๕๕

กอกิวถามว่า นายทหารทั้งสองนั้นอยู่ที่ไหน อูเอียนเจียกว่าทหารผู้นั้นเป็นที่ทวนเซียมไซ อยู่ ณ เมืองตังจิวแซ่ฮั่นชื่อทอ ฝีมือเข้มแข็งเรียกว่าแป๊ะเส็งเจียงกุน อีกคนหนึ่งเป็นขุนนางอยู่ที่เมืองไนจิวแซ่เผ็งชื่อกีฝีมือก็แข็งแรง คนทั้งปวงจึงตั้งชื่อเรียกว่าเทียนมกเจียงกุน ควรจะเป็นนายทหารได้ทั้งสองคน กอกิวได้ฟังก็ยินดี จึงแต่งหนังสือรับสั่งให้ขุนนางถือแยกกันไปหาตัวคนทั้งสองมาโดยเร็ว ขุนนางผู้นำท้องตราก็แยกย้ายไปถึงเมืองตังจิว เมืองไนจิวพร้อมกัน ฮั่นทอและเผ็งกีแจ้งความแล้วก็จัดแจงออกจากเมืองมากับขุนนางผู้นำหนังสือรับสั่ง รีบมาทั้งกลางวันกลางคืนประมาณสี่ห้าวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว จึงพากันเข้าไปคำนับกอกิวตามธรรมเนียม กอกิว อูเอียนเจียกเห็นนายทหารทั้งสองมาก็ดีใจ เล่าความที่จะยกกองทัพไปนั้นให้ฟังทุกประการ แล้วให้อูเอียนเจียกกับฮั่นทอ เผ็งกีไปฝึกทหารซักซ้อมฝีมือที่สนามทุกเวลาจนชำนิชำนาญ

กอกิวจึงพูดกับอูเอียนเจียกและนายทหารทั้งสองว่า ทหารสามเมืองนั้นมีมากน้อยเท่าไร อูเอียนเจียกว่ามีทหารม้าอยู่ห้าพันทหารเดินเท้าหมื่นหนึ่ง กอกิวว่าทหารยังน้อยนัก ให้นายทหารทั้งสองกลับไปเกณฑ์ไพร่พลเพิ่มเติมเข้าอีก อูเอียนเจียกว่า ซึ่งทหารทั้งสามเมืองที่ตระเตรียมไว้นั้นฝีมือเข้มแข็งเคยสู้รบข้าศึกมามากท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ว่าเสื้อเกราะกับหมวกและเครื่องศัสตราวุธจะไม่พอใช้ กอกิวจึงว่าเจ้าทั้งสามจะต้องการสิ่งใดก็เลือกเอาในคลังตามชอบใจเถิด พูดแล้วก็สั่งให้ขุนนางพนักงานคลังพาอูเอียนเจียกไปเลือกเสื้อเกราะทวนง้าวกระบี่แหลนหลาวเกาทัณฑ์ขนออกมาตระเตรียมไว้เสร็จ กอกิวก็ให้ม้าอีกสามพันและเงินทองแพรพรรณต่างๆ ให้อูเอียนเจียกแม่ทัพกับนายทหารทั้งสองเป็นอันมาก อูเอียนเจียก กับฮั่นทอ เผ็งกีคำนับรับของรางวัลแล้วลากอกิวมาขึ้นม้าคุมทหารออกจากเมืองหลวงตรงไปเมืองยือเล่งกุ๋นก่อน ครั้นถึงอูเอียนเจียกก็ให้ฮั่นทอกับเผ็งกีกลับไปเมืองจัดทหารมาสมทบกัน ฮั่นทอ เผ็งกีก็คำนับลาแยกกลับไปเมืองที่อยู่ของตัว ครั้นถึง ฮั่นทอ เผ็งกีจัดทหารยกออกจากเมืองเดินทางมาหลายวันถึงเมืองยือเล่งกุ๋น อูเอียนเจียกก็มีความยินดีให้ทหารทั้งสองเมืองเข้าสมทบกัน เอาเสื้อเกราะกับหมวกและเครื่องศัสตราวุธที่เบิกมาจากคลังนั้นออกจ่ายให้พวกทหารครบทั่วตัวแล้ว อูเอียนเจียกจัดทหารเป็นสามทัพ ให้ฮั่นทอเป็นทัพหน้า อูเอียนเจียกเป็นแม่ทัพหลวง ให้เผ็งกีเป็นทัพหนุนจัดการเสร็จแล้ว ครั้นได้วันฤกษ์ดีอูเอียนเจียกก็ยกทัพออกมาจากเมืองยือเล่งกุ๋น เดินทางไปยังเขาเนียซัวเปาะ

ฝ่ายม้าใช้คอยเหตุ เห็นกองทัพเมืองหลวงยกมาก็ไปแจ้งความกับเตียวไก่ ซ้องกั๋งว่า อูเอียนเจียกชาวเมืองยือเล่งกุ๋นเป็นแม่ทัพยกทหารมาใกล้จะถึงเขาเนียซัวเปาะอยู่แล้ว ขณะนั้นเตียวไก่กับซ้องกั๋งและพวกพ้องนั่งกินโต๊ะเสพสุราพูดจากันอยู่ ครั้นได้ฟังคนให้มาแจ้งความก็ปรึกษาการที่จะสู้รบ

โงวหยงซินแสจึงว่าที่เป็นแม่ทัพมานั้นเป็นเทือกเถาอูเอียนจั่นขุนนางนายทหารแต่ครั้งแผ่นดินซ้อง ชื่อเสียงปรากฏมาช้านาน อูเอียนเจียกคนนี้ฝีมือเข้มแข็งนัก ถ้าจะสู้รบก็ต้องให้คนที่กล้าหาญดีเข้าต้านทานไว้ก่อนแล้วจึงคิดอุบายจับเอาตัวต่อภายหลัง

พูดยังไม่ทันขาดคำ ลีขุยว่า ข้าพเจ้าจะรับอาสาไปจับตัวแม่ทัพมาให้ได้ ซ้องกั๋งว่าการศึกครั้งนี้หนักแน่นแข็งแรงเราจะคิดให้ยกไปเอง ซ้องกั๋งก็ให้ฉินเหม็งเป็นกองหน้ายกไปก่อน กองที่สองให้ลิมชอง ที่สามให้ฮวยหยง ที่สี่ให้นางโฮ้วซาเหนีย ที่ห้าให้ซึงลิบยกหนุนเนื่องกันไป ซ้องกั๋งกับพี่น้องอีกสิบนายเป็นทัพใหญ่ ให้จูตง ลุยเหง มกหอง อึงซิน ลือฮวง ห้านายเป็นปีกซ้าย เอียหยง เจียสิว อาวเผ็ง เบ๊หลิน กวยเส็ง ห้านายเป็นปีกขวายกตามไปภายหลัง ให้ลี้จุน เตียหวย เตียสุน อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิดหกนายคุมไพร่พลลงเรือรบไปคอยรับอยู่ริมฝั่ง สั่งให้ลีขุยกับเอียหลิมคุมไพร่พลเดินเท้าแยกไปซุ่มอยู่ตามทาง หนักไหนจะได้ช่วยกัน

ซ้องกั๋งจัดการพร้อมแล้ว ก็ยกกองทัพออกจากเขาเนียซัวเปาะข้ามมาถึงฝั่ง ฉินเหม็งคุมไพร่พลออกเดินเป็นกองหน้า กองทัพเหล่านั้นก็ยกเดินตามเป็นชั้นๆ เนื่องไป ถึงชายเขาทิศตะวันตกทำเลที่กว้างใหญ่ ซ้องกั๋งก็ให้ตั้งกระบวนรบไว้คอยรบกองทัพหลวง ขณะนั้นเป็นฤดูแล้งซ้องกั๋งพักทหารคอยท่าอยู่ชายเขาคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งเช้าเห็นกองทัพฮั่นทอนายทหารเอกยกมาใกล้จะถึงเวลาจวนค่ำไม่ได้สู้รบ ฮั่นทอก็ตั้งค่ายพักทหารพอรุ่งขึ้นเช้า กองทัพหน้าก็ยกเข้าปะทะกัน ฮั่นทอขับม้าขึ้นหน้าเห็นฉินเหม็งจึงร้องว่า พวกโจรเหล่านี้ไม่รู้จักหรือกองทัพเทพยดายกมาแล้ว ยังไม่สามิภักดิ์เสียโดยดี ขืนจะสู้รบก็จะจับส่งเข้าไปเมืองหลวงฆ่าฟันเสียให้ละเอียด จะได้สมกับที่เป็นโจร

ฉินเหม็งได้ฟังก็โกรธไม่โต้ตอบประการใด ขับม้าเข้ารบกับฮั่นทอได้ยี่สิบเพลง ฮั่นทอสู้ฝีมือฉินเหม็งไม่ได้ก็ชักม้าหนี พอกองทัพใหญ่ยกหนุนมาทัน อูเอียนเจียกแม่ทัพก็ขับม้าเข้าช่วย ฉินเหม็งรับรองต้านทานไว้ พอลิมชองนายทัพที่สองยกมาถึงร้องบอกฉินเหม็งว่า พี่จะเข้าสู้รบให้ดูสักสามร้อยเพลง ว่าแล้วก็ขับม้าเข้ารบกับอูเอียนเจียกประมาณห้าสิบเพลง ต่างมีฝีมือเข้มแข็งทั้งสองฝ่ายยังไม่แพ้ชนะกัน

พอฮวยหยงนายทัพที่สามยกมาทัน ร้องบอกลิมชองว่าพี่หยุดเสียก่อนเถิด น้องจะจับแม่ทัพคนนี้เอง ลิมชองได้ฟังก็ทำเป็นขับม้าหนี อูเอียนเจียกรู้ว่าลิมชองฝีมือเข้มแข็งก็ไม่ไล่ตาม พอเผ็งกีกองทัพหลังของอูเอียนเจียกยกมาถึงจึงร้องตวาดว่า พวกโจรเหล่านี้บังอาจนัก ถ้าเป็นชายชาติทหารแล้วก็อย่าหนีกัน

ฮวยหยงได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับเผ็งกีได้ยี่สิบเพลง เผ็งกีสู้ฝีมือฮวยหยงไม่ได้ขยับจะชักม้าหนี อูเอียนเจียกเห็นดังนั้นก็ขับม้าตรงเข้าสู้รบกับฮวยหยงได้ห้าเพลง พอนางโฮ้วซาเหนียนายทัพที่สี่คุมไพร่พลมาถึงก็ร้องบอกฮวยหยงว่า น้องจะขออาสาจับนายทหารคนนี้ให้ได้ พูดแล้วก็ขับม้าเข้ารบกับอูเอียนเจียก เผ็งกีเห็นจึงขับม้าเข้าช่วยอูเอียนเจียกรบเป็นสามารถ พอซึงลิบกองทัพที่ห้าคุมไพร่พลมาถึง เห็นนางโฮ้วซาเหนียรบกับนายทหารหลวงก็ยืนดูอยู่ นางโฮ้วซาเหนียสู้รบกับเผ็งกีได้ยี่สิบเพลงก็ทำเป็นแพ้ชักม้าหนี เอาเชือกวิเศษโยนขึ้นบนอากาศลอยอยู่ประมาณครู่หนึ่งก็ลงมาผูกมัดเผ็งกีตกม้าลง ซึงลิบก็คุมไพร่พลเข้าจับตัวเผ็งกีไว้ อูเอียนเจียกเห็นดังนั้นก็โกรธเข้าสู้รบกับนางโฮ้วซาเหนียได้ยี่สิบเพลง

อูเอียนเจียกจึงคิดว่า หญิงคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก จำจะต้องล่อลวงด้วยอุบายในกระบวนรบ ถ้าเสียทีก็จะตีให้ตาย คิดแล้วยกกระบองข้างซ้ายตีลงไป นางโฮ้วซาเหนียก็เอากระบี่สองมือขึ้นกันไว้ อูเอียนเจียกเห็นได้ท่าเอากระบองมือขวาตีหมายชีวิต นางโฮ้วซาเหนียเอากระบี่ป้องปัดอาวุธทั้งสองฝ่ายเป็นประกายไฟออกมา ซึงลิบเห็นก็ขับม้าเข้าต้านทานอูเอียนเจียกไว้ นางโฮ้วซาเหนียคุมไพร่พลล้อมเข้าไป พอซ้องกั๋งยกทัพใหญ่มาถึงที่รบจึงชวนพี่น้องเหล่านั้นยืนดู ซึงลิบกับอูเอียนเจียกรบกันได้ประมาณสามสิบเพลงยังหาแพ้ชนะกันไม่ ฮั่นทอนายทหารเอกแจ้งว่าพวกโจรจับเผ็งกีไปได้ก็โกรธ คุมทหารสามกองเข้าสมทบกันยกบุกรุกตีหักตรงเข้าไป ซ้องกั๋งให้พี่น้องสิบนายที่เป็นปีกซ้ายขวาคุมไพร่พลยกเข้าปะทะ กองทัพทั้งสองฝ่ายสู้รบกันเป็นสามารถ ซ้องกั๋งจะเอาชัยชนะพวกทหารหลวงก็ยังไม่ได้ ด้วยอูเอียนเจียกแม่ทัพมีทหารพวกหนึ่งเรียกว่าเลียนฮวนเบ๊ใส่เสื้อเกราะเหล็ก มีช่องอยู่จำเพาะที่ตา ม้านั้นก็มีเสื้อเกราะเหล็กใส่เหมือนกัน เว้นไว้แต่ข้อที่กีบเท้า ทหารซ้องกั๋งมีแต่เสื้อเกราะฟันแทงทหารที่ใส่เสื้อเกราะเหล็กไม่เข้าพวกทหารหลวงก็ยิงเกาทัณฑ์ระดมมา ซ้องกั๋งสั่งให้ไพร่พลให้ล่าถอยพอห่างออกไปชายเขาตั้งค่ายมั่นคงไว้ สั่งให้เอาตัวเผ็งกีมา ซ้องกั๋งก็เข้าแก้มัดออกเชิญเข้าไปในค่ายจัดที่ให้นั่งแล้วก็คำนับเผ็งกี ๆ รับคำนับพูดกับซ้องกั๋งว่า ท่านจับข้าพเจ้ามาได้ก็ควรจะฆ่าเสีย ซ้องกั๋งว่าพวกพ้องเราไม่มีที่สำนักอาศัย จึงได้ชักชวนกันมาทรมานอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ครั้งนี้มีรับสั่งให้ท่านยกทัพมาปราบปราม ครั้นยอมจะให้จับไปโดยดีก็กลัวจะตายจึงได้ต่อสู้ พวกเราจับท่านมามีความผิดขออภัยเสียเถิดอย่าได้ถือโทษเลย

เผ็งกีว่า ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านเป็นคนสัตย์ซื่อมั่นคง ไม่เบียดเบียนราษฎรให้เดือดร้อน ชื่อเสียงปรากฏไปทั่วแผ่นดิน ข้าพเจ้าจะอยู่สนองคุณท่านกว่าชีวิตจะหาไม่ ซ้องกั๋งได้ฟังก็ยินดี จึงให้พี่น้องเหล่านั้นพาเผ็งกีไปหาเตียวไก่ให้อยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ

ฝ่ายอูเอียนเจียกตั้งค่ายมั่นคงแล้ว ก็ปรึกษากับฮั่นทอว่าพวกโจรเขาเนียซัวเปาะมีฝีมือเข้มแข็ง จับเอาเผ็งกีนายทหารเราไป จะคิดอ่านสู้รบประการใดดี ฮั่นทอว่า ถ้าเวลาพรุ่งนี้ไปรบอีก ท่านจงจัดทหารม้าใส่เกราะเหล็กยกออกหน้าบุกรุกเข้าไปคงเอาชัยชนะได้ อูเอียนเจียกก็เห็นชอบด้วย ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าก็จัดทหารใส่เสื้อเกราะเหล็กทั้งสามพันขึ้นม้าเกราะเหล็ก แล้วเอาโซ่ร้อยติดกันตับหนึ่งสามสิบสี่ม้า ทหารสามพันจัดเป็นร้อยตับถืออาวุธต่างๆ เป็นกองหน้าเรียกว่าทหารเลียนฮวนเบ๊ แล้วจัดทหารเดินเท้าอีกห้าพันเป็นกองหนุน สั่งกำชับว่าถ้ายกไปถึงกองทัพพวกโจร ก็ให้แยกออกเป็นสามด้านเข้าบุกรุกฆ่าฟัน ทหารเหล่านั้นก็คำนับลาไปเตรียมการไว้ตามสั่ง อูเอียนเจียกก็ขึ้นม้าออกจากค่ายคุมทหารตรงไปที่สนามรบ

ฝ่ายซ้องกั๋งครั้นรุ่งขึ้นเช้า ก็จัดพวกพ้องไพร่พลแยกเป็นห้าทัพเหมือนเมื่อวันยกมา ตัวซ้องกั๋งกับพวกพ้องสิบคนคุมไพร่พลออกจากค่ายไปยังที่รบ ทั้งสองทัพถึงพร้อมกัน ไม่เห็นทหารในกระบวนทัพของอูเอียนเจียกยกออกมารบ ได้ยินแต่เสียงม้าล่อและกลองสนั่นอยู่ก็มีความสงสัยจึงสั่งให้ทัพหลังถอยไปแล้วยืนคอยดูอยู่ เห็นทหารในกระบวนทัพอูเอียนเจียกแยกย้ายกันออกเป็นสามด้าน ปล่อยทหารเลียนฮวนเบ๊วิ่งมาพร้อมกัน ซ้องกั๋งสั่งให้ระดมยิงเกาทัณฑ์ต้านหน้าไว้ ทหารเลียนฮวนเบ๊ทั้งร้อยตับก็ไม่เกรงกลัว บุกรุกฟันฝ่าเข้าไปในกระบวนทัพซ้องกั๋งทั้งสามด้าน พวกทหารซ้องกั๋งทานไม่ได้ก็พากันหนีเอาตัวรอด ซ้องกั๋งเห็นดังนั้นก็ตกใจชักม้าหนีไปโดยเร็ว ทหารเลียนฮวนเบ๊รุกไล่ฆ่าฟันไพร่พลของซ้องกั๋งล้มตายลงเป็นอันมาก ไล่ตามซ้องกั๋งไปตับหนึ่ง

ฝ่ายลีขุยกับเอียหลิมซึ่งซุ่มทหารอยู่ตามทาง ครั้นทหารเลียนฮวนเบ๊ไล่ตาม ซ้องกั๋งมาก็คุมไพร่พลออกต้านทาน ลีขุยกับเอียหลิมป้องกันซ้องกั๋งหนีไปถึงริมฝั่ง เห็นเลงจิ้น เตียหวย เตียสุน อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิดเอาเรือมาคอยรับ ซ้องกั๋งก็ดีใจชวนกันลงเรือรีบแจวออกไป พอทหารเลียนฮวนเบ๊ตามมาถึงริมฝั่ง เห็นกองทัพซ้องกั๋งหนีลงเรือจึงเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงลงไป ถูกไพร่พลเจ็บป่วยหลายคน ซ้องกั๋งเร่งให้แจวเรือไปถึงตำบลอะชุยทัว ก็ยกกองทัพขึ้นจากเรือตั้งค่ายมั่นไว้ ตรวจดูไพร่พลล้มตายกว่าครึ่ง แต่พี่น้องถูกเกาทัณฑ์เจ็บป่วยหลายคน พอเห็นเจียะย้ง ซิเซียน อึงซิน นางโกวตัวซอ ลงเรือข้ามไปแจ้งความกับซ้องกั๋งว่า ทหารเลียนฮวนเบ๊วิ่งฝ่าโรงสุราหักพังทำลายลงทั้งสิ้น พวกข้าพเจ้าหนีลงเรือทันจึงได้รีบมา ซ้องกั๋งได้ฟังก็นิ่งอยู่ แล้วสั่งให้หมอมารักษาพวกที่ถูกเกาทัณฑ์หกคน คือลิมชอง ลุยเหง ลีขุย ซึงลิบ เจียสิว อึงซิน กับไพร่พลเป็นอันมาก เตียวไก่ โงวหยงซินแสแจ้งความก็ชวนกันมาเยี่ยม เห็นซ้องกั๋งมีสีหน้าผิดปกติ โงวหยงจึงพูดกับซ้องกั๋งว่า การสงครามไม่ชนะก็แพ้เป็นธรรมดาจะทุกข์ร้อนไปทำไม ข้าพเจ้าจะคิดอ่านกำจัดทหารเลียนฮวนเบ๊เสียให้ได้ท่านอย่าวิตกเลย

ขณะนั้นเตียวไก่จึงสั่งพวกพ้องและไพร่พลให้รักษาที่ตำบลเหล่านั้นไว้ให้แน่นหนาทั้งทางบกทางเรือ เวลากลางคืนจงเที่ยวตรวจตราให้เข้มแข็ง เตียวไก่ก็เชิญให้ซ้องกั๋งไปเขาเนียซัวเปาะ ซ้องกั๋งว่าจะขออยู่ที่ตำบลอะชุยทัวก่อน ให้พาแต่พี่น้องที่ถูกเกาทัณฑ์ไปรักษาเถิด เตียวไก่ก็พาพี่น้องเหล่านั้นกลับไปเขาเนียซัวเปาะ

ฝ่ายอูเอียนเจียกได้ชัยชนะแก่ซ้องกั๋งแล้ว ก็ยกกองทัพกลับมาค่าย ทหารเหล่านั้นจึงแจ้งความว่า ได้ฆ่าฟันพวกโจรล้มตายเสียมาก แต่จับเป็นได้ห้าร้อยคนกับม้าสามร้อย อูเอียนเจียกก็มีความยินดีจดบัญชีความชอบไว้ แล้วเขียนหนังสือบอกข้อราชการทัพให้ม้าใช้ถือไปเมืองหลวง เวลาวันนั้นกอกิวนั่งอยู่หน้าบ้านพอม้าใช้ไปถึงเอาหนังสือส่งให้ กอกิวฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความแล้วก็ดีใจเข้าไปเฝ้าพระเจ้าซ้องฮุยจง กราบทูลข้อราชการกับซึ่งได้ชัยชนะนั้นทุกประการ

พระเจ้าซ้องฮุยจงได้ฟังก็มีพระทัยยินดี ทรงประทานสุราสิบป้านกับเสื้อปักทองเสื้อหนึ่ง เงินสิบหมื่นเหรียญให้รางวัลอูเอียนเจียกเและทหารทั้งปวง กอกิวรับของพระราชทานถวายบังคมลากลับมาบ้านจัดให้ขุนนางคุมไป ครั้นขุนนางผู้นั้นมาถึงค่ายก็มอบเงินและของพระราชทานให้แก่อูเอียนเจียก ๆ ก็ถวายบังคมรับของพระราชทานมาแบ่งให้ฮั่นทอ และทหารทั้งปวงตามความชอบมากน้อย เสร็จแล้วก็ให้เอาพวกโจรที่จับมาได้ไปฆ่าเสียทั้งห้าร้อยตัดศีรษะส่งเข้าไปเมืองหลวง ขุนนางที่มานั้นไม่เห็นเผ็งกีนายทหารรอง จึงถามแม่ทัพว่าเผ็งกีไปข้างไหน อูเอียนเจียกบอกว่าเผ็งกีออกรบเสียทีพวกซ้องกั๋งจับได้ ข้าพเจ้าจึงคุมทหารบุกรุกฆ่าฟันเข้าไป ไพร่พลซ้องกั๋งล้มตายลงเป็นอันมาก บัดนี้เข็ดขยาดไม่อาจยกมาสู้รบ ครั้นจะแยกกองทัพไปกำจัดพวกโจรเสียให้ราบคาบก็ไม่สมความคิด ด้วยเขาเนียซัวเปาะนั้นอยู่กลางน้ำ จะต้องคิดอ่านทำปืนใหญ่ยิงไปทำลายบ้านเรือนเสียให้สิ้น ข้าพเจ้าว่ามีชายผู้หนึ่งชื่อเลงจิ้นที่เรียกว่าเหงเทียนลุยอยู่ตังเกียเมืองหลวงทำปืนดีนัก ถ้าได้เลงจิ้นมาเมื่อไรก็คงกำจัดพวกโจรได้ ท่านจะกลับไปเมืองหลวงแล้ว ช่วยแจ้งกับกอกิวขอให้เลงจิ้นรีบมาโดยเร็ว

ขุนนางผู้คุมของพระราชทานได้ฟังก็ยินดี ลาอูเอียนเจียกออกจากค่ายรบกลับไปเมืองหลวง ครั้นถึงก็แจ้งความกับกอกิวตามซึ่งอูเอียนเจียกสั่งมาทุกประการ กอกิวจึงให้คนใช้ไปหาเลงจิ้นมา

และเลงจิ้นคนนี้เป็นชาวเมืองเอียนเล่งจิว ชื่อเสียงปรากฏว่ามีฝีมือเข้มแข็ง จึงได้เป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวง ครั้นแจ้งแล้วว่ากอกิวให้หาก็รีบมาคำนับ กอกิวจึงเล่าความซึ่งอูเอียนเจียกแม่ทัพมีหนังสือมานั้นให้ฟังแล้วสั่งเล่งจิ้นว่าจะต้องการใช้สอยสิ่งใดจงจัดไปให้พร้อม เล่งจิ้นก็คำนับลงมาจัดสิ่งของที่จะใช้ในการทำปืน เอาขึ้นบรรทุกเกวียนเสร็จแล้ว แต่งตัวใส่เสื้อเกราะถืออาวุธขึ้นม้ากับทหารสี่สิบเศษ ออกจากเมืองหลวงเดินทางไปหลายวันก็ถึงค่าย อูเอียนเจียกแม่ทัพกับฮั่นทอนายทหารออกต้อนรับเชิญเลงจิ้นเข้าไปข้างในคำนับตามธรรมเนียมแล้วพูดจาถึงเรื่องจะทำปืน

เลงจิ้นจึงถามว่า เขาเนียซัวเปาะระยะใกล้ไกลกับตลิ่งสักเท่าไร อูเอียนเจียกบอกว่าไม่สู้ไกลกับตลิ่งนักพอลูกปืนจะไปถึงได้ เลงจิ้นว่าถ้ากระนั้นต้องให้ทหารไปปลูกเหลาสูงขึ้นริมฝั่งจะได้ยิงปืนสามอย่างไป ปืนชนิดหนึ่งเรียกว่าฮองฮวยเผ่า ชนิดที่สองเรียกว่ากิมหลุนเผ่า ชนิดที่สามเรียกว่าจือบอเผ่า พูดแล้วเลงจิ้นก็คุมทหารออกจากค่าย ไปจัดการปลูกเหลาที่ริมฝั่งช่วยกันทำลูกปืนไว้พร้อม คอยหาท่วงทีจะยิงไป

ฝ่ายซ้องกั๋งตั้งแต่พักอยู่ตำบลอะชุยทัว ปรึกษาการที่จะทำลายทหารเลียนฮวนเบ๊อยู่กับโงวหยงซินแสก็ยังไม่เห็นอุบายสิ่งใด พอไพร่พลที่ไปสอดแนมมาแจ้งกับซ้องกั๋งว่า มีนายทหารผู้หนึ่งชื่อเลงจิ้นที่เรียกว่าเหงเทียนลุย มือทำปืนดีมาแต่เมืองหลวง จัดแจงปลูกเหลาสูงขึ้นริมฝั่งสำเร็จแล้ว โงวหยงซินแสได้ฟังจึงพูดกับซ้องกั๋งว่า ทหารที่จะยิงปืนมานั้นไม่เป็นไร ด้วยตำบลเขาเนียซัวเปาะของเรานี้มีแม่น้ำรอบห้วยคลองมาก ซึ่งเมืองอวนจือเสียที่อยู่กลางเกาะไกลแม่น้ำเป็นนักหนา ถึงปืนดีอย่างไรก็ยิงมาไม่ถึง และตำบลอะชุยทัวนี้ใกล้กับตลิ่งนัก เราชวนกันกลับไปเขาเนียซัวเปาะเสีย คอยดูว่าเขาจะคิดอ่านประการใด แล้วจะได้คิดอุบายต่อภายหลัง ซ้องกั๋งได้ฟังก็เห็นชอบ ชวนกันออกจากตำบลอะชุยทัวกลับมาเขาเนียซัวเปาะ เตียวไก่ กงซุนสินก็ออกมารับซ้องกั๋งกับโงวหยงซินแสเข้าไปในที่ชุมนุมแล้ว ซ้องกั๋งก็เล่าความซึ่งเลงจิ้นมาคิดการจะยิงปืนให้เตียวไก่ฟัง

พูดยังไม่ทันขาดคำได้ยินเสียงปืนยิงมาสามนัด พอไพร่พลมาแจ้งว่าปืนที่ยิงมานั้นลงนํ้าสองนัด ถึงตำบลอะชุยทัวนัดหนึ่ง ซ้องกั๋งกับพี่น้องทั้งปวงก็พากันตกใจกลัว โงวหยงซินแสพูดขึ้นว่า จะต้องคิดอุบายไปทางน้ำ ล่อลวงจับเลงจิ้นมาเสียก่อน จึงคิดสู้รบกับทหารเลียนฮวนเบ๊ก็คงจะได้ชัยชนะ เตียวไก่ได้ฟังก็รู้ในอุบายของซินแส จึงกระซิบบอกความลับให้ ลี้จุน เตียหวย เตียสุน อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิด หกนายไปจัดการทางเรือ แล้วบอกจูตง ลุยเหงไปจัดการริมฝั่งตามอุบายที่คิดไว้ ลี้จุนกับพี่น้องหกนายก็คำนับลาแยกออกเป็นสองพวก ๆ หนึ่งลี้จุนกับเตียหวยคุมไพร่พลที่ชำนาญในน้ำประมาณห้าสิบคน ลงเรือเร็วสองลำออกจากเขาเนียซัวเปาะไปก่อน เตียสุน อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิดสี่นาย คุมไพร่พลแยกย้ายลงเรือเล็กสี่สิบลำตามไปภายหลัง

ฝ่ายเลงจิ้นยิงปืนไปนัดหนึ่งถึงชายเกาะ สองนัดนั้นตกลงน้ำ เลงจิ้นเห็นว่าทางปืนยังอ่อนนักจะไปจัดปืนจะยิงใหม่ พอลี้จุน เตียหวยคุมไพร่พลข้ามไปถึงฝั่งก็ขึ้นจากเรือตรงเข้าฟันเหลาสูงที่ยิงปืนหักพังทำลายลง พวกทหารที่รักษาเหลาก็วิ่งไปบอกกับเลงจิ้นทุกประการ

เลงจิ้นแจ้งดังนั้นก็โกรธ ฉวยได้ลูกปืนสองอย่างกับทวนขึ้นม้าคุมไพร่พลพันเศษตรงมาที่เหลา ลี้จุน เตียหวยเห็นก็พาไพร่พลหนีไปที่ป่าแขมริมฝั่ง เลงจิ้นไล่ตามไปใกล้จะถึงตลิ่ง เห็นเรือเล็กประมาณสี่สิบลำมีไพร่พลในเรือสักร้อยเศษ เลงจิ้นรุกไล่ลี้จุนกับเตียหวยไปใกล้จะทัน ลี้จุน เตียหวยลงเรือได้แล้วแกล้งทำเป็นยืนดูหาถอยออกจากฝั่งไม่ พอเลงจิ้นคุมทหารตามไปถึง ลี้จุนกับเตียหวยและไพร่พลทำเป็นถอยเรือออกไม่ทันก็โดดน้ำทิ้งเรือเสียหนีไป เลงจิ้นให้ทหารเก็บเอาเรือได้หลายลำ พอเลงจิ้นคุมทหารลงเรือข้ามไปกลางน้ำ จูตง ลุยเหงก็เป่าหลอดสัญญาณขึ้น ไพร่พลที่โดดน้ำหนีไปนั้นได้ยินเสียงหลอดสัญญาณพากันดำน้ำตรงมาถอดลูกประสักท้องเรือออก บัดเดี๋ยวใจเรือก็จมลง พวกทหารเลงจิ้นลอยอยู่ในน้ำทั้งสิ้น เลงจิ้นนั้นก็เกาะเรือไว้ อวนเซียวยีกับบ่าวไพร่ดำน้ำไปจับตัวเลงจิ้นกับทหารได้ลากเอาเรือเข้าไปริมฝั่ง จูตง ลุยเหงเห็นพวกไพร่พลจับเลงจิ้นกับทหารว่ายน้ำมาถึงก็ชวนกันจับมัดไว้ ทหารที่จับมาได้สองร้อยเศษ ที่จมน้ำตายเสียเป็นอันมาก ที่ว่ายน้ำหนีได้ก็ไปแจ้งความให้อูเอียนเจียกฟังทุกประการ

อูเอียนเจียกก็คุมทหารไล่ตามไปถึงฝั่ง เห็นพวกซ้องกั๋งจับเลงจิ้นกับทหารไปกำลังมัดอยู่ริมฝั่งข้างโน้น ก็โกรธยิ่งนักไม่รู้จะทำประการใด ครั้นพวกซ้องกั๋งเอาตัวเลงจิ้นกับทหารไปแล้วก็กลับมาค่าย พวกของซ้องกั๋งคุมตัวเลงจิ้นมาใกล้จะถึง ก็ให้ไพร่พลไปแจ้งความแก่ซ้องกั๋งก่อน ซ้องกั๋งได้แจ้งก็ยืนดู ชวนพวกพ้องมารับเลงจิ้นถึงด่านที่สอง ซ้องกั๋งเห็นเลงจิ้นต้องมัดก็วิ่งไปแก้มัดออกแล้วทำเป็นโกรธ ว่าเราได้สั่งให้ไปเชิญมาแต่โดยดีเหตุใดจึงไม่เชื่อฟัง ช่างไม่รู้จักธรรมเนียมเลย

เลงจิ้นได้ฟังก็คุกเข่าคำนับพูดว่า ซึ่งท่านจับมาได้ไม่ฆ่าเสียนั้นพระคุณหาที่เปรียบมิได้ ซ้องกั๋งจูงมือเลงจิ้นเดินมาด้วยกันถึงที่ชุมนุม จัดที่ให้นั่งตามสมควร เลงจิ้นเห็นเผ็งกีนั่งอยู่กับพวกเหล่านั้นก็แจ้งว่าเผ็งกีเข้าเป็นพวกของซ้องกั๋งเสียแล้ว ไม่รู้ที่จะกล่าวประการใดต้องนิ่งอยู่

เผ็งกีจึงพูดกับเลงจิ้นว่า เตียวไก่กับซ้องกั๋งซึ่งเป็นใหญ่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะนี้ สัตย์ซื่อสุจริตมิได้คิดเบียดเบียนราษฎรให้ได้รับความเดือดร้อน ชักชวนคนที่มีฝีมือเข้มแข็งมาเป็นพวกพ้อง คอยถ้าเจ้าแผ่นดินจะเกลี้ยกล่อมหาผู้มีสติปัญญาและฝีมือเมื่อไรก็จะได้เข้าสามิภักดิ์ทำราชการบำรุงบ้านเมืองให้เป็นสุข ข้าพเจ้าจึงต้องสามิภักดิ์ ซ้องกั๋งก็พูดจาชักชวนเลงจิ้นให้อยู่ด้วย

เลงจิ้นว่า ตัวข้าพเจ้านี้ถึงจะอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร วิตกแต่มารดาอยู่ที่ตังเกีย ถ้ามีผู้ใดรู้ว่าข้าพเจ้าเข้าเป็นพวกพ้องก็คงจับมารดาบุตรภรรยาไปทำโทษ ซ้องกั๋งว่าข้อนั้นท่านอย่าวิตก ช้าไปสักหน่อยเถิดจะไปรับมารดาและครอบครัวของท่านมาให้ เลงจิ้นว่าถ้าท่านสงเคราะห์ได้ดังนั้นถึงตัวข้าพเจ้าจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต พูดแล้วก็คำนับซ้องกั๋งกับเตียวไก่เป็นอันดี เตียวไก่ให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยง ตามบรรดาพวกพ้องกินโต๊ะเสพสุราอยู่พร้อมกัน ซ้องกั๋งจึงปรึกษาการที่จะทำลายทหารเลียนฮวนเบ๊เสียให้ได้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ