๘๖

ขณะนั้นห้องทองกุนจึงว่าซ้องกั๋งยกกองทัพมาคราวนี้อุปมาเหมือนไก่สองฝูง เราจะถือมีดเล่มใหญ่สำหรับฆ่าโคกระบือไปเชือดคอไก่ไม่ต้องการ วิตกอะไรกับสติปัญญาและฝีมือซ้องกั๋ง ข้าพเจ้าจะคิดอ่านฆ่าเสียด้วยกลอุบายให้จงได้ เอ๋ลุดติดฮุยจึงถามว่าอุบายของท่านประการใด ห้อทองกุนบอกว่าข้าพเจ้าจะแต่งทัพเป็นกองล่อและกองซุ่มรายทางไว้หลายกอง แล้วจัดขบวนทัพอีกสองทัพยกไปตีเมืองกีจิวทัพหนึ่ง ตีเมืองปาจิวทัพหนึ่ง ถ้าซ้องกั๋งและโลวจุนหงียกทหารออกรบให้พวกเราทำแพ้ล่าถอยหนีมาทางเขาแชเจี๊ยะเกาะ และที่เขาแชเจี๊ยะเกาะนั้นมีหนทางเป็นช่องตามหว่างเขา ในปากทางที่สุดนั้นให้ทหารตัดต้นไม้ใหญ่และศิลาสมทบปิดเสียและต้นทางนั้นเปิดไว้แม้นซ้องกั๋งและโลวจุนหงีคุมทหารไล่ตามมา จึงให้กองล่อพาทหารเข้าแฝงในป่าริมเชิงเขา พวกเมืองตังเกียสำคัญว่าทหารของเราหนีไปตามทางช่องเขาก็จะขับทหารไล่ตามนำตัวเข้าไปทั้งสิ้น เราจึงให้ทหารกลับมาคอยอยู่ต้นทาง พวกเมืองตังเกียเลยไปไม่ได้ก็จะพาทหารตระหลบหลังมาต้นทาง เราจึงคอยฆ่าฟันเสียให้สิ้นทั้งกองทัพ เอ๋ลุดติดฮุยได้ฟังจึงเห็นชอบจึงว่า อุบายท่านคิดนี้ดีนักเห็นจะเอาชัยชนะได้ จงรีบเตรียมทหารยกไปโดยเร็ว ห้อทองกุนคำนับลามาจัดทหารพร้อมด้วยเครื่องศัสตราวุธแล้วบอกอุบายแก่ทหารทั้งปวงให้ทั่วกัน ให้ห้อจีคุมทหารยกไปติดเมืองปาจิว ห้อหุนไปตีเมืองกีจิวนายทหารทั้งสองคำนับลาคุมทหารยกไปตามสั่ง ห้อทองกุนก็คุมทหารยกไปซุ่มอยู่ชายป่า ใกล้เชิงเขาแชเจี๊ยะเกาะ

ฝ่ายห้อจี ห้อหุนคุมทหารยกแยกทางมาถึงเมืองปาจิวและเมืองกีจิว แล้วให้ทหารตัดไม้ตั้งค่ายรายขวากหนามตามขบวนศึกคอยให้พวกเมืองตังเกียยกทหารออกมาตีค่าย ทหารกองตะเวนเห็นดังนั้นก็ไปแจ้งความแก่ซ้องกั๋งและโลวจุนหงีให้ทราบ ซ้องกั๋งและโลวจุนหงีได้แจ้งเกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินเป็นสามารถ

ขณะนั้นทหารม้าใช้ในกองทัพโลวจุนหงีมาแจ้งความกับซ้องกั๋งว่าห้อหุนยกกองทัพมาตั้งค่ายประชิดอยู่ ณ เมืองกีจิว ครั้นจะยกกองทัพออกตีค่ายเสียให้แตก ก็เห็นว่าทหารเบาบางน้อยตัวกว่า พวกฮวนจึงใช้ข้าพเจ้ามาขอกองทัพยกไปช่วย ซ้องกั๋งได้แจ้งมีความวิตกจึงให้โงวหยงคุมทหารอยู่ป้องกันรักษาเมืองปาจิว แล้วซ้องกั๋งจัดทหารพอสมควรยกออกจากเมืองปาจิวจะไปช่วยเมืองกีจิว เดินทางมาประมาณได้สิบห้าลี้พบห้อจีคุมทหารมาตั้งสกัดอยู่ระหว่างทาง ซ้องกั๋งก็ขับทหารเข้ารบเป็นสามารถ ห้อจีก็ขับทหารเข้าต่อสู้พอเป็นทีแล้วพาทหารหนีไปทางเขาเจียะเกาะ ซ้องกั๋งมิได้ยกทหารไล่ติดตามพาทหารเลยไปเข้าเมืองกีจิว โลวจุนหงีมาต้อนรับคำนับตามธรรมเนียม ซ้องกั๋งก็พักอยู่ ณ เมืองกีจิว

ฝ่ายโงวหยงซึ่งรักษาเมืองปาจิวนั้นจัดทหารออกไปตีค่ายห้อหุนเป็นสามารถ ห้อหุนต้านทานมิได้ก็เปิดประตูหลังค่ายหนีไปทางเขาแซเจี๊ยะเกาะ โงวหยงก็พาทหารกลับเข้าเมือง ครั้นเวลารุ่งเช้าซ้องกั๋งกับโลวจุนหงียกกองทัพออกจากเมืองกีจิวมาถึงเมืองปาจิว จึงประชุมทหารพร้อมกันปรึกษาว่าเอ๋ลุดติดฮุยแต่งทหารคุมกองทัพมาตั้งค่ายประชิดแล้วเหตุใดจึงไม่ต่อสู้ให้เต็มกำลังรบพาทหารหนีไปนั้น ควรเราจะยกกองทัพตามไปตีเสียให้แตกจงได้ ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด

โงวหยง จูบู๊ตอบว่า เอ๋ลุดติดฮุยให้ทหารยกกองทัพมาเป็นการล่อลวงใช่จะยกมาตีเอาเมืองคืนนั้นหามิได้ ซึ่งจะยกกองทัพตามไปนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าจะต้องในกลอุบายสิ่งใดอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้ โลวจุนหงีพูดว่าเรายกกองทัพตีเขตแดนบ้านเมืองในแผ่นดินไต้เหลียวล่วงเข้าหลายตำบล ผู้ว่าราชการเมืองและทหารที่มีฝีมือยกกองทัพคุมทหารออกต่อสู้ต้านทานก็พ่ายแพ้มาหลายครั้ง เราเห็นว่าผู้ครองแผ่นดินขุนนางผู้ใหญ่และทหารทั้งปวงก็ครั่นคร้ามเข็ดขยาดฝีมือพวกเราเป็นอันมาก ที่ไหนจะมีใจตรึกตรองคิดอ่านกลอุบายล่อลวงเราได้ ซึ่งห้อจี ห้อหุนยกกองทัพมาทำอันตรายแก่เราหามิได้ ซึ่งพากันล่าถอยหนีไปนั้นเห็นว่าได้ทีอยู่แล้วควรเราจะยกกองทัพตามตีเสียให้แตกจึงจะชอบ ซ้องกั๋งก็เห็นตามคำโลวจุนหงีทุกประการ โงวหยง จูบู๊มิอาจที่จะทัดทานไว้ได้ ซ้องกั๋ง โลวจุนหงีจึงจัดทหารเป็นสามกอง ยกออกจากเมืองปาจิวเดินทางมาประมาณสิบลี้แลเห็นกองทัพพวกฮวนยกมาตั้งสกัดอยู่กองหนึ่ง ซ้องกั๋งจึงหยุดทหารสงบไว้ให้กวนเส็งคุมทหารขึ้นไปท้ารบ ฮ่อลิโป๊นายทัพเห็นดังนั้นจึงขับม้าขึ้นมาหน้าทหารต่างคนถามชื่อและแซ่รู้จักแล้วก็ขับม้าเข้ารบเป็นสามารถ แต่รบกันได้ประมาณยี่สิบเพลงฮ่อลิโป๊ต้านทานกำลังไม่ได้ ก็ชักม้าพาทหารหนีไป ซ้องกั๋งเห็นดังนั้นก็ยกทหารหนุนรุกไล่ติดตามเลยไปได้ประมาณห้าสิบลี้ ทหารฮวนกองซุ่มอยู่ชายป่าสองข้างเห็นกองทัพเมืองตังเกียขับทหารรุกไล่ฮ่อลิโป๊ถลำเข้ามาจึงจุดประทัดสัญญาณแล้วยกทหารตีกระหนาบออกมาทั้งสองข้าง ฮ่อลิโป๊ก็กลับทหารเข้าตีสกัดหน้า ห้อทองกุนขับทหารโอบเข้าล้อมทางหลังกองทัพซ้องกั๋ง โลวจุนหงีตกอยู่ในที่ล้อม ซ้องกั๋งจึงให้ทหารผินหน้าออกต่อสู้รอบตัวจะรบหักออกไปมิได้ ทหารฮวนก็โจมตีกระหนาบตัดกลางเข้าไป ทหารเมืองตังเกียต้านทานมิได้ขาดออกเป็นสองตอน ซ้องกั๋งจึงคุมทหารรีบไปทางหนึ่ง โลวจุนหงีก็คุมทหารรบห่างกันออกไป พวกฮวนขับทหารเข้าล้อมกองทัพเมืองตังเกียไว้ทั้งสองทัพ ซ้องกั๋งกับทหารก็ต่อรบเป็นสามารถ ฮ่อลิโป๊จึงร่ายมนต์เป็นลมพายุใหญ่พัดเอาก้อนศิลากรวดทรายขึ้นไปมืดครึ้มทั้งอากาศ แล้วบันดาลให้ก้อนศิลาตกลงมาถูกทหารซ้องกั๋งปวดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก กงซุนสินเห็นเช่นนั้นจึงชักกระบี่วิเศษออกแล้วอ่านมนต์เป็นลมพายุใหญ่หวนหอบก้อนศิลากรวดทรายกระจายไปสิ้น อากาศก็สว่างไปทั้งแปดทิศ ฮ่อลิโป๊เห็นชาวเมืองตังเกียแก้มนต์ของตัวได้ก็ให้นึกครั่นคร้ามยิ่งนัก ซ้องกั๋งเห็นก้อนศิลากรวดทรายหายสิ้นแล้ว จึงขับทหารเข้าตีเป็นสามารถ พวกฮวนต้านทานมิได้ก็แตกหนีไปสิ้น

ฝ่ายโลวจุนหงีกับทหารเอกสิบสามนาย ทหารรองห้าพันตกอยู่ในที่ล้อมต่อสู้จนถึงอาวุธสั้นก็มิแตก พวกฮวนตีต้อนกองทัพโลวจุนหงีมาถึงปากทางระหว่างเขา โลวจุนหงีจึงขับทหารหนีเลยเข้าไป พวกฮวนตั้งกองสกัดโลวจุนหงีอยู่ทางปากช่องนั้นเอง

ฝ่ายซ้องกั๋งเมื่อตีกองทัพฮวนแตกไปพวกหนึ่งนั้น พอเวลาเย็นจึงพาทหารเที่ยวหาโลวจุนหงีและทหารสิบสามนายหลายตระหลบหาพบไม่ พอเวลาค่ำจึงตั้งชุมนุมทหารอยู่ห่างเขาแชเจี๊ยะเกาะประมาณสามสิบลี้

ฝ่ายโลวจุนหงีพาทหารรีบหนีเข้าไปในทางระหว่างเขาตรงไปถึงปากช่องเห็นก้อนศิลาและต้นไม้ใหญ่ล้มทับปิดปากทางไว้แน่นหนา เห็นจะทำลายพังออกไปไม่ได้ ทั้งสองข้างทางเป็นเชิงเขาสูงชันเหลือกำลังที่จะปีน ครั้นจะย้อนถอยหลังออกมาก็ไม่ได้ด้วยทหารฮวนตั้งสกัดอยู่แน่นหนานัก โลวจุนหงีมีความวิตกสิ้นสติมิรู้ที่จะทำประการใดได้ แต่ตรึกตรองหาอุบายที่จะออกจากที่ล้อมจนเวลาค่ำจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ตัวเราและท่านครั้งนี้เข้าที่อับจนแทบถึงชีวิตจะคิดอย่างไรจึงจะแก้ไขเอาตัวรอดออกไปได้

แป๊ะสินจึงพูดว่าเวลานี้ก็ค่ำแล้วจะคิดประการใดเห็นจะไม่ตลอด เราหยุดทหารตั้งมั่นอยู่ที่นี่ก่อน ต่อรุ่งสว่างข้าพเจ้าจะเที่ยวตรวจดูทางคิดอ่านออกไปแจ้งความแก่ซ้องกั๋งให้ยกกองทัพเข้าตีกระหนาบพวกฮวนที่ตั้งสกัดให้แตกไปจนได้ โลวจุนหงีได้ฟังแป๊ะสินพูดค่อยคลายวิตกจึงชุมนุมทหารนั่งยามคอยเวลาจนรุ่งสว่าง แป๊ะสินจึงไปเที่ยวภูตามเชิงเขาทั้งสองข้างเห็นไม้สนต้นหนึ่งชิดกับหน้าผาพอยึดเหนี่ยวขึ้นบนภูเขาได้ จึงกลับมาบอกโลวจุนหงีว่าครั้งนี้ถึงตัวข้าพเจ้าจะตายก็ไม่ว่าขอแต่ชีวิตพี่น้องทั้งปวงให้รอดกลับไปเถิด

พูดแล้วเอาไม้มาทำเฝือกและต้นหญ้าใบไม้และเชือกที่จะใช้หย่อนลงไปเรียกทหารคนสนิทให้ปีนตามต้นสนขึ้นถึงยอดเขา แป๊ะสินก็คลี่เฝือกเอาใบไม้และหญ้าผ้าเสื้อปูลาดหลายชั้น แป๊ะสินถือกระบี่ถอดฝักทอดตัวนอนหงายบนเฝือก สั่งทหารให้มัดเฝือกวางเงื่อนเชือกตรงช่องกระบี่แล้วผูกเชือกหย่อนกลิ้งลงมาทหารก็ทำตามสั่ง เมื่อแป๊ะสินลงมานั้นเหมือนกับกลิ้งท่อนไม้ลงจากเขาสูงตกถึงเชิงเขาแล้ว แป๊ะสินอ่อนกำลังขยับกระบี่เชือดเชือกมิใคร่จะขาด

ขณะนั้นตวนเก็งจู๊ เจียะย้งที่ซ้องกั๋งใช้มาสืบข่าวนั้นพากันเดินเลียบมาตามเชิงเขา เห็นมัดเฝือกกลิ้งไหวเขยื้อนนักสงสัยจึงชักกระบี่ตัดเชือกที่มัดเฝือกคลี่ออก พบแป๊ะสินก็มีความยินดี ตวนเก็งจู๊ เจียะย้งถามว่าเหตุใดจึงมานอนอยู่ในเฝือก แป๊ะสินจึงเล่าความตามซึ่งอยู่ในที่ล้อมและคิดจะไปขอกองทัพมาช่วยให้ฟังทุกประการ ตวนเก็งจู๊ เจียะย้งได้แจ้งก็มีความวิตกจึงรีบพาแป๊ะสินมายังที่ชุมนุม แล้วเข้าไปคำนับซ้องกั๋งเห็นจึงถามถึงโลวจุนหงีและพี่น้องทั้งปวง แป๊ะสินแจ้งความตามซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมให้ฟังทุกประการ ซ้องกั๋งแจ้งความแล้วก็มีความวิตกเป็นอันมาก จึงจัดทหารยกกองทัพออกจากที่ชุมนุมให้แป๊ะสินนำมาถึงปากทางที่กองทัพพวกฮวนตั้งล้อม และให้ทหารจุดประทัดและพลุโห่ร้องเสียงสนั่น หวังจะให้โลวจุนหงีรู้และช่วยตีกระหนาบออกมา

ห้อจี ห้อหุนทหารฮวนเห็นดังนั้นจึงขับม้าออกรบสกัดมิให้ตีเข้าไปได้ ลิมชองก็ขับม้าเข้ารบกับห้อจี ลีขุยเข้ารบกับห้อหุนได้ประมาณห้าสิบเพลง ห้อจี ห้อหุน เสียทีลิมชองเอาทวนแทงห้อจี ลีขุยเอาขวานฟันห้อหุนตกม้าตายทั้งสองนาย ซ้องกั๋งเห็นได้ทีจึงขับทหารระดมตีเข้าไปเป็นสามารถ ฮ่อลิโป๊เห็นน้องทั้งสองตายมีความเสียใจและโกรธเป็นอันมาก คิดจะฆ่าพวกเมืองตังเกียให้ตายทั้งกองทัพ จึงกลั้นใจอ่านมนต์วิเศษแล้วเป่าขึ้นไป บัดเดี๋ยวก็บังเกิดลมและฝนเมฆตั้งมืดคลุ้มทั้งอากาศ หอบเอาก้อนศิลากรวดทรายตกลงมาเป็นอันมาก กงซุนสินเห็นดังนั้นจึงชักกระบี่วิเศษชูขึ้นร่ายมนต์แก้วิชาของฮ่อลิโป๊ให้เสื่อมหายไปแล้วขับม้าเข้ารบกับฮ่อลิโป๊เป็นสามารถ

ฝ่ายโลวจุนหงีตั้งกองชุมนุมอยู่ในระหว่างเขาได้ยินเสียงประทัดและพลุดังก็เข้าใจว่าแป๊ะสินไปบอกซ้องกั๋งยกกองทัพมาช่วย จึงจัดทหารรบกลับมายังต้นทางปากช่องให้ทหารรบหักออกมาเป็นสามารถ ทหารฮวนต้านทานมิได้พากันแตกกระจายไปสิ้น ฮ่อลิโป๊เห็นดังนั้นก็ตกใจไม่คิดจะต่อสู้กับกงซุนสินขับม้ารีบหนีไปเมืองฮิวจิว กองทัพเมืองตังเกียก็ไล่ฆ่าฟันทหารฮวนไปประมาณสิบลี้แล้วพากันกลับมาพักอยู่ที่ชุมนุมพร้อมกัน โลวจุนหงีจึงบอกซ้องกั๋งว่าทหารฮวนตั้งสกัดปากช่องอยู่คืนหนึ่งกับสองวัน ถ้าแป๊ะสินไม่คิดอ่านไปบอกท่านให้ยกกองทัพมาช่วย ข้าพเจ้ากับพี่น้องและทหารห้าพันก็คงตายด้วยอดอาหารทั้งสิ้น ซ้องกั๋งตอบว่าท่านกับทหารเหน็ดเหนื่อยอ่อนกำลัง จงพากันกลับไปพักอยู่เมืองกีจิวทำนุบำรุงไพร่พลให้มีกำลังบริบูรณ์เสียก่อน เรากับทหารยังมีกำลังนั้นจะยกไปตีเมืองฮิวจิว ถ้าท่านบำรุงทหารมีกำลังแล้วจงรีบยกกองทัพตามมาช่วยให้จงได้ โลวจุนหงีรับคำและคำนับลามาขึ้นม้าพาทหารไปเมืองกีจิว ซ้องกั๋งจึงจัดทหารตามตำรับพิชัยสงครามเสร็จ ได้ฤกษ์ยกออกจากต๊กเต๊กซัวไปเมืองฮิวจิวโดยระยะทาง

ฝ่ายฮ่อลิโป๊เมื่อเสียทัพขับม้าหนีไปแต่เขาแชเจี๊ยะเกาะนั้น รวบรวมทหารได้ประมาณหมื่นเศษตรงเข้าไปในเมืองฮิวจิวแจ้งความแก่ผู้รักษาเมืองและกรมการตามซึ่งเสียทัพให้ทราบแล้วสั่งผู้รักษาเมืองให้เกณฑ์ทหารสำหรับเมืองไว้หมื่นเศษ ถ้ามีราชการจะได้ทันท่วงที

ขณะนั้นทหารกองตระเวนเมืองฮิวจิวเข้าไปแจ้งความว่ามีนายทหารคุมกองทัพมาสองพวกไม่ทราบว่าผู้ใด ฮ่อลิโป๊ได้ฟังมีความสงสัยจึงขึ้นไปบนหอรบ เห็นธงยี่ห้อก็จำได้ว่าไต้จินบุตรเขยไต้เหลียวอ๋อง ทัพที่สองนั้นหลีจิบนายทหารเอก ฮ่อลิโป๊มีความยินดีรีบลงมาจากหอรบออกไปต้อนรับถึงนอกเมือง ทั้งสองข้างต่างคำนับกันตามธรรมเนียม ฮ่อลิโป๊จึงบอกไต้จิน หลีจิบว่าท่านอย่าพากองทัพเข้าตั้งพักอยู่ในเมืองเลยจง คุมทหารเข้าซุ่มอยู่ชายป่าทั้งสองข้าง คอยท่าซ้องกั๋งมาถึงแล้ว ข้าพเจ้าจะเป็นกองล่อ แม้นไล่ถลำเข้ามาท่านยกทหารโจมตีกลางทัพให้แตกจงได้ ไต้จินก็เห็นชอบจึงให้หลีจิบยกทหารเข้าซุ่มอยู่ชายป่าข้างขวา ไต้จินยกทหารเข้าซุ่มอยู่ชายป่าข้างซ้าย ฮ่อลิโป๊ก็กลับเข้ามาเมืองฮิวจิวเตรียมทหารไว้พร้อมเสร็จ

ฝ่ายซ้องกั๋งเดินทัพมาถึงแดนเมืองฮิวจิวก็ให้ทหารตัดไม้ตั้งค่ายใหญ่ห่างเมืองประมาณยี่สิบลี้ ให้ทหารไปสอดแนมสืบข่าวในเมืองได้ความว่าชาวเมืองฮิวจิวมิได้แต่งทหารขึ้นรักษาหน้าที่เปิดประตูเมืองไว้ทั้งสี่ทิศ ซ้องกั๋งจึงถามโงวหยงว่า ชาวเมืองฮิวจิวไม่ปิดประตูเมืองขึ้นรักษาหน้าที่นั้นเพื่อจะคิดเป็นกลอุบายประการใด

โงวหยงตอบว่าพวกฮวนไม่รักษาบ้านเมืองนั้น เพราะคิดจะล่อลวงเราให้เดินทัพถลำเข้าไปจึงจะให้กองทัพที่ซุ่มยกออกระดมตี ข้าพเจ้าคิดจะซ้อนกลพวกฮวนให้เสียทีจงได้ ซ้องกั๋งว่าท่านตรองเห็นอย่างไรก็จัดแจงตามใจเถิด โงวหยงจึงจัดทัพเป็นสามกอง เชียซือบุ๋น ซวนจั่นคุมทหารสามหมื่นเป็นกองแซงฝ่ายซ้าย อูเอียนเจียก ตันเทงกุ้ย งุยเตงก็กคุมทหารสามหมื่นเป็นกองแซงฝ่ายขวา ซ้องกั๋งคุมทหารเอกยี่สิบห้านายทหารเลวห้าหมื่นเป็นกองกลางแล้วจัดทหารเอกคุมทหารนายละหมื่นเป็นกองขันกองแล่นกองซุ่มอีกสี่กอง ให้ยกไปซุ่มอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือโอบหลังกองทัพพวกฮวนที่มาซุ่มอยู่นั้น อย่าให้รู้ตัวทหารก็คำนับลาไปซุ่มอยู่ตามสั่ง

ขณะนั้นฮ่อลิโป๊คุมทหารมาท้ารบถึงหน้าค่าย ซ้องกั๋งจึงให้ลิมชองออกรบได้ห้าเพลง ฮ่อลิโป๊ทำแพ้ชักม้าหนีหากลับเข้าเมืองไม่เลียบไปตามเชิงกำแพงด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ลิมชองก็ขับม้าไล่ตาม ซ้องกั๋งยกกองทัพแซงและทัพใหญ่หนุนตามไปได้ประมาณสามลี้ ไต้จิน หลีจิบก็ขับทหารฮวนตีประดังออกมา เชียซือบุ๋น ซวนจั่น อูเอียนเจียก ตันเทงกุ้ย งุยเตงก๊กทัพแซงซ้ายขวาก็ขับทหารเข้าต่อรบเป็นสามารถ ซ้องกั๋งแม่ทัพก็พาทหารไล่ตามรบฮ่อลิโป๊ไป กองทัพพวกซ้องกั๋งที่ซุ่มอยู่นั้นจึงขับทหารระดมตีกระหนาบหลังออกมา ไต้จิน หลีจิบตกอยู่ในศึกกระหนาบต้านทานมิได้แตกกระจายทั้งสองทัพ ทหารซ้องกั๋งไล่ฆ่าฟันทหารฮวนตายหลายร้อยคน ไต้จิน หลีจิบก็ขับม้าพาทหารหนีกลับไปเมืองไต้เหลียว

ฝ่ายฮ่อลิโป๊ขับม้าพาทหารหนีหมายจะวกเข้าเมืองด้านตะวันตก ฮวยหยง ฉินเหม็งซึ่งเป็นกองแล่นเห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้ารบสกัดไว้ ฮ่อลิโป๊ขับม้าเข้าต่อสู้ได้ประมาณสิบเพลงต้านทานไม่ได้ก็ทิ้งทหารหนีจะไปเข้าเมืองทางประตูด้านเหนือ จูตง อึงซิน เจียะย้ง เจียสิวซึ่งเป็นกองขันก็ขับม้าไล่ตาม แต่อึงซินนั้นขับม้ารีบขึ้นไปสกัดหน้า ฮ่อลิโป๊เร่งขับม้าหนีไปโดยกำลังเร็วไม่ทันยั้งพอม้าไปปะทะม้าอึงซิน ๆ จึงเอาง้าวฟันฮ่อลิโป๊ ๆ หลบทันหาถูกไม่ ถูกแต่ม้าคอขาดล้มลงฮ่อลิโป๊ไม่ทันลุกขึ้น จูตง เอียหยง เจียสิวขับม้ามาทันรุมเอาทวนแทงฮ่อลิโป๊ตาย กองทัพซ้องกั๋งพากันกรูเข้าในเมืองไล่ฆ่าฟันผู้คนเป็นอลหม่าน ชาวเมืองฮิวจิวเสียทีเพราะมิได้ป้องกันรักษาเมืองได้ นายทัพนายกองพวกซ้องกั๋งขับทหารหนุนเข้าไปไล่ฆ่าฟันผู้รักษาเมืองและกรมการเมืองฮิวจิวตายทั้งสิ้น ซ้องกั๋งก็ตั้งมั่นอยู่ในเมือง ให้ป่าวร้องอาณาประชาราษฎรที่แตกตื่นไปนั้นให้เข้ามาอยู่ตามภูมิลำเนา แล้วให้ทหารไปแจ้งความแก่โลวจุนหงี ณ เมืองกีจิว

ฝ่ายไต้จิน ซูเข่ง หลีจิบพาทหารรีบหนีมาถึงเมืองไต้เหลียวแล้วก็เข้าไปแจ้งความแก่เอ๋ลุดติดฮุยตามซึ่งเสียทัพและฮ่อลิโป๊ ห้อจี ห้อหุนตายในที่รบนั้นให้ทราบทุกประการ ไต้เหลียวอ๋องได้แจ้งมีความวิตกเสียใจอาลัยถึงทหารทั้งสามนายเป็นอันมาก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ