๙๙

ฝ่ายลีขุย ซือจิน เจียสิวกับนายทหารเหล่านั้นแยกกันไปตามลูตีซิมคนละทิศ เที่ยวไล่ถามดูไม่ได้ข่าวก็กลับมาถึงเนินไซจือเนี้ยพร้อมกันทั้งสามกองเข้าไปแจ้งความแก่ซ้องกั๋งทุกประการ ซ้องกั๋งจึงบอกกับนายทหารทั้งปวงว่า เราได้ความแล้ว ลูตีซิมตกอยู่ในเหวฮุยตี๋แจ๊แต่ยังไม่มีผู้ใดลงไปรับขึ้นมา ลีขุยว่าข้าพเจ้าจะลงไปเอง ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความยินดีจึงสั่งให้ยกกองทัพออกจากเนินไซจือเนี้ยมาริมเหวฮุยตี๋แจ๊ แล้วให้ตัดไม้มาสานเข่งเอาเชือกผูกลูกกระพรวนกับเข่งไว้แน่น ลีขุยถือขวานสองมือลงนั่งในเข่ง สั่งว่าถ้าลูกกระพรวนดังก็ให้ชักเชือกขึ้นมา ซ้องกั๋งจึงให้หย่อนเข่งลงไปในเหวลึกหลายสิบวาถึงพื้นดิน ลีขุยเห็นข้างหน้ามีแสงสว่างจึงขึ้นจากเข่งเดินตรงไปเห็นลูตีซิมนั่งอยู่บนแผ่นศิลาเขียว ลีขุยก็ร้องว่าทำไมพี่มานั่งอยู่ที่นี่ ซ้องกั๋งให้น้องลงมาตามรับขึ้นไป ลูตีซิมเห็นลีขุยมีความยินดีนัก จึงบอกว่าเราตกเหวลงมาหลายวันแล้ว ถ้าไม่พบเจ้าเราคงตายอยู่ที่นี่ ขอบใจเจ้านักยิ่งกว่าพี่น้องที่ร่วมบิดามารดากัน

พูดแล้วลีขุยก็ชวนลูตีซิมเดินไปลงในเข่งสั่นลูกกระพรวนดังขึ้น ทหารที่ปากเหวได้ยินก็ช่วยกันชักเชือกขึ้นมา ซ้องกั๋งเห็นลูตีซิมก็ดีใจจึงถามว่าเจ้าไปทนทุกข์อยู่ในเหวช้านานเรามีความวิตกนัก ไต้ตี๋เทพยดามาเข้าฝันจึงได้รู้ บัดนี้มาพบกันได้ก็เป็นบุญนักหนา ลูตีซิมคำนับแล้วว่าท่านช่วยชีวิตไว้ครั้งนี้พระคุณเป็นที่ยิ่งจะสนองคุณท่านไปกว่าจะสิ้นชีวิต ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีชวนกันยกกองทัพกลับไปค่ายบนเนินไซจือเนี้ย เล่าความซึ่งลีขุยลงไปรับลูตีซิมให้โงวหยงฟังทุกประการแล้วจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริง

ฝ่ายเฮียกังกับอือเสียงเวลาคืนวันนั้นได้ชัยชนะซ้องกั๋งก็มีความยินดี คุมไพร่พลกลับเข้าค่าย ครั้นแจ้งว่าข้าศึกยกหนุนมาอีกจึงให้ม้าใช้รีบไปแจ้งความแก่บิดาขอกองทัพยกเพิ่มเติมมาช่วย เฮียเสียงได้ทราบข่าวก็สั่งให้ซิมอานหยิน นายทหารเตรียมไพร่พลสิบหมื่นยกออกจากเนินเดินทางมาในเวลากลางคืน

ฝ่ายซ้องกั๋งกับพวกทหารเลี้ยงกันแล้วจึงปรึกษาการจะยกเข้าหักเนินเลงพวนเนียอยู่ ม้าใช้มาแจ้งว่าเฮียเสียงผู้รักษาเนินเลงพวนเนียคุมทหารและไพร่พลมาเป็นอันมาก ซ้องกั๋งได้ฟังจึงว่าเฮียเสียงผู้นี้สติปัญญาดีฝีมือเข้มแข็งนัก ท่านทั้งปวงต้องช่วยกันให้แข็งแรงจึงจะเอาชัยชนะได้ เคียวเตาเช็งว่าท่านอย่าวิตกเลย จงจัดทหารออกไปคอยต้านทานไว้ก่อน ข้าพเจ้าจะคิดให้พวกข้าศึกอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์ทั้งสิ้น ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดีจึงจัดทหารยกไปตั้งเป็นขบวนทัพคอยข้าศึกอยู่ เคียวเตาเช็งก็คุมทหารห้าหมื่นยกไปยังตำบลเหวฮุยตี๋แจ๊ตั้งค่ายอยู่ที่ริมเหว ซึ่งกระบวนค่ายนั้นมีทางตลอดกันเหมือนกับทางเดินสองข้างเป็นกำแพงท่วงทีชอบกลนัก ทหารเห็นก็หัวเราะพากันพูดว่าตั้งแต่มาเป็นทหารกว่าสิบปียังไม่เคยเห็นค่ายเช่นนี้เลย เคียวเตาเช็งตอบว่าซึ่งกระบวนค่ายนี้บอกชื่อไม่ได้ ถ้าถึงทีจะสู้รบเจ้าต้องยืนนิ่งอยู่ถ้าถอยไปมาจะมึนเมาล้มลง อย่าได้เคลื่อนจากที่จนสักก้าวเดียว คอยแต่จับข้าศึกมัดเถิด เคียวเตาเช็งก็กลับมาแจ้งกับซ้องกั๋งว่าข้าพเจ้าตั้งค่ายแล้ว ท่านจงให้ทหารยกไปสู้รบทำล่าถอยหนีเข้าในค่ายให้หมด ถ้าข้าศึกรุกไล่เข้าค่ายแล้วตกเป็นพนักงานของข้าพเจ้าเอง ครั้นแจ้งความแล้วก็รีบกลับไปอยู่ที่ค่าย ซ้องกั๋งตระเตรียมทหารพร้อมคอยจะออกรบ

ฝ่ายเฮียเสียงยกกองทัพมาถึงค่ายเฮียกังเล้า เข้าสมทบเป็นกองเดียวกัน ครั้นรุ่งขึ้นเช้าเฮียเสียงคุมทหารและไพร่พลออกจากค่ายมาท้ารบ ซ้องกั๋งก็ยกออกจากค่ายเห็นเฮียเสียงยืนอยู่ จึงขับม้าเข้าไปหมอบตัวทำทีจะคำนับแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าได้ข่าวเล่าลือว่าฝีมือท่านเข้มแข็งควรจะเป็นขุนนางนายทหารใหญ่ขอเชิญท่านมาทำราชการด้วยกันจะมิดีหรือ บุตรภรรยาก็จะมีความสุขสืบไป

เฮียเสียงได้ฟังจึงตอบว่า ข้าพเจ้าก็รู้อยู่ว่าเจ้าแผ่นดินซ้องมีบุญมากอยากจะเข้าอ่อนน้อม แต่พวกทหารทั้งปวงไม่ยอมยังจะคิดสู้รบอยู่ ฮวนเง็กเหม็งนายทหารได้ฟังถ้อยคำซ้องกั๋งก็โกรธขับม้าตรงเข้าเอาทวนแทง ซ้องกั๋งตังเผ็งเอาทวนรับไว้รบกันได้สามสิบเพลง ฮวนเง็กเหม็งสู้ฝีมือตังเผ็งไม่ได้ ตังเผ็งเอาทวนแทงถูกอวนเง็กเหม็งตกม้าตาย เซียงฮวยทหารรองเห็นดังนั้นก็โกรธขับม้าตรงเข้าเอาทวนแทง ตังเผ็งเอาทวนรับรบได้สามสิบเพลง ตังเผ็งเอาทวนแทงถูกอกเซียงฮวยตกม้าตาย อิติดหงวนจะแก้แค้นแทนนายทหารทั้งสองก็เข้ารบกับตังเผ็งได้หกสิบเพลงไม่แพ้ชนะกัน ฮวยหยงเห็นตังเผ็งเหนื่อยนักก็เข้ารบกับอิติดหงวน ปังเสียงทหารรองของเฮียเสียงเข้ารบสกัดฮวยหยงไว้ ทหารสี่นายสู้รบกันเป็นสามารถ นางเก็งเอ็งกุนจู๊เอาก้อนศิลาขว้างถูกปังเสียงพลัดตกม้าลง ฮวยหยงเอาทวนแทงซ้ำถูกชายโครงปังเสียงขาดใจตาย อิติดหงวนรบอยู่กับตังเผ็งอีกหลายเพลง ฮวยหยงเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกอกอิติดหงวนเจ็บปวดก็ขับม้าหนี ตังเผ็งไล่ตามไป ซ้องกั๋งเห็นดังนั้นก็ตีม้าล่อสัญญาให้กลับ ตังเผ็งได้ยินเสียงม้าก็คุมทหารกลับมาค่าย ซ้องกั๋งมีความยินดีให้จัดโต๊ะและสุราเลี้ยงนายทหารพร้อมกันแล้ว ครั้นรุ่งขึ้นเช้าซ้องกั๋งก็จัดให้ฉินเหม็ง อึงซิน ตังเผ็งคุมทหารมาคอยอยู่

ฝ่ายเฮียเสียงเสียนายทหารทั้งสองก็ไม่มีความสบาย ยกกองทัพกลับมาค่ายนั่งเป็นทุกข์อยู่ เบ๊เหล็งนายทหารจึงพูดแก่เฮียเสียงว่าท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะยกออกไปรบเอาชัยชนะให้จงได้ เฮียเสียงก็จัดไพร่พลให้เบ๊เหล็งหมื่นหนึ่งยกออกจากค่ายมา

เบ๊เหล็งผู้นี้มีฝีมือเข้มแข็ง มีความรู้วิชาหลายอย่าง ถ้าไม่มีการศึกสงครามก็ลืมตาข้างเดียว แม้นเข้าสู้รบลืมตาขึ้นทั้งสองข้างถึงจะยิงเกาทัณฑ์และขว้างก้อนศิลาก็ไม่ถูกต้อง คนทั้งปวงพากันเรียกเซียวฮัวกวง ครั้นยกกองทัพมาถึงหน้าค่าย พบฉินเหม็งกับทหารและไพร่พลยกไปท้ารบ เบ๊เหล็งก็ร้องว่าทหารผู้ใดฝีมือเข้มแข็งก็ออกมารบกันเถิด

ซ้องกั๋งแจ้งว่าเบ๊เหล็งยกมาก็ออกจากค่ายห้ามฉินเหม็งกับพวกทหารเหล่านั้นไว้ อย่าเพิ่งสู้รบก่อน ซ้องกั๋งก็ตรงมาร้องเรียกเบ๊เหล็งว่า ท่านนายทหารข้าพเจ้าได้ยินชื่อเสียงท่านปรากฏมาช้านาน วันนี้มาพบกันก็เป็นบุญนักเชิญท่านมาทำราชการด้วยกันเถิด เบ๊เหล็งตอบว่าท่านเห็นจะยังไม่รู้จักฝีมือเซียวฮัวกวงดอกกระมัง มาสู้รบกันดูก่อนเถิด ลีขุยยืนอยู่ข้างหลังได้ฟังก็โกรธตรงเข้าเอาขวานฟัน เบ๊เหล็งเอากระบองรับรบกันไม่ทันได้เพลง เบ๊เหล็งก็เอาแผ่นทองของวิเศษขว้างถูกลีขุยล้มลง โลวจุนหงี อูเอียนเจียกเห็นก็เข้าช่วยแก้เอาลีขุยไปได้ ฉินเหม็งก็ตรงเข้ารบกับเบ๊เหล็งได้สองเพลง เบ๊เหล็งก็เอาแผ่นทองขว้างถูกฉินเหม็งล้มลงอีก พวกทหารเหล่านั้นก็เข้าช่วยฉินเหม็งกลับไปได้

ซ้องกั๋งจึงว่า เบ๊เหล็งฝีมือเข้มแข็งจะคิดสู้รบอย่างไรดี ตังเผ็ง อูเอียนเจียก จูตง ลุยเหง เอียสุน แต้เทียนสิว ลูตีซิม บู๊สง เอียหยง เจียสิว ทหารสิบนายจึงบอกว่า พวกข้าพเจ้าจะสู้รบเอง ถ้าเบ๊เหล็งขว้างของวิเศษก็ถูกแต่ผู้เดียวคงจะจับเบ๊เหล็งได้

พูดแล้วก็ยกออกจากค่ายทั้งสิบนายตรงเข้าล้อมเบ๊เหล็งไว้ เบ๊เหล็งเห็นดังนั้นก็เอาจักรลมไฟสวมใส่เท้าหนีตรงไปทิศเหนือ ทหารสิบนายก็ไล่ตามไป เบ๊เหล็งเห็นได้ทีก็หันหน้ากลับอ่านคาถาให้แผ่นทองกลายเป็นสิบแผ่นขว้างทหารสิบนายหลบไม่ทันถูกแผ่นทองเจ็บป่วยพากันหนีกลับ ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพเข้าค่ายมีความวิตกยิ่งนัก แต่พวกที่ถูกแผ่นทองนั้นไม่เป็นอันตรายป่วยอยู่เจ็ดวันก็หาย ซ้องกั๋งจึงปรึกษากับโงวหยงว่า เบ๊เหล็งมีวิชาและฝีมือดังนี้ที่ไหนจะปราบปรามฮ่อปักได้ พอเคียวเตาเช็งให้ม้าใช้มาแจ้งกับซ้องกั๋งว่ากระบวนค่ายรบตั้งไว้พร้อมคอยอยู่หลายวันก็ไม่เห็นล่อข้าศึกไป ถ้าครั้งนี้ยกออกสู้รบจงล่อกองทัพโจรไปให้ได้ ซ้องกั๋งได้ฟังก็มีความยินดี

ฝ่ายเบ๊เหล็งครั้นได้ชัยชนะแก่กองทัพซ้องกั๋งก็คุมไพร่พลกลับไปค่ายแจ้งความให้เฮียเสียงฟังแล้วว่า ถ้ายกออกไปครั้งนี้ข้าพเจ้าจะฆ่าเสียให้สิ้น พวกซ้องกั๋งคงล่าถอยกองทัพไป ท่านจงจัดทหารและไพร่พลตามตีเอาเนินไซจือเนี้ยกลับคืนให้จงได้ เฮียเสียงได้ฟังก็เห็นชอบจึงจัดทหารเป็นสามกองคอยไล่ไปทั้งสองทาง แล้วให้เบ๊เหล็ง บูเลง คุมไพร่พลเป็นกองกลางยกไปท้ารบ ถ้าเห็นได้ทีก็ให้ตีขนาบไปหักเอาเนินไซจือเนี้ยทีเดียว นายทหารสี่สิบสองคนคุมไพร่พลออกจากค่ายแบ่งกันเป็นสองกองคอยท่วงทีอยู่ เบ๊เหล็งกองกลางคุมทหารสิบเจ็ดนายกับไพร่พลมาถึงหน้าค่ายซ้องกั๋งก็ให้บูเลงร้องท้ารบ ซ้องกั๋งสั่งทหารทั้งปวงว่า ถ้ายกออกรบจงแกล้งทำแพ้พากันแตกหนีกระจัดกระจาย ตัวเรากับทหารจะล่าถอยไปยังค่ายของเคียวเตาเช็งถ้ากองทัพข้าศึกไล่ตามไปถูกอุบายแล้ว พวกเราจงยกกลับไปล้อมข้าศึกไว้จับฆ่าเสียให้สิ้น สั่งแล้วซ้องกั๋งก็ยกกองทัพออกจากค่าย เห็นบูเลงร้องท้าทายอยู่ก็ให้ซือจินเข้ารบกับบูเลงประมาณได้สามสิบเพลง ซือจินทำแพ้ขับม้าหนี บูเลงก็ขับม้าไล่ตามไป ซ้องกั๋งกับทหารยี่สิบนายทำเป็นหนีล่าถอยมาเข้าในค่ายเคียวเตาเช็ง ทหารเมืองเลงพวนจิวสองทัพกับเบ๊เหล็งกองกลางก็คุมทหารไล่ตามซ้องกั๋งมาใกล้เหวฮุยตี๋แจ๊ เคียวเตาเช็งยืนดูอยู่บนหอรบเห็นเบ๊เหล็งกับไพร่พลไล่ตามซ้องกั๋งเข้าไปในค่าย เคียวเตาเช็งจึงอ่านคาถาบันดาลเป็นลมพายุพัดกล้าฟ้าร้อง เบ๊เหล็งกับทหารสิบเจ็ดนายและไพร่พลห้าพันมึนเมาล้มลง ทหารกองทัพซ้องกั๋งกรูกันเข้าจับเบ๊เหล็งและไพร่พลเหล่านั้นมัดไว้ได้ ทหารซ้องกั๋งที่แกล้งแตกหนีไปได้ยินเสียงฟ้าร้องก็รู้ว่ากองทัพข้าศึกต้องอุบายของเคียวเตาเช็งแล้วจึงพากันกลับเข้ารบล้อมฆ่าไพร่พลเมืองเลงพวนจิวตายบ้างจับเป็นไว้บ้าง เคียวเตาเช็งอยู่บนหอรบเห็นไพร่พลจับเบ๊เหล็งกับทหารเหล่านั้นได้แล้วก็ลงจากหอรบเอานํ้ามนต์พ่นทหารสิบแปดนายก็หายมึนเมา ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพกลับมาค่าย สั่งให้แก้มัดเบ๊เหล็งกับทหารเหล่านั้นออกแล้วจึงว่าท่านทั้งปวงจงสามิภักดิ์กับพระเจ้าแผ่นดินซ้องเถิด ภายหน้าจะได้มีความสุข

เบ๊เหล็งตอบว่าท่านมีความเมตตาไม่ฆ่าฟัน พวกข้าพเจ้าขอยอมสามิภักดิ์ทำราชการอยู่กับท่านสืบไป ซ้องกั๋งได้ฟังก็ดีใจตั้งให้ทหารสิบแปดนายเป็นที่จีฮุยไซขุนนางนายทหารแล้วก็จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน ครั้นเฮียเสียงผู้รักษาเมืองเลงพวนจิวแจ้งความว่าทหารซ้องกั๋งจับเบ๊เหล็งกับทหารเหล่านั้นได้จึงสั่งเฮียกังผู้บุตรให้อยู่รักษาค่าย ตัวเฮียเสียงนั้นก็ยกกองทัพกลับเข้าเมืองรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้เข้มแข็งเป็นสามารถ

ฝ่ายซ้องกั๋งตั้งแต่เบ๊เหล็งมาอยู่ด้วยก็มีความยินดี ปรึกษาว่าทำอย่างไรจึงจะได้เมืองเลงพวนจิว เบ๊เหล็งว่าเดิมทีท่านได้พูดจาเกลี้ยกล่อมให้เฮียเสียงสามิภักดิ์ เฮียเสียงก็จะอ่อนน้อมแต่พวกทหารทั้งปวงไม่ยอม บัดนี้เฮียเสียงกลับเข้าเมืองแล้ว ท่านจงยกองทัพเข้าตั้งประชิดเมืองไว้ให้หาเฮียเสียงมา ท่านจงพูดจาเกลี้ยกล่อมด้วยคำอ่อนหวาน เฮียเสียงคงสามิภักดิ์เป็นแน่ ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบจึงยกกองทัพออกจากค่ายมายังเมืองเลงพวนจิวตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ เฮียเสียงแจ้งความก็ตกใจรีบขึ้นไปบนเชิงเทินเห็นซ้องกั๋งต่างคนก็คำนับกันตามธรรมเนียม

ซ้องกั๋งจึงพูดว่าทหารท่านถูกอุบายรุกไล่ไปพากันตายสิ้นไม่ได้กลับสักคนหนึ่ง ทำไมท่านจึงไม่คิดการอ่อนน้อมเสียเล่า เฮียเสียงได้ฟังก็ไม่ตอบประการใด ลงจากกำแพงมาเขียนหนังสือเข้าผนึกผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงไปตรงหน้าค่าย ทหารเก็บได้เอามาให้ซ้องกั๋งฉีกผนึกออกอ่านมีความว่า “ข้าพเจ้าเฮียเสียงผู้รักษาเมืองเลงพวนจิวคำนับมายังท่านแม่ทัพแผ่นดินซ้องซึ่งเป็นเมืองประเทศใหญ่ ด้วยข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลือว่าท่านเป็นคนสัตย์ซื่อสุจริตคิดจะเข้าอ่อนน้อม พวกทหารทั้งปวงไม่ยอมขืนจะต่อสู้จนพากันล้มตายเป็นอันมาก บัดนี้ข้าพเจ้าขอสามืภักดิ์แก่ท่าน แต่อย่าให้ซันโฮ้วรู้ เชิญท่านถอยกองทัพไปอยู่ให้ไกลเมืองสักหน่อย ข้าพเจ้าจะเข้าไปเมืองซันจิวพูดเพทุบายให้ซันโฮ้วยกออกสู้รบ แล้วท่านจงจัดกองทัพข้ามเขาอูเสียงซัวไปตั้งสกัดอยู่ต้นทางปากน้ำ ตีหักเอาเมืองซิมจิวให้ได้ก่อน อย่าให้ซันโฮ้วหนีลงทะเลได้การก็คงจะสำเร็จ” ซ้องกั๋งอ่านหนังสือแจ้งความแล้วก็สงสัยกลัวจะเป็นอุบาย จึงถามเบ๊เหล็งว่าเฮียเสียงพูดมาดังนี้เห็นว่าการจวนตัวจะผ่อนผันเป็นอุบายดอกกระมัง เบ๊เหล็งว่าเฮียเสียงผู้นี้สัตย์ซื่อนักไม่เหมือนคนทั้งปวง พูดจาสิ่งไรควรเชื่อฟังได้ เชิญท่านถอยทัพไปก่อนเถิด ซ้องกั๋งได้ฟังก็สั่งให้ถอยทัพไปตั้งพักห่างเมืองสิบห้าลี้คอยฟังข่าวเฮียเสียงอยู่

ฝ่ายเฮียเสียงผู้รักษาเมืองเลงพวนจิวเห็นกองทัพซ้องกั๋งถอยห่างออกไปแล้ว ก็ให้ไพร่พลรีบไปยังค่ายตำบลเหวฮุยตี๋แจ๊ บอกให้เฮียกังยกกองทัพกลับเข้ามา เฮียเสียงจึงพูดว่าบิดาตรึกตรองดูเห็นว่าซันโฮ้วนี้สิ้นวาสนาแล้วจะไม่ยืดยาว ซึ่งเมืองรายทางถึงยี่สิบเศษซ้องกั๋งก็ตีไว้ได้ทั้งสิ้น ยังแต่เมืองเลงพวนจิวกับเมืองซิมจิวไม่ช้าคงจะเสีย เราพากันเข้าสามิภักดิ์กับแผ่นดินซ้องเถิดเห็นจะดี เจ้าจงตั้งรักษาทหารและไพร่พลอยู่ในเมืองก่อน บิดาจะเข้าไปเมืองซิมจิวพูดให้ซันโฮ้วยกกองทัพมาสู้รบ เราจึงค่อยคิดอ่านหาความชอบต่อไปภายหลัง ครั้นสั่งเสียยังผู้บุตรแล้วก็จัดเอาลิเซ็งกับทหารอีกหลายนายคุมไพร่พลห้าร้อยยกออกจากเมืองเลงพวนจิวตรงไปเมืองซิมจิวทำเป็นพูดว่าจะไปขอกองทัพให้ยกมาช่วยโดยเร็ว

ฝ่ายซ้องกั๋งถอยกองทัพมาตั้งมั่นแจ้งว่า เฮียเสียงเข้าไปเมืองซิมจิวแล้ว ซ้องกั๋งก็จัดให้เบ๊เหล็ง บูเลง ย่งกัง ซอกเหียน เปียนบุนจิน ซือจิน เอียจี้ เกยเตียน เกยโป เล่งง่วนกวน ซือเหล็ง ตังซิหลง ซืองัก เตียเช็ง โตวเซียน ซองบาน ลีขุย มกชุน เซ็งปุน อูหมง ซึงลิบ โลวง่วนเฮียน จิวทอง เอียวจงอ๋วงรวมนายทหารยี่สิบสี่ทหารเลวสิบหมื่น แยกเป็นสิบกองยกไปตีเมืองซิมจิว และตั้งสกัดต้นทางปากน้ำไว้กองหนึ่งให้ยกไปตีเมืองบูเน่งจิว

เบ๊เหล็งจงพูดกับซ้องกั๋งว่า ซันปิวน้องซันโฮ้วตั้งรักษาอยู่ ณ เมืองบูเน่งจิว ถ้าแจ้งว่ายกกองทัพไปก็คงจะออกต่อสู้ ครั้นจะแบ่งทหารแยกเป็นสองกองเห็นว่าเหลือกำลังที่จะสู้รบ ซ้องกั๋งตอบว่าเจ้ายกกองทัพล่วงไปก่อนแล้วพี่จะจัดให้ทหารหนุนตามไปต่อภายหลัง เบ๊เหล็งก็คุมทหารยกออกจากค่ายพ้นเมืองเลงพวนจิวไปก็แยกกองทัพเป็นสองกอง ให้ซือจินกับย่งกัง ซอกเหียน ตังซิหลงและทหารสิบสองนายคุมทหารห้าหมื่นมุ่งตรงไปเมืองซิมจิว แล้วเบ๊เหล็งก็ยกกองทัพแยกทางตรงไปเมืองบูเน่งจิว

ฝ่ายซ้องกั๋งให้เบ๊เหล็งยกกองทัพไปแล้ว จึงจัดให้ฉินเหม็ง ลูตีซิม บู๊สงกับทหารสองหมื่นยกไปช่วยตีเมืองบูเน่งจิวข้างทิศตะวันออก จัดให้ฮั่นตง ตันซวน ลุยเหง เล่าตง ซกเถียว ลีขุยคุมทหารสองหมื่นยกไปช่วยหักเมืองซิมจิวข้างทิศตะวันตก นายทหารทั้งนั้นก็ยกแยกกันไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ