบเคียงเข้าใกล้ บู๊สงเอาเท้าถีบตกสะพานลงในแม่น้ำทั้งสองคน ผู้คุมเห็นก็จะวิ่งหนี บู๊สงร้องตวาดว่าจะไปข้างไหน ผู้คุมตกใจล้มลงคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งวิ่งตามไป บู๊สงหักคาที่ใส่ออกวิ่งตามไปทันเอากระบี่ที่ผู้คุมเหน็บมานั้นฆ่าเสียทั้งสองคน แล้วก็กลับมาที่สะพานเห็นชายสองคนคลานขึ้นมาริมฝั่ง บู๊สงก็ฆ่าเสียคนหนึ่ง แล้วถามว่าเจ้านี้มาด้วยเหตุผลประการใดจงบอกไปตามความจริง ชายคนนั้นตกใจก็แจ้งความว่าข้าพเจ้าสองคนเป็นศิษย์ของเจียตง ใช้ให้ตามมาช่วยผู้คุมคิดฆ่าท่านเสีย บัดนี้เจียตงไปกับเตียทวนเลียนเสพสุราอยู่ที่อวนเอียเหลา บ้านเตียมงฮวงคอยข้าพเจ้าสองคนกลับไปบอกข่าว บู๊สงได้ฟังก็โกรธมากขึ้น ฆ่าชายผู้นั้นเสีย แล้วก็หวนคิดแค้นเตียมงฮวงยิ่งนัก จำจะกลับไปฆ่าคนเหล่านี้แก้แค้นเสียให้ได้ จึงเก็บกระบี่เหล่านั้นเหน็บซ่อนไว้ในเสื้อ ลงจากสะพานตำบลฮุนอินโพ้วกลับมาเมืองเม่งจิว

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ