- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔
ทูล สมเด็จกรมพระนริศ
ขอถวายรายงานฉบับที่ ๓ ว่าด้วยเมืองเชียงใหม่ ได้มาดูคราวนี้หูผึ่งคิดถึงเหลือที่จะคิดถึง บ่นถึงแทบจะไม่เว้นวัน ขอทูลว่าถ้ามีโอกาศเสด็จมาเมื่อใด ประทับอยู่เมืองเชียงใหม่อย่าได้น้อยกว่า ๑๕ วันเปนอันขาด ด้วยที่ๆ น่าดูมีมากกว่ามากนัก เหลือที่จะจดหมายทูลพรรณามาให้หมดได้ จะทูลเฉภาะแต่แห่งเดียวพอให้พระกรรณผึ่ง คือวัดเจดีย์ ๗ ยอด ท่านเคยรับสั่งอยู่ว่าดูรูปปรางค์คล้ายโพธิคยา ขอทูลว่าไม่ใช่แต่คล้ายเท่านั้น เอาอย่างโพธิคยามาทำทีเดียว เปนแต่ลดส่วนปรางค์องค์ใหญ่ให้เตี้ยลง คูหาที่ตั้งพระพุทธรูปและลวดลายทั้งปวงเปนอย่างพุทธคยาหมดทุกสิ่ง ยังได้ความรู้แปลกออกไปอิกสถาน ๑ คือเขาทำคูหาพระพุทธรูปที่ชั้นทักษิณ คูหา ๑ มีบันไดขึ้นในผนังคูหานั้นอย่างวัดสีชุม ขึ้นไปถึงทักษิณชั้นบนซึ่งอยู่หลังคูหาชั้นล่าง ตั้งยอดปรางค์บนนั้น ๕ ยอด ๆ ใหญ่ที่อยู่กลางมีคูหาพระพุทธรูปอิกชั้น ๑ อยู่ในปรางค์ ๆ เล็ก ๔ มุมนั้นเปนปรางค์ทึบ ๒ ปรางค์ เปนช่องบันไดขึ้น ๒ ปรางค์มีมุขน่า ยอดเปนพระเจดีย์กลม ๒ ยอด จึงเรียกว่าเจดีย์ ๗ ยอด ก่อด้วยแลงทั้งสิ้น วัดสีชุมนั้นคงเอาอย่างไปแต่ที่นี่นั่นเอง เปนแต่ทำหลังคาเสีย ไม่ทำปรางค์ข้างบน วัดเจดีย์ ๗ ยอดนี้ ได้ความที่เมืองเชียงใหม่ว่าที่จริงชื่อวัดโพธาราม คือวัดที่พระเจ้าติโลกราชทำสังคยาที่ ๘ นั้นเอง ในหนังสือชินกาลมาลินีกล่าวความว่า พระเจ้าติโลกราชไปพบวัดโพธารามเปนวัดเก่าอยู่ในที่นั้น จึงให้สร้างพระอารามขึ้นใหม่ วัตถุที่ปรากฎอยู่ก็รับรอง ด้วยมีกำแพงและพระเจดีย์ใหญ่น้อยอันก่อด้วยอิฐ ต่อจากบริเวณปรางค์เดิมออกไปกว้างขวางมาก ยังมีสิ่งซึ่งเปนพยานได้พบที่วัดเชียงมั่นอีกสิ่งหนึ่ง คือพระพุทธรูปศิลา เปนพระยืนแกะติดเรือนแก้ว มีตัวอักษรเยธัมมา เปนฝีมืออินเดียแท้แน่นอนองค์ ๑ ทำนองเดียวกับศิลาที่ได้มาจากพุทธคยาอันอยู่ที่ศาลารายวัดพระแก้วองค์ ๑ บัดนี้ เชื่อได้ว่ามีผู้นำแบบอย่างมาสร้างพระเจดีย์ ๗ ยอด มาแต่อินเดียเปนแน่นอน
มาเที่ยวคราวนี้ มาแลเห็นหลักที่จะตัดสินอายุของโบราณที่สร้างในมณฑลนี้ได้อย่าง ๑ คือวัดวาซึ่งสร้างตั้งแต่พุทธศักราช ๑๙๐๐ หรือจุลศักราช ๗๐๐ คิดถอยหลังขึ้นไปสร้างด้วยแลงทั้งนั้น ถ้าสร้างภาพหลังนั้นมาสร้างด้วยอิฐทั้งนั้น ที่ตัดสินได้ดังนี้ด้วยมีพงษาวดารและศิลาจาฤกอยู่มาก ศิลาจาฤกพบเพียงจุลฯ ๗๐๐ เศษ เปนอย่างสูง ๘๐๐ เศษ โดยมากมีอยู่ตามของซึ่งสร้างด้วยอิฐเปนพื้น ความอันนี้น่าจะตัดสินลงไปได้ถึงมณฑลพิศณุโลกและเมืองลพบุรีด้วย ขอถวายไว้ให้ทรงพระดำริห์ไปพลาง.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด