- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ น
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ น
ท่าพระ
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พศ ๒๔๖๔
กราบทูล กรมพระดำรง ทราบฝ่าพระบาท
ขอบพระเดชพระคุณ ที่ทรงพระเมตตาโปรส ประทานรูปตำหนักทองที่วัดไทร กับรอยพระบาทที่สุพรรณอันเปนฝีมือช่างที่พึงชม มีความดีใจเปนล้นเกล้า
ตำหนักทองนั้น ลายฉลักเปนฝีมือครั้งกรุงเก่า ลายเขียนทองที่ฝา เปนฝีมือกรุงเทพฯ ไม่ต่ำลงมากว่ารัชกาลที่ ๓ แลเปนฝีมือชั้นคนที่ดีด้วย ผู้ที่ปฏิสังขรณตำหนักทอง น่าจะเปนผู้มีวาสนา จึ่งเรียกช่างฝีมือดีมาทำได้ ไม่ใช่ความสามารถสมภาร ต้องชมพระญาณฝ่าพระบาท ทรงหยั่งรู้ในทางฝีมือช่างถูกต้องแม่นยำดี อุโบสถนั้นฝีมือจีน ถ้าจะอยู่ยืนยงไปอีกกี่ร้อยปีคนดูก็จะหยั่งรู้ได้โดยง่าย อยู่ข้างจะเสียใจ ของเดี๋ยวนี้มันเปนอย่างนั้นไปเสียหมด เจ๊กเปนเพชรฆาฎอย่างดี
รอยพระบาทที่สุพรรณนั้นแก่มาก รูปมารผจญพระเจ้าดูเปนถัดจากฝีมือขอมมาหน่อยเดียว ฝ่าพระบาทจะทรงสังเกตได้ ช้างแลเครื่องแต่ง มีสัปคับเปนประธาน เหมือนรูปสลักที่พระนครหลวงทีเดียว รูปภาพคนก็ทรงนั้น แต่เปลี่ยนแปลงมาทางสุโขไทย ก็เหนจะเป็นฝีมือรุ่นนั้นเอง รอยพระบาทนั้น ดีวิเศษยิ่ง ไม่เคยพบเคยเหน ที่ตรงทำเส้นรอยเนื้อวนก้นหอย เหมือนรอยเนื้อจิง ๆ สมควรเปนครูได้
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรส
ป.ล. ขอประทานกราบทูลให้ทรงทราบ ว่าได้กลับเข้ามาอยู่บ้านท่าช้างแล้ว ถ้ามีพระประสงค์สิ่งใดก็ให้มหาดเล็กมาที่ท่าช้าง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรส